คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6: Secrets in Sea Caves (ความลับภายในถ้ำใต้ทะเล)
Title: Sunbeams แสงตะวัน
Story: Saturnalius
Translator: KITDS
Chapter 6: Secrets
in Sea Caves (ความลับภายในถ้ำใต้ทะเล)
ไม่ว่าเขาจะแสดงออกมาแบบไหน
แต่ทิวทัศน์จากหอคอยมันน่าสนใจเสมอสำหรับเคย์ จากหน้าต่าง เขาสามารถมองเห็นเส้นแสงที่พาดผ่านฟากฟ้า
ไม่ว่าจะแสงจันทร์หรือแสงอาทิตย์ เขาสามารถมองเห็นมนตราเป็นประกายจากตัวพระราชวัง
กลุ่มควันลอยจากโรงเหล็ก เขาสามารถมองเห็นคลื่นกระทบที่หาดทราย
ทุกอย่างมันก็วิเศษเหมือนกัน แต่มันต่างออกไป
ที่วังเป็นประกายเพราะการลงอาคมมนตราปกปักษ์ลงไป
โรงเหล็กคายกลุ่มควันเพราะคาเงยามะทำงานไม่หยุดหย่อนเพื่อปรับปรุงแต่งเติมอาวุธให้กับทุกคน
เกลียวคลื่นยังคงเป็นเรื่องที่เคย์ไม่รู้
แต่เขามีความรู้สึกว่าใครสักคนจะมาเล่าความลับให้เขาฟังในท้ายที่สุด
เขาไม่ได้มีกุญแจมากมายขนาดนั้น และพวกมันก็ไม่ได้มาจากทวยเทพที่เขารู้จัก
พวกมันเป็นความลับเก่าแก่ตั้งแต่รุ่นแรก แต่สงครามครั้งนี้เป็นของพวกเขา
มันเป็นของเคย์ ของยามากุจิ ของสึกาวาระ และของคนอื่นๆ
เขาไม่เคยร่วมรบในสงครามมาก่อน การฝึกมันไม่เหมือนกัน
การร่ายเวทย์และเอาชนะหุ่นฝึกลงมนตรามันต่างออกไป
สายโซ่กระทบกับข้อมือเขา พวกมันสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ที่รออยู่
“เคย์ ไปกันเถอะ”
อากิเทรุยืนอยู่ที่ทวารประตู ปีกทั้งสองพับเก็บบนหลัง
เขาแต่งกายพร้อมรบ ในชุดเกราะมันวาวที่เขามีมาตั้งแต่สงครามครั้งแรก
ลงอาคมด้วยเวทมนต์ป้องกัน มันไม่ใช่เกราะเต็มตัว มันไม่ได้จำเป็นสำหรับพวกเขา
แต่อากิเทรุก็สวมสนับแขนและขา และสวมเชนเมล*ภายใต้เสื้อทูนิคสีดำ
ผ้าพันสีส้มเข้มบ่งบอกอายุของเขา ผู้เข้าร่วมสงครามครั้งแรกมีมันทุกคน
เคย์แต่งกายคล้ายกัน เว้นเพียงสีผ้าพันที่อ่อนกว่า
และเขามีอาวุธที่จับต้องได้ อากิเทรุมีสายลมอยู่เคียงข้าง เขากล่าวเสมอว่าเขาไม่ต้องใช้อาวุธอะไร
เคย์อยากจะตบหัวเขา พี่ชายเขาจะงี่เง่าเกินไปแล้ว เขาห่วยด้านการป้องกันตัวเอง
นั่นทำให้เคย์ต้องใช้มารตการหนึ่ง
โล่เต็มตัวที่เกิดจากความพยายามระหว่างคาเงยามะและนิชิโนยะ
รวมถึงเคียวทานิ กำแพงที่ไม่มีวันทลายเพื่อปกป้องอากิเทรุในสงคราม
“เคย์-“
“พี่จะได้ใช้มัน” เคย์กล่าวเรียบๆ ก่อนก้าวขึ้นไปบนรั้วระเบียง
ชายหนุ่มกระโดดดิ่งลงไปอย่างไร้ความลังเล ดวงตาหลับพริ้มเมื่อสายลมปะทะผ่าน
เขาคว้าโอกาสลมตีขึ้นของอากิเทรุและกางปีกของตนออก
พี่ชายเขาตามมาและไม่ช้าพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังสวนของวังที่ทุกคนไปรวมตัวกัน
ยามากุจิโบกมือเรียกเขา และอากิเทรุก็ไปยืนข้างๆ ซาเอโกะ อาซาฮี คุโร่
โออิคาวะ และอุชิจิมะนั้นไปก่อนแล้ว พร้อมพาเซมิ คิโนะชิตะ คินดะอิจิ โกชิกิ
และเลฟไปกับพวกเขาด้วย คนที่เหลือกำลังรอคำสั่ง
เคย์รู้อยู่แล้วว่าโคซึเมะจะไม่มาร่วมด้วย
ทีละส่วนที่พวกเขาถูกส่งตัวไป
เคย์ต้องจัดการกับกองกำลังที่มาจากทางเหนือกับยามากุจิ ซาเอโกะ และคาเงยามะ
พี่ชายเขาไปกับไดจิและยามาโมโตะ รับมือกำลังพลกองเล็กจากทางตะวันตก
นิชิโนยะ โคมิและยาคุจะคอยเตรียมพร้อมกับโมนิวะและทีมของเขา
ทุกคนแยกย้าย ทำตามคำสั่งของสึกาวาระ
มันจะไม่เป็นระเบียบแบบนี้อยู่นานหรอก
อย่างน้อยเคย์ก็รู้เรื่องพื้นฐานแบบนั้น
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะคลาดกันกับเพื่อนของเขา
เหลือเพียงการกำจัดสัตว์ประหลาดทั้งซ้ายและขวา จนเขาสามารถได้กลิ่นเพียงกลิ่นเลือดและซากเน่าเปื่อย
มันจะเป็นการย่ำฝ่ากองซากศพ ปีกแปดเปื้อนด้วยสีแดงและดำ โซ่เขาขยับส่งเสียงขณะที่เขาสูดหายใจเอาอากาศเปี่ยมมลทินเข้าไป
เวทมนต์เขาจะหม่นลง ครรลองสายตาเริ่มมืดจากด้านนอกเข้ามา เขาจะอยู่เพียงลำพัง
แยกจากพวงพ้อง ไม่รู้ว่าใครยังอยู่ ใครบาดเจ็บ และใครถูกสังหารไป
แต่ตอนนี้ เขาก็พอใจกับความเรียบร้อยก่อนเริ่มสงครามแบบนี้
“เจ้ากลัวรึเปล่า?” ยามากุจิถาม เขาบินอยู่เคียงข้างเคย์
มือกำหอกในมือแน่นเกร็ง
“ถ้าไม่กลัวข้าก็คงจะเป็นคนบ้าเท่านั้นแหละ”
“เจ้าคิดว่าเราจะชนะมั้ย?”
มันเคยมีนักพยากรณ์ในหมู่พวกเขา
เคย์ก็อยากจะถามภาพพยากรณ์ถ้าเป็นไปได้
แต่สงครามครั้งแรกได้พรากผู้ถือครองอำนาจเหล่านั้นไปหมด
และยังไม่มีผู้ที่ได้รับสืบทอดความสามารถนั้นเกิดมา
“เราจะต้องจ่ายบางอย่าง” ท้ายที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้น และเรียกโซ่ออกมา
“เราจะชนะถ้าเรายอมจ่าย แต่ถ้าไม่ เราจะแพ้”
เคย์ลืมตาขึ้นเมื่อยามากุจิกำลังจะตอบ
ทั้งห้องเขาส่องสว่างต่างจากปกติ ตรงข้ามกับแสงอ่อนสีฟ้าที่เขาสร้าง
มันเป็นสีสันวุ่นวายเปลี่ยนไม่หยุดหย่อน ชายหนุ่มหรี่ตา
พยายามจะประมวลสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงอื้ออึงทำลายห้วงภวังค์ของเขา
เขาได้ยินสองเสียงที่ต่างกัน และเสียงหายใจเป็นเสียงที่สาม
เคย์อยู่บนเตียง นอนหงายและคลุมไปด้วยผ้าห่มจำนวนมากเกินจำเป็น
เขาไม่จำเป็นต้องหายใจ แต่เขาก็ทำ
อย่างน้อยก็เพื่อการช่วยสงบสติอารมณ์ลง ช้าๆ เข้าและออก วนไป
มันอุ่น เขารู้สึกอุ่น แต่มันสบาย
เขาไม่แน่ใจว่าที่คลุมเขาอยู่เป็นผ้าห่มรึเปล่า สักพัก เขาก็เปิดตาขึ้นและกะพริบตา
สองเสียงที่เขาได้ยินเป็นเสียงของยามากุจิและโชโย
นั่นหมายความว่าเสียงหายใจเป็นของคาเงยามะ ทั้งสามคนนั่งอยู่บนพื้น
ยามากุจิและโชโยกำลังเล่นเกม เจ้าของชื่อแรกควบคุมผงดาวหลากสีลอยอยู่บนสนามไร้แรงโน้มถ่วงระหว่างเขาและโชโย
และทั้งสองต่างถือลูกแก้วในมือ บางส่วนเก็บไว้ที่ช่องว่าง
ลูกแก้วของโชโยเป็นสีส้มและแดง ส่วนยามากุจิเป็นขาวและฟ้า
คาเงยามะนั่งพิงกำแพง ความสนใจส่วนมากอยู่ที่บันทึกปกหนังสีดำ
และเขาก็เงยขึ้นมองสถานการณ์เกมบ้างเป็นครั้งคราว
ยามากุจิยิ้มกริ่มและเลือกลูกแก้วลูกหนึ่งจากในมือ
เขาโยนให้มันเด้งลูกแก้วส่วนของเขาบนสนามก่อนมันจะพุ่งใส่ใจกลางลูกแก้วของโชโย
ทั้งห้องสว่างวาบเป็นแสงสีฟ้าเหลือบแดง และโชโยก็มุ่ยหน้า
“เจ้าเก่งเกมนี้เกินไปแล้ว” เขาบอก
“นั่นเพราะว่าข้าเป็นคนคิดค้นมันขึ้นมายังไงล่ะ”
ยามากุจิยิ้มและกลุ่มดาวของเขาก็ส่องแสงสว่างขึ้นมาวูบหนึ่ง
เคย์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันไม่แปลกที่ยามากุจิมาอยู่ในห้องเขา
แต่สำหรับโชโยเป็นเรื่องน่าแปลกใจ และยิ่งกว่า ก็คือคาเงยามะ
“เคย์!”
ยามากุจิมองมาที่เขา เมื่อสังเกตว่าเขาตื่นแล้ว
“สึกิชิมะ!” โชโยกระโดดขึ้นยืนจนหัวเกือบชนเพดาน
กระทั่งคาเงยามะเองก็วางหนังสือลงและลุกขึ้นยืน
“ข้าไม่เป็นไร” เคย์หลุดปากตอบ และพยายามจะพยุงตัวขึ้นนั่ง
ยามากุจิเข้ามาช่วยโดยไม่ลังเล มือทั้งสองระวังไม่ให้โดนบริเวณแผลเป็นบนแผ่นหลังของเคย์
“พวกเราเป็นกังวลน่ะ” โชโยบอกพลางนั่งลงข้างเขา
“ทำไม?”
“เจ้าหลับไปสักพักเลย นานกว่าที่พวกเราคิดเสียอีก” คาเงยามะเหมือนจะก้าวเข้ามา
แต่ก็ลังเลแล้วยืนอยู่กับที่แทน
“แต่เจ้ารู้สึกดีขึ้นใช่มั้ย? ข้าไม่เคยรักษาไหล่
หรือหลังใครมาก่อนเลย” โชโยดูดีใจกับตัวเองกับคำพูดที่เพิ่งพูดไป
เคย์ชะงักไปเงียบๆ พยายามจะเมินสิ่งที่เขาได้ยินไปซะ
การรักษาไม่ได้จำเป็นต้องมีความรู้ลึกซึ้งอะไร ยังไงเสียมันก็เป็นเวทมนต์แขนงหนึ่ง
แต่มันก็ง่ายมากที่จะทำอะไรพลาดไปเมื่อไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร
ยามากุจิหลุดหัวเราะและเคย์ค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงในลำคอจากคาเงยามะมันสามารถเรียกได้ว่าการหัวเราะในลำคอ
“ข้ารู้สึกปกติดี ขอบคุณ” จริงอย่างว่า
หลังเขารู้สึกดีขึ้นกว่าที่มันเป็นมานาน
มันเกือบจะน่ากังวลใจที่เขาไม่รู้สึกถึงรอยร้าวเล็กๆ ในกระดูกแล้ว
ดวงตาของโชโยส่องประกายเจิดจรัส
รอยยิ้มขยายกว้างจนเคย์คงคิดว่าเจ็บหน้าถ้าเขาไม่รู้อยู่แล้วว่าโชโยยิ้มแบบนั้นตลอด
“ดีแล้ว” เขากล่าวเพียงแค่นั้น
...................................
พวกเขารวมตัวกันที่ริมชายฝั่งที่ตีนหน้าผา
ยามากุจิและทานากะจัดการปัญหาดวงดาวของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นเจ้าของชื่อแรกจึงมานั่งหัวเราะฟังโชโยพูดอยู่
ยามากุจิสวมเสื้อทูนิกธรรมดาแทนเสื้อคลุมยาวตัวเก่ง เขาไม่ได้สวมรองเท้าแตะรัดส้น
แม้เคย์ยังเห็นเขาสวมแหวนอัญเชิญหอกคู่หายอยู่ที่นิ้วโป้งซ้าย เขาไม่ได้ระวังตัวตลอดเวลา
มันก็มีบางวันที่เขาทิ้งแหวนนั้นไว้ที่ห้องเพราะไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร ไม่อีกต่อไป
ด้านในแหวนเป็นรอยสึกจางจากจำนวนครั้งที่เขาหมุนมัน สึกจากทุกครั้งที่เขาสะดุ้งตื่นยามค่ำแล้วนิ้วหมุนแหวน
จนเพียงเสี้ยววินาทีถัดมาเขาก็ถือหอกอยู่ในมือแล้ว แต่ตอนนี้เขายิ้มออกแล้ว ดูค่อนข้างผ่อนคลายต่างจากไหล่ที่เกร็งแข็งตลอดเวลา
โชโยนั่นสดใสดั่งปกติ ปีกกระเพื่อมอากาศรอบๆ ตัวเขาจนสั่นเบลอเหมือนภาพลวงตา
เขาไม่ได้สวมเสื้อ แต่ใส่เพียงกางเกงหลวมๆ ที่รัดตรงช่วงเอวและข้อเท้า มันเป็นสีส้มและแดงและขาว
และเคย์บรรยายพวกมันได้เพียงแค่ว่าลุกโชน ด้วยแผงอกเปลือยเปล่า เคย์จึงเห็นรอยแผลพาดผ่านสะโพกข้างขวาจนเกือบจะถึงซี่โครง
โชโยไม่เคยพูดถึงมันมาก่อน แต่เคย์ก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาเล่าอะไร เขาทำท่าทางใหญ่โต
ประกายไฟกระเด็นจากผิวของเขา
โคซึเมะอยู่ในน้ำ ร่างเรืองแสงสีฟ้าจาง หน้ากากช่วยหายใจปล่อยมากองรอบคอ
เขาไม่ได้ยืนฝ่าน้ำ แต่แค่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น สีผืนน้ำรอบๆ เขาดูเข้มกว่าปกติ
แต่เคย์ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ดวงตาที่เปลี่ยนสีตลอดเวลาจดจ้องนิ่งไปที่โชโย
มองตามการเคลื่อนไหวของเขาขณะที่สายน้ำเต้นระบำในอากาศรอบตัวอีกคน
มันเหมือนว่าทั้งสองคนกำลังเล่าเรื่องบางอย่างให้ยามากุจิฟัง โคซึเมะสร้างภาพทัศน์
ในขณะที่โชโยพูดบรรยายรัวเร็วพร้อมเสียงประกอบ
คาเงยามะนั่งห้อยขา ปล่อยให้คลื่นสาดใส่เท้า และง่วนอยู่กับสมุดของเขา
เคย์ไม่เคยเห็นหน้ากระดาษด้านในเป็นอย่างไร แต่เขารู้ว่ามันคืออะไร อาวุธ ภาพร่างและรูปวาดน้ำหมึกของอาวุธทั้งเก่าและใหม่นับไม่ถ้วน
ตอนแรกมันเป็นแค่สมุดจด แต่มันกลายเป็นแคตาล็อครวมผลงานที่ผิดพลาดทั้งหมดของเขาหลังสงคราม
อาวุธทุกชิ้นที่เขาเคยสร้างถูกวาดไว้ในเล่มนั้น หลายหน้าที่เต็มไปด้วยการปรับปรุงที่เขาน่าจะทำ
ควรจะทำ และได้ทำลงไป
เคย์บอกว่าเขาจะไปด้วย แต่ตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้ว
เขาตื่นขึ้นมาด้วยน้ำหนักหลอนของปีกทั้งสองข้างบนแผ่นหลัง สัมผัสหลอนของขนนกที่ไล้ตามผิวเขา
และเขาก็หลับตาแน่นกับความคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เพราะมันไม่ใช่ เขานอนนิ่งบนเตียง
พอใจกับการได้จินตนาการ พอใจกับการได้จดจำ มันมีคืนวันที่เขาจะบินไปบนฟ้ากับยามากุจิและพวกเขาก็บินกันไปจนสุดขอบอาณาเขต
ยามากุจิร่วมเดินทางตามหาวัตถุดิบกับเขา เติมเต็มความเงียบที่ตอนนี้เขาหวนหาเหลือเกิน
ท้ายที่สุด เขาก็ต้องลุกจากเตียง วันๆ หนึ่งเขามักจะใช้เวลาส่วนมากอยู่ในห้องทำงาน
รอคอยบางอย่างที่เขาเองก็ไม่รู้
โชโยมาหาตอนเที่ยงวัน ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นตรงกลางฟ้าพอดิบพอดี
เขาบอกเคย์ว่าคาเงยามะกับโคซึเมะอยู่ที่ริมทะเลด้านล่าง และยามากุจิเองก็กำลังมา
เพราะงั้นเคย์เลยยืนอยู่บนยอดผา นึกถึงความรู้สึกที่ได้เหินไปจากที่สูง
สัมผัสของสายลมที่ปะทะผิวกาย แรงดึงยามเขาสยายปีกออกแล้วลอยขึ้นตามแรงลม เขานึกถึงสมัยที่เขายังตัวเล็กและเพิ่งได้รับความสามารถมา
แต่เขาก็บินได้ค่อนข้างดี เขาใช้เวลาส่วนมากบนท้องฟ้า ไม่ยอมให้เท้าแตะพื้นเพราะความเปิดโล่งกลางอากาศมันรู้สึกดีกว่า
มันเป็นความทรงจำที่เขารักใคร่และไม่ยอมให้ตัวเองรู้สึกแย่กับมัน
เขาสามารถลงไปตรงนั้นได้ในเสี้ยววินาที
แต่เขาก็ยืดเวลาออกไป เดินตามทางลมลงไปยังชายฝั่ง
คาเงยามะสังเกตเห็นเขาก่อน เหมือนจะสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขา
เพราะวินาทีที่เคย์ก้าวเท้าลงบนพื้นทราย ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมาทันที คาเงยามะไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไหร่
ซึ่งเคย์ก็พอใจกับมัน มันเป็นความตรงข้ามกับรอยยิ้มแสบตาของโชโยได้อย่างดี
อีกสามคนที่เหลือยังไม่สังเกตเห็นเขา เขาเลยนั่งลงข้างคาเงยามะ
เอนตัวไปด้านหลังและเอียงหัวขึ้นจะได้มองเห็นท้องฟ้า
“โชเป็นห่วงแล้ว” สักพักคาเงยามะก็เอ่ยขึ้น เขากลับไปจดยิกบนสมุดของเขาอีกครั้ง
ระหว่างสงคราม เคย์เคยทำงานร่วมกับคาเงยามะอยู่พักหนึ่งหลังจากที่เขาคลาดกันกับยามากุจิ
พวกเขาเข้าขากันได้ค่อนข้างดี เคย์ถนัดด้านป้องกัน คาเงยามะโจมตี ในฐานะช่างอาวุธ
คาเงยามะมีความสามารถในการใช้ศาตราทุกรูปแบบ ความสามารถที่ได้ใช้ประโยชน์สูงสุดยามต่อสู้
อาวุธประจำตัวคาเงยามะดูเป็นเพียงแค่มีดยาวๆ ธรรมดาเล่มหนึ่ง แต่มันมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปร่าง
จากมีดเป็นดาบ เป็นขวานศึกคู่ มีดปา เคียว โซ่ คันศรและลูกธนู ยามศึกสงครามอาวุธของคาเงยามะนั้นอันตรายถึงชีวิต
และยังคงอันตรายอยู่ แค่ตอนนี้เขาไม่มีเหตุอะไรให้ใช้มัน
อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ ถ้าทุกอย่างตามแผนเปี่ยมประสิทธิภาพของสึกาวาระล่ะก็นะ
“ขอโทษด้วย” เคย์เอ่ยแห้งๆ
คาเงยามะไม่ได้ดูติดใจอะไร เขาแค่ยักไหล่แล้วร่างภาพต่อไป
“สึกิชิมะ!” โชโยโฉบมาและเตะทรายเข้าใส่ขาเคย์เมื่อเขาเหยียบพื้น
เคย์ลืมไปครู่หนึ่งว่าเขาควรจะเป็นคนเยือกเย็น และเขาก็ไม่สนที่จะชักสีหน้าหรือพยายามจะปัดทรายออก
“ฮินาตะ” เขาพยักหน้าแทนการทักทาย
ยามากุจิมาร่วมวงและโคซึเมะก็ดันตัวเองขึ้นมาบนโขดหินไม่ยอมขึ้นมาจากน้ำ
“ให้รอซะนานเลย” ยามากุจิเอ่ย น้ำเสียงตัดกับความกังวลในดวงตาและเคย์รู้เลยว่ายามากุจิรู้ว่าทำไมเขาถึงใช้เวลานานอย่างนี้
เคย์ดีใจที่ยามากุจิอ่านออกว่าไม่ควรพูดขึ้นมาตอนนี้
“ใช่ มาเร็ว! เคนมะจะพาพวกเราดำน้ำไปที่ถ้ำใต้ทะเลล่ะ”โชโยกระโดดขึ้น
ปีกพยุงเขาขึ้นสูงพอจะม้วนตัวเท้าชี้ฟ้าแล้วค้างอยู่แบบนั้น
โคซึเมะลุกขึ้นนั่ง
“ข้าคิดว่าเจ้ากับโทบิโอะคงอยากเห็น”เขาบอก “มันเต็มไปด้วยวัตถุดิบที่ข้าไม่ได้เห็นมาสักพักแล้ว”
นั่นดึงความสนใจของเคย์ไป และของคาเงยามะด้วย พวกเขาผุดลุกขึ้นยืนแทบจะทันที
ขณะที่ยามากุจิและโชโยกลั้นเสียงขำ
เคย์รู้จักเวทมนต์ของโคซึเมะ
ความสามารถของเขาที่สามารถพาคนอื่นลงไปใต้น้ำโดยที่พวกเขาไม่จมน้ำ
โคซึเมะเป็นข้อยกเว้นพิเศษ มันเคยมีข่าวลืมว่าเขาเป็นผู้หลงเหลือของสายเลือดข้ามสายพันธ์กับสัตว์วิเศษ
ไซเรนและสัตว์ประหลาดก้นทะเล ข่าวลือนั่นซาไปแล้ว
แต่เคย์ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันอาจจะมีความจริงอยู่ เวทมนต์ของโคซึเมะต่างออกไป มันให้ความรู้สึกที่เก่ากว่า
ไม่มีก้นบึ้ง ซึ่งน่าเหลือเชื่อเมื่อดูพลังที่เขามีอยู่ตอนนี้ แต่เคย์ก็ไม่ได้กลัวโคซึเมะหรืออะไร
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเชื่อใจอีกฝ่าย มันก็เพราะว่าถ้าเคย์ตายไป
ความลับในกุญแจทุกดอกจะถูกเปิดเผย
พวกเขาไม่จำเป็นต้องหายใจ ไม่ได้จำเป็นอะไร แต่ส่วนมากทำเพราะมันรู้สึกว่าควรทำ
ความอันตรายในการจมน้ำก็คงมีอยู่จริง ยิ่งไปกว่านั้น ความดันใต้น้ำลึกที่พวกเขาจะลงไปคงไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่
และมันไม่ใช่ว่าพวกเขาเชี่ยวชาญในการเดินทางใต้น้ำ
โคซึเมะแหวกน้ำพอให้พวกเขาลงไปยืนในพื้นทรายเปียกชื้น
โชโยพับเก็บปีกบนแผ่นหลังและคาเงยามะก็เสกให้หนังสือเขาหายไป แล้วพวกเขาก็อยู่ใต้น้ำและเคย์รู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายเขาลดลงต่ำไปครู่หนึ่ง
สักพัก เคย์ก็รู้สึกตัวว่าเขาหลับตาอยู่
เมื่อเขาลืมตาขึ้น มันมีเพียงสีฟ้าเขียวฉวัดเฉวียนในชั่วอึดใจ
เมื่อทุกอย่างกระจ่าง เขาก็เห็นแสงสว่างสีส้มที่เป็นโชโย และสป็อตไลท์ส่องแสงที่เป็นดวงตาของโคซึเมะ
นิมฟ์หนุ่มสวมหน้ากากช่วยหายใจของเขา น้ำไหลเวียนเข้าออก
จากการที่โคซึเมะใช้เวลาที่ไม่เป็นสัดส่วนใต้น้ำ หน้ากากจึงเป็นตัวช่วยแบ่งเบาภาระร่างกายของเขาในการเปลี่ยนน้ำเป็นอากาศที่หายใจได้
เขาไม่มีเหงือก หรือลักษณะเฉพาะเด่นชัดอะไร และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมข่าวลือเก่านั่นถึงเงียบไป
พวกเขาทั้งสี่คนถูกล้อมกรอบด้วยเส้นมนตรา และลองหายใจดูแล้วตามเคนมะไป
ถ้ำนั้นอยู่ไกลกว่าที่เคย์คิดไว้ พวกเขาเคลื่อนไหวลึกลงไป
แสงของโชโยไม่ได้เปลี่ยนไปแต่สูญเสียความสว่างจ้าไป
กลุ่มดาวของยามากุจิก็ไม่ได้เรืองแสงจางลงไป แต่พวกมันเปลี่ยนไป ไม่ใช่กลุ่มดาวนักรบหรือสิ่งของอะไร
แต่แสดงถึงสิ่งมีชีวิตแห่งสายน้ำที่เขาเคยพาขึ้นไปส่องสว่างบนฟ้าในอดีต
ในที่สุด โคซึมะก็พัดพวกเขาผ่านรอยแตกของกำแพงหิน
ทางเข้านั้นใหญ่พอให้เข้าไปเป็นคู่ได้ ยามากุจิจดจ่อกับการทำให้ดวงดาวเขาจรัสแสงกว่าเดิมและตามเคนมะไป
เป็นแสงนำทางให้คาเงยามะ ขณะที่โชโยอยู่ใกล้ๆ เคย์
พวกเขาโผล่พ้นน้ำขึ้นมาในถ้ำที่เกือบจะเป็นทรงกลม
โคซึมะพาพวกเขาออกจากน้ำก่อนคลายเวทมนต์ของตนเอง เคย์รู้สึกหนักขึ้น
และเขารู้ว่ามันคือความรู้สึกตามที่ควรจะเป็น
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องชอบมัน
ตามที่โคซึเมะชักชวน โชโยและยามากุจิเสกแสงสว่างขึ้นมา ส่องสว่างไปบริเวณรอบๆ
พวกเขา
คาเงยามะสะดุดหายใจเสียงดัง และดวงตาของเคย์ก็เบิกกว้าง
แสงสีแดงจากโชโยกระทบสายแร่ส่องประกายในหิน สะท้อนแสงสีชมพูกลับมา
ขณะที่แสงสีฟ้าของยามากุจิสะท้อนสีม่วงที่คล้ายดอกแพงพวยกลับมา จากเฉดสีเงินเข้มถึงเกือบใส
เคย์ไม่ได้เห็นพวกมันมาตั้งแต่สงครามครั้งแรก
มันไม่มีชื่อ มันไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจำแนกได้ เอกลักษณ์ที่พวกมันมีคือความเก่าแก่
หม่นหมองแต่มันฝังรากลึกมั่นคง มันเกือบทำเอาเขามึนเมา และเคย์รู้สึกเหมือนว่าเพียงแค่แตะมันก็จะพาเขาตกสู่ห้วงนิทรา
ถ้าเขาตั้งสมาธิ เขาพอจะจำแนกบางส่วนได้ ร่องรอยแห่งสนธยา เอกโลหิต ลมหายใจสุดท้าย
ท่ามกลางวัตถุดิบนับไม่ถ้วน หลอมรวมจนแทบจะเป็นหนึ่ง
วัตถุดิบพวกนี้ไม่ได้เป็นสิ่งต้องห้าม แต่มันทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจเมื่อมันมาจากศัตรูเก่าของพวกเขา
วัตถุดิบที่หลั่งรินจากบาดแผลและซึมซาบสู่ผืนดินลงมาเรื่อยๆ
จนก่อเกิดเป็นวัตถุที่ใช้ได้ แน่นอนว่าร่องรอยแต่ละรอยต่างกันไป
เคย์สามารถตามรอยเหตุการณ์ของการต่อสู้ได้โดยการแบ่งว่าวัตถุดิบไหนผสมอยู่บ้าง อาวุธชิ้นไหน
เสี้ยวของลักษณะเวทมนต์ของใคร ศัตรูที่ถูกสังหาร แก่นแท้ของมันอยู่ตรงนี้
มันต่างจากเลือด จากที่เคย์รู้ว่ามันหน้าตายังไง และนี่ไม่ใช่
มันมีมนตราเก่าแก่อยู่ในสายแร่ และถึงเขาจะใช้ตัววัตถุดิบนี้ไม่ได้ การดึงเวทมนต์ออกมาก็ใช้ได้เหมือนกัน
ถ้าไม่ใช่เพื่อพระจันทร์ ก็ไว้ใช้ส่วนตัว
เคย์ตกอยู่ในภวังค์ของแสงที่สะท้อนจากสายแร่เหล่านั้นจนแทบไม่ได้ฟังบนสนทนารอบตัว
“เราต้องบอกสึกะ” คาเงยามะกล่าวขึ้น เขาย่อตัวลงหน้ากำแพงฟากหนึ่ง ฟันขบริมฝีปากไม่หยุด
“ทำไมล่ะ?”โชโยถาม
“ข้าจำไม่ได้เลยว่ามีสงครามเกิดขึ้นที่นี่ด้วย”
“เอ่อ มันอาจจะเกิดขึ้นใกล้ๆ ก็ได้นะ” ยามากุจิเสนออย่างไม่แน่ใจ “ข้าหมายถึง
พวกเราก็รู้ว่าพวกมันไหลตามพื้นดิน”
“ก็ใช่ แต่พวกเราก็มาค่อนข้างไกล น่านน้ำเป็นพื้นที่เอกเทศ”
“ไม่ว่ายังไง” เคย์แทรกขึ้นมา “สึกาวาระควรรู้ถึงแหล่งแร่นี่ อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่ามีมันอยู่
การต่อสู้เกิดขึ้นทุกที่ มันเป็นไปได้ว่ามีศพถูกโยนลงมาที่ทะเล หรืออะไรแบบนั้น”
เขาจ้องตาโคซึเมะขณะที่เขาเดินไปอีกฟากของถ้ำ โคซึเมะจะบอกได้ว่ามีอะไรสำคัญเกิดขึ้นในน่านน้ำของเขาบ้าง
และการรวมตัวกันแบบนั้นก็จะต้องเรียกความสนใจของเขามา
ถ้ามีร่างใครสักคนตกลงมาในน้ำเขาจะต้องรู้
ถ้าพวกเขาจะบอกสึกาวาระ เขามีเวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น
เคย์รู้เอกลักษณ์มนตราตัวเองเหมือนกับที่เขารู้ถึงรอยแผลเป็นบนร่างกายเขา
และการตามหามันไม่ใช่ปัญหา สายแร่พวกนี้เต็มไปด้วยพวกมัน
เอกลักษณ์ที่ทิ้งไว้ด้วยอาวุธของเขา เวทมนต์ของเขา และมันเข้มข้น
มันคือเขาเอง
การปิดบังตัวตนไม่ใช่ปัญหา เขาลบเลือนตัวตนของตัวเองในชั่ววินาทีที่เขาแทงมือเข้าไปในหินเพื่อดึงก้อนเล็กๆ
ก้อนหนึ่งออกมา เขาสร้างภาพลวงไปบนรูนั้นและเสกให้ก้อนในมือหายไป
ตอนที่เคย์กลับไปคนที่เหลือยังคงพูดคุยกันอยู่
TBC….
NEXT CHAPTER: Musings (รำพึงรำพัน)
ll SMALL TALK WITH TRNASLATOR ll
สวัสดีครับผมม
ตอนนี้คือยาวมากๆ รวมทั้งหมด11หน้าได้ //ปาดเหงื่อ
เศษเสี้ยวอดีตเริ่มเปิดเผยมาทีละส่วนแล้วล่ะครับ ความลับที่เคย์ต้องการจะปิดบังคืออะไรกันแน่
ติดตามได้ในตอนต่อๆ ไปเลยนะครับผม
ไว้พบกันใหม่ตอนหน้าครับ
ด้วยรัก
พาร์ท
Killer in the Dark Shadow
ความคิดเห็น