ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic D.Gray-man] TNB 2: The Dawn Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา ภาค เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ (ฟิคแปล)

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 12: Stray bullets (กระสุนลูกหลง)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 61


    Title: The Noah’s Bookman 2: The Dawn Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา ภาค เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ

    Story: Saturnalius

    Translator: KITDS

     

    Chapter 12: Stray bullets (กระสุนลูกหลง)

    การห่างหายจากที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลา17ปีนั้นเป็นเวลาที่ยาวนาน ในเมืองที่วุ่นวายในเยอรมันเมืองนี้เมื่อ17ปีก่อน ชีวิตของคนคนหนึ่งได้กลับตาลปัตรไป

    ตอนนั้น จักรวรรดิเยอรมันเป็นเมืองที่ยุ่งเหยิงมาก ในช่วงแรกของจักรวรรดิ พื้นที่ส่วนมากเป็นทุ่งนา ซึ่งจักรวรรดิก็ตั้งมั่นจะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นและปรับปรุงพื้นที่ส่วนมากให้เจริญมากขึ้น ผู้คนจำนวนมากปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงนั้น แต่ก็ยังมีการปะทะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

    ตอนนั้นเขายังเด็ก อายุ6ขวบกับนางแฝงที่5 ชื่อของเขา คือ อัปเซล มันเป็นชื่อหนึ่งจากชื่อชาวฮิบรู อับซาลอม ที่หมายความว่า “บิดาแห่งสันติสุข” และความน่าขันของความหมายนั้นไม่ได้หายไปเลยเมื่อเป็นชื่อเขา เขาไม่ใช่ทั้งพ่อคนหรือความสันติอะไร เป็นแค่เด็กชายหัวแดงที่ตามหาข้อมูลเท่านั้น ในหัวเขาตอนนั้นยังมีความสับสนอยู่ เขายังไม่ค่อยรู้วิธีการปิดความคิดของตัวเองจากหัวสมอง และปล่อยให้หัวใจบังตา ในสี่นามแฝงแรก อัปเซลน้อยได้พบเห็นสงครามทุกครั้ง ใจเขาเอาใจช่วยผู้คนที่ทรมานกับการต่อสู้อันป่าเถื่อน แต่ชายชราก็จะรั้งเขาไว้ตลอด บอกเขาไม่ให้เข้าไปยุ่มย่ามกับประวัติศาสตร์ที่กำลังดำเนินอยู่ตรงหน้าพวกเขา

    และเด็กหนุ่มผมแดงก็ทำตามโดยไม่ถามอะไร ยังไงเสีย เขาก็เป็นแค่นักฝึกหัดที่ยินยอมกับการเดินทางรอบโลกแสนประหลาดนี้ เขายังไม่ชินกับความจำเป็นรูปภาพ*ของตัวเอง และพึงชายชราให้คอยบอกเขาว่าต้องมองตรงไหน ต้องดูอะไร มันมีข้อมูลมากเกินกว่าจะรับไหวในทีเดียวและเขาไม่รู้ว่าจะต้องโฟกัสที่จุดไหน

    จนถึงตอนที่เขากลายเป็นอัปเซล โลกนั้นชัดเจนขึ้น และบางทีนั่นแหละคือปัญหา เพียงหนึ่งปีหลังจากที่เขาเริ่มการเดินทางครั้งนี้ เขาเริ่มท้อ เขาพบเจอแต่สงคราม ไม่มีอื่นใดนอกจากการต่อสู้ การรบและการหลั่งเลือด ซึ่งบ่อยครั้งมาจากสาเหตุไร้สาระ ในหนึ่งปีนั้น ใจเขาเริ่มเย็นชา มุมมองของเขาที่มีต่อมนุษยชาติได้ดิ่งลงเหวไปเรียบร้อยแล้ว

    เมื่อเขาเข้าดูเขตเมืองใหญ่ในกลางเยอรมัน เจ้าของเรือนผมสีแดงหวังว่าบันทึกชิ้นนี้จะเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ให้เจริญหรืออะไรที่น่าสนใจกว่า อย่างตำนานหรือสมาคมลับ ในแถบนั้นมีอัศวินเท็มพลาร์**ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้จมูกทุกคน บางทีบันทึกชิ้นนี้อาจจะเกี่ยวกับพวกเขา เขาอยากเจอ อยากเรียนรู้ถึงคณะของพวกเขา อยากคุยกับพวกเขา มันเป็นเรื่องจริงที่พวกเขาก่อสงครามศักดิ์สิทธิ์ แต่ความรู้และความลับที่พวกเขามีอยู่ในครอบครองนั้นน่าค้นหามาก เรื่องเล่าของโลกเก่าและศิลปวัตถุที่ถือกันว่าศักดิ์สิทธ์ ไม่มีใครที่หมายปองสิ่งเหล่านั้นโดยไม่ถูกทำลายลงไป เป็นเรื่องที่น่าหวาดหวั่นแต่ตระการตา

    แต่บังเอิญว่าอัปเซลไม่ได้ตามที่หวัง เมื่อเขาและอาจารย์หน้าแพนด้าของเขามาถึง การปะทะที่เกิดขึ้น เด็กชายถูกกระสุนลูกหลงเข้าที่อก เขาคิดว่าเขาจะต้องตาย มันเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสิ้นหวังขนาดนั้น ติดแหง็กอยู่ใจกลางสงครามและอยู่ในกำมือของโลกรอบตัว เขาจับผมของอาจารย์ตัวเอง ดึงมันไว้ขณะที่สู้ยื้อชีวิต ชายชรามั่นใจว่าลูกศิษย์ตัวน้อยเขาต้องตายแน่ๆ แต่ความบังเอิญก็เข้าข้างเด็กชายในที่สุด พวกเขาได้รู้ว่าหัวใจของเจ้าของเส้นผมสีแดงนั้นอยู่ผิดข้างจากที่ควรเป็น เขารอดมาได้และบันทึกชิ้นที่ 5 อัปเซลก็ถูกยกเลิกไป

    17 ปีต่อมา ชายผมแดงยืนอยู่ตำแหน่งเดิมมุมเดิมที่เขาเกือบจะตายครั้งแรก แผลจากกระสุนลูกนั้นจางหายไปตั้งนานแล้ว แต่ความทรงจำยังคงอยู่ เขาจำที่แห่งนี้ได้เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน ถึงแม้ว่ามันจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม มีร้านรวงใหม่ๆมาตั้ง พลุกพล่านไปด้วยผู้คนเดินถนน มีรถเกวียนขับผ่านไปมาด้วยม้าตัวสองตัว ที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ที่อุดมไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ลืมเลือนอดีตมืดหม่นและกลิ่นคาวเลือดเพื่อการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้เจริญและทันสมัย มันช่างตรงกันข้ามกับหมู่บ้านยากจนในอังกฤษที่เขาอาศัยอยู่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านี้

    โรนัลด์เคยเรียกที่แห่งนั้นว่าบ้าน แต่ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ท่ามกลางครอบครัวโนอาอย่างมีความสุข และทำหน้าที่เป็นเหมือนช่างปะรองเท้าให้กับพวกเขา เขายุ่งอยู่กับการปะทอสิ่งต่างๆ ซึ่งส่วนมากแล้วเป็นชิ้นส่วนของดาร์ก แมทเทอร์ ฝึกมือของเขาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบางอย่างที่น่าสนใจในขณะที่เติบโตขึ้นในบทบาทของไมโทร่า ความคืบหน้าของเขาสร้างรอยยิ้มน่าขนลุกบนใบหน้าของท่านเอิร์ลและโร้ด

    การมองดูโรนัลด์ทำเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันน่าตื่นเต้นพอๆ กับการนั่งทับขาตัวเอง ชายหนุ่มผมแดงเลยตัดสินใจออกตามหาตำนานต่างๆ อีกครั้ง อย่างน้อยก็เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้น มันเป็นภาคต่อของนามแฝงที่ 53 ซึ่งในทางเทคนิคแล้วมันก็คือนามแฝงปัจจุบันแม้การถูกบีบให้ออกมาจากหมู่บ้านในอังกฤษนั้นเกือบจะแลกมาด้วยชีวิตของเขา นามแฝงนี้ไม่มีชื่อ เป็นเพียงตัวตนและจุดประสงค์ที่จะแสวงหาตำนานพื้นบ้าน จุดประสงค์ที่เบนเข็มมาเล็กน้อยเมื่อตำนานของเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณปรากฏขึ้นอีกครั้ง

    เขาจำได้ว่าเคยเห็นรูปปั้นเทวดาในโบสถ์ใกล้ๆ จัตุรัส เขาเคยเห็นตอนที่ตาแก่อุ้มเขาสมัยเด็กจากถนนอย่างเร่งรีบเพื่อช่วยชีวิตเขา บางทีมันอาจจะยังอยู่ที่นั่น

    หลังจากที่มองรถเทียมม้าที่แบกฟางไปยังคอกม้าในเมืองขับผ่าน เจ้าของเส้นผมสีแดงก็เดินข้ามถนน เดินผ่านหญิงสาวชนชั้นกลางที่เดินข้ามเหมือนกัน พวกเธอคุยกันเรื่องไร้สาระ อย่างฤดูนี้เป็นผักพันธุ์ไหนและเรื่องชู้สาวของใครบางคนที่ชื่อเออร์เมลินดา ชื่อนั้นไม่ได้มีความหมายกับบุ๊คแมนหนุ่มเท่าไหร่ แต่เธอดูเหมือนเป็นประเด็นร้อนในเมืองนี้อยู่ ชื่อของเธอหมายความว่า “อ่อนโยนไปหมด” แต่บางทีเธออาจจะเป็นเพียงคนเดินถนนที่อ่อนโยนเท่านั้น มันพูดยากและไม่ได้สลักสำคัญอะไร

    เสียงระฆังโบสถ์ดังก้องบ่งบอกเวลาบ่ายสาม เสียงนั้นดังสะท้อนในหัวเขา เขารู้ว่ามันต้องอยู่ใกล้ เมื่อโบสถ์นั้นมักจะอยู่ที่เดิมๆ เขาจำได้ไม่ชัดเจนว่ามันอยู่ตรงไหน เพราะสถานการณ์ที่อัปเซลกำลังเผชิญอยู่ในตอนนั้น แต่บุ๊คแมนหนุ่มก็มีความคิดดีๆอยู่

    เขาเงบหน้ามองไปยังอีกฟากถนนและ และดังคาด มันอยู่ตรงหน้านี้เอง เขามองเห็นยอดรูปปั้นโผล่พ้นกำแพงอิฐสูงมา เธอรูปร่างสูง ชุดกระโปรงหินพลิ้วไหวและเส้นผมหยักศกล้อมกรอบใบหน้า มือทั้งสองกุมสวดภาวนา ในขณะที่ปีกกางออกกว้าง มันคือรูปปั้นเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณใจกลางสุสานของโบสถ์ เขาต้องเข้าไปดูใกล้ๆ

    เขาเดินข้ามถนนและเดินไปทางช่วงเว้นของกำแพงที่ปูทางเดินจากด้านหน้าโบสถ์เข้าไป เขาหยุดเมื่อได้ยินเสียง คนสองคนและพวกเขาก็กำลังคุยกันเป็นภาษาอังกฤษด้วย

    เสียงแรกกำลังร้องห่มร้องไห้อย่างหนักและพยายามพูดทั้งน้ำตา เขากำลังคร่ำครวญกับบางคนที่ชื่อว่ามิรันด้าในขณะที่สาปส่งตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้ เสียงที่สองพยายามจะปลอบเขา พูดเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงเยอรมันชัดเจน

    เขาสนใจคู่ที่กำลังเศร้าโศกนี้ขึ้นมานิดหน่อย บุ๊คแมนหนุ่มเลี้ยวที่มุมก่อนจะชะงักนิ่งไป คนที่มาไว้อาลัยทั้งสองไม่ใช่แค่คนมาเยี่ยมหลุมศพธรรมดา พวกเขาเป็นเอ็กโซซิสท์ทั้งคู่ คนที่กำลังร้องไห้คือแวมไพร์ที่เขาเคยเห็นในสงครามครั้งสุดท้าย อีกคนเองก็หน้าคุ้นเช่นเดียวกัน ชาวเยอรมันนั้นคือคนที่ทำพิธีศพให้บาทหลวงเจมส์ ทั้งสองไม่ใช่คนที่ราวี่อยากจะเจอเลย

    บุ๊คแมนหนุ่มรีบหันหลังเตรียมกลับ แต่เขาก็ถูกจับได้ก่อนจะได้ก้าวเท้า เอ็กโซซิสท์ชาวเยอรมันสังเกตเห็นเขาเข้า

    อดีตและปัจจุบันมาบรรจบกันที่สถานที่หนึ่ง สามนามแฝงกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน บุ๊คแมนหนุ่มยืนอยู่ในอาณาเขตของเมืองที่เจริญในเยอรมันที่เขาเกือบจะตายครั้งแรก ในฐานะอัปเซล นามแฝงที่5 คนที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขาคือเอ็กโซซิสท์แวมไพร์ที่เขาเคยเจอผ่านๆ ก่อนหน้าที่นามแฝงที่49 ราวี่จะจบลง และตอนนี้ที่จ้องเขาอยู่คือเอ็กโซซิสท์ผมบลอนด์ที่เขาเคยเจอผ่านๆ ในหมู่บ้านเล็กๆ ของอังกฤษระหว่างในนามแฝงไร้ชื่อที่53

    รูปปั้นเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณที่ตั้งตระหง่ายทางซ้ายของเขาเชื่อมทั้งสามนามแฝงเข้าด้วยกัน สร้างเส้นด้ายแห่งโชคชะตาด้วยฝีมือของเทพธิดาเอง ถึงลำดับที่53จะเป็นนามแฝงปัจจุบันที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ลำดับที่ 5และ49 นั้นถือว่าตายไปแล้ว และเขาก็อยากจะให้นามแฝงปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่

    หนุ่มเยอรมันมองบุ๊คแมนด้วยความฉงน ถึงเขาจะเคยพบราวี่เมื่อครั้งที่เขาไปเยือนหมู่บ้านเล็กๆ ในอังกฤษ แต่เอ็กโซซิสท์ไม่ได้เห็นบุ๊คแมนหนุ่มจังๆ ในตอนนั้น ราวี่ที่ง่วนอยู่กับการกลมกลืนไปกับฝูงชน เขามีความสามารถในการไม่ให้ตัวเองเป็นที่สังเกตแม้รูปลักษณ์ภายนอกเขาจะไม่ใช่แบบนั้น

    และเมื่อสังเกตว่าคู่สนทนากำลังจ้องมองไปยังอะไรบางอย่าง โครรี่ก็กันหน้าไปมองตามและเกือบจะสะดุ้งตัวโยนเมื่อเห็นราวี่ “ผ- ผี!”เขาร้อง

    คำพูดของเขาทำให้ราวี่ตกใจ แม้มันจะให้โอกาสเขาโกหกออกไป “แบร่”เขาโบกไม้โบกมือเป็นวงกลมแปลกๆ อย่างลึกลับ เลียนแบบท่าทางนักแสดงเวลาแสดงเป็นผี

    ถึงโครรี่จะดูเชื่อปักอก แต่ชายชาวเยอรมันไม่ใช่ เขามองตาขวางมาทางชายหนุ่มผมแดงด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ประทับใจกับฝีมือการแสดงของอีกฝ่าย “นั่นไม่ใช่ผี โครรี่”

    โครรี่ยังคงนั่งอยู่ที่พื้น มือข้างหนึ่งพยุงตัวขณะที่นั่งพับเพียบ อีกมือหยึ่งยกขึ้นมาให้ตัวเองขบเล็บด้วยความประหม่า “ต- แต่ฉันเห็นเขาตายไปแล้ว เคอร์เบิล! เขาตายไปพร้อมกับโนอาที่เหลือ”

    คำกล่าวถึงโนอาทำให้เคอร์เบิลระวังตัวแจ เขาผุดลุกขึ้นยืนและคว้าคันธนูจากที่เก็บบนหลังเขา

    ราวี่เกร็งขึ้นมาชั่วครู่ เริ่มขบคิดเรื่องต่างๆ เต็มไปด้วยแผนหนีที่เป็นไปได้ ทุกอย่างตั้งแต่วิ่งหนีจนถึงโกหก เขาไม่ได้อยากจะเริ่มเล่นวิ่งไล่จับอีกครั้ง วิ่งกับศาสนจักรที่ไล่ตามเขาเหมือนเขาเป็นหนูสกปรก มันไม่ใช่วิถีชีวิตที่เขาอยากจะใช้ในนามแฝงอันอื่น เขามีสองนามแฝงแล้วที่ปะหน้ากับศาสนจักร และนามแฝงที่สามนี้ก็อาจจะเป็นเหมือนกันถ้าเขาวางตัวไม่ถูก

    และวิธีที่จะช่วยเขาก็คือกัดฟันโกหก “เดี๋ยว เดี๋ยว มันไม่จำเป็นนี่ จริงมั้ย?”เขาโบกมือนิ่งๆ

    “ทำไม?”เคอร์เบิลถาม

    “ง่ายๆ เลย จริงๆ นะ”ชายหนุ่มผมแดงตอบ “นายเคยได้ยินชื่อบุ๊คแมนมาก่อนมั้ย?

    หนุ่มชาวเยอรมันส่ายหัวในขณะที่ยังคงจดจ้องมาทางเจ้าของเส้นผมสีแดง

    “พวกเราเป็นนักประวัติศาสตร์”เขาอธิบายต่อ “เราสังเกตประวัติศาสตร์ขณะที่มันเกิดขึ้น ดูว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงและรอดูผลลัพธ์ อาจารย์ฉันอยู่กับพวกนาย และฉันอยู่ฝั่งตรงข้าม เรื่องมันก็เป็นแบบนั้น โอเค? ฉันเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ ไม่ใช่นักสู้”

    เขาเรียงร้อยถ้อยคำทั้งความจริงและคำโกหก เขาไม่ใช่นักสู้ อย่างน้อยนั่นคือความตั้งใจเขา แต่ดูเหมือนว่าตลอดบันทึก เขาถูกฉุดกระชากไปมา เข้าออกสนามรบ ถูกบังคับให้รักษาชีวิตของตัวจนพบกับจุดจบของตัวเอง แต่ ณ จุดจุดนี้ เขาโน้มน้าวตัวเองได้แล้วว่ามันเป็นความจริงทั้งหมด เขาแค่สู้ป้องกันตัว ไม่เคยทำร้ายใครก่อน

    เขาเคยมองผู้คนล้มตาย เพียงเฝ้ามองและไม่หวังจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ความเป็นจริงแล้ว ราวี่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง สร้างผลกระทบต่อผู้คนรอบตัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในบันทึกไหน คนรอบตัวมองเขาเป็นคนคนหนึ่ง ไม่ใช่เครื่องมือบันทึกเหตุการณ์ มันไม่ใช่การเข้าไปยุ่งโดยตรง แต่มันก็เพียงพอที่ทำให้โนอารุ่นใหม่รู้จักชื่อเขาและเรียกเขาว่าน้องชาย ราวี่หลายเป็นส่วนหนึ่งในประวัติของพวกเขา และในขณะที่เขาโกหกไปในบันทึกว่าเขาไม่เคยข้องเกี่ยว แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็รู้ว่าความจริงเป็นยังไง

    เขารู้ว่าเขาโกหกทุกอย่างไป บันทึกไปอย่างผิดๆ ทำบาปแห่งบุ๊คแมน แต่เขาก็ทำมันอยู่ดี ชายชรารู้แน่นอนว่าราวี่ปรับเปลี่ยนข้อมูล ปฏิเสธถึงอิทธิพลของเขาและความใกล้ชิดของตัวเองกับบันทึกชิ้นนั้น แต่ตาแก่ก็ไม่ได้พูดอะไรและปล่อยให้มันกลายเป็นความจริง อาจารย์เขารู้ว่าถ้าสภาสูงที่คอยกำกับดูแลกิจกรรมต่างๆ ของบุ๊คแมนทั่วโลกรู้เกี่ยวกับบันทึกลวงชิ้นนี้ บุ๊คแมนที่รับผิดชอบการบันทึกข้อมูลที่ผิดพลาดนี้จะถูกสังหารอย่างรวดเร็ว และประวัติศาสตร์ที่เขาเคยบันทึกก็จะถูกลบไปจากบันทึกโลก ชายแก่เสียเขาไปไม่ได้ แม้ลูกศิษย์เขาจะเป็นเด็กโง่ไปหน่อยก็ตาม

    “แล้วนายหวังให้ฉันเชื่อหรอ?”หนุ่มชาวเยอรมันขมวดคิ้วมุ่น

    “ใช่”ราวี่ตอบอย่างใจเย็น “นายจะถามโครจังตรงนั้นก็ได้ เขารู้จักตาแก่ของฉัน”

    ชายหนุ่มหันไปหาเพื่อนร่วมงานเขาที่ทำเพียงพยักหน้า

    “แล้วโนอาล่ะ?”เคอร์เบิลยังคงไม่ปล่อย

    “เกี่ยวอะไรกับพวกเขาล่ะ?”ราวี่ยักไหล่ “พวกเขาตายหมดแล้ว และเท่าที่ฉันรู้ พวกเขาจะไม่กลับมาอีก” อีกหนึ่งคำลวง เขาเริ่มบังคับทิศทางประวัติศาสตร์อีกแล้ว ความเป็นจริงแล้ว เขาอยู่ท่ามกลางพวกเขา สวมสร้อยคอซึ่งถักทอจากดาร์กแมทเทอร์ ท่านเอิร์ลมีรสนิยมด้านเครื่องประดับดีเหลือเกิน

    ชายหนุ่มชาวเยอรมันหน้านิ่ว ยังคงจ้องชายหนุ่มผมแดงตาขวาง เขาไม่แน่ใจว่าจะประเมินคนประหลาดตรงหน้าเขายังไง เขาดูไม่เหมือนโนอา แต่เขาก็ยังไม่เคยเจอโนอาตัวเป็นๆ เหมือนกัน

    “ต- แต่นายรอดมาได้ยังไง?”โครรี่พูดขึ้นมาในที่สุด แม้จะยังคงรู้สึกไม่สบายใจจากสถานการณ์ปัจจุบัน

    “บุ๊คแมนไม่บอกความลับของตัวเองหรอกนะ รู้มั้ย?”ราวี่ตอบพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย

    “แล้วทำไมนายถึงมาที่นี่?”เคอร์เบิลซักต่อ เขายังไม่ค่อยเชื่อในเรื่องเล่าของอีกฝ่าย แต่ด้วยการยืนยันถึงตัวตนของบุ๊คแมนจากโครรี่ เขาก็เปิดใจขึ้นมาหน่อยว่าราวี่กำลังพูดความจริง

    ราวี่ชี้นิ้วโป้งไปทางซ้ายของตัวเองไปยังรูปปั้นของเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณที่ตั้งตระหง่านอยู่ในสุสาน “ตามตำนานเกี่ยวกับรุปปั้นตรงนั้นมา มันน่าสนใจมากเลย รู้มั้ย? ทุกประเทศมีเรื่องที่คล้ายๆ กันเกี่ยวกับมัน แต่แน่นอนว่ามีต่างออกไปบ้าง ตามตำนานพื้นบ้านและศาสนา”ในที่สุดก็มีความจริงในคำกล่าวของเขา นั่นคือจุดประสงค์ของนามแฝงปัจจุบัน

    ชายหนุ่มชาวเยอรมันผ่อนคลายและปล่อยธนูมาไว้ข้างตัว ราวี่เองก็เช่นกัน ดีใจที่เห็นอีกฝ่ายไม่พยายามจะรัดคอเขาด้วยสายธนู

    “นายเป็นคนแปลก รู้ตัวมั้ย?”เคอร์เบิลแสดงความคิดเห็น

    “มีคนเคยบอกอยู่แหละ”ราวี่ยักไหล่ก่อนจะซุกมือกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง “นายพอจะรู้ตำนานเกี่ยวกับรูปปั้นชิ้นนี้มั้ย?

    เคอร์เบิลนิ่งไปก่อนจะตอบ “Ja(รู้)* แต่แค่นิดหน่อย เขาเล่ากันว่าเทพธิดาตัวน้อยสวดภาวนาต่ออูริเอลใช้เขามาช่วย แต่อูริเอลไม่ปรากฏตัว แต่เทพธิดาแห่งแสงสว่างปรากฏตัวแทนและทำให้คำขอเธอเป็นจริง”

    ตามความเชื่อของคริสเตียน อูรีเอลเป็นหนึ่งในเทพอัครสาวก จุดเด่นคือถือดาบเพลิงและลูกไฟในมือ ราวี่คิดได้แค่ว่าเทพธิดาแห่งแสงสว่างคือเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณตามตำนานอื่นๆ ท่านเอิร์ลดูจะยุ่งน่าดู แม้ราวี่จะคิดไม่ออกว่าทำไมทุกรูปปั้นถึงกล่าวถึงเทพธิดา เมื่อท่านเอิร์ล หรืออย่างน้อยก็คนก่อน เป็นผู้ชาย บางทีเขาอาจจะชอบแต่งหญิงก็ได้

    “เทพธิดาแห่งแสงนั่นดูจะตรงกับตำนานอื่นๆ”ราวี่พยักหน้า “เธอมีชื่อมั้ย?

    เคอร์เบิลส่ายหัว “เท่าที่ฉันรู้ไม่มี แต่บางคนก็เรียกเธอว่าอรุณ

    *Ja (ยา) เป็นภาษาเยอรมันแปลว่า Yes ในภาษาอังกฤษ หรือ ใช่ ในภาษาไทย แต่ในบทนี้เป็นการตอบรับว่า รู้ ครับ

     TBC...



    ll WORDS FROM WRITER ll

    ฉันอยากจะเชื่อว่ามันมีสภาบุ๊คแมนที่คอยปกครองดูแลบุ๊คแมนทุกส่วนไปยังทั่วโลกค่ะ มันคงไม่ได้มีนักประวัติศาสตร์แค่สองคนแน่ๆ ที่คอยบันทึกเหตุการณ์ทั่วโลก มันน่าเหลือเชื่อเกินไป


    ll TALK WITH TRANSLATOR ll

    ตอนหลังๆ นี่เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ เลยล่ะครับ ตอนนี้ก็เจ็ดหน้าแหนะ

    วันนี้มาอัพเร็วหน่อยเพราะนั่งว่างทั้งวัน 5555

    ก็ไว้พบกันใหม่ในตอนหน้านะครับ ^ ^

    Killer in the Dark Shadow

     

     

    TF:)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×