ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Haikyuu!!] Sunbeams แสงตะวัน (ฟิคแปล)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4: The Moon God’s Duties (ภาระหน้าที่ของเทพจันทรา)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 61


    Title: Sunbeams แสงตะวัน

    Story: Saturnalius

    Translator: KITDS

     

    Chapter 4:  The Moon God’s Duties (ภาระหน้าที่ของเทพจันทรา)

    “เคย์ เร็วเข้า!”ยามากุจิเรียก

    วันนี้เป็นวันประชุม เคย์ไม่ได้อยากไป แต่ก็ไม่มีทางเลือก ยามากุจิอยู่ด้านนอกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในมือเต็มไปด้วยแผนที่ดวงดาวและหมู่ดาวตามเส้นผมเขาก็หมุนวน เสื้อคลุมทางการของเขาพลิ้วไสว ส่วนเสื้อผ้าที่บางเบาดุจอากาศล่องลอยราวกับมีชีวิต และเท่าที่เขารู้จักเคียวทานิ พวกมันน่าจะมีชีวิตในระดับหนึ่ง

    เคย์แบ่งแผนที่ดวงดาวมาส่วนหนึ่งก่อนยามากุจิจะทำมันร่วงพลางถอนหายใจ และเมินเฉยรอยยิ้มกว้างที่เขาได้รับตอบ

    การเดินทางไปวังไม่นาน เว้นเสียแต่พวกเขาอยาก กาลเวลานั้นจับต้องไม่ค่อยได้ และอาคาอาชิก็ค่อนข้างเข้าอกเข้าใจคนอื่นกับการควบคุมห้วงเวลานั้น

    “สำหรับข้าไม่มีอะไรเปลี่ยนเสียหน่อย ไม่เห็นเข้าใจว่าจะต้องไปทำไม”เคย์บ่นงึมงำ

    “มันเป็นงานการนะ สึกกี้ อีกอย่าง ฮินาตะก็จะอยู่ที่นั่นเหมือนกัน สักพักแล้วที่เขาไม่ได้ไปที่นั่น”

    เคย์กลอกตาและไม่คิดจะตอบอะไรกลับ เขารู้ดีว่ายามากุจิกำลังยิ้มอยู่

    สักพักตัววังก็เข้าสู่ครรลองสายตา หอคอยแต่งแต้มท้องฟ้า มนตราเรืองรองผ่านบ้านหน้าต่าง เงิน ขาว และสีสันสดใส พระราชวังเป็นประกายท่ามกลางแสงยามตะวันตกดิน แนวเทือกเขาทอดตัวเข้าหาแสงอาทิตย์ แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของพระราชวัง สลักจากก้อนหิน มันใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ตามวัยพวกเขา เคย์และคาเงยามะ และคนอื่นๆ สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับมัน และมันก็เป็นหนึ่งในงานที่เคย์ภาคภูมิใจที่สุด

    “ยามากุจิ สึกิชิมะ มาถึงสักทีนะ!” โมนิวะกระโดดลงมาจากรั้วป้องกัน พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อยเมื่อเขาถึงพื้น

    “เราไม่ได้สายเสียหน่อย”เคย์กล่าวเรียบๆ

    “ใช่ แต่คนอื่นมาถึงกันหมดแล้ว ข้ารอแค่พวกเจ้าสองคนเท่านั้นแหละ เข้ามาได้แล้ว ข้าจะได้ลงกลอนเสียที” เขาทำเพียงแค่ดันทั้งสองเข้าสู่ด้านใน และอยู่ระหว่างการลงกลอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขณะที่พวกเขาเดินตามทางเข้าเข้าไป

    โถงวังนั้นโอ่อ่าเช่นเคย เพดานคล้ายโถงถ้ำ แสงสว่างลอยไปมา แผนที่โลกที่จารึกลงบนผืนกำแพงอย่างภาคภูมิ เทพองค์อื่นๆ นั่งรายล้อมรอบโต๊ะ แลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับรายงานต่างๆ อย่างสบายอารมณ์ สึกาวาระนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ พูดคุยด้วยเสียงราวกระซิบกับไดจิและคุโร่ โดยคนหลังนั้นยืนพิงข้ามพนักเก้าอี้ของสึกาวาระมา

    สึกาวาระอยู่ในชุดคลุมยาวสีเงิน ผ้าพันสีส้มอ่อนพันรอบไหล่ เขาสวมถุงมือคู่ประจำต่างจากคู่สีดำเป็นเงาที่มักจะสวมใส่ตามการประชุม ไดจิแต่งกายคล้ายกัน เทาเข้มแทนสีเงินและส้มสว่างกว่า คุโร่อยู่ในชุดสีดำ ที่มีลวดลายสีแดงบางๆ ที่ดูเหมือนจะขยับได้โดยไม่ต้องพึ่งการตกกระทบของแสง

    นิชิโนยะนั่งอยู่บนบ่าของอาซาฮี และคุยอย่างสบายใจอยู่กับยาคุ อาคาอาชิกำลังคุยสักเรื่องอยู่กับคิโยโกะ ซึ่งทั้งสองคนดูจะเพิกเฉยความทางการของการประชุม เมื่ออาคาอาชิอยู่ในชุดธรรมดา ไร้ซึ่งตราสัญลักษณ์ที่ควรอยู่บนอก และใบดาบเข็มนาฬิกาก็วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ คิโยโกะเนื้อตัวเต็มไปด้วยใบไม้และกลีบดอกไม้ เธอสวมชุดแต่งสวนทับด้วยผ้าคลุมไหล่ธรรมดา แต่คงไม่มีใครพูดถึงมัน เพราะถึงทุกการประชุมจะเป็นทางการ แต่มันก็ไม่ได้จำเป็น อีกอย่าง คิโยโกะเป็นที่เคารพอย่างมาก และคงไม่มีใครตั้งคำถามกับอาคาอาชิเป็นแน่

    เคย์มองไปทั่วพื้นที่ชุมนุม และแน่นอนว่ายามากุจิเองก็สังเกตเห็น แม้เขาจะเห็นร่างที่สว่างไสวเป็นพิเศษวิ่งตรงดิ่งมาหาเคย์ แต่เขาก็ฉลาดที่จะไม่พูดอะไร นัยน์ตาของจันทรเทพยังคงมองบริเวณโต๊ะ เขาเลยไม่ทันสังเกตตอนที่ร่างนั่นกระโดด

    “สึกิชิมะ!”โชโยตะโกน ปีกสยายออกเมื่อขาทั้งสองกอดรอบเอวของเคย์

    เมื่อไหร่กันที่ฮินาตะกลายเป็นโชโย เคย์ก็ไม่รู้เหมือนกัน และเขาก็จะไม่บอกยามากุจิด้วย

    “สวัสดี”เขากล่าว

    “ในที่สุดก็มาถึงกัน มาสิ!”โชโยกระพือปีก พุ่งผ่านไปครึ่งโต๊ะอย่างรวดเร็ว

    ยามากุจิหัวเราะหลังมือแต่ก็เดินตามเคย์ปไ

    โชโยนั่งอยู่กับคาเงยามะและโคซึเมะ โดยคนหลังดูเปียกโชกราวกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ โคซึเมะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของท้องทะเล แต่เขาชอบความปลอบประโลมของสายน้ำ และความสลัวของมัน พระราชวังไม่ใช่ที่สนุกสำหรับเขาเท่าไหร่ เขาสวมชุดทางการของตัวเอง ซึ่งเต็มไปด้วยสีน้ำเงิน เส้นผมประดับพันเกี่ยวด้วยดอกไม้ใต้ทะเล สีผิวเรืองแสงโผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาบางส่วน ดวงตาของเขาว่ายวนระหว่างสีดำและสีน้ำเงินตามจังหวะหายใจของเขา

    เคย์ไม่เคยลงไปใต้ทะเลลึกมาก่อน แต่เขารู้ถึงความลับของพวกมัน โคซึเมะเคยมาเยือนเขาในอดีต แทบจะทึ้งผมตัวเองพลางเค้นคำพูดออกมา กุญแจของเขาเป็นสีน้ำเงินเข้มปนดำ แต่งประดับด้วยโทปาซ และพวกมันหนักพอๆ กับของสึกาวาระ

    คาเงยามะแต่งตัวกึ่งทางการ แทนที่เสื้อกันเปื้อนด้วยเสื้อทูนิคสีดำเนื้อหนา แขนเสื้อแนบเนื้อยาวข้างใต้ดูครุกรุ่นแม้จะไม่มีอะไรติดไฟ มือของเขาหยาบกระด้างจากงานหลายชั่วชีวิต รอยแผลเป็นวาดผ่านตามนิ้วและฝ่ามือ พวกเขาเป็นอมตะ แต่ไม่ได้บุบสลายไม่เป็น

    เคย์รู้เรื่องนั้นดีเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

    ยามากุจิถองศอกใส่สีข้างเขาและจ้องเขม็งไปทางคาเงยามะ เคย์ทำเพียงถอนหายใจและสะกัดกั้นเสียงร้องโอดโอย

    “ขอบคุณสำหรับยามค่ำ มันมีประโยชน์มาก”เขากล่าวพลางนั่งลงข้างๆ โชโย ซึ่งเอาที่เท้าแขนของเก้าอี้คาเงยามะเป็นเก้าอี้

    “โชบอกว่าเจ้าอาจจะชอบ”เสียงของคาเงยามะมักจะค่อนข้างหยาบกระด้าง “มันสักพักแล้วที่เจ้าไม่ได้สั่งทำอาวุธ นี่เป็นสิ่งที่น่าทำรองลงมาน่ะ”

    “เจ้ามีอาวุธด้วย?”โชโยแทบจะตะโกน เอนตัวมากเสียจนเกือบร่วง แต่ปีกทั้งสองก็พยุงเขาอยู่แม้ตัวเขาจะไม่ได้สังเกตเห็น

    “แน่นอน”

    พวกเขาส่วนมากมีอาวุธกายภาพ แม้บางส่วนจะชอบการใช้เวทมนต์เป็นอาวุธมากกว่า อย่างโคซึเมะ ไม่มีอาวุธให้คุยถึง แต่เคย์ก็ยังไม่อยากจะต่อกรกับเขาอยู่ดี เขารู้ว่าโคซึเมะทำอะไรได้บ้าง รู้ดีถึงพลังที่เขาครอบครอง โคซึเมะไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธใด อาคาอาชิมีดาบ แต่เขาก็ไม่ค่อยใช้มัน เขาเลือกจะปรับเวลาในที่ที่เขาอยู่ ปรับเวลารอบตัวศัตรูเขาให้ช้าลงจนพวกมันแทบไม่ขยับ เพียงพอให้อาคาอาชิไปเรียกคนอื่นมาหรือหนีออกจากตรงนั้น อาวุธของสึกะก็ไม่จัดว่าเป็นอาวุธเสียทีเดียว เส้นสายระโยงยาวที่ดูราวกับโผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ พวกมันทำนายความจริงแท้ ในขณะที่พวกมันก็บดขยี้ศัตรูจนตาย

    ทั้งหมดนั้นก็ค่อนข้างทารุณ

    คาเงยามะสร้างอาวุธ ทุกอย่างที่เป็นของกายภาพ และแน่นอนว่าเขาสร้างของเคย์ด้วย

    “ข้าอยากเห็น!

    ตัวของโชโยเรืองแสงอีกครั้ง ดวงตาเขาแทบลุกเป็นไฟ

    เคย์ถอนหายใจ ทำตัวเหมือนมันไม่น่าเอ็นดูเลยที่โชโยตื่นเต้นขนาดนี้เพราะอยากดูอะไรไร้สาระอย่างอาวุธ เคย์ไม่จำเป็นต้องใช้มันตั้งแต่ครั้งสงคราม มันไม่มีเหตุจำเป็นอะไร แต่เขาก็ยังสวมกำไลข้อมือเป็นประจำ

    ชายหนุ่มถกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นสร้อยข้อมือสีเงินยวงเรียบๆ จนเคย์งอนิ้ว สายโซ่พุ่งออกมาเหมือนงูตัวน้อยแวววาว มันอยู่นิ่งเหนือกำไลจนถูกสั่งให้ขยับ เคย์สั่งพวกมันเต้นไปมาสองสามที แสดงให้ฮินาตะดูว่าพวกมันยืดออก หดกลับ รวมตัวกัน และขยายได้ ก่อนพวกมันจะกลับไปเป็นกำไลอีกครั้ง

    เทพสุริยะตื่นตะลึงเต็มตา

    “ยามค่ำ แสงจันทร์และละอองดาว”คาเงยามะตอบเมื่อโชโยหันไปเป็นเชิงถาม

    เขากำลังจะพูดต่อ เคย์รู้ แต่สึกาวาระก็เรียกพวกเขาไปเสียก่อน ทุกคนกลับยังที่ที่ควรนั่ง ยามากุจิกับเคย์ไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ และถอยลงไปอีกหน่อย ขณะที่โชโยย้ายไปนั่งข้างๆ ทานากะ เอ็นโนะชิตะกับอาคาอาชินั่งข้างไดจิและสึกาวาระ นิชิโนยะนั่งทางขวาของคิโยโกะ ขณะที่อาซาฮีนั่งอยู่ทางด้านซ้าย เคียวทานินั่งติดคาเงยามะ คุโร่นั่งอยู่ข้างหนึ่งของเคย์ ทุกคนเจอที่ของตัวเองและเมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อย สึกาวาระก็เริ่มการประชุม

    พวกเขาไล่ลำดับตามที่นั่ง ทุกคนที่มีเรื่องต้องพูดเตรียมรายงาน

    อาซาฮีโยนลูกแก้วเรืองแสงสีเขียวไปยังใจกลางโต๊ะ และมันก็ระเบิดออกเป็นเส้นแสง แผนผังของการเจริญเติบโตของผืนป่า ภูเขาที่ผุดขึ้นจากพื้นดิน มันเป็นแนวคิดภาคพื้นของดาวเคราะห์ดวงใหม่ เอ็นโนะชิตะจดโน้ตบางอย่าง คิโยโกะถามคำถามจำนวนหนึ่ง

    เอ็นโนะชิตะก็มีชาร์ตที่แสงถึงระดับความเสถียรของระบบดาวเคราะห์เก่าๆ บางส่วนของเขา สึกาวาระอนุญาตให้เขาทำลายพวกมันได้ถ้าเขาเลือกจะทำแบบนั้นในภายหลัง เคย์จะต้องจดบางอย่างด้วย เหมือนกับเกือบทุกคน คุโร่กลอกตาและนับยอดในสมุดจดของตัวเอง

    โคซึเมะรายงานว่าไม่มีเหตุการณ์น่าสงสัยอะไร ซึ่งตรงข้ามกับตัวเลขของคุโร่ สึกาวาระให้ทั้งสองคนถกเถียงกันสักพักก่อนจะสั่งให้เงียบ

    “เราจะคุยเรื่องนี้กันหลังจากที่ทุกคนพูดสิ่งที่อยากพูดเรียบร้อยแล้ว และเราจะตามไปตรวจสอบหลังการประชุม”

    ต่อจากนั้น เป็นคราวของคาเงยามะ เขาบอกความคืบหน้าของงานอาวุธชิ้นใหม่ รวมถึงคำขอถึงสึกาวาระให้ไปตามหาวัตถุดิบใหม่ๆ สึกาวาระตอบตกลงโดยไม่ลังเล

    ยามากุจิเอ่ยต่อ ยืนขึ้นพร้อมแผนที่ดวงดาว เคย์สร้างพื้นที่ไร้แรงโน้มถ่วงส่วนหนึ่งให้เขาแขวนแผนที่ และหมู่ดาวบางส่วนบนผมของยามากุจิก็เข้าไปอยู่บนแผนที่เพื่อส่องสว่าง เขาพูดถึงดวงดาวกะพริบแสง ดวงที่เริ่มไม่เสถียร พวกมันเป็นผู้กล้าบางส่วนของทานากะเมื่อนานมาแล้วที่ถูกทำให้กลายเป็นอมตะ สึกาวาระเลยตัดสินใจให้พวกเขาจัดการดวงดาวเหล่านั้นด้วยกัน แล้วเขาก็หันมาทางเคย์

    “มันมีปัญหาอะไรกับสิ่งประดิษฐ์บ้างมั้ย?”เขาถาม

    เคย์ลุกขึ้นยืน เพราะมันจำเป็นและสุภาพ ก่อนจะส่ายหัว

    “ไม่มีอะไรเปลี่ยน ทุกอย่างยังคงจำศีล ผนึกส่วนมากยังแข็งแรงอยู่ แต่บางส่วนก็เริ่มอ่อนแรงลง มันไม่ใช่เรื่องสำคัญมากหรืออะไร แต่ข้าก็อยากให้อาคาอาชิลงมาดูตามที่เขาสะดวกเร็วที่สุด”

    สึกาวาระส่งสายตาเงียบๆ ไปทางอาคาอาชิที่พยักหน้า ก่อนจะหันมามองเคย์

    “ได้เลย”

    เคย์ไม่ได้สนใจการประชุมหลังจากนั้นสักเท่าไหร่ เขาปล่อยให้ตัวเองเหม่อลอยไปเรื่อยจนมันจบลง และสึกาวาระจู่ๆ ก็มายืนอยู่หลังเก้าอี้เขา

    “ไปเดินเล่นกับข้าหน่อยสิ”เขากล่าวเรียบๆ พลางโยกหัวไปทางประตูมากมายตามกำแพง

    ยามากุจิเงยหน้าขึ้นมาจากแผนที่ และเคย์เพียงพยักหน้า

    “เจ้ากลับไปก่อนเลยก็ได้” เคย์กล่าว แต่ยามากุจิส่ายศีรษะ

    “ข้าจะอยู่ที่นี่ ข้ายังต้องคุยกับทานากะก่อนอยู่แล้ว”

    ใช่

    เคย์เดินตามสึกาวาระจากโถงกลาง และสัมผัสได้ถึงดวงตาที่จ้องตามแผ่นหลังตน เขามีหน้าที่เก็บงำความลับ คนอื่นยังไงก็ต้องสงสัยบ้างหากเขาอยู่ลำพังกับสึกาวาระ ยิ่งหลังจากการประชุมด้วยแล้ว

    เขาเห็นสายตาของอาคาอาชิเมื่อเดินผ่านทวารประตู และเคย์ก็รู้สึกเหมือนเขาและสึกาวาระถูกห่อหุ้มด้วยอาณาเขตเล็กๆ

    “เกิดอะไรขึ้น?”เคย์ถาม

    “ข้าได้ข่าวจากคุนิมิมา ข้าต้องการให้เจ้าไปเจอเขา เขากังวลว่าผนึกมันอ่อนกำลังลง”

    “คนอื่นรู้รึเปล่า?W

    “ไดจิ และข้าต้องบอกยาฮาบะเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ เจ้าจะพาเขาไปด้วย”

    “ได้ เมื่อไหร่?”

    “เท่าที่เร็วได้”

    สึกาวาระถอดถุงมือออกและสลายพวกมันไปยังพื้นที่ว่างเปล่า ก่อนจะลูบบริเวณข้อนิ้วมือ ผิวเนียนละเอียดของสึกาวาระแต่งแต้มด้วยรอยไหม้ เปี่ยมด้วยมนตราเพราะงั้นรอบๆ จึงค่อนข้างแข็ง สีแดงเข้มเป็นเส้นบางพันรอบนิ้วเรียว เป็นเส้นหนาบนมือ พวกมันลามหายไปใต้แขนเสื้อ พวกมันครอบคลุมเกือบทั้งแขนของสึกาวาระ และเคย์รู้ว่าพวกมันลามไปถึงน่องแขน

    “ถ้าผนึกอ่อนแรงลง?”

    “พยายามซ่อมพวกมันสุดกำลัง เราจะให้เขาตื่นขึ้นมาไม่ได้ ไม่ใช่ตอนนี้ฎ

    “ทำไมเวลาถึงสำคัญนัก?”

    ยังไงมันก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่เคย์ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงสำคัญขนาดนั้นในตอนนี้

    “พิธีการของฮินาตะใกล้เข้ามาแล้ว เขายังไม่ได้เป็นเทพเต็มตัว เพราะข้ามัวยุ่งอยู่กับที่เก็บข้อมูลเหมือนที่คุโร่บอก ถ้าฮินาตะยังไม่ได้เป็นเทพเต็มตัวแล้วผนึกแตกออกล่ะก็ เราจะเจอปัญหาแน่”

    นั่นดูสมเหตุสมผลดี เคย์เดา โชโยคงไม่รู้เกี่ยวกับสงครามมากเท่าไหร่ เคย์ไม่คิดว่าเขาจะได้รับการฝึกต่อสู้สักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่า ถ้าเขาอยู่กับคาเงยามะ เขาก็ต้องเรียนรู้อะไรมาบ้างอย่างแน่นอน

    พวกเขาไม่สามารถสู้ศึกสงครามได้แน่ และไม่มีทางกับเทพฝึกหัด แถมยังเป็นเทพสุริยะเสียอีก

    เคย์พยักหน้า

    “เข้าใจแล้ว ข้าจะส่งยามากุจิกลับไปก่อน ยาฮาบะรู้ใช่มั้ยว่าเราจะไป?”

    “ใช่ ข้าบอกให้เขาไปที่ประตูหน้าเรียบร้อยแล้ว”

    มันเป็นการบอกให้ไปอย่างนิ่มนวล เคย์เลยพยักหน้าและมุ่งไปยังอีกประตูหนึ่ง ในครั้งนี้ ทุกบานจะพาไปยังโถงกลางทั้งหมด และถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ เขาเป็นคนสร้างพระราชวังฝั่งนี้ เขารู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน

    เทพเกือบหมดพากันแยกย้ายเรียบร้อยแล้ว โชโยกับคาเงยามะยืนอยู่ริมกำแพง โดยคาเงยามะอธิบายแผนที่บางส่วนอยู่ ยามากุจินั่งอยู่กับทานากะที่โต๊ะ พลางให้อีกฝ่ายดูแผนที่อย่างละเอียด

    “ข้าต้องไป”เคย์กล่าวเรียบๆ

    “อะไรนะ? ทำไม?”

    “ตรวจสอบตามกำหนดน่ะ”เขาไม่ชอบการโกหกยามากุจิเท่าไหร่ และแน่นอนว่าเพื่อนเขาก็รู้ว่าเขากำลังโกหก

    “อ่อ โอเค ขอให้ปลอดภัยล่ะ”

    เคย์ไม่คิดจะคุยกับโชโย และทำเพียงเดินไปทางประตู

    “สึกะบอกรายละเอียดแล้วสินะ?”ยาฮาบะถาม เขาดูประหม่า แต่ก็ดูยอมแพ้อย่างอ่อนแรงด้วย

    “ใช่ ข้าต้องแวะที่ห้องทำงานเพื่อหยิบของบางอย่างก่อน”

    ยาฮาบะพยักหน้าและวาดมือลงตรงหน้าตัวเอง ประตูมิติแหวกเปิดออกและยาฮาบะก็โบกมือเป็นเชิงให้เขาเข้าไป ก่อนจะตามหลังมา ชายหนุ่มรออยู่ข้างนอกระหว่างที่เคย์หยิบของที่ต้องการ

    การตรวจสอบผนึกไม่ใช่งานที่เคย์ชอบ เขาปล่อยให้อาคาอาชิเป็นคนดูแล แต่อาคาอาชิไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ สึกาวาระค่อนข้างเฉพาะเจาะจงกับความลับที่เขาให้เคย์เก็บงำ ไม่งั้นเขาจะไม่สามารถพูดเรื่องคุกได้เลย

    และมันเป็นสิ่งที่กลืนกินพวกเขาทั้งสองคน

    เมื่อเคย์รวบรวมเครื่องมือทั้งหมดแล้ว เขาก็ไปรวมตัวกับยาฮาบะอีกครั้ง

    ประตูมิติพาพวกเขาไปที่ทางเข้าคุก มันควบคุมโดยโมนิวะ แต่อาโอเนะเป็นคนที่คอยดูแลมันตอนนี้ ส่วนมากของคุกอยู่ใต้ดิน จริงๆ แล้วมันคือดาวเคราะห์ทั้งดวง ภายในถูกสลักด้วยมนตราเพื่อสร้างคุกคุมขังและกักขัง มันเป็นคุกที่แข็งแกร่งที่สุด อาบไปด้วยเวทมนต์เดียวกับที่เคย์ใช้ซ่อนเร้นด้านมืดของดวงจันทร์ ทุกคนรู้จักคุกนี้ แต่เพียงแค่หยิบมือที่รู้ว่ามันอยู่ไหน เคย์สามารถนับจำนวนได้ด้วยมือเดียว แต่แน่นอนว่าไม่รวมกลุ่มของโมนิวะเข้าไป

    พวกเขาเดินลึกสู่ใจกลาง สู่ประตูสีดำทมิฬบานหนึ่ง

    เคย์รอ ขณะที่ยาฮาบะถอนหายใจสั่นๆ

    “เจ้าจะรอข้างนอกก็ได้”เขาเสนอ

    “ไม่ นี่เป็นความรับผิดชอบของข้า”ยาฮาบะกล่าวอย่างแน่วแน่ พร้อมแนบมือบนใจกลางประตู จากกลางฝ่ามือ แสงสีแดงลอดออกมาและหมุนวนตามพื้นผิวของประตู ไล่ตามรูปแบบที่เก่าแก่พอๆ กับความสามารถของอาคาอาชิ

    ประตูส่งเสียงเปิดออกและเคย์เดินตามยาฮาบะเข้าไปด้านใน

    มันเป็นห้องเล็กๆ ทรงกลม ที่ตรงกลางพื้นยุบลงต่ำ มันเป็นหินสกัดทื่อๆ แต่คุนิมิก็สะสมหมอนและผ้าห่มมากมาย ล้วนสีสันสดใสเพื่อสร้างความสดใจให้กับการอยู่อาศัยเกือบตลอดกาลของเขาในห้องขังนี้ เขานั่งเอื่อยอยู่บนกองเบาะรองจำนวนหนึ่ง ดวงตาไร้แวว ขณะที่แสงสีม่วงออกจากปลายนิ้วไปยังผู้อยู่อาศัยคนที่สองในห้องขัง

    “ใช้เวลานานใช้ได้เลยนะ”

    TBC…

     

    ll TALK WITH TRANSLATOR ll

    ตอนใหม่ตามมาอย่างรวดเร็วครับผม!

    ทำไมพวกเคย์ถึงมายังคุกแห่งนี้ และใครคืออีกคนที่อาศัยอยู่กับคุนิมิกัน

    สามารถติดตามต่อได้ในตอนถัดไปนะครับผมมม

    (คิดว่า) อีกไม่นานเกินอาทิตย์หน้าครับ!

    ตอนหน้า >> เกี่ยวกับเทพที่หลับใหลและแผลเก่า

    มีเรื่องอะไรอยากให้แก้ไข สามารถติชมได้ตามสบายนะครับ

    ถ้าชอบเรื่องนี้ก็อย่าลืมแนะนำเพื่อนๆให้มาอ่านกันด้วยนะครับ ^ ^

    สามารถทิ้งข้อความถึงผู้แต่งได้ด้วยนะครับ!

    จนกว่าจะถึงคราวหน้า

    พาร์ท

    Killer in the Dark Shadow

     

     

    double_B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×