คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3
Title: Cream and Sugar หอมหวนกลิ่นนมและน้ำตาล
Story: CorvidKohai
Translator: KITDS
Chapter 3
อวาลานช์เป็นปัญหาที่ทางชินระอยากจะกำจัดมาได้สักพักแล้ว การปล้นมาโกะของพวกเขาก็เป็นปัญหาในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไปเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าอย่างเถียงไม่ได้ ชินระควรจะรับใช้ประชาชน ดูแลพวกเขาในรูปแบบของการปกครองและความปลอดภัยของพวกเขา และตอนนี้ก็มีปัญหายาเสพติดระบาด มันมักจะเกิดขึ้นใต้เพลท แต่ตอนนี้มันเริ่มลามขึ้นมาด้านบนแล้ว และมันเป็นสิ่งที่พวกเขายอมไม่ได้
เติร์กได้ตามเรื่องนี้มาสักพักแล้ว และพวกเขายังคงเป็นตัวเลือกที่ทางชินระจะเลือกในการสืบสวนลับ แต่จะพึ่งพาพวกเขาอย่างเดียวก็มีปัญหาเล็กน้อย ปัญหาแรกคือ “ลับ” โดยทั่วไปแล้ว ชินระชอบทำอะไรลับ ๆ แต่บางครั้ง พวกเขาก็-ต้องดูเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่าง และนั่นมักจะหมายความว่าต้องหันไปพึ่งโซลเยอร์แทน แต่จนถึงตอนนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการให้เห็นว่ากำลังจัดการเป็นการต่อสู้ในสักรูปแบบ ซึ่งมันก็เข้าทางของโซลเยอร์อยู่แล้ว และปัญหาที่สองคือ ไม่ว่าพวกเขาจะชอบหรือไม่ คนที่ฉลาดที่สุดในพนักงานของชินระไม่ใช่เติร์ก เขาคือโซลเยอร์
ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าพวกเขาอยากจะจบปัญหานี้ และจัดการในสายตาประชาชน พวกเขาต้องพึ่งเซฟิรอธ
ส่วนมากแล้ว เซฟิรอธก็ทำตามคำสั่งเป็นอย่างดี น้อยครั้งที่เขาจะปฏิเสธไม่ทำภารกิจ และการสืบสวนอวาลานช์ก็ไม่มีอะไรที่ยุ่งยากขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เต็มใจจะช่วยด้วยเช่นกัน เขามีมันสมองมากพอจะสืบสวนได้ แต่ในการฝึกไม่มีการสอนไว้ว่าต้องทำยังไง เขามีความคิดที่ว่าควรจะให้เติร์กเป็นคนจัดการมากกว่า หรืออย่างน้อย ถ้าจะทำมันให้ถูกต้องก็ควรจะต้องทำงานร่วมกับเติร์ก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเกลียดเข้าไส้ เขากับเส็งไปกันได้ ใช่ แต่มันเป็นความเคารพซึ่งกันและกัน ที่พวกเขาจะยุ่งเกี่ยวกับกันให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เขาไม่ตั้งตารอภารกิจที่จะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดแม้แต่นิด
ซึ่งมันก็ทำให้เซฟิรอธเกือบ เกือบจะปฎิเสธไป
แต่ความจริงก็คือ เขาเบื่อ มันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นให้เขาทำตั้งแต่สงครามวูไท มันไม่มีอะไรให้เขาคิดกับแค่การบุกรังมอนสเตอร์ การตามแกะรอยกลุ่มผู้ก่อการร้ายยังต้องคิดอะไรบ้าง แต่ก็น้อยมาก มันไม่มีความท้าทายอะไรเลย และเซฟิรอธก็ต้องการอะไรที่ทำให้เขาฝึกมือ สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดที่เขามีให้ทำในตอนนี้คือการคิดหาวิธีที่ดีที่สุดในการบริหารหน่วยโซลเยอร์ภายในงบประมาณที่มี เพราะเขาไม่ใช่โฮโจ และไม่ใช่คนที่จะไปงอแงประธานชินระทุกครั้งที่ต้องการอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถได้มาโดยไม่ต้องฟันใครสักคนทิ้ง
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเขาจะมีปัญหาอะไรกับภารกิจครั้งนี้มากแค่ไหน เซฟิรอธก็ตอบตกลงมา
เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถตามรอยร้านนายหน้าขายยาได้ แต่เติร์กเองก็สามารถทำได้เช่นกัน การตามหาร้านนายหน้าไม่ใช่ปัญหา เพราะอวาลานช์สามารถไปเปิดที่ใหม่ได้ สิ่งที่เขาถูกวานให้ทำคือการตามหาผู้บงการธุรกิจนี้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดและจับกุมพวกเขาซะ และเขาก็สอบสวนสมาชิกทุกคนของทุกกิจการ ตั้งแต่พนักงานชั้นรากหญ้ายันระดับบริหาร และไม่พบอะไรแม้แต่อย่างเดียว กระทั่งคนที่ยอมรับว่าค้ายายังบอกไม่รู้ว่าซัพพลายเยอร์คือใคร พวกเขาจะไปรับสินค้าที่สถานที่ที่ถูกกำหนดเอาไว้ แค่นั้น และแน่นอนว่าหลังจากนายหน้าถูกจับก็ไม่มีการนำของไปส่งที่สถานที่ที่ระบุอีก เซฟิรอธรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเจอทางตัน
คลาวด์ไนน์เป็นธุรกิจล่าสุดที่เขาแกะรอยได้และดูเหมือนจะทำงานให้กับองค์กร มีหลายเรื่องเล่าที่บอกว่าผู้คนจะเข้าไปสั่งเมนูพิเศษที่ไม่อยู่ในเมนูและได้รับถุงกระดาษมา แค่นี้ก็เพียงพอจะให้เซฟิรอธตัดสินใจแวะไป
สิ่งที่เหนือความคาดหมายเขาเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในร้านที่บอกว่าตัวเองเป็นร้านกาแฟคือความโหวกเหวกของมัน
ลำโพงเหนือหัวเล่นเพลงที่ค่อนข้างผ่อนคลายเข้ากับร้าน แต่พนักงานร้านเหมือนจะกำลังเถียงกันอยู่ ลูกค้าเองก็ทำตัวเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ
“ให้ตายเถอะ ชิว่า ยุฟฟี่ ต้องให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง? เวลาเติมรสให้กดแค่สามปั้มพอ ยกเว้นลูกค้าจะขอเพิ่ม ไกอา สิ่งที่เธอเพิ่งทำนี่มันชวนสะอิดสะเอียนชะมัด ลองชิมดูสิ ดูว่ามันรสชาติแย่ขนาดไหน” ชายผมบลอนด์ร่างเล็กบอกพร้อมเท้าเอว เขาหันหลังให้เซฟิรอธ
เด็กสาวชาววูไทคว้าแก้วไปจากเคาน์เตอร์และดื่มอึกใหญ่ก่อนยักไหล่
“ก็รสชาติปกตินี่”
“นั่นคงเพราะเธอทำลายประสาทรับรสตัวเองไปด้วยน้ำตาลตั้งแต่หกขวบน่ะสิ ไม่มีทางที่เราจะเสิร์ฟเมนูนี้แน่ ถ้าไม่ดื่มก็เทมันทิ้งซะ ถ้ามีอะไรแบบนี้มาอีก ฉันจะหักจากเงินเดือนเธอ เข้าใจไหม?”
“คลาวด์-”
“หุบปาก ไม่ ฉันบอกไปเป็นล้านรอบแล้วแต่เธอไม่เคยฟังเลย ฉันจะหักเงินเธอจนกว่าจะยอมฟังที่ฉันพูด”
“ซิด คุยกับหมอนี่ที!”
“อยากให้ฉันพูดอะไรล่ะ?” ชายผมบลอนด์ที่อายุมากกว่าและคาบไม้จิ้มฟันไว้เอ่ย เขาเอนตัวพิงเคาน์เตอร์พลางกอดอก “เครื่องดื่มที่เธอรสชาติแย่ เธอให้เงินฉันยังไม่ดื่มเลย ฟังเด็กนั่นเถอะ”
“ฉันไม่ใช่เด็ก ต้องให้ฉันบอกนายอีกกี่ครั้ง?”คลาวด์ถาม
“อีกครั้ง เหมือนทุกที”
คนอายุมากกว่า และเหมือนจะชื่อว่าซิด พยักเพยิดหน้ามาทางประตู และคนที่เป็นเหมือนผู้จัดการที่ชื่อคลาวด์ก็หันตามมามอง เซฟิรอธเดินไปที่เคาน์เตอร์ และสังเกตสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง สีหน้าอีกฝ่ายแสดงความประหลาดใจ แต่ไม่มีความปลาบปลื้มหรือเกลียดชังอะไร ผู้คนมักจะทำตัวไม่ดีก็เลวเมื่อเจอเซฟิรอธ แต่ไม่เคยมีใครทำตัวปกติมาก่อน แต่คลาวด์คนนี้ดูไม่ตกใจเท่าไหร่ เขาแค่กระพริบตากลมโตเบิกกว้างคู่นั้น และมองเขานิ่ง ๆ ขณะเขาเดินเข้าไปหา
เขามองข้ามคลาวด์ไป เห็นปากซิดเบ้ลงเป็นเชิงไม่พอใจและหน้าเด็กสาวชาววูไทบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ นั่นคือปฏิกิริยาที่เขาเจอประจำเวลาข้องเกี่ยวกับธุรกิจที่เกี่ยวกับอวาลานช์ ไม่ใช่ใบหน้านิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวของคลาวด์
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?” คลาวด์ถามพลางซุกมือใส่กระเป๋าผ้ากันเปื้อนโดยไม่คิด ถ้าเขาพยายามทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เขาทำได้ดีทีเดียว
“นายดูไม่สนใจเท่าไหร่ที่ฉันมาที่นี่” เซฟิรอธบอกตรง ๆ
คลาวด์เลิกคิ้วใส่คิ้ว “ผมรู้ว่าคุณมีชื่อเสียง แต่มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผม คุณมาหาอะไรดื่มหรือพยายามชวนคุยล่ะ?”
“บางทีอาจจะทั้งสองอย่าง”
“เริ่มจากเครื่องดื่มก่อนแล้วกันนะ รับอะไรดีครับ?”
“เอสเพรสโซ่สองช็อต ไม่ใส่น้ำตาล”
คลาวด์มองเหลือบหลังไปยังซิด ที่ผลักตัวเองออกจากเคาน์เตอร์พร้อมบ่นงึมงำไปทำเครื่องดื่ม เขาเคาะเครื่องคิดเงินและบอกค่าเครื่องดื่มให้เซฟิรอธที่ยื่นเงินให้ตามจำนวน พวกเขาแลกเงินสดกับใบเสร็จ ที่เซฟิรอธเก็บลงกระเป๋าก่อนไปนั่งที่บาร์
“ยุฟฟี่ ไปเช็คสต็อกข้างหลัง” คลาวด์บอกสาวน้อยชาววูไทที่ตัวสั่นไปด้วยความโมโห
“แต่-!”
“ไป”
เธอโยนผ้าเช็ดโต๊ะในมือแล้วเดินกระทืบเท้าไปข้างหลังพร้อมปิดประตูไล่หลังเสียงดัง
คลาวด์หยิบผ้าเช็ดโต๊ะที่ร่วงบนเคาน์เตอร์มาเช็ดเคาน์เตอร์
“ต้องขอโทษแทนเธอด้วย- คุณคงพอเดาได้ว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบคุณ”
“ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด”
“ก็ว่างั้น คุณมาทำอะไรถึงมาดื่มกาแฟที่นี่ได้ล่ะ? ผมคิดว่าโซลเยอร์อย่างคุณอาศัยอยู่เหนือเพลทกันหมดซะอีก”
สีหน้าและน้ำเสียงคลาวด์นิ่งเรียบสม่ำเสมอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเข้ามาเจอบทสนทนาก่อนหน้า เซฟิรอธคงจะคิดว่าเขาเป็นคนสุภาพเรียบร้อยตลอดเวลาแน่ๆ แต่เท่าที่เขารู้ พนักงานในสายงานบริการหน้าร้านส่วนมากรู้จักวิธีที่จะควบคุมอารมณ์ของพวกเขาและให้บริการลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งที่น่าแปลกใจอย่างเดียวคือ เขาไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเลยแม้แต่นิดตั้งแต่เห็นเซฟิรอธ
“บางทีก็ต้องมาทำภารกิจใต้เพลท นายอาจจะตกใจได้ แต่โซลเยอร์เองก็ต้องการคาเฟอีนเหมือนกัน”
คลาวด์ส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูก ริมฝีปากขยับเป็นรอยยิ้มบาง และพอเซฟิรอธมาลองคิดดู มันเป็นรอยยิ้มแรกที่เขาเห็น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะพนักงานสายบริการมักจะชอบยิ้มตลอดเวลา มันทำให้เซฟิรอธสงสัยว่าคลาวด์กำลังพยายามแสดงบทบาทไหนให้เขาเห็น หรือเขาเป็นแบบนี้กับทุกคนอยู่แล้ว หรืออาจจะเป็นแบบนี้เฉพาะกับเซฟิรอธ
“ใช่ ผมคิดว่าตารางการนอนคุณคงเลวร้ายใช่เล่นเลย แล้วภารกิจที่พาคุณมาถึงที่นี่เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“จนถึงตอนนี้ก็น่าเบื่อ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่มันจะน่าสนใจขึ้นอยู่ แต่คงอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย”
ขณะที่เขาพูด ซิดก็มาศอกคลาวด์พร้อมยื่นเครื่องดื่มให้ คลาวด์รับมาแล้วพยักหน้าไปทางด้านหลังร้าน และได้รับคิ้วขมวดมาแทนคำตอบ ใบหน้าซิดแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน แต่คลาวด์ก็ส่ายหัวหนักแน่น ซิดยัดผ้าเช็ดโต๊ะใส่กระเป๋าผ้ากันเปื้อนของเขาบนเคาน์เตอร์ก่อนเดินไปหลังร้าน ขณะที่คลาวด์วางแก้วเออสเพรสโซ่ลงบนบาร์ตรงหน้าเซฟิรอธ
“นายมีนิสัยไล่พนักงานไปหลังร้านสำหรับลูกค้าทุกคนรึยังไง?” เซฟิรอธถาม เขายกแก้วขึ้นจิบพลางรอคำตอบ
“ก็ไม่เชิง ไม่หรอก แต่พวกเขาแค่ไม่ชอบชินระสักเท่าไหร่ แต่โชคดีที่แถวนี้ไม่ค่อยเจอพวกนั้น จะว่าไป ภารกิจคุณเหมือนจะกินเวลาสักพัก คุณจะแวะมาบ่อยไหม?”
“อาจจะ จะเป็นปัญหารึเปล่า?”
“ไม่หรอก แค่ต้องไปคุยกับพวกเขาจริง ๆ จัง ๆ เผื่อคุณมาตอนผมไม่อยู่ ไม่อยากกลับมาเช็ดเลือดออกจากพื้นเท่าไหร่”
เซฟิรอธรู้สึกเหมือนตัวเองจะหลุดยิ้ม
“นายพูดถึงเลือดของใครกันล่ะ?”
“คิดว่าคงขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใจดีพอโดนตีสักทีไหม”
ครั้งนี้ เซฟิรอธหลุดขำออกมา ริมฝีปากของคลาวด์ยกยิ้มบางอีกครั้งขณะเช็ดเคาน์เตอร์ สายตาเขาจดจ่อกับพื้นโต๊ะแต่ก็เหลือบขึ้นมามองเขาเป็นครั้งคราว
“นายคิดว่าพนักงานนายจะปกป้องตัวเองไม่ได้ หรือคิดว่าฉันเก่งขนาดนั้นกันล่ะ?”
คลาวด์มองเขาด้วยสายตาประหลาด มือหยุดชะงักลง
“พวกเราเป็นคนธรรมดา คุณเป็นโซลเยอร์ และเป็นถึงโซลเยอร์คนนั้น คุณรู้ใช่ไหมว่าคนทั่วไปไม่เคยฝึกต่อสู้มาก่อน?”
เซฟิรอธฮัมในลำคอ พลางยกกาแฟขึ้นอีกจิบ เขาคิดว่ามันคงง่ายไปถ้าคลาวด์ยอมรับว่าพวกเขาเป็นนักสู้ แต่มันไม่มีกระทั่งร่องรอยของความกลัวบนใบหน้าเขา ไม่มีควาวมรู้สึกเสียววาบเลยจากที่เซฟิรอธสังเกตจากสีหน้าเขา เป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่เคยได้รับการฝึกมาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องแปลกถ้าดูจากสายอาชีพ ไม่ก็คลาวด์เป็นนักแสดงชั้นยอด หรือไม่ก็เขาบริสุทธิ์จริง แต่เขาคิดว่าเป็นการแสดงมากกว่า
“ขอโทษด้วย ฉันจะพยายามไม่แวะมาบ่อยเกินไปแล้วกัน ฉันก็ไม่อยากจะปิดร้านนายทุกครั้งที่มาเหมือนกัน”
“ไม่หรอก ถ้าเรายุ่ง ผมก็จะเรียกพวกเขามา และพวกเขาก็จะทำเหมือนคุณไม่มีตัวตน พอเริ่มไม่มีลูกค้าผมก็จะไล่พวกเขาไปอยู่หลังร้านเหมือเดิม อย่าให้ความดื้อด้านของพวกเขามาห้ามคุณจ่ายเงินให้เราเลย”
เซฟิรอธขยับยิ้ม ก่อนเอ่ย “นายไม่พูดตรงไปหน่อยเหรอ? นายไม่แสร้งทำเป็นสนใจการมาของฉันสักหน่อยเหรอ?”
“น่าตลกดี แต่คุณดูไม่เหมือนคนที่จะสนใจอะไรพวกนี้ เพราะงั้นตรงไปตรงมาดีที่สุดแล้ว อีกอย่าง นี่มันก็ธุรกิจ ไม่ใช่หรือไง? ถ้าคุณก้าวเท้าเข้ามา ผมก็ต้องคาดหวังว่าคุณจะมาซื้ออะไรสิ”
เซฟิรอธไม่เชื่อคำว่า “ตรงไปตรงมา” สักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นการตอบโต้ที่ดี
“ฉันสัญญาเลย ฉันจะไม่ทำให้ร้านนายต้องเปื้อนเลือด หรือมาโดยไม่สั่งอะไร ยกเว้นจะมีเหตุผลอะไรดีๆ” อย่างการจับตัวพวกเขา
คลาวด์เลิกคิ้ว ริมฝีปากขยับยกขึ้น ก่อนบอก “‘เหตุผลดีๆ’งั้นเหรอ? งั้นอย่างน้อยเรามาคุยกันเรื่องกาแฟก่อนดีกว่า เรื่องอื่นค่อยไว้ว่ากันทีหลัง”
เซฟิรอธนิ่งไปและกระพริบตาปริบ เขารู้สึกเหมือนมันมีความหมายแฝงเบื้องหลังประโยคนั้น บางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ แต่เขาก็คิดไม่ออก
คลาวด์หลุดหัวเราะ กับสีหน้าว่างเปล่าบนใบหน้าเขา และน่าแปลกที่มันน่ามองมาก ใบหน้าเขาสดใสขึ้น และความตึงเครียดที่เซฟิรอธไม่ทันรู้สึกก็คลายลง เสียงหัวเราะนั้นฟังดูสดใสเหมือนระฆังก้องกังวานไปทั่วร้าน พอเขาหยุดหัวเราะ เขาก็ดูผ่อนคลายลง รอยยิ้มยังคงแต่งแต้มใบหน้าเขา ชายหนุ่มยกมือขึ้นท้าวเอวข้างหนึ่งพร้อมเอียงหัว
“ผมไม่ร็ว่าผมควรจะโล่งใจหรือผิดหวังที่คุณไม่ได้กำลังจีบผม”
เซฟิรอธกระพริบตาอีกครั้ง และรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านบนใบหน้า เขากระแอมไอหนึ่งที
“พระเจ้าช่วย นั่นคุณหน้าแดงเหรอ?” คลาวด์พูดขึ้นมา และดูตื่นเต้นขึ้นมาทันตาเห็น ก่อนจะหัวเราะอีกรอบ พริบตานั้น เขาหยิบเครื่อง PHS ขึ้นมาและถ่ายรูป เขาดูดีใจมากจนเซฟิรอธแทบจะรู้สึกโกรธไม่ลง
แต่เขาก็พยายามขมวดคิ้วไป
“นายเก็บรูปนั้นไว้ไม่ได้”
“ทำไม กลัวหลุดไปสื่อไม่ดี?”
“ใช่ ลบมันที”
คลาวด์นิ่งไป ใบหน้าหมองลง เขาถอนหายใจก่อนจะเงยหน้ากลับมามองเซฟิรอธ
“ผมจะลบถ้าคุณต้องการแบบนั้นจริง ๆ แต่ผมสาบานเลยว่าผมจะไม่ส่งไปหาสื่อ พวกเขาไม่อยู่ใต้เพลทนี่ด้วยซ้ำ เพราะมันไม่มีอะไรที่คนบนนั้นจะสนใจพอจะทำข่าวได้”
“พวกเขาจ่ายให้นายไม่น้อยแน่”
“แล้ว? พวกเขาก็เหมือนแร้งนั่นแหละ ผมทำงานพอเลี้ยงตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องการเงิน... มันไม่ใช่เงินที่ได้มาบนความทุกข์คนอื่น แต่คุณก็เข้าใจที่ผมต้องการจะสื่อแหละ”
เซฟิรอธฮัมในลำคอพลางครุ่นคิด มันก็ไม่ส่งผลเสียอะไรกับเขาเท่าไหร่ ต่อให้ภาพนี้หลุดไป ชินระก็ควบคุมได้อยู่แล้ว ยังไงมันก็เป็นหน้าที่ของแผนก PR อยู่แล้ว
“ก็ได้ แต่อย่าให้คนอื่นดูล่ะ”
แล้วเขาก็ชะงักไป พลางสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงยอมอีกฝ่าย คนตรงหน้าเขามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้ร้าย เป็นคนค้ายา และอาจจะอาชีพผิดกฎหมายอื่น ๆ อีก แค่เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มหวานก็ทำให้เขายอมให้อีกฝ่ายเก็บภาพที่อาจจะสร้างข่าวด้านลบให้เขาแล้วอย่างงั้นเหรอ?
นี่มันไม่ดีเลย
เขาเปิดปากหมายจะเปลี่ยนใจ แต่คลาวด์ดูสดใจขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอบคุณ ผมสัญญาเลยว่าผมจะไม่เอามันไปโพทนาให้ใครดูด้วย”
“จะขอบคุณมาก” สุดท้ายเซฟิรอธก็ตอบแบบนี้ออกไป แทนที่จะบอกให้คลาวด์ลบรูป
เกิดอะไรขึ้น?
เขาดื่มกาแฟกลบเกลื่อนอาการอ้ำอึ่งของตัวเอง
“ยังไงก็ตาม คุณสามารถแวะมาบ่อยแค่ไหนก็ได้นะ ถ้าคนเห็นคุณแวะมาก็จะดีกับธุรกิจเราด้วย ปกติเราจะยุ่งช่วง 6-8 โมง ทั้งเช้าและกลางคืน เผื่อคุณอยากจะเลี่ยงผู้คน”
“กลางคืนด้วยเหรอ?”
“ใช่ ข้างใต้เพลททุกอย่างเป็นไปตามวัฏจักรของมัน ไม่มีพระอาทิตย์มาคอยบอกเวลาน่ะ รู้ไหม? มีร้านที่เปิดกลางวัน ร้านที่เปิดกลางคืน และบางทีที่เปิด 24 ชั่วโมง ร้านในสลัมส่วนมากเปิดระหว่างวัน และแค่ประมาณครึ่งเดียวที่เปิดช่วงกลางคืน มันช่วยให้ทุกอย่างไม่แน่นเกินไป คุณไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”
เซฟิรอธดื่มกาแฟอึกเล็ก ก่อนจะกล่าว “ข้างใต้เพลทนี้ ชินระไม่ค่อยเป็นที่ต้อนรับสักเท่าไหร่ ฉันว่านายก็น่าจะสังเกตเห็นอยู่แล้ว”
คลาวด์ส่งเสียงในลำคอตอบรับว่าเข้าใจ และเหมือนเขาจะพอใจกับสภาพของเคานต์เตอร์แล้วเลยห้อยผ้าเช็ดโต๊ะกับผ้ากันเปื้อน
“ใช่ คนส่วนมากไม่ชอบคนแบบคุณสักเท่าไหร่ ไม่ใช่แค่ยุฟฟี่กับซิด”
“แล้วนายล่ะ? นายไม่ชอบคน ‘แบบฉัน’ ด้วยรึเปล่า?”
คลาวด์ยักไหล่ พลางเอนหลังพิงเคาน์เตอร์ด้านหลัง
“ผมคิดว่าคุณสามารถจำกัดจำนวนมอนสเตอร์ได้ดีกว่านี้ ผมจะได้ไม่ต้องคอยหลบระหว่างมาทำงาน แต่คุณก็ช่วยให้ผมมีไฟฟ้าใช้ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก เพราะงั้น ไม่ ผมไม่เกลียดคุณ แค่คิดว่ายังมีจุดให้ติอยู่”
ซึ่งสำหรับคนในสลัมแล้ว เป็นความเห็นที่เรียบร้อยมาก มันทำให้เซฟิรอธนึกถึงความคิดเมื่อสักครู่และทำให้เขารู้ว่าคลาวด์ไม่ใช่คนท้องถิ่นของมิดการ์
“ค่อนข้างมีเหตุมีผลสำหรับคนแถบนี้ แต่ฉันคิดว่านายไม่ใช่คนที่นี่ล่ะสิ?”
“รู้ได้ยังไง?”
“สำเนียงนาย”
คลาวด์กลอกตา แต่ก็ยิ้มออกมา เซฟิรอธคิดว่าเขาคงยิ้มให้ตัวเองมากกว่า
“ใช่ นั่นทำให้รู้ได้สินะ?” แล้วเขาก็จงใจเน้นสำเนียงของตัวเอง ทำให้เสียงเขากลายเป็นเสียงเนิบเป็นจังหวะน่าฟังอย่างน่าประหลาด “สำเนียงแบบนี้คงไม่ทำให้คนคิดว่ามาจากในเมืองแหละ”
“มันเพราะว่าสำเนียงมิดการ์เยอะเลย”
คลาวด์กระพริบตา ก่อนจะหัวเราะพร้อมยกยิ้ม
“เพิ่งเคยได้ยินแบบนี้เป็นครั้งแรก ปกติแล้ว คนชอบบอกว่าผมเหมือนคนบ้านนอก”
“สำเนียงมันก็ฟังดูชนบทกว่าจริง ๆ”
“’ชนบทกว่า’อย่างงั้นเหรอ? รู้จักใช้คำนี่”
“ก็พยายามน่ะ”
ซึ่งปกติเขาไม่ และเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมตอนนี้ถึงพยายาม
คลาวด์ผลักตัวเองจากบริเวณที่พิงและหยิบแก้วของเซฟิรอธที่ตอนนี้ว่างเปล่า
“คุณดื่มเสร็จรึยัง หรืออยากสั่งเพิ่มสักแก้วไหม?”
เซฟิรอธรู้สึกผิดหวัง มันเป็นจังหวะที่เขาสามารถขอตัวไปได้อย่างเนียน ๆ และเขาก็ควรจะทำแบบนั้น แต่เขากลับรู้สึกเพลินไปกับบทสนทนานี้
“ไม่ล่ะ ฉันควรจะกลับแล้ว”
“มาเมื่อไหร่ก็แวะมาล่ะ ผมจะไปเรียกพวกเขาจากหลังร้านแล้ว ยินดีที่ได้พบนะ หวังว่าจะได้เจอกันอีก?”
“ได้เจอแน่” เซฟิรอธยืนยันพร้อมพยักหน้าให้ทีหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังประตู คลาวด์โบกมือลาก่อนกลับหลังหัน และเดินไปบริเวณหลังร้าน เซฟิรอธเดินออกจากประตูหน้าร้านไปพร้อม ๆ กับที่คลาวด์เดินออกจากประตูหลัง
เซฟิรอธใช้เวลาเดินทางกลับไปที่ตึกครุ่นคิดว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงหวั่นไหวกับคลาวด์ขนาดนี้ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเป็นเพราะอีกฝ่ายน่าสนใจขนาดนั้น เพราะมันไม่ใช่ เขาเป็นแค่พนักงานร้านคนหนึ่ง ยกเว้นเขาจะไม่ใช่ เพราะเขาไม่ตกใจกับการมาของเซฟิรอธแม้แต่นิดเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยาก ยากมาก นั่นคงเป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงตามใจอีกฝ่าย แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร มันก็ไม่ส่งผลดีต่อการสืบสวนของเขาแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกัน คลาวด์กำลังตื่นตระหนกอยู่ที่ห้องหลังร้าน เขาท้าวมือทั้งสองข้างบนเข่าและพยายามสูดหายใจ แค่หายใจ แต่มันก็ยากเหลือเกิน นี่เขากำลังตกอยู่ในสภาวะหายใจเร็วเกินอย่างงั้นเหรอ?
“ชิบ” ซิดสบถขณะมองคลาวด์สติแตก “ยุฟฟี่ ไปดูหน้าร้าน”
คลาวด์ส่ายหัว พยายามพูด “ฉัน-“ หายใจ หายใจ หายใจ “ไม่เป็นไร ไปกันก่อนเลย จะตามไป- ไม่นาน”
ซิดดูเหมือนไม่เชื่อ แต่พอวินเซนต์ที่อยู่หลังร้านเงียบ ๆ มาสักพักวางมือบนบ่า เขาก็ยอมและตามยุฟฟี่ออกไปหน้าร้าน
วินเซนต์กล่าวเสียงเบาอย่างใจเย็น “หายใจพร้อมกับการนับของฉัน หนึ่ง สอง สาม สี่...”
วินเซนต์พาเขาหายใจ รอบแล้วรอบเล่า และไม่มีความร้อนรนเลย จนคลาวด์สามารถกลับมาหายใจได้ปกติ เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกขอบคุณก่อนยืดตัวตรง
“ฉันเดาว่านายฟังผ่านประตูอยู่แล้วสิ?”
“ใช่ พวกเราทุกคน”
“เขารู้ ใช่ไหม?”
“เขาสงสัย ฉันเดาว่าเขามาเพื่อตรวจสอบ เขาไล่ปิดร้านอื่นของอวาลานช์มา เหมือนที่นายรู้”
“ฉันรู้ ให้ตายสิ ฉันภาวนาว่าเขาจะไม่มาที่นี่”
“แต่นายรับมือกับเขาได้ดี นายควรจะภูมิใจ”
“ขอบคุณ แต่นายก็ได้ยินเขาแล้ว เขาจะกลับมาอีก บ่อยเท่าที่เราจะโน้มน้าวให้เขาเชื่อได้ว่าเราไม่ได้กำลังทำสิ่งที่เรากำลังทำอยู่”
“ดูเป็นวัน ๆ ไป ฉันคิดว่าวันนี้เขาคงไม่กลับมาอีก นายจะเตรียมสิ่งที่ควรพูดไม่ควรพูดไว้ก็ได้ แต่อย่าให้มันมากวนใจนาย นายรับมือกับมันได้ นายรับมือได้มาตลอด”
คลาวด์กระพริบตาและยิ้มอ่อนให้วินเซนต์
“ขอบคุณนะ วินเซนต์”
“แค่อธิบายจุดแข็งของนายอย่างถูกต้องเท่านั้น แต่บางทีนายควรไปดูไม่ให้ยุฟฟี่หรือซิดทำอะไรไหม้นะ?”
คลาวด์ถอนหายใจพลางยีผมตัวเอง
“ใช่ ควรจะ ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับ... ก่อนหน้านี้”
“ไม่เป็นไร”
เขาพูดเหมือนมันเป็นเรื่องง่าย และคลาวด์ก็เชื่อเขา ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนเดินผ่านประตูออกไป เพื่อให้แน่ใจว่าซิดหรือยุฟฟี่ไม่ได้ทำให้อะไรติดไฟขึ้นมาจริง ๆ
TBC…
llTALK WITH TRANSLATOR ll
สวัสดีครับ พาร์ทครับ
ขออภัยที่ให้รอกันนานนะครับ หายไปจัดหารชีวิตตัวเองเสียนานเลย
ยังไงก็หวังว่าทุกคนจะชอบตอนนี้กันนะครับ เซฟิรอธกับคลาวด์ได้เจอกันแล้ว แถมแค่เจอกันครั้งแรกก็มีความสปาร์คกันอีกด้วยต่างหาก ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะเดินหน้าต่อไปยังไง รอติดตามได้ในตอนถัดไปเลยครับ
ด้วยรัก
พาร์ท
KITDS
ความคิดเห็น