คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7: That’s not my name (นั่นไม่ใช่ชื่อของฉัน)
Title: The Noah’s Bookman
2: The Dawn Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา
ภาค เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ
Story: Saturnalius
Translator: KITDS
Chapter 7: That’s not my name (นั่นไม่ใช่ชื่อของฉัน)
เป็นเวลาห้าวันนับตั้งแต่อีกาได้ไล่ต้อนบุ๊คแมนหนุ่มหายลับไปกับถนนของหมู่บ้าน
ไม่มีใครแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนมากคิดว่าชายหนุ่มตายไปแล้วแม้ว่าจะไม่มีใครพบร่างของเขาในป่าก็ตาม
เขากลับมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้แน่ชัด
บางทีอาจจะกลับมาเงียบๆ สักช่วงหนึ่งกลางดึก การปรากฏตัวของเขาหน้าร้านหนังสือยามเช้าตรู่เรียกความประหลาดใจได้ไม่น้อย
ชายหนุ่มตัดสินใจจะกลับมาที่หมู่บ้านท่ามกลางคำคัดค้านของครอบครัวเขาด้วยความมุ่งมั่นที่จะร่างตำนานพื้นบ้านทั้งหมดให้สมบูรณ์ก่อนจะกลับไปปิดบันทึกชิ้นโบแดงของโนอา
บาดแผลที่ไหล่เขาหายดีแล้วและเขาก็กลับมาพร้อมกับสร้อยคอไม่คุ้นตาสีนิล
มันเป็นสายโซ่เส้นบาง ค่อนข้างเรียบถ้ามันเป็นของชั้นดี แต่บุ๊คแมนหนุ่มนั้นก็เป็นชายติดดินที่มีความรู้ระดับผู้ดีมีตระกูล
ชาวบ้านพากันรายล้อมเขา
พูดจาบอกความโล่งอกปนประหลาดใจที่เห็นเขากลับมา คริซซี่ เด็กสาวที่มีผดขึ้นเต็มใบหน้าข้างหนึ่งได้เคยขอร้องลิงก์ไม่ให้ฆ่าบุ๊คแมน
เธอเล่าทุกอย่างที่เธอเห็นให้ชาวบ้านฟังและร้องไห้นานหลายวันเพราะเชื่อว่าอาจารย์ของเธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว
เธอดูดีใจที่สุดในบรรดากลุ่มคนที่เห็นชายหนุ่มกลับมา ราวี่พบปะทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและตอบกลับไปว่าดีใจที่ได้กลับมา
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีกับการกลับมาของเขา
คุณพ่อเจมส์เดินฝ่าผู้คนมายังด้านหน้า ยืนกั้นระหว่างราวี่และชาวหมู่บ้านและประจันหน้าบุ๊คแมนด้วยสีหน้าขึงขัง
เขาเป็นนักเทศน์ที่ดูไม่พอใจกับตำแหน่งของตัวเองสักเท่าไหร่ เขาเป็นนักบวชได้รับการอุปสมบทเรียบร้อยแล้ว
แต่กลับต้องมาติดแหง็กกับการเทศน์สอนในสถานที่กันดารแบบนี้ เขาเลยมักจะทำตัวเหมือนเหนือกว่าทุกคนในหมู่บ้านเสมอ
ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา บาทหลวงเจมส์ได้ปรับบทเทศนาด้วยเจตนาชั่วร้ายแอบแฝง
เขาจำเสื้อคลุมที่อีกาใส่ได้ว่าเป็นผู้รับใช้ของวาติกัน
และมันมีเพียงเหตุผลเดียวที่วาติกันจะไล่ล่าชายหนุ่มผมแดงแปลกประหลาดที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เพียงชั่วข้ามคืน
วาติกันตามล่าปิศาจ เพราะฉะนั้นราวี่เองก็ต้องเป็นปิศาจด้วย
“แกไม่ควรกลับมา เจ้าปิศาจ”บาทหลวงเจมส์กล่าวข่มขู่
ราวี่จ้องค้างอยู่พักหนึ่ง “ว่ายังไงนะ?”
เขายื่นไม้กางเขนมาทางราวี่ที่ขมวดคิ้วใส่แทนคำตอบ
“ไสหัวไปซะ เจ้าปิศาจ! ขออำนาจของพระบุตรจงขับไล่เจ้า!”
ราวี่กำไม้กางเขนในมือคุณพ่อเจมส์อย่างใจเย็นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เขาไม่ใช่อะไรที่จะขับไล่ได้สักหน่อย “ไม่ใช่ปิศาจซะหน่อ”
ความประหลาดใจเข้าเล่นงานบาทหลวงอย่างจัง
เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะขวานผ่าซากเสียขนาดนี้ “แล้วไม่งั้นวาติกันจะไล่ล่าแกทำไม?”เขาถามเชิงบังคับ
“ง่ายๆ”ราวี่ตอบ
มือปล่อยออกจากไม้กางเขนแล้วล้วงซุกกระเป๋าดังเดิม “ฉันไปรู้บางอย่างที่พวกเขาคิดว่าฉันไม่ควรรู้เข้า
ฉันเป็นนักประวัติศาสตร์ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่นายคิดซะอีก พวกนั้นพากันกระวนกระวายไปเอง
แต่พวกเขาก็หารือข้อตกลงกันไปแล้ว” มันเป็นความจริง
ถึงแม้ว่าข้อตกลงนั้นไม่ใช่อะไรที่จะมาจับมือกันก็เถอะ วาติกันรู้แล้วว่าราวี่ได้กลับมาอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของโนอาและคงไม่มาราวีกับเขาสักพัก
ซึ่งคงเป็นเวลาเพียงพอที่เขาจะจบบันทึกเกี่ยวกับบริเวณนี้ก่อนที่ทางนั้นจะตามก่อกวนเขาต่อ
ชาวบ้านเข้าใจทันทีเมื่อเหตุผลของเขามันสมเหตุสมผล
แต่บาทหลวงเจมส์ไม่ได้ต้องการเหตุผลนั้น “จริงๆ แล้วแกเป็นใครกันแน่?
บุ๊คแมนไม่ใช่ชื่อจริงๆ ของแกสินะ?”
ราวี่ชะงักไป เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอคำถามตรงๆ
แบบนี้ เขาหลอกชาวบ้านด้วยนามแฝงและซื้อใจพวกเขาด้วยความรู้ที่ไม่มีใครอื่นให้ แต่คุณพ่อนั้นฉลาดกว่าและเชื่อมั่นมากกว่าว่าวาติกันจะไม่ทำอะไรผิดพลาด
“นายพูดถูกแล้ว”ราวี่ตอบ “บุ๊คแมนไม่ใช่ชื่อฉัน
เพราะฉันไม่มีชื่อ ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับเลี้ยงเข้ามาในตระกูล”เขาดัดแปลงความจริงนิดหน่อย
เขาได้ละทิ้งตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ทิ้งชื่อของตัวเองไปเมื่อหลายปีก่อนตั้งแต่เขาได้กลายเป็นลูกศิษย์ของบุ๊คแมน
อาจารย์เขาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวจนเขาได้ใกล้ชิดกับโนอา และตอนนี้ที่ปู่ของเขาออกเร่ร่อนไปลำพัง
น่าจะเพื่อปลดระวาง เขาก็เหลือเพียงแต่โนอา “พวกเขาสอนฉันเยอะแยะเลย รู้มั้ย?
แต่พวกเขาก็ไม่ได้เรียกฉันว่าบุ๊คแมนหรอก พวกเขาเรียกว่า-“
“ราวี่~!”เธอกล่าวแทรกพลางใช้สองแขนเรียวกอดอ้อมจากด้านหลังมาปิดตาเขาเป็นเชิงหยอก
ราวี่จำเสียงนั้นไม่ได้แต่ก็รู้ทันทีว่าเธอคือใคร
มีเพียงคนเดียวที่มีกลิ่นอายของขนมหวานและน้ำยาทาเล็บ แสดงว่าเธอเองก็กลับมาเหมือนกัน
หญิงสาวเหมือนจะมาสายแต่ก็มักจะมาได้ถูกจังหวะเสมอ “ไง โร้ด~”
ผู้คนพากันประหลาดใจ กระทั่งบาทหลวงเองก็ด้วย
ไม่มีใครแน่ใจว่าเด็กสาวมาถึงตอนไหน แต่ทุกคนรู้ว่าเธอคือใครและพากันโค้งตัวทำความเคารพอย่างรวดเร็ว
กระทั่งเด็กและคุณพ่อเจมส์ แต่มันไม่ใช่การปรากฏตัวของเธอที่น่าแปลกใจที่สุด
แต่คือการที่ครอบครัวบุญธรรมของชายหนุ่มที่ดูธรรมดา สบายๆ อย่างคุณบุ๊คแมนเป็นชนชั้นสูง
โร้ดโน้มตัวมาหาราวี่อย่างหยอกเย้า
เธอไม่ได้ดูต่างจากเดิมมากนัก หรือก็คือเหมือนโร้ดแค่โตขึ้นเท่านั้น
ใบหน้านั้นดูแก่วัยขึ้นและตัวเธอก็สูงขึ้นด้วย ผมของเด็กสาวยังคงเป็นผมสั้นยุ่งเหยิงที่เธอชอบ
ยังไงเธอก็ควบคุมรูปร่างหน้าตาของตัวเองได้ตามใจชอบอยู่แล้ว เสียงเธอดูเป็นผู้ใหญ่กว่าก่อนหน้าแม้มันจะยังแฝงด้วยความรั้นแบบเด็กๆ
ที่ราวี่จำได้อยู่ การแต่งตัวของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่เมื่อเด็กสาวอยู่ในชุดกระโปรงระบายเป็นชั้นๆ
ยาวสีน้ำเงินเข้ม
“ฉันกลับมาบ้านตอนที่รู้ว่านายเพิ่งมาออกมานี่เอง”เธอพูดต่อ
ไม่สนใจชาวบ้านที่คุกเข่าตรงหน้า “ฉันต้องมาหานายให้ได้~ ไม่ได้เจอนายมานานเกินไปแล้ว”ไม่มีใครพูดถึงเธอเลยช่วงที่เขาอยู่ที่คฤหาสน์
ทั้งท่านเอิร์ลและทิกี้ นั่นหมายความว่าเธอเพิ่งตื่นขึ้นได้ไม่นาน
ราวี่เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการสื่อและค่อนข้างสนใจว่าโร้ดคิดยังไงกับพ่อขุนนางคนใหม่
ทั้งสองคนคงเข้ากันได้อย่างดุเดือดและเทียบชุดกันไม่หยุดเป็นแน่
“ฉันหวังว่าพวกนายจะดูแลน้องชายฉันเป็นอย่างดีนะ”เด็กสาวหันไปสนใจกลุ่มคนเบื้องหน้าและดุพวกเขา
เธอหรี่ตาสีน้ำตาลจ้องไปทางคุณพ่อ เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูดและเห็นว่าเขาพยายามต้อนน้องชายคนสำคัญของเธอ
และชายหนุ่มจะต้องชดใช้ บาทหลวงเจมส์ดูจะจิตหลุดไปพักหนึ่ง เขาเซเล็กน้อยขณะที่พยายามจะคุกเข่า
ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมหัวเมื่อโร้ดเข้าไปป่วนในหัวของเขา
“ทำไมเราไม่ไปหาของหวานกินกันล่ะ?
จะได้คุยกับด้วย ว่าไง?”จู่ๆ ราวี่ก็เสนอขึ้นมา เขาได้เห็นพลังของโร้ดตอนที่เธอเข้าแทรกในห้วงความคิดของมิรันด้า
ล็อตโต้ในสงครามครั้งสุดท้าย เขารู้ว่าเธอกำลังทำอะไร และถึงเขาจะอยากเห็นบาทหลวงทรมานพอสมควรแต่ตอนนี้นั้นไม่ใช่เวลา
เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญของชุมชน เธอไปฆ่าเขาตอนที่ไม่มีใครเห็นก็ได้ “คาร่ามีร้านขนมบนถนนเส้นนี้ที่ฉันคิดว่าเธอคงชอบ
ถึงจะไม่ใช่เค้ก แต่พวกขนมอบก็อร่อยมาก”
โร้ดปล่อยบาทหลวงจากพลังออกเธอและกลับไปสนใจน้องชายคนเล็ก
เธอจำเขาได้มากพอที่จะรู้ว่าราวี่มีเหตุผลที่หยุดเธอ เธออ่านความคิดเขาและตอบอย่างระมัดระวังเป็นเชิงอ้อล้อที่ทำให้บุ๊คแมนยิ้มบาง
เธอไม่ได้มีเจตนาจะทำลายจิตใจเขาและแค่เพื่อสื่อสารอย่างมีชั้นเชิงมากขึ้น “ฟังดูเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย~”
+++++
ยามค่ำคืนนั้นเย็นยะเยือก
สายลมอ่อนพัดระฆังบนยอดโบสถ์ไหวเบา ระฆังส่งเสียงแผ่วท่ามกลางเสียงร้องประสานของกบและจิ้งหรีดเรไรยามค่ำคืน
บาทหลวงเจมส์คุกเข่าอยู่เบื่องหน้าแท่นบูชาในห้องว่างเปล่า
มือทั้งสองประสานด้วยความขุ่นข้องหมองใจ เขาไม่เชื่อใจบุ๊คแมนตั้งแต่ชายหนุ่มมาเยือนเมืองนี้
และเหตุผลที่วาติกันไล่ล่าเขานั้นมีอะไรทะแม่งๆ เขาไม่อ่อนต่อโลกพอจะเชื่อเรื่องราวป้อยอของราวี่
แม้ว่าชายหนุ่มจะโกหกเนียนมากเพียงใดก็ตาม
แต่สิ่งที่คุณพ่อคาดไม่ถึงคือความสัมพันธ์ของเขากับชนชั้นสูง
ทำไมคนเหล่านั้นต้องรับเด็กข้างถนนไปเลี้ยงดูและให้การศึกษาเขาด้วย? หรือบางทีราวี่อาจจะเป็นขุนนางอยู่แล้วแต่หลอกพวกเขาอยู่
เจมส์ลืมตาเงยขึ้นมองไม้กางเขนเท่าตัวคนที่แขวนอยู่บนกำแพง
เขาหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงประหลาด แต่เขาก็ไม่พบอะไร ในห้องนั้นมืดสนิทเว้นแต่แสงเปลวเทียนบนแท่นบูชา
“นั่นใครน่ะ?”
“ฉันจะทำลายนายให้สนุกไปเลย~”เธอตอบพลางเดินก้าวเข้ามาในแสงเทียน
ร่างสูงบางของหญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงสั้นสีขาวที่มีระบายตาข่าวเป็นชั้นๆ
ด้านใต้และแขนเส้นสีดำคล้ายใยแมงมุม ผิวของเธอเป็นสีเทาตัดกับดวงตาสีทองและลวดลายมงกุฎหนามบนหน้าผาก
“คุณหนู...คาเมล็อต?”เจมส์ตะกุกตะกัก
“ไม่สิ แกเป็นตัวอะไรกัน?”
โร้ดไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มชั่วร้ายจนใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวไม่เหมือนมนุษย์มนา
ราวี่เดินออกมาจากเงาเบื้องหน้าเด็กสาว ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ เขาคิดว่ามันน่าสนใจที่โร้ดเลือกจะใช้ชื่อมนุษย์เดิมอย่างคาเมล็อตต่อแม้ว่าตอนนี้เธอเป็นอีกคนหนึ่งแล้วก็ตาม
แต่ก็อีกนั่นแหละว่าราวี่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าโร้ด คาเมล็อตมีตัวตนจริงๆ หรือเป็นเพียงตัวตนที่โร้ดกับเชอริลสร้างขึ้น
“นายจะต้องชดใช้ที่ทำตัวไม่ดีกับน้องชายฉัน”เธอพูดขึ้นมาในที่สุด
แม้จะด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ดวงตาเธอกระพริบเมื่อเข้าครอบงำจิตใจอีกฝ่าย บิดเบือนและดัดแปลงมัน
เจมส์ยกมือขึ้นข่วนหน้าตัวเองเมื่อไม่สามารถหลุดออกจากฝันร้ายได้ แต่ทันทีที่มันเกิดขึ้น
มันก็จบลง และทิ้งร่างไร้วิญญาณของเจมส์ไว้บนพื้น
“เขาฝันเห็นอะไรน่ะ?”ราวี่ถาม ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
กับการทรมานที่โร้ดลงมือเมื่อครู่
“ฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดของเขา~”เธอตอบทั้งที่ยังคงยิ้มกริ่ม
“ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่แมงมุมไต่ยั้วเยี้ยก่อนที่พวกมันจะกินเขาทั้งเป็น”
TBC…
ll TALK WITH TRANSLATOR ll
สวัสดีครับผม วันนี้อารมณ์ดี(?)เลยมาลงกลางดึกแม้จะต้องตื่นเช้าไปทำงานต่อพรุ่งนี้
5555
จะว่าไป ผมไม่รู้ว่ามีใครสังเกตรึเปล่าว่าผมเรียกพ่อขุนนางว่า
ท่านเอิร์ล ตลอดตั้งแต่แปลภาคสองมา เพราะว่าท่านเอิร์ลเขาเป็นผู้หญิงแล้ว
แต่จะให้เรียกว่าพ่อขุนนางต่อไปก็รู้สึกกระไรอยู่ เลยทับไปเลยตามต้นฉบับ
เพราะจะเรียกว่าคุณหญิงมันก็ไม่ใช่ความหมายของเอิร์ล หรือเคาท์อยู่ดี เลยกลายเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ
5555
ก็มาพอหอมปากหอมคอให้หายคิดถึงนะครับ
^ ^
ไว้พบกันใหม่ตอนหน้านะครับผม
พาร์ท
Killer in the Dark Shadow
ความคิดเห็น