True Love Essence #2
เรื่องราวของความรักทั้งสอง... ที่จบลงเคียงข้างกัน...
ผู้เข้าชมรวม
197
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"ฉันมีแฟนใหม่แล้วนะ"
คำพูดประโยคนี้ยังคงบาดใจฉันอยู่ทุกวันอย่างนับไม่ถ้วน ทุกเวลาที่เขาเกิดพูดขึ้นมาทำให้ฉันนั่นรู้สึกหมดหวังไปกับวินาทีที่คำพูดเหล่านั้นหลุดออกมาจากปากของเขา คำพูดประโยคนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยากจะทรุดตัวลงกับพื้นแล้วทุบพื้นให้เป็นรูด้วยกำปั้นทั้งสองข้างของฉัน เพราะความรู้สึกที่ไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น
ฉันยังคงฝังใจเอาไว้ว่าทำไมรักของเราถึงไม่เกิดขึ้นเสียที ทั้งๆที่ฉันเองให้ความรู้สึกดีๆกับเขามานาน ทั้งๆที่ฉันคอยช่วยเหลือเขามาตลอดเวลา ทั้งๆที่ฉันคอยซับน้ำตาบนใบหน้าของเขาที่ไหลรินลงมาอยู่ทุกครั้งที่เขาเกิดร้องไห้เพราะความรักพังทลายลง ทั้งๆที่ฉันอยู่กับเขามาตั้งแต่เขายังทำกับข้าวไม่ได้แม้กระทั่งไข่เจียวก็ตาม
แต่ทำไมเขาไม่รู้สึกถึงความรู้สึกอันลึกซึ้งที่ฉันมีให้ต่อเขาเสียที ทำไมเขายังสัมผัสไม่ได้ว่าฉันนั้นรู้สึกพิเศษต่อเขาเหลือเกิน ทำไมเขาถึงยังออกไปหาคนอื่นที่แม้กระทั่งตัวเองนั้นยังไม่รู้จักดีพอแม้แต่นิดเดียว หรือว่ารักของเราจะเป็นรักต้องห้ามจริงๆ?
หรือว่าฉันจะไม่มีหวังกับเขาเลยจริงๆ?
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ฉันก็ยังคงทำสิ่งที่ฉันทำอยู่ทุกครั้งเมื่อได้ยินประโยคนี้ ฉันยังคงฝืนใจ อัดความรู้สึกเศร้าทั้งหลายเอาไว้ข้างในหัวใจของฉันแล้วกุมมือตัวเองเอาไว้ในขณะที่ปล่อยคำพูดออกมาว่า
"ยินดีด้วยนะ"
ทุกๆวันฉันยังคงเจ็บปวดกับการที่ได้มองเขานั้นเดินเคียงข้างไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง นับวันฉันยิ่งรู้สึกน้อยใจมากขึ้นทุกทีที่ได้เห็นเขานั้นจูงมือใครเดินออกจากประตูโรงเรียนไป ฉันยังคงนับวันเวลาที่พวกเขานั้นหายหน้าหายตาออกไปจากห้องเรียนแล้วไปนั่งในสวนของโรงเรียนด้วยกันได้
ในขณะที่ฉันนั้นภาวนาให้สาวน้อยผู้โชคดีนั้นคือฉันคนนี้
ฉันยังคงคอยเฝ้ามองเขาอยู่จากมุมห่างที่ระเบียงในขณะที่เขานั้นนั่งอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น ที่เขานั้นพูดกับเธอว่ารักไม่รู้กี่พันรอบและเธอก็ตอบย้อนมาหาเขาด้วยคำว่ารักไม่รู้กี่หมื่นล้านรอบเช่นเดียวกัน ใจของฉันยังคงสั่นคลอนไปทุกครั้งที่ฉันเห็นเขานั้นยิ้มต่อหน้าเธอ ด้วยความหวังที่ฉันนั้นยังคงมีอยู่เพียงเล็กน้อยแต่ก็ยังคงไม่จางหายไป
“ทำไมชีวิตฉันมันช่างผิดหวังอย่างนี้?” ฉันยังคงรำพึงอยู่ในใจของฉันในเวลาที่ฉันนั้นอยู่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ฉันนั้นนอนฟังเพลงโปรดของฉันอยู่บนเตียง เวลาที่ฉันนั้นออกไปเดินซื้อของอย่างไม่ใส่ใจ เวลาที่ฉันนั้นเดินเข้าร้านขายดอกไม้ไปชื่นชมดอกไม้ต่างๆที่เปรียบได้ดั่งเธอคนนั้นที่ยังคงส่งกลิ่นโชยมาให้ฉัน และแม้กระทั่งเวลาที่ฉันนั้นยืนอย่างเหม่อลอยบนรถไฟฟ้าที่ยังพลอยแต่คิดถึงวันเวลาก่อนๆที่ฉันคอยช่วยเหลือเธอตอนที่เธอนั้นรับสภาพของจิตใจตัวเองไม่ได้
ฉันไม่อยากจะเห็นเธอร้องไห้ แต่ฉันก็อยากให้เธอมาอยู่ข้างๆฉันแบบวันที่เธอนั้นร้องไห้
จะทำให้เธอนั้นผิดหวังไปเรื่อยๆเพื่อที่เธอจะได้มานั่งให้ฉันซับน้ำตาให้มันก็เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวเกินไป แต่ถ้าเกิดมันทำอย่างนั้นได้แบบที่เธอไม่ต้องเสียใจ ฉันก็อยากจะทำ
ถึงแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาเล็กๆ ที่เธอนั้นมีความทุกข์ ฉันก็มีความสุขที่ฉันได้อยู่กับเธอ
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่อยากที่จะเห็นเธอต้องมานั่งร้องไห้มีความทุกข์ต่อหน้าฉันทุกที ฉันฝันเพียงแต่ที่เราสองคนนั้นจะได้ดื่มด่ำความสุขด้วยกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ฉันฝันที่จะได้เห็นเธอนั้นยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อฉันเดินอยู่เคียงข้างเธอทุกวินาที ฉันฝันเพียงแต่ที่จะได้อ้อมกอดของเธอนั้นมาอยู่กับฉันตลอดไป
ฉันฝัน ที่จะได้รักเธอ อย่างหมดหัวใจ
“เฮ้ เป็นอะไรไปหรือเปล่าน่ะ?” เสียงของเขาดังมาจากปากของเขา หูของเขาที่พริ้วไหวไปกับสายลมนั้นตกลง แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดเลยว่าเขานั้นกำลังอารมณ์เป็นห่วงต่อหน้าฉัน
เหมือนแต่ก่อนที่เขาก็ทำเมื่อเห็นฉันนั่งขุดคู้อยู่เพียงลำพัง
“อ้อ ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่ต้องคิดอะไรหน่อยน่ะ ขอบใจนะ” ฉันเงยหน้าให้กับเขาแล้วยิ้มตอบกลับไปพลางพูดประโยคนั้นทุกครั้งที่เขาถามคำถามนี้ ฉันบอกเขาไม่ได้หรอกว่าฉันนั้นรู้สึกอย่างไร ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันไม่ต้องการให้เขานั้นรู้สึกไม่ดีที่รู้ว่าฉันนั้นจะกลายเป็นภาระให้เขา ฉันอยากจะให้เขานั้นเดินมาหาฉันด้วยความรู้สึกที่แท้จริงดีกว่า ถึงแม้ฉันจะต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปก็ตาม แต่ฉันก็ยังคงฝันต่อไป ฝันถึงวันที่เขานั้นจะเดินเข้ามาหาฉันแล้วบอกคำที่ฉันนั้นรอคอยมานานแสนนานจนไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้สักครั้งหรือไม่
แต่ถึงกระนั้นฉันก็ยังทนรอต่อไป ถึงแม้ว่าความหวังมันจะดูริบหรี่แค่ไหนแต่ฉันก็ยังจะทน รอวันเวลาที่ชายในฝันของฉันจะเดินเข้ามากล่าวคำที่ฉันนั้นอยากได้ยินจากปากของเขามาเป็นเวลานับปี วันที่ฉันนั้นจะได้มีความสุขถึงที่สุดกับเขาหลังจากที่ฉันกอดเขาไว้แน่นๆด้วยมือสองข้างนี้
“ทำไมเธอต้องร้องไห้ด้วยล่ะแบบนั้น...?” ฉันตกใจมากเมื่อเขานั้นเอ่ยปากขึ้นมา ฉันคงจะแสดงความอ่อนแอให้กับเขามากเกินไป ไม่ เขาคงไม่ชอบฉันแบบนั้นแน่ๆ ฉันจะมามัวนั่งร้องไห้ไม่ได้ ฉันจึงรีบเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มคืนให้กับเขาอีกรอบพลางส่ายหางแมวของฉันไปมา ทำให้ดูกลบเกลื่อนไปว่าฉันนั้นไม่เป็นอะไร
“อ่อ มีอะไรเข้าตาฉันน่ะ โทษทีนะ” ฉันเอ่ยปากขึ้นหลังจากที่ฉันขยี้ตาของฉันเสร็จราวกับว่าลูกบอลมันเข้าไปอยู่ในตาของฉันเลย ฉันทำอะไรไม่ถูกจริงๆเมื่อเขานั้นยืนอยู่ต่อหน้าฉัน ฉันรู้สึกร้อนรุ่นไปทั่วร่างกาย กลัวว่าเธอนั้นจะไม่ชอบกริยาของฉัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ฉันก็รู้สึกเขินไปทั่ว จนฉันต้องทำในสิ่งที่ฉันทำทุกครั้งเมื่อเธอเดินเข้ามาหาฉัน เท้าของฉันก็เริ่มเขยิบออกแล้วเคลื่อนที่ห่างออกไปด้วยความเร็วสูง พร้อมปากของฉันที่ตะโกนบอกเขาว่า
“ฉันต้องไปทำธุระแล้วนะ โทษทีน้า~” แล้วน้ำเสียงสั่นคลอนของฉันก็หายไปตามสายลม ฉันบอกเขาไม่ได้จริงๆ ฉันจะทำเป็นผู้หญิงคนอื่นไม่ได้ที่คอยเอาแต่ชิงชังผู้ชายไปมาแล้วเอาหัวใจของผู้ชายมาล้อเล่นด้วยคำว่ารัก ฉันทำแบบนั้นไม่ลงแน่ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังคงรอคอยช่วงเวลาที่เขานั้นจะเดินมาแล้วบอกรักกับฉันอยู่อย่างไม่ย่อท้ออยู่ดี
“ไปเที่ยวกันมั้ย?” เขาเอ่ยปากชวนฉันขึ้น มันเป็นเวลาวันหยุดหลังจากที่เรานั้นเรียนกันมา 5 วันรวด เขาเดินมาถึงฉันแล้วยื่นให้ดูตัวหนังประมาณ 5 ใบในมือของเขา แน่นอนว่าเขานั้นรวยแต่ฉันก็ไม่สนเขาในด้านฐานะหรอก เขายังอุตส่าห์ใจดียื่นมือมาชวนฉันไปดูหนังก่อนทั้งๆที่เพื่อนเขานั้นยังอยู่เรียงรายอยู่ข้างหลัง เขายังอุตส่าห์พุ่งตรงมาหาฉันหลังจากที่แฟนของเขาเอาไปแล้วหนึ่งใบ เขาทั้งรู้ว่าฉันนั้นเป็นเพียงแค่แมวจนๆตัวหนึ่งที่การเงินทางบ้านนั้นก็ไม่ได้ดีหนักหนาอะไร แต่เขาก็ไม่เกี่ยงฉันทางด้านฐานะเลยแม้แต่น้อย เขาใจดีต่อฉันราวกับฉันเป็นดอกไม้ที่อยู่ท่ามกลางสวนอันกว้างใหญ่และเขาเป็นผึ้งที่พุ่งเข้ามาหาฉันก่อนโดยที่ไม่ไปหาดอกไม้ดอกอื่นก่อน
“อื้อ ไปสิ วันนี้ดูเรื่องอะไรล่ะเนี่ย?” ฉันตอบกลับไปหาเขาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี ถึงแม้หนังเรื่องนั้นฉันจะไม่ชอบอะไรนักหนาก็ตาม ฉันก็ยังยินดีที่จะไปดู ถึงแม้จะไม่ได้นั่งข้างๆเธอ แต่ฉันก็รู้ว่าเธอยังอยู่ใกล้ๆฉันตลอดเวลาที่หนังนั้นฉายให้เห็นถึงฉากต่างๆที่ช่างดูอลังการไปซะทุกเรื่อง และเธอก็คงไม่ทิ้งฉันจนฉันนั้นถึงบ้านเมื่อเธอมาส่งถึงที่หน้าบ้านของฉัน
“ไปดูหนังแอคชั่นกันอีกนะรอบนี้ ฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบ” เขาพูดขึ้นพลางยิ้มให้กับฉันแล้วก็ชูให้ดูตั๋ว 5 ใบที่เรียงรายอยู่บนมือเขา “เธอหยิบไปใบนึงสิ เราจะได้ไปดูด้วยกัน”
“โอเคจ้า” ฉันตั้งใจและเพ่งมองดูเลขบนตั๋ว เลขคู่หนึ่งมักจะหายไปเสมอและนั่นก็หมายถึงเลขที่นั่งของเขากับแฟนของเขา นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันจะต้องคิดว่าฉันจะได้นั่งข้างใคร เลขที่เรียงรายต่อหน้าฉันก็มี 11 12 13 16 17 ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากว่าเขานั่งกับแฟนเขาตรงไหน ฉันรู้จักเขาดีว่าเขานั้นชอบนั่งตรงกลางของวง เขาเป็นคนที่เห็นแก่เพื่อน ไม่ได้เห็นแก่ตัวเลยสักนิด มีอะไรเขาก็จะให้คนอื่นก่อนเสมอ ก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง ฉันจึงตัดสินใจหยิบเบอร์ 13 ออกมาจากมือของเขา
“อะไรกัน เธอเลือกเบอร์อับโชคอีกแล้วเหรอเนี่ย? ไม่เป็นไรๆ อย่างน้อยเราก็นั่งข้างเธอเนอะ” เขาพูดขึ้นมาราวกับว่าไม่ค่อยชอบตัวเลือกของฉัน แต่ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทุกครั้งที่เขาเลือกที่นั่งส่วนใหญ่เขาก็จะเอากลางโรงเสียมากกว่าอยู่แล้ว ฉันเองก็รู้จักเขาดี ไม่เช่นนั้นฉันจะรักเขาหรือไง
“งั้นเราไปกันเถอะนะ!” เขาตะโกนขึ้นมาอีกรอบพลางจับแขนของฉันแล้วให้ฉันวิ่งตามเขาไป วินาทีที่เขาจับแขนของฉันนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนฉันเป็นคนสำคัญของเขาจริงๆ ราวกับว่าฉันจะได้วิ่งตามเขาไปดั่งคนรักที่กำลังวิ่งผ่านช่วงเวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน ทำให้ฉันนั้นรู้สึกแข็งไปทั้งตัว ก็ได้เพียงแต่วิ่งตามเขาไปเพื่อที่ฉันจะได้ไม่ล้มกลางทาง แต่ฉันก็พูดอะไรไม่ออกนอกจากตอบรับในสิ่งที่เขาทำกับฉัน สิ่งที่เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นคนสำคัญของเขาว่า
“อื้อ!” และฉันก็วิ่งผ่านประตูเข้าไปยังโรงหนังและนั่งข้างๆเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นโรงหนังแคบๆที่ฉันไม่ค่อยชอบ แต่ก็ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ฉันไม่ต้องเมื่อยขาเหมือนทุกทีที่ไปดูกับคนอื่นแล้วไม่ได้นั่งกลางโรง
ทุกนาทีที่ฉันได้อยู่กับเขาช่างมีค่าจริงๆ ถึงแม้บนฉากหนังนั้นจะแสดงถึงความรุนแรงของโลกใบนี้และเพื่อนของเขานั้นนั่งอยู่ข้างเขาและคอยวิจารณ์หนังไปเรื่อยๆก็ตาม ฉันเองก็ไม่รู้สึกเหนื่อยใจเลย เพราะวินาทีนี้นั้น ฉันได้อยู่ใกล้ๆกับเขา โดยที่ไม่ต้องโดนใครจับตามอง
ถึงแม้จะเป็นเพียงความรู้สึกสั้นๆที่ได้แอบพิงไหล่เขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว ฉันก็รู้สึกดีใจแล้วล่ะ
“ฉันไม่เหลือใครอีกแล้วใช่ไหม...?” เขามานั่งลงข้างๆฉันพร้อมกับดวงตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง สาวหูกระต่ายคนนั้นทิ้งเธอไปจนได้ ดั่งที่ฉันคิด แต่ฉันก็ยังอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ ทำไมคนอย่างเธอที่แสนจะใจดีและไม่เห็นแก่ตัวอย่างเธอจึงต้องโดนทอดทิ้งไปกับผู้หญิงพวกนั้นด้วย ฉันไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
“มีสิ ถึงแม้เธอจะมองไม่เห็นก็ตาม โลกนี้อย่างน้อยก็ยังมีคนๆหนึ่งที่คอยดูแลเธอมาตลอดนะ ถึงแม้เธอจะยังหาเขาไม่เจอ แต่คนๆนั้นก็ยังรอเธออยู่ตลอดเวลาเลยนะ” ฉันได้แต่ตอบเขาไปแค่นี้ มันเป็นสิ่งที่ฉันจะสามารถพูดให้เขาและให้เขานั้นรู้สึกดีขึ้นได้มากที่สุดก็คงเป็นคำพูดประโยคนี้เท่านั้น ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นว่าคนที่คอยเป็นห่วงเขานั้นยังคงอยู่ข้างๆเขาในวินาทีนั้นก็ตามที
“แต่... แต่... คนๆนั้นอยู่ที่ไหนกันล่ะ...!?” เขากำเสื้อของฉันแน่นในขณะที่เขาปล่อยน้ำเกือบหมดตัวออกมาผ่านดวงตาของขา ผ่านน้ำตาที่ยังไหลรินลงมาอย่างไม่สิ้นสุด ฉันก็ได้เพียงแค่ลูบหลังของเขาไปเรื่อยๆ ในขณะที่เขานั้นคิดถึงเธอคนนั้นที่ไม่ได้เห็นค่าของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับยังเสียใจเพื่อเธอขนาดนี้ ฉันเองก็ยังอดใจไม่ไหวว่าทำไมถึงต้องทิ้งเขาไป
ทั้งๆที่เขานั้นดีขนาดนี้ เขาไม่สมควรถูกทอดทิ้งเลย
“เวลาเท่านั้นกับการตัดสินใจของเธอแหละนะ ที่จะช่วยเธอได้” ฉันก้มลงแล้วกระซิบเข้าหูของเขา ในขณะที่น้ำตาของฉันนั้นไหลรินลงมาผ่านตาสองข้างของฉัน ราวกับฉันสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าของเขา ราวกับฉันนั้นใจแตกสลายไปพร้อมกับเขาที่ยังคงร้องไห้อย่างไม่หยุดหย่อนเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่ฉันเห็นเขานั้นเสียใจ ฉันก็ยังอดไม่ได้ที่จะเสียใจตามเขาไป นี่คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่อยากให้เขามาร้องไห้ต่อหน้าฉัน ถึงแม้ฉันจะมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา แต่ฉันก็อดเสียใจไม่ได้ว่าทำไมผู้หญิงคนอื่นไม่เห็นค่าของเขาแล้วทิ้งเขาไปแบบนี้
เหมือนที่ฉันคิดอยู่ประจำ เหมือนที่ฉันคอยเชิดชูเขาอยู่ในจิตใจ เหมือนที่ฉันนั้นเตรียมพร้อมจะมอบทั้งกายและใจให้กับเขา
“อา ชีวิตช่างผ่านไปไวอะไรขนาดนี้นะ” ฉันเอ่ยปากพลางมองขึ้นไปเหนือฟ้าผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาลในขณะที่ยังคงนั่งอยู่ข้างๆเขาที่นอนอยู่บนเตียง ร่างกายของฉันอ่อนแรงลงมากจนแม้กระทั่งแรงพูดกับเดินก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว ขนบนตัวฉันเปลี่ยนจากสีดำจางๆกลายเป็นสีขาวซีดเพราะอายุของฉัน เวลาช่างผ่านไปไวนัก ฉันยังคงนึกถึงวันเวลาที่เรานั้นได้ดูหนังด้วยกัน ได้ไปเที่ยวด้วยกัน หรือแม้กระทั่งเวลาที่เธอนั้นอกหักมาประมาณไม่รู้กี่พันรอบ เมื่อเธอนั้นพยายามจะเดินหาคนที่คอยดูแลเธออยู่ แต่เธอก็ยังไม่พบเสียที
“นั่นสินะ... ลิเซีย... ฉันยังตามหาเธอคนนั้นไม่พบเลย... เธอคนนั้นอยู่ไหนนะ... ฉันใกล้จะตายอยู่แล้วด้วยซ้ำ... แค่กๆ” เขาพูดขึ้นพลางสำลักไอออกมาสองสามชุด เขามีปัญหาที่ปอดไปเสียแล้ว ร่างกายของเขานั้นคงจะเสื่อมลงจากการที่เขาร้องไห้มานับพันครั้ง จนทำให้เขาเป็นอักเสบที่ปอดเข้าให้ และหมอก็บอกว่าเขาคงจะมีเวลาอยู่อีกเพียงไม่นาน ในโรงพยาบาลแห่งนี้
ภายในวันนี้...
“ไม่ต้องห่วงหรอก.. เอเดีย.. แค่ก..” ฉันพูดให้เขาฟังพลางไอไปนิดหน่อย ฉันเองก็คงคิดว่าคงอยู่ได้ไม่นานเช่นเดียวกัน แต่ฉันก็อยากจะให้เขารู้ “เธอคนนั้น.. ยังคอยดูแลเธอ... ไม่ได้จากไปไหนเลย”
“อื้อ... แค่กๆ ฉันก็ดีใจนะ... ที่ถึงแม้ฉันจะไม่ได้พบกับเธอคนนั้น.. แค่กๆ.. แต่ฉันก็ได้รู้ว่า.. รักแท้นั้นไม่ได้หนีฉันไปไหนเลย..” เขาพูดขึ้นในขณะที่สายตาของเขามองออกไปนอกกระจกโรงพยาบาล “โลกนี้เปลี่ยนไป.. ไวกว่าที่คิดนะเนี่ย.. ฉันอยากจะอยู่กับรักแท้ของฉันจริงๆ.. จะได้อยู่ดู.. สิ่งที่เรียกว่า.. พระอาทิตย์ตก.. ด้วยกัน.. แค่กๆ..”
“อื้อ.. ฉันว่ายังไง.. รักแท้ของเธอ คงอยู่ดูกับเธอจนกว่าเธอจะหลับตาแหละนะ” ฉันตอบกลับคืนไปหาเขา น้ำตาของฉันนั้นไม่สามารถไหลรินได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังสัมผัสได้ถึงความเศร้าของฉัน และความยินดีที่เขา กำลังให้ความสำคัญกับร่างสมมุติของฉันที่อยู่ในหัวของเขา ที่เขาเรียกว่า “รักแท้” ของเขา
“ฮุบ!!! อ่อก!!!” เขาสำลักลมหายใจของเขาสองเฮือกใหญ่ๆ ทำให้ฉันตกใจสะดุ้งขึ้นมาในหัว และหันไปมองหน้าเขา
“เอเดีย.. เอเดีย... เอเดีย.. ไม่นะ..” ฉันพยายามที่จะถูหน้าอกเขา ทำให้เขาหายใจอีกครั้ง แต่เขาก็กลับหลับตาลงไป หน้าของเขายังหันไปทางพระอาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้าไปเรื่อยๆ ฉันก็ได้แต่เพียงนอนซบหน้าอกของเขา เสียงหัวใจเต้นของเขานั้นไม่มีให้ได้ยินอีกแล้ว มือของเขายังคงอยู่ในกำมือของฉันอีกข้างในขณะที่มือของฉันพยายามถูหน้าอกฝั่งซ้ายของเขาอย่างเต็มที่ให้เขากลับมาหาฉัน ให้ฉันบอกเขาว่าฉันรักเขามากแค่ไหนก่อนเขาจะหายไป
แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขานอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น แสงอาทิตย์ที่ขอบฟ้านั้นสาดส่องมายังเขา ทำให้หน้าของเขานั้นดูผ่องใส เหมือนกับเมื่อตอนที่เราสองคนยังคงเรียนอยู่ด้วย เหมือนช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขกับเขา เหมือนกับช่วงเวลาที่เขานั้นยังคงคอยอยู่ข้างฉัน
“เอเดีย.. ฉัน.. ดีใจ.. ที่ได้... อยู่กับเธอ.. จนวินาที.. นี้นะ..” ฉันปล่อยน้ำตาของฉันออกมาจากนัยน์ตาทั้งสองข้างของฉัน น้ำตานั้นไหลรินลงบนหน้าอกของเขา เสื้อผู้ป่วยของเขาเปียกโชกไปด้วยน้ำตาของฉัน ที่ไหลเหมือนกับตอนที่เขานั้นพึ่งถูกบอกเลิกมาไม่นาน ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่อยู่ให้เห็นน้ำตาของฉันก็ตาม ฉันก็ไม่เสียใจ ฉันได้คอยอยู่ข้างเขา ถึงแม้จะเป็นรักข้างเดียวมาตลอด เขาก็ยังคงให้ความสำคัญกับฉันมาตลอดเวลา
“ฉัน.. รัก.. เธอ..” ฉันกระซิบบอกลงบนหน้าอกของเขา หัวใจของฉันก็เต้นแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ฉันรู้สึกได้ว่าวินาทีที่ฉันจะอยู่บนโลกนี้นั้นเหลืออีกไม่นานแล้ว แต่ฉันก็ยังมีความสุขที่ฉันได้กำหนดเวลาจบของชีวิตข้างๆเขา ฉันจะไม่มีวันลืมเลย
ว่าฉันนั้นได้มีความสุขแค่ไหน ที่ฉันได้อยู่กับรักแท้ของฉัน ถึงแม้จะไม่เคยสมหวัง แต่ก็ไม่เคยได้ผิดหวังเสียที ที่เขาจะหายไปไหน
“ขอบคุณ.. ที่อยู่... ด้วยกัน.. มาตลอด..” ฉันกล่าวขึ้นก่อนที่ฉันจะหลับตาลงแล้วปล่อยลมหายใจสุดท้ายออกมาเป็นคำพูด ก่อนที่ฉันจะนอนนิ่งไปบนหน้าอกของเขา
“ฉัน.. จะรัก.. เธอ.. ตลอดไป..”
ผลงานอื่นๆ ของ Fenrirwolfen ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Fenrirwolfen
ความคิดเห็น