ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic D.Gray-man] TNB 2: The Dawn Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา ภาค เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ (ฟิคแปล)

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1: Alone (ตัวคนเดียว)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 60


    Title: The Noah’s Bookman 2: The Dawn Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา ภาค เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ

    Story: Saturnalius

    Translator: KITDS

     

    Chapter 1:  Alone (ตัวคนเดียว)

    เขามาเยือนยามค่ำคืน  ไม่มีใครรู้เวลาแน่ชัด  ไม่มีใครได้ยินเขาเข้ามา  แต่เขาอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน  ชายหนุ่มยืนบนบันไดปีนหยิบป้ายที่เพิ่งวาดเป็นรูปหนังสือเสร็จมาหมาดๆ มาแขวนเหนือประตูหน้าร้านเขา  ร้านนี้ถูกปล่อยร้างไว้ตั้งแต่เจ้าของคนเก่าเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน  ชาวบ้านก็ไม่มีเงินพอที่จะซื้อมัน  แต่เหมือนชายปริศนาคนนี้จะมี

    เขาเรียกความสนใจจากผู้คนรอบๆ  ส่วนมากเป็นหญิงสาวและเด็กสาวแรกรุ่น  เด็กชายบ้างนิดหน่อยและผู้ชายในจำนวนที่น้อยกว่า  ชายส่วนมากในหมู่บ้านตอนนี้ออกไปทำงานใช้แรงเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว  มันเป็นเมืองชนชั้นทำงานธรรมดาเมืองหนึ่งในอังกฤษ  ค่อนข้างจนและเล็ก  แต่ก็ยังมี

    ความน่าสนใจ  บ้านเรือนตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ราบของเมือง  ใกล้ๆ กันนั้นเป็น

    เนินเขาที่มีป่ารกทึบ  และทะเลสาบที่อยู่ไกลข้ามไปอีกฝากของเนินเขา 

    ใจกลางเมืองเป็นโบสถ์ขนาดเล็กมุงหลังคาด้วยไม้  และมีกางเขนประดับอยู่ที่ยอดหลังคา

    นายรู้ว่าพวกเราอ่านหนังสือไม่ออกใช่มั้ย?”

    ชายแปลกหน้าหันมาตามเสียง  เส้นผมของเขาตัดสั้นไม่เสมอกันสีแดงสดตัดกับผ้าปิดตาสีดำสนิทและดวงตาสีเขียวสว่าง  เสื้อผ้าที่เขาสวมนั้นธรรมดา  เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสีขาวและบู๊ททรงสูง

    อื้อเขาพยักหน้าพลางปืนลงไปบันไดเพื่อลงมายืนระดับเดียวกับคนมุง  เขามองไล่กลุ่มคนที่เขาดึงดูดมาเงียบๆ ทีละคน  ไม่มีใครที่ดูเนี๊ยบ  เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน  บางคนดูเหมือนป่วยด้วยโรคอะไรบางอย่างหรือบาดเจ็บ  ส่วนที่เหลือก็ดูโทรม

    ฉันมาเพื่อสอนพวกนายให้อ่านออกเขาเผยรอยยิ้มพร้อมเอียงหัวเล็กน้อยเป็นการเชิญชวนให้ทุกคนเข้ามาใกล้ๆ  สำเนียงของเขาไม่เหมือนที่คนในหมู่บ้านเคยได้ยินมาก่อน  แม้กระทั่งรูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็ทำให้ชาวบ้านรู้ว่าเขาไม่ใช่คนแถวนี้  และในเมื่อคนในหมู่บ้านนั้น  ไม่เคยมีใครที่ออกเดินทางไกลไปกว่าเมืองใหญ่ที่ใกล้ที่สุด  พวกเขาเลยไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายมาจากไหน  แต่รอยยิ้มที่เขามอบให้นั้นดูเชิญชวนและดึงดูดอย่างน่าประหลาด  หรือจะให้สอนเลข  ประวัติศาสตร์  หรืออะไรก็ได้

    สอนพวกเราเรอะ?” หญิงสาวคนหนึ่งแค่นเสียง  เธออยู่กับลูกๆ ของเธอที่ต่างมอมแมมจากการเล่นฝุ่นและพากันจับกระโปรงเธอแน่น  เด็กๆ ในเมืองนี้นั้นมีของเล่นให้เล่นน้อยมาก  พวกเขาเลยต้องประยุกต์ตามสถานการณ์และหันมาเล่นด้วยกัน  พากันวิ่งเตะฝุ่นรอบเมืองแทน  เราไม่มีเงินพอจะจ้างครูหรอกนะแม้พวกเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าค่าจ้างนั้นราคาเท่าไหร่  แต่ผู้ปกครองในเมืองก็รู้ดีว่าพวกเขามีเงินไม่พอ  มันเป็นเรื่องของคนรวย  ของพวกชนชั้นสูง

    เงินไม่ได้มีค่าอะไรกับฉันนักหรอกชายแปลกหน้าบอกพร้อมยักไหล่  เขาไม่จำเป็นต้องใช้มัน  และปกติแล้วมันก็พามาแต่ปัญหาด้วย  อีกอย่าง  เขามีมากพอจะจ่ายค่าร้านด้านหลังเขา  และมันก็เพียงพอกับที่เขาต้องการแล้ว  การแลกเปลี่ยนจะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับที่เหลือเอง สิ่งที่ฉันขอเป็นสิ่งตอบแทน คือของใช้กับข้อมูลต่างๆ เท่านั้น

    ผู้คนหันไปมองหน้ากันและกันด้วยความสงสัย  เหมือนพวกเขาไม่รู้ว่าจะประเมินคนตรงหน้ายังไง  เขามาที่หมู่บ้านแห่งนี้อย่างเป็นปริศนา  และเสนอสิ่งที่พวกเขาต่างคิดว่าเป็นไปไม่ได้  และบางทีมันอาจจะยังเป็นแบบนั้นอยู่

    แล้วเด็กผู้หญิงอย่างเราล่ะหนึ่งในนั้นเอ่ยพร้อมขมวดคิ้ว  เธอน่าจะอายุประมาณสิบสอง  ผมสีน้ำตาลรวมเป็นหางม้าต่ำ  ผื่นคันขึ้นชัดบนใบหน้าซีกซ้าย  เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง  เธอจะไปได้อะไรจากการเรียนหนังสือสุดท้ายแล้วเธอก็จะโตไปเป็นแม่บ้านและเป็นแม่คนในที่สุดอยู่ดี  และสุดท้ายก็คงจะตายจากความยากลำบากในการคลอดลูก

    ชายแปลกหน้ายักไหล่  ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่  ฉันจะสอนเฉพาะคนที่อยากฟังคำตอบเขาสร้างความประหลาดใจให้กับคนอื่นๆ  ไม่มีใครเคยใส่ใจพอที่จะมาสอนผู้หญิงอย่างพวกเธอ  ในเมื่อพวกเธอมักจะถูกมองว่าอยู่บ้านเป็นแม่บ้าน  ไม่ใช่นักวิชาการ

    ข้อมูลแบบไหน?” หญิงสาวที่มาพร้อมกับลูกถามอีกครั้ง  เขาเริ่มจะทำให้เธอสนใจแล้ว  น้ำเสียงของเธออ่อนลง  เปลี่ยนจากสั้นห้วนเป็นอะไรที่ฟังดูเป็นมิตรมากขึ้น  แม้จะยังมีความไม่มั่นใจอยู่ในน้ำเสียง  แต่ก็มีความหวังอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน  ถ้าลูกของเธอได้เรียน  บางทีมันอาจจะพาพวกเขาไปยังชีวิตที่ดีและเต็มพร้อมกว่านี้

    ตำนาน  นิทานพื้นบ้าน  เรื่องที่เล่าต่อๆ กันมารุ่นสู่รุ่นเขาตอบพร้อมล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงขณะที่ขยับบู๊ทโยกตัวไปมา  รอยยิ้มนั้นคงอยู่บนใบหน้า  มองผู้คนผ่อนคลายลง  พวกเขาคุยง่ายและถูกชักจูงได้โดยง่าย  ราคาค่าเรียนก็ธรรมดาพอ  มันเป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้แน่นอน

    ฟังนะ  ฉันเป็นนักประวัติศาสตร์  เดินทางไปรอบโลกเพื่อเก็บรวบรวม ตำนาน  เรื่องเล่าปรัมปรา  จดบันทึกเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครสนใจจะจดนักประวัติศาสตร์คนนี้คือบุ๊คแมน  ผู้ที่ตามล่าความจริงและประวัติศาสตร์ที่ก่อให้เกิดตำนาน  ตลอดสองปีที่ผ่านมา  เขาเดินทางไปทั่วยุโรป  เก็บเกี่ยวข้อมูลและเปรียบเทียบความแตกต่างของตำนานในแต่ละพื้นที่  เขาตามเจอจุดร่วมของแต่ละอันแล้ว  และจุดร่วมนั่นก็พาเขามาที่นี่

    คุณชื่ออะไรคะ?” เด็กสาววัยละอ่อนเอ่ยถาม  เส้นผมสีบลอนด์ของเธอมัดเป็นสองเปีย

    เรียกฉันว่าบุ๊คแมนเขาตอบ

    +++

    ห้าปีก่อน เรื่องราวทุกอย่างได้จบลง

    สงครามระหว่างโนอาและเอ็กโซซิสท์กลายเป็นการปะทะกันเต็มรูปแบบที่สวนหลังบ้านของพ่อขุนนาง ชัยชนะนั้นดูราวกับอยู่ในกำมือของฝ่ายโนอา จนกระทั่งแขกที่ไม่คาดฝันปรากฏตัวขึ้น เนีย โนอาคนทรยศไล่กำจัดทั้งเอ็กโซซิสท์และโนอา เพียงเพื่อเป้าหมายสูงสุดของเขา เพื่อยึดตำแหน่งของท่านเคาท์ในฐานะหัวหน้าครอบครัวโนอา ไม่มีใครที่ต่อกรกับเขาได้

    ราวี่ไม่ได้เข้าไปร่วมสู้ด้วยและหลบอยู่ใกล้ๆ คอยเฝ้ามอง หวังเพียงแค่โนอาจะเป็นฝ่ายกำชัย แต่แล้วการต่อสู้ก็ผันตัวมาหาเขาเมื่อเขาเจอเข้ากับคนที่เป็นดั่งฝันร้ายที่โหดร้ายที่สุดของเขา ใบดาบเหล็กเย็นยะเยือดเสือกแทงทะลุอกเขา ท้ายที่สุดคันดะก็ทำภารกิจของตัวเองสำเร็จ เขาสามารถฟาดฟันบุ๊คแมนของโนอาลงได้ ราวี่พยายามจะขัดขืน พยายามหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่เอ็กโซซิสท์ก็สำแดงเดชอาวุธเขา ทำลายค้อนดาร์ก แมทเทอร์และทิ้งให้บุ๊คแมนหนุ่มอยู่ในสภาพไร้การป้องกัน

    โนอาหลายคนตะโกนร้องชื่อเขา แต่ไม่มีใครที่สามารถมาขวางได้เมื่อเอ็กโซซิสท์คนอื่นเข้ามาขัดขวาง และตัวตลกแสนโหดร้ายก็ทำให้สถานการณ์กลับตาลปัตร โนอาค่อยๆ ล้มตายทีละคน ทีละคน จนเหลือเพียงท่านเคาท์ เอ็กโซซิสท์หลายคนก็เสียท่าเช่นเดียวกัน บ้างพ่ายแพ้ให้กับโนอา ส่วนที่เหลือเป็นฝีมือของเนีย ขนนกสะบัดปลิวเมื่อพ่อขุนนางและเนียเผชิญหน้ากัน สงครามจบลงเมื่อทั้งสองแทงทะลุหัวใจฝ่ายตรงข้าม ไม่มีใครชนะ ทั้งสองต่างล้มลง

    และทุกอย่างก็มืดสนิท

    หกเดือนให้หลัง ราวี่ลืมตาตื่น และยังมีชีวิต แผลเป็นพาดผ่านแผงอกช่วงที่คันดะแทงดาบผ่าน แต่หัวใจของเขายังเต้นอยู่ เอ็กโซซิสท์ไม่รู้ว่าหัวใจราวี่อยู่ข้างขวา ไม่ใช่ซ้าย ความผิดปกตินั้นช่วยให้เขารอดตายมาได้

    บุ๊คแมนชราเองก็ช่วยพยุงชีวิตไม่ให้คันดะฆ่าลูกศิษย์ตัวเองโดยการแอบปาเข็มฝังใส่ราวี่ ทำให้เขาเป็นอัมพาตเพื่อรักษาร่างกายเขาให้มีชีวิตรอดแต่ภายนอกราวกับตายไปแล้ว แผนลวงแสนสมบูรณ์แบบที่ทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาตายไปแล้ว

    ราวี่ใช้เวลาพยายามลืมทุกอารมณ์ความรู้สึกและประสบการณ์ส่วนตัวกับโนอาทั้งหมด เขาเป็นบุ๊คแมน ความรู้สึกเขาไม่สำคัญ และเขาต้องจำมันใส่ใจไว้ โนอาเองก็เป็นเพียงน้ำหมึกไม่ใช่รึไง?

    แต่เขาทำไม่ได้ เขาไม่สามารถปล่อยอารมณ์เป็นที่ต้องการเหล่านั้นไปได้ เป็นครั้งหนึ่งที่เขารู้สึกไม่โดดเดี่ยว แทนที่จะทิ้งมันไป ราวี่เลือกจะเก็บมันไว้ในห้วงลึกสุดของจิตใจ พวกมันจะอยู่ตรงนั้นเป็นตัวอย่าง เป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้เขาสนิทกับใคร น้ำหมึกไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากรอยเปื้อนบนหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ มันทำให้เขาเย็นชาและไม่แยแสสิ่งใดเหมือนกับที่เขาหลอกตัวเอง ทำตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับโนอา ประวัติศาสตร์คือตัวขับเคลื่อนชีวิตเขา และนั่นคือสิ่งเดียวที่สำคัญ

    สามปีก่อนหน้านี้ ราวี่ได้เป็นบุ๊คแมนเต็มตัว พวกเขาแยกทางกัน ชายชราเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ และราวี่ก็ถูกทิ้งให้ดูแลตัวเอง คนเดียว และนั่นก็สภาพที่เขาต้องอยู่ต่อไป ตัวคนเดียว


    ll TALK WITH TRANSLATOR ll

    สวัสดีครับ พบกันครั้งแรกกับภาคสองของบุ๊คแมนของเหล่าโนอานะครับ

    ก็ภาคนี้อาจจะดาร์กและค่อนข้างเล่นแง่จิตวิทยากว่าภาคแรก(ตามที่คนแต่งบอกมา) ก็ต้องขอฝากไว้ในอ้อมกอดทุกคนด้วยนะครับ

    แล้วก็ภาคนี้คนแต่งยังแต่งไม่จบนะครับ แต่ก็มีทั้งหมดประมาณ50กว่าตอนได้

    ไม่รู้ว่าผมจะแปลจบหรือคนแต่งจะแต่งจบก่อนกัน 5555

    ก็ขอบคุณนะครับที่ติดตามตั้งแต่ภาคแรกมาจนถึงตอนนี้

    การเดินทางครั้งใหม่ของราวี่จะเป็นอย่างไร

    ก็มาร่วมลุ้นไปด้วยกันนะครับ ^ ^

    Killer in the Dark Shadow


    TF:)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×