ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Haikyuu!!] Sunbeams แสงตะวัน (ฟิคแปล)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7: Musings (รำพึงรำพัน)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.พ. 62


    Title: Sunbeams แสงตะวัน

    Story: Saturnalius

    Translator: KITDS

     

    Chapter 7: Musings (รำพึงรำพัน)

    *ในตอนนี้มีกล่าวถึงฉากรุนแรง (เลือดและกระดูก) ในความทรงจำเล็กน้อย

    เคยรู้ว่าคาเงยามะยังไม่ได้บอกสึกาวาระเกี่ยวกับถ้ำ เคย์เป็นหนึ่งในคนโชคดีที่สามารถมาหาได้โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า แต่สึกาวาระก็ไม่ค่อยเข้มงวดกับข้อปฏิบัติพวกนั้นอยู่แล้ว และการมาเยือนของเคย์ก็มักจะถูกให้ความสำคัญก่อนคนอื่นๆ มันเป็นสิทธิพิเศษที่มากับอำนาจหนึ่งของเขา

    ห้องทำงานส่วนตัวของสึกาวาระยังคงเป็นอะไรที่ตระการตา เคย์เห็นมันบ่อยครั้งจนน่าจะสามารถสร้างเลียนแบบขึ้นมาได้อีกหนึ่งห้องถึงแม้ว่ามันจะมีของที่ต่างออกไปเล็กน้อยทุกครั้งที่เขามาก็ตาม

    เพดานสูงแต่งเติมด้วยแสงนับล้านและเครื่องรางห้อยต้องแต่ง นกกระดาษทำรังอยู่ตามเสาค้ำ ทั้งอีกา นกฮูกและหงส์ สึกาวาระสร้างและลงอาคมพวกมันให้เป็นผู้ส่งสาร เมื่อพวกมันว่างก็จะอยู่ในห้องทำงานของสึกาวาระ

    ชั้นหนังสือเรียงรางตามกำแพงห้อง แน่นขนัดไปด้วยบันทึกซึ่งเรียงมั่วซั่ว ที่คั่นหนังสือริบบิ้นและตราลงมนต์ ของตกแต่งเก่าๆ และจดหมายพิเศษแต่งเติมสีสันในบริเวณที่จืดชืด ชั้นหนังสือชั้นหนึ่งเป็นที่ตั้งของของสะสมมหาศาลที่ประกอบไปด้วยมนุษย์กิ่งไม้กึ่งต้องมนต์ ดอกไม้เรืองแสง ลูกแก้วทรงกลมที่ลอยสั่นไหวไปมา และกระดาษซีดจางที่มีรูปภาพเคลื่อนไหวได้ สึกาวาระเป็นคนชอบรำลึกถึงความหลัง เขาเก็บทุกอย่างที่ได้รับมาไว้ทั้งหมด เคย์บอกได้ว่าอันไหนคือพระจันทร์ดวงแรกที่เขาสร้าง มันเป็นเพียงก้อนทรงกลมรีที่ถูกเสกให้เรืองแสงและดึงสิ่งเล็กๆ เข้ามาในสนามแรงโน้มถ่วงอ่อนๆ เขาภูมิใจในตอนที่เขาแสดงมันให้สึกาวาระดู  ภูมิใจมากจนไปสร้างอีกดวงมาให้อากิเทรุ และอีกดวงในอุไค

    โอ้ เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

    “เคย์ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกเร็วขนาดนี้” สึกาวาระกล่าว เขาเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะที่ตั้งอยู่ใจกลางห้อง มันเต็มไปด้วยแสงที่ไหลไปมา ขยับเพื่อมเหมือนจังหวะหัวใจดวงเล็กนับล้านล้านดวงต่างสีกันออกไป พวกมันหมุนวนเป็นกลุ่มก้อน เป็นโลก บางส่วนพุ่งขึ้นมาและจางหายไปเป็นประกายระยิบระยับ ในขณะที่ส่วนอื่นตกดิ่งเคลื่อนไหวไปมา

    และสึกาวาระยืนอยู่ตรงนั้น ลากนิ้วผ่านกองแสงสีชมพู พาพวกมันไปยังกลุ่มแสงอีกอันซึ่งเป็นสีฟ้า

    “ข้ามาคืนคำอวยพรของเจ้า และมาบอกให้รู้ล่วงหน้าว่าคาเงยามะไม่ก็โคซึเมะจะมาแจ้งเรื่องของถ้ำแห่งหนึ่ง” เคย์ล้วงเอาถุงที่ใส่คำอวยพรของสึกาวาระออกมาจากกระเป๋าและโยนมันเบาๆ ในอากาศ มันลอยข้ามห้องไปวางบนชั้น ตามตำแหน่งโดยไม่มีการเคลื่อนไหวชี้นำจากสึกาวาระ

    “ถ้ำใต้ทะเลนี้สำคัญยังไง?” สึกาวาระถามและหันมาทางเคย์ ขัยบเข้ามาจนอยู่ขอบโต๊ะซึ่งห่างเพียงช่วงแขน

    “มันไม่ได้สำคัญอะไร แต่พวกเขาเชื่อแบบนั้น ที่ถ้ำมีสายแร่จากสงคราม องค์ประกอบในธาตุพวกนั้นบ่งบอกถึงตัวตนของข้า แต่ข้าไม่อยากให้พวกเขารู้ถึงเรื่องนั้น คาเงยามะเชื่อว่ามันมีการต่อสู้ลับๆ เกิดขึ้นจากแร่ปริมาณมากที่นั่น”

    “เข้าใจแล้ว ข้าจะไม่พูดอะไร ข้ามั่นใจว่าข้าคงคิดอะไรสักอย่างออก”

    มันเป็นความต้องการส่วนตัว ไม่ใช่อะไรอื่น ถ้าพวกเขารู้ มันหมายถึงคำถาม และคำถามก็หมายถึงเป็นที่สนใจ มันไม่ใช่เพื่อเคย์คนเดียวเท่านั้น ถ้าคนอื่นรู้เข้าว่าทำไมเขาถึงไปอยู่เหนือน่านน้ำในวันนั้น มันจะเปิดเผยความลับที่เคย์สาบานว่าจะปกปิดไว้

    ความลับที่แม้แต่สึกาวาระเองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงร้อยเปอร์เซ็นต์

    “ขอบคุณ”

    เคย์เดินไปทางประตูครึ่งทาง ก่อนเสียงของสึกาวาระจะหยุดเขาไว้

    “แล้วเรื่องผนึกล่ะ?” เขาถาม “เป็นยังไงบ้าง?”

    “ทุกอย่างปกติดี มันแค่ผนึกเดียว ข้าซ่อมมันแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร”

    สึกาวาระพยักหน้า มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาบริเวณอก

    “แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง? เขาดูกังวลใจอะไรรึเปล่า?”

    “ไม่ เขาดูสบายดี คุนิมิกล่อมให้เขาอยู่ในความมืดจะได้ไม่มีอะไรมากวนใจ”

    “อ่า จริงด้วย เอ่อ ขอบคุณ”

    สึกาวาระหันหลังให้ และนั่นเป็นคำเชิญออกของเคย์

    เขาได้ยินทุกเสียงในวัง และกำแพงก็ส่งทุกเสียงมาถึงเขา ไม่ว่าจะเพราะกวนเขาหรือเพราะคิดจะช่วยเหลือ

    เคย์ไม่รู้แน่ชัด

    ยาจิอยู่ในสวนกับคิโยโกะ นิมฟ์สาวหัวเราะคิกคัก ขณะที่คิโยโกะเสกให้ดอกไม้บนผิวเธอเปลี่ยนสี อาซาฮีเองก็อยู่ด้วย เขานอนหนุนตักยาจิขณะที่เธอถักมงกุฎดอกเดซี่เข้ากับเส้นผมเขา

    ทานากะอยู่ในห้องทำงานของเคียวทานิ พูดจ้ออยู่ฝ่ายเดียวในขณะที่อีกคนนั่งอยู่บนเครื่องทอผ้า กำแพงกระซิบบอกว่าเคียวทานิกำลังสร้างผ้าแขวนเกี่ยวกับสงคราม ราวกับมันเป็นทางหนึ่งที่จะต่อกรกับความผิดพลาดที่ตัวเองได้ทำขึ้นในตอนนั้น ทานากะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เคียวทานิยิ้ม และนั่นเป็นเรื่องที่หายาก

    กำแพงนำเสียงของหอสังเกตการณ์ของอากาอาชิมาถึงเขา โบคุโตะอยู่กับเขา อากาอาชิสอนบทเพลงเก่าแก่ในภาษาที่ตายไปแล้ว และโบคุโตะก็ร้องเพลงตอบอย่างชัดถ้อยคำ

    เคย์ยกมือเป็นเชิงลาเมื่อเขาเดินผ่านประตูของโมนิวะ

    พระอาทิตย์เริ่มจะตกดิน ถ้าเขาอยาก เขาสามารถเงยขึ้นไปและเห็นโชโยบินข้ามผ่านฟากฟ้า

    และเขาก็อยากทำแบบนั้น แต่เขาไม่ทำ

    เขาเพียงแค่เดินต่อไป

    เมื่อเขาถึงบ้าน เขามองไม่เห็นสัญลักษณ์ของยามากุจิ เคย์เลยนั่งลงด้านนอกและเงยหน้าขึ้น

    มันมีอะไรอยู่ในหัวเขามากเกินไป เกี่ยวกับถ้ำใต้ทะเล ความลับจากสงคราม คุก และการโกหกซึ่งหน้าทุกคนเกือบทุกขณะจิต เขาขอเพียงได้พักเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาบินได้ หายไปท่ามกลางหมู่เมฆและร่อนบินจนจิตใจสงบ การบินไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมายคือที่สุด ไม่มีแบบแผน ไม่มีปลายทาง มีเพียงแค่เสียงกระพือปีกของเขา เพียงแค่เคย์

    เขาคิดถึงช่วงเวลานั้น

    แค่เพียงเพราะความลับกลายเป็นกุญแจไม่ได้หมายความว่าเคย์ลืมมัน เพื่อนเขาบางส่วนปล่อยให้ความทรงจำพวกนั้นจางไป พวกเขามีเวลาทั้งชีวิตอยู่ในสมอง ความจำของการเกิด ของสงครามและงานเลี้ยงฉลอง การประชุมและวันสบายๆ มีเพียงผู้ถูกเลือกไม่กี่คนที่มีความจำสมบูรณ์แบบ เคย์เป็นหนึ่งในนั้น คุโรโอะกับสึกาวาระเองก็ด้วย และรวมถึงอากาอาชิ

    แต่พวกเขาก็จำทุกส่วนของสงครามได้

    ฝันร้ายของยามากุจิเป็นเพียงเสี้ยวความทรงจำ ภาพครู่หนึ่งของเลือดที่สาดกระเซ็นหรืออาวุธที่ฟันแสกเข้าร่าง ความทรงจำพวกนั้นยุ่งเหยิงอยู่เพียงชั่วหนึ่ง แล้วยามากุจิก็กลับเป็นยามากุจิอีกครั้ง

    ไดจิใช้เวลาช่วงหนึ่งกับสัมผัสหลอนของเลือดที่อาบย้อมผิว เขามองเห็นร่างนับไม่ถ้วนของคนไข้ของเขาที่นอนอยู่ในห้องพยาบาลของวัง เห็นใบหน้าเพื่อนๆ ของเขาที่ค่อยๆ คืนสีเลือดเมื่อพวกเขากลับมา ก่อนจะจำทุกคนที่เขาช่วยไว้ไม่ได้ทั้งหมด

    นิชิโนยะและแนวป้องกันคนอื่นๆ ภาคภูมิใจที่พวกเขาสามารถปกป้องวังจากการโจมตีได้ แต่เคย์รู้ว่าพวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถทำได้มากกว่านั้น พวกเขาสามารถสู้ได้ พวกเขาติดแหง็กเพราะต้องคอยปกป้องวัง แต่พวกเขาปกป้องเพื่อนพ้องไว้ไม่ได้

    ยาฮาบะจมอยู่กับความรู้สึกผิด คุนิมิจมอยู่กับคำแก้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นถูกต้อง ยาจิไม่ได้มีส่วนร่วมในสงคราม แต่อำนาจที่เธอได้รับมาก็ย้ำเตือนถึงสิ่งที่เธอได้สูญเสียไป อาคาอาชินั้นบาดเจ็บจนเสียร่างกายไปส่วนหนึ่งไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ โคซึเมะเฝ้ามองการฆ่าล้างบาง และทานากะก็เสียสติจนหลายคนกลัวเขาจากใจจริง

    เคย์จำทุกอย่างได้กระจ่างชัด เขาจำได้ว่าเขากำลังบิน ตอนนั้นเขาถูกแยกจากคนอื่นๆ เลือดแห้งกรังอยู่บนขนนกของเขา และซึมเข้าสู่ผิว เขาอ่อนล้าและเพิ่งได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ และเขาคิดถึงแต่เพียงวิธีการที่โซ่เขาตัดผ่านผิวหนังและเสียงของกระดูกที่ลั่นกรอบแกรบ เขาจำได้ถึงแรงที่กระแทกมาจากด้านนบน จำได้ว่าเขาร่วงลงมาระยะหนึ่งก่อนจะพยุงตัวเอง โซ่ขยับไหวพร้อมสู้

    เขาจำความรู้สึกตอนที่ปีกเขาถูกกระชากออกจากแผ่นหลังได้อย่างชัดเจน เขารู้สึกถึงกระดูกที่แตกหัก และเลือดที่ไหลอาบหลัง จำได้เหมือนกลับไปช่วงเวลานั้นอีกครั้ง ตอนที่เขาร่วงจากฟ้า ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้

    เคย์กะพริบตาเชื่องช้าเหมือนการทำแบบนั้นจะลบภาพไปจากสมองเขา และความเจ็บหลอนจากแผ่นหลังเขา

    ความลับที่เขาเก็บงำไว้มันทำให้เขาจำความเจ็บปวดของคนอื่นได้ด้วยเช่นกัน

    เคย์เอนตัวลงนอน ดวงตามองเรื่อยจากดาวหนึ่งไปสู่อีกดวง

    เขาพร้อมจะหลับในอีกไม่กี่นาที ดวงตากะพริบปรือจะปิด และเคย์ก็ไม่สนใจว่าตัวเองอยู่ข้างนอก

    “มันสวยมากจนบางทีข้าก็ไม่อยากจะเชื่อ”

    เสียงของโชโยดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ และเคย์ก็ตื่นขึ้นเต็มตา การลุกขึ้นนั่งใช้ความพยายามมากกว่าหน่อย แต่เขาก็ดันตัวเองขึ้นนั่งดีๆ ในที่สุด

    “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เขาถาม

    “แค่อยากจะแวะมาน่ะ”

    เคย์ส่งเสียงในลำคอตอบรับแล้วทุกอย่างก็ตกสู่ความเงียบ โชโยยังคงสนใจพระจันทร์ ดวงโปรดของเคย์ ดวงเดียวกับครั้งที่โชโยมาที่นี่ครั้งแรก

    “ข้าขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?” เสียงของโชโยนุ่มนวล ปราศจากพลังงานเหมือนทุกครั้ง มันเกือบจะฟังดูจริงจัง

    “ว่ามา” เคย์ไม่รู้ว่าโชโยอยากจะถามอะไรเขา แต่บางอย่างบอกว่าอีกฝ่ายพยายามจะถามคนอื่นๆ มาแล้ว เวลาสงสัยอะไร เคย์เป็นหนึ่งคนที่ควรมาถามเพื่อหาข้อมูล แต่ปัญหาคือเขาไม่สามารถบอกอะไรได้

    “สงครามมันเป็นยังไงอย่างงั้นหรอ?”

    ดวงตาของเคย์เบิกกว้างขึ้นมาเล็กน้อย

    “ข้าพยายามถามโทบิโอะ แต่เขาก็ไม่ยอมตอบตรงๆ”

    “เจ้าจะอยากรู้ไปทำไม?”

    ถ้าเคย์สามารถกำจัดเรื่องของสงครามไปจากความทรงจำของเขาได้ เขาเชื่อมั่นว่าเขาจะเลือกทางนั้นแทนที่ที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้

    “ความฝัน” โชโยกล่าวหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง “ข้าเห็นเศษเสี้ยวของมัน ข้าแค่อยากจะรู้”

    เคย์สูดหายใจเข้าลึกและชันเข่าขึ้น และเท้าแขนทั้งสองบนเข่า บางส่วนในตัวเขารู้สึกโชคดี บางคน เหมือนอย่างโชโยและยาจินั้นต่างออกไปจากพวกเขา ยาจิเป็นนิมฟ์ป่าที่แกร่งกว่าทั่วไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะสืบทอดอำนาจของซาเอโกะมา โชโยเป็นอวตารของสุริยเทพองค์ใหม่ ส่วนองค์เก่าตายไปช่วงหลังของสงคราม และโชโยก็เพิ่งปรากฏตัวขึ้นไม่นาน บางทีมันก็เร็ว แต่บางครั้งมันก็ช้าอย่างน่าเจ็บปวด

    อำนาจของอากิเทรุไม่มีผู้สืบทอด และไม่มีเทพองค์ใหม่ถือกกำเนิดขึ้นมาแทนที่

    เคย์รู้สึกขอบคุณกับเรื่องนั้นมาก

    “ข้าบอกอะไรมากไม่ได้” เคย์กล่าวขึ้นในที่สุด “แต่ พื้นเพแล้ว สงครามนั้นโหดร้าย ความเสียหายมันไม่ได้หนักหนาเท่าที่เราคิด แต่มันก็มากเกินไป มันไม่มีเกียรติยศอะไร ตอนนั้นมันกลายเป็นสงครามเพื่อเอาชีวิตรอด พวกเราทุกคนสิ้นหวัง ยอมทำ-“

    ในคอของเคย์แน่นขนัดขึ้นมาชั่วขณะ เป็นสัญญาณเตือนให้เขาเลือกคำถัดไปให้ดี

    “พวกเราแค่ต้องการให้มันจบลง ดีใจที่ตัวเองไม่ได้อยู่ตรงนั้นเถอะ”

    สักพักโชโยก็พยักหน้า

    “เป็น- เป็นเพราะนั่น... ปีกเจ้า?” สักพักเขาก็ถามขึ้น

    ลมหายใจเคย์ขาดห้วงและเขาก็ชั่งใจว่าจะนั่งเงียบจนกว่าโชโยจะไปดีหรือไม่ แต่เขาก็พบว่าตัวเองเปิดปากพูด

    “ข้าถูกลอบโจมตี” เขาบอกเสียงเรียบ อยู่ระหว่างการดึงตัวเองออกมาจากความทรงจำนั้น เขาไม่ชอบพูดถึงมัน พอพูดออกมาแล้วมันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ แต่คำพูดก็พรั่งพรูออกมา โชโยวางมือบนไหล่เขา ส่งผ่านคลื่นความร้อนผ่านร่างกายเคย์ก่อนมันจะกลายเป็นความรู้สึกอุ่นสบาย

    เคย์ตั้งสติตัวเองให้พูดอีกครั้ง

    “ข้าล้าจากการต่อสู้เล็กๆ ก่อนหน้านั้นไม่นาน ท้ายที่สุด ข้าก็ล้มเหลว ปีกถูกกระชากไปจากหลังแล้วข้าก็ร่วงลงมาจากฟ้า ข้าไม่เห็นเจ้าปิศาจนั่นอีก และข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับปีกของข้า”

    บางทีนั่นอาจจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุด

    ปีกไม่ใช่แค่ส่วนเสริมทางกายภาพเพียงอย่างเดียว มันรวมถึงด้านเวทมนต์ด้วย เคย์ไม่จำเป็นต้องใช้โล่ตอนที่เขามีปีก เกราะคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยมีหายไป ถูกพรากไปจากเขา ปีกมันจะไม่งอกกลับมา อย่างน้อยก็ตอนที่พวกมันถูกถอนไปตั้งแต่โคน ปีกแหว่ง ปีกที่ถูกแทงทะลุด้วยดาบ ขนนกส่วนหนึ่งไหม้หายไป พวกนั้นยังสามารถรักษาได้ แต่เมื่อพวกมันถูกดึงออกไปทั้งหมด มันไร้ซึ่งความหวังใด

    เคย์รู้สึกไร้การปกปิดตั้งแต่นั้นมา

    ความคิดที่ว่าเจ้าปิศาจนั่นยังเก็บปีกเขาไว้อยู่ทำให้เคย์เห็นทุกอย่างเป็นสีแดงฉาน เขาคิดว่าบางครั้งเขาสัมผัสได้ถึงพวกมัน พลังงานที่ระเบิดออกมาจางๆ ที่บอกให้เขาตามไป แต่เขาก็คิดว่าเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ แบบนั้นมันง่ายกว่า

    “อ่อ” โชโยกล่าวแค่นั้น ปีกทั้งสองกระพือขยับอยู่ไม่สุขบนแผ่นหลัง สร้างลมอุ่นก่อนเขาจะพ่นลมหายใจออกมา

    เคย์มองจ้องไปยังพระจันทร์ นิ่งเงียบจนโชโยพูดขึ้นอีกครั้ง

    “ขอบคุณ”

    “เพื่ออะไร?”

    “ที่เจ้ายอมเล่าให้ข้าฟัง และบอกเรื่องเกี่ยวกับสงครามด้วย คนอื่นๆ เอาแต่พูดอ้อมไปมา”

    “พวกเขาทำเพราะมีเหตุผล”

    เคย์เหลือบมองโชโยอยู่ครู่หนึ่ง

    เทพองค์น้อยแต่งตัวสบายๆ ผ้าพันเอวสีส้มอ่อนมัดผืนผ้าขาวเบาฟุ้งเข้าด้วยกันและไม่มีรองเท้า ใต้ผ้าพันเอวดูเหมือนเป็นสายคาดบางอย่าง

    “อาวุธใหม่?” เคย์ถาม เพราะการนั่งในความเงียบตึงเครียดมันไม่ช่วยอะไร เขาเคยเพลิดเพลินกับความเงียบ และสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งนั้นกัน

    โชโยดูร่าเริงขึ้นมาก ใบหน้าเรืองรองแสงสีทอง

    “คาเงะยามะเพิ่งทำมันเสร็จไม่นาน” เขาหยิบสิ่งที่ห้อยอยู่บนเข็มขัดผ่านผืนผ้า

    อาวุธใหม่ของโชโยมีสองส่วนที่ยาวเท่ากันและทำจากสิ่งที่ดูเป็นเพียงแสง เขาจับปลายชนเข้าหากัน แล้วพวกมันก็หลอมรวมเป็นไม้พลองยาว โชโยดูค่อนข้างภูมิใจกับมัน เคย์จับได้ถึงกลิ่นอายของมนตราคุ้มกันที่อยู่ในด้ามไม้พลอง และคิดว่าคาเงะยามะไม่อยากเสี่ยงให้โชโยบาดเจ็บอะไร

    “เจ้าลองฝึกกับมันดูรึยัง?” เคย์ถาม

    “ลองแล้ว ข้าทำได้ค่อนข้างดีเลย สักวันหนึ่ง ข้าจะเอาชนะทานากะในการประมือให้ได้เลย”

    เคย์หลุดหัวเราะกับคำกล่าวนั้น

    การได้เห็นทานากะตกให้อยู่ในภวังค์การต่อสู้นั้นค่อนข้างน่าดูชม เคย์ไม่มีทางเข้าไปขวางระหว่างเขากับศัตรูแน่ ไม่ว่าจะเพื่อดวงจันทร์ทุกดวงในโลกใบนี้ เขาเป็นอัจฉริยะแห่งไฟและความโกรธา ความแข็งแกร่งและพละกำลัง มนตราสีแดงแต้มชมพูและดำไล้ตามผิวหนังเขาจนถ้ามีคนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นเทวดาแห่งธาตุก็เข้าใจได้ เขารวดเร็ว เฉียบคม และเสียงดัง เขาเคยต่อสู้ด้วยรอยยิ้ม แต่ตอนนี้มีเพียงการกัดฟันกรอดและกลุ่มควันที่พวยพุ่งจากร่าง อาวุธของเขาเป็นสนับมือทองเหลืองที่มีพลังงานมากพอจะยกภูเขาทั้งลูก คาเงะยามะเสริมพวกมันด้วยเอกโลหิตและไฟสุริยะ แต่เขาก็สวมกำไลข้อมือของซาเอโกะด้วย พวกมันคลุมมือและแขนเขาด้วยโลหะเหลวและเปลวเพลิง ปกป้องบริเวณนั้นจากทุกสิ่ง

    การประมือต่างออกไปนิดหน่อย แน่นอนว่าทานากะไม่ได้หวังจะฆ่าใคร แต่เขาก็จบการต่อสู้อย่างรวดเร็วโดยไม่ใช้อาวุธของพี่สาวเขา

    จากจุดยืนของเขาในตอนนี้ โชโยไม่มีทางต่อกรได้

    “เจ้าฝึกกับข้าได้มั้ย? คาเงะยามะยุ่งกับการทำของให้สึกะ เขาเลยมีเวลาแค่ตอนดึกๆ เท่านั้น”

    เคย์แอบคิดจะปฏิเสธ มีอะไรที่เขาสอนโชโยได้แต่อัจฉริยะในการใช้อาวุธสอนไม่ได้อย่างงั้นหรอ?

    “ก็ไม่มีปัญหานี่?” เขากล่าวออกไป และตบหน้าตัวเองในใจ มันไม่ใช่ว่าเขาไม่สนุกกับการได้อยู่กับโชโยสักหน่อย แม้ว่าเขาจะเกลียดที่จะยอมรับความจริงเรื่องนั้นกับคนอื่นนอกจากตัวเอง เขาไม่รู้ว่าเขาจะรับมือกับการเป็นอาจารย์สอนได้รึเปล่า

    “เย้! ขอบคุณ!” โชโยกระโจนขึ้นไปในอากาศ กลายเป็นจุดสว่างบนท้องฟ้าก่อนพุ่งกลับลงมา เขาดูภูมิใจกับตัวเอง หมัดทั้งสองเท้าสะเอว เส้นผมยุ่งเหยิงด้วยแรงลม และรอยยิ้มเขาสว่างไสว

    เคย์ไม่ได้หุบยิ้มที่ขยับที่มุมปากเขา

    “ข้าไม่รู้ว่าข้าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่มันไม่นานแน่ๆ!” โชโยบอก “ข้ารอแทบไม่ไหวเลย! บาย สึกิชิมะ!

    แล้วเขาก็จากไป เคย์ยกมือขึ้นโบกไล่หลัง

    “บาย โชโย”

     TBC...



    ll TALK WITH TRANSLATOR ll

    ผมชอบตอนนี้มากเลยนะ เป็นตอนที่เรื่อยๆ มาก มันทำให้ผมแปลเร็วด้วยแหละ 55555 

    ตัวละครในเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ ผมเลยอยากจะถามว่าสนใจให้ผมทำหน้ารวมตัวละครให้มั้ยครับ? แบบว่าใส่หน้าใส่ชื่อโรงเรียนและบทบาทในเรื่องนี้ (ที่ปรากฏออกมาแล้ว) จะได้เข้าใจง่ายมากขึ้น ตรงนี้ก็จะเพิ่มตัวละครตามเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปครับ ยังไงก็บอกผมด้วยนะครับ ^ ^

    ถ้าชอบก็อย่าลืมคอมเมนต์ แชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันด้วยนะครับ มีข้อติชมอะไรผมก็น้อมรับเสมอนะ

    ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าครับ

    ตอนหน้า >> Chapter 8: Through Magic (ผ่านเวทมนต์)

    ปล. ผมมีคำถามครับ การที่ผมพิมพ์ท้ายตอนแบบนี้มันเหมือนคุยคนเดียวมากๆ เลยอยากรู้ว่าอยากให้ผมพิมพ์ท้ายตอนแบบนี้ต่อไปมั้ยครับ? ถ้าไม่มีคนอ่านผมก็จะได้ลงแต่เนื้อหาฟิคอย่างเดียว  55555 

    พาร์ท

    Killer in the Dark Shadow

    double_B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×