ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Haikyuu!!] Sunbeams แสงตะวัน (ฟิคแปล)

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12: Ceremony, Sprites, and Thoughts (งานพิธี เทพชั้นรอง และความคิด)

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 64


    Title: Sunbeams แสงตะวัน

    Story: Saturnalius

    Translator: KITDS

     

    Chapter 12: Ceremony, Sprites, and Thoughts (งานพิธี เทพชั้นรอง และความคิด)

    วันใหม่ของเขาเริ่มต้นด้วยภาพหลอน

    เคย์ตื่นขึ้นจากหลับที่ไม่สนิทด้วยความงุนงงขณะที่ห้องนอนเขาค่อยๆ สว่างขึ้นต่อกรกับความมืด มันมีขนนกอยู่บนเตียงเขา ขนเรียวสีเทาสะท้อนแสงสลัว เคย์จ้องมันไม่วางตา มือสั่นเทิ้มระหว่างที่เขาเอื้อมไปหยิบมัน

    ชั่วพริบตานึงที่เขาสัมผัสมันได้จริง มันเป็นขนนกจากปีกหลักของเขา บริเวณปลายขนค่อนข้างกระด้างและเปราะ แต่อ่อนนุ่มช่วงแกนขน เขาสัมผัสได้ถึงขนนกแต่ละขน เส้นขนแต่ละเส้น จำได้ว่าขนนกแต่ละเส้นมีเวทมนต์ของเขามากแค่ไหน มันเรืองแสงอ่อนและเฉาไปจากสัมผัสของเคย์

    แล้วมันก็หายไป ขนนกทุกเส้นหายไป และเคย์ก็เอื้อมแขนเพื่อแตะมือลงระหว่างรอยแผลเป็น มันไม่มีอะไรอยู่ มีแค่ผิวหนังและเนื้อ

    ปราศจากขนนก

    เขาลูบหน้า ช่วงหลังมานี้อาการเขาแย่ลง

    ชายหนุ่มควานหาแว่นตาพลางถอนหายใจเสียงเบา เคย์ลุกขึ้นยืนและเดินผ่านประตูออกไป ยามากุจิยังคงหลับสนิท สัญลักษณ์ของเขากระเพื่อมเรืองเบาบางตามโถงทางเดินในบ้านของพวกเขา

    เคย์เดินแต่ละก้าวอย่างเชื่องช้าไปจนถึงริมผา

    เขาสูญเสียปีกของเขาไปในช่วงครึ่งหลังของสงคราม เขาทำแผลด้วยความช่วยเหลือของนิมฟ์บางส่วนก่อนจะกลับสู่การต่อสู้ เมินความรู้สึกเบาหวิวของร่างกายและความรู้สึกหนักอึ้งในใจ เขาไม่เคยเห็นเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นอีกเพราะมัวแต่จมอยู่กับการต่อสู้ สายโซ่ตวัดไปมา เวทมนต์ห่อหุ้มทั่วร่าง เคย์เป็นเหมือนพลังของจักรวาล

    นกของสึกาวาระคอยบอกข้อมูลเขา บอกถึงชัยชนะของอุชิจิมะกับทีมของเขาทางตอนใต้ บอกถึงความเสียหายของกลุ่มโออิคาวะ แต่ไม่นานเคย์ก็เลิกอ่านข่าวสารพวกนั้นไป

    เมื่อข่าวที่ว่าสงครามสิ้นสุดมาถึงมือเขา เคย์ก็มุ่งหน้าไปรายงานตัวที่วัง เขาตัวสั่นเทา เนื้อตัวเปื้อนเลือดเต็มไปด้วยบาดแผล โซ่พร้อมจะตวัดใส่ใครก็ตามที่เขามาใกล้เขา เขาสลบไปที่ห้องพยาบาลในสภาพไร้ปีกและอ่อนล้า และหลับพักฟื้นฟูอยู่สองสามวันจนไดจิมาปลุกเขา

    สึกาวาระมาหาเขาพร้อมความลับหนึ่ง ความลับอันแสนหนักอึ้งที่เคย์เกือบทำกุญแจร่วงเมื่อเวลามาถึงและร้องไห้โฮออกมา พวกเขาทั้งสองคนออกเดินทางทันทีเพื่อลงผนึกใส่ห้องที่คุก ไดจิอยู่ที่ห้องพยาบาลกับเทพที่ยังต้องการการดูแล แต่ยาฮาบะมากับพวกเขา

    หลังจากสึกาวาระ ก็เป็นเคนมะ แล้วก็อาซาฮี และทานากะ ปิดท้ายด้วยคุโรโอะ

    เคย์เดินลงไปยังชายหาดเท้าเปล่า

    เขาหยุดเพียงก่อนจะถึงแนวคลื่น มองคลื่นสัดสาดจนเกือบโดนนิ้วเท้าเขา ดวงจันทร์ของเขาฉายเด่น แม้จะโผล่ให้เห็นเป็นเพียงจันทร์เสี้ยว มันไม่ใช่ดวงที่โชโยหลงใหล แต่มันก็เป็นอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจของเคย์ สีมันออกแดง แรงโน้มถ่วงต่ำ เต็มไปด้วยหลุมบ่อ มันเป็นของขวัญที่มอบให้แก่เทพสุริยะองค์ก่อน

    เคย์หลับตาลงและพึมพำมนต์อัญเชิญ

    ก้อนวัตถุดิบที่เขาได้มาจากถ้ำใต้ทะเลที่เขาซ่อนไว้ในช่องว่างมาสักพัก ตอนนี้มันอยู่บนมือเขา สะท้อนแสงเคียงข้างขวดโลหะผสมลมหายใจสุดท้ายที่ว่างเปล่า

    เลือด มนตรา แสง เศษหินจากผนังถ้ำ ก้อนแร่นี้รู้สึกหนักกว่าที่มันควรเป็น

    เวทมนต์ของหลั่งไหลจากกลางไหล่มายังก้อนแร่

    สำหรับผู้ที่เดินผ่านมา เคย์ดูเป็นเพียงกลุ่มก้อนเวทมนต์ ห่อหุ้มไปด้วยแสงสีฟ้าและขาวจ้าจนแทบจะมองไม่เห็นรูปร่างของเขา ก้อนแร่ร้อนผ่าว ส่องแสงสีฟ้าแสบก่อนหยุดลง

    เคย์มองก้อนหินสลายเป็นผุยผง ร่วงกราวผ่านระหว่างปลายนิ้วลงไปผสมปนเปกับทราย

    ขวดโหลเก็บสิ่งที่อยู่ในก้อนแร่เมื่อครู่ สีเงินประกายฟ้า ส่วนผสมของมนตราและโลหิต ทั้งของเคย์และสัตว์ประหลาดตัวนั้น เคย์กลิ้งมันในมือเล่น จ้องมันราวกับว่าทางออกของทุกปัญหาของเขาอยู่ในกลุ่มก้อนเวทมนต์ที่บรรจุอยู่ในขวด

    เขาไม่เคยบอกว่าเขาเสียปีกไปยังไง และแทบไม่มีใครถาม ยังไงคนอื่นก็ไม่ค่อยเห็นเคย์พร้อมปีกของเขาบ่อยอยู่แล้ว เขามักจะเก็บมันไว้ ไม่อวดมัน ทุกคนรู้ว่าเขาใช้เวลาท่ามกลางหมู่เมฆนานแค่ไหน แต่มันก็แค่นั้น มันมีบาดแผลอื่นที่เรียกความสนใจไปจากมัน โบคุโตะเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง คาเงะยามะต้องร่วมมือกับเคียวทานิและไดจิเพื่อสร้างอวัยวะเทียมให้เอ็นโนะชิตะ เท็นโด อากาอาชิ อินุโอกะ โคมิและคินดะอิจิ ทุกคนต่างมีแผลเป็น หลายต่อหลายชั้น

    แม้กระทั่งคนที่ไม่ได้ต่อสู้เองก็ด้วย

    เคย์เสกให้ขวดโหลหายไปและเดินกลับทางเดิม

    เขาเรียกกุญแจเปิดห้องสิ่งประดิษฐ์โดยไม่คิดและปลดล็อกประตู ก่อนเดินเข้าไป มันไม่มีอะไรต่างไปจากครั้งล่าสุดที่เขาตรวจดู แต่เขาก็เดินเรื่อยเปื่อยไปยังชั้นวางเกราะศึกเสริมมนต์และนั่งลงตรงหน้ามัน ชุดของซาเอโกะเพิ่งเอามาไว้ได้ไม่นาน เพราะทานากะเพิ่งยอมเอามันออกมา ของอากิเทรุวางอย่างภาคภูมิท่ามกลางชั้นวาง โดยวางอยู่ค่อนข้างหน้าเนื่องจากเพิ่มไปทีหลัง ชั้นวางด้านหลังวางชุดเกราะของผู้ที่เสียชีวิตในสงครามครั้งแรก และก่อนหน้านั้น

    เคย์เป็นเทพจุติแรก เทพส่วนมากเป็นเช่นนั้น เคย์และพี่ชายเขาต่างเกิดจากท้องฟ้า อากิเทรุมาจากกลางวัน และเคย์มาจากค่ำคืน แม้ว่าลักษณะทางกายภาพของพวกเขาจะดูดีกว่าที่คาด เทพยากรณ์มองเห็นถึงการมาของพวกเขา และพวกเขาก็ได้พบกับโออิคาวะ อุชิจิมะ และเอ็นโนะชิตะ

    ผ้าโพกศึกทั้งสองผืนของอากิเทรุไม่อยู่กับชุดเกราะเขา มันอยู่กับเคย์ เหมือนกับที่ทานากะถือครองอาวุธของพี่สาวเขา พวกมันไม่ได้ถูกวางไว้บนชั้นวางในห้องสิ่งประดิษฐ์

    “เจ้าคิดว่ายังไง?” เคย์ถามขึ้น

    แต่ก็อย่างที่เข้าใจได้ ชุดเกราะของอากิเทรุไม่ตอบ

    “เราจะชนะอีกครั้งใช่ไหม? แต่ดีกว่าครั้งก่อน ไม่มีคำลวง และจะไม่มีใครตายครั้งนี้ ข้าจะไม่เสียใครไปอีกแล้ว”

    เคย์รู้ดีว่ามันเปล่าประโยชน์ อากิเทรุไม่อยู่แล้ว และเขาไม่มีวันกลับมา แบบนี้เขาไม่มีทางได้คำตอบ แต่เขาก็อดไม่ได้ เขาไม่ได้อยู่ด้วยตอนที่อากิเทรุจากไป ไม่มีใครที่มีความลับที่เกี่ยวข้องกับเขาเลย เคย์รู้แค่ว่าพี่ชายเขาตัวคนเดียว

    นิมฟ์กลุ่มนึงพบร่างของเขาและพาเขากลับมาที่วัง

    เทพจะไม่ถูกนำไปสร้างเป็นดวงดาว พวกเขาไม่ถูกฝัง และอากิเทรุก็ไม่จุติใหม่ ร่างกายเขาถูกส่งกลับสู่ฟากฟ้า สลายกลายเป็นแสงเมื่อส่งขึ้นไป ไร้ซึ่งกายหยาบ และไม่มีทางจะหวนกลับมา อากิเทรุได้จากไปโดยสมบูรณ์

    เคย์ไม่มีทางได้เขากลับคืนมา

    เขาพูดคุยกับเกราะของพี่ชายอยู่อีกสักพัพก่อนจะลุกขึ้น ล็อกห้อง เขาตรวจสอบให้แน่ใจว่าห้องนั้นได้หายไปเหมือนทุกที จากนั้นก็เดินไปยัยงห้องทำงานของเขา

    เมื่อนั่งลงที่โต๊ะ เคย์เรียกขวดโหลกลับมาอีกครั้ง เขาเรียกถ้วยเปล่าจากทั่วห้องมาจำนวนหนึ่งและสูดหายใจเข้าลึก

    ตั้งแต่ที่โชโยดูแลบาดแผลที่หลังเขา เวทมนต์ของเขาไหลเวียนได้สะดวกขึ้น แต่มันก็แค่นั้น แค่การแปะแผล และเคย์ก็ดื้อเกินกว่าจะไปหาไดจิ หลังของเขาไม่ได้หายดี และคงไม่มีวันหาย เพราะฉะนั้นเมื่อเขาใช้เวทมนต์ มันจะมีแรงกระตุกตามแนวสันหลัง ความเจ็บปวดแล่นแปลบที่เขาเคยชินไปแล้ว

    มนตราสีดำ นัยน์ตาเขาสีขาว ขวดโหลเรืองแสงฟ้าขณะที่เคย์เปิดฝาออก เขาปล่อยให้ขวดกลิ้งหลุนลงบนโต๊ะ ความสนใจทั้งหมดพุ่งไปยังวัตถุที่กลับเป็นสีเงินอย่างช้าๆ

    เขาแยกเวทมนต์ของเขาออกจากเลือด จากนั้นก็แยกเลือดของเขาออกจากเลือดของสัตว์ประหลาด แต่ละองค์ประกอบบรรจุอยู่ในถ้วยแต่ละใบ และเมื่อเคย์มั่นใจว่าทุกส่วนมั่นคง เขาก็สลายเวทมนต์ลง

    เคย์ไม่รู้ว่าเขาใช้เวลาจ้องถ้วยเหล่านั้นอยู่นานแค่ไหนจนยามากุจิเคาะประตู เขาผนึกถ้วยทั้งหมดด้วยเวทมนต์เพื่อซ่อนสัญลักษณ์และเรียกให้ยามากุจิเข้ามาได้

    “นอนไม่หลับเหรอ?”

    ยามากุจิมีสัตว์ดวงดาว ที่เหมือนจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานสักประเภทหุ้มไหล่เขาไว้ เขายังอยู่ในชุดนอนและดวงดาวก็ส่องประกายระยิบระยับจางๆ

    เขากะเผลก

    “เปล่า” เคย์ตอบพร้อมทำท่าทางให้ยามากุจินั่งลง

    ยามากุจินั่งลง และถอนหายใจเบาๆ เมื่อนั่งสบายตัวแล้ว

    “ขาเจ้า?”

    “แค่ตึงนิดหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

    ยามากุจิยิ้มในแบบที่เคย์ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เขาเป็นคนที่โกหกได้เนียน เพราะฉะนั้นเขาเลยรู้ทุกครั้งที่ยามากุจิกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ ในสงคราม ยามากุจิได้รับบาดแผลบริเวณสะโพกขวา ลึกไปจนถึงกระดูก และได้แผลเป็นยาวถึงเข่าจากการโจมตีถัดมา ไดจิรักษาเขาอย่างไม่ยากลำบาก แต่ยามากุจิยังมีอาการตึงบ้างเป็นครั้งคราว และโดยไม่ต้องพิจารณาอะไร เคย์ก็รู้ว่ามันเจ็บ

    “ข้าพูดจริง ไม่เป็นอะไร”

    เคย์เลิกคิดถึงเรื่องนี้ ยามากุจิก็ดื้อดึงไม่ต่างจากเขา ถ้ายังไม่เลิกก็คงไม่ได้ไปเรื่องอื่น

    “โปรเจกต์ใหม่อย่างงั้นเหรอ?” ยามากุจิถามพลางมองไปยังถ้วย

    “การทดลองที่ยังไม่สมบูรณ์น่ะ”

    เมื่อเคย์ไม่มีทีท่าจะกลับไปทำงานต่อ ยามากุจิเลยพยักหน้า

    “ฮินาตะจะดึงพระอาทิตย์ขึ้นเช้านี้ เราควรไปดูกันนะ”

    เคย์เสกให้ถ้วยทั้งหมดหายไปทันทีที่ยามากุจิหันไปอีกทาง สัตว์ประจำดวงดาวอยู่ด้านใน ด้านนอกยังค่อนข้างงมืด แต่อีกไม่นานโชโยก็จะพาพระอาทิตย์ขึ้น

    การเคลื่อนที่ดาวเคราะห์ด้วยการควบคุมไม่ได้จำเป็นมาสักพักแล้ว แต่ทุกครั้งที่มีพิธีการ เทพองค์ใหม่ หรืออะไรที่ยิ่งใหญ่ระดับเดียวกันก็จะมีการนำประเพณีเก่าๆ กลับมา ในเมื่อโชโยจะดึงพระอาทิตย์ข้ามผ่านท้องฟ้าเช้านี้ พวกเขาคงเริ่มเตรียมงานพิธีการในอีกไม่กี่วัน หรือสักประมาณอาทิตย์นึง

    ครั้งแรกที่เคย์ได้ดึงพระจันทร์ เขามีอากิเทรุคอยอยู่เคียงข้าง บินไปคู่กับเขา มันเป็นค่ำคืนที่ดี ได้มองเห็นทุกคนจากฟากฟ้า และสบกับดวงตาอันอบอุ่นของทุกคนที่แหงนมองขึ้นมา ตอนนั้นเขาบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และเขาก็จะได้ดึงพระจันทร์ขึ้นอีกหลายครั้ง มันไม่ใช่อะไรพิเศษ

    แต่การได้ดูโชโยดึงพระอาทิตย์คงเป็นอะไรที่ตระการตา

    พวกเขามานั่งที่ขอบผา เคย์กอดเข่าตัวเอง ในขณะที่ยามากุจินั่งห้อยขาที่ขอบผานั้น ดวงดาวเริ่มจางลง ค่ำคืนเข้าใกล้สู่จุดจบเมื่อโชโยและพระอาทิตย์ของเขาขยับเข้ามาใกล้ขึ้น

    “ข้าคิดว่าเขาจะทำได้เยี่ยมแน่” จู่ ๆ ยามากุจิก็เอ่ยขึ้น

    เคย์เหลือบมองยามากุจิจากด้านข้าง มองรอยยิ้มพึงใจและดวงตาอบอุ่น ดวงดาวทอแสงพร่าสีส้มขึ้นมา

    “แน่นอน”

    ยามากุจิหัวเราะเสียงเบาอย่างอ่อนโยน

    “เขามานั่นแล้ว”

    เคย์ขยับสายตากลับไปมองบนฟ้า จริงดังว่า โชโยอยู่ตรงนั้น และกำลังพารุ่งอรุณขึ้นสู่ฟ้ากว้าง เขาแต่งตัวในชุดทางการ เนื้อผ้าไล่สีระหว่างสีแดง ส้มและสีขาว เท้าเปลือยเปล่า ในขณะที่ปีกเขาประดับด้วยเครื่องประดับหนีบสีทอง เคย์สามารถมองเห็นดวงตาลุกโชนของโชโยได้กระทั่งจากพื้น ใบหน้าเขาแดงก่ำจากความพยายามและความสุขสันต์

    ไดจิอยู่เคียงข้างเขา จำทางอยู่บนนกกระดาษขนาดยักษ์ของสึกาวาระ

    โชโยหัวเราะร่วน และเคย์ก็รู้สึกว่าริมฝีปากของเขาขยับตาม และแก้มขึ้นสีระเรื่อ

    เขาโบ้ยว่าเป็นเพราะไอร้อนที่มาปะทะเข้ากะทันหัน เมื่อโชโยแผ่ไอร้อนออกมาบางส่วนขณะดึงดวงอาทิตย์

    มันเป็นเพราะเหตุนั้นแหละ

    ...................................................................

    กลุ่มแสงไฟไม่เป็นไปตามที่เคย์ต้องการ และมันก็เริ่มทำให้เขารู้สึกรำคาญขึ้นมาแล้ว

    ในช่วงเช้าเป็นงานศิลป์ พวกเขากำลังตกแต่งโถงสำหรับพิธีแต่งตั้งพรุ่งนี้ ตอนเย็นจะเป็นการติดตั้งและเสริมความแข็งแรง ซึ่งต้องใช้พลังงานสูง และทุกอย่างจะไม่มั่นคงจนกว่าจะเสร็จเรียบร้อย แต่พรุ่งนี้คือเวลาที่เป็นงานหนักจริง ๆ โดยเฉพาะสำหรับเคย์

    เทพทุกองค์มักจะมีคู่ตรงข้ามของตัวเอง แต่ความสัมพันธ์ของคู่ตรงข้ามมักจะซับซ้อนขึ้นเมื่อมีเทพมีการกลับมาจุติใหม่ เคย์เองก็ได้รับสืบทอดคุณสมบัติบางอย่างมา แต่ส่วนอื่น ๆ ก็กระจายไปตามเทพและนิมฟ์อื่น ๆ คู่ตรงข้ามของทานากะคืออุชิจิมะ ของยาจิเป็นโคโนฮะ แต่ถ้าโคโนฮะเสียชีวิตไป ใครก็ตามที่ได้รับสืบทอดคุณสมบัติของเขาก็จะไม่สามารถได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการได้ เพราะยาจิไม่ได้รับคุณสมบัติจากซาเอโกะมาทั้งหมด ซึ่งนั่นหมายความว่าพลังของเขาจะถูกแบ่งให้กับเทพที่มีตัวตนอยู่แล้ว และได้รับการแต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว

    เคย์เองก็เป็นคู่ตรงข้ามของโชโย แม้ว่าจะมีคุณสมบัติอื่นเกินมาด้วย

    ทุกคนมีส่วนร่วมในพิธีการ แต่เคย์จะเป็นคนนำ เป็นผู้เชื่อมต่อและรับภาระในการประสาทพรแต่งตั้งโชโยขึ้นเป็นเทพเต็มตัว เคย์ได้รับการแต่งตั้งจากเทพสุริยะองค์ก่อน และขั้นตอนนี้ก็ดูต้องใช้ความพยายามอย่างมากแม้จะเป็นเทพที่อยู่มานานกว่าเขา

    เทพแต่ละองค์มีพรของตัวเอง เหมือนสึกาวาระ ซึ่งพรเหล่านั้นจะถูกนำมาใช้ในพิธีนี้ พลังงานบริสุทธิ์จะไหลผ่านพรนั้น และจะรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ก่อนจะใช้เคย์เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดมันให้แก่โชโย

    มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร เขาแค่ต้องไปพักหลังจากทำการตกแต่งเสร็จแล้ว

    ยามากุจิอยู่ที่อีกฝากของโถง คอยสั่งการให้เลฟและโบคุโตะตกแต่งเสาของตัวเอง กลุ่มดาวของเขาก็ทำงานด้วยเช่นกัน พวกมันช่วยเคลื่อนย้ายโคมไฟจากสวนของคิโยโกะ เทพแต่ละคู่จะได้เสาหนึ่งต้น แม้ว่าการจับคู่จะเปลี่ยนทุกครั้งที่มีการจัดพิธี และเสาต้นนั้น ๆ ก็จะเป็นการแสดงถึงคุณสมบัติและพลังของพวกเขาออกมาเป็นภาพ คิโยโกะกับทานากะเคยร่วมกันตกแต่งเสาอยู่ครั้งหนึ่ง และมันเป็นการแสดงดอกไม้ประกอบกับเปลวไฟที่งดงามจนน่าตะลึง

    ปีนี้เคย์ไม่มีเสาเป็นของตัวเอง เทพที่เป็นคู่ตรงข้ามจะไม่มีอยู่แล้ว ในอดีตเขาเคยร่วมแต่งเสากับคุโรโอะ โบคุโตะ อากาอาชิ และเลฟ

    และในวันที่กลุ่มแสงไฟเลือกจะทำตัวเอาใจยาก มันดันมาเลือกวันเตรียมพิธีของโชโย มันไม่ส่องแสงสว่างจ้าเกินไปก็มืดเกินไป พวกมันเป็นกลุ่มแสงไฟของทานากะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ทำไมเขาถึงต้องมาเป็นคนใช้พวกมันแทนทานากะเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่กลุ่มแสงไฟของทานากะเป็นแสงสีอุ่น และเขาก็ถือครองธาตุที่ใกล้เคียงกับของโชโย

    “สึกกี้?”

    เคย์หันไปตามเสียงเรียก ยามากุจิชี้ไปยังเสาต้นที่หมุนวนไปด้วยเสียงเพลงพร้อมกับเส้นสายหมอกควัน

    “ใช้ได้”

    ยามากุจิพยักหน้าพร้อมถูกสองเข้าด้วยกัน ก่อนจะส่งโบคุโตะและเลฟออกไป ทั้งให้เรื่องเทพคู่ถัดไปเข้ามาในโถง

    เคย์หันกลับมา

    “เอาล่ะ เจ้าพวกเจ้าอารมณ์ทั้งหลาย” เขาพึมพำ

    เคย์เสกให้พวกมันหายไป ก่อนสร้างกลุ่มแสงไฟของตัวเองขึ้นมา จริงอยู่ว่าแสงจะไม่อุ่นเท่าของทานากะ แต่เขาใช้มันสำหรับประดับตกแต่ง ไม่ได้ส่งผลอะไรกับตัวพิธี ไม่นาน เคย์ก็เสกไฟขึ้นมาหลายร้อยดวง พวกมันเป็นสีขาวทอแสงฟ้าจาง

    เคย์เสกพวกมันใส่โคมไฟอย่างไม่ยากลำบาก

    คิโยโกะสร้างโคมไฟขึ้นเป็นพิเศษและสร้างดอกไม้ใหม่ให้โชโยโดยเฉพาะ โคมไฟสลักเป็นลายใบไม้ทับกลีบดอกไม้สีอรุณรุ่งผสมด้วยประกายดาว มันถูกร่ายมนต์มาให้ลอยด้วยกลุ่มแสงไฟ เพราะงั้นเมื่อเคย์ใส่ไฟเข้าไประหว่างกลีบดอกไม้ พวกมันก็ลอยขึ้นสูงสู่เพดาน

    เมื่อเคย์จัดแจงแสงไฟเรียบร้อย ยามากุจิได้ออกไปแล้ว คนอื่นก็เริ่มลงมือตกแต่งในส่วนของตัวเอง

    มีอะไรบางอย่างดึงเสื้อคลุมของเคย์ทำให้เขาหันไป

    ด้านหลังเขา มีเด็กสาวคนหนึ่งในความสูงแค่เกือบถึงเอวเขา เขามองขึ้นไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีใครเห็นเด็กคนนี้เหมือนเขาหรือไม่ อาซาฮีสบตาเขาและยิ้มน้อยให้เขา ก่อนจะหันกลับไปตกแต่งเสาของเขากับเอ็นโนะชิตะ

    “เจ้าคือ?”

    เธอเป็นภูติประจำธาตุ เขารู้แค่นั้น คำถามคือเธอมาจากฝ่ายไหน ดวงตาของเธอเป็นสีดำเงา ในขณะที่เส้นผมดูเหมือนเปลวเพลิง ชุดที่เธอสวมดูคล้ายผ้าลงมนต์ของเคียวทานิ เป็นประกายสีแดงชมพูพลิ้วไสวรอบตัว สนับคล้ายถ่านหินประดับยาวตั้งแต่ข้อมือถึงข้อศอก และสวมสร้อยคอ ตัวเธอมีขนาดเล็ก และเคย์ก็อุ้มเธอขึ้นมาโดยไม่ลังเลเมื่อเธอทำมือไม้เป็นเชิงให้เขาอุ้ม

    “ข้าชื่อนัตสึค่ะ” เธอบอกอย่างร่าเริง

    เคย์อุ้มเธอด้วยมือข้างเดียว และสังเกตเห็นปีกจิ๋วบนแผ่นหลังของเธอ

    “เจ้าเข้ามาในวังได้ยังไงกัน?”

    ภูติส่วนมากอาศัยเป็นกลุ่ม และมักจะอยู่ห่างจากที่พำนึกของเทพ แต่เหมือนจะไม่ใช่ตัวภูติตัวนี้

    “โชโยพาข้ามาค่ะ!” 

    “โชโย?”

    “อื้อ!”

    เคย์ไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่ดูจากที่เธออยู่คนเดียวแล้ว โชโยน่าจะอยู่กับสึกาวาระ ไม่ก็ไดจิ เพื่อฟังรายละเอียดเกี่ยวกับงานพิธี

    นัตสึดูไม่อยากให้เขาวาง เคย์เลยอุ้มเธอไว้แบบนั้น

    “เจ้าเป็นใครเหรอ?” สักพักเธอก็ถามขึ้น

    “เคย์”

    “เคย์เป็นเทพเหรอ?”

    “ใช่”

    “ว้าว”

    เคย์ไม่แน่ใจว่าเขาควรทำอะไรต่อไป เขาทำในส่วนที่เขาต้องเตรียมในตอนนี้เสร็จหมดแล้ว และเขาก็ไม่มีอะไรที่ต้องรีบทำด้วย เขาเหลือสิ่งที่ต้องทำอีกอย่างคือการแจกจ่ายพร แต่เขาสามารถทำมันทีหลังได้

    เขาไม่ค่อยได้เจอกับภูติเท่าไหร่ โดนเฉพาะภูติที่เด็กขนาดนัตสึ เธอจะอยากทำอะไรกันนะ?

    พวกเขาไปจบลงที่สวน เคย์อุ้มเธอไปจนถึงพื้นที่ว่างเล็ก ๆ ที่ถูกแบ่งด้วยเถาวัลย์ประดับดอกไม้เรืองแสง เคย์เกี่ยวเถาวัลย์ขึ้นให้แสงอาทิตย์สาดเข้ามาภายในได้ เขาเคยมาเล่น ไม่ก็มาผ่อนคลายในที่แบบนี้เมื่อก่อนสมัยยังเด็ก หนังสือที่เขาเคยเอามาซ่อนไว้ก็น่าจะยังอยู่ที่ไหนสักที่

    “เคย์?”นัตสึดูจะได้รับอิทธิพลจากโชโยมา มองมวลดอกไม้ด้วยตาเป็นประกายด้วยสีหน้าแบบเดียวกับที่โชโยใช้มองพระจันทร์ก่อนหน้านี้

    “หืม?”

    “เจ้ามีหน้าที่ทำอะไรเหรอ?”

    “ข้าสร้างของ” เขาบอกอย่างเรียบง่าย

    “ของแบบไหนเหรอ?”

    เขานั่งลงและเด็ดดอกไม้ขึ้นมาสองสามดอก พวกมันโตใหม่ทันทีในขณะที่เคย์ค่อย ๆ ถักสานดอกไม้เหล่านั้น ไม่นาน เขาก็ได้กำไลเล็ก ๆ หนึ่งวง และนัตสึก็ยอมให้เขาสวมมันรอบข้อมือเธอ

    “แบบนี้ยังไงล่ะ”

    “ว้าว ช่วยสอนข้าหน่อยได้ไหม?”

    พวกเขาใช้เวลานับชั่วโมงสร้างเครื่องประดับจากดอกไม้ นัตสึสวมมงกุฎดอกไม้ไม่ได้เพราะเส้นผมของเธอ เธอเลยทำให้เคย์สวมแทนจนกว่าเคย์จะสามารถทำให้พวกมันทนไฟได้ เมื่อเธอเอ่ยปากขึ้นมาอีกครึ่ง นัตสึก็มีสร้อยคอและแหวนสำหรับแต่ละนิ้วแล้ว และเธอก็นั่งตรงหน้าเคย์ ขณะที่เขาถักผ้าคลุมให้เธอ

    “เคย์?”

    “ว่าไง?”

    “ทุกคนกำลังจัดเตรียมอะไรอยู่เหรอ?”

    “พิธีแต่งตั้งโชโยยังไงล่ะ”

    “พิธีแต่งตั้ง?”

    “มันเป็นพิธีที่จะทำให้เขาเป็นเทพจริง ๆ น่ะ” เขาบอกเก้ ๆ กัง ๆ ไม่แน่ใจว่าควรจะอธิบายยังไง นัตสึดูจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ เธอหันหลังมาอย่างระวังผมตัวเองและมองเคย์ด้วยสายตาสงสัย

    “แต่โชโยเป็นเทพจริง ๆ นี่”

    “มันจะทำให้เขาเป็นเทพอย่างเป็นทางการน่ะ” เคย์แก้ “ตอนนี้เขายังไม่ได้รับพลังทั้งหมดมา แต่ถ้าเขาได้รับการแต่งตั้งแล้ว เขาจะใช้พลังทั้งหมดได้ แล้วก็อาจจะได้พลังใหม่ด้วย”

    “อ๋อ ข้าช่วยได้ไหม?”

    มีเพียงเทพเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งได้ ยาจิเป็นกรณียกเว้นเพราะเธอได้รับคุณสมบัติเฉพาะมาจากซาเอโกะ ถึงคนอื่นจะสามารถเขาร่วมได้ แต่ก็เป็นได้แค่ผู้ชม

    “ข้ามั่นใจว่าเขาจะชอบมงกุฎดอกไม้ไว้สวมระหว่างพิธีนะ”

    นัตสึพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นและลุกไปหาดอกไม้ที่เหมาะสม พวกเขาช่วยกันทำมงกุฎดอกไม้ เคย์ร่ายมนต์ให้พวกมันไม่เหี่ยวเฉา และจะถูกทำลายไประหว่างพิธี และนัตสึก็เสกแสงไฟโอบรอบให้พวกมันเรืองแสงอุ่น

    อากิเทรุเป็นคนสอนเขาร้อยดอกไม้ มันเป็นกิจกรรมที่พวกเขาทำด้วยกันบ่อย ๆ เคย์ชอบใช้เวลาอย่างสงบและสร้างสรรค์ ส่วนอากิเทรุชอบที่จะสอนเขาทำสิ่งต่าง ๆ

    “เรียบร้อย” นัตสึร้อง ยกมงกุฎขึ้นให้เคย์ตรวจดูเป็นรอบสุดท้าย

    “เยี่ยมมาก”

    “ข้าจะเสริมอะไรลงไปด้วย! จากนั้นข้าจะเอาไปให้เขา ขอบคุณนะ เคย์!”นัตสึกระพือปีกลอยขึ้นจากพื้นก่อนร่อนกลับไปทางวัง

    เคย์นั่งอยู่ที่เดิมสักพัก มือจับสร้อยคอไม่ค่อยจะสมมาตรที่นัตสึทำให้เขาไปมา มันทำให้เขานึกถึงสมัยที่เขาเพิ่งลองร้อยดอกไม้แรก ๆ และมันก็แทงใจเขาเต็มรัก

    เคย์ผุดลุกขึ้นยืนพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

    เขาต้องไปเตรียมพร และแจกจ่ายให้กับทุกคน มันไม่น่าจะยาก เพราะเกือบทุกคนก็อยู่ที่วังเตรียมสำหรับงานในวันพรุ่งนี้

    สึกาวาระกับอากาอาชิเป็นเทพที่มีพรเรียบร้อยแล้ว ส่วนของคนอื่นนั้นเก็บอยู่ที่ห้องเก็บอาติแฟกต์

    ยามากุจิรอเขาอยู่ที่ประตู เขาปัดประกายสีชมพูออกจากเสื้อผ้า เศษประกายสีแดงพวกนี้ติดตามผิวเขาด้วยเช่นกัน ยามากุจิไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเครื่องประดับดอกไม้ที่เพิ่มขึ้นมาของเคย์ แต่เคย์เลิกคิ้วเป็นเชิงถามกับกลุ่มแสงไฟที่เห็น

    “ข้าจับคู่กับโกชิกิแต่งเสารอบนี้น่ะ”

    อย่างนี้นี่เอง

    พวกเขาเดินทางไม่สนใจเวลา และถึงบ้านไวกว่าปกติ เคย์แวะเข้าห้องตัวเองเพื่อไปวางเครื่องประดับดอกไม้ที่นัตสึทำให้บนเตียง ก่อนจะเรียกกุญแจห้องเก็บอาติแฟกต์ออกมา

    “ข้าไม่ได้เห็นของตัวเองมานานแล้วเหมือนกันนะ” ยามากุจิพูดขึ้นมาจากทางเดิน มองเคย์รวบรวมกล่องที่บรรจุพรเอาไว้ พวกมันถูกบรรจุไว้อย่างระมัดระวัง บางพรค่อนข้างอ่อนไหว และการสัมผัสมันโดยตรงอาจทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้

    ซึ่งมันมักจะจบไม่สวยแม้แต่น้อย

    เคย์แยกพวกมันใส่ตะกร้าเล็ก ๆ ยื่นมันให้ยามากุจิและปิดประตู เขาเอาพวกมันไปทันทีที่เสร็จ

    เมื่อออกมานอกตัวบ้าน เคย์ใช้เส้นใยมนตรายกพรของยามากุจิขึ้นมา

    พรของยามากุจิขนาดเกือบฝ่ามือเขาต่างจากของสึกาวาระ มันมีสีขาว แม้จะมีสภาพไม่เหมือนของแข็ง ตรงกลางเป็นกลุ่มก้อนหมุนวนดำสนิท เป็นหลุมดำจำลองที่ไม่มีหน้าที่อื่นใดนอกจากเพื่อหน้าตาสวยงาม จังหวะที่มันสัมผัสกับผิวของยามากุจิ ทั้งร่างเขาก็ส่องสว่างเป็นแสงสีขาวปนทอง

    เมื่อแสงมอดดับลง ดวงตาของยามากุจิล้อมด้วยสีดำ และปรากฏประกายดาวบนผิวเขามากขึ้น

    “ข้าลืมไปแล้วนะเนี่ยว่ามันรู้สึกดีขนาดไหน” เขากระซิบ

    เคย์จะยังไม่รับพรของตัวเอง เขาจะรอจนคนอื่นได้ครบก่อน

    “นานแค่ไหนแล้วล่ะ?” เขาถาม พวกเขาเริ่มเดินทางกลับไปยังปราสาท ยามากุจิยังคงทำความคุ้นชินกับพลังที่กลับคืนสู่ร่างตัวเอง

    “ตั้งแต่แต่งตั้งชิราบุ”

    ระหว่างนั้นเคย์มีได้ใช้พรของตัวเองบ้างประปราย อย่างการจัดสรรห้องอาติแฟกต์กับอากาอาชิ และทุกครั้งที่มีอาติแฟกต์เพิ่มเข้ามา ผลกระทบจากพรของเขาคงไม่มากเท่ากับของยามากุจิ เพียงเพราะเขาได้สัมผัสมันบ่อยกว่า

    โมนิวะรับพรของตัวเองไป และเคย์ก็นำส่วนของคนอื่นในทีมเขาฝากให้เขาแจกจ่ายให้กับทุกคนด้วย หลังจากนั้นเขาไปที่สวน และเจอคิโยโกะ ยาจิ อาซาฮีและยามาโมโตะ พรของยาจิเป็นของซาเอโกะ มันถูกปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสมัน เธอเลยส่องสว่างมากกว่าอีกสามคนที่เหลือ

    พวกเขาเดินผ่านตัววัง เคย์มอบพรของแต่ละคนให้ทันทีที่เจอเทพสักองค์ ทานากะเกือบทำผ้าแขวนติดไฟ แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ไม่นาน ก็เหลือเพียงพรส่วนของไดจิและคาเงะยามะ เคย์ฝากของคาเงะยามะไปกับยามากุจิ ไดจิไม่ได้ต้องการปกปิดมันเสียทีเดียว แต่เขาไม่อยากให้ใครอื่นเห็นเขาเวลารับพรของตัวเองคืน

    ยามากุจิมองเขาเหมือนสงสัย แต่ก็รับตะกร้าที่ใส่พรของคาเงะยามะไปโดยไม่พูดอะไร

    ไดจินั่งอยู่ที่ห้องพยาบาล

    ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ อิวาอิซึมิเป็นคนไข้ประจำที่นี่มานานที่สุด ไดจิมีห้องของตัวเอง แต่เขาก็ใช้เวลาที่เขาไม่ต้องไปที่ชายแดนอยู่ที่ห้องพยาบาลแห่งนี้

    “ถึงเวลานั้นอีกแล้วเหรอ?”

    เขาดูอ่อนล้า เคย์ไม่เคยนึกอิจฉาสิ่งที่เขาทำเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่นานมันก็จบ แล้วไดจิก็จะได้พักผ่อน สองด้านในตัวเขามันน่าทึ่งเสมอ ไดจิเป็นเทพที่มีคุณสมบัติด้านการรักษา แต่ก็รวมไปถึงพลังเกี่ยวกับโรคระบาดโรคร้ายต่าง ๆ ด้วย เขาสามารถรักษาแผลได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็สามารถกวาดล้างทั้งกองร้อยด้วยไวรัสที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและทำให้พวกเขาล้มลงแทบจะในทันที ในฐานะผู้บัญชาการวัง เขาแบ่งคุณสมบัติหนึ่งกับคาเงะยามะ คุณสมบัติเกี่ยวกับการวางแผน และโชคร้ายสำหรับเขา ที่ในสมองเขามักจะมองเห็นทุกความเป็นไปได้อยู่เสมอ ไดจิเห็นทุกผลของการตัดสินใจตลอดเวลา ไม่ว่าจะดี ร้าย หรือน่ากลัว

    ชัยชนะชวนอุ่นใจที่ตามมาด้วยความโศกเศร้าวังเวงของความสูญเสียครั้งใหญ่

    ไม่ เคย์ไม่อิจฉาเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

    “ถึงแล้ว”

    เสียงถอนหายใจของไดจิฟังดูเจ็บปวด

    พรของไดจิต่างจากคนสักไปสักหน่อย แทนที่เป็นทรงกลม มันไม่มีรูปร่าง และอยู่ในรูปของเหลว สีเขียวอ่อนผสมขาวและส่องแสง

    เคย์คลายเวทมนต์ตัวเอง และพรของไดจิก็ลอยไปที่มือของอีกฝ่ายด้วยตัวเอง มันลอยค้างอยู่อย่างนั้นก่อนซึมลงสู่ผิว

    เคย์เบนสายตาหนี

    เขาเคยเห็นมันมาแล้วครั้งหนึ่ง และมันก็เพียงพอแล้ว

    เมื่อเขาสัมผัสกับพรของตัวเอง ทั่วร่างของไดจิจะเต็มไปด้วยบาดแผลที่เขาเคยรักษามาทั้งหมด แม้เลือดจะไม่ได้ไหลจริง ๆ แต่ทั่วร่างของไดจิเหมือนเปลือกที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวที่มีแสงลอดออกมา ร่างกายที่แตกสลายนั้นคงอยู่ได้ด้วยมนตราอย่างเดียว

    และนั่นเป็นแค่ส่วนเดียว

    ไดจิเคยมีปีกมาก่อน ปีกขนนกสง่างามสีขาวที่เคย์เคยเห็นจากในความทรงจำของเทพองค์อื่น ปีกนั้นจะคืนสู่ร่างเขาในช่วงเวลาอันมีค่าชั่วครู่นี้ ก่อนจะหายไป เมื่อร่างกายไดจิกลับสู่ปกติ

    เคย์รับร่างที่โซเซลง และประคองเขานั่งลงบนเปล

    “ขอบคุณ”

    เคย์พยักหน้า และรู้สึกเหมือนไดจิอยากจะพูดอะไรอีก

    “เจ้าพร้อมสำหรับงานพิธีหรือยัง?” ไดจิถามขึ้นหลักจากเงียบไปสักพัก

    “ข้าคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

    “แล้วสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นล่ะ?”

    “ข้าเชื่อว่าข้าพร้อมเท่าที่ข้าจะพร้อมได้”

    ไดจิพยักหน้าลงช้า ๆ ก่อนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

    “ข้าควรไปดูโชโยเสียหน่อย แล้วเหมือนว่าเจ้าจะเจอนัตสึแล้วสินะ? เธอทิ้งของไว้กับกลุ่มภูติของเธอและโชโยก็อาสาไปเอามาให้ เธอบอกว่ามันจำเป็นสำหรับแต่งของที่เธอทำให้เขา”

    พวกเขาแยกทางกันที่โถงและเคย์ก็เลือกทางเดินอ้อมกลับบ้านโดยไม่สนใจสนามเวลา

    พรของเขามีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเขานิดหน่อย และแทนที่จะมีกลุ่มก้อนพลังตรงกลาง ของเป็นสี่ส่วนล้อมรอบให้เขาวางนิ้ว และกลุ่มก้อนที่ใหญ่กว่าก้อนอื่นตรงแก้มฝ่ามือ มันมีสีเงินเหลือบฟ้าภายใต้แสงอาทิตย์ แต่มันไม่เรืองแสง

    เคย์วางตะกร้าลงและคลายเวทมนต์ ปล่อยให้พรนั้นสัมผัสกับมือเขา

    เคย์แหงนศีรษะขึ้น เสียงโอดครวญแตะหูเขา และเขารู้สึกอึดอัดจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงน้ำหนักของปีกบนแผ่นหลัง เขาทรุดลงคุกเข่า ไม่สามารถมองเห็นสิ่งอื่นใดนอกจากแสงสว่างจากร่างกายตัวเอง

    มันกินเวลาไม่นาน แต่เคย์ก็หอบหายใจเมื่อมันจบลง เขาทิ้งตัวหงายหลังลงพื้น และค่อย ๆ ขยับขาที่นั่งทับอยู่ออกพลางเบ้หน้าเล็กน้อย

    วันเวลาช่วงสงครามผ่านไปอย่างพร่าเลือน บางวันกินเวลาเป็นชาติ แต่บางวันผ่านไปราวกับพริบตา ตอนแรกเคย์คิดว่าเป็นฝีมือของอากาอาชิ แต่นกของสึกาวาระบอกว่าไม่ใช่ มันคงเป็นที่ความรู้สึก เคย์จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีวันที่เขาไม่ต้องต่อสู้ จนท้ายที่สุด ทุกวันเหมือนหลอมรวมกันกลายเป็นวันเดียวอันยาวนาน

    และเขาก็ไม่อยากให้มีช่วงเวลาแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแม้แต่น้อย

    TBC…

     

    ll TALK WITH TRANSLATOR ll

    สวัสดีครับ

    ก่อนอื่นขออภัยด้วยครับที่หายไปนาน ไปจัดการกับชีวิตตัวเองมา แหะๆ

    ตอนนี้ก็เลยแทนคำขอโทษมาอัพให้แบบเต็มอิ่มเลยครับ 

    ไม่ได้แปลงานมานานมาก คิดว่าสำนวนคงแปร่ง ๆ ไปบ้าง ยังไงก็ติชมได้เสมอนะครับ

    หลังจากนี้จะกลับมาอัพน่าจะเดือนละตอนสองตอนแล้วแต่เวลาอำนวยครับ ฝากตัวด้วยอีกครั้งนะครับ

    ด้วยรัก

    พาร์ท

    KITDS

     

     

     

    double_B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×