คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 13: Cobbler’s Akuma (อาคุม่าของช่างรองเท้า)
Title: The Noah’s Bookman
2: The Dawn Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา
ภาค เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ
Story: Saturnalius
Translator: KITDS
Chapter 13: Cobbler’s Akuma(อาคุม่าของช่างรองเท้า)
บุ๊คแมนหนุ่มใช้วาจาหว่านล้อมพาตัวเองออกจากสถานการณ์เสี่ยงตายอีกครั้ง
เอ็กโซซิสท์ทั้งสองคนที่เขาเจอที่สุสานข้างนอกโบสถ์รู้เรื่องเกี่ยวกับเขาน้อยจนถึงไม่รู้เลย
เขาเลยใช้จุดนั้นให้เป็นประโยชน์ สองครั้งแล้วที่เขาคุยกับเอ็กโซซิสท์ไม่ให้พวกเขาโจมตีตัวเองและเชื่อว่าเขาอยู่ฝ่ายเดียวกับโนอา
ครั้งแรกเขาพูดความจริง แต่ครั้งที่สอง ไม่ใช่สักเท่าไหร่ เขากัดฟันโกหกอีกครั้ง
กลับไปใช้นิสัยเดิมๆ
แต่ก็น่าแปลกที่บุ๊คแมนไม่ใช่แค่เกลี้ยกล่อมให้พวกเขาเชื่อว่าเขาเป็นคนกลาง
เขายังได้ข้อมูลมาจากอีกฝ่ายด้วย เอ็กโซซิสท์ชาวเยอรมันมีชื่อ เคอร์เบิล มันเป็นชื่อเล่นของเคอร์บิเนียนที่หมายถึงอีกาตัวน้อย
และเจ้าอีกาตัวน้อยตัวนี้รู้เกี่ยวกับตำนานของรูปปั้นท้องถิ่นนี้พอสมควร
บุ๊คแมนเลยให้เหตุผลว่าเคอร์เบิลอาจจะโตมาจากแถวนี้
ที่น่าสนใจกว่า คือ
เคอร์เบิลรู้เรื่องตำนานนี่ แต่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันหมายถึงอะไร
บุ๊คแมนนั่งอยู่ส่วนลึกของร้านกาแฟ
นั่งจิบชาท้องถิ่น เขามีเวลาสักพักก่อนทิกี้จะแวะมาแถวนี้ บุ๊คแมนหนุ่มไม่ค่อยสนใจรอบข้างเท่าไหร่เมื่อตัวเองหลอกสมาชิกศาสนจักรให้เชื่อไปแล้วว่าเขาไม่ได้อยู่ข้างโนอา
ตราบใดที่อีกา โฮวาร์ด ลิงค์ไม่ได้ไปพูดอะไรกับพวกเอ็กโซซิสท์
พวกเขาก็คงจะไม่รู้ต่อไปและชีวิตเขาก็จะปลอดภัย เขาไม่ค่อยเห็นว่าศูนย์บัญชาการกลางจะแบ่งปันข้อมูลสำคัญแบบนี้กับเอ็กโซซิสท์ของพวกเขาเท่าไหร่
เหมือนทางฝ่ายนั้นจะขาดแผนกสื่อสารไป
ประตูร้านเปิดออก
เคอร์เบิลเดินนำเข้ามาคนแรก ตามมาด้วยโครรี่
คนหลังยังคงดูโทรมขณะที่กำลังปาดน้ำตาจากแก้มของตน
“กาแฟจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นนะ”เคอร์เบิลเสนอ
ดูเหมือนว่าเขากำลังจะหมดความอดทนกับการร้องห่มร้องไห้ของโครรี่ จริงๆแล้ว เขารู้จักมิรันด้านิดเดียว
เขาแค่เคยได้ยินสิ่งที่ทุกคนเรียกกันว่าศึกสุดท้ายระหว่างโนอากับเอ็กโซซิสท์เท่านั้น
มันไม่ใช่การต่อสู้ที่ทุกคนคาดถึง และข้อมูลที่เขาได้ยินมาก็ทำเขาไม่สู้ดี
มันน่าสยดสยองและมันทำเอาท้องเขาปั่นป่วนไปหมด
บางครั้ง
เขาก็สงสัยว่าทำไมตัวเองถึงมาสมัครเป็นเอ็กโซซิสท์ แต่แล้วเขาก็จำได้ว่าพวกอาคุม่าพากันถล่มบ้านเกิดเขาที่อยู่ไม่ไกล
คร่าชีวิตผู้คนในพื้นที่อย่างไร แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เขารอดมาได้ ถูกเจ้าสัตว์ประหลาดชั่วร้ายกระหายเลือดไว้ชีวิต
จนศาสนจักรมาพบตัว เขาเลยตั้งมั่นจะหยุดอาคุม่าและโนอา จะได้ไม่มีใครต้องมาทรมานแบบเดียวกัน
อินโนเซนส์ของเขาก็อยู่ในตัวเขาเรียร้อยแล้ว เปลี่ยนนิ้วเขาให้กลายเป็นสีเงินประหลาด
มอบพลังให้เขาสร้างสิ่งที่ดูราวกับเวทมนต์
เคอร์เบิลบังคับโครรี่ให้นั่งลงบนโต๊ะว่างส่วนตัวเองไปสั่งกาแฟ
ราวี่ดูจะกลืนไปกับผู้คน ดูเป็นเพียงคนชอบกาแฟธรรมดา แม้ว่าจริงๆ แล้วจะดื่มชาอยู่
เขาเพียงแค่มีวิธีทำให้ตัวเองไม่เป็นที่สังเกต มันเป็นความสามารถของบุ๊คแมนที่เขาเรียนรู้มาจากตาแก่
แม้จะดูเด่นจากฝูงชน แต่ราวี่ก็ทำให้ตัวเองไม่เป็นที่สังเกตได้ง่าย
และดูจะเป็นความสามารถที่มีประโยชน์เมื่อแขกไม่ได้รับเชิญมาเพิ่ม
รินาลี่ ลีกับเชาจี๋ ฮัง มานั่งสองฝั่งของโครรี่ หญิงสาวโน้มเข้าไปปลอบ เข้ากอดโครรี่
ชายหนุ่มก็ทำเพียงร้องไห้ลั่น
“โอ๋ โอ๋”เธอปลอบใจ “ฉันรู้ว่านายคิดถึงเขานะ
ฉันก็คิดถึงเหมือนกัน คิดถึงพวกเขาทุกคน”สงครามครั้งสุดท้ายลดจำนวนคนในศาสนจักรไปกว่าครึ่ง
รินาลี่มองดูหนึ่งในเพื่อนของเธอฆ่าตัวละครหลักบนสนามรบในวันนั้น เขาฆ่าทั้งมิตรและศัตรู
หลั่งเลือดไล่ฆ่าอย่างบ้าคลั่งไร้สติ เธอพยายามเรียกเขา เรียกชื่อของเขาแต่เขาก็ไม่ตอบเธอ
มันชวนใจสลาย และยิ่งเป็นเช่นนั้นเมื่อเธอเห็นเขาและท่านเอิร์ลฆ่ากันเอง ทุกคนจำเป็นต้องตายอย่างงั้นเหรอ?
แล้วเคอร์เบิลก็กลับมาพร้อมกับกาแฟสี่แก้วในอ้อมแขนและพยายามไม่ให้มันหกลวกตัวเอง
เขาเห็นอีกสองคนเดินเข้ามาเลยซื้อเผื่อพวกเขาด้วย “คุณคิดว่าโนอากลับมาแล้วจริงๆ เหรอครับ
เสนาธิการ?”เขานั่งลงตรงข้ามโครรี่ เขาดีใจที่มีคนอื่นให้โครรี่ไปร้องไห้ใส่แทน
“เรายังทิ้งความเป็นไปได้นั้นไม่ได้หรอกนะ
เคอร์บิเนียน”รินาลี่ตอบพลางถือกาแฟในมือข้างหนึ่ง
ส่วนอีกฝ่ายยังคงลูบปลอบโครรี่อยู่ “ทางส่วนกลางเหมือนจะค่อนข้างแน่ใจมากว่าพวกเขากลับมาแล้ว”ในใจเธอนึกไปถึงบุ๊คแมนที่เธอเพิ่งเจอเมื่อไม่นานมานี้
“หืม”เคอร์เบิลมองจ้องไปยังแก้วกาแฟ
เขาเอนตัวข้อศอกเท้าโต๊ะและยกแก้วกาแฟขึ้นมาจรดปาก “ผมควรจะบอก”เขาเสริมด้วยความลังเล
“เราไปเจอคนแปลกๆ มาเมื่อกี้”
รินาลี่เอียงหัวด้วยความสนใจ “คนแบบไหนเหรอ?”
เคอร์เบิลนิ่งไปสักพัก พร้อมนึกถึงคำพูดที่อีกฝ่ายพูดกับเขา
บางทีเขาอาจจะพูดเร็วไป ความคิดเขาไปเร็วกว่าคำพูด เขาตำหนิตัวเองในใจกับความใจร้อน
เขาเกลียดการผิดคำสัญญา “นักประวัติศาสตร์แปลกๆ คนหนึ่ง”เขาตอบกำกวม
ราวี่เกือบจะทำแก้วกาแฟหล่นเมื่อได้ยินคำตอบของเคอร์เบิล
แม้พวกเขาจะนั่งอยู่ห่างกันพอสมควรระหว่างโต๊ะ
แต่ชายหนุ่มผมแดงก็ยังได้ยินเสียงและบทสนทนาของพวกเขาท่ามกลางผู้คน คนโง่
เขาขมวดคิ้ว ก่อนเขาจะจากมา บุ๊คแมนหนุ่มขอเอ็กโซซิสท์ไว้ไม่ให้พูดถึงการพบเจอกันของพวกเขา
แต่พวกเขาก็พูดถึงเขาตรงนี้ที่นี่ เหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
เคอร์เบิลนั่งหันหลังให้ราวี่ ทำให้มองเห็นสีหน้าชายหนุ่มไม่เห็น
แต่เจ้าของเส้นผมสีแดงก็ยังสัมผัสได้ถึงความลังเลจางๆ ในน้ำเสียงของเขา
รินาลี่จ้องเคอร์เบิลอยู่สักพักในท่าเอียงหัวงงๆ
ก่อนเธอจะนึกออกและเกือบผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ “อ๋อ! ใช่ เขานั่นเอง เขาสบายดีนะ?”
“Ja(ครับ)”ชาวเยอรมันตอบด้วยความประหลาดใจในความห่วงใยที่เธอมีต่อเขา
จริงอยู่ว่าเขาไม่สังกัดฝ่ายท่ามกลางสิ่งที่เกิดขึ้น แต่บุ๊คแมนก็เคยอยู่กับโนอา
เขาคงมีทุกความลับของพวกเขาแล้ว ไม่น่าประหลาดใจถ้าเขาจะเป็นเป้าหมายสำคัญของศาสนจักร
อีกฝ่ายเคยอธิบายแล้วว่าทำไมถึงไม่อยากถูกตามตัวเจอ “เขากำลังตามล่าตำนานอยู่”
“คนเดียว?”เธอถามเพิ่มเติม
เคอร์เบิลเพียงพยักหน้า
แม้ว่าเขาจะเป็นเอ็กโซซิสท์ค่อนข้างหน้าใหม่ แต่เขาก็ตามความคิดเธอทัน เขาเองก็เคยสังสัยราวี่เหมือนกัน
แต่การพูดคุยก็เสนอขึ้นมาอีกหนึ่งช่องทาง เคอร์เบิลไม่คิดว่าบุ๊คแมนกำลังคุกคามเขา
แม้ความรู้จะสามารถเป็นอาวุธได้เหมือนกัน ถ้านักประวัติศาสตร์คนนั้นสามารถรอดชีวิตจาดสงครามครั้งสุดท้ายมาได้อย่างเป็นปริศนา
แสดงว่าเขาจะต้องมีเล่ห์เหลี่ยม เขาอาจจะเป็นภัยต่อพวกเขา แต่ตอนนี้
เขาดูเป็นเพียงนักประวัติศาสตร์ที่เสาะแสวงหาตำนานเท่านั้น
พวกเขาตกอยู่ในความเงียบพลางดื่มกาแฟ
ไม่ทันสังเกตเห็นชายหนุ่มที่เดินผ่านไป เขาแต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการ เสื้อโค้ทหางยาวสีดำไม่ติดกระดุมเผยให้เห็นเสื้อคอปกสีขาวและเสื้อกั๊กสีดำ
กางเกงเขารีดเรียบ รองเท้าเองก็เป็นเงา ในเมืองชนชั้นกลางแบบนี้
ชนชั้นสูงไม่ใช่อะไรที่พบเห็นได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้แปลกประหลาดไปนัก
ชายหนุ่มดันแว่นขึ้น เดินเข้ามาในคาเฟ่ด้วยก้าวยาวๆ
สง่าผ่าเผยก่อนจะนั่งลงตรงข้ามบุ๊คแมนหนุ่ม ราวี่เหลือบมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจกับผู้ร่วมโต๊ะ
เขามีผิวสีแทนกับดวงตาคู่คมสีน้ำตาล ผมสีดำเรียบแปล้ และแว่นกรอบเหลี่ยม
แต่รอยยิ้มกว้างจนเกือบผิดมนุษย์มนาบ่งบอกถึงตัวตนของเขา “กำลังสนุกเหรอ
พ่อน้องชาย?”
“นั่งฟังนู่นนี่นิดหน่อยน่ะ”เขาตอบพลางยกชาขึ้นจิบ
“นายหมายถึงแอบฟัง”ทิกี้แก้ให้ด้วยรอยยิ้มผยอง
“ทำตามขั้นตอน”ราวี่ยักไหล่ด้วยความขบขัน
“ฉันทำให้พวกเขาเชื่อว่าโนอาไม่อยู่ที่นี่และฉันเป็นแค่นักประวัติศาสตร์ตามหาตำนานเรื่อยไป”
เขายิ้มอีกครั้ง
เป็นรอยยิ้มน่าขนลุกแต่ก็ดูขำขัน “ฉันประทับใจจัง
นายเก่งเหมือนที่ในความทรงจำบอกเลย”
“ไม่อยากจะทำให้นายผิดหวัง”ราวี่ยิ้มกริ่ม
แม้จะเป็นอีกคน แต่ทิกี้คนนี้ก็ดูคล้ายคลึงกับคนก่อนหน้า โดยเฉพาะรอยยิ้มนั่นและความรักสนุกในวิธีการทำงานของราวี่
“จะว่าไป นายมาเร็วนี่”
“ฉันคิดว่านายอาจจะอยากสนุกด้วย”ทิกี้เสนอ
“เพื่อนช่างรองเท้าตัวน้อยของเรายุ่งมาตลอด และคราวนี้ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย”
........
หลายอาทิตย์ก่อน
โลกทั้งใบเขากลับตาลปัตร ช่างรองเท้าคนเก่าได้มารู้จักบุ๊คแมนเป็นการส่วนตัว
พวกเขาแบ่งปันข้อมูลกัน อีกฝ่ายสอนลูกๆ เขาและเพื่อตอบแทน
เขาก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณแก่นักประวัติศาสตร์ช่างสงสัย
ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าบุ๊คแมนรู้เกี่ยวกับตำนานอยู่แล้ว แต่สนใจเกี่ยวกับตัวเทพธิดามากกว่า
แล้วพวกเขาพยายามจะฆ่าบุ๊คแมน ชาวบ้านที่เขารู้จักมาทั้งชีวิต
ทั้งหมดเพียงเพราะคำพูดบิดเบือนของบาทหลวงเจมส์ เขาเริ่มเสียศรัทธาในตัวมนุษย์ตั้งแต่จุกนั้น
ตอนที่บาทหลวงพูดถ้อยคำเกลียดชังเหล่านั้น
เขาเริ่มเกลียดพวกเขามากขึ้นเมื่อพลังเริ่มก่อตัวขึ้นในตัวเขา
โรนัลด์ยืนอยู่บนหลังคาคาเฟ่ มองผู้คนเดินไปมาไม่รู้ว่าอะไรกำลังคืบคลานมาหาพวกเขา
เขาทำหน้าใจเย็นเกือบจะเป็นมิตรเหมือนทุกที
ก่อนหน้านี้ เขาทำงานมือแทบหักที่ร้านซ่อมรองเท้าเพื่อเลี้ยงปากท้องครอบครัวเขา
เพื่อเจือจุนพวกเขา เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ดี ตอนนี้ เขาทำงานมือแทบหักเพื่อครอบครัวที่ใหญ่กว่าเดิม
ถักทอวัตถุดิบมากมายที่เขาคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าเข้าด้วยกัน สิ่งประดิษฐ์ใหม่ของเขาไม่ใช่ชิ้นที่ดีที่สุด
แต่มันเป็นของเขาเอง เขาทำมันด้วยสองมือของตัวเอง และรู้สึกสำเร็จและภูมิใจกับมันเหมือนตอนที่เขาสร้างรองเท้าบู๊ทคู่แรกขึ้นมา
มันเป็นความดีใจในสิ่งสร้างที่เขาเสียไปและคำนึงหามาหลายทศวรรษ
และตอนนี้เขากำลังจะทดสอบสิ่งสร้างชิ้นใหม่ล่าสุด โดยการให้มันออกมาเดินเล่น
ทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเขา คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง
........
เสียงกรีดร้องดังก้องผ่านประตูเข้ามาด้านในร้านกาแฟ
“ช่วยด้วย! มัน- มันคือปิศาจ!”
“อาคุม่า!”รินาลี่รีบผุดลุกขึ้นจนเกือบจะชนโครรี่หงายหลัง “พวกมันอยู่ที่นี่นี่เอง
เราต้องรีบแล้ว”
“Das liegende kleine Scheisser”เคอร์เบิลสบถ
เกือบจะทำกาแฟหกเมื่อยืนขึ้นบ้าง แต่ความจริงเขาจะเรียกชายหนุ่มผมแดงว่าคนโกหกก็ไม่ได้
แต่มันเป็นความคิดแรกที่โผล่เข้ามาในหัวของเขา บุ๊คแมนน่าจะรู้เกี่ยวกับโนอา
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับพวกนั้น
มันเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องเลย เวลาระหว่างการมาของเขากับอาคุม่ามันน่าประหลาด
“เสียมารยาท”ทิกี้ส่ายหัวขณะที่มองเอ็กโซซิสท์วิ่งออกไปจากร้านกาแฟ
พวกเขาทิ้งโต๊ะในสภาพดูไม่จืด ไม่คิดจะคืนแก้วที่เคาท์เตอร์หรือเก็บเก้าอี้แม้แต่น้อย
ราวี่ไม่แน่ใจว่าทิกี้เข้าใจภาษาเยอรมันมั้ย
แต่บุ๊คแมนหนุ่มเข้าใจ เคอร์เบิลพูดจาในสิ่งที่เขาไม่อยากจะทวน
เขาแค่เก็บข้อมูลลงบันทึก เอ็กโซซิสท์นี่ไร้มารยาทกันจริงๆ สินะ? แต่เขาควรจะคาดหวังอะไรล่ะ? แต่ถึงอย่างนั้น เคอร์เบิลนั้นก็ทำเขาสนใจ
เขาเป็นเอ็กโซซิสท์หน้าใหม่ที่ดูฉลาดแต่ยังใสซื่อและอาวุธเขาก็ทำให้บุ๊คแมนสนใจ
“มาสิ พ่อน้องชาย”ทิกี้ลุกขึ้นยืนและทำท่าทางให้ราวี่ตามไปยังประตูหลัง
เขาเก็บเก้าอี้เข้าอย่างสุภาพด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า มันเป็นรอยยิ้มเหมือนมนุษย์ที่มีความน่าขนลุกเหมือนโนอา
“มาเฝ้ามองทุกอย่างดำเนินไปกันเถอะ โรนัลด์อยู่บนหลังคาแหนะ”
ความโกลาหลจากฝีมืออาคุม่าจรจัดบนท้องถนนนั้นเพียงพอจะให้พวกเขาแอบบหลบออกไปทางประตูหลัง
ทั้งสองคนเดินขึ้นตามบันไดหนีไฟไปเจอโรนัลด์ที่ยืนอยู่ริมหลังคาในท่ากอดอกขณะที่มองผลงานของตน
เขาสวมชุดทางการเหมาะสมฐานะชนชั้นสูงมากขึ้นเมื่ออยู่ในร่างโนอา เขายังรู้สึกแปลกๆ
กับมัน คิดว่ามันแฟนซีเกินกว่าความชอบเขา แต่มันเป็นธุรกิจครอบครัว เขาต้องทำตัวให้สมฐานะ
มันดูเรียบง่ายกว่าสิ่งที่ทิกี้ใส่ แต่ดูสุภาพกว่าชุดปกติของเขามาก
ผมเขายังยุ่งเหยิงเป็นสีน้ำตาลปนเทา แว่นตาเขาก็เอาไปซ่อมกลับมาในสภาพเดิม
ทิกี้กับราวี่เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
โดยที่คนหลังชะโงกไปข้างหน้านิดหน่อยเพื่อมองการต่อสู้ให้ถนัด อาคุม่าที่กำลังสร้างความวุ่นวายบนถนนเบื้องล่างนั้นไม่น่าชมเท่าไหร่
มันดูเหมือนผืนผ้าปะติดมากกว่าอาคุม่า ตัวมันเล็กและรูปร่างประหลาด คล้ายบอลลูนที่มีแขนขาและใบหน้า
มันดูเหมือนจะสู้กับเอ็กโซซิสท์สี่คนไม่ค่อยได้ แม้จะยันไว้ได้ค่อนข้างดี
มันโยนสิ่งที่หน้าตาคล้ายบูมเมอแรงลมใส่คู่ต่อสู้ของมัน ทำให้พวกเขาต้องกระจายตัว
มันไม่ใช่อาคุม่าที่เรียกความสนใจของราวี่
แต่เป็นเคอร์เบิล ชาวเยอรมันรักษาระยะห่าง เขาถือคันธนูที่ไร้ลูกศร เขาเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของอาคุม่า
ประเมินมันและคาดการณ์ในใจว่ามันจะไปทางไหน อาคุม่าขยับอีกครั้งและเขาง้างคันธนูจนตึงสุดสาย
ลูกศรก่อตัวจากแสงระหว่างมือทั้งสองของเขา และเมื่อมันเต็มดอก เขาก็ปล่อยมันพุ่งไป
เขายิงเข้าอย่างแม่นยำและลูกศรก็ปักเข้าตรงกลางระหว่างดวงตาของอาคุม่า มันไม่รุนแรงพอจะสังหารสัตว์ประหลาด
แต่ก็เรียกความสนใจได้ ทำให้คนอื่นสามารถพุ่งเข้าไปทำลายด้วยพละกำลังได้
“เป็นอาคุม่าที่อายุสั้นไปหน่อยนะ?”ทิกี้กล่าวพร้อมดันแว่นอย่างติดนิสัย เขามองดูเหล่าเอ็กโซซิสท์รวมตัวกันและตบหลังเคอร์เบิลยินดีกับชัยชนะ
“รองเท้าคู่แรกมันไม่พอดีเสมอไปหรอก”โรนัลด์มองซากที่เหลือจากสิ่งสร้างของเขาสลายหายไปกับอากาศธาตุ
ไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีก มันเป็นการทดลอง ทดสอบความแข็งแรงของรอยเย็บและวัตถุดิบ
มันต้องปรับปรุงอีก แต่นี่เป็นแค่การลองใช้งานครั้งแรก “หืม?”คราวนี้เขามองเหล่าเอ็กโซซิสท์ที่รวมตัวอยู่ด้านล่างดีๆ
และเพ่งความสนใจไปที่คนหนึ่ง “เอ็กโซซิสท์นั่น”
“ผมบลอนด์สินะ?”ราวี่มองตามโรนัลด์ “เป็นคนเดียวกับที่ทำพิธีให้บาทหลวงเจมส์น่ารังเกียจนั่น
เหมือนว่าเขาจะชื่อเคอร์บิเนียน ดูจากคนอื่นๆ แล้ว ฉันว่าเขาค่อนข้างใหม่กับเรื่องพวกนี้”
“นักสู้ระยะไกล”ทิกี้เอ่ย “น่าสนใจจริงๆ”
“ต้องถามหน่อยนะ ราวี่”โรนัลด์พูดต่อ
“เรื่องบาทหลวงเจมส์นั่น เป็นฝีมือนายรึเปล่า?”เขาไม่คิดว่าราวี่จะเป็นคนที่ลงมืออะไรด้วยตัวเอง
เขาเดาจากความทรงจำที่ไมโทร่าคนก่อนทิ้งไว้ให้เขาไม่ได้ ในเมื่อคนก่อนหน้าเขาไม่เคยคุยกับราวี่เลย
ราวี่ส่ายหัวก่อนจะเอามือซุกกระเป๋ากางเกง
“ของโร้ดน่ะ เธอไม่ชอบเวลาคนมาแตะครอบครัวเธอ”
“เธอขี้หวงสินะ”โรนัลด์สังเกต
“นั่นยังน้อยไป”ทิกี้เห็นด้วย
“เสียดายที่ฉันไม่มีอาคุม่าพวกนั้นเตรียมไว้”โรนัลด์เสริม
มองดูเอ็กโซซิสท์แยกย้ายกันเพื่อสอดส่องว่ามีอาคุม่าตัวอื่นมั้ย “เราจะตามพวกเขาไปมั้ย?”
“ยังก่อน”ทิกี้ถอนหายใจ “ท่านเอิร์ลชัดเจนว่ายังไม่อยากเปิดเผยตัวตนของพวกเราให้พวกนั้นรู้
แต่ตอนที่ถึงเวลาเมื่อไหร่ มันจะต้องสนุกแน่”สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนเป็นขบขันกับสิ่งที่เกิดขึ้น
จริงอยู่ว่าเอ็กโซซิสท์รู้ถึงตัวตนของโนอา แต่นั่นมันรุ่นก่อน พวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
คนใหม่มาเติมเต็มตำแหน่งเดิมด้วยวิธีใช้พลังแบบใหม่ เขาจะขอสนุกกับการแยกส่วนเอ็กโซซิสท์พวกนั้น
ทีละส่วนๆ เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากัน
TBC…
ll WRITER’S WORDS ll
เรื่องของเคอร์บิเนียนให้รับชม! เขาเป็นคนที่น่าสนใจ เอ็กโซซิสท์หน้าใหม่กับพลังประหลาด ตามมังงะหลัก พลังของอินโนเซนส์แปลกขึ้นเรื่อยๆ
และกับเอ็กโซซิสท์ที่เหลืออยู่น้อยนิด อินโนเซนส์แน่นอนว่าต้องเสาะหาตัวแทนขึ้นมา
เคอร์เบิลก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ฉันวางแผนให้เขามีบทมากขึ้น
และโรนัลด์กลับมาอีกครั้ง! ตอนนี้มันยังไม่แน่ชัดว่าบทบาทของไมโทร่าคืออะไร แน่นอนว่าเขาสร้างโครงกระดูกและอาร์ค
แต่มันมีพูดถึงเวทมนต์พันธนาการ แต่ที่เหลือยังไม่ชัดเจน
แล้วก็นี่คือไมโทร่าคนใหม่ ฉันเลยให้บทเขาสร้างอาคุม่าแบบใหม่ เชื่อฉันเถอะว่าพวกมันจะแปลกแน่ๆ
ll TALK WITH TRANSLATOR ll
สวัสดีครับ
ต้องขอโทษด้วยที่ช้า แต่อย่างที่แจ้งไปว่าต้องออกไปข้างนอกกะทันหัน
ทำให้กว่าจะกลับมาแปลต่อได้ก็ตีหนึ่งเสียแล้ว ตอนนี้(ตีสาม) ผมก็เพิ่งแปลเสร็จนี่ล่ะครับ
5555 ทุกตอนเริ่มใช้เวลาแปลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งกับความยาวที่เพิ่มขึ้นและรายละเอียดที่มากขึ้น
ผมคิดว่าหลายๆ คนอาจจะสังเกตเหมือนที่ผมรู้สึก(รึเปล่านะ?)
ตอนนี้เป็นการอัพฉลองวันเกิดราวี่ของพวกเราทุกคน
วันที่ 10 สิงหาคม นั่นเองครับ สำหรับเวลาที่ไทยอาจจะเลยไปแล้วสามชั่วโมง แต่เอาเป็นว่า
อิงตามเวลาอังกฤษ(และยุโรป)ที่เนื้อเรื่องดำเนินอยู่ มันยังอยู่ในวันที่10อยู่เนอะ ถถถถ ก็ขอให้สนุกกับตอนใหม่นี้นะครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น
ผมจะมาโปรโมทช่องทางอัพเดทข่าวสารเพิ่มเติม นั่นคือทางทวิตเตอร์ครับ
ความจริงผมสร้างไว้สักพักแล้ว แต่ทางนี้จะค่อนข้างเวิ่นเว้อมากกว่า ไร้สาระมากกว่า
และไม่ได้มีแต่ข่าวสารเหมือนในเฟสบุ๊ค ใครอยากเข้าไปกดฟอลก็ได้หมดครับ ผมไม่ซี
(แต่ทางนั้นผมใช้คะค่ะปกตินะ(มีปนผมครับบ้าง) ทางเด็กดีที่ใช้ครับมันเพราะความเคยชินล้วนๆเลย
5555) ลิงค์จะอยู่ด้านล่างเลย
>> https://twitter.com/kitds_part
สำหรับคนที่ไลค์เพจเฟสไว้ ผมอยากขอความร่วมมือกดแจ้งเตือนรับข่าวสารเพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์ความ(?)ในการรับข่าวสารไม่ตกหล่นนะครับ เพราะยอดReachถึงคนไลค์มันน้อยลงทุกวัน
เหอะๆ
และเรื่องสุดท้าย ผมเปิดฟิคแปลไฮคิวเรื่องใหม่
ลองกดไปดูกันได้นะครับ!
>> https://writer.dek-d.com/Feres/writer/view.php?id=1844747
พาร์ท
Killer in the Dark Shadow
ความคิดเห็น