คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1 จุดเริ่มต้น
ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น
บุรุษร่างสูงสง่าเจ้าของฉายาเมจิคปริ๊นซ์ กำลังนั่งจิบชาพลางสนทนากับบุรษรูปงามผู้ได้ฉายาว่าซาตานแห่งป้อมอัศวินที่รอดตายจากศึกกระดานเกียรติยศนัดประวัติศาสตร์มาได้อย่างหวุดหวิดด้วยความช่วยเหลือจากมหาปราชญ์เลโมธีกับราชินีจันทราที่คอยแอบช่วยคุมกระดานอย่างลับๆ
เสียงเคาะประตูเบาๆทำให้บทสนทนาของสองบุรุษชะงักไป ก่อนที่โรเวนจะร้องบอกว่า
"เชิญเข้ามา"
"โรเวน" เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงสาวผู้คุมกฎ
"เมื่อกี้ทางนั้นส่งสาส์นมาบอกว่าได้ตัวเจ้าหญิงเฟลิโอน่าแล้ว แต่มีปัญหาระหว่างเดินทางนิดหน่อยขอเลื่อนวันกลับ"
โรเวนไม่ตอบว่ากระไร ส่วนลูคัสเองก็หัวเราะหึหึ
"ท่าทางจะกลับไม่ทันพิธีเปิดภาคการศึกษาซะละมั้ง" เสียงของลูคัสเรียกรอยยิ้มบางจากโรเวนได้ไม่ยาก
"เหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์เดียวโรงเรียนจะเปิด โซมาเนียเธอส่งสาส์นไปบอกพวกนั้นว่า จะแวะเที่ยวที่ไหนก็ตามใจ ฉันให้เวลาเดินทางแค่หนึ่งอาทิตย์ ต้องมาถึงให้ทันก่อนพิธีเปิดล่ะ" คำกล่าวเรียบๆที่เหมือนจะใจดีของโรเวน ทำเอาลูคัสหัวเราะออกมาเบาๆ ส่วนโซมาเนียก็แค่ขยับรอยยิ้มก่อนจะออกไปเขียนสาส์นให้พวกลิงทะโมนโดยใส่คำพูดของโรเวนไปไม่ให้ตกหล่นซักคำ
"เอาล่ะ เห็นทีฉันต้องขอตัวก่อน" ลูคัสพูดพลางลุกขึ้นยืน โรเวนพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนตาม
"เดี๋ยวฉันไปส่งที่หน้าประตูละกัน ต้องไปพบมหาปราชญ์เลโมธีด้วย"
ลูคัสทำหน้าสงสัยเล็กน้อย ก่อนจะถามออกไปว่า
"นายจะไปพบเลโมธีทำไม" โรเวนแย้มรอยยิ้มบาง แล้วส่งสายตาเดายากไปให้ลูคัสก่อนจะตอบว่า
"เห็นว่ามีธุระให้ฉันไปจัดการน่ะ ส่วนเรื่องอะไรนั้นคงรู้เมื่อไปถึง" โรเวนพูดเผื่อคำถามต่อไปที่อาจจะตามมา ซึ่งลูคัสก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้
"ว่าแต่นายได้ยินข่าวของจักรพรรดินีวิเวียนนานีย่าบ้างไหม" ลูคัสลองหยั่งเชิงถามเล่นๆเพื่อความสนุก
"ไม่นี่" โรเวนตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่มีท่าทีจะถามเลยสักนิดว่าข่าวเรื่องอะไร
"โธ่ ไม่สนุกเลยแหะ เราก็อุตส่าห์หวังดีจะบอกข่าวให้รู้สักหน่อย" ลูคัสแกล้งตัดพ้ออย่างไม่จริงจังนัก โรเวนเองก็ไม่มีท่าทีอะไรนอกจากยิ้มบางๆเท่านั้น
"เอาเถอะ ถึงไม่อยากรู้ฉันก็จะบอกให้ฟัง ได้ข่าวว่าคิงริชาร์ดแห่งแอเรียสส่งสาส์นไปให้จักรพรรดินีแห่งเวนอลปวดเศียรเวียนเกล้าเล่นเป็นประจำเลยนี่นา" ลูคัสว่าพลางแอบเหล่มองสีหน้าของอีกฝ่ายที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
"มันควรจะเป็นอย่างนั้น" โรเวนพูดเรียบๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันไปทำธุระของตัวเอง
..วิเวียนนานีย่า หญิงสาวน่าสงสารที่เขาจำต้องผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..
"ถ้าหญิงสัญญาว่าเมื่อโตแล้วเป็นผู้หญิงที่ดีกว่าใครๆ พี่จะมารับไปเจมิไนก็ได้"
..คำพูดที่ไม่มีวันเป็นจริง..
เจ้าหญิงน้อยในวันนั้นเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมทั้งอำนาจ ทรัพท์ และรูปโฉม หากแต่สิ่งเหล่านั้นเองที่เป็นตัวขัดขวางระหว่างเขากับเธอ..
..จักรพรรดินี..
นั่นเป็นสิ่งที่เค้าจำต้องปรารถนาให้เธอเป็นและจำต้องพอใจไปกับมันเพื่อเวนอลเอง และเจมิไนของเค้าด้วย แม้ว่าเธอจะเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งเวนอลแล้วก็ตาม แต่ถ้าให้พูดตรงๆ ในสายตาของเค้า เธอก็ยังไม่เป็นผู้หญิงที่ดีกว่าใครๆอยู่ดี ไม่ใช่เรื่องรูปทรัพท์หรืออำนาจ หากแต่เป็นตัวตนของเธอเอง น่าทนุถนอม สะอาด สูงส่งเกินกว่าจะคู่ควรกับเค้า และเด็กเกินกว่าที่จะคู่ควรกับตำแหน่งราชินี เด็กที่ความคิดความอ่าน หาใช่รูปกายไม่..
โรเวนยกมือขึ้นมาเคาะประตูเบาๆ เพียงครู่เดียวก็มีเสียงตอบรับดังมาจากข้างใน
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเลโมธียืนรออยู่แล้ว
"เชิญนั่งสิเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด" โรเวนก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะนั่งลงตามคำเชิญ
"ธุระที่ขอร้องให้ท่านไปทำในครั้งนี้เชื่อว่าคงไม่ยากเกินความสามารถท่านเท่าไหร่" เลโมธีเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นก่อน โรเวนเองก็นั่งนิ่งฟัง
"ธุระที่ว่าคือขอให้ท่านไปรับคนๆหนึ่งมาจากแอเรียส"
"ไปรับคนๆหนึ่ง" โรเวนเอ่ยทวน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเต็มไปด้วยความสงสัย
ใครกันสำคัญถึงขนาดต้องให้เขาไปรับ
"ใช่ ฉันอยากให้ท่านไปรับมิลเวียน โมนาโรค เดอะปริ๊นเซส ออฟ แอเรียส" โรเวนขมวดคิ้วด้วยความฉงนเล็กน้อย
เคยได้ยินมาว่าเจ้าหญิงมิลเวียนเป็นพระธิดาองค์เล็กของคิงริชาร์ด โมนาโรค แถมดูท่าทางท่านจะหวงและห่วงลูกสาวคนนี้มากเป็นพิเศษเลยไม่ค่อยมีใครเคยได้ยลโฉมเจ้าหญิงองค์นี้ซักเท่าไหร่
"ปีนี้เจ้าหญิงมิลเวียนจะเข้ามารับการศึกษาที่เอดินเบิร์กเธอได้ผ่านการสอบเข้าแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน ก่อนจะกลับไปแอเรียส รู้สึกตอนมาสอบเข้าเธอจะแอบหนีมาเอง พอจะกลับมาคราวนี้เลยมีปัญหา ทางแอเรียสเลยส่งสาส์นมาให้ส่งคนไปรับหน่อย โดยระบุตัวว่าให้เป็นเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด แห่งเจมิไน" โรเวนขมวดคิ้วมุ่นลงอีก ก่อนจะคลายออก
"ตกลง ผมจะเดินทางไปรับเจ้าหญิงเอง ท่านอย่าได้ห่วง"
--------------------------------------------------------------------------------------------
โรเวนออกเดินทางทันทีโดยใช้มังกรน้ำ ซึ่งเป็นมังกรประจำตัวเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง
ดูท่ากว่าจะเดินทางจากเอดินเบิร์กไปแอเรียสอย่างช้าคงสักสี่วัน อย่างเร็วก็คงสักสามวัน โรงเรียนจะเปิดอีกหนึ่งอาทิตย์ ยิ่งใช้เวลาน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว โรเวนก็ตั้งใจว่าจะเดินทางยาวโดยไม่หยุดพักที่ใดเลย
..เวลาผ่านไป..รัตติกาลเริ่มแผ่กว้าง ดวงจันทร์นวลลอยเด่นอยู่บนท้องนภาสีหมึกอย่างสวยงาม ชวนให้นึกถึงใครบางคนเป็นยิ่งนัก
"อะไรคะเจ้าพี่"
"ปักษาจันทร์ เร็วเหมือนเงาจันทร์ ร่ายรำเหมือนปักษา เสียงแหวกอากาศของดาบชวนฟังเหมือนปักษาสวรรค์"
"ปักษาจันทร์"
"ขอโทษนะหญิง พี่ผิดเอง ยุ่งจนลืมว่าวันนี้เป็นวันเกิดหญิง ดาบนี่จริงๆก็ไม่ดีหรอก แล้วพี่จะหาอย่างอื่นมาให้"
"ไม่ต้องค่ะ หญิงรู้ว่าเจ้าพี่ยุ่ง ยุ่งอย่างนี้แต่ยังปลีกตัวมาหาหญิงถึงเวนอล ความจริงแค่เจ้าพี่มาหาหญิง หญิงก็ดีใจแล้ว"
"หญิงชอบปักษาจันทร์"
เจ้าชายโรเวนถอนหายใจเฮือก ใบหน้าที่สวมหน้ากากฟาโรห์อยู่เกือบทุกเมื่อช่างดูหมองเศร้าในยามนี้ ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ให้ไป กลายเป็นของขวัญที่ใช้ตัดความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอลงอย่างราบคาบ ดาบในตำนานที่ไม่มีวันหักนอกจากเจ้าของตั้งใจจะให้มันหักด้วยตัวเอง ได้หักลงแล้วครั้งหนึ่ง แม้ดาบจะซ่อมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แต่ความรู้สึกระหว่างเขาและเธอไม่อาจกลับมาเป็นได้อย่างเดิม
ในที่สุด..กลางดึกคืนหนึ่งซึ่งเป็นวันที่สามของการเดินทางโดยไม่หยุดพักที่ใด โรเวนก็เดินทางมาถึงแอเรียส
"ยินดีต้อนรับ เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ดแห่งเจมิไน" ทันทีที่โรเวนนำมังกรลงจอดที่ลานกว้างบริเวณหน้ามหาปราสาทแห่งแอเรียส เสียงกล่าวต้อนรับจากชายผู้มีรูปร่างหน้าตาหรือแม้แต่นิสัยเหมือนกับกษัตริย์ริชาร์ดแห่งแอเรียสเมื่อครั้งยังหนุ่มไม่มีผิดก็ดังขึ้นต้อนรับ
"ไม่นึกว่าเจ้าชายไมนอส โมนาโรค รัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งแอเรียสจะออกมาต้อนรับเอง รบกวนเหลือเกิน" โรเวนก้มหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณและขอโทษ
"รบกวนอะไรกัน" ไมนอสพูดพลางหัวเราะเสียงดังแล้วใช้มือตีไปที่กลางหลังโรเวนอย่างแรงเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไรๆ บ่งบอกว่าเจ้าชายรัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งแอเรียสท่าจะเป็นคงรักสนุกไม่น้อย
"เดี๋ยวจะให้คนเอามังกรไปเก็บให้ ตอนนี้ไปพบท่านพ่อก่อนก็แล้วกันท่านกำลังรออยู่ ตามมาๆ" ว่าแล้วไมนอสก็เดินนำโรเวนเข้าไปในราชวังอย่างรวดเร็ว
ไมนอสพาโรเวนมาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ลวดลายหรูหรา แล้วเคาะประตูเบาๆ
"ท่านพ่อ ลูกนำตัวเจ้าชายโรเวนมาเข้าเฝ้าแล้ว"
ไม่นานก็มีเสียงตอบรับจากข้างใน
"ให้เข้ามา"
ภายในห้องกว้างประดับประดาอย่างหรูหราสวยงาม บ่งบอกรสนิยมอันสูงส่งของเจ้าของห้อง โรเวนมองไปรอบๆห้องแล้วสรุปในใจว่าที่นี่คงจะเป็นห้องหนังสือกระมัง
"ถวายพระพรฝ่าบาท" โรเวนพูดพลางแสดงความเคารพให้แก่คิงริชาร์ดที่นั่งอยู่บริเวณที่จัดไว้ให้พักผ่อนอิริยาบท
"นั่งสิ เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด" คิงริชาร์ดพูดเรียบๆ
เมื่อทั้งโรเวนและไมนอสนั่งลงเรียบร้อยแล้วทั้งคู่คิงริชาร์ดก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า
"ท่าทางคงแปลกใจไม่น้อยสิท่า ว่าทำไมข้าถึงได้เจาะจงตัวเจ้าให้มารับลูกสาวข้า" ริชาร์ดพูดแล้วจ้องหน้าโรเวนเขม็งเหมือนมีเรื่องเคืองกันมาแต่ชาติก่อน ซึ่งโรเวนเองก็ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ไมนอสเองก็นั่งมองโรเวนอย่างสนใจ
"เมื่อหลายวันก่อน มีสาส์นฉบับหนึ่งส่งมาจากเจมิไน ข้าขี้เกียจอธิบายเอาไปอ่านเองก็แล้วกัน" ว่าแล้วริชาร์ดก็ส่งสาส์นฉบับหนึ่งให้โรเวน ซึ่งคนรับมีสีหน้าฉงนเล็กน้อย และเมื่อเปิดสาส์นอ่านเท่านั้น เจ้าชายผู้เคร่งขรึมสงบเยือกเย็นอยู่เป็นนิจก็ขมวดคิ้วเบิกตากว้างอย่างตกใจ แล้วเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงงก่อนจะเจอะเข้ากับสีหน้าบูดบึ้งของคิงแห่งแอเรียสและดวงตาที่ฉายแววขบขันจากไมนอส
"สาส์นฉบับนี้มัน.." โรเวนเงียบไปอย่างพูดไม่ออก
"ใช่ สาส์นจากคิงเซท ฮาเวิร์ดแห่งเจมิไน ที่ส่งมาขอหมั้นหมายเจ้าหญิงมิลเวียน โมนาโรคแห่งแอเรียสให้แก่เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ดแห่งเจมิไน เป็นสาเหตุให้ฉันที่ควรจะเร่ร่อนอยู่ถูกตามตัวกลับกระทันหัน ไม่รู้อะไรนักหนาก็แค่น้องหญิงขายออกแล้วก็เท่านั้น" ท้ายประโยคเป็นเสียงบ่นอุบอิบที่เจ้าชายแห่งเจมิไนไม่ได้ยินหรือรับรู้อะไรกับมัน แต่คิงแห่งแอเรียสดันหูไวขึ้นมาซะงั้น
"แค่ขายออกเรอะ น้องสาวแกพึ่งจะสิบห้ายังไม่น่าจะขายออกด้วยซ้ำ..แทนที่จะห่วงน้องกลับทำหน้าตาเฉยไม่สนใจ" คิงริชาร์ดตะวาดเสียงดัง
"โธ่ท่านพ่อ เขาแค่มาขอหมั้นยังไม่ได้จะขอแต่ง แล้วท่านก็ตอบรับไปแล้วด้วยจะมาโวยวายอะไรเอาตอนนี้" ไมนอสพูดพลางทำหน้าเหนื่อยหน่าย
..ดูมันๆ มันเอานิสัยที่เหมือนพ่อมันมาย้อนเล่นงานพ่อมันเอง.. คิงริชาร์ดคิดอย่างกลุ้มๆ พลางเอามือกุมขมับ
"ทางแอเรียสตอบรับงั้นหรือ" เจ้าชายโรเวนที่ยังมีสติดีพอจะได้ยินประโยคท้ายของไมนอสพูดอย่างอึ้งๆ เนื่องด้วยไม่คิดว่าคิงริชาร์ด แห่งแอเรียสจะยอมง่ายๆ เพราะตัวเขาเองก็ถูกหมายหัวอยู่หลายคดีโดยเฉพาะเรื่องที่ไปทำให้หลานรักท่านอาการปางตายเมื่อครั้งที่ตามล่าตัวธิดาแห่งความมืดในสงครามเอเดน-เดมอสนั้น
"ก็ถ้าน้องสาวเจ้าไม่เป็นฝ่ายยินยอมเองแล้วข้าจะยอมเรอะ" เจ้าชายโรเวนเป็นฝ่ายถาม แต่คิงริชาร์ดกลับไปตะโกนเสียงเขียวใส่ลูกชายตัวเองซะงั้น
"เฮ้ย ท่านพ่อ น้องหญิงตัดสินใจเองไม่เกี่ยวกับข้าซะหน่อย" ไมนอสพูดตื่นๆ แต่แอบซ่อนรอยยิ้มแห่งความสนุกเอาไว้อย่างแนบเนียนเมื่อเห็นพ่อตัวเองมีอาการใกล้บ้าเต็มทน
"เออ ข้ารู้แล้ว" คิงริชาร์ดพูดเสียงเครียด
"ข้าล่ะอยากรู้จริงๆว่าน้องสาวเจ้าคิดอะไรอยู่ถึงได้ตอบรับการหมั้นครั้งนี้" คิงริชาร์ดพูดเหนื่อยๆ
"ท่านพ่อ มิลเวียนน่ะถึงจะเป็นแค่เจ้าหญิงแต่ก็นึกถึงแอเรียสมากกว่าสิ่งใด น้องหญิงอุตส่าห์สละตัวเองขนาดนี้ท่านน่าจะภูมิใจนะ" โรเวนได้ฟังถึงกับนิ่งไป
..สละตนเองเพื่อประเทศชาติ..
"ไม่ภูมิใจโว้ย ภูมิคุ้มกันความกลุ่มหดหายล่ะสิไม่ว่า" คิงแอเรียสเริ่มสติแตกของแท้
"เอาน่า ท่านก็อย่าหวงลูกสาวให้มากนักเลย ข้าล่ะกลัวน้องหญิงจะขึ้นคานซะก่อนเพราะไม่กล้ามีใครมาขอ" ไมนอสพูดหยอกล้อพ่อตัวเองอย่างสนุก ก่อนจะหันหน้ามาทางโรเวนที่นั่งนิ่งอยู่
"เจ้าชายโรเวน เดี๋ยวคืนนี้ท่านก็พักซะที่นี่ละกันนะ ฉันให้คนเตรียมห้องไว้ให้แล้ว เพราะยังไงๆพรุ่งนี้คิงเซท ก็จะมาคุยเรื่องพิธีหมั้นอยู่แล้ว" ไมนอสพูดอย่างนึกสนุก
และก่อนที่คิงแห่งแอเรียสจะทันได้พูดอะไร เสียงจากนางสนองโอษฐ์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะซะก่อน
"ทูลฝ่าบาท เจ้าหญิงมิลเวียนขอเข้าเฝ้าเพคะ" ชายสามคนที่นั่งคุยกันอยู่ชะงักกึก เมื่อคนที่เป็นเจ้าของหัวข้อสนทนาที่ถูกกล่าวถึงได้มาปรากฎตัวให้เห็นกันถึงที่
"ให้เข้ามาได้" คิงริชาร์ดเอ่ยอนุญาติทันทีโดยไม่ต้องคิด
หญิงสาวรูปร่างอรชรเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่างามสมกับเป็นขัตติยะนารี เกศาสีน้ำตาลแดงเข้มยาวถึงกลางหลังพลิ้วไหวน้อยๆอย่างน่าดูราวกับเปลวเพลิงที่กำลังเริงระบำ ดวงตาสีอเมธิสต์มองตรงมาอย่างแน่วแน่ โอษฐ์บางได้รูปขยับเอื้อนเอ่ยเสียงใสไพเราะราวกับแก้ว
"ขออภัยท่านพ่อที่ลูกมารบกวนยามวิกาลเช่นนี้ ไม่ทราบว่าท่านพ่อกำลังมีแขก"
..งามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์..
นั่นคือความคิดที่โรเวนคาดว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ยลโฉมเจ้าหญิงองค์นี้ครั้งแรกก็คงคิดเหมือนกันหมด
"ไม่เป็นไรหรอกลูก ไม่ได้รบกวนอะไรเลย" จากพระพักตร์ที่บึ้งตึงของคิงริชาร์ด แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีทันทีทันใด พลางกระวีกระวาดเดินไปรับธิดาองค์โปรดด้วยตัวเอง
"ท่านนี้คือ..." เจ้าหญิงแห่งแอเรียสหันหน้ามาทางโรเวนด้วยความสนใจใคร่รู้ แต่ไม่ละลาบละล้วง
"นี่คือเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ดแห่งเจมิไนไงล่ะหญิง" เมื่อคิงริชาร์ดที่ยิ้มแย้มมีสีพระพักตร์ที่บึ้งตึงลงกระทันหันเป็นการบอกว่าไม่ต้องการเป็นคนแนะนำ เจ้าชายไมนอสที่อยู่ด้วยจึงเป็นผู้พูดแนะนำขึ้นเอง
"อ้อ..ถวายพระพรเพคะ" มิลเวียนพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยกับโรเวนก่อน
"ถวายพระพรเช่นกันกระหม่อม" โรเวนตอบกลับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ขณะเดียวกันก็ลอบสังเกตุท่าทีของอีกฝ่ายไปด้วย
เจ้าหญิงคนสวยแย้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะผินพักตร์ไปทางพ่อและพี่ชาย
"หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะขอคำปรึกษาจากเจ้าชายโรเวน คงต้องขอยืมตัวแขกของท่านสักครู่ หวังว่าคงไม่ว่าอะไรกระมัง" เสียงทูลเรียบๆจากพระธิดาทำให้พระพักตร์ที่บึ้งอยู่แล้วของคิงริชาร์ดบึ้งยิ่งกว่าเก่า ส่วนพี่ชายเพียงแค่หัวเราะหึหึเท่านั้น โรเวนเองเพียงแค่ขยับรอยยิ้มบาง
ไม่น่าเชื่อว่าคิงริชาร์ดที่เคยทำให้เขาอารมณ์เสียได้และไม่คิดจะต่อกรด้วยอีก กลับต้องมาสยบให้แก่พระธิดาของตน
"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอเชิญท่านทางนี้สักครู่" มิลเวียนกล่าวเรียบๆ แล้วผายมือเชิญ ซึ่งโรเวนก็ผายมือตอบ ก่อนที่มิลเวียนจะเดินนำออกไป
แม้ใจมันอยากจะห้าม แต่ปากมันดันพูดไม่ออกเนื่องจากไม่อาจขัดใจธิดาคนโปรดได้ คิงริชาร์ดเลยได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่กับที่ ยิ่งสายตาขำขันที่ถูกส่งมาจากเจ้าลูกชายคนโต ยิ่งเพิ่มความงุ่นง่านขึ้นเป็นเท่าตัว จนอยากจับคนที่อยู่ใกล้มือตอนนี้มาหักคอให้หายอารมณ์เสีย ถ้ามันไม่ทำให้แอเรียสต้องหารัชทายาทมาทดแทนให้ยุ่งยากล่ะก็..
-------------------------------------------------------------------------------------------
ทางเดินหินอ่อน ทอดยาวไปสู่ศาลากลางสวนที่มีบรรยากาศงดงามยิ่ง ร่างสูงสง่าเดินตามร่างบอบบางของเจ้าหญิงแห่งแอเรียสอย่างเงียบๆ ดวงตาสีน้ำเงินที่มองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความพินิจพิเคราะห์
หญิงสาวตรงหน้าช่างมีบุคลิกที่ดูสง่าและเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ดูท่าทางจะเฉลียวฉลาดไม่น้อยทีเดียว หากเทียบกับอีกคนหนึ่งที่เขาเคยผูกพันธ์ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเยาว์วัยแล้ว คนหนึ่งคงเปรียบเสมือนเด็กน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ส่วนอีกคนคงเป็นเด็กที่มีความคิดโตเกินวัย
ทั้งคู่เดินไปเงียบๆโดยไม่มีใครเอ่ยพูดขึ้นมาก่อนจนกระทั่งมาถึงในศาลา
"เชิญนั่งเพคะ" มิลเวียนเอ่ยชวน
"ต้องขออภัยในความยุ่งยากของท่านพ่อที่ไปรบกวนให้ท่านต้องมารับหม่อมฉันถึงแอเรียส" เมื่อทั้งคู่นั่งเสร็จเรียบร้อย เจ้าหญิงแห่งแอเรียสก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นก่อน
"หามิได้ จริงๆก็ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่นักในการเดินทางมาที่นี่" โรเวนตอบกลับอย่างสำรวม
มิลเวียนยิ้มกับท่าทางของอีกฝ่ายก่อนจะพูดเปิดประเด็นขึ้นว่า
"ท่าทางท่านคงมีอะไรอยากจะถามหม่อมฉัน เกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องการหมั้น" โรเวนนิ่งไปนิดก่อนจะพูดขึ้นว่า
"อันที่จริงก็มีกระหม่อม หม่อมฉันแค่สงสัยว่าเหตุใดท่านพ่อของเจ้าหญิงถึงได้ยินยอมตอบรับการหมั้นครั้งนี้ง่ายนัก" มิลเวียนนิ่งไปกับคำถามที่ออกจะผิดคาด
"ท่านเป็นผู้ที่มีอายุและศักดิ์สูงกว่าหม่อมฉัน ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดสุภาพมากมายขนาดนั้น อันที่จริงเราพูดกันธรรมดาจะง่ายกว่า ศัพท์แสงพวกนี้นี่เบื่อเต็มที" มิลเวียนพูดพร้อมแย้มรอยยิ้มกว้างอันเป็นบุคลิกที่แตกต่างกับที่โรเวนเห็นเมื่อครั้งแรก ดูจะสดใสสมวัยมากกว่า
อืม..ดูท่าทางที่นอกจากจะเป็นผู้ใหญ่เกินวัยแล้ว ก็ยังมีความน่ารักแบบเด็กๆสมอายุอยู่กระมัง
"สำหรับคำถามของท่านออกจะผิดกับที่ฉันเคยคิดไว้ นึกว่าท่านจะถามเรื่องอื่นซะอีกอย่างเช่น..คิดอย่างไรถึงตอบรับสาส์นจากเจมิไนที่เป็นเพียงประเทศเล็กๆเมื่อเทียบกับแอเรียส"
..ฉลาด..โรเวนมองหน้ายิ้มๆของมิลเวียนแล้วพาลนึกไปถึงใบหน้าเจ้าเล่ห์ๆของรุ่นน้องหัวขโมยตัวแสบ ถึงแม้จะแสดงสีหน้าไม่เหมือนกัน แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกันพิกล
โรเวนยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเรียบ
"ฉันคิดว่าท่านคงมีเหตุผลของท่าน และคงเป็นเหตุผลที่ดีด้วย ซึ่งมันน่าจะเกี่ยวกับบ้านเมืองของท่าน"
"เจ้าชายโรเวนเก่งสมคำร่ำลือ" มิลเวียนยิ้มอย่างถูกใจเมื่อรู้ว่าถึงจะเล่นแง่แค่ไหนก็ทำอะไรเจ้าชายองค์นี้ให้กระเทือนไม่ได้
"ชมมากเกินไปแล้ว" โรเวนพูดเรียบๆ
"สำหรับคำตอบของฉันคงไขข้อข้องใจแก่คำถามของท่านและเหตุผลที่ดีของฉัน ฉันได้ยินเรื่องระหว่างท่านกับจักรพรรดินีวิเวียนนานีย่ามาเหมือนกัน" โรเวนที่กำลังยกชาที่ไม่รู้มาจากไหนขึ้นจิบ ชะงักไปทันทีเนื่องจากไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ในการสนทนาครั้งนี้
"นั่นมันทำให้ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น เจ้าชายโรเวน ฉันมองเห็นภายในใจท่าน ท่านคงรักองค์จักรพรรดินีมากเช่นกัน แต่สำหรับตัวท่านแล้ว เรื่องของประเทศชาติสำคัญยิ่งกว่าเรื่องของตัวเองมากนัก ท่านจึงปล่อยนางไปด้วยความเต็มใจ" โรเวนจ้องหน้าเรียบเฉยของมิลเวียนเขม็ง ด้วยนึกไม่ถึงว่าจะมีคนมองความคิดตัวเองได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้ ..ดวงตาสีอเมธิสต์มองตรงมาราวกับกำลังอ่านใจของเขาอยู่..เป็นครั้งแรกที่เจ้าชายโรเวนรู้สึกหวาดหวั่น
"ท่านคงนึกสงสัยว่าทำไมฉันถึงได้คิดแบบนี้ เจ้าชายโรเวน..เจมิไนสำคัญกับท่านมากขนาดไหน..แอเรียสก็สำคัญสำหรับฉันมากขนาดนั้น คุยกับคนอย่างท่านไม่ควรมีเรื่องปิดบัง ฉันจะเล่าความคิดเห็นของฉันให้ท่านฟังก็แล้วกัน"
"สาเหตุที่ฉันตอบรับสาส์นจากเจมิไนเพราะฉันเห็นว่าในอนาคต ท่านจะต้องเป็นผู้ทำให้เจมิไนยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับเมืองเกรดหนึ่งอย่างแอเรียส เวนอล คาโนวาลและบารามอสเลยทีเดียว ถึงมันจะดูเป็นไปไม่ได้แต่ไม่ใช่สำหรับท่าน ที่ทำให้มันเป็นไปได้หากต้องการ ถ้าแอเรียสได้ท่านมาเป็นราชบุตรเขย เราจะได้ประโยชน์มากมายในด้านความสามารถของท่าน ซ้ำเจมิไนเองก็จะได้รับความช่วยเหลือจากแอเรียสอย่างเต็มที่ ฐานบัลลังก์ของท่านเองก็จะยิ่งแน่น ทั้งยังไม่เกิดปัญหาใดๆด้วย เพราะฉันไม่ใช่ทายาทที่ต้องขึ้นครองบัลลังก์แห่งแอเรียส"
"สรุปกันตรงๆก็คือ ฉันทำเพื่อบ้านเมืองอย่างที่ท่านพูดไว้ในตอนแรก ..สละทุกอย่างได้เพื่อแอเรียส เหมือนกับที่ท่านทำได้ทุกอย่างสละได้แม้สิ่งสำคัญเพื่อเจมิไน นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันพอจะเข้าใจความคิดท่านเพราะเรามีอะไรหลายอย่างคล้ายกันนะ..ท่านว่าไหม"
โรเวนนิ่งคิดไปกับคำพูดของคนตรงหน้า ถูกที่ว่า..หากเจมิไนเชื่อมสัมพันธ์กับแอเรียสแล้ว โอกาสที่จะพัฒนาประเทศชาติก็ทำได้ง่ายขึ้นเพราะคิงริชาร์ดคงไม่เพิกเฉยต่อพระธิดาองค์โปรด ไหนจะได้ความสัมพันธ์ไมตรีจากคาโนวาลเป็นผลพวง และเมื่อได้ไมตรีจากคาโนวาล กษัตริย์กาเบรียล บริสตั้น ซึ่งเป็นรุ่นน้องผู้นับถือกษัตริย์บาโรยิ่งกว่าอะไรก็ต้องมอบไมตรีให้แก่เจมิไนเช่นกัน
ทีนี้ปัญหาชายแดนระหว่างเจมิไนกับซาเรสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็จะหมดไป แล้วถ้าหาก..เจ้าหญิงเฟลิโอน่าแห่งบารามอสได้แต่งงานกับเจ้าชายแห่งคาโนวาลจริง บารามอสกับคาโนวาลก็จะเป็นมิตรกันส่งผลให้เจมิไนได้ผลพลอยได้นี้ไปด้วย แล้วเมื่อสามเมืองใหญ่แห่งเอเดนเป็นพันธมิตรกันแล้ว มีหรือเวนอลจะไม่เข้าร่วม ..ตัวเขาเองก็ตัดสินใจแต่แรกแล้วว่าชีวิตนี้จะอุทิศเพื่อบ้านเมือง เมื่อการหมั้นในครั้งนี้เจมิไนมีแต่ได้กับได้ แล้วจะมีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธ..
"คงเป็นบุญของฉันหากได้เจ้าหญิงอย่างท่านมาเคียงข้าง" โรเวนพูดพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
"และคงเป็นโชคแห่งฉันและแอเรียสที่จะได้ท่านมาเคียงคู่" มิลเวียนว่าพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเช่นกัน
..หัวใจสองดวงที่ตอนนี้ยังไม่อาจทำใจให้รักกันได้อย่างที่คู่หมั้นพึงรักกัน แต่ก็สามารถเข้าใจและเป็นมิตรกันได้ ด้วยปณิธานและความตั้งใจที่เหมือนกัน แม้ไม่ใช่คนรัก แต่ก็อยู่เคียงข้างกันได้ด้วยความรู้สึกอย่างเพื่อน..
"ท่าทางเราคงต้องเริ่มทำความคุ้นเคยต่อกันก่อน เพราะฉะนั้นขออนุญาติฉันเรียกท่านว่าน้องหญิงจะได้หรือไม่"
"ย่อมได้แน่นอนค่ะ เจ้าพี่"
ทั้งคู่ยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกที่เริ่มจะผ่อนคลาย ต่างรู้สึกต่อกันราวกับพี่น้องและเพื่อนที่รู้จักกันมานาน
---------------------------------------------------------------------------------------------
รุ่งขึ้น
ห้องรับรองแขก
"ว่าไงคิงเซท ฮาเวิร์ด หวังว่าท่านคงสบายดี" คิงริชาร์ดกล่าวอย่างบูดบึ้งเล็กน้อยเนื่องด้วยอารมณ์ที่ค้างคาจากเมื่อวาน
"ข้าสบายดี..แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยสบายดีซักเท่าไหร่กระมัง" คิงเซทพูดยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี
"ข้าไม่สบายก็เพราะลูกชายท่านนั่นแหละ แค้นเมื่อคราวนั้นยังไม่ได้ชำระก็ต้องมาเสียลูกสาวให้อีก" คิงริชาร์ดพูดเสียงเขียว หมดมาดกษัตริย์ที่เคยป่วนชาวบ้านเขาให้หัวหมุนอย่างราบคาบ แล้วความคิดก็ประหวัดถึงวันที่สาส์นจากเจมิไนส่งมาถึง...
"เจมิไนบังอาจนัก เป็นแค่ประเทศเล็กๆแต่ริอาจมาขอลูกสาวเราไปให้เจ้าชายของเขา" คิงริชาร์ดตะโกนขึ้นอย่างหัวเสีย
"ใจเย็นน่าท่านพ่อ" ไมนอสที่ถูกเรียกตัวกลับมาอย่างกระทันหันเตือนสติพ่อตัวเองให้เย็นลง
"แล้วจะทำยังไงล่ะท่านพ่อ จะปฏิเสธหรือตอบรับ" ไมนอสถามท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนแต่ประการใด
"วะ ก็ต้องปฏิเสธสิถามได้" คิงริชาร์ดพูดเสียงเขียว
"แต่ลูกจะตอบรับ" เสียงของธิดาองค์โปรดที่นั่งเงียบมานาน เรียกสายตาตกตะลึงของผู้เป็นพ่อและแววตาฉายแววสนุกของพี่ชายให้มองมา
"ลูกจะตอบรับสาส์นจากเจมิไน ลูกจะหมั้นกับเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด" เสียงที่แสดงถึงการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ของธิดาเล่นเอาคิงริชาร์ดแทบเต้น
"ทำไมลูกคิดอย่างนั้น จะไปแต่งเข้าประเทศเล็กๆนั่นน่ะนะ"
"ถึงประเทศจะเล็กแต่ความสามารถของเขาช่างยิ่งใหญ่นัก อนาคตคงจะมีบทบาทมากเป็นแน่ รีบผูกสัมพันธ์กันตอนนี้จะเป็นประโยชน์แก่แอเรียสของเรา หรือท่านพ่อจะเถียงลูกว่าเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ดเป็นผู้ไร้ศักยภาพ" คิงริชาร์ดอึกอักเถียงไม่ออก ก่อนจะยกเหตุผลอื่นๆมาแทน
"แต่ลูกไม่ได้รักเขา หน้ามันลูกก็ยังไม่เคยเห็น พ่อไม่ยอม"
"งั้นลูกรักเค้า" ประโยคที่เรียกเสียงหัวเราะจากพี่ชาย แต่เรียกสายตาตกตะลึงของผู้เป็นพ่ออีกรอบ
"ลูกไปรักเขาตอนไหน" คิงริชาร์ดร้องเสียงหลง
"ตอนนี้แหละเพคะ ถ้าเขาเก่งหม่อมฉันก็รัก การหมั้นครั้งนี้หม่อมฉันเชื่อว่าจะมีประโยชน์มหาศาลต่อแอเรียส ถือว่าหม่อมฉันขอร้อง"
คิงริชาร์ดถึงกับอึ้งไป
..ขอร้อง..
..ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมามิลเวียนไม่เคยขอร้อง ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลยสักนิด แต่คำขอครั้งแรกนี้ ทำไมมันดูช่างน่าหนักใจ
เสียจริง สุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งสาส์นตอบรับไปให้แก่ทางเจมิไนอย่างไม่มีทางเลือก..
คิงเซทเพียงแค่หัวเราะน้อยๆกับสีพระพักตร์ของคิงริชาร์ดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ต้องส่งสาส์นตอบรับไป ไม่นานร่างสูงสง่าขี้เล่นของเจ้าชายไมนอสก็เดินเข้ามา
"ถวายพระพรฝ่าบาท" ไมนอสว่าพลางทำความเคารพแก่กษัตริย์แห่งเจมิไน
"แล้วนี่..เราจะคุยเรื่องงานพิธีเลยไหมกระหม่อม" ไธนอสถาม
"ก็คงต้องรอให้หนุ่มสาวเค้ามาร่วมตกลงด้วย" คิงเซทกล่าวอย่างอารมณ์ดี ผิดกับคิงริชาร์ดที่อารมณ์เริ่มจะบูดบึ้งขึ้นไปทุกที
"ดีเลยกระหม่อม หม่อมฉันให้คนไปตามพอดี คิดว่าอีกสักครู่คงถึง" พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงนางสนองโอษฐ์ก็ดังขึ้น
"เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ดแห่งเจมิไน และเจ้าหญิงมิลเวียน โมนาโรคแห่งเอเรียสขอเข้าเฝ้าเพคะ" ชายสามคนหันมามองหน้ากันอย่างงงวยเล็กน้อยที่หนุ่มสาวเจ้าของพิธีหมั้นที่กำลังจะเกิดขึ้นมาถึงพร้อมกันได้ และยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดูท่าทางจะสนิมสนมกันดี
ไมนอสหัวเราะหึหึกับภาพตรงหน้าที่เห็น สองหนุ่มสาวท่าทางเข้ากันได้ดี ในขณะที่คิงเซทเลิกคิ้วพลางขยับรอยยิ้มบาง ส่วนคิงริชาร์ดนั้นมองภาพตรงหน้าด้วยลูกตาโตยิ่งกว่าไข่ไดโนเสาร์ ก่อนจะค่อยๆเพิ่มดีกรีความบูดบึ้งขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
"ถวายพระพรฝ่าบาท" โรเวนและมิลเวียนกล่าวพลางทำความเคารพแก่กษัตริย์ทั้งสองพระองค์
"มาถึงก็ดีแล้ว เรากำลังรอเจ้าทั้งสองคนอยู่เพื่อพูดเรื่องพิธีหมั้น" คิงเซทพูดแล้วแย้มรอยยิ้มกว้าง
"อันที่จริงเรื่องนี้หม่อมฉันได้ปรึกษากับน้องหญิงแล้วเมื่อคืน เราตกลงกันว่าจะไม่ทำอะไรมากนอกจากการมอบไข่มุกแสงจันทร์โดยให้ฝ่าบาททั้งสองทรงร่วมกันเป็นพยาน" คิงเซทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไมนอสหัวเราะหึหึอย่างนึกสนุก คิงริชาร์ดได้แต่มองตาค้าง
น้องหญิง..ปรึกษากันเมื่อคืน..แล้วพอเช้ามาก็สนิทกันราวกับรู้จักกันมานาน ....ช่างเป็นประโยคที่ชวนให้คิดลึกเสียนี่กระไร
"เจ้าเห็นว่าอย่างนั้นหรือมิลเวียน" คิงเซทหันไปถามความเห็นของว่าที่คู่หมั้นลูกชายอีกครั้ง
"เพคะ เพราะอันที่จริงหม่อมฉันไม่ค่อยชอบงานพิธีที่มันเอิกเกริกมากมายนัก แล้วอีกไม่นานหม่อมฉันก็ต้องเข้าศึกษาในโรงเรียนพระราชาเลยอยากจะจัดเงียบๆมากกว่าเพคะ"
"อืม..." คิงเซทพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันไปทางคิงริชาร์ดที่นั่งนิ่งอยู่
"ท่านมีความเห็นว่าอย่างไรล่ะ คิงริชาร์ด"
คิงริชาร์ดเพียงแค่ถอนหายใจก่อนจะพูดเสียงแผ่ว ..ว่าไงว่าตามกัน..
แล้วพิธีหมั้นที่มีแค่การที่เจ้าชายโรเวนมอบไข่มุกแสงจันทร์ให้แก่เจ้าหญิงมิลเวียนเป็นของหมั้น โดยมีสองกษัตริย์หนึ่งเจ้าชายรัชทายาทเป็นพยานก็เกิดขึ้นอย่างเงียบๆและจบลงอย่างรวดเร็ว
"ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ" คิงเซทอวยพรขณะที่มาส่งลูกชายและว่าที่สะใภ้ขึ้นมังกรเพื่อกลับเอดินเบิร์ก
"โชคดีนะหญิง แล้วพี่จะเขียนจดหมายไปให้" ไมนอสพูดกับน้องสาวด้วยความรัก ซึ่งมิลเวียนก็ยิ้มให้พี่ชายอย่างอ่อนโยน
"ถ้าลูกข้าเป็นอะไรไป เราจะได้เห็นดีกัน" เสียงเขียวๆของคิงริชาร์ดเรียกรอยยิ้มขำจากผู้ที่มาส่งและคนถูกส่ง
"รับรองด้วยเกียรติของหม่อมฉัน ว่าจะดูแลน้องหญิงให้ดีที่สุดกระหม่อม" โรเวนว่ายิ้มๆกับท่าทีของพ่อหวงลูกสาว
----------------------------------------------------------------------------------------------
ToBeCon.
ความคิดเห็น