ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    _облаки_

    ลำดับตอนที่ #41 : -ACE1-

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 57


    บทที่ 1เกมมรณะ...

    “อ้าว นี่ยังไม่เลิกงานอีกหรอ?”เสียงทักทายของเพื่อนร่วมงานคนสนิทของหญิงสาวเจ้าของเส้นผมสีดำสลวยยาวระเอวดังขึ้น เรียกให้เธอหันไปยิ้มให้

    “ฉันยังเหลืองานค้างอีกหน่อยน่ะ เซนะจังจะกลับไปก่อนเลยก็ได้นะ”เธอตอบกลับไป เพื่อนสาวของเธอพยักหน้าให้เล็กน้อย

    “งั้นฉันกลับก่อนนะ ขากลับก็ระวังๆล่ะ ช่วงนี้ยิ่งมีข่าวฆาตกรโรคจิตด้วย”

    “อื้อ”หญิงสาวตอบรับพลางโบกมือลาเพื่อนร่วมงาน เธอมองนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาสามทุ่มครึ่งเล็กน้อย ก่อนจะลงมือเขียนแผนงานที่ต้องส่งหัวหน้าในวันพรุ่งนี้

    เวลาผ่านไปจนในห้องเหลือเพียงเธอคนเดียว แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจ มัวแต่มุ่งทำงานจนลืมดูเวลา ในที่สุดหญิงสาวก็วางปากกา

    “เฮ้อ...เสร็จสักที”เจ้าของดวงตาสีฟ้าพึมพำกับตัวเองพลางบิดขี้เกียจคลายเส้นหลังจากนั่งท่าเดิมมานาน ก่อนจะเก็บข้าวของทุกอย่างลงกระเป๋า ปิดไฟ แล้วเดินลงมาจากตึกทำงาน

    “แย่จัง ห้าทุ่มแล้วหรอเนี่ย คืนนี้มีหนังรอบดึกที่อยากดูซะด้วยสิ”หญิงสาวมองตัวเลขบอกเวลาบนโทรศัพท์มือถือของตน ในใจนึกตำหนิตัวเองที่มัวแต่นั่งทำงานจนเวลาล่วงมาดึกขนาดนี้ ขาเรียวก้าวเร็วขึ้นหวังจะได้กลับบ้านโดยเร็ว แต่ด้วยความรีบเธอจึงเผลอสะดุดเข้ากับก้อนหินบนพื้นจนหกล้มหน้าทิ่มพื้น

    “โอ๊ย”เธอร้องเบาๆจากความเจ็บเข่าครูดกับพื้นเกิดเป็นรอยถลอก ข้าวของภายในกระเป๋าสะพายไหล่สีอ่อนกระจัดกระจายเต็มพื้นมือเรียวพยุงตัวเองขึ้นก่อนจะปัดดินที่เปื้อนเข่าและขาออก

    “ซวยชะมัดเลย”หญิงสาวพึมพำขณะที่ค่อยๆเก็บของ เมื่อเธอตรวจเช็คของในกระเป๋าก็พบว่าบัตรประจำตัวของตัวเองหายไป ของสำคัญที่ขาดไม่ได้ขณะไปทำงาน

    “ไปตกอยู่ไหนล่ะเนี่ย..”ว่าพลางขณะที่เปิดไฟฉายจากมือถือ แสงไฟตกกระทบบางอย่างสะท้อนเข้าตาทำให้เธอเงยหน้าขึ้นไปมอง

    ตุ้บโทรศัพท์ในมือหญิงสาวร่วงหล่นลงพื้นเมื่อเธอได้เห็นภาพตรงหน้าร่างสูงที่จ้องมองมาทางเธอ เช่นเดียวกับสายตาไร้ชีวิตของเธอที่อยู่เบื้องหลัง

    แสงไฟฉายบนพื้นที่สาดไปเผยให้เห็นมีดอาบเลือดในมือชายหนุ่มและร่างอีกร่างซึ่งนอนพิงกำแพงอยู่ด้านหลัง กายบางที่มีรอยแผลเหวอะหวะขนาดใหญ่กลางลำตัว ผิวขาวซีดไร้สีเลือดตัดกับแอ่งน้ำสีชาดที่เจิ่งนอง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดขีดก่อนเจ้าของร่างจะสิ้นใจ

    “ก..กรี๊ดดดดดดด!!”เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวตามมาหลังจากที่เธอช็อกได้ไม่นาน ดวงตาสีฟ้าจ้องภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นว่าชายเบื้องหน้าเดินถือมีดย่างขุมเข้ามาหา โดยไม่ต้องให้สมองสั่งการ ขาเรียวก็ขยับเพื่อวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว

    “เดี๋ยว!!”ชายหนุ่มตะโกนไล่หลัง

    ชายหนุ่มมองตามร่างที่วิ่งห่างออกไป ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับของบนพื้น  เขาก้มลงไปหยิบบัตรประจำตัวขึ้นมาพินิจ ชื่อที่ปรากฏทำให้ใบหน้าของเขาถมึงทึงขึ้นมากว่าเก่า

    “เรจิเน็ตต้า โทเลรันซ่า...”น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้นขณะทวนชื่อที่ปรากฏบนบัตร ดวงตาสีดำสนิทหลังกรอบแว่นลุกวาว ก่อนเขาจะวิ่งตามหญิงสาวที่เริ่มจะหายไปลับสายตา

     

     

    เรจิเน็ตต้าวิ่งสะเปะสะปะตามถนนเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คน ดวงตาสอดส่องหาทางหนีแต่สองข้างทางก็มีเพียงแค่พื้นที่รกร้างว่างเปล่าหรือไม่ก็บ้านที่ถูกทิ้งร้าง ทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่าได้เข้ามาในเขตที่ไม่ควรเข้ามาเสียแล้ว..

    “แฮ่กๆ”หญิงสาวหยุดยืนพักด้วยความเหนื่อย ความเจ็บที่เข่าแล่นขึ้นมาจากที่ที่ฝืนใช้งาน สายตากวาดมองรอบตัวเพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาในเขตนี้

    “เขตคินจิ...”เขตหวงห้ามที่ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามา แม้แต่ทหารหาญยังมีน้อยรายที่กล้าเหยียบเข้ามาในนี้ เขตที่ไร้สุ่มเสียงของสิ่งมีชีวิตนอกจากเสียงใบไม้ที่ดังเป็นระยะยามลมพัดผ่านและเสียงลมหวีดหวิวสร้างความวังเวงไปทั่วบริเวณ

    ‘Netta, remember, there is where none had left. (เน็ตต้าลูกจำไว้นะ ที่นั่นคือสถานที่ที่ไม่มีใครกลับออกมา)คำพูดของแม่ที่เธอเคยได้ยินสมัยเด็กย้อนกลับเข้ามาภายในหัว จนตอนนี้เธอได้แต่นึกเสียใจภายหลัง แต่ตอนนั้นด้วยอารามตกใจทำให้ความคิดกระเจิดกระเจิงจนเธอไม่แม้แต่จะสนใจว่าตนเองวิ่งไปทางไหน ขอเพียงแค่ตนเองได้หนีออกมาจากสถานที่นั้นก็เพียงพอแล้ว

    แต่แล้วเสียงฝีเท้าที่ดังมาแว่วๆเบื้องหลังทำให้เรจิเน็ตต้าเหลียวหลังกลับไปมอง ร่างไกลๆของชายหนุ่มที่กำลังวิ่งตามทางที่เธอเข้ามาอย่างรวดเร็ว

    จะหนี..หรือจะซ่อน??...

    จะให้วิ่งไล่จับกันแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหวเป็นแน่ เธอจึงตัดสินใจที่จะหาที่ซ่อน แต่มันก็ช่างยากเย็นในเมื่อบ้านส่วนใหญ่ในเขตนี้เสียหายจนเธอไม่กล้าเสี่ยงที่จะเข้าไปหลบ แต่แล้วดวงตาสีน้ำข้าวก็สะดุดเข้ากับบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล สภาพบ้านที่ยังดีอยู่ถ้าเทียบกับบ้านหลังอื่นๆ ประตูไม้เก่าคร่ำครึเปิดอ้าอยู่ราวกับรอต้อนรับ...

    ความรู้สึกประหลาดราวกับต้องการจะร้องเตือนไม่ให้เธอเข้าไปทำให้เธอชะงักไปชั่วครู่ ใบหน้าสวยหันกลับไปมองทางผู้ที่กำลังเร่งฝีเท้าวิ่งเข้ามาหา ก่อนจะตัดสินใจวิ่งหายเข้าไปในบ้านเพื่อหลบซ่อนตัวโดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของชายหนุ่มเบื้องหลัง

    “โธ่เว้ย! วิ่งเข้าไปจนได้!!”ชายหนุ่มพูดเมื่อวิ่งมาถึงหน้าประตู ความมืดมิดภายในบ้านทำให้เขามองไม่เห็นหญิงสาวเสียแล้วทางเดียวที่เหลือคือต้องตามเข้าไปเท่านั้น

    ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในบ้าน ประตูเบื้องหลังก็ปิดลงอย่างเงียบเชียบและรวดเร็วพร้อมกับแสงสว่างที่หายไป ชายหนุ่มหันกลับไปด้วยความตกใจ มือหนาพยายามจะหมุนลูกบิดและใช้แรงที่ตนเองมีทั้งหมดกระแทกประตูออกไป แต่ประตูไม้กลับไม่ขยับสักนิด สัมผัสที่ราวกับไม้ผุพังแต่ไม่สามารถทำอะไรได้...

    “บ้าเอ๊ย!!”ชายหนุ่มสบถเสียงเข้มอย่างหัวเสีย ก่อนจะพยายามกระแทกประตูอยู่อีกหลายครั้ง

    พรึ่บแสงจากไฟที่ถูกจุดขึ้นตามตะเกียงเทียนติดผนังทำให้ชายหนุ่มเบนความสนใจไปหา ความว่างเปล่าบนระเบียงทางเดินทำให้เขาประหลาดใจ แสงไฟอ่อนจางทำให้เห็นรอบตัวเพียงรางๆ

    นี่มันเรื่องอะไรกันแน่...

     

     

    เรจิเน็ตต้ามองห้องที่เธอสุ่มวิ่งเข้ามา แสงจันทร์ส่องผ่านรูผ้าม่านที่ขาดๆแหว่งๆทำให้เห็นเพียงเงารางๆ ทุกอย่างเงียบสนิทมีเพียงเสียงหอบหายใจของตัวเธอเองที่ดังภายในห้องแห่งนี้หญิงสาวเดินไปแง้มผ้าม่านเพื่อให้แสงลอดผ่านเข้ามาพลางกวาดสายตามองหาที่ที่ตนเองสามารถซ่อนได้ ก่อนเธอจะเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าไม่มีที่ที่สามารถให้เธอหลบซ่อนได้เลย

    ตึง! ตึง! ตึง!’เสียงเหมือนใครพยายามจะกระแทกอะไรบางอย่างทำให้เธอตกใจปล่อยมือจากชายผ้าม่าน ดวงตากวาดมองไปทางประตูด้วยความหวาดระแวง เสียงนั้นดังอยู่อีกสักพักก่อนจะเงียบหายไป ไม่นานนักแสงไฟจากเทียนไขแขวนกำแพงด้านนอกก็ส่องเข้ามา

    “เอ๊ะ?!”เรจิเน็ตต้าร้องด้วยความสงสัย ในใจคิดกะจะชะเง้อหน้าออกไปมอง แต่ก็ยั้งใจไว้ได้ทันเผื่อว่ามันจะเป็นกับดักของใครบางคนเมื่อไม่เห็นเงาใครด้านนอก เธอจึงถอนหายใจเบาๆออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความมืดอีกต่อไป

    ซ่า ซ่า ซ่าเสียงคล้ายกับเสียงคลื่นแทรกดังก้องไปทั่วบ้านท่ามกลางความเงียบ ทำให้เรจิเน็ตต้าสะดุ้งนัยน์ตามองหาสิ่งที่เธอคาดว่าน่าจะเป็นลำโพงที่ส่งเสียงชวนขนลุกแบบนั้นออกมา

    ยินดีต้อนรับผู้ร่วมเกมทั้งสองน้ำเสียงทุ้มต่ำน่าขนลุกดังขึ้นเมื่อเสียงคลื่นแทรกหายไป

    ยินดีต้อนรับ สู่เกม...ที่มีชีวิตของพวกเธอเป็นเดิมพันเพียงแค่พวกเธอสามารถหาคำถามและคำตอบที่ฉันต้องการได้ พวกเธอก็จะรอด แต่ถ้าไม่...พวกเธอก็ตายคำว่าตายที่เน้นชัดราวกับต้องการตอกย้ำว่าพวกเธอนั้นคือลูกไก่ในกำมือ เขาบีบก็ตาย เขาคลายก็รอด...

    พวกเธอสามารถเลือกได้ว่าจะรอดด้วยกันหรือรอดเพียงคนใดคนหนึ่งและเกมนี้จะยังดำเนินต่อไปหากพวกเธอยังหาคำตอบไม่ได้และยังมีชีวิตอยู่..

    ระหว่างเกมกำลังดำเนินไป ฉันขอแนะนำว่าควรจะเก็บไพ่เอซโพดำที่พวกเธอพบไว้ให้ดี แล้วพวกเธอจะเห็นคุณค่าของพวกมันในภายหลัง..

    เอาล่ะ เมื่อฉันก็ได้บอกทุกอย่างที่จำเป็นกับพวกเธอไปแล้ว ฉันจะบอกคำใบ้แรกให้พวกเธอได้ฟังกันและฉันจะบอกเพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น

    ‘‘สุริยาชี้แจ้งให้ประจักษ์ศิลาลักษณ์ชี้แจงแถลงไขไม่ยากเลยใช่มั้ยกับบทกลอนสั้นๆ?

    เมื่อเสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนขึ้นดังเมื่อไหร่ เกมนี้จะถือว่าเริ่มต้นขึ้นทันที

    และฉันลืมบอกพวกเธอไป เมื่อเกมเริ่มขึ้นในบ้านหลังนี้ไม่ได้มีแค่พวกเธอเท่านั้นเมื่อจบประโยคก็เหมือนสัญญาณถูกตัด เสียงซ่า ซ่าดังอีกครั้งก่อนจะดับไป

    “นี่มัน..เรื่องล้อเล่นอะไรกันเนี่ย??”หญิงสาวถามอย่างไม่เชื่อตัวเอง แม้ในใจจะรู้ดีว่าคำถามนั้นไม่มีคำตอบก็ตาม เธอนิ่งด้วยความสับสนไปสักพักก่อนจะนึกออกถึงสิ่งที่เธอควรจะทำ

    “ทางออก...หน้าต่าง...หน้าต่าง!”เรจิเน็ตต้าวิ่งไปยังหน้าต่าง ในใจนึกอยากจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้เต็มทน มือเรียวจับที่กลอนของหน้าต่างไม้บานเก่า ปลดล็อคมันก่อนจะพยายามดันเปิดออก แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรหน้าต่างก็ไม่แม้แต่จะขยับราวกลับมันเป็นเพียงกรอบหน้าต่างที่ถูกยึดไว้ไม่สามารถเปิดออกได้

    “บ้าน่า! เปิดสิ เปิด!!”หญิงสาวแทบจะกรีดร้อง เมื่อหน้าต่างทั้งสามบานภายในห้องเล็กๆห้องนี้เปิดไม่ออกเลยซักบานดวงตาสีฟ้ามองออกไปด้านนอกบ้านด้วยสายตาสิ้นหวัง

    หรือฉันจะออกจากที่แห่งนี้ไปไม่ได้จริงๆ?.....

     

     

    ซ่า ซ่า ซ่าเสียงน่าปวดหัวดังก่อนจะดับไปทิ้งให้ชายหนุ่มได้แต่ครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด ใบหน้าตึงเครียดก่อนหน้ากลับมาเป็นเยือกเย็นตามนิสัยเจ้าตัว

    “อย่างแรกต้องตามหาตัวอีกคนก่อนเกมจะเริ่มสินะ...วุ่นวายซะจริง”ชายหนุ่มพึมพำ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะอีกฝ่ายคงไม่ยอมพบหน้าเขาดีๆเป็นแน่

    เขาเดินตามโถงทางเดินที่มีแสงไฟไปเรื่อยๆ ดวงตาสีนิลมองนาฬิกาข้อมือที่กำลังบอกเวลาห้าทุ่มครึ่งนิดๆ ในใจคิดหาหนทางที่จะทำให้เขาสามารถร่วมมือกับเรจิเน็ตต้าได้ ระหว่างทางเขามองสำรวจทุกห้องเท่าที่สำรวจได้เพื่อตามหาตัวหญิงสาวในชั้นแรก แต่กลับไม่พบร่องรอยอะไรเลยแม้แต่น้อย ด้วยทางเดินที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าวนรอบบ้านเขาจึงเดินวนกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกรอบ

    “ให้ตายสิ น่าปวดหัวชะมัด หรือเธอจะหนีขึ้นไปชั้นสองแล้ว....”ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋าออกมาด้วยความรำคาญ

    ‘You have a new massage (คุณมีข้อความใหม่)เมื่อมองหน้าจอก็เป็นดังคาดว่าไม่มีสัญญาณให้เขาโทรออกได้ แต่ก็ชวนให้เขาสงสัยว่าทำไมข้อความถึงส่งมาถึง เมื่อรู้ตัวว่าคิดไปก็ไม่ช่วยให้สัญญาณกลับมา นิ้วเรียวจึงกดปุ่มเปิดข้อความดู

    พี่เซย์ชิโร่ พี่มีหลานแล้วนะ ฉันให้พี่เป็นพ่อทูนหัวด้วย จะมาเยี่ยมแล้วโทรบอกด้วยล่ะ – ซาจิ

    ชายหนุ่มยิ้มบางแม้ว่าจะอยู่ในสภาวะที่น่าจะยิ้มไม่ออก คนที่รอเขาให้กลับไปนั้นทำให้เขาจะต้องหาทางรอดออกไปให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เมื่อคิดได้ดังนั้นเซย์ชิโร่ก็ตัดสินใจที่จะไปยังห้องโถงกลางที่เขาพบก่อนหน้า ห้องโถงที่เป็นสถานที่ตั้งของนาฬิกาเรือนใหญ่

    แอ๊ด...เสียงประตูดังขึ้นเมื่อมันถูกผลักเข้าไปอย่างแผ่วเบาเซย์ชิโร่มองสำรวจภายในห้องเป็นรอบที่สอง ก่อนจะก้าวเข้าไป โต๊ะอาหารเก่าๆขนาดใหญ่รายล้อมด้วยเก้าอี้ไม้ที่เคยบุผ้าสักหลาดอย่างดี โคมไฟระย้าที่ถูกจุดเหมือนเทียนไขตามโถงทางเดิน ทำให้ภายในห้องนี้ดูสว่างไสวที่สุดภายในบ้านหลังนี้

    เซย์ชิโร่เหลือบมองเข็มนาฬิกาที่ไม่ขยับ สลับกับลูกตุ้มนาฬิกาที่แกว่งซ้ายขวา ก่อนจะถอนหายใจออกมากับความแปลกประหลาดของนาฬิกาเรือนนี้  ซึ่งตามปกติหากลูกตุ้มยังขยับได้ เข็มนาฬิกาก็น่าจะเดินตามไปด้วย

    ชายหนุ่มนั่งรอสักพักก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เข็มที่ชี้บอกว่าอีกไม่กี่วินาทีก็จะตรงตามกำหนดเวลา

    “ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง...”เซย์ชิโร่รอฟังเสียงนาฬิกาเมื่อเข็มวินาทีของเขาผ่านเลขสิบสอง แต่สิ่งที่ตามมาก็มีเพียงความเงียบสงบ

    “....”ชายหนุ่มมองนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืน ส่ายหัวเบาๆที่ตัวเองหลงเชื่อคำพูดของใครก็ไม่รู้แม้ว่าเขาจะเคยมีเบาะแสของเกมเกมนี้มาก่อนก็ตาม

    ร่างสูงผุดลุกขึ้น ในเมื่ออยู่ในห้องแห่งนี้ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่ทันทีที่เขาก้าวเท้าข้ามผ่านธรณีประตูเสียงนาฬิกาก็ดังขึ้น

    แก๊ง....แก๊ง....แก๊งเสียงนาฬิกาดังยามเที่ยงคืน สัญญาณที่บ่งบอกว่า..

    เกม...ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...

     

     

    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่นานนัก..

    “เฮ้อ....”เรจิเน็ตต้าถอนหายใจเมื่อเสียงฝีเท้าของใครสักคนดังแผ่วออกไปจากห้อง ร่างเพรียวปีนขึ้นไปตามราวบันไดเหล็กข้างๆเธอ เมื่อปืนจนใกล้จะถึงด้านบน มือเรียวก็ยกขึ้นเหนือหัวผลักบานประตูด้านบนให้เปิดออก

    เธอปีนขึ้นมานั่งบนพื้นไม้ ก่อนที่จะมองกลับลงไปยังด้านล่าง สถานที่ซ่อนตัวที่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากการตามหาผู้ชายที่วิ่งไล่เธอมาก่อนหน้า

    โชคดีจริงๆที่มีห้องลับอยู่ข้างใต้เรจิเน็ตต้าอดคิดไม่ได้ ถ้าเธอไม่บังเอิญสะดุดบานประตูที่ระดับไม่ค่อยเสมอกับพื้นเข้าล่ะก็ เธอคงไม่รู้หรอกว่ามีห้องลับอยู่ข้างใต้

    หญิงสาวค่อยๆพับบานประตูลงปิดอย่างเดิม ก่อนจะเลื่อนพรมผืนเล็กเก่าๆขาดๆมาคลุมทับไว้

    “เอาล่ะ ทีนี่เรามาหาทางออกกันดีกว่า”หญิงสาวพูดกระตุ้นตัวเอง ขาเรียวก้าวไปบริเวณหน้าห้องแล้วมองซ้ายมองขวา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเธอก็ค่อยๆเดินเลียบกำแพงกลับไปตามทางที่เธอวิ่งเข้ามา

    ไม่นานนักเธอก็เดินมาถึงประตูทางเข้าที่ปิดสนิท แต่ยังไม่ทันจะลองเข้าไปเปิดประตูดูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางที่เดินมาจากคนละฝั่งกับที่เธอเดินมาเรจิเน็ตต้าจึงรีบหลบเข้าไปในห้องที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที

    “ให้ตายสิ น่าปวดหัวชะมัด หรือเธอจะหนีขึ้นไปชั้นสองแล้ว....”เสียงที่ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองดังขึ้น ทำให้เรจิเน็ตต้าแอบมองจากขอบประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร แล้วเธอก็พบกับชายหนุ่มผมสีดำสนิทที่ยืนอยู่

    หมอนั่นกำลังตามล่าฉันอยู่จริงๆด้วย!!’เรจิเน็ตต้าคิดในใจอย่างตระหนก ดวงตาก็คอยสังเกตการกระทำของชายหนุ่มอยู่ตลอดเวลา สมองประมวลผลสั่งให้เธอหาทางออกจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด ไม่ว่ามันจะทำให้เธอพบกับอะไรบ้างก็ตามที

    เรจิเน็ตต้านิ่งเกร็งอยู่สักพักก็ผ่อนคลายลงเนื่องจากร่างของชายหนุ่มที่เดินลับหายไปตามทางเดินอีกทางหนึ่งที่เขาเพิ่งเดินมา

    หญิงสาวไม่รอช้า ก้าวเท้าเดินเสียงเบาไปยังประตูทางเข้าออก ก่อนจะลองหมุนลูกบิดเปิดและดันมันออกไป แม้ว่าลูกบิดจะบิดได้แบบไม่มีปัญหา แต่ก็ไม่สามารถผลักออกไปได้ เหมือนกับหน้าต่างภายในห้องที่เธอใช้หลบซ่อน ทำให้เธอเริ่มลนลานจนแทบจะกระแทกประตูให้พัง และแน่นอนว่าเสียงจะต้องได้ยินไปไกลพอสมควรทีเดียว

    ‘Be calm when things come then there will be none you cannot do (ลูกต้องมีสติเวลาเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ แล้วลูกจะไม่มีสิ่งที่ลูกทำไม่ได้)เสียงหวานของแม่ของเธอดังก้องเข้ามาในหัวอีกครั้ง ทำให้เรจิเน็ตต้ารู้สึกสงบอย่างแปลกประหลาด เธอหายใจเข้าลึกๆรวบรวมสติ ก่อนจะตัดสินใจกลับไปยังห้องที่เธอตัดสินใจจะใช้ปักหลักในตอนนี้

    เมื่อเรจิเน็ตต้าเดินมาถึงที่ห้องก็ตัดสินใจที่จะคว้าเทียนไขจากเชิงตะเกียงติดผนังติดมือเข้าไปด้วยหนึ่งเล่ม แสงเทียนทำให้ภายในสว่างขึ้นมากกว่าเดิม เธอย่อตัวลงเปิดประตูลับบานไม่ใหญ่มากขึ้น ก่อนจะค่อยๆไต่บันไดลงไปอย่างระมัดระวัง และปิดลงอย่างแผ่วเบา

    ภายในห้องขนาดประมาณ4 ตารางเมตรใต้ดินนั้นแทบไม่มีอะไรอยู่เลย มีเพียงเตียงเดี่ยวเก่าๆวางชิดติดกำแพงด้านหนึ่ง ตะเกียงน้ำมันสนิมเขรอะและโต๊ะเขียนหนังสือเล็กๆที่มีสมุดบันทึกเล่มเก่าวางอยู่

    เรจิเน็ตต้ามองในตะเกียงเมื่อพบว่าไม่มีน้ำมันเธอจึงลองมองหาขวดน้ำมันแถวๆนั้น ก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อพบขวดน้ำมันตะเกียงใต้โต๊ะเขียนหนังสือ

    เมื่อจุดไฟเสร็จ เรจิเน็ตต้าก็นั่งลงบนพื้น และคว้ากระเป๋าสะพายมาค้นดูว่าของในนั้นมีอะไรบ้าง

    เรจิเน็ตต้าเจอนิยายขนาดพกพาเล่มบางๆสองเล่ม ปากกาน้ำเงินและดำอย่างละด้าม สมุดจดเล่มเล็ก เครื่องเล่นmp3พร้อมหูฟัง ขนมปังไส้กรอกสามก้อนที่เธอเพิ่งซื้อมาเมื่อตอนเที่ยงกระเป๋าเงิน หวี กระจก ผ้าเช็ดหน้า กระดาษทิชชู ลิปสติกและตลับแป้งในกระเป๋าของเธอเอง

    “ไม่มีอะไรที่ใช้ได้เลยหรอเนี่ย..”หญิงสาวถอนหายใจอย่างปลงตก แม้จะรู้สึกชื้นใจที่ยังพอมีเสบียงเล็กๆน้อยๆ มือก็เก็บของทุกอย่างลงกระเป๋าตามเดิมเรจิเน็ตต้าลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปยังโต๊ะเขียนหนังสือเพื่อดูสมุดบันทึกที่วางอยู่ เผื่อดูว่าจะมีอะไรที่จะช่วยเธอได้

    สมุดเล่มเก่าค่อยๆถูกเปิดออก กระดาษสีเหลืองกรอบจนเรจิเน็ตต้าต้องเบามือในการเปิดมากกว่าเดิม ตัวอักษรภาษาอังกฤษทำให้เธอพอเดาได้ว่าเจ้าของสมุดเล่มนี้ไม่ใช่คนญี่ปุ่น

    I’ve already stayed here for 4 months but I still don’t know who owns this manor. Every month I receive his letter but I’ve never seen him. I know just he is Japanese and has authority to do things he wants, like he brought me to this country, Japan..

    (ฉันอยู่ที่นี่ได้ 4 เดือนแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่รู้จักเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้สักที ทุกๆเดือนฉันจะได้รับจดหมายจากเขา แต่ฉันก็ไม่เคยพบเขา ฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นคนญี่ปุ่นและมีอำนาจที่ทำให้เขาสามารถทำทุกสิ่งที่เขาอยากทำได้ เหมือนอย่างที่เขาพาฉันมาที่ประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้..)

    เมื่ออ่านยังไม่ทันจบย่อหน้านึง เธอก็ได้ยินเสียงนาฬิกาลูกตุ้มดังก้อง

    แก๊ง แก๊งเสียงที่เหมือนนาฬิกาทั่วๆไปแต่มันกลับทำให้เธอขนลุกอย่างบอกไม่ถูก สัญญาณบ่งบอกถึงการเริ่มต้นที่บุคคลปริศนาได้บอกมา

    “เที่ยงคืนแล้วอย่างงั้นหรอ..”เรจิเน็ตต้าพึมพำกับตัวเอง ขณะที่เธอกำลังจะก้มลงมาอ่านสมุดบันทึกต่อก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่หยดใส่หน้า

    “เอ๋?”เรจิเน็ตต้าเอามือเช็ดออก ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นของเหลวที่เปื้อนอยู่บนมือ ของเหลวสีแดงคล้ำพร้อมกลิ่นสนิทเหล็กจางๆ หญิงสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองหาที่มาของของเหลวอย่างสงสัย

    “กรี๊ดดดดดด”เรจิเน็ตต้ากรีดร้องกับสิ่งที่เธอเห็น ดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่าตอนที่เธอพบศพ...

    ใบหน้าขาวซีดของหญิงสาว...ที่อาบย้อมด้วยเลือด!!!!

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×