คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1: Alone (ตัวคนเดียว)
Title: The Noah’s Bookman
2: The Dawn Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา
ภาค เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ
Story: Saturnalius
Translator: KITDS
Chapter 1: Alone (ตัวคนเดียว)
เขามาเยือนยามค่ำคืน ไม่มีใครรู้เวลาแน่ชัด ไม่มีใครได้ยินเขาเข้ามา แต่เขาอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน ชายหนุ่มยืนบนบันไดปีนหยิบป้ายที่เพิ่งวาดเป็นรูปหนังสือเสร็จมาหมาดๆ
มาแขวนเหนือประตูหน้าร้านเขา ร้านนี้ถูกปล่อยร้างไว้ตั้งแต่เจ้าของคนเก่าเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน ชาวบ้านก็ไม่มีเงินพอที่จะซื้อมัน แต่เหมือนชายปริศนาคนนี้จะมี
เขาเรียกความสนใจจากผู้คนรอบๆ ส่วนมากเป็นหญิงสาวและเด็กสาวแรกรุ่น เด็กชายบ้างนิดหน่อยและผู้ชายในจำนวนที่น้อยกว่า ชายส่วนมากในหมู่บ้านตอนนี้ออกไปทำงานใช้แรงเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว มันเป็นเมืองชนชั้นทำงานธรรมดาเมืองหนึ่งในอังกฤษ ค่อนข้างจนและเล็ก แต่ก็ยังมี
ความน่าสนใจ บ้านเรือนตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ราบของเมือง ใกล้ๆ กันนั้นเป็น
เนินเขาที่มีป่ารกทึบ และทะเลสาบที่อยู่ไกลข้ามไปอีกฝากของเนินเขา
ใจกลางเมืองเป็นโบสถ์ขนาดเล็กมุงหลังคาด้วยไม้ และมีกางเขนประดับอยู่ที่ยอดหลังคา
“นายรู้ว่าพวกเราอ่านหนังสือไม่ออกใช่มั้ย?”
ชายแปลกหน้าหันมาตามเสียง เส้นผมของเขาตัดสั้นไม่เสมอกันสีแดงสดตัดกับผ้าปิดตาสีดำสนิทและดวงตาสีเขียวสว่าง เสื้อผ้าที่เขาสวมนั้นธรรมดา เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสีขาวและบู๊ททรงสูง
“อื้อ” เขาพยักหน้าพลางปืนลงไปบันไดเพื่อลงมายืนระดับเดียวกับคนมุง เขามองไล่กลุ่มคนที่เขาดึงดูดมาเงียบๆ ทีละคน ไม่มีใครที่ดูเนี๊ยบ เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน บางคนดูเหมือนป่วยด้วยโรคอะไรบางอย่างหรือบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือก็ดูโทรม
“ฉันมาเพื่อสอนพวกนายให้อ่านออก”
เขาเผยรอยยิ้มพร้อมเอียงหัวเล็กน้อยเป็นการเชิญชวนให้ทุกคนเข้ามาใกล้ๆ สำเนียงของเขาไม่เหมือนที่คนในหมู่บ้านเคยได้ยินมาก่อน แม้กระทั่งรูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็ทำให้ชาวบ้านรู้ว่าเขาไม่ใช่คนแถวนี้ และในเมื่อคนในหมู่บ้านนั้น ไม่เคยมีใครที่ออกเดินทางไกลไปกว่าเมืองใหญ่ที่ใกล้ที่สุด พวกเขาเลยไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายมาจากไหน แต่รอยยิ้มที่เขามอบให้นั้นดูเชิญชวนและดึงดูดอย่างน่าประหลาด “หรือจะให้สอนเลข ประวัติศาสตร์
หรืออะไรก็ได้”
“สอนพวกเราเรอะ?”
หญิงสาวคนหนึ่งแค่นเสียง เธออยู่กับลูกๆ
ของเธอที่ต่างมอมแมมจากการเล่นฝุ่นและพากันจับกระโปรงเธอแน่น เด็กๆ ในเมืองนี้นั้นมีของเล่นให้เล่นน้อยมาก พวกเขาเลยต้องประยุกต์ตามสถานการณ์และหันมาเล่นด้วยกัน พากันวิ่งเตะฝุ่นรอบเมืองแทน “เราไม่มีเงินพอจะจ้างครูหรอกนะ”
แม้พวกเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าค่าจ้างนั้นราคาเท่าไหร่ แต่ผู้ปกครองในเมืองก็รู้ดีว่าพวกเขามีเงินไม่พอ มันเป็นเรื่องของคนรวย ของพวกชนชั้นสูง
“เงินไม่ได้มีค่าอะไรกับฉันนักหรอก”
ชายแปลกหน้าบอกพร้อมยักไหล่
เขาไม่จำเป็นต้องใช้มัน และปกติแล้วมันก็พามาแต่ปัญหาด้วย อีกอย่าง
เขามีมากพอจะจ่ายค่าร้านด้านหลังเขา
และมันก็เพียงพอกับที่เขาต้องการแล้ว
การแลกเปลี่ยนจะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับที่เหลือเอง “สิ่งที่ฉันขอเป็นสิ่งตอบแทน
คือของใช้กับข้อมูลต่างๆ เท่านั้น”
ผู้คนหันไปมองหน้ากันและกันด้วยความสงสัย เหมือนพวกเขาไม่รู้ว่าจะประเมินคนตรงหน้ายังไง เขามาที่หมู่บ้านแห่งนี้อย่างเป็นปริศนา และเสนอสิ่งที่พวกเขาต่างคิดว่าเป็นไปไม่ได้ และบางทีมันอาจจะยังเป็นแบบนั้นอยู่
“แล้วเด็กผู้หญิงอย่างเราล่ะ”
หนึ่งในนั้นเอ่ยพร้อมขมวดคิ้ว
เธอน่าจะอายุประมาณสิบสอง ผมสีน้ำตาลรวมเป็นหางม้าต่ำ ผื่นคันขึ้นชัดบนใบหน้าซีกซ้าย เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอจะไปได้อะไรจากการเรียนหนังสือ? สุดท้ายแล้วเธอก็จะโตไปเป็นแม่บ้านและเป็นแม่คนในที่สุดอยู่ดี และสุดท้ายก็คงจะตายจากความยากลำบากในการคลอดลูก
ชายแปลกหน้ายักไหล่ “ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
ฉันจะสอนเฉพาะคนที่อยากฟัง” คำตอบเขาสร้างความประหลาดใจให้กับคนอื่นๆ ไม่มีใครเคยใส่ใจพอที่จะมาสอนผู้หญิงอย่างพวกเธอ ในเมื่อพวกเธอมักจะถูกมองว่าอยู่บ้านเป็นแม่บ้าน ไม่ใช่นักวิชาการ
“ข้อมูลแบบไหน?”
หญิงสาวที่มาพร้อมกับลูกถามอีกครั้ง เขาเริ่มจะทำให้เธอสนใจแล้ว น้ำเสียงของเธออ่อนลง เปลี่ยนจากสั้นห้วนเป็นอะไรที่ฟังดูเป็นมิตรมากขึ้น แม้จะยังมีความไม่มั่นใจอยู่ในน้ำเสียง แต่ก็มีความหวังอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน ถ้าลูกของเธอได้เรียน บางทีมันอาจจะพาพวกเขาไปยังชีวิตที่ดีและเต็มพร้อมกว่านี้
“ตำนาน นิทานพื้นบ้าน
เรื่องที่เล่าต่อๆ กันมารุ่นสู่รุ่น” เขาตอบพร้อมล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงขณะที่ขยับบู๊ทโยกตัวไปมา รอยยิ้มนั้นคงอยู่บนใบหน้า มองผู้คนผ่อนคลายลง พวกเขาคุยง่ายและถูกชักจูงได้โดยง่าย ราคาค่าเรียนก็ธรรมดาพอ มันเป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้แน่นอน
“ฟังนะ ฉันเป็นนักประวัติศาสตร์ เดินทางไปรอบโลกเพื่อเก็บรวบรวม ตำนาน เรื่องเล่าปรัมปรา จดบันทึกเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครสนใจจะจด”
นักประวัติศาสตร์คนนี้คือบุ๊คแมน
ผู้ที่ตามล่าความจริงและประวัติศาสตร์ที่ก่อให้เกิดตำนาน ตลอดสองปีที่ผ่านมา เขาเดินทางไปทั่วยุโรป เก็บเกี่ยวข้อมูลและเปรียบเทียบความแตกต่างของตำนานในแต่ละพื้นที่ เขาตามเจอจุดร่วมของแต่ละอันแล้ว และจุดร่วมนั่นก็พาเขามาที่นี่
“คุณชื่ออะไรคะ?”
เด็กสาววัยละอ่อนเอ่ยถาม เส้นผมสีบลอนด์ของเธอมัดเป็นสองเปีย
“เรียกฉันว่าบุ๊คแมน”
เขาตอบ
+++
ห้าปีก่อน เรื่องราวทุกอย่างได้จบลง
สงครามระหว่างโนอาและเอ็กโซซิสท์กลายเป็นการปะทะกันเต็มรูปแบบที่สวนหลังบ้านของพ่อขุนนาง
ชัยชนะนั้นดูราวกับอยู่ในกำมือของฝ่ายโนอา จนกระทั่งแขกที่ไม่คาดฝันปรากฏตัวขึ้น
เนีย โนอาคนทรยศไล่กำจัดทั้งเอ็กโซซิสท์และโนอา เพียงเพื่อเป้าหมายสูงสุดของเขา
เพื่อยึดตำแหน่งของท่านเคาท์ในฐานะหัวหน้าครอบครัวโนอา ไม่มีใครที่ต่อกรกับเขาได้
ราวี่ไม่ได้เข้าไปร่วมสู้ด้วยและหลบอยู่ใกล้ๆ
คอยเฝ้ามอง หวังเพียงแค่โนอาจะเป็นฝ่ายกำชัย แต่แล้วการต่อสู้ก็ผันตัวมาหาเขาเมื่อเขาเจอเข้ากับคนที่เป็นดั่งฝันร้ายที่โหดร้ายที่สุดของเขา
ใบดาบเหล็กเย็นยะเยือดเสือกแทงทะลุอกเขา ท้ายที่สุดคันดะก็ทำภารกิจของตัวเองสำเร็จ
เขาสามารถฟาดฟันบุ๊คแมนของโนอาลงได้ ราวี่พยายามจะขัดขืน พยายามหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด
แต่เอ็กโซซิสท์ก็สำแดงเดชอาวุธเขา ทำลายค้อนดาร์ก แมทเทอร์และทิ้งให้บุ๊คแมนหนุ่มอยู่ในสภาพไร้การป้องกัน
โนอาหลายคนตะโกนร้องชื่อเขา
แต่ไม่มีใครที่สามารถมาขวางได้เมื่อเอ็กโซซิสท์คนอื่นเข้ามาขัดขวาง และตัวตลกแสนโหดร้ายก็ทำให้สถานการณ์กลับตาลปัตร
โนอาค่อยๆ ล้มตายทีละคน ทีละคน จนเหลือเพียงท่านเคาท์ เอ็กโซซิสท์หลายคนก็เสียท่าเช่นเดียวกัน
บ้างพ่ายแพ้ให้กับโนอา ส่วนที่เหลือเป็นฝีมือของเนีย ขนนกสะบัดปลิวเมื่อพ่อขุนนางและเนียเผชิญหน้ากัน
สงครามจบลงเมื่อทั้งสองแทงทะลุหัวใจฝ่ายตรงข้าม ไม่มีใครชนะ ทั้งสองต่างล้มลง
และทุกอย่างก็มืดสนิท
หกเดือนให้หลัง ราวี่ลืมตาตื่น
และยังมีชีวิต แผลเป็นพาดผ่านแผงอกช่วงที่คันดะแทงดาบผ่าน แต่หัวใจของเขายังเต้นอยู่
เอ็กโซซิสท์ไม่รู้ว่าหัวใจราวี่อยู่ข้างขวา ไม่ใช่ซ้าย
ความผิดปกตินั้นช่วยให้เขารอดตายมาได้
บุ๊คแมนชราเองก็ช่วยพยุงชีวิตไม่ให้คันดะฆ่าลูกศิษย์ตัวเองโดยการแอบปาเข็มฝังใส่ราวี่
ทำให้เขาเป็นอัมพาตเพื่อรักษาร่างกายเขาให้มีชีวิตรอดแต่ภายนอกราวกับตายไปแล้ว
แผนลวงแสนสมบูรณ์แบบที่ทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาตายไปแล้ว
ราวี่ใช้เวลาพยายามลืมทุกอารมณ์ความรู้สึกและประสบการณ์ส่วนตัวกับโนอาทั้งหมด
เขาเป็นบุ๊คแมน ความรู้สึกเขาไม่สำคัญ และเขาต้องจำมันใส่ใจไว้ โนอาเองก็เป็นเพียงน้ำหมึกไม่ใช่รึไง?
แต่เขาทำไม่ได้
เขาไม่สามารถปล่อยอารมณ์เป็นที่ต้องการเหล่านั้นไปได้ เป็นครั้งหนึ่งที่เขารู้สึกไม่โดดเดี่ยว
แทนที่จะทิ้งมันไป ราวี่เลือกจะเก็บมันไว้ในห้วงลึกสุดของจิตใจ
พวกมันจะอยู่ตรงนั้นเป็นตัวอย่าง เป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้เขาสนิทกับใคร น้ำหมึกไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากรอยเปื้อนบนหน้าหนังสือประวัติศาสตร์
มันทำให้เขาเย็นชาและไม่แยแสสิ่งใดเหมือนกับที่เขาหลอกตัวเอง ทำตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับโนอา
ประวัติศาสตร์คือตัวขับเคลื่อนชีวิตเขา และนั่นคือสิ่งเดียวที่สำคัญ
สามปีก่อนหน้านี้
ราวี่ได้เป็นบุ๊คแมนเต็มตัว พวกเขาแยกทางกัน ชายชราเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้
และราวี่ก็ถูกทิ้งให้ดูแลตัวเอง คนเดียว และนั่นก็สภาพที่เขาต้องอยู่ต่อไป
ตัวคนเดียว
ll TALK WITH TRANSLATOR ll
สวัสดีครับ พบกันครั้งแรกกับภาคสองของบุ๊คแมนของเหล่าโนอานะครับ
ก็ภาคนี้อาจจะดาร์กและค่อนข้างเล่นแง่จิตวิทยากว่าภาคแรก(ตามที่คนแต่งบอกมา) ก็ต้องขอฝากไว้ในอ้อมกอดทุกคนด้วยนะครับ
แล้วก็ภาคนี้คนแต่งยังแต่งไม่จบนะครับ แต่ก็มีทั้งหมดประมาณ50กว่าตอนได้
ไม่รู้ว่าผมจะแปลจบหรือคนแต่งจะแต่งจบก่อนกัน 5555
ก็ขอบคุณนะครับที่ติดตามตั้งแต่ภาคแรกมาจนถึงตอนนี้
การเดินทางครั้งใหม่ของราวี่จะเป็นอย่างไร
ก็มาร่วมลุ้นไปด้วยกันนะครับ ^ ^
Killer in the Dark Shadow
ความคิดเห็น