ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Haikyuu!!] Sunbeams แสงตะวัน (ฟิคแปล)

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9: The Specifics of Magic (ข้อจำเพาะของเวทมนต์)

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 62


    Title: Sunbeams แสงตะวัน

    Story: Saturnalius

    Translator: KITDS

     

    Chapter 9: The Specifics of Magic (ข้อจำเพาะของเวทมนต์)

    โชโยคล้ายกับภาพเบลอสีแดงพุ่งตรงไปยังเคย์ มือข้างถนัดง้างไปด้านหลังในขณะที่อีกข้างแบตรงเป็นแนวให้กับหมัดที่จะปล่อยออกไป เคย์ก้าวหลบและโจมตีอย่างง่ายดาย เวทมนต์ที่สร้างปีกเทียมยืดออกไปด้านหน้าเพื่อใช้เส้นสายส่วนหนึ่งพันรอบแขนขาโชโย สีฟ้ากลืนกินแขนขาของเขา เลื้อยขึ้นไปยังส่วนปีกกันไม่ให้มันขยับกระพือ และพันธนาการโชโยโดยสมบูรณ์

    “อะไรกัน? นั่นมันโกงนี่!” โชโยตะโกนอย่างขุ่นเคือง และพยายามดิ้นหลุดจากเวทมนต์ของเคย์

    มันไร้ประโยชน์

    “เจ้าต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ว่าศัตรูจะมีเวทมนต์พันธนาการด้วย ถ้ามีก็ต้องคอยระวัง ทุกคนที่เจ้าเจอจะมีวิธีการใช้เวทมนต์ที่ต่างกันออกไป เจ้าต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกอย่าง” เคย์กล่าวพร้อมปล่อยโชโย “เวทมนต์โจมตีมักจะออกมาจากมือและเท้า การจัดการกับบริเวณพวกนั้นจะทำให้อีกฝ่ายทำอะไรเจ้าไม่ได้เกือบทุกครั้ง”

    “เกือบ?”

    “ทานากะสามารถพ่นไฟได้ถ้าเขาอยาก” เคย์ตอบอย่างง่ายดาย “เพราะงั้นมันเลยหมายความว่ามันอาจมีคนอื่นข้างนอกนั่นที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน พวกเขาอาจจะมีหาง มันเป็นไปได้ที่จะใช้เวทมนต์ผ่านทางหางเหมือนกับทางแขน”

    “เหมือนมัตสึคาวะกับฮานามากิเหรอ?”

    “ถูกต้อง จำทางออกของเวทมนต์ที่เป็นไปได้เอาไว้และจัดการกับพวกมันก่อน”

    “เอ่อ แล้วเกี่ยวกับ...” โชโยทำท่าไปยังปีกเทียมของเคย์

    “มันต้องใช้ความคิดสักหน่อย” เคย์ยื่นแขนข้างซ้ายออกมาและชี้เวทมนต์ที่วิ่งตามข้างขวาเขา “เจ้าสามารถมองทิศทางที่เวทมนต์วิ่งได้ สิ่งที่เจ้าต้องทำคือจัดการกับแหล่งกำเนิดแล้วพวกมันจะหายไป”

    โชโยพยักหน้าเหมือนเข้าใจทุกอย่าง และเคย์ก็รอคำถามที่เลี่ยงไม่ได้

    “แล้วข้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง?”

    เคย์เริ่มอธิบาย พวกเขาเป็นธาตุตรงข้ามกัน แต่แนวคิด ทำให้มันเป็นกลุ่มก้อน ยืดออก และจับมั่น เคย์ให้โชโยฝึกรวมมวลเวทมนต์อยู่กับที่สองสามนาที พอเขาเริ่มคุ้นชิน เคย์พยายามช่วยเขาสร้างส่วนขยายอย่างรอบคอบ

    “เจ้าจะขอให้ทานากะช่วยด้วยก็ได้ เขาควรจะเป็นคนแนะนำที่ดีกว่าข้า” เคย์พึมพำ เขาเกลียดที่จะยอมรับมัน แต่มันคือความจริง “เราควรต่อกับการฝึกของเจ้า”

    เทพสุริยะตั้งท่าต่อสู้ แสงเรืองรองสว่างขึ้นจากที่ทึมลงไป

    “จริงด้วย พร้อมแล้ว!

    คราวนี้ โชโยรอให้เคย์โจมตีก่อน ลูกบอลทรงกลมซึ่งเวทมนต์สีฟ้าหมุนวนภายในพุ่งผ่านอากาศ ลูกหนึ่งโจมตีมายังใบหน้าของโชโย อีกลูกที่ท้องเขา เคย์ไม่ได้หมายจะสร้างบาดแผลอะไร เวทมนต์บทน้สงบ มันเป็นแค่ก้อนแสงพร้อมมนต์แรงดัน แต่มันดูอันตรายจริงๆ

    ด้วยความพยายามที่จะปรับใช้สิ่งที่เรียนมา เส้นสายเวทมนต์สีแดงห่อหุ้มสีฟ้า มันไม่ได้ช่วยอะไรมาก การฝึกวิชาในความสงบต่างจากการใช้เทคนิคนั้นกับสิ่งที่พุ่งผ่านอากาศมา

    สีแดงหายไป และทำให้เวทมนต์สีฟ้าช้าลงไปครู่หนึ่ง

    ปีกของโชโยหุ้มรอบตัวเขาชั่ววินาทีก่อนที่มนต์จะต้องตัวเขา แสงสีฟ้ากระจายหายไปกับขนนกเขา และโชโยแอบส่องออกมาหลังจากสักพัก

    “เป็นยังไงบ้าง?” เขาถาม

    เคย์อยากจะติเขากับการหยุดการต่อสู้ก่อนมันจะเริ่มขึ้นจริงๆ และบอกว่าคู่ต่อสู้ตัวจริงอาจจะใช้จังหวะที่เขาหยุดโจมตีเขาอีกครั้ง

    แต่เขาก็พยักหน้าอยู่ดี โชโยพยายาม และมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

    “เวลาตอบสนองของเจ้าจะทำให้เจ้าถือไพ่เหนือกว่าตอนที่เจ้าต่อสู้จริงๆ”

    ตอน ไม่ใช่ ถ้า

    โชโยกระตือรือร้นชัดเจน เขายิ้มกว้างขณะที่กระพือปีกและพุ่งไปในอากาศ เขากลับลงมาไม่นานหลังจากนั้น

    และ โอ้ มันคงจะดีถ้าได้ฝึกต่อสู้กลางอากาศด้วย การต่อสู้โดยไม่แตะพื้นนั้นต่างไปอย่างสิ้นเชิง มันมีโอกาสบาดเจ็บสูงกว่าจากการเสียสมดุล แต่มันก็มีสิ่งที่ทำได้กลางอากาศที่ไม่สามารถทำบนพื้นได้ เคย์คิดถึงมัน ไม่ว่าเวลาไหน เขาก็เลือกจะสู่กลางอากาศมากกว่าบนภาคพื้น แต่ปีกที่สร้างจากเวทมนต์พวกนี้ไม่มีความสามารถในการบิน แค่เป็นเกราะที่แทบจะไร้พ่ายใกล้เคียงกับปีกของเขาเท่านั้น เพราะการที่เขาเคยชินกับปีกบนหลังมาก เวทมนต์ของเคย์จึงยังขยายไปยังบริเวณที่หายไปเมื่อนานมาแล้ว

    “พร้อมนะ?” เคย์ถาม

    “พร้อมแล้ว!

    เคย์เริ่มด้วยการโจมตีต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเส้นสายของเวทมนต์ที่จับต้องได้ โชโยบินขึ้นสูงและเร็วเพื่อหลบก้อนทรงกลมสีฟ้าพลางรวมมนต์สีขาวไว้ที่มือ เขาใช้เวทมนต์ของตนเองสกัดเคย์ เปลี่ยนก้อนไร้รูปร่างสีขาวเป็นแท่นสองแท่น

    เขาโยนมัน และโยนด้วยความเร็วที่เคย์ไม่คาดคิด

    เคย์ยกมือทั้งสองขึ้น มนต์สีน้ำเงินเข้มรวมตัวกันที่ปลายนิ้วและเขายื่นมือออกไปจนเกือบจะแต่แท่นพวกนั้น พวกมันกระจายออกเป็นบางอย่างที่คล้ายทรายละเอียดไร้อันตรายใด แล้วสร้างละอองบดบัง จากด้านบน โชโยมองไม่เห็นอะไรเลย มุมมองของเคย์เองก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ เขาสร้างก้อนแสงสีฟ้าเล็กๆ โยนห่างไปช่วงหนึ่ง และรอให้โชโยไล่ตามมันไป

    เขาตามไปดังคาด

    เคย์สร้างหมายจะพันธนาการเขาด้วยเวทมนต์อีกครั้ง แต่โชโยสังเกตเห็นมันในวินาทีสุดท้ายและหมุนตัว สายลมจากปีกเขาพัดละอองหายไป เมื่อขอบเขตการมองเห็นไม่มีปัญหาแล้ว พวกเขาก็เริ่มอีกครั้ง

    การต่อสู้ระยะใกล้ดูจะเข้ากับโชโยมากที่สุด เขาพยายามรักษาระยะอยู่ในระยะส่วนตัวของเคย์ และเขาก็ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว

    อย่างน้อยก็จนกระทั่งเคย์ขยับขึ้นไปอีกขั้น

    เวทมนต์สายพุ่งโจมตีของโชโยหายไปด้วยการพึมพำมนต์บทหนึ่ง

    เขาเงยหน้ามองเคย์ด้วยความประหลาดใจและต้องการคำตอบ

    “การยกเลิกมนตรา นี่คือจุดที่ความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธมีประโยชน์ขึ้นมา”

    ดวงตาของโชโยเบิกกว้างและเคย์คิดว่าเขาจะหัวเสีย แต่เขากลับยิ้มและบินขึ้นไปในอากาศพร้อมขยับปีกอย่างตื่นเต้น

    “เจ๋งไปเลย! ข้าไม่เห็นรู้เลยว่าเจ้าทำแบบนั้นได้ด้วย! ฤทธิ์มันจะหมดไปมั้ย? มันทำงานยังไง? ข้าจะได้เวทมนต์กลับมาเมื่อไหร่เหรอ? แล้วมันไปไหน? เจ้าสอนข้าได้มั้ย?”

    เคย์กะพริบตาปริบ พยายามจะประมวลคำถามที่ประดังเข้ามา เมื่อโชโยเท้าแตะพื้นอีกครั้ง เคย์ก็สลายฤทธิ์เวทมนต์ของตัวเองและคลายการควบคุมที่เขามีต่อเวทมนต์ของเทพสุริยะ โชโยลุกโชนเป็นสีแดงก่อนเขาจะสลายเวทมนต์ของตัวเอง ใจจดจ่อกับการมองเวทมนต์แทนที่

    เคย์รู้ว่าดวงตาของอีกฝ่ายจ้องปีกเทียมที่กำลังหายไป รู้ว่าเขาอยากจะถาม ก่อนที่เขาจะมีโอกาส เคย์ก็ตอบคำถามเขา

    “มันเหมือนผนึก” เขาเริ่ม พร้อมหงายมือขึ้น

    กลุ่มก้อนแสงสองก้อน ก้อนหนึ่งสีฟ้าและก้อนหนึ่งสีแดง ก่อตัวขึ้นเหนือแต่ละข้าง ก้อนสีฟ้าจับตัวเป็นเงาของเคย์ และสีแดงเป็นร่างโชโย ร่างจำลองจิ๋วแต่ละตัวระเบิดออกเป็นม่านฟุ้งสีจางแทนถึงเวทมนต์ของพวกเขา

    “นี่คือเจ้าและข้า” เคย์กล่าว “เวทมนต์ของข้าผนึกของเจ้าไว้ กันไม่ให้เจ้าเข้าถึงมัน” เส้นแสงสีฟ้าลอยเหนือสีแดงและห่อหุ้มเป็นชั้นบางๆ ม่านฟุ้งรอบร่างโชโยหายไป แทนที่ด้วยสีฟ้า

    “งั้นเวทมนต์ข้าไม่ได้หายไปจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”

    “ใช่ เจ้าแค่ใช้มันไม่ได้”

    “เจ้าทำแบบนั้นได้นานแค่ไหน?”

    “ขึ้นกับว่าคู่ต่อสู้มีพลังมากแค่ไหน ยิ่งมีปริมาณเวทมนต์มากเท่าไหร่ ข้าก็ต้องใช้พลังงานและตั้งใจมากเท่านั้น ถ้ากับคนแบบเจ้าหรือโกชิกิ ข้าสามารถยกเลิกมนตราเจ้าได้นานเท่าที่ต้องการ กับทานากะอาจจะต้องใช้พลังงานนมากหน่อย และข้าคงจะยกเลิกของคนแบบสึกาวาระหรืออิวาอิซึมิได้แค่ไม่กี่วินาที แต่ไม่กี่วินาทีนั้นก็มีประโยชน์มากในการต่อสู้”

    “ว้าว! มันเจ๋งมากเลย!

    เคย์พบว่าตัวเองยิ้มกริ่มกับความกระตือรือร้นของโชโย

    “แล้ว เจ้าทำได้ยังไงน่ะ? เจ้าสอนข้าได้มั้ย?”

    “ข้าลองสอนได้ มันไม่ใช่อะไรที่ทุกคนจะทำได้”

    “ข้าไม่สนหรอก! ข้าก็ยังอยากจะลองอยู่ดี!

    .............................................

    สักพักหลังจากนั้น โชโยก็ถูกเรียกตัวกลับไป ขณะที่เพิ่งจับความเข้าใจเกี่ยวกับการยกเลิกเวทมนต์ได้ เป็นการเรียกตัวอีกครั้งผ่านแผ่นเหล็กที่เขาเก็บไว้ในกระเป๋า

    “ขอบคุณนะ” เขาบอก

    เคย์เตรียมคำตอบไว้พร้อมแล้ว แต่เขาก็ลืมไปกะทันหันเมื่อโชโยบินเข้ามาหาเขา ในชั่ววินาที เคย์ก็รู้ตัวว่าขาของโชโยกอดรัดรอบเอวเขา และแรงอึดอัดช่วงลำคอมาจากแขนของโชโย นั่นหมายความว่าสีส้มเบลอในครรลองสายตาเขาคือผมของโชโย

    นี่คือการกอด

    เคย์กอดและลูบหลังโชโยตอบอย่างลังเลเก้ๆ กังๆ

    โชโยเอนตัวไปด้านหลังนิดหน่อย และเคย์ก็ยกมือขึ้นคล้องเอวโชโยตามสัญชาตญาณกันเขาร่วง แม้มันจะไร้ประโยชน์ก็ตาม

    “หน้าเจ้าแดงไปหมดเลย” โชโยหัวเราะคิกคัก

    เคย์ปล่อยมือทันที เขามองสีหน้าตกใจของโชโย ก่อนปีกของเขาจะรับรู้คำสั่งและขยับบินเพื่อพยุงตัวเขาไว้

    “เงียบเลย” เคย์พึมพำ

    โชโยเพียงหัวเราะร่าก่อนจะบินจากไป

    เคย์หันหลังกลับ เตรียมกลับเข้าด้านใน แต่ก็พบยามากุจิยืนพิงกำแพงด้วยรอยยิ้มสว่างไสว

    “ยามากุจิ-”

    “ดีใจนะที่เห็นเจ้ามีความสุข” ยามากุจิเอ่ยขึ้น

    “เจ้าพูดเรื่องอะไร?” เคย์เดินออกไปยังริมผา และยามากุจิก็ตามไป

    “เจ้ายิ้มบ่อยขึ้นเวลาอยู่กับเขา”

    เคย์สกัดกั้นคำพูดเถียงกลับ เขารู้ว่ายามากุจิถูกแล้ว

    ยามากุจิเองก็รู้เหมือนกัน

    “แล้ว สอนเวทมนต์เหรอ?”

    “ข้าสอนพื้นฐานเขา ทานากะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า จากธาตุแล้ว”

    “อย่าแสร้งทำเหมือนเจ้าไม่สนุกกับมันสิ” ยามากุจิบอก เขายังคงยิ้ม

    “ข้าเปล่าเสแสร้ง”

    เสียงหัวเราะหลุดออกมาอีกครั้ง และเคย์ก็เบือนหน้าหนีเพื่อปิดบังแก้มแดงระเรื่อที่ไม่ยอมจาง

    “มันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนี่ จริงๆ นะ” สักพักยามากุจิก็เอ่ยขึ้น “ยังไงก็ตาม สึกาวาระให้ข้ามาบอกให้เจ้ารู้ว่าเราเริ่มเตรียมพร้อมพิธีแต่งตั้งของฮินาตะแล้ว คุโร่กำลังสะสางงานค้างบางอย่างอยู่ มันเลยใช้เวลานานกว่าปกติสักหน่อย”

    “งานค้าง?” ความร้อนผ่าวบนใบหน้าหายไปจากแก้มเขา

    “เขาพูดถึงมันในการประชุม? ตัวเลขมันไม่เท่ากัน มันแค่ความผิดปกตินิดหน่อย แต่เจ้าก็รู้ว่าเขาเป็นยังไง”

    โอ้ เคย์เพิ่งนึกออก บางทีเขาก็ลืมไปว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ถึงเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นของเทพองค์อื่น คุโร่จัดเก็บทุกความตายที่เกิดขึ้นในโลกของพวกเขา ถ้าเขาได้จำนวนที่ไม่ตรงกับข้อมูลที่เขาได้รับ แน่นอนว่ามันต้องทำให้เขากังวล

    “ข้าเชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เคย์กล่าว

    ยามากุจิถอนหายใจ

    “เจ้ารู้ว่าทำไมสินะ?” เขาถามไม่นานหลังจากนั้น เขาไม่ได้ฟังดูกล่าวหา แต่ติดเหนื่อยเหมือนคาดเดาได้

    “ถึงข้ารู้ ข้าก็บอกเจ้าไม่ได้” เคย์เบื่อเรื่องนี้ เบื่อทุกสิ่งอย่าง แต่มันไม่ใช่ว่าเขามีทางเลือก

    “เจ้าจำการต่อสู้หนึ่งห่างไกลออกไปทางเหนือได้หรือเปล่า กองกำลังที่ตั้งใจจะลอบเข้าวังน่ะ?” เสียงยามากุจิเบา แต่ไม่ได้เสียงอ่อนแม้แต่น้อย เขาฟังดูห่างเหิน เขากำลังนึกถึงอดีต การต่อสู้ทางเหนือมันไม่ใช่การเดินทางที่ง่ายเลย

    “เจ้าต้องการจะพูดอะไร ทาดาชิ?”

    มันเป็นเรื่องหลังจากที่พวกเขาแยกจากซาเอโกะ คาเงยามะติดพันกับสัตย์ร้าย ศัตรูที่ตัวใหญ่กว่าเขาถึงสิบสองเท่า ยามากุจิกับเคย์เลยถูกทิ้งให้จัดการคู่ต่อสู้ขนาดเล็กหลายโหลด้วยตัวพวกเขาเอง หนทางเดียวที่จะชนะในวันนั้นคือใช้ไพ่ตายใบเก่งของยามากุจิ เทพองค์อื่นมักจะดูถูกยามากุจิ เป็นแบบนั้นมาตลอด

    ในฐานะเทพหมู่ดาว ยามากุจิมีความสามารถควบคุมสัตว์ร้ายและผู้กล้าที่เขาทำให้เป็นอมตะท่ามกลางกลุ่มดาว ซึ่งบางส่วนค่อนข้างมีชื่อจากการเป็นนักสู้กระหายเลือด มันเป็นเหมือนการรวมสติสัมปชัญญะเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ถึงบางทีคำว่าสิงสู่อาจจะเหมาะกว่า พลังเขาขยายตัวจนประเมินไม่ได้ขณะที่ร่างเขาห่อหุ้มด้วยแสงดาว เขากลายเป็นจุดศูนย์กลางของร่างหมู่ดาวที่ปรากฏเป็นเค้าโครงจางๆ แต่จับต้องได้และอันตราย แต่น่าเสียดายที่ยามากุจิสละการควบคุมไปจนถึงขีดสุด เขาเลยไม่สามารถปิดความสามารถนั้นได้ด้วยตัวเอง การอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวเป็นเวลานานไม่ได้สร้างความเสียหายหนักหนาอะไรกับยามากุจิ แต่เมื่อศัตรูตรงหน้าถูกจัดการแล้ว สัตว์ร้ายจะเพ่งเป้าไปยังร่างที่ยังมีชีวิตอื่น

    นั่นคือจังหวะที่การยกเลิกเวทมนต์ของเคย์มีประโยชน์

    “ข้าไว้ใจเจ้าพอจะให้คอยดูไม่ให้ข้าสังหารคนที่เราห่วงใย ข้ารู้ด้วยว่าเจ้าบอกข้าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะถูกผูกมัดด้วยกุญแจพวกนั้น แต่อย่างน้อย เจ้าช่วยเชื่อใจข้า และไม่โกหกซึ่งๆ หน้ากันจะได้มั้ย?”

    “ยามากุจิ นั่นไม่ใช่-“

    “ข้าไม่ได้ต้องการรายละเอียด แต่กับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับตัวเลขของคุโร่- ไดจิเอาแต่เข้าออกไม่เป็นเวลา ยาฮาบะก็กระโดดข้ามมิติไปมาไม่หยุด อากาอาชิสร้างห้วงเวลาที่แตกต่างกันไม่รู้กี่ช่วง และสึกะก็เร่งที่จะแต่งตั้งฮินาตะ... แค่บอกข้าที เราต้องกังวลอะไรมั้ย เคย์?”

    นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่อยากจะอยู่เลย แต่ดวงตาของยามากุจินั้นเจิดจรัสจนยากจะมอง และดวงดาวของเขาก็เริ่มกลายเป็นสีแดง หมู่ดาวบางกลุ่มเริ่มหมุนวน บางกลุ่มที่อารมณ์ร้ายกว่ากลุ่มอื่น กลุ่มที่เคย์ค่อนข้างดีใจที่ไม่อยู่แล้ว

    เคย์ไม่สามารถบอกเขาเกี่ยวกับการเดินทางไปขอบนอกของไดจิ และว่าทำไมมันถึงส่งผลกระทบตัวตัวเลขของคุโร่ได้ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมอากาอาชิถึงสร้างห้วงเวลาขึ้นมามากมาย หรือสถานที่ที่ยาฮาบะไป

    หรือการที่โชโยได้กลายเป็นเทพเต็มตัวจะก่อให้เกิดอะไร

    “ข้าไม่รู้” เคย์พูดขึ้นในที่สุด เสียงแตกพร่าขณะที่เขาซุกหน้าลงกับมือ “ข้าไม่- ข้าไม่รู้... บางที- หรือ- ข้าไม่รู้ ทาดาชิ”

    เขาไม่ได้มีนิสัยชอบร้องไห้ มันไม่ใช่อะไรที่เขาชอบทำ แต่เคย์สัมผัสได้ว่าน้ำตาแห่งความอึดอัดร้อนผ่าว เอ่อล้นเกือบไหลอาบแก้มเขา

    เขาเกลียด เกลียดอาการสำลักแสนเจ็บปวดที่มาพร้อมกับการพูดอะไรก็ตามที่เกี่ยวพันของความลับ เกลียดการที่ต้องโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกลียดกุญแจที่เขาทุ่มเทกับมันไปมากมาย เขาเกลียดอำนาจที่เขาสืบทอดมา และอำนาจที่เขามีมาตลอด เขาเกลียดตำแหน่งของเขา

    ยิ่งไปกว่านั้น เขาเกลียดการที่เขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย

    “ข้าขอโทษ” ยามากุจิกระซิบ เขาขยับเข้ามาใกล้และดึงเคย์ไปกอดแน่น “ข้าขอโทษ”

    เคย์ส่ายหัว เขาสูดหายใจเข้าลึกและปาดน้ำตาที่ยังตลอดเบ้า เขานั่งตัวตรงแต่ไม่ได้สะบัดแขนของยามากุจิออก

    “ไม่ ไม่ต้องขอโทษ” เขายกมือขึ้นมาปาดหน้า ยามากุจิคลายมือออก แต่ข้างหนึ่งยังคงวางพาดบนไหล่เคย์อยู่

    เคย์รวบรวมสติและหายใจเข้าลึกอีกครั้ง

    “มีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น” เขากล่าวเสียงเรียบ “และ ความสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือ ทุกอย่างจะเปิดเผย และยังบอกไม่ได้ว่าเราต้องกังวลมั้ย”

    ในลำคอแน่นขนัด แต่เขาไม่ได้สำลัก เพราะงั้นมันไม่เป็นไร

    ก่อนที่เขาจะตกอยู่ในสภาพไม่น่ามอง เคย์ดันตัวเองขึ้นยืน และพายามากุจิลุกกับเขาด้วย

    “ข้าจะไปที่ห้องทำงานนะ” เขากล่าว ใจส่วนหนึ่งเขาอยากอยู่ข้างนอก แต่มันยังมีสิ่งที่ต้องทำ กุญแจที่ต้องสร้าง

    มันเป็นคำเชิญที่ไม่บังคับอะไร แต่ก็เป็นคำเชิญที่เขาหวังให้ยามากุจิรับ คล้ายกับโชโย ยามากุจิมักจะชอบมาดูเขาทำงานเสมอ เมื่อครั้งพวกเขายังเด็กที่พลังเวทมนต์เพิ่งปรากฏ พวกเขาจะฝึกด้วยกันกับอากิเทรุ เช่นเดียวกับโออิคาวะและอาโอเนะ ยามากุจิเคยพูดว่าเวลาที่เขาเห็นเคย์ดูมีความสุขจริงๆ มีเพียงแค่ตอนที่เขามีเวทมนต์รวมอยู่ที่ปลายนิ้วเท่านั้น

    ยามากุจิยิ้ม

    “ข้าคิดว่าข้าพอมีเวลาว่างอยู่”

    TBC…

     

    ll TALK WITH TRANSLATOR ll

    สวัสดีครับผม พาร์ทครับ

    วันนี้ก็มาอีก 10 หน้าเอสี่จัดหนักจัดเต็มอีกเช่นเคย เรื่องนี้นี่แต่ละตอนชักยาวขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะครับ ยาวกว่าเวลาผมแต่งนิยายแต่ละตอนอีก 5555

    ก็หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับบ ส่วนเรื่องตัวละคร ตอนนี้ขอติดไว้ก่อน ผมกำลังนั่งไล่ๆ อยู่ว่ามีชื่อใครโผล่มาในเรื่องนี้แล้วบ้าง และแต่ละคนมีหน้าที่อะไร แต่ใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะครับ เพราะงั้นรอกันหน่อยนะครับ ^ ^

    ความจริงเคยมีคนพูดถึงเรื่องการทำแท็กทวิตขึ้นมา มันมีสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่ได้ทำแท็กทวิต เพราะว่างานนี้มันไม่ใช่งานของผมครับ ถ้าพอมาคิดๆดูแล้ว เวิ่นมาแล้วเดี๋ยวผมแปลให้คนแต่งเขาอีกทีหนึ่งก็ได้นี่นา เพราะงั้นแท็กสำหรับเรื่องนี้ คือ #hqbeams นะครับ

    หรือใครจะไปคุยเล่น(?)กับผมที่หน้าทวิตก็ได้เช่นกันนะครับ ทางนี้เลย >> kitds_part

    ไว้พบกันใหม่ตอนหน้านะครับผม!

    ด้วยรัก

    พาร์ท

    Killer in the Dark Shadow

    double_B
    charset="utf-8"> charset="utf-8">
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×