ตอนที่ 6 : 6 - พิธีตีตรา (2) re10/9/60
หทัยจอมอสูร [Yaoi]
5 – พิธีตีตรา (2)
เกี้ยวเล็กแต่ค่อนข้างสะดวกสบายถูกหามด้วยบุรุษสี่คนเคลื่อนไปตามเส้นทาง เสียงพูดคุยภายนอกไม่ดังไปกว่ากระซิบกระซาบ ทว่าด้วยสัมผัสการได้ยินเหนือคนปกติ เยว่ถิงจึงลอบฟังสิ่งเหล่านั้นอย่างตั้งใจ
“เจ้าเห็นหรือไม่ ครานี้นายบำเรอของท่านประมุขงามจริงๆ”
“ใช่ ยังเยาว์อยู่เลย อายุสิบห้าสิบหกกระมัง ขนาดข้าเป็นชายแท้ยังคิดว่าน่าฟัด”
“เพ้ย ระวังปากด้วย”
“อะไรเล่า ผู้อาวุโสเจิ้งเองก็เดินนำอยู่ตั้งไกลจะกลัวอะไร”
“ข้าเห็นด้วยกับเขา รอถึงวันท่านประมุขเบื่อหน่ายก่อนเถอะ ข้าจะอาสาพาไปยังประตูผีเอง ฮี่ๆ” เสียงหัวเราะแฝงไว้ด้วยความหื่นกาม ผู้พูดคงถูกใครสักคนกระทุ้งสะกิดจึงได้ร้องสะดุ้ง เกี้ยวโคลงเคลงไปเล็กน้อย
“เพราะมีพวกคิดเยี่ยงเจ้านั่นแหละถึงได้มีพิธีตีตรานายบำเรอ ไม่รู้หรือไง” เสียงค่อนข้างมีอายุและเข้มงวดกว่าเสียงอื่นดังขึ้น แต่ไม่อาจขัดความคิดพิเรนทร์เหล่านั้น คนหนุ่มกว่าส่งเสียงจึ้กจั้ก
“หรือไม่จริงเล่า มีนายบำเรอคนไหนอยู่ได้เกินสามเดือนกัน ใครจะไม่รู้ว่าท่านประมุขเบื่อง่ายถึงเพียงไหน”
“นั่นมันก็อีกเรื่อง แต่ตอนนี้คนผู้นี้เป็นทรัพย์สินของท่านประมุข ไว้ถึงยามท่านเบื่อแล้วเจ้าจะทำหรือพูดอะไรก็ตามใจ”
เยว่ถิงขนลุกตามแขน แต่ก็ใช้มือลูบให้ราบลง ถึงเขาเป็นคนตาบอด แต่ทั่วไปในยุทธภพ ยามใครคนหนึ่งถูกนำพาเข้าสถานที่ลับ ย่อมจำต้องเก็บความลับ ยิ่งเป็นพรรคมารยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง นั่นหมายความว่าหากจะออกไปอย่างอิสระคงต้องไปยังประตูผีแบบไร้ลมหายใจ เขาหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วตั้งใจฟังต่อ
“พูดถึงเจ้ากระต่ายตัวก่อน ข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสมู่สงสัยว่าผู้อาวุโสเจิ้งช่วยมันหนีไป”
“จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่ใช่เพราะเขามิถูกชะตากันจึงหาเรื่องใส่ไฟหรอกหรือ”
“หืม หากไม่มีมูล บุรุษเช่นขุนพลพิฆาตกิเลนผู้นั้นไยจะกล้ากล่าวลอยๆ”
“แล้วมีเหตุอันใดให้ผู้อาวุโสเจิ้งทำ ธรรมดาเห็นเอาแต่ประจบประแจงท่านประมุข นั่งอ่านตำราหรือไม่ก็ไปนั่งเล่นหมากรุกกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็เท่านั้น จะช่วยกระต่ายหนีไปให้ท่านประมุขกริ้วทำไม”
“ฮ้า” เสียงหนึ่งร้องอย่างรู้ดี “ไม่รู้มาก่อนหรือว่าผู้อาวุโสเจิ้งเคยอยู่ฝ่ายธรรมะ รูปงามอย่างนั้นยังไม่เห็นว่าจะสนใจสตรี เหล่าสตรีในพรรคยั่วยวนแล้วก็แสร้งเฉยมิรู้เรื่อง...”
“พวกเจ้า” เสียงเข้มดุดังขัดขึ้นอีก เริ่มมีอารมณ์รำคาญใจ “ปากช่างเบายิ่งกว่าปัญญาซะอีก”
“โธ่ ท่านก็อย่าได้โมโหไป ข่าวลือใดๆ ก็ต้องมีแลกเปลี่ยนกันบ้างในพรรค จะปิดหูปิดตาไม่ฟังสิ่งใดได้หรือ” อีกเสียงยังว่าติดตลก ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด “จริงสิ กล่าวกลับมาที่กระต่ายตัวนี้ แต่งกายวันนี้ดูแล้วท่านประมุขคงโปรดเอามากจริงๆ เทียบกับเจ้าตัวก่อนๆ ที่ไม่มีอะไรเลย”
“เป็นจริง ได้ยินมาว่าสั่งให้ไม่ต้องใช้ตรวนและยังให้ตระเตรียมน้ำผึ้งผสมพิษแทนด้วยยาพิษอย่างเดียว เพื่อจะได้บรรเทารสขมปร่าลง”
“ขนาดนั้นเชียว งั้นเห็นทีตัวนี้อาจอยู่นานกว่าสามเดือนก็เป็นได้”
ยาพิษ?
ครั้นนึกถึงสิ่งที่เคยได้ยินเล่าลือมาบ้าง หรือยาพิษที่ว่าจะเป็นยาพิษประเภทยามปกติจะไม่มีผลได้แต่ต้องได้รับยาแก้พิษอย่างเป็นประจำตามเวลา มิฉะนั้นผู้ดื่มจะถูกพิษนั้นแทรกซึมจนตาย เหล่าพรรคมารมักใช้กับเหล่าลูกพรรคเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อประมุข
“พนันได้ว่าเรื่องนี้คงไม่ถูกใจคุณหนูหวังแน่ หึๆ”
“แน่นอน ได้ยินสาวใช้ตำหนักเทพยากรณ์ซุบซิบว่านางปฏิเสธพบท่านประมุขโดยอ้างว่าป่วยเมื่อคืนวาน บางทีนางอาจไม่มาร่วมพิธีตีตราด้วยกระมัง”
“แต่มิใช่ว่านางอยากจะเห็นหน้ากระต่ายที่ท่านประมุขชื่นชอบหรือ เช่นว่างามสู้ข้าได้รึเปล่าอะไรเช่นนั้น” ผู้เอ่ยกลั้วหัวเราะ “หึ ถ้าให้ข้าตอบ ใครในใต้หล้าจะงดงามสู้เทพธิดาพยากรณ์แห่งพรรคสะบั้นสวรรค์ได้ ท่านประมุขก็เหลือเกินที่หมางเมินนาง เป็นบุรุษใจแข็งน่านับถือยิ่ง”
“เดี๋ยวถึงที่ก็รู้ว่าใครจะมาร่วมบ้าง ปกติเจ้าตำหนักต่างๆ มักจะอ้างว่าธุระบ้าง ไม่สะดวกบ้าง ท่านประมุขเองไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร แค่ทำพอเป็นพิธีว่านำใครเข้ามาในพรรค ทีนี้หากมีเรื่องขึ้นมาจะได้อ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ อ้อ ทว่าสิ่งที่ข้ารู้แน่อย่างหนึ่งคือมีท่านประมุขรองที่มิได้สนใจเรื่องนี้”
“ท่านประมุขรอง? ข้าอยู่ที่นี่สามปีแล้วยังไม่เคยเห็นเลย”
“ข้าห้าปี ยังไม่เคยเห็นแม้แต่เงา จนนึกสงสัยว่ามีตัวตนจริงหรือแค่ตำแหน่งว่างๆ”
“คนผู้นี้ลึกลับ เคยได้ยินว่ากระทั่งท่านประมุขยังต้องเกรงใจ เขามักอยู่แต่ในตำหนักกว้างใหญ่ของตนเอง ทำกิจใดๆ ล้วนเป็นความลับ ผู้รับใช้ทั้งหมดล้วนสวมชุดขาวดำใส่หน้ากากปิดมิดชิด ไม่พูดจากับคนอื่นๆ ...”
ทั้งหมดหยุดบทสนทนาลงรวมถึงการเคลื่อนที่ด้วย แสดงว่าเกี้ยวถึงที่หมายแล้ว เยว่ถิงหายใจลำบากขึ้นมายามเกี้ยวถูกวางลงยังพื้น เขาถูกพยุงและจูงขึ้นบันไดหลายขั้น ไม่ต่างกับนักโทษที่โดนพาขึ้นตะแลงแกง
ขณะเดินจนรู้สึกว่าน่องเมื่อยขบ ในที่สุดเขาก็ยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศกดดัน สัมผัสพิเศษรับรู้ว่ามีผู้คนแวดล้อมอยู่รอบตัวมากมาย เขาถูกสั่งให้คุกเข่าบนกระเบื้องเย็นๆ สดับเสียงคำสั่งเนือยๆ ที่มาจากผู้เฒ่าคนหนึ่ง
“จากนี้ไปเจ้าจะเป็นส่วนหนึ่งของพรรคสะบั้นสวรรค์ จงทำความเคารพสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งพรรค หนึ่ง คำนับท่านประมุขสามครั้ง”
เขาลุกอย่างทุลักทุเลด้วยเครื่องประดับและชุดยาวลากพื้นที่ค่อนข้างจะทำให้เขาเหมือนต้นคริสต์มาสเดินได้ โชคดีมีคนคอยประคองช่วยเหลือในการลุกย่อคำนับ มิฉะนั้นคงไม่ต่างจากการสกอตจัมป์แบบนุ่มนวลเนิบช้า เยว่ถิงวาดภาพว่าประมุขมารคงนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงขึ้นไปเบื้องหน้าขณะเอ่ยว่า “ลุกขึ้นได้”
“สอง คำนับท่านประมุขรองสามครั้ง”
เยว่ถิงถูกจับร่างให้เบือนไปยังทางซ้ายเล็กน้อยขณะทำเช่นเดิม ไม่มีเสียงบอกให้ลุกขึ้น นึกไปถึงคำพูดของเหล่าคนแบกเกี้ยวว่ารองประมุขผู้นี้ไม่ได้ใส่ใจกิจกามของจอมอสูร ดังนั้นจึงคล้ายกับว่าเขาคำนับเก้าอี้ว่างเปล่า
“สาม คำนับเทพธิดาพยากรณ์สามครั้ง”
เด็กหนุ่มย่อคำนับ แต่ย่อได้สองครั้งก็ได้ยินเสียงเพล้งของแก้วตกแตกดังลั่นจึงชะงักค้าง จอมอสูรเอ่ยเสียงเฉื่อยๆ ติดจะสนใจเจือนึกสนุก “ไม่ยักรู้ว่าเจ้าก็ซุ่มซ่ามในบางทีอิงเอ๋อร์”
“ขออภัย เป็นเพราะข้าบอกแล้วว่าวิงเวียนศีรษะไม่ค่อยสบาย แต่ท่านก็ส่งคนไปรบเร้าให้มาจนได้” น้ำเสียงหวานหูนั้นเย็นชาอย่างยิ่ง แต่แค่ฟังเสียงเยว่ถิงก็จินตนาการไปว่านางคงงดงามปานนางสวรรค์ เว้นว่าส่งกระแสความไม่พึงใจเข้ากระแทกกระทั้นร่างเขาอย่างรุนแรง “ขออภัยต่อเจ้าด้วย ข้ามิได้ตั้งใจขัดพิธี เชิญคำนับต่อเถิด”
เยว่ถิงยิ้มแห้งๆ แล้วคำนับต่อให้ครบครั้งที่สาม นิสัยเขานอกจากจะไม่ชอบความวุ่นวายเอะอะแล้ว สิ่งที่เขาไม่โปรดปรานติดท็อปลิสต์นั่นคือการทะเลาะผิดใจกับผู้หญิงนี่เอง
“ต่อเป็นการสักอักขระลงบนผิวเจ้า สิ่งนั้นจะแสดงว่าเจ้าของทรัพย์สินของพรรคที่ขึ้นตรงต่อท่านประมุข”
เยว่ถิงถูกกดไหล่ทั้งสองให้นั่งลง มีคนยกโต๊ะเล็กและอ่างน้ำเข้ามาข้างๆ แขนซ้ายเขาถูกดึงขึ้นไว้บนโต๊ะไม้นั้น แล้วข้อมือจึงถูกล็อกด้วยโลหะติดกับโต๊ะ ได้ยินเสียงบ่นเบาๆ ลอยมาจากจอมอสูร
“ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องใช้ตรวน”
“แต่ขั้นตอนนี้ ยิ่งตาบอดมองไม่เห็น เขายิ่งตื่นตระหนกได้ง่าย ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าขอรับท่านประมุข”
แขนเสื้อยาวถูกเลิกขึ้นจนถึงข้อศอก รู้สึกได้ถึงปลายพู่กันละเอียดจรดลงบนกายอย่างชำนาญเป็นถ้อยคำคร่าวๆ จากนั้นผิวท้องแขนก็ถูกป้ายด้วยบางอย่างกลิ่นคล้ายสมุนไพรหอมเย็นให้ฤทธิ์ชาจนแทบไร้ความรู้สึก
วัตถุปลายแหลมทิ่มแทงจรดลงเป็นภาษาจีนโบราณทีละตัวอักษร ถึงไม่เจ็บมากมายทว่าทำให้ท้องน้อยเสียววูบวาบทุกครั้งเมื่อมีสิ่งกรีดลง มีคนคอยคุมร่างเขาไว้ไม่ให้ดิ้นรน เขามิอาจห้ามตัวเองให้มิหายใจเข้าออกถี่ หยาดโลหิตหลั่งลงไหลรินสู่ภาชนะบางอย่างที่รองรับอยู่เบื้องล่างที่คาดว่าน่าจะเป็นทองเหลือง
จิตใจเยว่ถิงจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนที่ของสิ่งที่สร้างร่องรอยบนผิวจนไม่รู้สึกถึงผู้ย่างเท้าเดินเข้ามาใกล้
ทันใดนั้นปลายนิ้วสั่นของเขาก็ถูกรวบด้วยปลายนิ้วหยาบและค่อนข้างเย็น ร่างเขาสะดุ้งกระตุกขึ้น หากบอกว่าไม่รู้สึกตระหนกหรือหวาดกลัวกับการถูกสักโดยตนมองไม่เห็นความเป็นไปคงเป็นการโป้ปดแน่แท้ ไหล่เขายิ่งถูกกดลงแรงขึ้น ใบหน้าพยักพเยิดขึ้นด้วยอารมณ์คาดไม่ถึงเมื่อถูกสัมผัส
“เจ้านี่ขี้กลัวจนข้าอดสมเพชไม่ได้” น้ำเสียงกล่าวเหยียดหยาม ทว่าชั่วขณะนั้นกลับลืมความรู้สึกตื่นกลัวไปได้บ้าง จนเขาถึงกับต้องขมวดคิ้วเมื่อนึกขึ้นได้ จอมอสูรผู้ว่ากันว่าโหดเหี้ยมป่าเถื่อนมิใช่ว่าตอนนี้กำลังจับมือนายบำเรอเพื่อปลอบโยนขณะพิธีตีตรางั้นหรือ ทั้งมืออีกข้างก็ลูบศีรษะเบาๆ
“ข้ายังไม่เคยเห็นนายบำเรอตายระหว่างการสัก แต่ครั้งนี้อาจไม่แน่ ท่านประมุขถึงได้นั่งไม่ติดเก้าอี้” เสียงหัวเราะเยาะๆ ของสตรีเพียงหนึ่งเดียวลอยมาจากเทพธิดาพยากรณ์
“หึ กระต่ายข้าขลาดกลัวเพียงนี้ กลัวว่าจะกัดลิ้นตายไปเสียก่อน” น้ำเสียงของจอมอสูรเอ่ยคล้ายกับรู้สึกความสมเพชเวทนาเขานัก
“ขี้ตื่นตกใจ แถมยังเยาว์เกินไปนัก บางครั้งรสนิยมของท่านก็ทำให้ข้ามิอยากยุ่งเกี่ยวด้วย”
ตัวเยว่ถิงถูกปรามาสเช่นนี้ย่อมอับอายสตรีอยู่เหมือนกัน จึงฝืนใจเก็บอารมณ์หวาดกลัวทั้งมวล กำมือแน่น สะกดจิตตัวเองว่าเป็นนางพยาบาลเอวีสุดเซ็กซี่คนหนึ่งกำลังเอาเข็มจิ้มแขนเขาอยู่อะไรทำนองนั้น
อาจดูหื่นกามไปบ้าง แต่ผู้ชายก็จำเป็นต้องจินตนาการสิ่งแฟนตาซีบางอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในบางที
ไม่น่าเชื่อ ร่างเขาค่อยๆ ผ่อนคลายอาการเกร็งจะปวดแขนลง จะว่าไปก็เจ็บแบบพอทนได้
เวลาผ่านไปหลายเค่อ ตัวอักษรจีนโบราณได้ความว่า ‘สุริยันเร้นจันทรา’ ตวัดหางสวยงามก็อยู่บนร่างของเขาสดๆ ร้อน เป็นความหมายที่เขาต้องเก็บไว้ขบคิดภายหลัง กระทั่งเรือนของเขายังมีชื่อว่าเรือนเร้นจันทร์
จอมอสูรปล่อยมือเขาก่อนสาวเท้ากลับไปสู่บัลลังก์ตามเดิม
“ขั้นต่อไปคือดื่มยาพิษกร่อนกระดูก ยามดื่มยาพิษนี้เจ้าจำเป็นต้องรับยาแก้พิษจากท่านประมุขทุกวันสิ้นเดือน มิฉะนั้นยานี้จะแทรกซึมทั่วร่างแล้วกัดกินกระดูกของเจ้าให้ตายอย่างทรมานทั้งเป็น”
ถ้วยยาพิษกลิ่นฉุนถูกยื่นมาเบื้องหน้า จำใจต้องยกดื่มลงคอ ครั้งแรกสัมผัสลิ้นเป็นรสหวานของน้ำผึ้ง แต่พอไหลลงสู่ปลายลิ้นกลับมีรสขมรุนแรง ยามถึงลำคอและหลอดอาหารกลับคล้ายเผาผลาญให้ไหม้เป็นจุณ เยว่ถิงสำลัก ทว่าถูกล็อกคอให้ดื่มลงไปให้หมดแก้ว
ที่สุดเมื่อดื่มเสร็จถึงกับร้อนรุ่มทั่วร่างคล้ายพิษแทรกซึมไปทั่ว กายาสะเทิ้นร้อนสะเทิ้นหนาวคลับคล้ายว่าเป็นไข้หนักขึ้นมา กระดูกหรือกล้ามเนื้อกำลังหลอมละลายราวเทียนไข ทว่าเมื่อถูกจับกรอกด้วยของเหลวเย็นลื่นคออีกหนึ่งชนิดร่างหนักอึ้งพลันเบาหวิว เยว่ถิงถูกปล่อยตัวให้ร่วงลงให้ก้มหน้าใช้มือเท้าพื้นกระเบื้อง มืออีกข้างกุมที่หน้าอกขณะไอแรงๆ
อาการทรมานทั้งปวงถูกทำให้อันตรธานหายวับไป ยาดีแบบนี้หากเขานำไปขายคงร่ำรวย เอ่อ ไม่มั้ง ไม่น่าใช่เวลาคิดเรื่องนี้
“พิธีตีตราขั้นสุดท้าย เราจะประทับเหล็กร้อนบนหลังเจ้า”
เยว่ถิงถูกปลดอาภรณ์ลงเผยแผ่นหลังเปลือยเปล่าสู่สาธารณะ แขนถูกจับตรึงกางออก เขาไม่ได้มีปัญหากับการถอดท่อนบนโชว์ แต่ปัญหาคือสิ่งที่กำลังจะมาสัมผัส ไอร้อนๆ ของมันแผ่มาถึงว่าเป็นแผ่นเหล็กค่อนข้างใหญ่ เด็กหนุ่มกะพริบตาก่อนจะหลับตาลงทั้งที่มองไม่เห็น
เด็กหนุ่มขอทานหลับตาแน่นขึ้น กัดฟันเตรียมรับความร้อนผ่าวเบื้องหลัง
ทว่า
“กรี๊ด!”
“คุณหนูเจ้าคะ!”
มีเสียงกรีดร้องแหลมและเสียงเอะอะดังขัดจังหวะ คล้ายกับว่าเทพธิดาพยากรณ์เป็นอะไรบางอย่าง เกิดเป็นนความยุ่งเหยิงขึ้นกลางพิธี กระทั่งจอมอสูรพันศพก็จำต้องลุกพรวดเข้าไปหานาง
“เกิดอะไรขึ้น”
“ขะ ข้า” น้ำเสียงเยือกเย็นหวานหูนั้นสั่นสะท้าน เจือด้วยความหวาดผวาและงุนงงสับสน ลมหายใจของนางไม่ปกติคล้ายหอบหายใจไม่เป็นจังหวะ เยว่ถิงพอเดาได้ว่านางมิได้มีสุขภาพที่ดีสมบูรณ์นัก นางยิ่งเคร่งเครียดยามเอ่ยจริงจัง วาดภาพได้คร่าวๆ ว่าอาจยกมือก่ายหน้าผาก
“ข้าเห็นภาพนิมิต”
ในโลกแห่งนี้ศาสตร์การทำนายชะตาฟ้าดินถือว่าเป็นไปได้ แม้ในแผ่นดินจะมีทั้งหมอดูและหมอเดาปะปนกัน แต่ระดับเทพธิดาพยากรณ์หนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของพรรคมาร คาดว่าความแม่นยำต้องมากประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า การที่นางมีท่าทีหนักใจเช่นนี้ย่อมดึงบรรยากาศทั่วพรรคให้หนักอึ้งตามไปด้วย
อิงเอ๋อร์พึมพำ แต่ด้วยความเงียบไร้เสียงทำให้ได้ยินชัดเจนทั่วหน้า
“เขา...” คลื่นกระแสเสียดแทงบอกว่าทุกสายตาจ้องตรงมายังเยว่ถิง อิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างเหนื่อยล้า “นายบำเรอผู้นี้... จะทำให้ท่านประมุขต้องถึงแก่ความตาย”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่ไม่คิดว่าจะทั้งกรีดทั้งประทับ ยาพิษอีก สงสารอ่ะ คงทรมานน่าดู ตอนแรกที่บอกว่าตีตราก็คิดว่าจะแค่ทาบเหล็กร้อนซะอีก
บอกสิว่านังนี่ไม่ได้ทอแลอยู่อ่ะ? แหมอิจฉาจนต้องพยากรตรงนี้เลยเรอะ?
ไม่จริงงงงงง อะไรยังไง
ได้ไง โกหกป้ะ ทำไมลูกชั้นต้องมาเจอคนร้ายๆ
หาเรื่องเก่งจริงเทพธิดาพยากรณ์