ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    _облаки_

    ลำดับตอนที่ #13 : EBLIS : Shivas Parcae

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 166
      0
      13 พ.ค. 61

    ใบสมัคร,,

    "เพราะข้าคือเจ้าชายอย่างไรล่ะ"
    รูปตัวละคร } 

    บท } สมาชิกในกิลด์
    ชื่อ-นามสกุล } ชิวาส พาร์เซ | Shivas Parcae
    เพศ } ชาย
    อายุ } 19
    เผ่าพันธุ์ } ผู้วิเศษ (พ่อมดสายเนโครแมนเซอร์)
    หมู่เลือด } B

    อาชีพ } เนโครแมนเซอร์
    ฉายา } Maestro l ผู้บงการความตาย / เจ้าชายแห่งเนโครแมนเซอร์ | Necro Prince
    ลักษณะทางกายภาพ } เด็กหนุ่มวัยรุ่นเจ้าของร่างผอมบางมีกล้ามเพียงเล็กน้อย ผิวสีขาวติดซีดในราวกับไม่เคยต้องแสงแดดและดูเหมือนหนุ่มขี้โรค เส้นผมสีนิลกาลด้านหลังซอยสั้นระต้นคอหยักโศกเล็กน้อยขับให้ผิวพรรณดูซีดลงไปอีก ดวงตาสีมืดสนิทราวกับไร้ก้นบึ้งที่มักจะฉายแววแพรวพราวมีรอยใต้ตาคล้ำอยู่จางๆ ริมฝีปากบางได้รูป ใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นที่ต้องตาต้องใจของสาวเล็กใหญ่บดบังด้วยแว่นกรอบเหลี่ยมสีเข้ม ใบหูบางเจาะใส่จิวหูข้างซ้ายถึงสามรูในขณะที่อีกข้างไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ นิ้วเรียวยาวมีเสน่ห์มักจะแต่งแต้มเล็บสั้นเป็นสีดำสนิทเสมอๆ เด็กหนุ่มมักจะสวมเสื้อแขนยาวขายาวอยู่เป็นนิตย์ด้วยเหตุผลบางประการ...
     
    ประวัติส่วนตัว } ชิวาส พาร์เซ เป็นหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบัน และเป็นหนึ่งในลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแห่งตระกูลพาร์เซ ตระกูลเนโครแมนเซอร์เก่าแก่ประจำอาณาจักรโรซันเดีย เรียกได้ว่า ไม่มีมีใครที่ข้องเกี่ยวกับศาสตร์มืดนี้ไม่รู้จักถึงตระกูลนี้ ชิวาสจึงเป็นเหมือนดั่ง"เจ้าชาย"จริงๆอย่างที่ตัวเองอวดอ้าง เขาถูกฝึกมาเพื่อพร้อมรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลอย่างหนักหน่วงมาตั้งแต่เด็ก การเห็นความตายและการคืนชีพคนตายจึงเป็นงานง่ายสำหรับเขา(ตรงด้านทักษะจะอธิบายในข้อลักษณะการต่อสู้) 
                         แต่ความจริงแล้วตระกูลนี้ยังมีความลับบางอย่างที่คนนอกไม่เคยรู้ และคนในไม่เคยแพร่งพราย นั่นก็คือตัวตนของผู้ที่เป็นผู้นำตระกูลนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น เมื่อใดก็ตามที่ขึ้นสู่การเป็นผู้นำ ซึ่งจะได้รับตำแหน่งก็ต่อเมื่อคนก่อนเสียชีวิต จะได้รับถ่ายถอดวิชาตั้งแต่ต้นตระกูลหรือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "หลอมรวมจิตวิญญาณ" วิญญาณของผู้นำทุกคนจะรวมเป็นหนึ่งในร่างของผู้นำคนปัจจุบัน ซึ่งเขาจะได้รับความทรงจำและความรู้ทุกอย่างของดวงวิญญาณเหล่านั้นมาโดยที่นิสัยยังคงเดิม(แม้จะแปลกไปบ้างจากสิ่งที่ได้รับมา) การหลอมรวมจิตนั้นหากไม่ใช่คนสายเลือดเดียวกันนั้นยากมากที่จะสำเร็จ 99%คือไม่สติฟั่นเฟืองก็เสียชีวิต ตระกูลพาร์เซจึงยึดถือเรื่องของสายเลือดสืบสกุลเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าสิ่งใดและการแต่งงานในเครือญาติไม่ใช่เรื่องแปลก และยังเป็นสาเหตุว่าทำไมคนในตระกูลจึงต้องปกปิดศาสตร์นี้เป็นความลับจากภายนอก 
                        ชิวาสได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลตอนเขาอายุ15หรือก็คือเมื่อ4ปีก่อน(เพราะงั้นถึงเขาจะอายุยังไม่20แต่สิ่งที่อยู่ในหัวเขามันเก่าแก่จนบางทีเจ้าตัวก็รู้สึกแก่ตามไปด้วย) เมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตลงจากโรคหัวใจฉับพลัน ด้วยความเป็นพี่คนโตจึงต้องขึ้นรับตำแหน่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวชิวาสนั้นมีน้องสองคนซึ่งอายุห่างกับเขาประมาณ10ปี น้องสาวคนโตและน้องชายคนเล็ก ชื่อ ชินนากับชิเอล (อายุ10 และ 5 ตามลำดับ) บ้านเขานั้นเป็นบ้านที่อบอุ่นมาก แม่ผู้แสนอ่อนโยนใจดีและรักลูกๆทุกคนปานจะกลืนกิน ชิวาสเป็นเด็กที่ร่างกายอ่อนแอเพราะโรคหัวใจที่ดันได้รับมาจากพ่อ แม้จะมีพลังเวทมหาศาล ทักษะนอกจากศาสตร์เนโครแมนเซอร์แล้วคือการวิ่งเพื่อหลบหนีภยันตราย(ซึ่งเอาจริงๆก็หนีได้ไม่นาน) ส่วนการต่อสู้ระยะประชิดนั้นเข้าขั้นห่วยแตกกันเลยทีเดียว ระหว่างที่เขาฝึกจึงได้รับบาดแผลอยู่บ่อยๆจนเป็นรอยแผลเป็นเล็กน้อยตามตัว แต่สาเหตุที่เจ้าตัวชอบใส่เสื้อปกปิดส่วนต่างๆไม่ใช่เพราะรอยแผลพวกนั้น แต่เป็นรอยสักเต็มแผ่นหลังรูปกระโหลกห้อมล้อมด้วยดอกลิลลี่ที่แม้จะงดงามแต่ก็เป็นเหมือนโซ่ตรวนที่บอกว่าไม่ว่าจะอยู่ไหนเขาก็เป็นคนของพาร์เซ และคนอื่นชอบตั้งคำถามกับเขาด้วยเลยขี้เกียจตอบ
                         เมื่อ2ปีก่อน ชิวาสตัดสินใจออกเดินทางสู่โลกกว้างเพราะอยากเห็นสิ่งต่างๆด้วยตาของตัวเองและใช้ชีวิตอย่างอิสระ แม้จะยังคงทำงานให้กับที่บ้านอยู่เรื่อยๆตามหน้าที่ เขาขอเวลาแม่ไว้ทั้งหมด5ปีแล้วจะกลับไปเป็นผู้นำตระกูลเต็มเวลา จากการเดินทางเข้าได้ยินชื่อเสียงของกิลด์เอบลิสมาโดยตลอด เมื่อหนึ่งปีก่อนเขาเลยได้พบกับหัวหน้ากิลด์เข้าระหว่างที่(หัวหน้า)ทำภารกิจ เขาจึงรู้สึกสนใจจะเข้าร่วมกิลด์(ซึ่งเป็นสัญญาเข้ากิลด์แค่สี่ปี ก่อนจะกลับไปบ้านของเขา)และขอสมัครเข้าร่วมกิลด์ในที่สุด 

    นิสัยโดยละเอียด } ชิวาสเป็นเด็กหนุ่มที่มีนิสัยอันโดดเด่นที่สุดคือ ความหลงตัวเอง และความทะนงตน ด้วยความเก่งกาจในศาสตร์ฟื้นชีพคนตายของเขาทำให้เขาเป็นที่เคารพในหมู่เนโครแมนเซอร์ด้วยกันเอง(และเหตุที่กล่าวไปในประวัติ) แต่ชิวาสไม่ค่อยชมว่าตัวเองอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เขามักจะเอ่ยคำพูดติดปากที่มีความถือตัวอย่าง "เพราะข้าคือเจ้าชายอย่างไรล่ะ" ซึ่งเขาจะถือตัวในสิ่งที่ตัวเองเป็นจริงๆเท่านั้น หากเป็นเรื่องที่เขาอ่อนแอหรือไม่ถนัดเขามักจะยอมรับด้วยการขมุบขมิบพูดด้วยสีหน้ามุ่ยไม่พอใจ เสียทุกครั้งไป และความกล้าที่แม้แต่ความตายก็ทำเขาหวั่นไหวไม่ได้ ไม่ว่าจะของตัวเองหรือคนสนิทก็ตาม เพราะเขาเติบโตหล่อหลอมมาท่ามกลางความตายที่รายล้อมทุกชั่วขณะจิต นอกจากนี้ยังปากคอเราะร้าย มีความกวนประสาทหาใครเปรียบที่พาคนฉุนขาดได้ไม่ยาก พอง้างปากพูดทีไรก็ชวนคนอื่นตีทะเลาะได้เสียเก้าในสิบครั้ง ยังไม่นับกับการที่เจ้าตัวชื่นชอบการเหยียดยิ้มเยาะอยู่เป็นประจำชวนกระตุกเส้นอารมณ์ชาวบ้าน เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มที่นิสัยเสียไม่น้อยหน้าไปกว่าใคร จนหักลบหน้าตาดีๆให้คนไม่อยากเข้าใกล้แทนที่ แต่เห็นแบบนี้กลับเป็นคนที่จริงจังและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่สูง ถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับหากทำภารกิจอะไรไม่สำเร็จ แม้โดยปกติจะมีอาการนอนไม่ค่อยหลับซ้ำยังตื่นง่ายเข้าคู่กับเจ้าตัวอยู่แล้ว เวลาว่างเจ้าตัวจึงมักจะงีบหลับเสมอๆ และสามารถจัดได้ว่านิ่งเป็นหลับ หากขยับจะอยู่ไม่สุข และเวลาทำงานสีหน้ากวนจะเปลี่ยนเป็นจริงจังเรียบเฉย จนหลายคนในกิลด์ชอบแซวว่า "โหมดบ้างาน" 
                             เขาเป็นคนมีเหตุมีผล และด้วยความที่เจ้าตัวไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจหรือใจดี หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าแล้งน้ำใจและเฉยชา ก็ว่าได้ กระทั่งการช่วยเหลือผู้อื่นนอกเหนือจากสิ่งที่ต้องทำก็มักจะต้องมีเหตุผลหรือผลประโยชน์อะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง (แต่ถ้าเป็นภารกิจ เจ้าตัวจะทำตามหน้าที่ไม่เกี่ยงอะไร เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำตามอาชีพ และเจ้าตัวเป็นคนรับผิดชอบมากอย่างที่บอกไป และยกเว้นการช่วยเหลือคนในครอบครัวและคนในกิลด์) ชิวาสไม่ใช่คนใจเย็น ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่คนใจร้อน เรียกว่ากลางๆ จะถูกกว่า หากมีใครมากระตุกหนวดหรือหาเรื่องก็หงุดหงิด หากมีใครชมก็จะอารมณ์ดี แต่จะมีอารมณ์เดียวที่เขาเหมือนขาดหายไปคือ ความเศร้า ด้วยความที่เขาผ่านความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะของตัวเองหรือคนอื่น มันทำให้เขาชินชา ด้านชากับการสูญเสียและความผิดหวัง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจที่คนอื่นมาร้องไห้ฟูมฟาย เขาไม่ได้มองว่ามันไร้สาระ แต่เขาแค่เคยชินกับมันและยอมรับมันได้เท่านั้นเอง
                              หากให้สรุปแล้ว ชิวาสไม่ใช่คนที่อ่านอารมณ์ยาก เวลาอารมณ์ดีเขาก็ยิ้ม เวลาจริงจังก็จริงจัง เวลาหงุดหงิดก็หน้ามุ่ย เว้นเสียแต่เวลาเศร้าที่สีหน้าจะเรียบเฉย แต่ในขณะเดียวกันจากสิ่งที่เขาสั่งสมมาตั้งแต่อดีตของบรรพบุรุษก็ทำให้เขาเข้าใจถึงความซับซ้อนของโลกและอ่านคนออก รู้ผิดชอบชั่วดี รู้จักกาลเทศะ (แต่บางครั้งเขาก็เลือกที่จะไม่ทำตามสิ่งเหล่านั้นเหมือนกัน) และอีกอย่างคือความฉลาดหลักแหลม ที่แม้จะไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด แต่ก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาไม่นิยมการใส่หน้ากาก กลับกัน เขาเกลียดความกลับกลอกหลอกลวงเชื่อถือไม่ได้ด้วยซ้ำ เขามักจะพูดจาด้วยการแทนตัวเองว่า "ข้า" และเรียกคนอื่นด้วยชื่อ เว้นเสียแต่คนที่เขาไม่รู้จักจะเรียกว่า ท่าน

    สิ่งที่ชอบ เกลียด กลัว } 
         ชอบ คำชม และขนมหวาน
         เกลียด คนเสแร้ง คำโกหก
         กลัว -
    ลักษณะการต่อสู้ } หากพูดถึงการต่อสู้แล้ว ชิวาสไม่สามารถใช้พละกำลังของตัวเองต่อสู้ได้ เพราะสมรรถภาพร่างกายของเขานอกจากการวิ่งหนี(?)แล้วนั้นแทบจะเป็นศูนย์อย่างที่บอกไป สิ่งที่เจ้าตัวทำจึงเป็น"การชักใย"คนตาย(ร่าง=โครงกระดูกหรือซากศพ)ให้ขึ้นมาทำตามคำสั่งของตน ไม่ว่าจะสู้ ปกป้องตน หรือกระทั่งแบกตัวเองหนี ใช่ อ่านไม่ผิดหรอกครับ เขารู้ตัวดีว่าร่างกายตัวเองอ่อนแอแค่ไหน เลยใช้ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์สูงสุดแบบนี้นั่นเอง หลักๆ ก็ประมาณนี้ 
                        แต่วิชาของเขาไม่ได้ทำได้แค่เรียกกระดูกหรือซากศพและควบคุมพวกมัน หากพูดถึงศาสตร์ที่ลึกลงไป เขาสามารถเรียกได้กระทั่งวิญญาณคนตายลงมาประทับสื่อ ซึ่งมีเพียงตามอย่างให้เลือกใช้ คือ หุ่นกระบอก ตุ๊กตาหรือศพของเขาเอง แต่ดวงวิญญาณที่เรียกมานี้ หากเป็นการเรียกโดยไม่มีพันธสัญญาใดๆระหว่างกัน (เช่น ชิวาสจะช่วยทำให้เขาหมดห่วง โดยแลกกับการที่อีกฝ่ายมารับใช้เขากี่วันๆว่าไป) จะอยู่ได้เพียง 3 วันเท่านั้น ซึ่ง"การประทับ"ดวงวิญญาณนี้ สื่อจะสามารถขยับได้ตามใจของดวงวิญญาณนั้นโดยที่ชิวาสไม่ต้องคอยควบคุมหรือออกคำสั่ง ก็คือมีจิตสำนึกเป็นของตัวเองนั่นเอง ส่วนมากศาสตร์นี้จะใช้เวลาสืบคดีหรือต้องการรู้อะไรจากคนตาย แต่การประทับนั้นจะมาแต่เพียงอุปนิสัยและความทรงจำ โดยที่เวทมนต์ความสามารถของคนคนนั้นจะไม่ได้มาด้วย 
                        ส่วนอย่างสุดท้ายเป็นศาสตร์ที่ถือว่าอันตรายที่สุดคือ "การปลุกชีพ" คนตาย ภายใต้ข้อจำกัดของสิ่งที่เรียกว่าเวลา การปลุกชีพจะอาศัยชิ้นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายผู้ตาย ไม่ว่าจะแค่เสี้ยวกระดูก ลูกตา  เล็บ ชิ้นส่วนไหนก็ได้ยกเว้นในสภาพของขี้เถ้า โดยผู้ตายจะฟื้นขึ้นมาราวกับมีชีวิตได้อีกครั้ง แต่การฟื้นคืนนี้จะแลกมาด้วยเวลาสองเท่าตัวของผู้ปลุกชีพตามที่ระบุไว้ตอนร่ายเวท เช่น หากปลุกชีพนาย ก ขึ้นมาด้วยระยะเวลาสองปี สิ่งที่เนโครแมนเซอร์ต้องเสียไปคืออายุขัยของตัวเองสี่ปี เป็นต้น แต่"การปลุกชีพ"ไม่ใช่สิ่งที่เนโครแมนเซอร์ทุกคนทำได้ หากไม่ใช่คนในตระกูลที่เคยทำสัญญากับเทพแห่งความตาย(?)หรือร่ายเวทที่ยาวถึงสามหน้าผิดแม้แต่เสียงเดียว สิ่งที่ต้องแลกมาคือความตาย! 
                        ความสามารถของเขาจึงแบ่งได้เป็นสามขั้น ชักใย ประทับวิญญาณ และปลุกชีพ ซึ่งตั้งแต่ชิวาสเกิดมาเขาเคยแตะศาสตร์ของการปลุกชีพแค่ครั้งเดียวคือตอนที่เรียกพ่อเขากลับมาส่งมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้เขาเป็นระยะเวลา สามวัน (เป็นสิ่งที่ผู้นำทุกรุ่นต้องทำเพื่อรับตำแหน่ง) เพราะมันอันตรายและไม่คุ้มเสีย
    เพิ่มเติม } -

    บทสัมภาษณ์ผปค.

    สวัสดีค่า จะถามว่าถ้าไม่ติดจะรับกลับหรือให้ยัดบทให้ดีคะ
    ANS, ขอดูบทที่ยัดก่อนครับ

    ต้องการให้ลูกมีคู่มั้ยคะ?
    ANS, ถ้ามีก็ดีครับคนนี้ อีกใจหนึ่งคือเจ้าตัวออกมาตามหาคู่---

    ขอบคุณที่มาสมัครค่ะ!

    ผมพิมพ์แล้วไม่รู้ตกอะไรไปรึเปล่า สงสัยอะไร อยากให้แก้ตรงไหนก็บอกได้นะครับ รายละเอียดตัวนี้ค่อนข้างเยอะ 5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×