หลังจากที่เจนนี่เข้ามาดึงลิซ่าทันพ่อแม่ของเด็กน้อยก็วิ่งมาหาทั้งสองด้วยน้ำตาและกล่าวขอบคุณไม่หยุดเขาบอกว่า ลูกของพวกเขาผิดเองที่ข้ามถนนไม่ระวังเจ้าตัวเล็กวิ่งตามแมวตัวหนึ่งโดยที่ไม่ทันสังเกตรถที่ขับเข้ามา ถ้าไม่มีลิซ่าช่วยไว้เขาก็ไม่อยากจะคิดว่าจะเป็นยังไงต่อจากนี้เพราะเด็กคนนั้นเป็นลูกคนเดียวและพวกเขาไม่สามารถมีลูกได้อีก.....คำพูดนั้นทำลิซ่าใจหายไม่น้อยและยิ้มออกมาก่อนที่จะ ย่อตัวลงและจับแขนเด็กคนนั้นก่อนจะพูดว่า
''หนูเป็นคนพิเศษสำหรับคุณพ่อกับคุณแม่นะ ต่อไปนี้หนูต้องระวังตัวเองเป็นพิเศษรู้มั้ยคะถ้าหนูบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปคุณพ่อกับคุณแม่หนูพวกท่านจะเสียใจมาก หนูอยากเห็นพวกท่านร้องไห้เหรอคะ?'' เด็กน้อยทำหน้าจะร้องไห้ก่อนจะส่ายหัว
''งั้นวันหลังหนูต้องระวังมากกว่านี้โอเคมั้ย?''
''ค่ะ'' เด็กน้อยตอบกลับเธอและพยักหน้าหงึงๆ
''ดีมากค่ะ ต่อไปนี้ห้ามทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจอีกนะ'' เด็กน้อยพยักหน้ารับอีกคนครั้งแต่ครั้งนี้เธอเข้ามากอดลิซ่าแน่น
''ขอบคุงนะคะพี่สาว''
''เด็กดี''
ลิซ่าพูดแค่นั้นก่อนจะลูบผมเธอและเอ่ยขอตัวกับพ่อแม่ของเด็กน้อยที่มองลูกของพวกเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความรัก ส่วนคนขับรถเขาเข้ามาขอโทษขอโพยและยินดีจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดให้ทั้งลิซ่าและพ่อแม่ของเด็กคนนั้น แต่พ่อแม่ของเด็กน้อยไม่ติดใจเอาความเพราะส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลูกสาวตัวน้อยของเขาไม่รู้สาข้ามถนนโดยไม่ได้คิด ส่วนลิซ่าเองก็บอกไปแค่ว่า ถนนแบบนี้มีคนเยอะ ให้เขาช่วยขับรถให้ช้าลงกว่านี้เพราะเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เขาขอโทษและโค้งตัวอย่างสุภาพ ลิซ่าเพียงยิ้มและขอตัวอย่างเป็นมิตร พลางจับมือเจนนี่ที่ยืนดูสถานการณ์เงียบๆออกมาจากตรงนั้น ใบหน้าหยิ่งของสาวเจ้าไม่ได้แสดงอะไรออกมาเพียงแค่เดินตามลิซ่าไป ทั้งสองมาต่อคิวที่หน้าร้านอย่างคนปกติแต่เจนนี่ดูท่าจะไม่ปกติด้วยเพราะหล่อนไม่ยอมพูดกับลิซ่าเลยหลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้ว
แต่ด้วยความบังเอิญพ่อแม่เด็กคนนั้นเป็นเจ้าของร้านนี้และเอ่ยชวนพวกเธอเข้าร้านโดยที่ไม่ต้องรอคิวพลางบอกลูกค้าคนอื่นๆด้วยเหตุผลและเอ่ยขอโทษอย่างนอบน้อม พวกเธอได้ที่นั่งแบบพิเศษและบริการอย่างดี ลิซ่าก็สอดตัวนั่งข้างๆเจนนี่ที่ยังไม่ยอมพูดกับเธอ เธอกอดเอวเจนนี่และซบไหล่อย่างออดอ้อน
''เจนนี่อ่า...เค้าขอโทษ'' ลิซ่าพูดขึ้นแต่เจนนี่ยังคงนิ่งเงียบและหันหน้าไปทางอื่น
''เจนดึกกี้ยา~ ไม่งอนนะคะ'' ลิซ่าหอมแก้มอีกคนและจับมือหล่อนแน่น
''อืม'' หล่อนพูดแค่นั้นแต่แก้มของหล่อนขิ้นสีแดงแต่ตาก็ยังมองไปทางอื่นลิซ่ายิ้มออกมาอย่างน้อยหล่อนก็ยังตอบมาบ้าง
ไม่นานโรเซ่กับจีซูก็มาถึง หลังจากสองคนนั่งลงบนเก้าอี้ เจนนี่ก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ลิซ่าได้แต่นั่งก้มหน้าและรู้สึกผิดที่ทำอะไรไม่คิด จีซูและโรเซ่ตกใจไม่น้อยทั้งสองทำหน้าเศร้าและดวงตามีน้ำใสๆเอ่อออกมาแทบจะไหลออกมาจากดวงตาสวยคู่นั้น
''เค้าขอโทษ.....'' ลิซ่าพูดได้เพียงเท่านี้สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
''วันหลังทำอะไรก็คิดสิ........คิดบ้างว่าพวกฉันจะเสียใจแค่ไหนถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา....'' จีซูพูดเสียงเธอสั่นไม่น้อย โรเซ่ได้แต่บีบมือพี่สาวตัวเองเบาๆเป็นการปลอบ
''เค้ารู้ว่าเค้าผิด.....แต่เค้าปล่อยให้รถชนเด็กคนนั้นโดยที่ไม่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ...''
''.........แล้วจะปล่อยให้ฉันเสียใจเหรอ..''
''พี่จีซูใจเย็นๆ'' โรเซ่บอกพี่สาวตัวเองและลูบไหล่หล่อนให้อารมณ์เย็นลง วันนี้มีแต่เรื่องให้จีซูเครียดและกังวลทำให้อารมณ์โกรธของเธอแทบจะไม่ได้พัก จีซูพยักหน้าให้โรเซ่หลังจากรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นมานิดนึง
อาหารที่สั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะจนเต็มพวกเขาทั้งแถมและเพิ่มปริมาณให้พวกเธอเป็นพิเศษ เด็กน้อยคนนั้นที่ลิซ่าช่วยไว้เดินมาหาลิซ่าก่อนจะยื่นตุ๊กตาตัวเล็กๆที่เป็นรูปเจ้าหมีบราวน์ตัวกาตูนในLINEให้เธอ ลิซ่าเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนที่เด็กน้อยจะวางตุ๊กตาตัวเล็กๆนั้นลงบนมือของเธอ
''ตัวนี้หนูรักมากเลย หนูให้พี่สาวนะเพราะพี่สาวช่วยหนูพี่สาวต้องดูแลดีๆรู้ไหม'' เด็กน้อยพูดกับลิซ่าและฝากฝังให้เธอดูแลเจ้าตุ๊กตาแสนรักอย่างดี
''เอามาให้พี่ทำไมคะ...หนูไม่เก็บไว้ละหนูรักมันนิ?'' ลิซ่าถามเด็กสาวตัวน้อยออกไปพลางลูบผมเธออย่างเอ็นดู
''ก็เพราะว่าพี่สาวช่วยหนูอ่ะ...หนูเลยอยากให้อะไรตอบแทนคุงพ่อคุงแม่บอกแบบนั้น'' คำว่า'คุง' ของเด็กน้อยทำให้ลิซ่าขำให้กับท่าทางและคำพูดน่ารักๆของเธอก่อนจะพยักหน้าแล้วเก็บตุ๊กตาตัวนั้นใส่กระเป๋าอย่างดี
''ว่าแต่หนูชื่ออะไรเหรอพี่ยังไม่รู้ชื่อหนูเลย''
''หนูชื่อซารังค่ะ...คุงพ่อกับคุงแม่ตั้งให้มันแปลว่าความรัก'' เด็กสาวตัวน้อยยิ้มอย่างเขินอายพลางบอกชื่อตัวเองกับพี่สาวตัวสูงที่เธอปลื้ม
''ชื่อน่ารักจังเลย....ส่วนเจ้าของชื่อก็น่ารัก~'' ลิซ่าพูดหยอกล้อเด็กน้อยจนเจ้าตัวเล็กยื่นบิดไปมาด้วยความเขิน เจนนี่ตีไหล่ลิซ่าเบาๆส่วนโรเซ่ก็ยิ้มตามท่าทางของเด็กน้อย จีซูได้แต่นั่งมองและยิ้มออกมานิดหน่อย
''แล้วพี่สาวชื่ออารายซารังยังไม่รู้เลย''
''มานี่ๆมาใกล้ๆพี่หน่อย'' ลิซ่าเรียกให้เจ้าตัวเล็กเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูส่วนเด็กน้อยก็ตั้งใจจะฟังชื่อพี่สาวแต่ ลิซ่ากลับหอมแก้มเธอ
''ง๊ะ!....พี่สาวอ่าา''
''งื้อ~ พี่ชื่อลิซ่านะ....แก้มของซารังนี่ห๊อม หอม~'' ลิซ่ายิ้มกว้างและมองเด็กคนนั้นอย่างเอ็นดู แก้มของเจ้าตัวเล็กแดงอมชมพูเรียกรอยยิ้มให้กับทั้งสี่คนได้เป็นอย่างดี
''เอ้าๆ มากวนอะไรพี่เขาอีกละซารัง......ต้องขอโทษด้วยนะคะ'' คุณแม่ของซารังเอ่ยขอโทษอย่างเกรงใจ
''ไม่เป็นไรค่ะ แกน่ารักมากเลยนะคะ คุณเลี้ยงแกได้เป็นเด็กน่ารักมากเลย'' ลิซ่าพูดชมออกไป เด็กน้อยที่โดนชมและโดนหยอกตอนนี้ไปอยู่หลังคุณแม่ซะแล้วแต่มีแอบโผล่หน้ามามองพวกเธอด้วยนะ ช่างน่ารักจริงๆ
''ความจริงซารังเนี่ยซนมากเลยค่ะ แถมยังแสบสุดๆ....ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยซารังไว้.......เชิญพวกคุณทานให้อร่อยมีอะไรเรียกพนักงานได้เลยนะคะดิฉันขอตัวก่อน''
เธอยิ้มเป็นมิตรก่อนจะก้มหัวให้อย่างมีมารยาทพร้อมกับจูงเด็กน้อยออกจากตรงนั้น เจ้าตัวเล็กหันมายิ้มให้เธออีกครั้งและเดินตามคุณแม่ไป ภาพของเด็กน้อยและคุณพ่อคุณแม่ของเธอกำลังหอมแก้มและกอดเจ้าตัวอย่างเอ็นดูและรักใคร่ ทำให้ทั้งสามสาวเข้าใจว่าทำไมลิซ่าถึงปล่อยให้เด็กคนนั้นโดนรถชนไม่ได้ ทั้งสามหันมามองหน้าลิซ่าที่ยิ้มให้ภาพตรงหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาหาพวกเธอและยิ้มให้พวกเธอ
''ขอโทษนะ...แต่ต่อไปนี้เค้าจะคิดก่อนทำ...พวกเธอไม่กังวลน๊า~''
พวกหล่อนพยักหน้าให้ลิซ่า ก่อนที่จะช่วยกันจัดการอาหารตรงหน้าให้หมด แม้จีซูจะยังน้อยใจและโกรธลิซ่าอยู่แต่เพราะรอยยิ้มของลิซ่าที่ทำให้เธอค่อยๆหายน้อยใจอีกฝ่าย เธอก็เป็นแบบนี้แพ้เด็กตัวสูงทุกที่จะงอนก็งอนได้ไม่สุด รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลับมาอีกครั้ง หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมาได้
''ไอพวกไร้ประโยชน์!!!!!''
เสียงตวาดที่ดูโกรธเกรี้ยวดังขึ้นพร้อมกับร่างของแวมไร์ชั้นต่ำตนหนึ่งถูกเหวี่ยงไปโดนผนัง ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้าไปใกล้และบีบคอของแวมไพร์ตนนั้นอย่างแรง เสียงร้องอย่างทรมานดังออกมาทั้งพยายามเอ่ยขอชีวิตและเอ่ยขอโทษไม่หยุดแต่ใครอีกคนกลับไม่ฟังเขายังคงโกรธโมโหสุดขีด แรงบีบที่ลำคอแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแรงบีบมากพอที่จะทำให้ลำคอแข็งนั้นหักและในที่สุดมันก็ขาดออกจากกัน เลือดสีแดงของแวมไพร์ตนนั้นกระฉูดออกมาจากร่างที่ค่อยๆร่วงลงสู้พื้นห้องช้าๆ ทั่วทั้งห้องแดงไปด้วยเลือดเหมือนในหนังสยองขวัญ เจ้าของคฤหาสน์ที่เพิ่งจะฆ่าแวมไพร์ฝั่งตนปล่อยส่วนหัวลงบนพื้นช้าๆก่อนจะใช้เท้าเหยียบมันอย่างแรงจนมันแหลกออก
''เจ้าพวกนี้มันไร้ประโยชน์สิ้นดี ข้าเสียเงินไปกับพวกมันตั้งเท่าไหร่ ไร้ค่า!!!''
สายตาแข็งกร้าวมองไปยังส่วนหัวที่ตนเพิ่งเหยียบจนแหลก ก่อนจะหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือตัวเองและเอ่ยบอกคนรับใช้ให้เข้ามาทำความสะอาดในห้องก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องพร้อมกับลูกน้องอีกคน
พัค ฮันอุน แวมไพร์ตระกูลเก่าแก่นั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่ภายในห้องทำงานของเขา สายตาดุร้ายจ้องมองไปที่ลูกน้องคนสำคัญ
เรื่องที่ทำให้เจ้าตัวโมโหคงไม่พ้นเรื่องของแวมไพร์ชั้นต่ำที่เขาส่งไปคุกคามแถวคฤหาสน์ของตระกูลคิมแต่กลับไม่ได้อะไรกลับมา พวกมันฆ่าตัวตายตามคำสั่งเขาแต่มีแวมไพร์ตนหนึ่งหนีออกมาได้ มันมาอ้อนวอนขอร้องเขาและสิ่งที่เขาให้คือความตาย เขาเสียเงินไปเยอะมากให้เจ้าพวกนี้ แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับเทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
''ข้าอยากได้มันมาครอบครองให้เร็วที่สุด.....แกรู้ใช่ไหมชางอุค อัญมณีนั้นมันจะทำให้ข้ามีพลังอำนาจและบารมีมากมายจะไม่มีใครกล้าแตะต้องข้า ข้าจะเป็นใหญ่ที่สุดในโลกนี้ หึ.........ทำไมพวกเราชาวแวมไพร์ถึงต้องเทียบเท่ามนุษย์พวกนั้นทั้งๆที่พวกเรามีกำลังมากกว่าพลังเยอะกว่า....โง่เขลาเสียจริง..'' เขาพร่ำเพ้อออกมาและหัวเราะออกมาอย่างโรคจิตพลางมองชางอุคลูกน้องคนสนิท
''ครับนายท่าน'' ชางอุคพยักหน้ารับเพียงแค่นั้น
''เรื่องของเด็กผู้หญิงจากตระกูลเก่าแก่ละ?''
''เราคงเรียกว่าเด็กไม่ได้ครับ เพราะถ้าตอนนี้ถ้าเธอยังอยู่อายุเธอน่าจะประมาน 45-50 ครับผม''
''อืม...แล้วเรื่องตระกูลนั้นเป็นเรื่องจริงใช่ไหมว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ที่มีเลือดรสชาติดีและช่วยทำให้มีพลัง จริงหรือเปล่า?''
''จริงครับนายท่าน เลือดของพวกเขาถูกเรียกว่า เลือดแห่งอิมมอร์ทอล นอกจากนี้ในบันทึกแวมไพร์ยังบอกอีกว่าถ้าเราทำตามพิธีกรรมโบราณของแวมไพร์เลือดนี้จะช่วยให้เรามีชีวิตอมตะ แต่เป็นเพราะว่าเลือดนี้มีค่าและมีแค่ตระกูลเดียวเท่านั้นในโลกที่มี พวกเขาเลยซ่อนตัวกันเป็นอย่างดีหลังจากนั้นประมาณร้อยปีก็เกิดการล่าขึ้นแต่แวมไพร์ที่ไปล่าทำไม่สบเร็จ''
''ทำไมเล่ามาสิชางอุค ข้าอยากรู้''
''เรื่องเกิดเมื่อประมาน27ปีที่แล้วครับ ตระกูลนั้นถูกล่าโดยแวมไพร์จากอเมริกานั้นคือตระกูลมาร์ตินที่เป็นพันธมิตรกับตระกูลพัคของเรา ทั้งๆที่ตระกูลเลือดอิมมอร์ทอลสามารถซ่อนตัวได้หลายร้อยปีแต่ถูกพบเจอในที่สุด เท่าที่ผมทราบทั้งตระกูลมีเหลือแค่พ่อแม่และลูกสาวหนึ่งคน หลังจากหมดหนทางพวกเขาสู้สุดชีวิต จนสามารถล่อให้พวกนั้นหลงกลจนลูกสาวสามารถหนีไปได้แต่ตัวพวกเขาไม่ยอมให้ตัวเองถูกจับเลยเอามีดแทงตัวเองตาย เพราะพิธีกรรมต้องทำตอนที่สายเลือดอิมมอร์ทอลยังมีชีวิต ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เป็นผลครับ ''
''อืม แล้วตระกูลนั้นถูกเจอที่ไหน?''
''ประเทศไทยครับ''
''ประเทศไทย? .....เมื่อวานแกบอกว่าอัญมณีสีเลือดก็อยู่ที่ประเทศไทยนิใช่ไหม?''
''ใช่ครับแต่นั้นยังไม่แน่ชัดว่าถูกเก็บรักษาโดยใครหรือที่ไหนในประเทศไทย''
''ไทยเหรอ? '' เขายิ้มร้ายออกมาก่อนจะจ้องหน้าลูกน้อง
''ข้าพอจะเข้าใจแล้วละชางอุค'' ลูกน้องคนสนิททำหน้างงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเริ่มพูดต่อ
''อย่าลืมสิว่ายังมีอีกอย่างเด็กที่ชื่อ ลลิษา คนนั้นไง......ไปสืบมาให้ได้ว่าประวัติเป็นมายังไงข้าว่ามันต้องเกี่ยวข้องกันแน่ๆ''
''ครับนายท่าน!'' เขาตอยรับอย่างแข็งขันและเดินออกจากห้องไป
''ลลิษา.........อัญมณีสีแดง....เลือดแห่งอิมมอร์ทอล.......และตระกูลคิม?''
รอยยิ้มร้ายกาจยังคงอยู่บนใบหน้าร้ายนั้น เขาคิดถึงวันที่ได้ครอบครองพลังอำนาจและชีวิตอมตะ เขาจะยิ่งใหญ่และไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืน ฝันแสนหวานที่เขาจะครอบครองมันให้จงได้............
''รับเงินไปเถอะค่ะ พวกเราเกรงใจ'' เสียงของโรเซ่เอ่ยบอกเจ้าของร้านที่ไม่ยอมให้พวกเธอจ่ายเงินเขาให้เหตุผลว่าเป็นการตอบแทนที่ลิซ่าช่วยลูกของพวกเขาไว้แต่ทั้งปริมาณและคุณภาพอาหารซึ่งราคาไม่ใช่น้อยๆทำให้พวกเธอเกรงใจ
''ไม่เป็นไรจริงๆครับ แค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมากกับสิ่งที่คุณทำให้ครอบครัวผม เก็บเงินไว้เถอะนะครับถือว่าผมขอร้อง''
''ถ้าอย่างนั้น.....วันหลังถ้าพวกเรามาทานอีกคุณต้องคิดเงินนะคะ''
''ครับ แล้ววันหลังมาทานอีกนะครับร้านเรายินดีต้อนรับ'' คุณพ่อของเจ้าตัวเล็กยิ้มให้พวกเธออย่างเป็นมิตรพลางโค้งตัวอย่างมีมารยาทพวกเธอโค้งกลับและยิ้มให้เขาก่อนจะเดินออกมาจากร้านอาหาร
เจนนี่ จีซูและโรเซ่เดินคุยกันระหว่างทางที่กำลังกลับบริษัท แต่ลิซ่ากลับรู้สึกแปลกใจเธอหวิวๆอย่างบอกไม่ถูก อยู่ๆเธอก็คิดถึงหน้าพ่อกับแม่อาจจะเพราะว่าเธอเห็นเจ้าตัวเล็กกับครอบครัว เลยทำให้คิดถึงพ่อแม่ของตัวเอง ลิซ่าส่ายหน้าไล่ความคิดนั้นออกก่อนจะมองดูสามสาวที่กำลังคุยกันแต่มีใครคนหนึ่งที่ยิ้มไม่เต็มที่และพูดคุยน้อย ลิซ่ามองจีซูด้วยสายตารู้สึกผิด ถึงจีซูจะคุยหรือยิ้มออกมาบ้างแต่ก็ยังไม่ค่อยคุยและสบตากับเธอ ลิซ่าคงต้องหาทางง้อจีซูให้สำเร็จแล้วละ...
ในห้องประชุมประธานสาวทั้งสามมีสีหน้าเคร่งเครียดและจริงจัง ส่วนลิซ่าที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเธอก็ตั้งใจฟังหัวข้อของการประชุมอย่างดี ที่เธอยืนเป็นเพราะว่าไม่อยากเสียมารยาทเพราะในตำแหน่งเธอเป็นแค่เลขาเท่านั้นถึงแม้ว่าทั้งสามจะเป็นคนรักของเธอแต่การจะให้ทำด้วยเสมอภาคในบริษัทมันก็ไม่สมควรและเรื่องนี้ก็ทำให้พวกหล่อนขุ่นเคืองไม่น้อยเพราะพวกเธอไม่อยากให้ลิซ่ายืนแต่เจ้าตัวก็ยังดื้อไม่เลิกและหาข้ออ้างสารพัดมาบอก พวกหล่อนเลยจำเป็นต้องยอม
หัวข้อในการประชุมวันนี้ว่าด้วยเรื่องของการเปิดสาขาที่ประเทศญี่ปุ่นและการจัดงานเปิดตัวเพชรคอลเล็คชั่นใหม่ที่บริษัทเป็นคนผลิตและออกแบบให้สื่อมวลชนได้ทำข่าวพร้อมทั้งยังเชิญดาราและไฮโซมางานอีกด้วย แน่นอนว่างานต้องหรูและอลังการสมกับเป็น
คิม คอร์เปอเรชั่น บริษัทเพชรยักษ์ใหญ่ในเกาหลี หุ้นส่วนที่มีหน้าที่เรื่องนี้บรรยายเรื่องงานเปิดตัวอย่างกระตือรือร้นและบนจอภาพขนาดใหญ่ก็โชว์ภาพการฟฟิคจำลองของงานมันดูเรียบหรูและดูดีประธานทั้งสามพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเซ็นอนุมัติในเอกสารที่วางบนโต๊ะหน้าพวกเธอ
ต่อไปเป็นหุ้นส่วนอีกคนที่มีหน้าที่ดูแลการเปิดสาขาที่ประเทศญี่ปุ่นเขามีท่าทางหยิ่งและชอบมองลิซ่าด้วยสายตาแปลกๆ เขาบรรยายและอธิบายเกี่ยวกับพื้นที่และรูปแบบอาคารที่กำลังก่อสร้าง ก่อนจะพูดเกี่ยวกับจำนวนเงินที่บริษัทจ่ายไปและกำไรที่จะได้รับกลับมา แต่ลิซ่าเอะใจกับจำนวนเม็ดเงินเธอเปิดแฟ้มเอกสารและหยิบเอกสารแผ่นหนึ่งมาดูอย่างตั้งใจ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆอีกสามคน
''มีอะไรเหรอ?'' ทั้งสามหันมามองลิซ่าเป็นโรเซ่ที่ถามออกไปลิซ่าเลยยื่นเอกสารให้ดูและพูดเบาๆ
''เอกสารแผ่นนี้เป็นจำนวนเงินที่เขาขออนุมัติจากทางบริษัท แต่ในเอกสารที่เขาให้เราในที่ประชุมมันแตกต่างกันจำนวนเงินมันหายไป'' ลิซ่าอธิบายและชี้ไปที่จำนวนเงินในเอกสารทั้งสองแผ่น พวกหล่อนมองและพยักหน้าให้ลิซ่า
''ขอบคุณ เดี๋ยวฉันจัดการเอง'' จีซูพูดและหันไปตั้งใจฟังการประชุมต่อ ท่าทางของอีกคนสังเกตได้ไม่ยากว่ายังงอนเธอ ลิซ่าได้แต่ถอนหายใจ โรเซ่ยิ้มให้เธออย่างสงสาร เจนนี่ขยับปากพูดแต่ไม่ได้ออกเสียงประมาณว่า 'กลับบ้านไปรีบง้อนะ ยัยนี่หายงอนยาก' ลิซ่ายิ้มก่อนจะพยักหน้า และกลับไปยืนที่เดิมของเธอ
ก่อนที่หุ้นส่วนคนนั้นจะพูดจบจีซูก็ลุกขึ้นและถามเขาออกไปเรื่องจำนวนเงินที่หายไป ผู้ชายคนนั้นมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะเข้ามาดูเอกสารที่จีซูถืออยู่
''ผะ....ผมอธิบายเรื่องนี้ได้ครับท่านประธาน....เอกสารน่าจะพิมพ์ผิดพลาด'' เขาโค้งตัวและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดี จีซูปรายตามองเขาอย่างเบื่อหน่าย
''เอกสารผิดพลาด? แน่ใจเหรอว่าเอกสารผิดพลาด......'' จีซูมองอย่าเขาอย่างแน่วแน่และจ้องเข้าไปในตาของเขา
''ครับท่านประธาน...'' น้ำเสียงเขาบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจ
''ครั้งแรกที่คุณโกงฉันพอจะมองข้ามไปได้เพราะคุณทำงานดีและสามารถบริหารบริษัทได้อย่างมืออาชีพที่สำคัญจำนวนเงินในตอนนั้นไม่กี่ล้านวอนแต่ครั้งนี้เกือบร้อยล้านวอนนี่คุณคิดอะไรอยู่!! จำนวนเงินมากมายขนาดนี้คุณทำได้ยังไง?!''
วันนี้คงเป็นวันที่แย่ที่สุดของจีซูตั้งแต่เช้าก็มีคนเข้ามาจะโกงบริษัท ตอนเที่ยงก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอตกใจและทุกข์ใจ ตอนเย็นหุ้นส่วนของบริษัทยักยอกเงินไปหลายสิบล้านวอน อีกแค่ไม่กี่ล้านก็จะแตะร้อยล้าน เป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างมากและไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ จีซูถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกับสิ่งที่เจอ เรื่องยักยอกเงินมีมาทุกทุกครั้งที่บริษัทมีโปรเจ็คใหญ่ๆเช่นการสร้างและเปิดสาขาที่ต่างประเทศเหมือนในกรณีนี้ พวกเขาต่างทนไม่ไหวต่อความโลภและจำนวนของเงินที่อยู่ตรงหน้า
''ฉันขอไล่คุณออก...'' จีซูพูดแค่นั้นหุ้นส่วนรายอื่นๆกลับไม่เห็นด้วยพวกเขาต่างแสดงความไม่พอใจเพราะการเปิดสาขาที่กำลังก่อสร้างอยู่จะขาดคนควบคุมดูแลไม่ได้และเขาคนนี้ก็มีความสามารถและชำนาญในด้านนี้ ผู้ชายคนนั้นยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกชนะเพราะคนในบริษัทต่างไม่เห็นด้วยกับการที่ไล่เขาออกระหว่างที่มีโปรเจ็คใหญ่ซึ่งเขาเป็นคนจัดการ
''หยุด!!! ......'' เจนนี่พูดเสียงดังทำให้คนที่กำลังโวยวายต่างเงียบและหันมาสนใจประธานอีกคนของบริษัทแทน เจนนี่กอดอกและเดินเข้าไปใกล้พี่สาวตนเอง
''พวกคุณกลัวว่าโปรเจ็คสาขาที่ญี่ปุ่นจะพังไม่เป็นท่า แล้วจะปล่อยให้คนที่โกงเงินลอยหน้าลอยตาอยู่ในบริษัทเหรอ เขาไม่ใช่เพิ่งยักยอกเงินครั้งแรกแต่นี้มันครั้งที่สองแล้ว และเงินที่เขาโกงบริษัทสามารถนำมาทำประโยชน์ได้เยอะแยะมากมาย พวกคุณหน้าไหนก็ได้บอกฉันมาสิ ว่าเราควรจะทำยังไงกับเขา!'' หุ้นส่วนคนอื่นๆพูดไม่ออกพวกเขาต่างหลบตาและไม่ยอมมองหน้าเธอ เจนนี่หัวเราะในลำคอ ก่อนจะจ้องไปที่ผู้ชายคนนั้นอย่างฆาตโทษ
''คุณ!........เชิญออกไปจากบริษัทและเงินที่คุณโกงไปถ้าไม่คืนมาดีๆก็เจอกันในศาล ฉันฟ้องคุณหมดตัวแน่จำเอาไว้...........ส่วนเรื่องการประชุมเอาไว้แค่นี้ก่อน วันนี้มีเรื่องวุ่นวายมากแล้ว....ทางที่ดีเวลามีเรื่องอยากให้พวกคุณเสนอหน้ามาช่วยกันบ้างไม่ใช่ปล่อยให้พวกฉันสามคนจัดการกันเองแบบนี้ ขอตัว''
เจนนี่พูดเสียงแข็งและจับมือจีซูเดินออกมาจากตรงนั้นจากที่ดูสีหน้าของพี่สาวก็รู้ได้ทันที่ว่าอีกคนไม่โอเคกับเรื่องราวในวันนี้เอามากๆ พี่สาวเธอเป็นคนเข้มแข็งแต่วันนี้มีเรื่องให้เธอเหนื่อยใจเยอะเกินไป
''ฉันว่า เธอกลับไปก่อนเถอะจีซู ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อย''
''พวกเธอก็เหนื่อยเหมือนกันนั้นแหละ ฉันโอเคแค่นี้สบายมาก''
''ไม่ต้องมาโกหก ฉันดูออก''
หลังจากเข้ามาในห้องเจนนี่ก็เอ่ยพูดกับจีซูถึงแม้อีกคนจะปฏิเสธแต่สีหน้ามันฟ้อง เจนนี่ดุพี่สาวคนโตทางสายตาจนจีซูได้แต่เงียบ
จีซูดื้อแบบนี้เสมอชอบเป็นห่วงอย่างอื่นมากกว่าตัวเองทุกที จนลืมสนใจความรู้สึกตัวเอง
''ลิซ่า ฝากดูแลและพาจีซูกลับบ้านด้วย เดี๋ยวที่เหลือฉันกับโรเซ่จัดการเอง'' เจนนี่หันมาพูดกับลิซ่าพร้อมกับส่งกุญแจรถให้
''ฉันกลับคนเดียวได้!'' จีซูมีท่าทางต่อต้านอย่างชัดเจน
''ไม่ได้ เธอต้องมีคนดูแล ลิซ่ารีบพาจีซูกลับบ้านสิ อย่าช้า!''
เจนนี่ดุลิซ่านิดหน่อยที่ยังไม่รู้ตัวว่า ตนอุตส่าห์เปิดทางให้ง้อยัยพี่สาวที่ทำตัวเป็นเด็กงอแง ลิซ่าพยักหน้าก่อนจะเดินมาหาจีซูและพาออกไปจากห้อง ปากจีซูก็บ่นหรอกนะ เเต่ก็เดินออกไปอย่างว่าง่าย เจนนี่ส่ายหัวช้าๆ เธอรู้ดีว่าลิซ่าจะทำให้จีซูอารมณ์ดีขึ้นได้ ที่เธอกับโรเซ่ให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันวันนี้เป็นของขวัญที่จีซูทำงานหนักมาโดยตลอด หลังจากวันนี้ทุกอย่างก็จะเหมือนเดิม....
ยานพาหนะสีดำที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่บนถนนใหญ่ภายในนั้นมีหญิงสาวสองคนนั่งอยู่ด้านใน ลิซ่าที่ทำหน้าที่ขับรถแอบมองจีซูเป็นระยะๆ แต่อีกคนก็ไม่ได้สนใจหรือพูดคุยกับเธอ หล่อนเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง
''พี่จะไม่คุยกับเค้าจริงๆเหรอ?''
''......''
''พี่จีซู.....หายงอนนะ'' ลิซ่ายังคงไม่ยอมแพ้แต่จีซูก็ยังไม่ยอมหายงอนเช่นกัน
ตลอดทางกลับบ้านลิซ่าไม่รู้ว่าตัวเองพูดขอโทษและง้ออีกคนไปทั้งหมดกี่คำแต่จีซูก็ยังไม่ยอมพูดกับเธอ ลิซ่าได้แต่ท้อในใจก่อนจะหยุดง้ออีกคนและหันไปตั้งใจขับรถแทนแต่ภายในหัวของเธอกลับคิดวิธีมากมายเพื่อจะง้ออีกคนให้สำเร็จ....
''พี่จีซูคุยกันก่อนสิ''
หลังจากลงจากรถจีซูก็เอาแต่เดินไปที่ห้องของตัวเองโดยไม่ได้สนใจลิซ่าจนเด็กตัวสูงต้องมาเดินจับมืออีกคนให้หยุด แม้จีซูจะไม่ปรายตามามองเธอเลยก็ตาม
''พี่จะโกรธหรืองอนอีกนานแค่ไหนก็ได้แต่อย่างน้อยก็บอกกันได้ไหมว่าเค้าควรทำยังไงอย่าเงียบแบบนี้?''
''ปล่อย.......ฉันจะไปอาบน้ำ'' ก็ดีที่จีซูยังตอบโต้และไม่ได้เงียบ ลิซ่าปล่อยมืออีกคนและมองตามหลังของหล่อนที่เดินเข้าห้องไป
จีซูเดินเข้าห้องไปแล้วส่วนลิซ่าเองก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นและคิดอะไรบางอย่างในหัวก่อนจะยิ้มออกมา เธอต้องจัดการกับปัญหาที่ตัวเองก่อ แน่นอนว่าเธอจะไม่ปล่อยให้จีซูงอนนานกว่านี้แน่และสิ่งที่เธอจะทำมันต้องได้ผลแน่นอน ......
จีซูที่เข้ามาในห้องก็ล้มตัวนอนบนเตียงของตัวเองอย่างเหนื่อยล้า ตลอดทางกลับบ้านเธอเงียบและไม่พูดกับลิซ่าแต่เผลอใจอ่อนเพราะน้ำเสียงของลิซ่าที่ดูอิดโรยตอนพูดกับเธอก่อนเธอจะเข้าห้องเลยตอบอีกฝ่ายไปและรีบเดินเข้าห้องให้ไวที่สุด เธอรู้ดีว่าวันนี้เธอเอาแต่ใจและงี่เง่าใส่ลิซ่าเยอะแค่ไหนแต่มันห้ามตัวเองไม่ได้ แค่คิดถึงเรื่องเมื่อตอนเที่ยงน้ำตาก็จะไหลออกมาถ้าเจนนี่มาช้าแค่ไม่กี่นาที ตอนนี้เจ้าเด็กตัวสูงก็คงไม่ได้อยู่ให้เธองอนแบบนี้หรอก
จีซูดันตัวเองลุกขึ้นและหยุดคิดเรื่องใครอีกคนเพราะยิ่งคิดเธอก็ยิ่งงอนหนักเข้าไปอีก เสื้อผ้าอาภรณ์ที่อยู่บนร่างกายของเธอถูกถอดออกไปจนหมด จีซูเดินเข้าไปในห้องน้ำและแช่ตัวในอ่างน้ำเพื่อปล่อยให้ร่างกายรีเเล็กซ์รวมไปถึงสมองของเธอด้วยเพราะวันนี้ถูกใช้งานหนักตอลดทั้งวันมีแต่เรื่องให้คิดจนสมองแทบจะไม่ได้หยุดพัก
จีซูหลับตาและปล่อยให้ความคิดล่องลอยออกไปจากสมอง กลิ่นครีมอาบน้ำและโฟมแสนนุ่มทำให้ร่างกายรู้สึกสบายก่อนที่ประตูห้องน้ำจะโดนเปิดออกจีซูลืมตาและหันไปมองคนที่บุกรุกเข้ามาภายในห้องของเธอ
''ออกไป...''
คำพูดแสนเย็นชาถูกใช้ก่อนที่ใบหน้าสวยจะหันไปมองทางอื่น ลิซ่าเดินเข้าไปใกล้ใครอีกคน เธออยู่ในชุดคลุมอาบน้ำก่อนจะค่อยๆถอดมันออกและลงไปแช่น้ำกับจีซู อ่างน้ำกว้างพอที่จะให้ใครสองคนแช่พร้อมกันอีกอย่างพวกเธอทั้งคู่ตัวเล็กเลยไม่เป็นปัญหาอะไรนัก จีซูหันมามองหน้าลิซ่าอย่างเอาเรื่องแต่อีกคนกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อนยังจะส่งยิ้มมาให้เธออีก
''หายงอนเถอะนะเค้าขอโทษ''
''.........''
ลิซ่าพูดพลางขยับตัวเข้าไปใกล้จีซูก่อนจะจับมือของหล่อนและจูบมันเบาๆอย่างรักใคร่ จีซูมีแววตาวูบไหวครูหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นเฉยชาเหมือนเดิมหล่อนดึงมือออกจากจากจับกุมของใครอีกคนที่กำลังงอนอยู่ ลิซ่าไม่ยอมแพ้เธอขยับตัวไปข้างๆอีกคนร่างกายของทั้งคู่เบียดกัน จีซูหันมามองอย่างไม่พอใจกับการกระทำของใครอีกคนแต่ลิซ่าไม่ได้สนใจ
''บอกให้ออกไป.........'' คำพูดที่ยังไม่จบประโยคถูกกลืนหายไปในลำคอเพราะปากสวยของเธอกำลังถูกเด็กตัวสูงรุกรานอยู่
ลิซ่ากดจูบเบาๆที่ปากสวยของจีซูเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้ผลักออกเธอก็ยิ่งได้ใจและขบเม้มริมฝีปากนั้นเบาๆอย่างนุ่มนวล มือของเธอกอดเอวจีซูและดึงให้อีกคนเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
''อื้มม....''
ทั้งๆที่ควรจะผลักออกแต่ร่างกายของเธอผ่ายแพ้ทุกอย่างที่เป็นเขา ลิซ่าจูบเธอและรสจูบนั้นทำให้เธอใจอ่อนและไม่สามารถต้านทานได้ เสียงน่าอายหลุดออกจากลำคอ ร่างกายของเราสองคนเบียดชิดกัน ปากของเธอถูกลิซ่าขบเม้มและขบกัดเบาๆ
''อือ....อื้มม''
ลิซ่าดันลิ้นเข้าไปเชยชิมความหวานจากโพรงปากนุ่มของอีกคนก่อนที่ลิ้นเเสนซนของเธอจะเข้าไปตวัดหยอกล้อกับลิ้นของจีซูอย่างร้อนแรง ส่วนอีกคนก็ไม่ยอมเธอหล่อนตอบรับมันอย่างดี มือของจีซูโอบรอบคอและดึงให้เธอเข้าไปแนบชิดมากขึ้น
''แค่ครั้งเดียวพอที่ไหนกันจีซูอ่า~''
คำพูดแสนเป็นกันเองบวกกับเสียงนุ่มต่ำของเขาทำให้จีซูยิ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นไปอีก สายตาขี้เล่นและเจ้าเล่ห์ของลิซ่าถูกส่งมาให้เธอ
''อ่ะ!....อื้มมม...ละ...แล้วกี่ครั้งถึงจะพอ.....อื้ออ!''
''นับไม่ถ้วนเลยละที่รัก''
บทเพลงรักแสนร้อนแรงถูกบรรเลงอย่างต่อเนื่อง อย่างกับว่าจะไม่มีวันจบลง ลิซ่าคงจะไม่ปล่อยให้จีซูออกมาจากห้องน้ำง่ายๆแน่เพราะกว่าที่หล่อนจะหายงอนเล่นเอาเธอท้อแท้ไปหลายครั้งอย่างน้อยก็ต้องมีลงโทษกันหน่อยที่หล่อนมาทำให้เธอรู้สึกผิดแทบทั้งวัน
และอีกอย่างที่สำคัญมากกว่านั้น จีซูเวลาอยู่ใต้การควบคุมของเธอดูเซ็กซี่ไม่เบาบวกกับใบหน้าสวยของหล่อนและร่างกายแสนจะดูดีนั้นทำให้ลิซ่ายิ่งอดใจไม่ไม่ไหวและไม่รู้ว่าเธอต้องการอีกกี่ครั้ง....อาจจะจนกว่าเธอหมดเเรงเลยก็ได้~
''จะพาไปไหนอีกไม่เหนื่อยบ้างหรือไง''
หลังจากลิซ่าปราบผยศเธอในห้องน้ำไปหลายรอบ ตัวเธอก็ระบุให้แน่ชัดไม่ได้เพราะในอารมณ์นั้นใครจะยังมีสมาธินับกันว่าตัวเองเสร็จไปกี่ครั้ง ก็ได้แต่ปล่อยให้เด็กตัวแสบพาเธอไปถึงฝั่งครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าเจ้าตัวจะพอใจนั้นแหละถึงยอมปล่อยเธอออกมาจากห้องน้ำ แต่นั้นยังไม่พอเพราะหลังจากเธอออกมาจากห้องน้ำลิซ่าก็ยังคงมานัวเนียเธอต่อกว่าจะเลิกเธอก็เสร็จไปหลายครั้งบนเตียงของตัวเอง
''ไม่เหนื่อยง่ายๆหรอก'' ลิซ่ายิ้มให้และจะเอื้อมมือข้างนึงมาบีบแก้มจีซูเบาๆและดึงมันกลับมาอยู่ที่พวงมาลัยรถต่อ
หลังจากเราทั้งคู่แต่งตัวเสร็จลิซ่าก็ลากเธอมาขึ้นรถและขับพาเธอไปที่ไหนสักแห่งโดยที่ไม่ได้บอกเธอ จีซูมองหน้าของเด็กตัวแสบที่ดูดพลังเธอไปเยอะ เขากำลังตั้งใจขับรถพาเธอไปจุดหมาย ใบหน้าที่ดูดีของลิซ่าทำให้เธอใจเต้นแรงและตกหลุมรักไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ลิซ่าที่รู้ตัวว่าถูกมองส่งยิ้มไปให้จีซู
''มองขนาดนี้ถ้าเป็นปลากัดท้องแล้ว''
''เว่อ ถ้าแค่มองก็ท้องแล้วที่เธอทำกับฉันในห้องน้ำนี้ไม่มีลูกเป็นคอกไปแล้วเหรอ?'' จีซูต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าเด็กตัวแสบที่กำลังตั้งใจขับรถจนเขาขำพรืดออกมา
''ไม่ใช่แค่ในห้องน้ำบนเตียงด้วอย่าลืมสิ''
''จำได้ทุกอย่างเลยนะไอเรื่องแบบนี้ ลามกจริงๆ'' จีซูย่นจมูกใส่อีกคนอย่างหมั่นใส้
''ไม่ใช่แค่นั้น จำไฝพี่ได้ทุกจุดเลยด้วยนะ'' ลิซ่ายักคิ้วอย่างภูมิใจใน จีซูเลยจัดการเขกหัวไปหนึ่งที
''โอ้ย! พี่อ่ะ..'' ลิซ่ามองจีซูอย่างงอนๆพลางเบะปากใส่หลังจากโดนอีกคนเขกหัว
''ตั้งใจขับรถไปเลยเด็กลามก''
บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะทั้งคู่หยอกล้อกันตลอดทางแตกต่างกับตอนที่เพิ่งออกมาจากบริษัทยังกับหน้ามือเป็นหลังมือ รถยนต์สีดำเคลื่อนตัวผ่านบ้านเรือนหลังเล็กใหญ่และออกมาจากตัวเมืองโซลเรื่อยๆ จุดหมายของลิซ่าเป็นที่ๆเธอกับจีซู...จูบกันครั้งแรก....
ทะเล
หลังจากมาถึงแววตาของจีซูก็ดูตื่นเต้นไม่ต่างกับครั้งแรกที่เรามาด้วยกันมากนัก มือของหล่อนถูกลิซ่าจับและพาเดินไปตามหาดทรายสวยๆ เสียงคลื่นและกลิ่นทะเลทำให้ความทรงจำครั้งนั้นหวนกลับมา ทั้งคู่ยิ้มให้กันและมือของจีซูกับลิซ่าก็กอบกุมกันแน่นขึ้นไปอีก ไม่ได้มีคำพูดอะไรออกมามากนักเพราะบรรยากาศที่ดีก็เพียงพอจะให้รู้สึกถึงใจของกันและกันแล้ว
''ทำไมพามานี่?''
''พามาผ่อนคลายและก็พามาลำรึกความหลังด้วย''
''เธอพูดยังกับว่ามันผ่านมาหลายปี''
''ไม่เกี่ยวกับเวลาหรอก ที่เค้ารู้สึกนานเพราะมันเกี่ยวกับความรู้สึกของเราสองคนต่างหาก ตอนนั้นกับตอนนี้มันแตกต่างกันนะ''
''ยังไง?''
''ก็ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน..'' ลิซ่าจะพูดต่อแต่ก็โดนจีซูขัด
''ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่จูบกันและเกือบได้เสียกันเนี่ยนะ''
''ย๊า! พี่ทำบรรยากาศโรเเมนติกพังหมดแล้ว'' ลิซ่าเอ่ยออกมาอย่างหัวเสียแต่จีซูกลับหัวเราะหนักกว่าเดิม
''ขอโทษๆ ฮ่าๆๆๆ''
''ไม่อภัยให้!'' ลิซ่าจับใบหน้าอีกคนและดึงเข้ามาจูบ
''อือ!'' เด็กตัวแสบลงโทษเธออีกแล้ว เขาจูบปากเธอและขบเม้มมันแค่นั้นก็ทำให้เธอหมดแรงขัดขืนแล้ว
''มันแตกต่างกันที่ว่า ตอนนี้เรามีความสัมพันธ์เป็นคนรักกันและเราก็ได้เสียกันเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญคือ เค้าสามารถพูดว่ารักพี่ได้เต็มปากแล้วไงคะ......รักนะคะจีซูอ่า~''
คำพูดอ่อนหวานปนทะลึ่งของลิซ่าทำให้จีซูหน้าแดง ใบหน้าของเราทั้งคู่ห่างกันไม่กี่เซน ดวงตาของเราต่างจ้องมองกันอย่างรักใคร่
มันเหมือนกับว่าลิซ่าทำให้เธอตกหลุมรักได้วันละหลายครั้งและทำให้เหมือนทุกครั้งที่เราจ้องมองกันเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน หัวใจของเธอยังคงเต้นแรงและไม่เคยรู้สึกชินกับคำหวานที่อีกคนพูดออกมา จีซูไม่เคยเบื่อที่จะมองหน้าลิซ่า ไม่เคยเบื่อที่จะเดินจับมือและไม่เคยชินกับจูบของอีกคนเลยสักนิด มันยังคงเหมือนกับว่าทุกๆครั้งที่เราต่าง มองตา จับมือและจูบกัน เป็นครั้งแรกที่ทำเสมอ และหัวใจของเธอก็แพ้ให้เขาราบคาบ.......
Lisa : เสร็จไปอีก1 อุวะฮะฮ่าๆๆๆๆ -,.-
Jisoo : ลามก.....-//-
ตอนนี้ไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ เรารีบลงเดี๋ยวต้องไปธุระแล้ว
โอ้ยยแกแบบ ช่วงนี้lisoo มีโมเม้นหนักมากเว่อ T///////T แบบมองกันตาละห้อย หวานได้อีกกก มีปงมีป้อน พวี๊ด!!
ชอบเวลาสองคนนี้มองตากัน ชอบเวลาคนน้องโอบคนพี่ แกกกกกก มันดีนะเว้ยย T///T
เจนลิซก็ไม่แพ้กันนะคะ มีความสวาทไปทั่วทุกอณูเวลาคู่นี้อยู่ด้วยกัน -,.- ตอนที่ลิซหอมแก้มนินินี่ใจเราเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนกับว่าตัวเองโดนหอม -//- แล้วเจนคือแบบมากรี๊ดหลังคนน้องหอมแก้มตัวเอง กรี๊ดแบบพอเป็นพิธีตามแบบกุลสตรี แต่ดูท่าลิซจะชอบใจนะคะ แต่คนพี่ก็คงชอบให้น้องหอมแก้มไม่แพ้กันหรอกค่ะ ไม่มีหลบเล๊ยยย ให้ตายเถอะ ฟินจนแทบจะกระโดดโลดเต้น 555555
ส่วนแชงลิซนั้น เรือกำลังเข้าอู่ซ่อมแซม มีติดเครื่องบ้างตามเวลา ถึงจะไม่มีโมเม้นแต่ถ้าใจเราจิ้นเราก็จะชงและฟินให้ได้
ไปแล้ว บายๆ เจอกันใหม่นะ
ยองอัน~~~~~~
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ชอบที่เค้ารักกันเปิดเผย รักก็บอกรัก ชอบทุกคู่ แต่เจนลิซคือสวาทสุด รออยู่เด้ออ
ชิชูวน่ารักมากเวลางอนเจ้าลิซ
ดูน่ารักมากๆตอนอยู่บนรถด้วยกัน
ในห้องน้ำนี่ก็ดีต่อใจ กำเดาไหล -.,-
เหลือพิเจนสินะ Oh! my god!!
รออ่านความพิศวาสสุดขาดใจ 555
นี่แอบอยากให้ความแตกจะแย่อยู่ละเวลาอ่านนี่มีลุ้นทุกตอน
ตาลิซขับเองง555555