ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Haikyuu!!] Sunbeams แสงตะวัน (ฟิคแปล)

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13: Secrets Revealed, a Light Snuffed Out (ความลับเปิดเผย แสงสว่างได้ดับมอดลง) (ครึ่งแรก)

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 65


    Title: Sunbeams แสงตะวัน

    Story: Saturnalius

    Translator: KITDS

     

    Chapter 13: Secrets Revealed, a Light Snuffed Out (ความลับเปิดเผย แสงสว่างได้ดับมอดลง)

    เขาควรจะพักผ่อน และจำเป็นต้องพักผ่อนเสียด้วยซ้ำ ถ้าร่างกายของเขาไม่ผ่อนคลายมากพอสำหรับพิธีที่กำลังมาถึงแล้วล่ะก็ขั้นตอนทั้งหมดจะสร้างภาระหนักให้เขาแน่ เหมือนแค่อาการจากหลังเขาจะยังทำให้เขาลำบากไม่พออย่างนั้นแหละ

    แต่เคย์ก็ยังลุกขึ้นนั่ง หยิบแว่นขึ้นมาสวม และออกไปข้างนอก สายตาเขาพร่าเล็กน้อย มือเขาก็สั่นเบา ๆ แต่เขาจะไม่เป็นอะไร เขานั่งห่างออกมาจากหน้าผาในระยะที่ปลอดภัย เพราะถ้าตกลงไปจากความสูงขนาดนี้แล้วล่ะก็สภาพคงทำให้เขาหมดแรงเป็นแน่

    ใจเขาส่วนหนึ่งอยากให้โชโยเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งเป็นเทพอย่างเป็นทางการ ถ้าไม่ต้องจัดงานพิธี มันก็จะไม่มีความจำเป็นต้องถ่ายทอดความลับจากกุญแจ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกิดสงคราม ไม่ว่าจะระหว่างพวกเดียวกันเองหรือกับศัตรู ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมากหากโชโยไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งเป็นเทพ ชีวิตจะดำเนินต่อไป ไม่ถูกรบกวนด้วยความวุ่ยวายครั้งใหม่

    อากิเทรุคงขำให้กับความคิดนี้แน่

    เคย์งุ้มตัวลง คลายความปวดตึงที่ไหล่ทีละน้อย เขาถือพรของตัวเองไว้ในมือ ใช้นิ้วโป้งลูบมันหรือใช้นิ้วพรมตามข้อต่อเป็นระยะ

    พรเป็นอะไรที่แปรปรวนยิ่งกว่ากุญแจ เคย์แค่โชคดีที่เขาไม่ใช่คนสร้างมัน พรจะแตกต่างตามร่างจุติของเทพแต่ละองค์ พรของยาจิเป็นของซาเอโกะมาก่อน แต่มันก็ต่างออกไปตามตัวตนของเธอ พรถูกสร้างโดยเทพยากรณ์ ตั้งแต่สมัยการก่อกำเนิดของอากาอาชิ เคย์ไม่รู้ว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นมายังไง รู้แค่ว่ามันเกือบจะกลายเป็นสิ่งที่มีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมา พวกมันเป็นเครื่องขยายพลังที่มีความสามารถในการยืมพลังจากต้นกำเนิดพลังที่ลึกที่สุดมาใช้ชั่วคราว แต่ไหนแต่ไร เทพแต่ละองค์มีขนาดพลังต่างกัน และมันจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นผ่านพรของแต่ละคน ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเคย์ถึงจำเป็นต้องใช้พรของสึกาวาระในการผนึกคุกคุมขัง พรของเคย์มีพลังที่จำเป็นไม่เพียงพอ แม้จะมีมากกว่าอาซาฮีหรือโกชิกิ

    เคย์พลิกพรในมือ ลูบรอยขีดข่วนสั้นๆ ที่อยู่ห่างมาจากกึ่งกลางเล็กน้อย

    ทุกคนสามารถเข้าถึงขุมพลังของพวกเขาเองได้ระหว่างสงคราม เคย์ค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาคงไม่ชนะแน่ถ้าไม่มีพรเหล่านั้น

    แม้จะมีเหตุการณ์นั้นก็ตาม

    เขาเก็บพรของตัวเองใส่กระเป๋าเสื้อคลุมและหลุบตามองลงไปยังคลื่นสีเข้มบนหาดทราย

    ใจหนึ่งเขาอยากบอกทุกคนว่าพวกเขาควรเริ่มเตรียมตัว ยื่นเรื่องขออาวุธ ปัดฝุ่นชุดเกราะของพวกเขา ทำอะไรสักอย่างที่จะมั่นใจได้ว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่เหมือนกับครั้งก่อน รอบนี้จะไม่มีการต่อรองในวินาทีสุดท้ายเพื่อช่วยทุกคนอีกแล้ว เลือกจะหลั่งรกจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะจบสิ้น

    มันจะจบลงที่การสูญพันธุ์

    เคย์รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมานิดหน่อย

    เขาหลับตาแน่นและหลับตาไว้อย่างนั้นสักพัก เมื่อเขาเปิดตาขึ้น โลกก็สว่างขึ้นแล้ว

    โชโยนั่งอยู่ตรงนั้น ผมยุ่งเหยิงเท่าที่จะยุ่งได้ เขาสวมเสื้อคลุมยาวตัวหนาและไม่ได้สวมรองเท้า เขายืนค้ำหัวเคย์อยู่ครู่หนึ่งก่อนเคย์จะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อและเอนตัวไปข้างหลังเพื่อให้โชโยนั่งตักเขา

    มีบางอย่างแปลกใจ ปกติโชโยจะดูร่าเริง แต่ตอนนี้เขาดูประหม่า และเคย์รู้สึกว่ามันดูไม่เข้ากับเขาเลย เขากัดปากตัวเองและจากที่เห็นก็เหมือนจะกัดเล็บด้วย แสงประกายรอบตัววูบไหว นัยน์ตาปั่นป่วนและเปลี่ยนสีวนไปทุกลมหายใจ

    โชโยเก็บปีกของตัวเองเพื่อจะได้พิง เขาจับมือเคย์พลิกไปพลิกมาเล่นอย่างไม่รู้ตัว

    “สึกะบอกว่าข้าควรจะพักสักหน่อย แต่ข้าหลับไม่ลง ข้าไม่เคยรู้สึกทั้งกลัวและตื่นเต้นพร้อมกันแบบนี้มาก่อน”

    “กลัว?”

    โชโยหัวเราะแห้งๆ

    “จากที่ทานากะและโนยะอธิบายให้ฟัง- มันจะเจ็บไหม?”

    เคย์ถอนหายใจ ในบรรดาเทพปัญญาอ่อนไม่มีไหวพริบทั้งหมดที่โชโยไปถามเพื่อหาคำตอบ เขาต้องไปหาเทพที่ปัญญาอ่อนที่สุด เขาบีบมือโชโยเบาๆ

    “มันไม่แย่เท่าที่เจ้าคิด มันแค่รู้สึกว่าเยอะเกินไปหน่อย”

    “เยอะเกินไปเหรอ?”

    “ใช่ เจ้าอาจจะรู้สึกเหมือนจะหมดสติ แต่มันไม่เจ็บ ไม่ใช่แบบนั้น เมื่อเสร็จสิ้น เจ้าจะรู้สึกเหมือนเกิดใหม่ แข็งแกร่งขึ้น และรู้สึกดีขึ้น”

    “อ๋อ เจ้ารู้สึกแบบนั้นเหรอ?”

    “ใช่”

    พวกเขานั่งเงียบๆ สักพัก โชโยพิงเขามากขึ้นเรื่อยๆ และเอียงหัวพิงไหล่เคย์

    “เทพสุริยะองค์ก่อนเป็นยังไงเหรอ? ได้ยินมาว่าพวกเจ้าคงจะไม่ขนะสงครามถ้าไม่มีเขา”

    เคย์เตือนตัวเองว่าเขาจะต้องไปคุยกับโบคุโตะ พอเขาได้พูดถึงสงครามครั้งก่อน เขามักจะหยุดไม่อยู่ ไม่ต้องเดาเลยว่าโชโยคงไปถามอะไรสั้นๆ และทุกอย่างก็เริ่มจากคำถามธรรมดานั้น ไม่เป็นแบบนั้น ก็คงเพราะโชโยไปถามคาเงยามะและได้คำตอบขวานผ่าซากแต่ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่มาแทน

    “เขาเป็นพวกพ้องที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง เขาจัดการทั้งกองกำลังด้วยตัวคนเดียว เขาเป็นร่างจุติแรก และเขารู้วิธีใช้งานพลังทั้งหมดของตัวเอง พอมาคิดๆ ดูแล้ว เขาก็ตัวเล็กเหมือนกัน ถึงจะไม่เล็กเท่าเจ้าก็เถอะ” โชโยผลักเขาเชิงหยอกล้อเบาๆ และเคย์ต้องห้ามไม่ให้ตัวเองหลุดยิ้ม “คาเงยามะสร้างอาวุธให้เขา มันเป็นดาบเซเบอร์ สร้างจากสีรุ่งอรุณ ย่ำรุ่ง และ ความกล้าหาญ เขาใช้มันอย่างช่ำชอง เราไม่ได้คุยกันมากเท่าไหร่หลังจากพิธีแต่งตั้งของข้า และพวกเราก็กระจัดกระจายไปทั่วระหว่างสงคราม ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจากไปจนหลังจากนั้นสักพัก เท่าที่ข้ารู้ เขาสู้อยู่ทางตะวันตก ช่วยกันกับพี่ชายข้า”

    “ข้าก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

    “หืม?”

    “แข็งแกร่ง ตอนนี้ข้าอ่อนแอ ข้ารู้ แต่ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น ข้าจะเป็นเทพสุริยะที่ดีกว่าเขา”

    ดวงตาของโชโยเป็นสีน้ำตาลลึกล้ำ ในดวงตาเป็นวังวนสลับขาวและขอบตาเป็นสีแดงงดงาม เคย์ยีผมเขาและพวกเขาก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งสักพัก

    “วัง” โขโยเปิดประเด็น

    “ทำไมเหรอ?”

    “ที่นั่นรู้สึกอึดอัด เหมือน...” โชโยปล่อยมือเคย์เพื่อทำท่าทางประกอบเสียงที่เคย์ไม่เข้าใจ “เจ้าเข้าใจไหม?”

    “เข้าใจ” ไม่

    “ไม่รู้สิ ข้าคงจะคิดไปเองใช่ไหม? โทบิโอะบอกว่าข้าประหม่าไปเอง”

    “ข้าคงตอบแทนคาเงยามะไม่ได้ แต่ข้ามั่นใจว่าทุกอย่างจะจัดการตัวมันเอง ไม่ต้องกังวลไป พรุ่งนี้ตัวเอกคือเจ้า เจ้าควรจะสนุกกับมัน อย่าคิดถึงสิ่งที่มันยุ่งยาก”

    โชโยหัวเราะ และเคย์ก็ยิ้มตาม

    เขารู้ว่ายามากุจิคิดว่าอะไร โชโยเหมาะกับเขา ทำให้เขาไม่ปลีกวิเวกตัวเองออกไป ทำให้เขายิ้ม พาเขาออกมาจากสถานที่นามธรรมที่เขาซ่อนตัวเองไว้ โชโยเหมาะกับเขา เขาไม่มีอะไรจะเถียง เขาแค่ไม่รู้ว่าเขาควรจะต้องทำอะไร

    “เจ้ากำลังคิดหนักเกี่ยวกับอะไรสักอย่างอยู่” โชโยบอก ในน้ำเสียงเขามีความขบขันอยู่ “หน้าเจ้ายู่ไปหมด มีอะไรหรือเปล่า?” เขาพลิกตัวหันกลับมาและจิ้มระหว่างคิ้วเคย์และกดลงบนรอยขมวดนั้น เคย์คลายคิ้วที่ขมวดลงและโชโยก็แตะหน้าผากเขา

    “เปล่า แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย มันไม่ส่งผลอะไร”

    โชโยขยับมานั่งด้านหน้าเคย์ เขาเท้าข้อศอกบนเข่าและเอนตัวเข้าใกล้ ความประหม่าที่โชโยมีในตอนแรกหายไปหมด ตอนนี้มีแต่ความสงสัย

    “เจ้าพร้อมไหม? ข้าหมายถึงสำหรับพรุ่งนี้น่ะ”

    “พร้อมแหละ”

    “เจ้าควรจะนอนนะ?”

    “เจ้าไม่ควรเหรอ?”

    เคย์ยิ้มเหมือนโชโยเริ่มหัวเราะอีกครั้ง เสียงหัวเราะนั้นสูงเบาสบายหู และตัวเขาก็เรืองแสงออกมาเล็กน้อย

    เขาคงจะเป็นคนโกหกถ้าบอกว่าเขาไม่ชอบโชโย มันมีอะไรบางอย่างในตัวเทพสุริยะองค์ใหม่ที่ทำให้เคย์รู้สึกดีขึ้น มันอาจจะเป็นความใสซื่อของเขา ปราศจากมลธินจากสงคราม และมองโลกในแง่ดีจนเกือบน่ารำคาญ

    มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ และโชโยก็ทำให้เขารู้สึกดีด้วย

    ริมฝีปากของโชโยร้อนผ่าว

    เคย์จนคำพูด สิ่งที่เขาสัมผัสได้คือความร้อน และความเปลี่ยนแปลงจากความมืดยามค่ำคืนเป็นแสงสว่าง โชโยตจ้องไม่วาง ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ ดวงตาเปี่ยมด้วยความสงสัยแต่ไม่ละไปจากเคย์ สังเกตปฏิกิริยาเขา ปีกของโชโยกางออก กระพือแผ่วเบา ห่อหุ้มพวกเขาด้วยอากาศอบอุ่น แสงสว่างจากตัวเขาจ้าจนเกือบมองอะไรไม่เห็น ขจัดความมืดรอบๆ ไปหมดจนเคย์ต้องหรี่ตาลง

    “แล้วคาเงยามะล่ะ?” เขาถามออกไปหลังจากสักพัก มันเป็นความคิดเดียวที่อยู่ในหัวของเขา ท่ามกลางสมองที่ประมวลผลอย่างเชื่องช้าเมื่อสักครู่

    ความสัมพันธ์ไม่ใช่อะไรที่ทั่วไปสักเท่าไหร่ มันมีปัญหาตอนที่โกชิกิเพิ่งได้รับพลัง ความสัมพันธ์แบบโรแมนติกเกิดขึ้นไปทั่ว แต่เมื่อเขาควบคุมพลังของตัวเองได้ ความรักที่ไม่ได้มีอย่าจริงก็พากันจบลง มันกลายเป็นเรื่องขบขันสำหรับทุกคนอยู่พักหนึ่ง

    เมื่อเทพจุติใหม่ปรากฏตัวขึ้น มันแปลกออกไป การตกหลุมรักเทพที่ไม่มีตัวตนอยู่แล้ว และตัวตนของพวกเขาก็กลายเป็นเทพองค์อื่น ความรักโรแมนติกกลายเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยพบเจออีกต่อไป เคย์สามารถนับคู่ที่อยู่ในความสัมพันธ์ได้ด้วยมือเดียว

    ความสัมพันธ์ของโชโยกับคาเงยามะเป็นอะไรที่เขาแปลกใจ อาจจะเพราะคาเงยามะไม่ใช่เทพองค์แรกที่พวกเขาจะคิดถึงเมื่อพูดถึงคำว่า “โรแมนติก” แต่พวกเขาก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกัน

    “หืม?”

    “เจ้ากับเขาเป็นแบบนี้” เคย์ทำไม้ทำมือระหว่างพวกเขา “แล้วทำไม-“

    “อ๋อ” โชโยค่อยๆ พูดและยิ้ม “โทบิโอะไม่ว่าอะไร เราคุยกันแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรแบบนี้โดยไม่บอกเขาเหรอ?”

    เคย์รู้สึกเหมือนตัวเองโง่มากขณะที่โชโยยังคงพูดต่อไป

    “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าหยอดไปสักนิด เขาเลยบอกให้ข้ามาบอกเจ้าตรงๆ ข้าคุยกับทาดาชิด้วย... หน้าเจ้ายังแดงอยู่เลยนะ”

    หยอด? หยอดอะไร? โชโยก็ถึงเนื้อถึงตัวกับทุกคน ยิ้มตลอดเวลา แล้วเคย์จะรู้ได้ยังไง? และยามากุจิเหรอ? โชโยคุยกับยามากุจิเมื่อไหร่กัน? แล้วยามากุจิบอกไปว่าอะไร?

    “เจ้าคิดมากอีกแล้ว”

    “เปล่าสักหน่อย” เคย์รีบตอบ พร้อมซุกหน้าลงกับฝ่ามือโดยระมัดระวังแว่นที่สวมอยู่

    โชโยเพิ่งจูบเขา ไม่ใช่แค่นั้น เจ้าตัวแสบตัวน้อยนี่ยังทำเหมือนความรู้สึกที่ตรงกันของพวกเขามันเห็นได้ชัดด้วย เหมือนว่าเคย์ควรจะเห็นถึงความชัดเจนทั้งหมดนั่น

    เขาควรจะทำอะไรต่อไป?

    “เจ้าจะจูบข้าอีกทีก็ได้นะ ถ้าเจ้าอยาก?”

    เคย์เป็นเจ้าโง่เหลือเกินคณา

    เขาทำเพียงแค่พยักหน้า หน้าแดงฉานขณะทิ้งมือลง โชโยยิ้ม เคย์ไม่คิดว่ารอยยิ้มนั้นจางลงไปแม้แต่น้อยตั้งแต่ริมฝีปากพวกเขาสัมผัสกันครั้งแรก และโชโยก็คล้องแขนรอบคอเคย์

    “ถ้าเจ้าเขิน-“

    เคย์โน้มลงจูบเขา

    มันเป็นจูบสั้นๆ ทั้งหมดที่เคย์กล้าทำ แล้วโชโยก็หัวเราะอีกครั้ง ท่าทางเขาเต็มไปด้วยความดีใจ ปีกเขาขยับกระพือ พาร่างเขาลอยขึ้น เขาม้วนตัวไปมา เป็นกลุ่มแสงที่วนไปมาอยู่ในอากาศ ก่อนจะกลับมานั่งตักเคย์อีกครั้ง

    “ทาดาชิบอกว่าเจ้าจะอาย โทบิโอะเองก็ด้วย”

    “เงียบน่า” เคย์ดึงโชโยขึ้นมากอด เขาถนัดกอดมากกว่า อย่างน้อยเขาก็กล้าทำ

    โชโยไล้นิ้วตามไรผมเคย์ ลูบผมสีบลอนด์นั้นตามใจอยาก

    เมื่อเคย์รู้สึกตั้งสติได้ เขาก็สูดหายใจเข้าลึกและผละออก พร้อมกลายอ้อมกอดที่กอดโชโยไว้

    “ดีขึ้นไหม?”

    “ดีขึ้น”

    “ดีแล้ว” โชโยจุมพิตแผ่วเบาบนหน้าผากเคย์ “ข้าควรจะกลับไปก่อนที่สึกะจะสังเกตว่าข้าไม่อยู่ ข้าไม่ควรจะออกมา”

    พวกเขาลุกขึ้นยืน หรือต้องบอกว่าเคย์ลุกขึ้นยืน โชโยกอดขาทั้งสองข้างรอบเอวเคย์ ไม่ยอมขยับจนเคย์เหยียดตัวขึ้นตรง

    "ระวังตัวเองด้วย” เคย์บอกเมื่อโชโยลอยตัวขึ้น

    “ฝันดีเคย์”

    “ฝันดี โชโย”


    TBC...

    ll TALK WITH TRANSLATOR ll

    สวัสดีครับ วันนี้เกือบไม่ได้ลงเพราะมีธุระต้องไปทำต่อ

    หวังว่าจะชอบตอนนี้กันนะครับ

    ไว้เจอกันใหม่ในครึ่งหลังนะครับ

    ด้วยรัก

    พาร์ท

    KITDS

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×