ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [AU Fic FFVII] Cream and Sugar หอมหวนกลิ่นนมและน้ำตาล (ฟิคแปล YAOI)

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 63


    Title: Cream and Sugar หอมหวนกลิ่นนมและน้ำตาล

    Story: CorvidKohai

    Translator: KITDS

     

    Chapter 1

    คลาวด์ไม่ใช่คนที่จะถูกซื้อความภักดีได้โดยง่าย

    เขาอุทิศให้กับคนเพียงไม่กี่คน ซึ่งก็มีเพียงแค่แม่ของเขา เธอเป็นคนที่คอยหนุนหลังเขามาตลอด เขาเองเลยจะทำแบบนั้นด้วย ตลอดไป ไม่มีสิ่งไหนที่เขาทำให้เธอไม่ได้ แต่ในทางกลับกัน เขาก็ยอมทำเพียงแค่ไม่กี่อย่างสำหรับคนที่แค่นแคะเขา ซึ่งนั้นก็เป็นส่วนมากของนิเบลไฮม์ ถ้าสมมติว่าหมู่บ้านไฟไหม้ไม่เหลือซาก เขาจะวิ่งเข้าไปช่วยเหลือแม่เขา แต่จะไม่สนใจคนอื่น และบางที ถ้าเขาเจอเธอระหว่างทาง เขาก็จะช่วยทีฟา ล็อกฮาร์ทด้วย แต่ถ้าเขาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว เขาคงจะไม่วิ่งกลับไปเพื่อช่วยเธอ เธอพูดจาดีกับเขาอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจเขาจริงๆ เขาก็เลยไม่สนใจเธอด้วยเช่นกัน

    มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เขาใส่ใจ เขาไม่ได้ปฏิบัติตัวกับคนอื่นแย่เป็นปกติ เขาเป็นคนสุภาพ และไม่ใช่คนที่จะยืนมองผู้บริสุทธิ์ถูกทำร้ายโดยไม่มีสาเหตุ แต่มันก็แค่นั้น ประเด็นคือหลังจากที่เขาย้ายมาอยู่ที่มิดการ์ แค่การดูแลตัวเองเขาก็เต็มกลืนเกินกว่าจะมีเวลาไปสนใจปัญหาของคนอื่นแล้ว

    เขามาที่มิดการ์ด้วยดวงตาเป็นประกายและความฝันที่อยากจะเป็นโซลเยอร์ แต่ปัญหาคือ ตอนที่เขาไปที่สำนักงานรับสมัคร เขาก็ถูกบอกมาว่าตัวเขาไม่อยู่ในเกณฑ์ ผู้รับสมัครเองก็งงเหมือนกันตอนที่บอกเขาว่าคนจากนิเบลไฮม์ไม่สามารถสมัครเป็นโซลเยอร์ได้ เหมือนมันจะมีปัญหาที่บอกว่าในบริเวณนั้นมีการปนเปื้อนที่ส่งผลอย่างรุนแรงต่อกระบวนการยกระดับคลาสโซลเยอร์ ทำให้พวกเขาไม่สามารถสมัครได้ ชายคนนั้นดูงุนงันมากตอนที่บอกข้อมูลนี้ให้เขารู้ เพราะเหมือนว่าเขาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน และค้นพบตอนที่มีข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอตอนที่เขากรอกข้อมูลของคลาวด์เพื่อลงทะเบียน

    เขาขอโทษกับปัญหาที่เกิดขึ้นและชวนเขาสมัครเป็นพลทหารราบแทน เงินเดือนมันอาจจะไม่มากเท่า และมันก็ไม่ได้วิเศษอะไร แต่มันก็เป็นวิธีที่จะทำให้ใช้ชีวิตในเมืองนี้ได้ดีกว่างานอื่นๆ ทางบริษัทจ่ายทั้งค่าอาหารและที่พักให้ เครื่องแบบเองก็จะได้รับจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้า ชินระจะดูแลเขาถ้าเขาตกลง คิดว่ายังไงบ้าง?

    แต่คลาวด์ก็ปฏิเสธไปทันที เขาใช้เวลาก่อนเดินทางโอ้อวดว่าเขาจะเป็นโซลเยอร์ เขารับไม่ได้แน่นอนถ้าตัวเองจะกลับไปในฐานะพลทหารราบ เขาต้องหาวิธีอื่นที่จะยิ่งใหญ่ อะไรที่น่าประทับใจเหมือนโซลเยอร์ เพราะเขาไม่สามารถเลือกทางเลือกแรกได้

    เขาขอบคุณผู้รับสมัครและจากมาอย่างรวดเร็ว

    เขาตามหาที่พัก แต่ก็ค้นพบว่ากระทั้ง “โรงแรมเล็กๆ” ข้างบนเพลตก็ราคาเกินจริงไปมาก พนักงานโรมแรมคนหนึ่งดูลังเล ก่อนจะยอมแพ้แล้วบอกเขาว่า ด้วยงบที่เขามี เขาคงหาได้แค่ที่พักใต้เพลตเท่านั้น คลาวด์ไม่ชอบสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ลงมาใต้เพลต

    สิ่งที่เขาไม่คาดคิดถึงกระทั่งใต้เพลตเองก็จะเกินงบเขาด้วยเหมือนกัน เขาไม่สามารถหาที่พักได้ เขาแทบจะไม่เหลือเงินสักกิลตอนที่เดินทางมาที่นี่ และเขาก็มีเงินไม่พอจะกลับขึ้นไปบนเพลต และเดินทางออกจากเมืองเพื่อตั้งแคมป์นอกเมือง สถานที่ที่เขาพอจะรู้วิธีดูแลตัวเอง แต่ไม่ ตอนนี้เขาติดอยู่ที่สลัมนี่ ไม่มีทางออกและไม่มีที่ไป

    สุดท้ายเขาก็มาจบลงที่ท่อร้างขนาดใหญ่พอจะสูงกว่าตัวเขา และนอนข้างในนั้น

    วันถัดมา เขาเดินไปทั่วพยายามหางานทำ แต่ก็ไม่มีใครจ้างเขา เขาพยายาม และพยายาม แต่ก็ไร้ซึ่งความสำเร็จ มันไม่ได้มีงานในสลัมมากขนาดนั้น และสำเนียงคนนอกเมืองอย่างเขาและอายุอ่อนวัยของเขาก็ไม่ช่วยเขาเลย ไม่มีใครยอมที่จะให้โอกาสเขา

    เขาไม่มีความสามารถที่เหมาะกับชีวิตในเมือง เขารู้วิธีการออกล่าและเก็บของป่า การใช้งานและคุณค่าของสมุนไพรมากมาย วิธีการถลกและฟอกหนัง แต่ในสลัมแบบนี้ไม่มีธรรมชาติที่เขาสามารถใช้ความสามารถพวกนี้ได้ เขาไม่อยากจะอ้อนวอนใคร ศักดิ์ศรีเขามันค้ำคออยู่

    สิ่งเดียวที่เขาคิดออกเพื่อหาเงินคือเกมถ้วยที่เขาเคยเล่นกับแม่ของเขา มันจะมีแก้วสามใบและของเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง ของนั้นจะอยู่ใต้ถ้วยหนึ่งใบ และก็ทำการสับถ้วยอย่างรวดเร็วเพื่อพยายามหลอกตา และผู้เล่นคนอื่นต้องเดาว่าแก้วไหนที่มีของอยู่ข้างใน เขาเรียกเงินหนึ่งกิลต่อครั้ง ด้วยรางวัลตอบแทนสองกิลถ้าพวกเขาชนะ มันต้องใช้มือที่ว่องไวเป็นอย่างมาก สิ่งที่แม่เขาเคยสอนคือวิธีการเล่นเกมที่ถูกต้องในฐานะคนสับแก้ว ในค่ำคืนฤดูหนาวของนิเบลไม่ค่อยมีอะไรให้พวกเขาทำสักเท่าไหร่ และเกมนี้ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้ฆ่าเวลาของพวกเขา เขาไม่เคยคิดมาก่อนมาจะต้องมาใช้มันในการเลี้ยงปากท้อง

    เขาทำเงินแบบที่พอจะถูไถไปได้ เหมือนว่ามันจะไม่ใช่เกมที่เล่นกันในเมือง ผู้คนเลยสนใจกับความแปลกใหม่ของเกม และเวลาที่คนหงุดหงิดกับการแพ้เกมและเล่นต่อไปจนกว่าคลาวด์จะยอมให้พวกเขาชนะก็ช่วยเขาได้ เขารู้ดีกว่าเงินหนึ่งกิลไม่ใช่เงินจำนวนมาก แต่มันก็เพิ่มขึ้นเร็ว และมันก็เป็นราคาที่ต่ำพอจะให้คนเล่นซ้ำไปมาเรื่อยๆ เนื่อกจากเป็นราคาที่รับได้

    เขาไม่มีแผนอะไร ความฝันใหญ่ของเขาถูกเททิ้งลงท่อตั้งแต่การตัดสินลงมาใต้เพลตของเขา เขาแทบจะมีเงินไม่พอกิน เขาไม่มีบ้าน มันไม่มีทางที่เขาจะขึ้นไปบนเพลตได้ เขาพักความเพ้อฝันไว้ และบอกกับตัวเองว่ามันแค่ชั่วคราว ว่าสุดท้ายเขาจะเจอทางออก

    มันรู้สึกเหมือนคำโกหกจากปากตัวเอง เขาผอมซูบเนื่องจากไม่พอกิน ถุงใต้ตาเขาก็เลวร้ายมาก มือเขาก็สั่นแทบจะตลอดเวลา และเขาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเพราะอะไร แต่มันทำให้เขาเล่นเกมถ้วยได้ยากขึ้น ตัวเขาสกปรกตลอดเวลา บางที ร้านอาหารบางร้านก็จะยอมให้เขาใช้อ่างในห้องน้ำทำความสะอาดเท่าที่จะทำได้ แต่มันก็ไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ เขาหิวน้ำ ตลอดเวลา เขามีอะไรไม่พอสักอย่าง บางครั้ง คนแปลกหน้าแบบที่ไม่ค่อยเจอก็จะให้เงินเขาเพิ่ม และเขาต้องพยายามอย่างมากในการที่จะทำตัวฉลาดโดยไม่ปฏิเสธมัน ทุกอย่างในตัวเองแหลกสลายลงไปกับเงินบริจาคพวกนี้ แต่ความจริงอันน่าเศร้าก็คือ เขาต้องการมัน

    คลาวด์บอกไม่ได้ว่าเขาอยู่ในสลัมนี่นานแค่ไหนแล้ว มันไม่มีพระอาทิตย์ที่คอยบอกเวลา และเขาก็ไม่มีนาฬิกาด้วย ในสลัมนี่ไม่มีช่วงจังหวะใดๆ ไม่มีกลางคืนที่แท้จริง เมื่อผู้คนมักจะเดินไปมาตลอดเวลาเพราะไม่มีพระอาทิตย์มาคอยบอกพวกเขาว่าควรนอนเมื่อไหร่ คลาวด์นอนตอนที่เขาเหนื่อย และตื่นเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เขาไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าเวลาอีกต่อไป บางครั้ง เขาก็ร้องไห้ ซ่อนตัวลึกอยู่ในท่อที่เป็นบ้านของเขา ด้วยความรู้สึกอดสูและทรมาน กับสิ่งที่เขาเป็น

    และมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นเขากำลังเล่นเกมถ้วย และมอบรอยยิ้มที่ดีที่สุดให้กับคนเล่น เขาโปรยเสน่ห์มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ขณะเล่นเกมเพื่อดึงดูดคนดู เขาพูดเร็วเพื่อดึงความสนใจของพวกเขา ทำให้การดูการสับถ้วยเป็นไปได้ยากขึ้น แว่บแรกเขาดูเหมือนกำลังสนุกกับตัวเอง ทุกวันเป็นแบบนี้ และมันก็ทำให้เขาเหนื่อยแทบขาดใจกับการแสดงออกแบบนั้น แต่มันก็ไม่ใช่อะไรแปลก เขาไม่ได้คิดว่ามันจะมีอะไรต่างไปจากเดิมในวันนั้น เพราะมันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปอีกแล้ว

    ยกเว้น ขณะที่เขากำลังพูดพล่ามพร้อมเลื่อนถ้วยไปมาก็มีเสียงหนึ่งขึ้นขัด “คลาวด์ สไตรฟ์?”

    มือของคลาวด์นิ่งไป เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมขมวดคิ้วมุ่น ไม่มีใครรู้จักเขาที่นี่ แม้กระทั่งคนพื้นเพในเขตนี้ก็รู้จักเขาแค่คลาวด์ เขาไม่เคยบอกนามสกุลให้ใครรู้ เขารู้สึกเย็นวาบไปหมด มันไม่น่าจะใช้คนจากนิเบลไฮม์ พวกเขาไม่น่ามาอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่ควรเห็นเขาในสภาพนี้ สิ่งที่เขากลายมาเป็นในปัจจุบัน

    พอเขามองไปรอบๆ เขาก็เจอกับทีฟา ล็อกฮาร์ท ที่กำลังมองมาทางเขาด้วยความตกใจ

    เขาหน้าซีดไปหมด

    เขาโยนเหรียญกลับใส่หน้าคนเล่นพร้อมบอกว่า “การแสดงจบแล้ว ทุกคน! ไว้มาลองใหม่ทีหลังนะ”

    เขาไม่สนใจที่จะเก็บข้าวของด้วยซ้ำ มันเป็นถ้วยที่ถูกทิ้งและลูกเต๋าที่เขาเจอในตรอกบนแผ่นไม้ เขาหาใหม่ได้ตลอดอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการไสหัวออกไปจากที่นี่ก่อนที่ทีฟาจะจับเขาทัน

    เขารีบวิ่งฉีกออกด้านข้าง เขารู้จักสลัมแห่งนี้ดี ทางหนีทีไล่ตามตรอกซอกซอย เขาสามารถสลัดเธอหลุดได้ และเขาก็วิ่งออกมาก่อนด้วย

    แต่สิ่งที่เขาลืมคิดไปคือความจริงที่ว่าเขาขาดสารอาหารและพักผ่อนไม่เพียงพอ และทีฟาก็ฝึกวิชากับซานกันมาเกือบทั้งชีวิต เธออยู่ในสภาพที่ดีกว่าเขามากโข และเธอก็ตะครุบเขาลงพื้นได้อย่างง่ายดาย

    เขาพยายามจะตะกายหนี แต่เธอก็พลิกตัวเขาหงายขึ้นอย่างไม่ลำบาก และคร่อมตัวเขาเพื่อจับเขาให้อยู่นิ่งและมือรวบข้อมือเขาไว้เหนือหัว ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็ดิ้นไม่หลุด สุดท้ายเขาก็ผ่อนแรงอย่างความเหนื่อยล้าและหอบแฮ่กจากการเคลื่อนไหวเพียงแค่นั้น เขาเบือนหน้าหนีและไม่สบตาหญิงสาว

    “เป็นนายจริงๆ ด้วย คลาวด์” ทีฟากล่าว น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความทึ่ง “เกิดอะไรขึ้นกับนาย?”

    “ดีใจที่ได้เจอหมือนกัน ทีฟา” เขาบอกด้วยน้ำเสียงขมขื่นและแข็งกระด้าง และสีหน้าก็ชัดเจนว่าเขาไม่ได้หมายความอย่างที่พูดเลยแม้แต่นิด

    “นายบอกว่านายจะเข้าร่วมกับโซลเยอร์นี่ ทำไมนายมาอยู่ใต้เพลตล่ะ? ทำไมถึงสภาพแย่แบบนี้? ทำไมนายต้องมาเล่นเกมถ้วยโง่ๆ นั้นแลกเงินด้วย?”

    เขาไม่อยากจะพูดออกไป แต่ก็ยอมรับออกไป “พวกเขาไม่รับคนจากนิเบลไฮม์เข้าโซลเยอร์ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”

    “แล้วนายก็เลยต้องมาเล่นเกมถ้วยนี่น่ะนะ?”

    คลาวด์หลับตาแน่น รู้สึกคลื่นไส้ด้วยความอับอาย

    “ฉันพยายามหาที่พักข้างบนเพลต แต่ฉันมีเงินไม่พอ ฉันเลยลงมาข้างล่างนี่ และฉันก็ยังมีเงินไม่พออยู่ดี ไม่มีใครจะจ้างฉัน และฉันก็ไม่มีเงินพอจะซื้อตั๋วกลับขึ้นไปข้างบนเพื่อเดินทางออกจากเมือง รู้สึกดีขึ้นรึยังที่รู้ว่าฉันล้มเหลวขนาดไหน?”

    ทีฟาถอยหลังนั่งทับส้นและปล่อยมือจากข้อมือชายหนุ่ม คลาวด์มองมายังหญิงสาวและรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด ความสงสารมันฉายอยู่บนใบหน้าของเธอ

    “คลาวด์ ฉันขอโทษด้วย มันไม่ควรเป็นแบบนั้นเลย”

    “แต่มันก็เป็นแบบนั้น และฉันไม่ต้องการความสงสารของเธอ ลุกจากตัวฉันและไปตามทางของเธอซะ”

    “... นายกินข้าวครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?”

    “เมื่อเช้านี้”

    “ไม่ หมายถึง ข้าวที่เป็นข้าวจริงๆ คลาวด์ ไม่ใช่เศษข้าว”

    คลาวด์หลบสายตาและไม่ตอบอะไร

    ทีฟาถอนหายใจและพูดขึ้น “นายมากับฉัน เราจะไปหาอะไรให้นายกิน”

    “ฉันไม่ต้องการความสงเคราะห์จากเธอ ทีฟา ฉันเอาตัวรอดได้”

    “ฉันรู้ว่าเราถูกสอนมาว่าการได้รับความสงเคราะห์มันทำให้รู้สึกแย่ แต่เราก็ถูกสอนมาเหมือนกันว่าต้องดูแลพวกพ้อง ฉันทิ้งนายไว้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”

    คลาวด์แค่นเสียงหัวเราะเสียงดัง

    “เธอไม่เคยมองฉันเป็นพวกพ้องมาก่อน มาเริ่มเอาอะไรตอนนี้? แค่เพราะเรามาจากหมู่บ้านเฮงซวยเหมือนกันน่ะเหรอ? ไสหัวไปซะ ทีฟา”

    “คลาวด์ นายเป็นเพื่อนฉัน” ทีฟาเอ่ย จริงใจและเกือบเจือด้วยความร้าวใจ “นายเป็นมาตลอด ฉันรู้ว่าฉันเป็นเด็กที่แย่ และฉันก็เสียใจมาตลอดตั้งแต่โตพอจะรู้ว่าฉันมันเอาแต่ใจขนาดไหน ให้ฉันได้ชดใช้เถอะนะ”

    “เราไม่ใช่เพื่อน เธอไม่เคยอยากเป็นเพื่อนฉัน เธอมีเพื่อนของเธอเอง เธอเลือกไปหาพวกเขาหลังเหตุการณ์นั้น และเธอก็ปล่อยให้พ่อเธอซ้อมฉันปางตายจากการพยายามจะช่วยเธอ เราต่างรู้ดีว่าฉันช่วยเธอ ไม่ว่าพ่อเธอจะคิดว่ายังไง และเธอก็ไม่เคยพูดอะไรออกไปเลย”

    เขารู้สึกได้ว่าเธอกระทบจากคำพูดนั้น และเขาก็ยังไม่ยอมมองหน้าเธอ

    “ฉันคงไม่ทำสัญญาอะไรกับนายแน่ถ้าฉันไม่คิดว่านายเป็นเพื่อนฉัน อย่างที่ฉันบอก ฉันเป็นเพื่อนที่แย่ แต่ฉันกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ สิ่งที่ฉันทำได้คือปฏิบัติตัวกับนายให้ดีในตอนนี้ และนั่นก็เริ่มจากการหาอะไรให้นายกิน”

    เธอลุกออกจากตัวเขา และยื่นมือมาช่วยพยุงเขาลุกขึ้น ชายหนุ่มมองมือนั้น มองเลยขึ้นไปยังหญิงสาว และลังเล

    มันฟังดูดี ที่เธอบอกว่าอยากจะคืนดีด้วย ว่าเธอจะช่วย และเธอจะปฏิบัติตัวกับเขาดีขึ้น แต่เขารู้ดีจากประสบการณ์ คนเดียวที่ใส่ใจเขาจริงๆ มีเพียงแม่เขา ถ้าพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันโดยสายเลือก เขาก็ไม่สามารถคาดหวังอะไรจากใครได้

    เขาปัดมือเธอทิ้งและลุกขึ้นด้วยตัวเอง

    เขาเริ่มเดินหนี แต่หญิงสาวก็คว้าข้อมือเขาไว้

    “คลาวด์ หยุดดื้อดึงซะที ให้ฉันช่วยเถอะ”

    “เธอคงอยากจะช่วยฉันเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นเท่านั้นแหละ ฉันไม่อยากได้ความสงเคราะห์ ทีฟา และฉันก็ไม่อยากได้ความสงสารจากเธอด้วย ไปซะ”

    “พอกันที” เธอบอก ก่อนจะคว้าเอวเขาและอุ้มเขาไพล่บ่า

    เขาต่อสู้ และขัดขืน และดื้นรน เขาโวยวายไม่หยุด แต่ไม่มีใครสนใจ เขาตัวเบาพอจะอุ้มจากการขาดสารอาหาร และเธอก็แข็งแรงพอจากการฝึกฝนของเธอที่เธอสามารถอุ้มเขาได้สบายๆ แม้ว่าเขาจะดิ้นไม่หยุด เขาหวังว่าจะมีใครเข้ามาขัดขวางแทนเขาจากการที่เขาแสดงชัดเจนว่าเขาไม่ได้ยอมให้อีกฝ่ายอุ้ม แต่มันก็เป็นแค่หวังลมๆ แล้งๆ ที่นี่คือสลัม และผู้คนก็สนใจแต่ปัญหาของตัวเองที่นี่ มันเป็นสิ่งที่ควรทำถ้าไม่อยากเป็นผู้เคราะห์ร้ายรายต่อไป

    เธออุ้มเขาขึ้นบันไดที่พาไปยังบาร์สักอย่างก่อนจะโยนเขาลงบนเก้าอี้ หญิงสาวชี้หน้าเขา

    “อยู่นิ่งๆ ฉันจะมัดนายกับเก้าอี้แน่ถ้าจำเป็น” เธอขู่ก่อนหันหน้าไปข้างๆ โดยไม่ละสายตาจากเขาและตะโกน “บาเร็ต!

    มันมีเสียงขลุกขลัก และเครื่องพินบอลก็โผล่มาจากรอยแยกบนพื้นโดยมีชายร่างใหญ่มาพร้อมกับมัน

    “มีอะไร... ทีฟา เธอจะพาคนจรจัดกลับมาบ้านไม่ได้นะ”

    “เขาเป็นเพื่อนเก่าต่างหาก บาเร็ต”

    “แล้วทำไมหมอนั่นถึงมองหน้าเธอเหมือนอยากจะต่อยเธอให้ได้เลยล่ะ”

    “เขาแค่ดื้อด้านเหมือนทุกทีนั่นแหละ ดูเขาให้หน่อยได้ไหม? ฉันต้องหาอะไรให้เขากินหน่อย”

    บาเร็ตยักไหล่ แต่ก็เดินมาและนั่งลงบนโต๊ะด้านหน้าคลาวด์ที่ส่งเสียงขู่ บาเร็ตดูไม่ประทับใจ เขากอดอก ทีฟากลอกตาและเดินหายไปหลังบาร์

    “แล้ว นายรู้จักทีฟาได้ยังไง?” บาเร็ตเริ่มถาม

    “ไม่ต้องมายุ่ง”

    บาเร็ตมุ่ยหน้าใส่เขาก่อนกล่าว “นายหยาบคายแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?”

    “ฉันไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่ เธอรู้ดี ถ้าเธอไม่ใช่เด็กเวร เธอก็คงปล่อยฉันไปแล้ว”

    “เธอไม่ใช่เด็กอะไรทั้งนั้น นายได้มองสารรูปตัวเองบ้างหรือเปล่า? นายแห้งเป็นหนังหุ้มกระดูกเลย จากมุมฉัน เหมือนว่าเธอกำลังช่วยนาย โดยการไปหาอะไรให้นายกินอยู่นะ”

    “ฉันไม่ได้ต้องการความสงเคราะห์จากเธอ ฉันบอกเธอแล้ว แล้วก็บอกให้เธอไสหัวไปด้วย”

    “มันไม่ใช่ความสงเคราะห์ มันเรียกว่าทำดีด้วยต่างหาก นายก็ควรลองทำดูบ้างนะ”

    “ช่างหัวนายสิ”

    คลาวด์ขยับหมายจะลุก และลุกพ้นเก้าอี้ไปได้ครึ่งก้นแล้ว ก่อนบาเร็ตจะผลักเขากลับไปนั่งตามเดิมด้วยแรงที่มากพอจนเก้าอี้เกือบหงายหลัง

    “นายอยู่นิ่งๆ เลย”

    “สนทำไม? นายไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ”

    “เพื่อนฉันขอให้ดูให้นายอยู่ที่นี่ ฉันก็จะทำแบบนั้น นอกจากเรื่องนั้น นอกจากปากคอเราะร้ายของนาย นายดูแย่มากจริงๆ ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายออกไปง่ายๆ แน่ต่อให้ไม่ต้องนอนก็ตาม”

    “ฉันไม่สนว่านายจะได้นอนไหมหรอกนะ ให้ฉันไป

    “ฝันไปเถอะ นายมีปัญหากับความสงเคราะห์จากชาวบ้านหรือไง? ทำงานใช้คืนซะสิ”

    “...อะไรนะ?”

    “นายได้ยินฉันนี่ เราจะหาอะไรให้นายกิน ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง นายก็ล้างจานหรือทำอะไรตอบแทนซะ”

    คลาวด์นิ่งไป คิ้วขมวดเข้าหากัน เขาพูดถูก ดูท่าแล้วพวกเขาคงไม่ปล่อยคลาวด์ไปแน่ ถ้าน้อยถ้าเขาช่วยอะไรบ้าง เขาก็พอจะกู้คืนศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่ของตัวเองได้บ้าง

    “ก็ได้”

    หลังจากนั้นพวกเขาต่างนั่งกันท่ามกลางความเงียบจนทีฟากลับออกมาพร้อมอาหารจานใหญ่ มันเป็นมื้ออาหารพื้นเมืองของนิเบลไฮม์ และมันก็ทำคลาวด์ปวดใจเมื่อท้องเขาร้อง หญิงสาวมองระหว่างพวกเขาด้วยความสงสัยในความเงียบ แต่เธอก็วางอาหารลงตรงหน้าคลาวด์

    คลาวด์ลงมือกินอาหาร แต่ก็ค่อยๆ กิน เขาเป็นเด็กนิเบลไฮม์ และเขาก็ผ่านฤดูหนาวที่ยากลำบากมามากพอจะรู้ว่าถ้ากินเร็วเกินไปตอนท้องว่างมานานจะทำให้ตัวเองรู้สึกแย่แทน เขาค่อยๆ กิน ทีละคำพอเหมาะ แต่ก็กินจนเรียบ ทีฟานั่งตรงข้ามเขา มองเขาตลอดเวลา ขณะที่บาเร็ตมองหญิงสาวต่ออีกทอด ทุกคนทำหน้าบึ้งตึงยกเว้นคลาวด์ที่สนใจกับอาหารตรงหน้าเกินกว่าจะสนใจ

    ในที่สุดจานก็สะอาดและคลาวด์ลุกขึ้นยืนพร้อมจานในมือ

    “ครัวอยู่ไหน? ฉันจะล้างจาน”

    ทีฟามองประเมินเขา ใจหนึ่งเธออยากปฏิเสธเขา เพราะเขาดูเหนื่อยขาลากเอามากๆ และเหนื่อยมาสักพักใหญ่แล้ว แต่เธอก็ลุกขึ้นและพาเขาไปที่ครัว รู้ว่าศักดิ์ศรีชาวนิเบลของเขาคงไม่ยอมกินฟรีแน่ เธอยืนกอดอกพิงกำแพงมองเขาล้างจานอย่างเงียบงันและช่างใจ

    “นายพักอยู่ที่ไหน?” เธอถาม

    “ไม่ใช่เรื่องของเธอ”

    “นายไม่ได้นอนข้างทางใช่ไหม?”

    “ไม่...เชิง”

    เขาอยู่ในท่อ ใม่ใช่บนถนน ขอบคุณ

    “อยู่ที่นี่สิ เราหางานให้นายทำได้”

    เขาชะงัก มือจุ่มอยู่ในน้ำสบู่และหันมองข้ามไหล่มายังหญิงสาว เขาปิดน้ำและเช็ดมือจนแห้งก่อนหันกลับมา

    “ทำไม?”

    “เพราะเราจะดูแลเพื่อนพ้องของเรา ฉันไม่ยอมปล่อยนายข้างทางเพื่อไปอดอยากดิ้นรนหรอก แบบนี้มันก็ไม่ใช่การสงเคราะห์อะไร คิดว่าเป็นงานพร้อมที่พักแล้วกัน ชินระก็คงให้นายแบบนั้นเหมือนกันนี่ ใช่ไหม? นายรับจากชินระได้ แต่จากฉันไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?”

    คลาวด์มองเธออย่างจดจ่ออยู่นาน ก่อนจะพยักหน้า

    “ตกลง แล้วฉันต้องทำอะไร?”

    ทีฟาเบ้หน้า ก่อนจะถอนหายใจและปัดผมที่ปรกหน้าออก

    “มัน เอ่อ เรื่องมันยาว ฉันจะบอกนายพรุ่งนี้เช้า”

    “เธอบอกฉันตอนนี้ ถ้าไม่อยากให้ฉันเดินออกไปจากที่นี่”

    ทีฟาขมวดคิ้ว แต่รู้ว่าเขาเป็นคำพูดคำไหนคำนั้น เธอสามารถอุ้มเขาพาดไหล่ไม่ให้เขาหนีได้ แต่ก็จะไม่มีอะไรหยุดเขาไม่ให้หนีไปตอนกลางคืน

    “ฉันเป็นส่วนหนึ่งของอวาลานช์ นายเคยได้ยินชื่อนี้ไหม?”

    คลาวด์หรี่ตาลงพร้อมพยักหน้า แน่นอน เขาเคยได้ยิน ทุกคนใต้เพลตเคยได้ยินทั้งนั้น

    อวาลานช์เป็นกลุ่มที่แปลกมาก เป็นเหมือนแกงค์ แต่มีจริยธรรม พวกเขาทำหลายอย่างที่เหมือนที่ ดอน คอร์นีโอ แต่ใช้ผลประโยชน์ที่ได้มาในทางที่ดี พวกเขามีสถานบำเริงสองแห่งที่แข่งกับโรงแรมฮันนี่ บี พวกเขามีเส้นสายในธุรกิจหลายแห่ง ส่วนมากเป็นบาร์ แต่ธุรกิจส่วนมากพวกนั้นเป็นแค่ฉากหน้าสำหรับรายได้ส่วนมากของพวกเขา

    พวกเขาขายมาโกะใต้ดิน

    พวกเขาไม่เคยผลิตมาโกะด้วยตัวเอง ไม่ได้จ่ายเงินให้ชินระเพื่อผลิตมัน พวกเขามีพวกรักโลกมากเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้ พวกเขาขโมยมันจากชินระระหว่างการขนส่ง และขายเป็นสารเสพติด มาโกะเป็นของอันตราย มันต้องฉดีดเข้าร่างกายอย่างเดียว และปริมาณตัวยาก็ยากจะวัด มากไปทำให้ป่วยอย่างไม่มีทางเลือก น้อยไปก็ไม่เกิดผลอะไรเลย ไม่มีใครรู้ว่าโซลเยอร์ต้องรับมันเข้าไปมากน้อยแค่ไหน แต่คนส่วนมากก็เดาว่าปริมาณมากพอที่จะทำให้อาเจียนไม่หยุดได้ แต่ไม่มีใครที่ใช้ปริมาณมากขนาดนั้นสำหรับเสพเพื่อความบันเทิง

    แต่ในปริมาณน้อยๆ มาโกะเป็นของวิเศษ มันทำให้รู้สึกดีกว่าสิ่งใด ทำให้มีความสุขจนความสุขตามธรรมชาติแทบจะเป็นความรู้สึกเฉยชา แค่ครั้งเดียวและชีวิตก็พัง คุณจะไม่สามารถเพลิดเพลินกับอะไรได้อีกจนกว่าจะเสพมันอีก ไม่ต้องบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่ติดง่ายมากๆ ไม่มีใคร “ลอง” กับมาโกะ ไม่ว่าใครจะพูดอะไร เมื่อได้ลองครั้งหนึ่งแล้ว คุณจะติดมันไปทั้งชีวิต คนส่วนมากจะเสพมันให้ปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ ตามหาความสุขสมที่มากกว่าเดิม ซึ่งก็ทำให้พวกเขาป่วย และมักจะเสพเกินขนาดจนเกิดอาการมาโกะเป็นพิษ และก็จะขยับไม่ได้ กระทั่งกะพริบตา แม้แต่คลาวด์ที่เคยชั่งใจอยากลองเพื่อทำให้อารมณ์ดีขึ้น ก็ยังไม่กล้า ไม่กับผลกระทบที่จะตามมา เพราะมันไม่คุ้ม

    คลาวด์ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาอยากจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจแบบนี้ จริงอยู่ว่าอวาลานช์ใช้เงินที่มาช่วยในการล้มชินระและหยุดการผลิตมาโกะ เพื่อโลกที่ดีขึ้น มันเป็นทางที่เขาพอจะยอมรับได้ แต่เขาไม่ชอบความคิดที่จะช่วยให้บางคนตายเร็วขึ้น

    แต่เขาก็หยุดคิด เขาคิดว่าเขาคงไม่สนใจเท่าไหร่ ถ้าคนอยากจะเสพมาโกะ พวกเขาก็ตามหามันอยู่ดี ไม่ว่าเขาจะช่วยหรือไม่ จริงอยู่ว่าเขาช่วยอวาลานช์ แต่ไม่ว่าจะมีเขาอยู่หรือไม่พวกเขาก็ประสบความสำเร็จอยู่ดี มันไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไร ยกเว้นเรื่องความเป็นอยู่ของตัวเขาเอง และเท่าที่เขาสนใจ เขามีคนเพียงแค่สองคนที่ต้องดูแล แม่เขาและเขา และมันก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเองด้วย

    “ได้” คลาวด์ตอบไปในที่สุด “อยากให้ฉันทำอะไร?”

    เยี่ยมไปเลย” ทีฟาเอ่ย ใบหน้าเผยถึงความโล่งใจ “เรากำลังจะเปิดร้านกาแฟ นายจะทำงานเป็นบาริสต้าที่นั่น เป็นหน้าร้าน ฉันคิดว่าเราคงไม่ได้ทำธุรกิจจริงของเรามากเท่าไหร่ แต่นายจะไม่ได้บริหารร้านคนเดียวแน่นอน จะมีคนช่วยนายดูแล นายจะเป็นคนดูแลหน้าร้าน และจะมีคนมาสั่งของนายด้วยรหัสลับหรือทำท่าลับบางอย่างที่บอกว่าพวกเขามาซื้อมาโกะ จากนั้นให้นายส่งพวกเขาไปหลังร้าน นายไม่ต้องเป็นคนคุยธุรกิจเองถ้านายไม่อยากทำ จนกว่านายจะบอกตกลง นายก็จะเป็นแค่บาริสต้าธรรมดา”

    คลาวด์นิ่งไป ก่อนจะถอนหายใจ ยีผมตัวเอง และพยักหน้า

    “ตกลง ฉันเอาด้วย ให้ฉันเริ่มงานเมื่อไหร่?”

    “เราจะเปิดร้านในอีกประมาณหนึ่งเดือน จนกว่าตอนนั้น นายจะทำงานที่เซเว่น เฮเว่น (Seventh Heaven หรือ สวรรค์ชั้นเจ็ด) กับฉันไปก่อน พอได้ไหม?”

    “ได้อยู่ แล้วฉันพักที่ไหน?”

    “มันมีห้องพักอยู่ชั้นบนของร้าน ฉันพักอยู่ที่นั่น นายต้องไปเอาของจากที่พักก่อนหน้านี้ไหม?”

    คลาวด์หัวเราะเสียงแห้งและชี้ตัวเอง

    “ฉันดูเหมือนมีของสำคัญอะไรไหมล่ะ?”

    ทีฟาถอนหายใจ แต่ก็ตอบไป “คิดว่าไม่”

    “ก่อนอื่นเลย” คลาวด์พูด “พวกเธอมีห้องอาบน้ำไหม? ฉันอยากอาบน้ำจะตายแล้ว”

    ทีฟามองเขาเศร้าๆ จนเหมือนสงสาร แต่ก็ไม่พูดอะไรไม่เข้าหูเขาคราวนี้ เพราะเธอแค่บอกทางเขาไปพร้อมยื่นชุดเก่าของบาเร็ตและผ้าเช็ดตัวสำรองให้เขา เขาแทบจะก้าวกระโดดไปหามัน

    เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานานที่ทุกอย่างเริ่มดูดีขึ้น

    TBC...


    ll TALK WITH TRANSLATOR ll

    สวัสดีครับผม

    สำหรับผู้อ่านที่เคยเจอกันครั้งแรก ยินดีที่ได้รู้จัก ผมพาร์ทนะครับ 

    สำหรับผู้อ่านที่เคยพบเจอกันมาก่อนสักเรื่องหนึ่ง ยินดีต้อนรับสู่ฟิคแปลเรื่องใหม่ของผมครับ ^ ^

    Cream and Sugar (ชื่อย่อ CnS) ตอนนี้เป็นเหมือนอารัมภบทแสนยาว (?) ก่อนที่คลาวด์จะได้เป็นบาริสต้าของร้านกาแฟครับ ค่อนข้างน่าหดหู่ไปสักนิด แต่หลังจากนี้เรื่องจะเบา (หวังว่า) กว่านี้เยอะมากเลยล่ะครับ สำหรับตัวละครอื่นๆ ก็ลองเดากันดูนะครับว่าจะมีใครโผล่มาหรือถูกพูดถึงใน AU นี้บ้าง 

    อย่างที่ได้บอกในหน้าบทความ เรื่องนี้ความยาว 8 ตอนเท่านั้นครับ ไม่ได้ยาวมาก แต่ก็พอจะจุใจได้บ้าง และผมก็จะทำการอัพเรื่องนี้สลับไปกับอีกสองเรื่องครับ ลำดับการอัพตามปกติผมจะเป็น  Sunbeams > TNB > CnS ตามนี้ครับ ส่วนอาทิตย์นี้เป็นข้อยกเว้น เพราะผมจะได้เอาลิงก์ไปโปรโมทในฟิคแปลเรื่องอื่นเพื่อผู้อ่านในเรื่องอื่นจะสนใจด้วยได้----

    ก็หวังว่าจะชอบกันกับตอนนี้นะครับ แล้วก็ใครมีคำติชมอะไรพร้อมน้อมรับเสมอเช่นเคยครับ สามารถทักระบุจุดมาได้เลย ^ ^

    จนกว่าจะพบกันใหม่ในตอนหน้า

    ด้วยรัก

    พาร์ท

    Killer in the Dark Shadow

     

     

     

     


    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×