ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic D.Gray-man] TNB 2: The Dawn Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา ภาค เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ (ฟิคแปล)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7: That’s not my name (นั่นไม่ใช่ชื่อของฉัน)

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 61


    Title: The Noah’s Bookman 2: The Dawn Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา ภาค เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ

    Story: Saturnalius

    Translator: KITDS

     

    Chapter 7:  That’s not my name (นั่นไม่ใช่ชื่อของฉัน)

    เป็นเวลาห้าวันนับตั้งแต่อีกาได้ไล่ต้อนบุ๊คแมนหนุ่มหายลับไปกับถนนของหมู่บ้าน ไม่มีใครแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนมากคิดว่าชายหนุ่มตายไปแล้วแม้ว่าจะไม่มีใครพบร่างของเขาในป่าก็ตาม

    เขากลับมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้แน่ชัด บางทีอาจจะกลับมาเงียบๆ สักช่วงหนึ่งกลางดึก การปรากฏตัวของเขาหน้าร้านหนังสือยามเช้าตรู่เรียกความประหลาดใจได้ไม่น้อย ชายหนุ่มตัดสินใจจะกลับมาที่หมู่บ้านท่ามกลางคำคัดค้านของครอบครัวเขาด้วยความมุ่งมั่นที่จะร่างตำนานพื้นบ้านทั้งหมดให้สมบูรณ์ก่อนจะกลับไปปิดบันทึกชิ้นโบแดงของโนอา

    บาดแผลที่ไหล่เขาหายดีแล้วและเขาก็กลับมาพร้อมกับสร้อยคอไม่คุ้นตาสีนิล มันเป็นสายโซ่เส้นบาง ค่อนข้างเรียบถ้ามันเป็นของชั้นดี แต่บุ๊คแมนหนุ่มนั้นก็เป็นชายติดดินที่มีความรู้ระดับผู้ดีมีตระกูล

    ชาวบ้านพากันรายล้อมเขา พูดจาบอกความโล่งอกปนประหลาดใจที่เห็นเขากลับมา คริซซี่ เด็กสาวที่มีผดขึ้นเต็มใบหน้าข้างหนึ่งได้เคยขอร้องลิงก์ไม่ให้ฆ่าบุ๊คแมน เธอเล่าทุกอย่างที่เธอเห็นให้ชาวบ้านฟังและร้องไห้นานหลายวันเพราะเชื่อว่าอาจารย์ของเธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว เธอดูดีใจที่สุดในบรรดากลุ่มคนที่เห็นชายหนุ่มกลับมา ราวี่พบปะทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและตอบกลับไปว่าดีใจที่ได้กลับมา

    แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีกับการกลับมาของเขา คุณพ่อเจมส์เดินฝ่าผู้คนมายังด้านหน้า ยืนกั้นระหว่างราวี่และชาวหมู่บ้านและประจันหน้าบุ๊คแมนด้วยสีหน้าขึงขัง เขาเป็นนักเทศน์ที่ดูไม่พอใจกับตำแหน่งของตัวเองสักเท่าไหร่ เขาเป็นนักบวชได้รับการอุปสมบทเรียบร้อยแล้ว แต่กลับต้องมาติดแหง็กกับการเทศน์สอนในสถานที่กันดารแบบนี้ เขาเลยมักจะทำตัวเหมือนเหนือกว่าทุกคนในหมู่บ้านเสมอ

    ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา บาทหลวงเจมส์ได้ปรับบทเทศนาด้วยเจตนาชั่วร้ายแอบแฝง เขาจำเสื้อคลุมที่อีกาใส่ได้ว่าเป็นผู้รับใช้ของวาติกัน และมันมีเพียงเหตุผลเดียวที่วาติกันจะไล่ล่าชายหนุ่มผมแดงแปลกประหลาดที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เพียงชั่วข้ามคืน วาติกันตามล่าปิศาจ เพราะฉะนั้นราวี่เองก็ต้องเป็นปิศาจด้วย

    “แกไม่ควรกลับมา เจ้าปิศาจ”บาทหลวงเจมส์กล่าวข่มขู่

    ราวี่จ้องค้างอยู่พักหนึ่ง “ว่ายังไงนะ?”

    เขายื่นไม้กางเขนมาทางราวี่ที่ขมวดคิ้วใส่แทนคำตอบ “ไสหัวไปซะ เจ้าปิศาจ! ขออำนาจของพระบุตรจงขับไล่เจ้า!

    ราวี่กำไม้กางเขนในมือคุณพ่อเจมส์อย่างใจเย็นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ใช่อะไรที่จะขับไล่ได้สักหน่อย “ไม่ใช่ปิศาจซะหน่อ”

    ความประหลาดใจเข้าเล่นงานบาทหลวงอย่างจัง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะขวานผ่าซากเสียขนาดนี้ “แล้วไม่งั้นวาติกันจะไล่ล่าแกทำไม?”เขาถามเชิงบังคับ

    “ง่ายๆ”ราวี่ตอบ มือปล่อยออกจากไม้กางเขนแล้วล้วงซุกกระเป๋าดังเดิม “ฉันไปรู้บางอย่างที่พวกเขาคิดว่าฉันไม่ควรรู้เข้า ฉันเป็นนักประวัติศาสตร์ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่นายคิดซะอีก พวกนั้นพากันกระวนกระวายไปเอง แต่พวกเขาก็หารือข้อตกลงกันไปแล้ว” มันเป็นความจริง ถึงแม้ว่าข้อตกลงนั้นไม่ใช่อะไรที่จะมาจับมือกันก็เถอะ วาติกันรู้แล้วว่าราวี่ได้กลับมาอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของโนอาและคงไม่มาราวีกับเขาสักพัก ซึ่งคงเป็นเวลาเพียงพอที่เขาจะจบบันทึกเกี่ยวกับบริเวณนี้ก่อนที่ทางนั้นจะตามก่อกวนเขาต่อ

    ชาวบ้านเข้าใจทันทีเมื่อเหตุผลของเขามันสมเหตุสมผล แต่บาทหลวงเจมส์ไม่ได้ต้องการเหตุผลนั้น “จริงๆ แล้วแกเป็นใครกันแน่? บุ๊คแมนไม่ใช่ชื่อจริงๆ ของแกสินะ?”

    ราวี่ชะงักไป เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอคำถามตรงๆ แบบนี้ เขาหลอกชาวบ้านด้วยนามแฝงและซื้อใจพวกเขาด้วยความรู้ที่ไม่มีใครอื่นให้ แต่คุณพ่อนั้นฉลาดกว่าและเชื่อมั่นมากกว่าว่าวาติกันจะไม่ทำอะไรผิดพลาด

    “นายพูดถูกแล้ว”ราวี่ตอบ “บุ๊คแมนไม่ใช่ชื่อฉัน เพราะฉันไม่มีชื่อ ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับเลี้ยงเข้ามาในตระกูล”เขาดัดแปลงความจริงนิดหน่อย เขาได้ละทิ้งตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ทิ้งชื่อของตัวเองไปเมื่อหลายปีก่อนตั้งแต่เขาได้กลายเป็นลูกศิษย์ของบุ๊คแมน อาจารย์เขาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวจนเขาได้ใกล้ชิดกับโนอา และตอนนี้ที่ปู่ของเขาออกเร่ร่อนไปลำพัง น่าจะเพื่อปลดระวาง เขาก็เหลือเพียงแต่โนอา “พวกเขาสอนฉันเยอะแยะเลย รู้มั้ย? แต่พวกเขาก็ไม่ได้เรียกฉันว่าบุ๊คแมนหรอก พวกเขาเรียกว่า-“

    “ราวี่~!”เธอกล่าวแทรกพลางใช้สองแขนเรียวกอดอ้อมจากด้านหลังมาปิดตาเขาเป็นเชิงหยอก

    ราวี่จำเสียงนั้นไม่ได้แต่ก็รู้ทันทีว่าเธอคือใคร มีเพียงคนเดียวที่มีกลิ่นอายของขนมหวานและน้ำยาทาเล็บ แสดงว่าเธอเองก็กลับมาเหมือนกัน หญิงสาวเหมือนจะมาสายแต่ก็มักจะมาได้ถูกจังหวะเสมอ “ไง โร้ด~

    ผู้คนพากันประหลาดใจ กระทั่งบาทหลวงเองก็ด้วย ไม่มีใครแน่ใจว่าเด็กสาวมาถึงตอนไหน แต่ทุกคนรู้ว่าเธอคือใครและพากันโค้งตัวทำความเคารพอย่างรวดเร็ว กระทั่งเด็กและคุณพ่อเจมส์ แต่มันไม่ใช่การปรากฏตัวของเธอที่น่าแปลกใจที่สุด แต่คือการที่ครอบครัวบุญธรรมของชายหนุ่มที่ดูธรรมดา สบายๆ อย่างคุณบุ๊คแมนเป็นชนชั้นสูง

    โร้ดโน้มตัวมาหาราวี่อย่างหยอกเย้า เธอไม่ได้ดูต่างจากเดิมมากนัก หรือก็คือเหมือนโร้ดแค่โตขึ้นเท่านั้น ใบหน้านั้นดูแก่วัยขึ้นและตัวเธอก็สูงขึ้นด้วย ผมของเด็กสาวยังคงเป็นผมสั้นยุ่งเหยิงที่เธอชอบ ยังไงเธอก็ควบคุมรูปร่างหน้าตาของตัวเองได้ตามใจชอบอยู่แล้ว เสียงเธอดูเป็นผู้ใหญ่กว่าก่อนหน้าแม้มันจะยังแฝงด้วยความรั้นแบบเด็กๆ ที่ราวี่จำได้อยู่ การแต่งตัวของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่เมื่อเด็กสาวอยู่ในชุดกระโปรงระบายเป็นชั้นๆ ยาวสีน้ำเงินเข้ม

    “ฉันกลับมาบ้านตอนที่รู้ว่านายเพิ่งมาออกมานี่เอง”เธอพูดต่อ ไม่สนใจชาวบ้านที่คุกเข่าตรงหน้า “ฉันต้องมาหานายให้ได้~ ไม่ได้เจอนายมานานเกินไปแล้ว”ไม่มีใครพูดถึงเธอเลยช่วงที่เขาอยู่ที่คฤหาสน์ ทั้งท่านเอิร์ลและทิกี้ นั่นหมายความว่าเธอเพิ่งตื่นขึ้นได้ไม่นาน

    ราวี่เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการสื่อและค่อนข้างสนใจว่าโร้ดคิดยังไงกับพ่อขุนนางคนใหม่ ทั้งสองคนคงเข้ากันได้อย่างดุเดือดและเทียบชุดกันไม่หยุดเป็นแน่

    “ฉันหวังว่าพวกนายจะดูแลน้องชายฉันเป็นอย่างดีนะ”เด็กสาวหันไปสนใจกลุ่มคนเบื้องหน้าและดุพวกเขา เธอหรี่ตาสีน้ำตาลจ้องไปทางคุณพ่อ เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูดและเห็นว่าเขาพยายามต้อนน้องชายคนสำคัญของเธอ และชายหนุ่มจะต้องชดใช้ บาทหลวงเจมส์ดูจะจิตหลุดไปพักหนึ่ง เขาเซเล็กน้อยขณะที่พยายามจะคุกเข่า ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมหัวเมื่อโร้ดเข้าไปป่วนในหัวของเขา

    “ทำไมเราไม่ไปหาของหวานกินกันล่ะ? จะได้คุยกับด้วย ว่าไง?”จู่ๆ ราวี่ก็เสนอขึ้นมา เขาได้เห็นพลังของโร้ดตอนที่เธอเข้าแทรกในห้วงความคิดของมิรันด้า ล็อตโต้ในสงครามครั้งสุดท้าย เขารู้ว่าเธอกำลังทำอะไร และถึงเขาจะอยากเห็นบาทหลวงทรมานพอสมควรแต่ตอนนี้นั้นไม่ใช่เวลา เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญของชุมชน เธอไปฆ่าเขาตอนที่ไม่มีใครเห็นก็ได้ “คาร่ามีร้านขนมบนถนนเส้นนี้ที่ฉันคิดว่าเธอคงชอบ ถึงจะไม่ใช่เค้ก แต่พวกขนมอบก็อร่อยมาก”

    โร้ดปล่อยบาทหลวงจากพลังออกเธอและกลับไปสนใจน้องชายคนเล็ก เธอจำเขาได้มากพอที่จะรู้ว่าราวี่มีเหตุผลที่หยุดเธอ เธออ่านความคิดเขาและตอบอย่างระมัดระวังเป็นเชิงอ้อล้อที่ทำให้บุ๊คแมนยิ้มบาง เธอไม่ได้มีเจตนาจะทำลายจิตใจเขาและแค่เพื่อสื่อสารอย่างมีชั้นเชิงมากขึ้น “ฟังดูเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย~

    +++++

    ยามค่ำคืนนั้นเย็นยะเยือก สายลมอ่อนพัดระฆังบนยอดโบสถ์ไหวเบา ระฆังส่งเสียงแผ่วท่ามกลางเสียงร้องประสานของกบและจิ้งหรีดเรไรยามค่ำคืน

    บาทหลวงเจมส์คุกเข่าอยู่เบื่องหน้าแท่นบูชาในห้องว่างเปล่า มือทั้งสองประสานด้วยความขุ่นข้องหมองใจ เขาไม่เชื่อใจบุ๊คแมนตั้งแต่ชายหนุ่มมาเยือนเมืองนี้ และเหตุผลที่วาติกันไล่ล่าเขานั้นมีอะไรทะแม่งๆ เขาไม่อ่อนต่อโลกพอจะเชื่อเรื่องราวป้อยอของราวี่ แม้ว่าชายหนุ่มจะโกหกเนียนมากเพียงใดก็ตาม

    แต่สิ่งที่คุณพ่อคาดไม่ถึงคือความสัมพันธ์ของเขากับชนชั้นสูง ทำไมคนเหล่านั้นต้องรับเด็กข้างถนนไปเลี้ยงดูและให้การศึกษาเขาด้วย? หรือบางทีราวี่อาจจะเป็นขุนนางอยู่แล้วแต่หลอกพวกเขาอยู่

    เจมส์ลืมตาเงยขึ้นมองไม้กางเขนเท่าตัวคนที่แขวนอยู่บนกำแพง เขาหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงประหลาด แต่เขาก็ไม่พบอะไร ในห้องนั้นมืดสนิทเว้นแต่แสงเปลวเทียนบนแท่นบูชา “นั่นใครน่ะ?”

    “ฉันจะทำลายนายให้สนุกไปเลย~”เธอตอบพลางเดินก้าวเข้ามาในแสงเทียน ร่างสูงบางของหญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงสั้นสีขาวที่มีระบายตาข่าวเป็นชั้นๆ ด้านใต้และแขนเส้นสีดำคล้ายใยแมงมุม ผิวของเธอเป็นสีเทาตัดกับดวงตาสีทองและลวดลายมงกุฎหนามบนหน้าผาก

    “คุณหนู...คาเมล็อต?”เจมส์ตะกุกตะกัก “ไม่สิ แกเป็นตัวอะไรกัน?”

    โร้ดไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มชั่วร้ายจนใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวไม่เหมือนมนุษย์มนา ราวี่เดินออกมาจากเงาเบื้องหน้าเด็กสาว ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ เขาคิดว่ามันน่าสนใจที่โร้ดเลือกจะใช้ชื่อมนุษย์เดิมอย่างคาเมล็อตต่อแม้ว่าตอนนี้เธอเป็นอีกคนหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ก็อีกนั่นแหละว่าราวี่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าโร้ด คาเมล็อตมีตัวตนจริงๆ หรือเป็นเพียงตัวตนที่โร้ดกับเชอริลสร้างขึ้น

    “นายจะต้องชดใช้ที่ทำตัวไม่ดีกับน้องชายฉัน”เธอพูดขึ้นมาในที่สุด แม้จะด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ดวงตาเธอกระพริบเมื่อเข้าครอบงำจิตใจอีกฝ่าย บิดเบือนและดัดแปลงมัน เจมส์ยกมือขึ้นข่วนหน้าตัวเองเมื่อไม่สามารถหลุดออกจากฝันร้ายได้ แต่ทันทีที่มันเกิดขึ้น มันก็จบลง และทิ้งร่างไร้วิญญาณของเจมส์ไว้บนพื้น

    “เขาฝันเห็นอะไรน่ะ?”ราวี่ถาม ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับการทรมานที่โร้ดลงมือเมื่อครู่

    “ฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดของเขา~”เธอตอบทั้งที่ยังคงยิ้มกริ่ม “ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่แมงมุมไต่ยั้วเยี้ยก่อนที่พวกมันจะกินเขาทั้งเป็น”

    TBC…

     

    ll TALK WITH TRANSLATOR ll

    สวัสดีครับผม วันนี้อารมณ์ดี(?)เลยมาลงกลางดึกแม้จะต้องตื่นเช้าไปทำงานต่อพรุ่งนี้ 5555

    จะว่าไป ผมไม่รู้ว่ามีใครสังเกตรึเปล่าว่าผมเรียกพ่อขุนนางว่า ท่านเอิร์ล ตลอดตั้งแต่แปลภาคสองมา เพราะว่าท่านเอิร์ลเขาเป็นผู้หญิงแล้ว แต่จะให้เรียกว่าพ่อขุนนางต่อไปก็รู้สึกกระไรอยู่ เลยทับไปเลยตามต้นฉบับ เพราะจะเรียกว่าคุณหญิงมันก็ไม่ใช่ความหมายของเอิร์ล หรือเคาท์อยู่ดี เลยกลายเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ 5555

    ก็มาพอหอมปากหอมคอให้หายคิดถึงนะครับ ^ ^

    ไว้พบกันใหม่ตอนหน้านะครับผม

    พาร์ท

    Killer in the Dark Shadow

    TF:)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×