คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10: An Awakening (การตื่น)
Title: Sunbeams แสงตะวัน
Story: Saturnalius
Translator: KITDS
Chapter 10: An Awakening (การตื่น)
ตอนที่เคย์มาถึงรั้ววัง โมนิวะไม่อยู่ที่หออารักษ์ แต่เขาก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องอยู่ตรงนั้น
พวกเขาอาจจะแสดงโชว์ล็อคประตูรั้ว แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ในช่วงสงคราม
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
และบาเรียเวทมนต์ก็เพียงพอจะกันแขกไม่ได้รับเชิญระหว่างที่มีสัญญาณเตือนส่งไปถึงผู้คนในวัง
ในอ้อมแขนเคย์เต็มไปด้วยโครงร่างของเอ็นโนะชิตะ
ซึ่งปกติเขาจะส่งมาผ่านยามากุจิ เนื่องจากอีกฝ่ายมาที่วังบ่อยๆ
แต่คราวนี้อีกฝ่ายไม่อยู่แล้วตอนที่เคย์ตื่น และเขาเองก็มีความอยากที่จะทำบางอย่างอยู่
เมื่อเขาเปิดประตูออก เขาก็พบกับลายสัญลักษณ์เฉพาะตนมากมาย
ตรงนั้นเป็นของสึกาวาระที่เปล่งแสงร้อนแรงแสบตา ของไดจิที่เป็นสีเทาหนักแน่นมั่นคง
ยาฮาบะมีสีม่วงยุ่งเหยิงประกายเขียว เคียวทานิที่เป็นทรงเกลียวสีชมพูจางตัดกับสีดำ
ฮานามากิและมัตสึคาวะที่ผสานรวมกันเป็นสีท้องฟ้าที่กักขังเวทมนต์ที่ขลังกว่าอายุของเคย์
โคซึเมะเองก็อยู่ ซึ่งสัญลักษณ์เขาไม่เตะตาสีน้ำเงินมืดเกือบดำ
คินดะอิจิและวาตาริอยู่ด้วยและสัญลักษณ์ผสานกันเป็นสีเทาและแดงเข้ม
และตรงนั้น
สีเขียวราวกับต้นไม้เก่าแก่หยั่งรากลึก
สัญลักษณ์ขนาดใหญ่กว้างจนกินพื้นที่เกือบจะทั้วทั้งฟากหนึ่งของวัง
อิวาอิซึมิตื่นแล้ว
เคย์เกือบทำแผนผังร่วง
แต่ก็แค่เกือบขณะที่มุ่งหน้าไปยังห้องพยาบาล
ไม่มีใครหันมามองในจังหวะที่เขาเข้าไป
แผ่นหลังเขาร้อนวูบวาบอีกครั้งและไล่ลามลงมาตามแขน
อิวาอิซึมิยังคงนอนอยู่ แต่ดวงตานั้นลืมเปิด
สีเขียวนีออนม้วนพันผ่านใบไม้ต่างๆ ผิวสีเข้มไร้รอยจนถึงช่วงลำตัว รอยแผลเป็นพาดผ่านจากสะโพกไปจนถึงกลางอกเป็นรูปร่างคล้ายธนู
รอยแผลเป็นหยักตามรอยจากการถูกเชือดเฉือนด้วยมนตราที่ไดจิไม่สามารถรักษาให้เรียบเนียนเหมือนเดิมได้เมื่อเริ่มรักษาด้วยการจำศีล
แขนทั้งสองเต็มไปด้วยรอยสักสีดำต่างความเข้มหนาและขยับไหวตามจังหวะหายใจของเขา
ไดจิอยู่เคียงข้างอิวาอิซึมิ
มือเรืองแสงสีขาวขณะที่อธิบายว่าสงครามได้จบลงแล้ว โคซึเมะเองก็อยู่
มือทั้งสองเรืองแสงสีฟ้าไล่ตามแขนของอิวาอิซึมิและช่วงลำตัวและขาเป็นการตรวจสอบอาการ
การรักษาแบบจำศีลต่างออกไปตามอาการบาดเจ็บ
บาดแผลของอิวาอิซึมิเกือบจะคร่าชีวิตเขา
สัญลักษณ์ของเขาแทบจะเลือนหายและเป็นเพียงแค่จุดสีเขียวเรืองจางๆ เมื่อไดจิพบเขา
สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำให้เขาเข้าสู่การจำศีล
แช่แข็งร่างของเขาและบาดแผลที่เกิดจากเวทมนต์ที่แล่นผ่านทั่วร่าง
มันมีแสงสว่างวาบจนเหมือนจับต้องได้ และแสงสว่างตัดระหว่างฟ้ากับขาว
ก่อนที่ภายในห้องพยาบาลจะมีแต่แสงของสัญลักษณ์แต่ละคนปนเปกัน
สึกาวาระกัดข้อนิ้วตัวเอง
เพียงสิ่งเดียวที่กันไม่ให้เลือดออกมีเพียงถุงมือที่เขาสวมอยู่
และเคย์ก็ก้าวเข้าไปใกล้ เขาวางมือที่ว่างลงบนบ่าของอีกฝ่ายเป็นการเรียกความสนใจ
“สึกิชิมะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่ว “ในที่สุดเขาก็ตื่น”
และแม้นั่นจะดูดี
แต่เคย์ก็รู้สึกว่าหลายอย่างจะเริ่มซับซ้อนเกินเยียวยามากขึ้นนับจากเวลานี้ไป
การมีอิวาอิซึมิอยู่ด้วยก็มีประโยชน์ของมันเอง
แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าสึกาวาระตัดสินใจจะทำอะไร
ไดจิช่วยพยุงเขาขึ้นนั่งก่อนหยิบเสื้อคลุมให้เขา จังหวะที่เขาสอดแขนผ่านแขนเสื้อ
ฮานามากิและมัตสึคาวะก็วิ่งเข้ามา ตามมาด้วยเคียวทานิ ยาฮาบะ คินดะอิจิและวาตาริ
คาเงยามะเองก็อยู่ในห้องพยาบาลด้วย เขากัดปากตัวเองพลางยืนพิงกำแพง
ดวงตามองตรงไปยังแสงสีเขียวที่ลอยจากร่างของอิวาอิซึมิ
เคย์รู้ว่าคาเงยามะก็รู้สึกมีส่วนจะต้องรับผิดชอบ
เวทมนต์ของอิวาอิซึมิมีพลังในการโจมตีมากพอ แต่เขาถืออาวุธที่สร้างโดยคาเงยามะ
สนับมือคู่หนึ่งที่ส่งผ่านเวทมนต์เขาออกมาในรูปแบบที่เหมาะสมกับสไตล์การต่อสู่ของเขา
แต่ความสามารถนั้นก็ลดทอนการทนทานในการใช้
อิวาอิซึมิจึงไม่สามารถใช้มันได้ในทุกครั้งที่สู้
คาเงยามะยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
ไม่เข้าไปร่วมการกอดกระจุกกันที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขา
เขาจะรอจนกว่าทุกคนออกไปหรือจะไม่ขยับไปจากกำแพง เคย์เองก็ไม่แน่ใจ
อิวาอิซึมิส่งเสียงประท้วง
เพราะร่างกายเขาน่าจะยังหลงเหลืออาการเจ็บปวดอยู่ แต่เขาก็เอาแขนกอดคนที่เขากอดได้
และคนนั้นก็เป็นเคียวทานิ และอีกคนก็คือฮานามากิ หลังจากนั้นไม่นาน
มัตสึคาวะก็สะกิดชายหนุ่มและพวกเขาก็สลับที่กัน
ไม่มีใครเอ่ยอะไรขณะที่อิวาอิซึมิกอดเพื่องพ้องของเขา
แม้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากการงีบหลับชั่วครู่
แต่อิวาอิซึมิก็รู้ดีว่าสำหรับคนอื่นๆ แล้วมันผ่านไปนานมาก
เขาเลยไม่ติดใจที่คนอื่นๆ จะกอดเขาแน่นขนาดนี้
เมื่อทั้งหลุ่มต่างกอดกันพอใจแล้ว
คาเงยามะก็เข้าไปหาชายหนุ่มอย่างลังเล
“ดีใจที่เจ้าตื่นแล้ว” เขากล่าวเสียงเบา
อิวาอิซึมิยิ้มอ่อนแรงให้อีกฝ่ายก่อนดึงตัวชายหนุ่มเข้ามากอด
“ดีใจที่ได้เจอเจ้าเหมือนกัน เจ้าหนู”
เคย์พบว่าตัวเองยิ้มเล็กน้อย
แม้มันจะเป็นแค่การกระตุกของกล้ามเนื้อเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ตาม
เมื่อกอดสักพัก คาเงยามะก็ผละตัวออกมาและกลับมายืนริมกำแพงดังเดิม
เคย์เห็นอิวาอิซึมิมองไปรอบห้อง และเห็นได้ถึงความงุนงงในดวงตาของเขา
“โทรุอยู่ไหน?”
ไม่มีใครขยับ ไม่มีผู้ใดที่หายใจ เคย์ทอดสายตามองไปยังสึกาวาระ
ที่มองสลับไปมาระหว่างไดจิและยาฮาบะ
เคย์แอบชั่งใจว่าจะเอากุญแจดอกหนึ่งออกมา แต่ถ้าไดจิจะอยู่ด้วย
เขาก็ไม่จำเป็นต้องเอามันออกมา แค่เพียงเพราะสึกาวาระไม่สามารถพูดถึงมันได้
ไม่ได้หมายความว่าไดจิจะพูดไม่ได้
เนื่องจากเขาไม่เคยปิดผนึกความทรงจำนั้นลงในกุญแจ
“เราควรให้สึกาวาระเป็นคนอธิบายนะ” ยาฮาบะเอ่ยขึ้น
เสียงเขาแตกพร่าขณะที่จับแขนของเคียวทานิ
“อธิบายอะไร?” อิวาอิซึมิถามทันที “ชิเงรุ อธิบายเรื่องอะไร?”
ยาฮาบะทำเพียงลากเพื่อนร่วมทีมของเขาออกจากห้องพยาบาล
และผลักพวกเขาผ่านประตูเข้าทางเชื่อมที่น่าจะส่งพวกเขาไปยังวังส่วนที่พักของพวกเขา
ความตระหนดและความกลัวฉายชัดบนใบหน้าของอิวาอิซึมิเมื่อเขากันไปหาสึกาวาระ
สัญลักษณ์ของชายหนุ่มสั่นคลอนและมันก็ทำให้เคย์ผงะถอยตามสัญชาตญาณเนื่องจากไม่อยากอยู่ระยะประชิดกับอีกฝ่ายถ้าอิวาอิซึมิเกิดคุมพลังเวทของตัวเองไม่อยู่ขึ้นมา
โคซึเมะหายตัวไป
เหลือเพียงหมอกประกายสีน้ำเงินที่บ่งบอกว่าเขาเคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน
เคย์มองคาเงยามะและพยักเพยิดไปทางประตู
“สึกะ เกิดอะไรขึ้น? โทรุอยู่ไหน?”
ประตูปิดตามหลังพวกเขา
และบาเรียกันเสียงก็ถูกกางขึ้นเพื่อปิดยังไม่ให้บุคคลภายนอกรับรู้ถึงบทสนทนาที่อาจเกิดขึ้นด้านใน
“เขาเข้าสู่ห้วงจำศีลก่อนมันจะเกิดขึ้นใช่ไหมนะ?”
คาเงยามะถามถามเสียงแผ่ว มือเขากระตุกตามนิสัยเสียที่เป็นมาตั้งแต่ครั้งสงคราม
เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับการถืออาวุธ
อารมณ์อย่างความประหม่าของคาเงยามะจึงมักจะเกี่ยวข้องกับความทรงจำของการต่อสู้
และตอนนี้เขาก็มักจะกำหมัดแน่นจนเล็บจิกมือจนเลือดออกหรือไม่ก็กัดนิ้วตัวเองแทน
แต่ไม่ว่าทำแบบไหน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่น่าดูทั้งนั้น
“ใช่” เคย์ตอบเรียบๆ
“เขาไม่รู้”
“ไม่”
“เขาคงรับมันไม่ค่อยได้แน่”
เคย์ไม่ตอบ แต่ขยับมือที่ถือโครงร่างที่ตัวเองถืออยู่
“พวกนั้นของเอ็นโนะชิตะเหรอ?” สักพัก คาเงยามะก็ถามขึ้น
น้ำเสียงเขายังมีความหนักอึ้งแฝงอยู่ แต่เคย์ค่อนข้างแน่ใจว่ามันจะหายไปในไม่กี่ประโยคข้างหน้า
“ใช่แล้ว”
“แวะไปทักทายโชโยก่อนเจ้ากลับด้วย
ตอนนี้หมอนั่นอยู่ที่ลานฝึกรอบนอกกับทานากะและนิชิโนยะ”
เคย์รอเพราะเหมือนว่าคาเงยามะยังมีอะไรที่อยากพูดอยู่อีก
เขามองด้วยความสนุกใจเล็กน้อยเมื่อคาเงยามะพยายามเรียบเรียงคำพูดเข้าด้วยกัน
“แล้วก็ขอบคุณ ที่ช่วยหมอนั่นกับการฝึกเวทมนต์ต่อสู้”
คาเงยามะรีบเดินจากไปยังทิศทางของโรงตีเหล็ก และเคย์ก็เหยียดยิ้ม
แต่มันก็หายไปทันทีที่เขาสัมผัสได้ถึงกระแสเวทมนต์
เขาเซจนโครงร่างในมือร่วงหล่นเมื่อเข่ากระทบพื้น
มันเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไร้การปิดบัง สีเขียวขาวผสมปนเปกับสีดำ
และเคย์ก็รู้สึกอยากจะอาเจียนเมื่ออีกคลื่นหนึ่งเข้าปะทะ
แต่มันไม่ใช่ความเศร้าสร้อย
หากเป็นความเศร้ามันจะรู้สึกเหมือนถูกบีบเค้น กดทับจนเคย์ลองไปกองกับพื้น
มันคือความโกรธ ความโกรธที่บริสุทธิ์และรุนแรงไร้สิ่งใดเจือปน
และเคย์รู้ดีว่าสึกาวาระบอกอะไรกับอิวาอิซึมิ
เขายืนขึ้นและใช้เวทมนต์แรงโน้มถ่วงเก็บโครงร่างที่ร่วงพื้นขึ้น
เมื่อพระจันทร์ขึ้นให้ยล สึกาวาระจะพาอิวาอิซึมิมาหาเขา เพื่อปิดผนึกความลับนั้น
และเคย์ต้องเตรียมกุญแจให้พร้อม
.............................................
ห้องทำงานของเอ็นโนะชิตะค่อนข้างคล้ายของเคย์
เทพเกือบทุกองค์ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์มักจะมีห้องทำงานที่คล้ายกัน
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ในขณะที่ห้องของเคย์มักจะเรืองแสงสีฟ้าและเต็มไปด้วยพระจันทร์ลอยเต็มไปหมด
ห้องของเอ็นโนะชิตะนั้นหลากสีและยุ่งเหยิง เต็มไปด้วยโนว่าและดาวเคราะห์มากมาย
ระบบดาวที่สมบูรณ์แล้วจะถูกตรึงให้อยู่นิ่ง
ในขณะที่ระบบที่ยังไม่สมบูรณ์จะลอยไปมาทั่วมุมห้อง
“สึกิชิมะ หายากนะที่เจอเจ้าแถวนี้” น้ำเสียงเขานิ่งสงบ
แม้ก่อนหน้านี้มันจะเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แต่เคย์รู้จักน้ำเสียงนั้นดี
นั่นเพราะว่าอีกฝ่ายมักจะใช้เสียงนี้ในการทำให้เคย์รู้สึกผิดและมาหาเขาให้บ่อยมากขึ้น
“ข้าแค่เอาพวกนี้มาคืน”
เอ็นโนะชิตะรับแผนผังและเคย์ก็เดินกลับไปทางประตูได้ครึ่งทางแล้วตอนที่เขาเอ่ยขึ้นมา
“อิวาอิซึมิตื่นแล้วใช่ไหม?”
ใช่”
“แสดงว่ากระแสเมื่อครู่ก็...”
“สึกาวาระบอกเขาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น”
เคย์ตัดบทก่อนที่กุญแจจะสั่งให้เขาเงียบ
สิ่งที่เขาบอกมันเป็นทั้งการโกหกและบอกความจริง
สึกาวาระได้บอกอิวาอิซึมิเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เคย์เพียงแค่บิดเบือนรายละเอียดเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการมาของเขานิดหน่อยเท่านั้น
เอ็นโนะชิตะมองเขาด้วยสายตาสงสัย แต่ก็พยักหน้า
เคย์อาจจะเป็นผู้เก็บงำความลับ
แต่เทพส่วนมาก็จะไม่ถามอะไรเขาถ้าเขาบอกอะไรไปนิดหน่อย
แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่ก็ตาม
เหตุผลเดียวที่ยามากุจิถามเพราะว่าพวกเขารู้จักกันมาทั้งชีวิต
ยามากุจิอาศัยอยู่กับเคย์และอากิเทรุที่วัง และพวกเขาก็ฝึกมาด้วยกัน
“โชโยอยู่ที่ลานรอบนอกกับทานากะ
ข้าเชื่อว่าโบคุโตะเองก็เพิ่งลงไปที่นั่นกับเลฟและยาจิ
เจ้าเองก็ควรจะแวะไปทักทายพวกเขาสักหน่อยนะ”
เพียงแค่ได้ยินชื่อเลฟเขาก็ทำหน้ามุ่ยแล้ว
เคย์ไม่ชอบเทพหนุ่มสักเท่าไหร่ ทั้งแขนขาที่ยาวนั่นและดวงตาที่เรืองรอง
เลฟสูงเหนือทุกคน ความสามารถเขาปรากฏขึ้นมาช้ากว่าคนอื่น และมันก็น่าอึดอัด
และเขาก็ควบคุมมันได้ไม่ดีเท่าไหร่ เลฟเคยสร้างความวุ่นวายไปทั่ววัง
ทำให้ทุกคนเห็นภาพลวงตา บิดเบือนความจริง และทำให้ตัวเองเป็นที่รำคาญไปทั่ว
ท้ายที่สุดแล้วคุโรโอะก็ดูแลเขา สอนให้เขาควบคุมพลังของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ
เลฟยังไม่พยายามที่จะควบคุมดวงตาฝันร้ายของตัวเอง และทุกครั้งที่เคย์เห็น
เขาก็อยากจะต่อยเทพรุ่นน้องให้กระเด็นเรื่อยไป
ปีกของอีกฝ่ายเป็นส่วนๆ และมีสีดำ มันงดงามมาก
และเคย์ก็ทนไม่ได้เพราะเลฟไม่เคยใช้มันอย่างที่ควร
จากรูปร่างปีกมันจะทำให้เขาบินได้อย่างสง่างามและอีกฝ่ายก็อยากได้ปีกกว้างๆ
สำหรับพละกำลังแทน เขาไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี
และนั่นทำให้เคย์หงุดหงิดที่สุด
“คาเงยามะบอกข้าแล้ว”
เอ็นโนะชิตะกล้ายิ้มให้เขาขณะที่โบกมือไล่เคย์ออกจากห้อง
ต่างจากปกติ เคย์มุ่งหน้าไปยังลานรอบนอก
ลานด้านในอยู่ภายในเขตบาเรียเวทมนต์ของวัง
ส่วนลานรอบนอกมักจะถูกใช้โดยเทพที่ชอบทำลายข้าวของ
มันเป็นสถานที่ที่ทานากะมักจะมาฝึก รวมถึงเทพที่มีการโจมตีหนักหน่วงองค์อื่นๆ
และพื้นดินบริเวณนั้นก็มีการลงอาคมว่าถ้าติดไฟขึ้นมา มันจะไม่ลามไปยังจุดอื่นๆ
เขาเดินผ่านห้องโถงหลักขณะที่อิวาอิซึมิ สึกาวาระ
และไดจิเดินออกมาจากประตูห้องพยาบาล อิวาอิซึมิก้าวเข้ามาหาและต้อนเคย์ติดกำแพง
ถ้าเคย์ไม่กลัว เขาก็คงจะโง่มาก
อิวาอิซึมิเป็นบุคคลอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม เขามีฝีมือต่อกรกับสึกาวาระ
และเคย์ก็ไม่เย่อหยิ่งที่จะคิดว่าตัวเองสามารถสู้กับอีกฝ่ายได้
แม้เขาจะไม่คิดว่าอิวาอิซึมิจะทำร้ายเขาตอนนี้
แต่มันก็ยังน่าหวั่นเกรงอยู่ดี
อิวาอิซึมิลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ มนตราสีเขียวคมกริบเพิ่งตรงมายังเคย์
เวทมนต์ขยายตัว สัญลักษณ์ของเขาขยับเปลี่ยนเป็นสีดำแทนเงิน และเวทมนต์ของเคย์เองก็ไหลเวียนไปยังปลายนิ้วตามสัญชาตญาณ
ให้ตายสิ เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้ปีกของเขาคืนมาเลย
“พวกเขาไม่รู้” อิวาอิซึมิกล่าวอย่างแผ่วเบา
เคย์สูดหายใจเข้าลึก
“แค่พวกเราสี่คน รวมถึงยาฮาบะและคุนิมิ”
“ข้าจะไปคุยกับคนในกลุ่ม และคนอื่นๆ แต่หลังจากนี้ให้พาข้าไปเจอเขา
สึกาวาระไม่ไป ข้าจะไปกับชิเงรุ”
เคย์มองข้ามใบหน้านิ่งเฉยราวหินสลักของอิวาอิซึมิไปสบตากับสึกาวาระ
เทพรุ่นพี่พยักหน้าและไดจิก็มองพื้นไม่ละ
“ตกลง”
อิวาอิซึมิเดินจากไป และเคย์ก็หายใจเข้าลึกเพื่อสงบใจให้เย็นลง
ความเจ็บปวดชัดเจนบนใบหน้าของอิวาอิซึมิ แต่ความโกรธก็เหนือกว่า
ความโกรธที่มีต่อสึกาวาระที่ตัดสินใจเช่นนั้น
ความโกรธที่มีต่อไดจิและเคย์และยาฮาบะและคุนิมิที่ยิมให้มันเกิดขึ้น
ความโกรธที่มีต่อตัวเองที่ไม่อยู่ในเวลานั้น
เขาหัวเสียในแบบที่เข้าใจได้
แต่เคย์ก็รู้จักเขาดีพอว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเข้าใจว่าทำไม
“เคย์” สึกาวาระเปิดประเด็น เสียงเขาไร้ซึ่งความอ่อนโยน
“ทุกอย่างจะเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อฮินาตะถูกแต่งตั้ง-”
“ข้าเข้าใจ ข้าจะเตรียมกุญแจไว้สำหรับเวลานั้น”
เคย์เดินเร็วเท่าที่เขาทำได้โดยไม่ดูเหมือนมีอะไรรบกวนจิตใจเขาอยู่
เขาเมินเสียงพูดคุยตามกำแพง เมินสายตาของสึกาวาระที่จ้องแผ่นหลังของเขา
และแค่เดินต่อไป เขาเดินผ่านสวนของคิโยโกะและแนวต้นไม้สั้นๆ
มีหลายอย่างเกิดขึ้นมากเกินไป
แค่คิดถึงสงครามครั้งอื่นก็มากเกินจะรับไหวและเคย์ไม่อยากจะคิดถึงมัน
เขารู้ว่าสึกาวาระไม่อยากคิดถึงมัน แต่มันเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาจะไม่ย้อนรอยอดีตที่เกิดขึ้น
เขาจะเตรียมพร้อมรับมือกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น
จริงอยู่ว่าศัตรูของพวกเขามีจำนวนน้อยกว่าครั้งก่อนที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น
แต่ความแค้นยาวนานก็มักจะทนแทนจำนวนได้
เคย์ส่ายหัวเมื่อเข้าใกล้ลานฝึกรอบนอก เขาได้ยินเสียงโบคุโตะ นิชิโนยะและเลฟร้องให้กำลังใจ
สัมผัสได้ถึงความร้อนระอุในสนามนั้น
ทานากะลุกท่วมไปด้วยไฟ สนับมือทองเหลืองเป็นประกายขณะที่เขาขยับ
โชโยเองก็อยู่ในสภาวะคล้ายคลึงกัน ไม้พลองของเขาแยกเป็นสองชิ้นและดวงตาลุกโชน
ทั้งสองคนพุ่งปะทะกันที่ใจกลางสนามและคลื่นความร้อนก็พัดผ่านจนเกือบจะทำแว่นเคย์กระเด็น
“ไง สึกิชิมะ” โบคุโตะตะโกนทักพลางวิ่งเยาะๆ เข้ามาหา
“โบคุโตะ”
“เจ้ามาหาฮินาตะเหรอ? เขารับมือได้ดีเลย
ทานากะกับนิชิโนยะกำลังฝึกเขาอยู่ แต่เขาก็เก่งขึ้นมากเลย”
โบคุโตะพาเขาไปยังคนอื่นๆ
“ไม่เอาน่า โชโย!
ตั้งรับไว้!” นิชิโนยะกู่ร้อง
เลฟเองก็ตะโกนให้กำลังใจตามติดๆ ด้วยโบคุโตะ
“ไม่ได้เจอเจ้าแถวนี้เท่าไหร่เลยนะ” เลฟกล่าวพลางหันมาหาเคย์
ดวงตาของเขาต่างสีกัน ข้างหนึ่งเป็นสีดำไร้ก้นบึ้ง
ส่วนอีกข้างเป็นสีเหลืองเรืองรอง
“ข้าก็มีเหตุผลของข้า” เคย์บอกพร้อมเดินไปยืนข้างยาจิ
นิมฟ์สาวยิ้มให้เขาก่อนหันกลับไปมองทานากะและโชโย
“โบคุโตะพูดถูกนะ ฮินาตะทำได้ดีมากเลย” เธอบอก
วันนี้ดอกไม้ของเธอเป็นสีชมพูสดใส สัญลักษณ์ของเธอเองก็ร่าเริงเหมือนทุกครา
“เห็นเขาบอกว่าเจ้าช่วยฝึกให้เหรอ?”
“ด้านเวทมนต์” เคย์พูด “ข้าแค่แนะนำเขาเท่านั้น”
“แต่มันก็ช่วยมากเลยล่ะ เขารับมือกับทานากะได้ดีกว่าก่อนหน้านี้อีก”
การฝึกจบลงที่ทานากะตรึงร่างโชโยลงกับพื้น
“ลองใหม่ครั้งหน้านะ เจ้าหนู” ทานากะหัวเราะและช่วยพยุงเขายืน
โชโยพูดอะไรบางอย่างในลำคอก่อนหันมา
ดวงตาเขาเห็นเคย์และเขาก็บินลอยในเวลาไม่กี่วินาที
“สึกิชิมะ!”
“สวัสดี ฮินาตะ”
“ข้าไม่เห็นรู้เลยว่าเจ้าจะมาวันนี้”
“ข้าต้องเอาของมาส่งนิดหน่อย คาเงยามะบอกให้ข้าแวะมา”
โชโยยิ้มและบินขึ้นเพื่อเท้าคางบนบ่าของเคย์
“ทานากะช่วยอธิบายเกี่ยวกับเวทมนต์ให้ข้าฟังเพิ่ม
และนิชิโนยะก็ช่วยข้าเรื่องการป้องกัน เขาบอกว่าข้าห่วยแตกมากเลยตอนนี้”
“เจ้าก็ควรฝึกอีกหน่อย” เคย์ยอมรับ
“เจ้าควรมาฝึกด้วยกันกับเรานะ” นิชิโนยะบอก
“โชโยบอกว่าเจ้าช่วยเขาฝึกนี่
มันคงช่วยเขาได้อีกถ้ามีใครที่มีความสามารถด้านอื่นมาฝึกด้วยกัน”
“ข้าแค่แวะมาทักทาย วันนี้ข้ามีอย่างอื่นต้องไปทำอยู่” เคย์บอก
เขารู้เลยว่าถ้าเขาไม่ตัดบทตอนนี้ เขาจะมีคนมารบเร้าให้เขาแวะมาที่วังบ่อยๆ
เพิ่มขึ้น
“แต่เจ้าจะมีแวะมาอีกใช่ไหม?”
โชโยเอนตัวจนร่างครึ่งบนเขาเหมือนเท้าหัวเคย์อยู่ “เจ้าเป็นอาจารย์ที่ดีมากเลย”
ให้ตายสิ
“ข้าขอดูก่อนแล้วกัน”
.............................................
อิวาอิซึมิไม่เคยมีกุญแจ และเคย์ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี
ความศิลป์ไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้เมื่อดูจากความเร่งด่วนของสถานการณ์ในปัจจุบัน
แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ เขานั่งที่โต๊ะทำงานของเขา และถอดแว่น
เขาหลับตาลงและปล่อยให้เวทมนต์ไหลตามแขนของเขา เขาเลือกโดยไม่มอง
บางครั้งสัญชาตญาณก็มีประโยชน์เมื่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเขาเลือกจะพักในตอนนี้
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เขาก็ก็ลืมตาขึ้น
พิมพ์หล่อกุญแจปรากฏตรงหน้าเขา ขนาดประมาณฝ่ามือของเคย์
ตั้งแต่ข้อมือถึงปลายนิ้ว เขาเลือกโลหะเหลวสีเงินและเทใส่พิมพ์ และเขาก็ค่อยๆ
เติมสีเทาเฉดต่างๆ และสีเขียวลงไปด้วย
ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เขานึกถึงความทรงจำสมัยที่เขาพบเจอกับอิวาอิซึมิครั้งแรก
เท่าที่เคย์จำได้ พวกเขามักจะอยู่ในฝ่ายเดียวกันเสมอ
ตั้งแต่ก่อนสงครามศึกแรก แต่จนถึงตอนนั้นเขาไม่เคยเจอกับอิวาอิซึมิมาก่อน
คุนิมิและคินดะอิจิมักจะโผล่มาบ่อยๆ พร้อมกับคาเงยามะ
และยาฮาบะก็พบเจอได้เวลาที่เขามาคุยกับโมนิวะที่หอคอยผู้พิทักษ์
แต่อากิเทรุรู้จักกับเขา เมื่ออิวาอิซึมิเดินผ่านประตูเข้ามา
อากิเทรุก็ยืนขึ้น เคย์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้วยกันก็ลุกขึ้นตามเพื่อทักทายอิวาอิซึมิ
เคย์จำได้ว่าได้สัมผัสถึงสัญลักษณ์ของเขาครั้งแรกตอนนั้น
มันแข็งแกร่งจนกระแทกเขาหงายหลัง อิวาอิซึมินั้นเกินกว่าที่เขาจะรับไหว
ปริมาณเวทมนต์ในร่างเขาทำให้เคย์อ้าปากค้างและหวั่นกลัว
มันเป็นเวลาหลายปีที่อิวาอิซึมิทำให้เคย์รู้สึกทึ่ง
แต่ตอนนี้เคย์ก็ได้รู้จักกับชายหนุ่มแล้ว
.............................................
ยาฮาบะและอิวาอิซึมิจะมาถึงในไม่ช้า เคย์เดินออกไปด้านนอก
และรอเวลาที่ยาฮาบะจะเปิดประตูมิติ
“ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าทำเกินไปหน่อย ข้าไม่ควรพุ่งไปหาเจ้าแบบนั้น”
อิวาอิซืมิบอกเขา
“มันเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว”
พวกเขาเดินผ่านประตูมิติและเคย์ก็นำพวกเขาไปยังประตูสีดำ
ยาฮาบะปลดล็อกประตูเหมือนทุกครั้งและเคย์ก็สูดหายใจเข้าลึก
ชัดเจนว่าคุนิมิไม่รู้ว่าพวกเขาจะมา
นัยน์ตาเขาเป็นสีม่วงตราบเท่าที่เขายังใช้เวทมนต์เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นอิวาอิซึมิ
เขาหลับตาลงเมื่อเส้นสายเวทมนต์สีม่วงเคลื่อนไหว
“เกิดอะไรขึ้น?” สักพักเขาก็ถามขึ้น
แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบนั้น
อิวาอิซึมิเดินไปที่ใจกลางห้องและคุกเข่าลง
“สึกาวาระบอกว่า...”
คุนิมิเบนสายตาไปยังยาฮาบะและชายหนุ่มก็นั่งลงข้างๆ เพื่ออธิบาย
เคย์นั่งตรงข้ามอิวาอิซึมิ คุกเข่าลงเหมือนกัน
สายโซ่รอบข้อมือเขาขยับไหวเผื่อเกิดอะไรขึ้น เขารอ
เฝ้ามองมืออิวาอิซึมิที่เริ่มสั่นเทา
“มีเทพสุริยะองค์ใหม่?” เขาถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ
“ใช่” เคย์ตอบ
“และเมื่อเขาถูกแต่งตั้งอย่างเป็นนทางการล่ะ?”
“เราจะต้องเตรียมกำลังที่จำเป็นในการชนะสงครามอย่างเหมาะสม”
เขากดเสียงลงต่ำ ให้บทสนทนาของพวกเขาอยู่ในขอบเขตที่คุนิมิและยาฮาบะจะไม่ได้ยิน
อย่างเหมาะสม เนื่องจากมันมีวิธีการชนะสงครามที่เหมาะสม
ถ้ามันมีอยู่จริง มันก็ไม่ใช่วิธีที่พวกเขาทำอยู่
เคย์โทษสึกาวาระไม่ได้ เขาโทษชายหนุ่มไม่ได้จริงๆ บางครั้ง
สงครามก็ต้องชนะด้วยหนทางที่จำเป็น กลยุทธ์สงครามที่ถูกตีตราว่า ‘ขี้ขลาด’ ไม่เสียหายเท่ากับการต้องเสียเพื่อนพ้องไป
“แล้ว?”
“กัปตันของเจ้าจะตื่นขึ้น เราจะอธิบายทุกอย่าง และเราจะออกรบ”
มือของเคย์เองก็เริ่มสั่น เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้
ความโกรธของอิวาอิซึมิเทียบไม่ติดเลยกับเทพที่หลับใหลอยู่ตรงหน้าเขา
เคย์คิดว่าเขาอาจจะเข้าใจ การเสียสละตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีกว่าสำหรับทุกคน
แต่เขาจะขอไม่อยู่ใกล้เมื่ออีกฝ่ายรู้เรื่องราวทั้งหมด
“ข้าขออยู่ที่นี่สักพักได้ไหม?” อิวาอิซึมิถามเสียงเบา
ดวงตาสีเข้มจ้องตรง
“แน่นอน แต่สึกาวาระอยากจะปิดผนึกความลับนี่เมื่อเจ้าเสร็จเผื่อไว้
เมื่อดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว มันจะถูกปิดผนึกไว้ไม่นานหรอก เจ้าไม่ต้องกังวล
แค่แวะมาก่อนค่ำก็พอ”
เคย์ดันตัวลุกขึ้นยืน มือล้วงลงในกระเป๋าและกำรอบกุญแจ
ยาฮาบะเดินออกมาเพื่อเปิดประตูมิติให้เขาและเคย์ก็ไม่พูดอะไรเมื่อเขาเดินผ่านมัน
ยามากุจิรอเขาอยู่
ไม่มีบทสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างพวกเขาขณะที่พวกเขาเดินไปยังหน้าผา
พระอาทิตย์ยังอยู่บนฟ้าและไม่มีดวงดาวไปมองหา พวกเขายืนนิ่ง
“ข้าได้ยินว่าอิวาอิซึมิตื่นแล้ว”
“เขาตื่นแล้ว”
“ดีแล้ว”
“ใช่”
TBC...
ll TALK WITH TRANSLATOR ll
สวัสดีครับ ห่างหายไปนานก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ
แต่อัพรอบนี้น่าจะจุใจหลายคนอยู่เพราะความยาวถึง 14 หน้าเอสี่เลยล่ะครับ 5555
ตอนนี้เรื่องราวก็ได้เดินมาเกือบครึ่งเรื่องแล้ว เป็นยังไงกันบ้างครับ
เค้าลางสงครามครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็เริ่มมาคุขึ้นเรื่อยๆ พวกเคย์จะเจอกับอะไรก็ติดตามได้ในตอนหน้าเลยนะครับผม
ไว้พบกันใหม่ตอนหน้า
ด้วยรัก
พาร์ท
Killer in the Dark Shadow
ความคิดเห็น