ตอนที่ 12 : 12 - หวงแหน re4/10/60
หทัยจอมอสูร [Yaoi]
12 – หวงแหน
“ในเมื่อเป็นนายโลมชั้นสูง จะมีสิ่งใดนอกจากปรนเปรอบุรุษ พรรคสะบั้นสวรรค์เองก็มีบุรุษไม่น้อย”
ได้ยินจอมอสูรเอ่ยเช่นนั้น เยว่ถิงมิอาจนิ่งแข็งค้างอยู่ได้อีก เขาบังคับร่างกายที่เกร็งด้วยความหวาดผวาให้โขกศีรษะลงพื้นอย่างแรงพร้อมตะโกนลั่น
“เป็นข้าผิดเอง โปรดละเว้นเขาด้วย!”
“หยุด” ไม่รอให้เขาพูดจบเสียซะครึ่งวินาที จอมอสูรก็กล่าวตัดบท น้ำเสียงยิ่งบ่งบอกถึงความพิโรธที่เพิ่มมากขึ้น “หากมิอยู่นิ่งแล้วหุบปาก ข้าจะปลิดชีพมันซะเดี๋ยวนี้”
ถูกสั่งด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น ผู้ใดจะกล้าขยับเขยื้อน
รู้สึกถึงหยาดโลหิตไหลลงตามกรอบหน้า แต่เยว่ถิงมิได้รับรู้ความเจ็บปวดจากบาดแผลแตกยังหน้าผาก ความหวาดกลัวต่อจอมอสูรพันศพที่เคยคิดว่าจะหายไปบัดนี้ได้กลับมา รวมถึงกลัวว่าซีหลงจะถึงแก่ชีวิตจริงๆ
“โปรด... โปรดละเว้นเขาด้วย”
กระนั้น เยว่ถิงยังฝืนกล้ำกลืนเอ่ยคำ เสียงร้องเพราะเจ็บปวดของซีหลงดังมาอีกระลอกให้สะดุ้งไหวไหล่
“แม้หากต้องแลกด้วยชีวิตเจ้าก็ตามงั้นหรือ?”
“นั่น... แล้วแต่ท่านจะปรารถนา”
ได้ยินเสียงเฮอะกดต่ำ แม้จะรักษาระดับน้ำเสียงเนิบนาบ แต่กระแสอารมณ์ของประมุขสะบั้นสวรรค์เวลานี้กำลังหงุดหงิดจนแทบจะระเบิดร่างกายคนและสิ่งรอบกายได้
“มู่อวิ้นหลง บัดนี้ไอ้กระต่ายนี่เป็นของเจ้า อยากจะทำอะไรกับมันก็ตามใจ”
ขุนพลพิฆาตกิเลนคล้ายประหลาดใจวูบหนึ่ง แต่ต่อมากลับมีรังสีชั่วร้ายจนเยว่ถิงยะเยือกไขสันหลัง ได้ยินเสียงค้อมศีรษะลงตอบรับผู้เป็นนายอย่างพอใจ บอกเป็นลางหายนะแก่บัณฑิตแพทย์ในคราบนายโลมจัดจ้านอย่างชัดเจน
“ขอบคุณท่านประมุข ข้าจะอบรมมันให้เป็นอย่างดี”
“แต่ข้าถูกซื้อมาเพื่อท่าน อุ๊บ!”
บัณฑิตหนุ่มยังพูดไม่ทันจบก็คล้ายถูกบีบแก้มอย่างแรง ได้ยินเสียงลากครืดคราด คงเพราะรู้แน่แล้วว่าเขาได้หาญกล้าตีฝีปากท้าทายมู่อวิ้นหลงและสร้างความวุ่นวายไว้เมื่อวันก่อน หากต้องตกอยู่ในกำมือคนผู้นี้ย่อมไม่อาจทราบได้ว่าจะยับเยินถึงเพียงไหน
“ในเมื่อท่านประมุขให้เจ้าแก่ข้า อยากรู้นักยังจะมีท่าโอหังเหมือนวันก่อนหรือไม่” มู่อวิ้นหลงแค่นเสียงสะใจ
“ไอ้บ้าเอ๊ย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! อ๊าก!” ฟังจากเสียงแล้วซีหลงคงถูกยกขึ้นห้อยหัวจับพาดยังบ่าของมู่อวิ้นหลง เขาพยายามดิ้นรนทุบตีและต่อสู้ทุกวิถีทาง แต่ไยบัณฑิตแพทย์ธรรมดาจะสู้ยอดเสนาธิการฝ่ายบู๊แห่งพรรคสะบั้นสวรรค์ได้ เยว่ถิงยังไม่ทันได้ร้องเรียนขอสิ่งใด กระทั่งตัวเองก็ถูกอุ้มลอยขึ้นในท่าเดียวกันแล้วพาเข้าเรือนเร้นจันทร์
เลือดตกลงคั่งยังศีรษะทำให้มึนงง ก่อนจะถูกโยนลงกองกับพื้นไม้ เยว่ถิงสะบัดศีรษะ รู้สึกลนลานไปหมดยามรู้ว่าอยู่ในห้องอาบน้ำของเรือนเร้นจันทร์ น้ำอุ่นถูกสาดใส่หน้าอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัวจนผงะหงาย
เยว่ถิงถึงกับสำลักจนแสบคอ ตะเกียกตะกายหายใจด้วยความกลัว สมองกลายเป็นสีขาวนึกสิ่งใดไม่ออก
“ฮ่า!?”
น้ำถูกราดลงมาอีกจนเส้นผมและอาภรณ์เปียกเรียบลู่แนบทั่วร่างกาย ก่อนสัมผัสได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่เคยล่วงเกินเขาไว้ปาดป้ายยังบริเวณที่ศีรษะแตก ลูบเอาโลหิตออกไปพร้อมกับสายน้ำอย่างไม่ทะนุถนอมนัก
จอมอสูรล้างแผลให้เขา...?
เยว่ถิงไม่อยากคิดเข้าข้างตนเองเช่นนี้ ทว่าถึงรุนแรงอย่างมาก แต่เขาได้ยินเสียงสบถตามมาเบาๆ
“อัปลักษณ์สิ้นดี”
ข้อศอกถูกดึงไปล้างแผลรวมถึงตามแขนและหัวเข่า เยว่ถิงอยู่ในสภาพนั่งอ้าข้าหมิ่นเหม่โดยมีตัวจอมอสูรอยู่ระหว่างสองขา ฝ่ามือใหญ่ร้อนและกร้านกำลังจับน่องเขาเอาไว้แน่นไม่ต่างจากคีบเหล็ก เยว่ถิงหน้าขึ้นสี อุณหภูมิรอบกายก็สูงอยู่แล้วยิ่งเร่งความร้อนในตัวให้มากตาม
“นะ นายท่าน” เด็กหนุ่มพยายามเอ่ยปากห้าม มือไม้ปัดป่ายไปโดนหน้าอกแข็งแกร่งดุจหินผา “ผู้ ผู้น้อยจะไม่ทำอีกแล้ว”
“หึ” ได้ยินเสียงปากระบวยตักน้ำไปไกล คงแตกเป็นเสียงยามปะทะผนังห้องน้ำ จอมอสูรเอื้อมมือมาจับคางของเขาไว้แน่น ความเงียบหนักอึ้งตกลงมาท่ามกลางไอน้ำหลังจากการสาดน้ำใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง เยว่ถิงได้ยินเสียงชีพจรของตนเต้นตุบอยู่ในหูทั้งสอง พร้อมหัวใจที่ใกล้จะหลุดออกจากทรวงอกซ้ายอยู่ทุกเมื่อ
ความใกล้ชิด กายสูงใหญ่และอารมณ์ที่เอาแน่เอานอนม่ได้ยิ่งทำให้เยว่ถิงมึนงงหนักข้อขึ้นกว่าเดิม
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน”
คำถามไร้ที่มาที่ไป เยว่ถิงเสียเวลาอ้ำอึ้ง แต่จอมอสูรไม่รอให้เขาได้ตอบคำ
“โง่นัก”
หน้าผากเยว่ถิงถูกดีดอย่างแรงพร้อมคำด่า ทำให้กะโหลกของเขายิ่งสะเทือนมึนงงจับเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้ สองแขนของจอมอสูรกักขังร่างเขาเอาไว้ในท่านั่งใกล้ชิดจนแทบแตะสัมผัสทุกส่วน พลันอยู่ๆ ก็ถูกช้อนตัวขึ้นนั่งบนตักในท่าหันหน้าเข้ากัน อ้อมแขนข้างหนึ่งรวบเอวเขาไว้แนบชิด
เยว่ถิงอ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะอ้าขาหรือหุบข้าดี จะอ้าก็เป็นท่าขาตัวเอ็มน่าอับอาย จะหุบขาก็สัมผัสชิดลำตัวประมุขพรรคมาร ตัวเขาสาบานได้ว่าใจไม่เคยพิศวาสใคร่ในบุรุษด้วยกัน สถานการณ์ตอนนี้จึงทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกอย่างมาก
“หน้าตาหรือบัดนี้ก็แสนอัปลักษณ์ ท่าทางก็มิได้ดูเหมือนคนสมประกอบนัก ทั้งยังโง่งมไร้ทางสู้แต่กลับรักคุณธรรมจนน่าคลื่นไส้ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน”
“ผู้น้อย เอ่อ...”
“คราแรกเป็นเพียงขอทานไร้รากที่มีหน้าที่เพียงฆ่าเวลาชั่วราตรี ทว่ามิเพียงขัดใจข้า อิงเอ๋อร์ยังทำนายว่าเจ้าจะทำให้ข้าถึงฆาต คนเช่นเจ้านี่หรือ ในสนามยุทธภพแคว้นอ้ายจะมีสิ่งใดน่าขำกว่านี้อีก?”
ประมุขมารประชดประชันด้วยน้ำเสียงเข้มและรัวเร็วกว่าปกติหลายเท่า เยว่ถิงรีบพยักหน้าเห็นด้วย สติกระเจิดกระเจิง “เป็นจริง หยะ อย่างผู้น้อยจะทำให้ท่านสิ้นได้อย่างไร”
“เงียบแล้วฟัง!”
พูดแทรกนิดเดียวก็ไม่ได้!
แรงของฝ่ามือที่สัมผัสอยู่บนบ่าสองข้างเพิ่มขึ้นจนคิดว่าคงเป็นรอยปื้นแดง
“ที่สุ่ยหนาน ข้าไปสังหารผู้คน ไปเจรจาธุระกับพวกลิ้นสองแฉก ไปฝึกฝนเพิ่มกำลังปราณ ข้าคือประมุขแห่งสะบั้นสวรรค์ มิได้ว่างหายใจไปวันๆ เช่นเจ้า”
เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ รัวเร็วไม่ต่างจากตุ๊กตาคอสปริง ถ้าหากเขากลัวจนเป็นลมไปคงไม่เกินความคาดหมายเลย ทั้งแทบไม่เข้าใจสิ่งที่จอมอสูรต้องการเอ่ยสักนิดเดียว
จอมอสูรหยุดเว้นวรรค ผ่อนลมหายใจแรงๆ แต่ยังคงไม่คลายแรงบีบ
“บัดนี้ใบหน้าเจ้าอัปลักษณ์นัก ยิ่งประดับด้วยรอยยิ้มโง่งมยิ่งไม่มีสิ่งใดน่ามอง ร่างกายผอมแห้งคล้ายจะเป็นซากนั่นก็ราวกับจะเปราะหักได้ทุกเมื่อ ทว่ากระทั่งในยามราตรี ภาพที่เจ้าจะตายกลายเป็นศพเน่ากลับตามไปหลอกหลอนข้าในความฝัน ทำให้ข้ามิอาจนอนหลับสนิทให้สบายใจสักคืน”
เยว่ถิงอ้าปากค้าง ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา กระทั่งเสียงเล็กน้อยก็ไม่มี ดั่งถูกค้อนทุบยังศีรษะอย่างแรง
นี่จะบอกว่าเขาเล่นคุณไสยถอดวิญญาณไปหลอกหลอนจอมอสูรหรือยังไง น้ำคำเครียดจริงจังของจอมอสูรทำให้เยว่ถิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“เป็นความผิดของเจ้า เป็นเพียงนายบำเรอกลับมิเจียมตัว เจ้าเป็นใครกันแน่ จงเอ่ยนามมา!”
งุนงงอย่างยิ่งที่จู่ๆ ก็ถูกถามนาม แต่เมื่อรู้สึกตัวเยว่ถิงรีบตอบกลับลิ้นแทบพันกัน
“ผู้น้อยมีนามว่าเยว่ถิง...”
“เยว่ถิง ไอ้เด็กเวร”
โดนด่าเข่นเขี้ยวทันทีที่รู้ชื่อ ร่างเยว่ถิงที่อยู่บนตัวสั่นตามการเค้นคำพูดแต่ละคำ เด็กหนุ่มกลัวว่าไหล่เขาจะหลุดออกคามือจอมอสูรหากยังไม่ทำอะไร จึงพยายามตอบละล่ำละลัก ทั้งมือจับผ้าปิดแผลเอาไว้
“ข้าเป็นสมบัติของท่าน เจ้าของจะหวงแหนสมบัติย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ที่ข้ารบกวนท่านในความฝันคงเป็นเช่นนั้น”
จอมอสูรยอมหยุดคลายแรงจากสองมือลง เน้นเสียงเข้มตอบ
“ใช่ ชีวิตเจ้าอยู่ในกำมือข้า คนที่ทำร้ายเจ้าได้มีแค่ข้า กระทั่งตัวเจ้าเองก็ไม่มีสิทธิ หากภายหลังยังมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ข้าจะไม่ปราณีต่อเจ้าอีก เข้าใจหรือไม่”
มิทราบมีเรื่องอันใดให้อีกฝ่ายหมกมุ่นกับเขา แต่พอเยว่ถิงเร่งหาเหตุผลที่พอฟังขึ้นให้ได้จอมอสูรจึงคล้ายจะอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย
“ผู้น้อย เอ่อ เข้าใจแล้วขอรับ”
“อย่าลืมสิ่งที่เจ้าพูด” จอมอสูรข่มขู่ ก่อนจะอุ้มเยว่ถิงลุกขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว จนเด็กหนุ่มร้องแล้วใช้มือคว้าเกาะร่างกายแข็งแกร่งแน่นด้วยกล้ามเนื้อแทบไม่ทัน ต้องยอมรับว่าจอมอสูรหุ่นดีอย่างมาก แต่ไม่ขอเกาะเป็นลูกลิงเช่นนี้ได้หรือไม่
“เจ้าทำให้ข้าต้องเปียก” อีกฝ่ายคงขมวดคิ้วมุ่นอยู่ บ่นขณะอุ้มร่างเขาแนบกาย
อะไรๆ ก็โทษเขา ทั้งที่เป็นความผิดตนเองแท้ๆ เยว่ถิงอยากว่าอย่างนั้นเพราะเปียกทั้งร่างหัวจรดเท้าจากน้ำมือจอมอสูร แต่ระงับปากไว้ ประสบการณ์หัวใกล้หลุดจากคอเมื่อกี้นับว่าแย่จนไม่อยากเผชิญอีก จึงได้แต่เอ่ยเสียงเบา
“แล้วท่าน เอ่อ ต้องการให้ผู้น้อยทำเช่นไร”
“เจ้ามีหน้าที่ปรนนิบัติข้ามิใช่หรือไร?”
อีกฝ่ายว่าเสียงเคร่ง แต่เยว่ถิงรับรู้ได้ว่าอารมณ์กรรโชกอันไม่ปกติได้ลดน้อยลงมากแล้ว เขาจึงกล้าเอนตัวหนีห่าง เบือนหน้าออกจากจมูกโด่งเป็นสันที่ชิดใกล้โดยอัตโนมัติ กิริยานั้นเป็นท่าทางที่ทำให้จอมอสูรรวบร่างเขาให้ชิดแทบไร้ช่องว่าง จนรับรู้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมาผิวสู่ผิว
“อย่าทำให้ข้ายิ่งหงุดหงิดจะดีกว่า”
“ได้โปรดอย่าเพิ่งโกรธเคือง เอ่อ” เด็กหนุ่มตาบอดลังเล วางแขนไว้หมิ่นๆ บนบ่าบึกบึน พูดตามตรงว่าเขาตามอารมณ์เปลี่ยนไปมาราวกับมีฤดูนางของอีกฝ่ายไม่ทัน ก่อนตัดสินใจเอ่ยออกไป
“ตัวผู้น้อยตามืดบอด ไยจะสามารถอาบน้ำให้ท่านสะอาดได้”
อีกทั้ง อย่าคิดว่าเขาลืมไปแล้วว่าจอมอสูรมีกำลังภายในเป่าตัวให้แห้งได้ในชั่วพริบตา หากนี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งจะเรียกว่าสิ่งใดอีกเล่า เพียงแต่ประโยคนี้เยว่ถิงทำได้แค่คิดค่อนแคะในใจเท่านั้น
“ทำเท่าที่เจ้าทำได้ เลิกพูดมากน่ารำคาญเสียที”
ว่าแล้วก็ดันพาเขาก้าวเดินลงสู่สระน้ำโดยมิสนใจเหตุผลข้ออ้างใด ในห้องอาบน้ำเรือนเร้นจันทร์มีทั้งสระน้ำและอ่างอาบน้ำ ปกติเยว่ถิงใช้เพียงอ่างอาบน้ำ เพราะสระน้ำนั้นค่อนข้างลึก แล้วเขาไม่ค่อยมีอารมณ์สุนทรีย์อันใดกับการแช่น้ำเล่นนานๆ ในช่วงเวลาที่ติดแหง็กอยู่ที่นี่นัก ทว่าครานี้ดูจะเลี่ยงไม่ได้
ความรู้สึกครั้งก่อนในสระน้ำยังสถานที่ซึ่งน่าจะเป็นตำหนักจอมอสูรกับการถูกระดมจุมพิตและเกือบเสียบริสุทธิ์ด้านหลังแล่นวาบเข้ามาในความคิด เยว่ถิงรีบสะบัดศีรษะ ได้ยินเสียงของจอมอสูร
“มิต้องคิดเรื่องลามกให้เสียเวลา ข้าไม่มีอารมณ์กับสารรูปของเจ้า”
“ผู้น้อยมิได้คิดอะไร แค่น้ำร้อนเกินไปเพียงเท่านั้น”
“งั้นหรือ” คงเลิกคิ้วสูงอย่างน่าตายนัก แล้วลงน้ำด้วยกันทั้งคู่เช่นนี้เขาจะช่วยอาบน้ำได้อย่างไร
“ตัวแคระเกร็นเยี่ยงนี้ ข้าตวัดฝ่ามือครั้งเดียวก็ตายแล้ว หึ”
ยังไม่วายเหน็บแนมส่วนสูงเขาอีกด้วย เยว่ถิงเพิ่งอายุสิบหก ส่วนสูงเพียงอกจอมอสูร แต่เขาเชื่อว่าตัวเองยังเติบโตได้อีกมาก อีกทั้งโภชนาการตอนเป็นขอทานไม่อำนวยให้ร่างสูงใหญ่ ตอนนั้นก็มิได้มีความคิดอยากเพาะกายจึงใช้ชีวิตตามมีตามเกิด แต่ตอนนี้เริ่มคิดจะมีซิกแพกและปีกกล้ามหลังขึ้นมาแล้วเมื่อถูกบลัฟอย่างต่อเนื่อง
จอมอสูรหาจุดหนึ่งในบ่อหินเพื่อนั่งลงได้ เยว่ถิงถูกนำตัวขึ้นมายังขอบสระปริ่มน้ำโดยถูกศีรษะนั้นทับตักเอาไว้
“สระผมให้ข้า”
เส้นผมจอมอสูรมีกลิ่นสะอาดอ่อนๆ บ่งบอกว่าอาบน้ำมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ในเมื่อโดนสั่งแถมยังไม่มีอุปกรณ์ใด เยว่ถิงจึงต้องใช้มือนวดไปตามเส้นผมยาวนุ่มลื่นนั้น สัมผัสไหลไปตามนิ้วทำให้ความขุ่นเคืองในใจลดลงไปบ้าง นอกจากเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอม หากจอมอสูรไม่เป็นประมุขมารก็อาจไปเอาดีด้านโฆษณาแชมพูสำหรับสุภาพบุรุษ
“ลูบแต่ผมข้าอยู่ได้ ไม่นวดศีรษะหรือไง”
เด็กหนุ่มตาบอดเลื่อนฝ่ามือมานวดยังขมับของศีรษะได้รูปเบาๆ เยว่ถิงเคยไปนอนสระผมที่ร้านทำผมบ่อยๆ พอจำได้ว่าควรนวดตรงไหนถึงจะรู้สึกดี และดูท่าเขาจะทำได้ไม่เลว เมื่อลูกค้าชั่วคราวคนนี้คล้ายหลับตาและลงเสียงในลำคออย่างผ่อนคลาย ขยับศีรษะไปมานิดหนึ่งให้รู้สึกจั๊กจี้ขา
“นายท่าน...”
“...”
“ไม่รังเกียจผู้น้อยจริงๆ หรือ”
“หากเจ้ามิได้หูหนวกด้วย คงได้ยินว่าข้าย้ำคำว่าอัปลักษณ์เพียงใด”
“ผู้น้อยหมายความว่า...” เยว่ถิงเอ่ยช้าๆ เขาควรตะล่อมหัดประจบเสียก่อนถึงจะได้ช่วยเหลือซีหลงได้ “ท่านจะทิ้งผู้น้อยไปหรือฆ่าทิ้งเสียก็ง่ายแค่พลิกฝ่ามือ มิทราบเหตุใดถึงไว้ชีวิตกัน”
จอมอสูรว่าอย่างเริ่มรำคาญเล็กน้อย “ข้าจะไว้ชีวิตใครก็เรื่องของข้า”
เยว่ถิงหัวเราะออกมาแผ่วเบา จอมอสูรคล้ายชะงักไปเล็กน้อย ยกศีรษะขึ้นจากตักทันที เยว่ถิงงุนงงกับอากัปกิริยานั้น ก่อนจะถูกมือใหญ่เอื้อมมาฉุดร่างลงในน้ำโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ตูม!!
“ท่าน!? แค่กๆๆ!”
“ห้ามหัวเราะให้ผู้อื่น” เยว่ถิงรู้สึกได้ถึงหน้าอีกฝ่ายเข้าใกล้ จนสัมผัสลมหายใจ “เพราะสีหน้าเจ้ามันไม่น่ามอง หากไปรกหูรกตาผู้ใดรังแต่จะมีปัญหา”
“หา...?” เยว่ถิงที่ถูกทำให้เปียกโชกอีกครั้งอ้าปากหายใจอย่างไม่เข้าใจ หน้าตาเขาตอนหัวเราะนี่มันกวนมือกวนเท้าคนขนาดนั้นเชียว
“ถูหลัง!” จู่ๆ จอมอสูรก็สั่งใหม่ พร้อมเปลื้องผ้าท่อนบนออก ระดับน้ำนี้อีกฝ่ายนั่งอยู่ได้แต่เยว่ถิงต้องคุกเข่า เด็กหนุ่มมุ่นหัวคิ้ว อารมณ์แปรปรวนเพียงนี้เขาตามไม่ทันจริงๆ แต่ก็จำต้องเอ่ยออกไป “แล้วให้ผู้น้อยใช้สิ่งใด”
จอมอสูรคล้ายส่งเสียงรำคาญใจในลำคอ
“เอ่อ” เยว่ถิงนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนใช้ชายผ้าที่เปียกน้ำของตนลูบแผ่นหลังกว้างใหญ่ แต่กลับโดนกระชากออก
“ใช้มือ”
แล้วไม่บอกแต่แรกเล่า
เยว่ถิงจำต้องใช้มือถูลูบเอาน้ำอุ่นไปตามแผ่นหลังนั้น สัมผัสได้ว่านอกจากมีมัดกล้ามแน่นหนาแล้วยังเต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่ มีแผลหนึ่งที่โดดเด่นและดูน่าเจ็บปวดมากที่สุด เริ่มจากปีกกล้ามเนื้อด้านขวายาวผ่าถึงสะโพกด้านซ้าย ร่องรอยปูดนูนของการผสานผิวทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสัมผัสเพื่อสังเกตมัน
น่าจะเป็นแผลจากศาสตราอานุภาพร้ายแรงเช่นทวนหรือง้าว ใหญ่มากกว่ากระบี่มากนัก ไม่อยากคิดว่ายามสดใหม่จะทรมานเจียนตายเพียงใด...
“ข้าบอกให้อาบน้ำ มิได้บอกให้ยั่วยวน”
“ผะ ผู้น้อยขออภัย!” เยว่ถิงร้อง รู้สึกว่าหน้าขึ้นสีเรื่อ ชักมือออกราวกับต้องของร้อน จอมอสูรหันมาประจันหน้ากับเขา
“เจ้ายังไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายด้านหน้า”
“ง่ะ” เยว่ถิงเผลอส่งเสียงประหลาดออกมา ทั้งๆ ที่คิดว่าน่าจะคุ้นชินกับยุคโบราณในที่แห่งนี้แล้วแต่ไม่วายหลุดคำศัพท์ จอมอสูรมีกระแสอารมณ์แปลกใจ เยว่ถิงจึงรีบใช้มือวักน้ำล้างแนวลาดไหล่แข็งแรงนั้นลวกๆ เพื่อกลบเกลื่อน ใจเขาเองอยากขึ้นจากการแช่น้ำเต็มทน นานกว่านี้อาจจะหมดสติไปได้
แต่จอมอสูรพันศพไม่ให้ความร่วมมือ เยว่ถิงแตะมือมั่วไปตามแผ่นอกกว้างเรียบลื่นนั้นแล้ว กลับยังไม่พอใจ
“ต่ำอีก เจ้าวุ่นวายกับหน้าอกข้ามากไปแล้ว”
เยว่ถิงยอมลดมือต่ำลงเล็กน้อย สัมผัสถึงกล้ามหน้าท้องแข็งเป็นลูกๆ ขยับเข้าออกตามการหายใจที่ดูเหมือนจะเร็วกว่าปกติอยู่บ้าง
“ต่ำอีก”
ให้ต่ำก็ต่ำ เยว่ถิงลูบลงสัมผัสได้ถึงแนวกระดูกที่แข็งเป็นคล้ายรูปตัววีลู่ลง ต่ำได้แค่นั้นก็ชะงัก ตัวเขาเป็นบุรุษแต่มิใช่ว่าจะไม่กระดากใจหากสัมผัสส่วนนั้นของบุรุษด้วยกัน มือจึงแข็งค้างอยู่อย่างนั้น จอมอสูรเอ่ยราวสาแก่ใจ ยังมีหน้าเอาใบหน้ายื่นมาใกล้แล้วกระซิบสั่งริมใบหูเขา
“ต่ำอีก”
ไม่ต่ำแล้ว! เป็นตายยังไงก็ไม่!
“ผู้ ผู้น้อยรู้สึกวิงเวียน” การอยู่กับซีหลงสองสามวันนี้ใช่ว่าเขาจะมิได้วิชาอะไรมาเลย เยว่ถิงผงะออกแสร้งทำท่าทางอ่อนปวกเปียกจะจมลงในน้ำลึก
จอมอสูรฉุดรั้งร่างเขาไว้ แล้วจับยกขึ้นจากสระน้ำ ยังเอามือตบแก้มด้านไร้แผลไม่แรงนัก
จะให้ตอบไหมว่าที่เขาจะเป็นลมเพราะเรื่องอื่น เยว่ถิงคิดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ยังคงคอพับคออ่อน หายใจไม่เป็นจังหวะ จอมอสูรใช้กำลังภายในเป่าร่างทั้งคู่ให้แห้งในฉับพลัน เยว่ถิงนึกหมั่นไส้อย่างแรงว่าทำได้ทำไมไม่ทำตั้งแต่แรก มือใหญ่ยังเขย่าร่างเขา “ตื่น อย่ามาทำสำออย”
แม้อีกฝ่ายจะดันรู้ดี แต่เยว่ถิงยังหน้าด้านแกล้งตัวอ่อนปวกเปียกต่อไป ไม่นานคล้ายจอมอสูรหมดอารมณ์ตอแย เขาจึงถูกพาเข้ามาวางบนเตียงในห้องนอนของเรือนเร้นจันทร์ เมื่อเห็นว่าทำท่าจะออกไปเรียกหมอ เยว่ถิงจึงทำตาปรือแล้วลุกขึ้นเชื่องช้า
“ผู้น้อยขออภัยต่อนายท่านด้วย” ดูท่าจะไม่เนียนเท่าไหร่ จึงโดนจอมอสูรเพ่นกบาลจนร้องโอ้ย
“แต่เมื่อครู่ผู้น้อยเวียนศีรษะจริงๆ” เยว่ถิงรีบร้อง “บัดนี้ยังรู้สึกว่าร้อนไม่หาย ผิวต้องลมหนาวก็ไม่รู้สึกอันใดแล้ว”
ประมุขมารส่งเสียงหึ แต่ตอนนี้คงไม่สั่งลงโทษอะไรเขาจริงจังนัก เยว่ถิงเห็นว่าจอมอสูรดีกับเขามากขึ้นหลายส่วน จึงทำใจกล้าเอ่ยออกไป “นายท่าน ไม่ทราบว่าขอให้นายบำเรอคนใหม่มาอยู่กับผู้น้อยได้หรือไม่”
“เพียงแค่ครั้งนี้ข้าไม่ลงโทษเจ้า มิใช่ว่าเจ้าจะขอสิ่งใดก็ได้”
ว่าเสียงกระด้างขึ้น การขอให้จอมอสูรช่วยซีหลงคงยากดั่งผลักเคลื่อนภูเขา ใจเด็กหนุ่มกลับมาร้อนรนอีกครั้งยามนึกถึงพี่ชายดอกเหมย บัดนี้ไม่รู้ว่าถูกมู่อวิ้นหลงทำอะไรบ้าง
พลันนึกตรึกตรองไป คนในพรรคสะบั้นสวรรค์ที่จะพอสูสีและขัดใจมู่อวิ้นหลงได้ยังมีอยู่อีกคนหนึ่ง เยว่ถิงจึงเอ่ยปากอีกครั้ง
“เช่นนั้น ผู้น้อยขอพบผู้อาวุโสเจิ้งได้หรือไม่ ผู้น้อยประสงค์จะขอพิณไม้เก่าคืนมาแก้เหงา เพราะพิณนั้นได้หายไปในวันที่เขานำตัวผู้น้อยเข้ามาในพรรค”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ท่านประมุขคือซึนยืนหนึ่งมากค่ะท่าน แหมมมมมมมมมมมมมมม
ชั้นเป็นไปหมดเเล้วท่านประมุขขา ฮือ น้องน่ารักมากๆไม่ได้รู้ตัวเล้ยว่าตัวเองมีอิทธิพลกับใจเขาขนาดไหน อีตาพี่ก็โครตซึนเเถมวาจาร้ายกาจนัก!
ยัยถิงน้อยเอ้ยยยย แก่นจนเค้าเก็บไปคิดถึง แสบจนเค้าหวงไปหมดเน้อออออ