ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Angle and Golden Demon[Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่4 ความซวยไม่ทันหาย ความควายก็ตามมา(อัพต่อแล้วจ้า100%)

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 51


    ตอนที่4 ความซวยไม่ทันหาย ความควายก็ตามมา(ขออภัยหากชื่อตอนมันฟังดูไม่สุภาพไปซักนิด - -" )


                    ..หนาว..มืด...ที่นี่..ที่ไหน..สัมผัสนี้..น้ำนี่นา..ฉันมาอยู่ในนี้ได้ยังไง..ใครก็ได้..ช่วยด้วย..เอาฉันออกไปที..


                   เจ็บ..ทรมาน..ช่วยด้วย..ขยับตัวไม่ได้..เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย..เกิดอะไรขึ้น..นี่มันอะไรกัน..


    "เด็กคนนี้ท่าทางทรมานจัง เอาเค้าออกมาไม่ได้เหรอ" เสียงเด็กอายุประมาณ15ปีดังขึ้นในโสตประสาท


                    ..ใคร..เสียงใคร..


    "ไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลา" เสียงผู้ใหญ่ตอบกลับมาอย่างเย็นชา


                    ..เสียงนี้..มัน..


    "เด็กคนนี้..ขยับแล้ว" เสียงเด็กดังขึ้นอย่างแฝงความตื่นเต้นเอาไว้ในน้ำเสียงแทบไม่มิด


                    ความมืดมิดเริ่มจางหาย..สิ่งที่เห็นในตอนแรกคือของเหลวสีเขียวใสที่รายล้อมอยู่รอบตัว สายระโยงระยางมากมาย และ..เด็กผู้ชายผมทองตาสีแดงราวกับเลือด ที่มีใบหน้าเย็นชา..จ้องสบตากับเค้า


    เฮือก!!!


                    ซุยเซผวาขึ้นจากเสียงนุ่ม ที่บัดนี้เหลือเค้านอนอยู่เพียงคนเดียว เหงื่อโทรมท่วมตัวเนื่องมาจากความฝันประหลาดที่ไม่เคยเจอมาก่อน


                    ..ปกติฝันเห็นแต่คืนพระจันทร์เต็มดวงกับเหตุการณ์ฆ่ากันตาย..แต่ทำไมคราวนี้..ถึงฝันอะไรประหลาดแบบนี้..นั่มมันอะไรกัน..คนพวกนั้นเป็นใคร..


                    ซุยเซนั่งนึกพลางหอบหายใจอย่างแรง ราวกับพึ่งวิ่งมาราธอนเสร็จมาหมาดๆ พอเวลาผ่านไปซักพักจึงเริ่มรู้สึกตัว


                    ..เจ้านายตัวดีนั่นหายไปไหนแล้วฟะ..ดูนาฬิกาก็พึ่งจะตี5..


                    ซุยเซตัดสินใจลุกขึ้นเก็บที่นอน และเดินออกไปจากห้องนั้ เพื่อกลับไปห้องตัวเอง


    "เฮ้อ สบายจัง" ซุยเซพูดแล้วยิ้มนิดๆอย่างอารมณ์ดี เนื่องจากตอนนี้ได้ลงมาแช่น้ำอุ่นๆให้หายเครียดจากฝันร้ายบ้าๆนั่น แต่ก็ยังไม่วายนึกถึงมัน แล้วก็กลับมากลุ้มอีกจนได้


                    ..ทำไมเราถึงรู้สึกคุ้นเคยจังนะ..เหมือนกับเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับเรางั้นแหละ..แล้วเสียงของผู้ชายคนนั้นอีก คุ้นหูอย่างประหลาด..ยังมี..เด็กผู้ชาย..ผมสีทองคนนั้น....เฮ้ย ซุย แกจะคิดอะไรมากมายฟะ นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้นะ..


                    แล้วเจ้าตัวก็วักน้ำล้างหน้าเพื่อลบความคิดฟุ้งซ่านนี่ออกไปจากหัว


                     ห้องน้ำที่นี่กว้างใหญ่และหรูหรา อ่างน้ำก็เป็นจากุชชี่ แถมสบู่ก็กลิ่นหอมที่ทำให้คลายจากอาการเหนื่อยและเครียดได้เป็นอย่างไร แต่ซุยเซก็ไม่ได้อยู่ชื่นชมมันนานเท่าที่ใจต้องการ เพราะเค้ายังคงไม่ลืมหน้าที่ของตัวเอง ขืนมัวแต่แช่น้ำ เกิดอยู่ๆอีกฝ่ายดันส่งนักฆ่ามาตอนนี้ก็แย่สิ ยังไงก็ไม่ควรประมาทสักนาที


                   แล้วความเป็นบอร์ดี้การ์ดก็ทำให้ซุยเซรีบลุกขึ้นจากอ่าง เปลี่ยนเสื้อผ้า และรีบเดินออกจากห้องไปตามหาผู้เป็นเจ้านายของตัวเองทันที


    --------------------------------------------------------------------------------------------------------


    "อ้าวคุณ(พัฒนาจากนายมาเป็นคุณ) ผมตามหาคุณซะแทบแย่" ซุยเซโวยวายอย่างเสียอารมณ์เมื่อเค้าทั้งค้นทั้งหาทุกซอกทุกมุมของไอ่บ้านใหญ่ๆหลังนี้ยังไงก็ไม่เจอ พอลองย้อนกลับมาดูในห้องที่ตัวเองนอนเมื่อคืนเท่านั้นแหละ ถึงเจอตาเจ้านายมาดมากนั้นนั่งทำงานอยู่ตรงโต๊ะที่เมื่อคืน เจ้านายเค้าก็กำลังง่วนอยู่กับมันในตอนที่เค้าเข้ามา


                    แล้วดูเหมือนที่เค้าโวยวายไปดูท่าจะไร้ประโยชน์สิ้นดี เมื่อคนที่นั่งทำงานอยู่นั้นไม่ไม้แต่จะเปรยตาขึ้นมามอง..แล้วจะให้เค้าทำยังไง นอกจากนั่งเฝ้าอยู่แถวๆปลายเตียงไม่ให้อีกฝ่ายคลาดสายตาด้วยท่าทางหงุดหงิด


    "เตรียมตัวซะ เดี๋ยวฉันจะเข้าบริษัท" หลังจากรอแล้วรอเล่าจนแทบอยากจะงีบไปซักหลายๆงีบ ในที่สุดก็มีเสียงเรียกจากสวรรค์(หรือนรกฟะ)ส่งมาซักที


    "หืม..อ้อ..อืม." ซุยเซตอบรับอย่างมึนๆงงๆเล็กน้อยซึ่งเป็นผลจากการงีบนั่นเอง


     เวลา8โมงตรงหน้าบริษัทโอดิน


                    รถยี่ห้อสุดหรูสีดำมันแปลบเคลื่อนตรงเข้ามาจอดหน้าบริษัท พร้อมกับร่างสองร่างที่ก้าวเดินลงมาจากรถ


    "อันเซน" เสียงเย็นๆดังขึ้น


    "ครับท่าน"


    "เดี๋ยวไปขอตารางงานจากเลขาของฉัน แล้วคอยรายงานฉันด้วย"


    "รับทราบครับท่าน" ..ชิ ทำเป็นวางมาด.. แล้วก็ไม่พ้นแอบนินทาเจ้านายมันในใจอีกละ...


    "ไม่ต้องเรียกท่านขนาดนั้นก็ได้ แค่คุณจินก็พอ" เสียงหยันๆรอยยิ้มเย็นๆที่ดูเหมือนจะเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย(และไม่คิดจะแก้ มั้ง!?) เอ่ยบอกซุยเซ


    "รับทราบครับ คุณจิน" ..นี่แค่ก็พอนะเนี่ย..ไม่เห็นจะต่างจากเดิมตรงไหน ไงๆก็เจ้านายนั่นแหละว้า..(นี่ก็อีกคน นินทาเจ้านาย นิสัยที่ยังไงก็แก้ไม่ได้ผล และไม่คิดจะแก้อีกนั่นแหละ)


                    แล้วพอถึงห้องทำงานชั้นบนสุดจินก็เดินลิ่วๆเข้าห้องทำงานไปทันที ปล่อยให้บอร์ดี้การ์ด(ที่เริ่มจะควบหน้าที่เลขาส่วนตัว)เดินไปหาแม่เลขาสาวที่ห้องทำงานอยู่หน้าห้องเพื่อจะขอตารางงานตามคำสั่งของอีตาเจ้านายมาดมาก


    "คุณเอมิครับ" ถ้าถามว่ารู้ชื่อสาวเจ้าได้ยังไงก็คงต้องตอบว่า มันแปะหราอยู่หน้าโต๊ะทำงานของคุณเธอนั่นไง


    "คะ?" เลขาสาวที่นั่งทำงานงกๆแต่เช้า เงยหน้าขึ้นมาถาม


    "ผมอยากจะขอตารางงานของคุณจินได้ไหมครับ"


    "อ๋อ แน่นอนค่ะ รอสักครู่นะคะ"


    "ขอบคุณมากครับ อ้อ..ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะขอตารางงานวันพรุ่งนี้ด้วย..ช่วยเตรียมให้ผมตอนเลิกงานหน่อยจะได้มั้ยครับ" ซุยเซพูดอย่างสุภาพออกจะเกรงใจเล็กน้อย เพราะเห็นคุณเธอนั่งทำงานแต่เช้าจรดเย็นตัวเป็นเกลียวแทบทุกวัน


    "ได้ค่ะ แล้วดิฉันจะเตรียมให้ค่ะ" เลขาสาวบอกพร้อมรอยยิ้ม เพราะไหนๆเธอก็ทำงานมากอยู่แล้วเพิ่มรายการเตรียมตารางงานของเจ้านายแค่นี้อีกสักชิ้นจะเป็นไรไป


    "ขอบคุณมากครับ" ซุยเซพูดพร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สาวหน้าไหนเห็นเป็นต้องเคลิ้ม ยิ่งโดยเฉพาะกับคุณเลขาที่ยังสาวแต่ต้องมาทำงานงกๆไม่มีเวลาไปเหล่หนุ่ม พอมาเจอผู้ชายหน้าสวยส่งยิ้มสวยๆมาให้อีก ทำเอาเธอหน้าแดงได้ไม่ยาก


                    แล้วคนทิ้งระเบิดลูกเบ้อเริ่มโดยไม่รู้ตัวก็เดินไม่รู้ไม่ชี้เข้าไปในห้องท่านประธานและไม่ลืมที่จะหยิบตารางงานที่ได้มาสดๆร้อนๆติดมือเข้าไปด้วย


    "ว่ามาสิ" ถ้าเป็นคนอื่นเดินเข้ามาแล้วเจอคำถามแบบนี้จากเจ้านายรับรองยืนงงเป็นไก่ตาแตก แต่รู้สึกเจ้านายกับลูกน้องคู่นี้จะรู้ใจกันดีเกินคาด ถึงแม้ภายนอกจะดูแง่งๆใส่กันก็ตาม(หมาหรือคนฟะ - -)


    "ตอนเก้าโมงมีประชุมเรื่องการเปิดตัวของสินค้าตัวใหม่ ตอนเที่ยงมีนัดทานอาหารกับประธานบริษัทมิราเคิล บ่ายสองประชุมกับประธานบริษัทสาขาย่อย สองทุ่มมีงานสังสรรค์บ้านท่านนายพลครับ" พอร่ายจบซุยเซก็นึกอยากถอนหายใจด้วยความเหนื่อย ..ทำไมงานมันเยอะอย่างนี้ฟะ..ทีเมื่อวานไม่เห็นจะมีงานขนาดนี้..


                    ห้านาทีผ่านไปท่ามกลางความเงียบและเสียงลากปากกา อยู่ๆจินก็ลุกพรวดขึ้นทำเอาซุยเซที่ยืนนิ่งอยู่แอบสะดุ้งเล็กน้อย


    "9โมงแล้ว" เจ้านายมาดมากผู้เสียงเรียบแล้วเดินออกจากห้องไปทันที โดยมีซุยเซเดินตามไปอย่างรู้หน้าที่


                   แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะเดินไปถึงประตูก็มีแสงสะท้อนวูบปะทะเข้ากับนัยน์ตาของซุยเซเต็มที่ และพอหันไปทางกระจกใสบานใหญ่เท่านั้นแหละ


    "ระวัง!!" ซุยเซถลาไปพลักอีกคนให้พ้นจากอันตรายพร้อมกับที่หูได้ยินเสียงหวีดหวิวของอะไรบางอย่างที่ทะลุกระจกเข้ามาและตรงเข้ามาหาเหยื่อของมันด้วยความเร็วสูง


                    ถ้าหากว่าซุยเซพลักอีกคนให้พ้นจากวิถีกระสุนไม่ทัน กระสุนนัดนี้คงพุ่งเข้าเจาะทะลุหัวใจของจินไปแล้วแน่ๆ แต่เพราะว่าพลักทัน กระสุนเลยเจาะเฉียดเข้ากับแขนซ้ายของซุยเซแทน


                    จินมีสีหน้าเฉยชาแต่ดวงตาทอประกายวาวจ้องเขม็งไปยังแขนซ้ายของซุยเซที่โดนกระสุนถากไปเมื่อกี้ ในขณะที่คนโดนกระสุนถากแขนเลือดไหลเป็นสายกลับไม่แสดงท่าทางสนใจกับมันเลยซักนิด


                    ซุยเซกระชากปืนสีดำวาววับออกมาด้วยมือข้างขวาและยิงสวนทะลุกระจกออกไปยังเงาร่างที่เห็นอยู่ลิบๆจากดาดฟ้าของตึกตรงข้ามสามนัดซ้อน แต่ดูเหมือนเงาร่างนั้นจะไหวตัวทันเลยรีบลงจากดาดฟ้าหายไปจากสายตา ทำเอาซุยเซแอบสบถออกมาเล็กน้อยด้วยความเสียดาย และด้วยความที่ปืนของซุยเซไม่ได้ใส่ที่เก็บเสียงเอาไว้เลยทำให้เกิดความอลม่านขึ้นมาทันที


                   บนดาดฟ้าตึกที่ใช้ลอบยิงประธานบริษัทโอดิน


    "เวรกรรม ให้ตายสิ" ชายหน้าหวานร่างเพรียวบางสบถพึมพำ ผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มยาวถึงกลางหลังถูกมัดรวบเอาไว้และไหวตัวไปมาตามแรงพัดของลม มือเรียวราวกับไม่ใช่มือผู้ชายถูกยกขึ้นมาแตะแผลตรงข้างแก้มที่โดนกระสุนถากไปสดๆร้อนๆเมื่อกี้นี้


    "เฮ้อ อุตส่าห์ไม่เข้าไปไกล้ในรัศมีแล้วน้า..ยังอุตส่าห์ยิงมาโดนอีก" ถึงคำบ่นจะแสดงถึงความเสียดายแต่น้ำเสียงกลับแสดงถึงความสมใจ


    "อืม..ต้องให้ได้อย่างนี้สิ" แล้วเรียวปากบางก็แย้มยิ้มออกมาอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจต่ออะไรเลยสักนิด แถมยังเอนตัวพิงพนังปูนสีขาวยกขาขึ้นมากระดิกรับลมอย่างสบายอกสบายใจซะอีก ผิดกับอีกด้านหนึ่งที่ดูจะวุ่นวายโกลาหลขึ้นมาทันทีทันใด


    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    "ว้าย ตายแล้วเลือด"


    "รีบคุ้มครองท่านประธานเร็ว"


    "รีบพาท่านไปยังที่ปลอดภัยเร็วเข้า"


                   เสียงร้องของเลขาสาวที่เห็นเลือดไหลรินออกมาจากแผลเป็นเสียงเดียวที่แสดงถึงความสนใจคนที่ถูกยิง ส่วนเสียงพวกรปภที่เหลือ ล้วนแต่สนใจแต่เจ้านายของตัวเองทั้งนั้น


    "หุบปาก!!" เสียงกร้าวเต็มไปด้วยอำนาจดังขึ้นจากคนที่ถูกรุมคุ้มครอง ดวงตาที่ทอประกายเย็นเฉียบแต่วาวโรจน์ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกจนอดตัวสั่นด้วยความกลัวไม่ได้นั้น ทำเอาทุกคนเงียบด้วยความตะลึงไปในบัดดล เพราะไม่เคยเห็นเจ้านายของตนตวาดขนาดนี้มาก่อน อย่างมากก็แค่น้ำเสียงเย็นชากับสายตาทิ่มแทง


    "ไม่เห็นรึไงว่าฉันไม่เป็นอะไร คนที่บาดเจ็บน่ะยืนหัวโด่อยู่นู้น..แล้วมัวทำอะไรกันอยู่" เสียงเย็นๆที่เต็มไปด้วยโทสะดังขึ้นอีกครั้งทำเอาทุกคนรุกลี้รุกลนเข้าไปดูแลซุยเซที่ยังยืนอึ้งๆกับท่าทีของเจ้านายเค้าอยู่ แต่พอถูกรุมก็ได้สติขึ้นมา


    "เอ้อ..คือว่าผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ คุณเอมิครับ" ซุยเซหลีกเลี่ยงสถานการน่าปวดหัวด้วยการหันไปเรียนคุณเลขา และเธอก็ดูจะมีสติดีกว่าใครในเหตุการณ์อันน่าสะเทือนขวัญ(ที่เกิดจากเจ้านายจอมโหด)นั่น


    "คะ" เอมิตอบรับด้ายท่าทางกระฉับกระเฉง


    "เดี๋ยวคุณเอมิช่วยไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ" ซุยเซถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน(ที่ช่วยลดบรรยากาศตึงเครียดนี้ลงไปได้เยอะ) โดยไม่มีท่าทางที่แสดงถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลนั้นเลยสักนิด


                    พอเอมิรีบกระวีกระวาดออกไปเอาของตามที่ซุยเซขอแล้ว เสียงทรงอำนาจของท่านประธานก็ดังขึ้นอีกครัง แต่คราวนี้เหลือแต่ความเรียบแฝงเย็นชาไว้เท่านั้น


    "คนที่เหลือก็ออกไปได้แล้ว ที่นี่ฉันจัดการเอง" พอได้ยินอย่างนั้นทุกคนก็รีบทยอยออกไปทันทีจนในห้องเหลือแต่ซุยเซกับจินเท่านั้น ซึ่งบรรยากาศอย่างนี้ทำเอาซุยเซอึดอัดไม่ใช่เล่น เพราะสายตาของเอาคนที่เอาแต่จ้องเอาๆโดยที่เค้าอ่านความคิดของคนที่จ้องมาไม่ออกเลยสักนิด


                   แต่เพียงไม่นานเอมิก็รีบเข้ามาในห้องพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล ซึ่งซุยเซก็รับมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาเพื่อทำแผล เอมิเองเห็นอย่างนั้นก็เดินเข้าไปจะช่วย


    "เดี๋ยวดิฉันช่วยนะคะ"


    "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมทำเองได้" ซุยเซบอกปัดอย่างสุภาพและอึดอัดใจ เพราะเค้าไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับแผลนี้ทั้งนั้น...ขืนให้เค้ามาช่วยเดี๋ยวความก็แตกน่ะสิ..


    "แต่ว่า.."เลขาสาวทำท่าทางจะท้วง แต่เสียงเย็นๆก็ขัดเธอเอาไว้ซะก่อน


    "เอมิ เธอช่วยปิดข่าวนี้ให้เงียบ อย่าให้รั่วออกไปเด็ดขาดฉันไม่อยากให้ถึงหูนักข่าวกับตำรวจขี้เกียจมีเรื่อง อย่าลืมตามช่างมาซ่อมกระจกด้วย"


    "ค่ะ ท่านประธาน"


    "ลูเชียนเข้าบริษัทรึยัง" เอมิแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้ท่านประธานถามถึงน้องชาย ทั้งที่ปกติไม่เห็นจะถามถึง


    "ท่านรองประธานยังไม่เข้ามาเลยค่ะ"


    "เธอออกไปได้แล้ว ทางนี้ฉันจัดการเอง แจ้งยกเลิกการประชุมวันนี้ด้วย"


    "ค่ะ" เอมิรับคำอย่างว่าง่ายแล้วรีบเดินออกไปจัดการตามคำสั่งที่ได้รับ


    "แผลเป็นยังไงบ้าง" จินหันไปถามซุยเซที่แอบสะดุ้งเล็กน้อย เมื่ออยู่ๆอีกคนก็หันเหความสนใจมายังเค้าอย่างกระทันหัน


    "เอ่อ..คือว่า..." ..เอาล่ะสิ จะตอบยังไงดีล่ะ.. ซุยเซเลิกลักกับคำถาม แต่คำพูดต่อไปที่ออกมาเล่นเอาซุยเซนั่งแข็งรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย


    "หายแล้วสินะ" จินเหลือบมองอีกคนด้วยสายตาเย็นๆ


    "ทำไม..ถึง.." ซุยเซพูดอย่างตะกุกตะกัก ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด


    "ทำไมถึงรู้น่ะเหรอ คิดดูดีๆซิทำไม" จินส่งรอยยิ้มหยันๆให้ แล้วบทสนทนาบทหนึ่งก็แล่นเข้าสู่หัวสมองของซุยเซอย่างรวดเร็ว


    "ที่ผมจะบอกก็คือ เค้าคนนี้คือคนสำคัญที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นในอดีตของคุณ"


    "หมายความว่า...เค้าเป็นหนึ่งในผู้สร้างที่เหลือรอดงั้นเหรอ"


    "เป็นไปไม่ได้หรอกครับ เค้าน่าจะเป็นผู้ถูกสร้างเหมือนคุณมากกว่า..เพียงแต่..เค้าคงจะเป็นผู้ถูกสร้างที่พิเศษมากทีเดียว"


    "พิเศษ..เหรอ"


    "ครับ พิเศษยังไงบ้างผมก็ไม่รู้..รู้แค่ว่า..เค้าเป็นผู้ถูกสร้างที่รู้อะไรมากกว่าผู้ถูกสร้างคนอื่น ..บางที..เค้าอาจจะเป็นคนช่วยชี้ทางสว่างเกี่ยวกับเรื่องในอดีตให้คุณก็ได้นะครับ"


                    ฮานาบิ..ให้ตายสิเค้าลืมไปได้ไงนะว่าที่รับงานนี้ก็เพราะฮานาบิบอกว่าคนๆนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเค้า ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญแท้ๆ ดันลืมซะได้
    (ถ้าใครจำไม่ได้ก็ให้ไปอ่านตอนที่สองนะจ๊ะ)


    "ท่าทางจะนึกออกแล้วสินะ" เสียงเย็นๆของจินเรียกซุยเซให้ออกมาจากห้วงความคิดแล้วหันมามองหน้าอีกคนอย่างหาคำตอบแล้วพูดว่า


    "คุณ...รู้อะไรเกี่ยวกับผมบ้าง" ซุยเซถามเสียงแผ่วเบา ทิฐิที่เคยมีหรือเรื่องที่เคยข้องใจมลายหายไปหมด เหลือแต่ความสับสนในใจเท่านั้น


                    จินมองหน้าซุยเซแล้วนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดว่า


    "ก็มากกว่าที่นายคิดละกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้..เอาไว้คืนนี้..ค่อยคุยกัน" จินจบประโยคด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ซุยเซเห็นแล้วแอบรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาไม่ได้


                    แล้วหลังจากนั้นซุยเซก็เอาผ้าพันแผลมาพันไว้บริเวณที่เคยมีรอยแผลอยู่ เพื่อไม่ให้ใครสงสัยว่าแผลเค้าหายแล้ว หลังจากนั้นก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปรอะเลือดแล้วก็ตามจินไปทานอาหารกับประธานบริษัทมิราเคิลตามที่นัดไว้ตอนเที่ยง พอบ่ายสองก็เข้าห้องประชุมกับประธานบริษัทสาขาย่อย..แล้วตอนนี้เองที่ซุยเซได้ประจักชัดแก่สายตาว่านายจ้างของเค้าทั้งเก่ง ทั้งเด็ดขาดแค่ไหน กว่าจะประชุมเสร็จก็ปาไปทุ่มนึงแล้ว จากนั้นก็รีบไปร่วมงานสังสรรค์บ้านท่านนายพลตอนสองทุ่มตามโปรแกรม พอกลับถึงบ้านก็ทำเอาซุยเซอ่อนแรงซะแทบลงคลาน ในขณะที่จินยังดูเฉยๆราวกับชินชา


    "เอาล่ะ ตอนนี้คุณพูดได้แล้วสิว่ารู้อะไรเกี่ยวกับผมบ้าง" ซุยเซเค้นถามจินที่นั่งทำงานอยู่ ส่วนตัวเค้าเองนั่งอยู่บนเตียงโดยหันหน้าไปทางจิน ซึ่งทั้งสองคนต่างก็อยู่ในชุดนอนทั้งคู่


                    จินวางมือจากงานทางทำ แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพูดว่า


    "รออีกนิด" จินเอามือประสานกันแล้วเอาคางเกยไว้ ตาคมค่อยๆปิดลงท่ามกลางความงุนงงของซุยเซ เพียงครู่เดียวจินก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วพูดว่า


    "สวัสดีตอนดึก ลูอิส"


    "ไง จิน" ยังไม่ทันที่ซุยเซจะงงหนักขึ้นกับคำพูดของอีกคน เค้าก็ต้องตัวแข็งค้างไป เพราะเสียงนุ่มๆท่าทางเป็นคนอารมณ์ดีของใครคนหนึ่งดังขึ้นทางประตูระเบียงที่เป็นกระจกใสทั้งแถบที่ทำให้เห็นต้นไม้ในสวนที่ถูกตกแต่งอย่างดีกับท้องฟ้าสีหมึกที่เต็มไปด้วยดวงดาวพราวระยับ


                    ซุยเซรีบหันไปหาคนที่เข้ามาใกล้ได้ขนาดนี้โดยที่เค้าไม่เอะใจเลยซักนิด แล้วก็พบกับชายร่างสูงเพรียวที่มีตาสีเขียวแพรวพราวในชุดเสื้อยืดสีดำที่ถูกสวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำ กางเกงหนังสีดำและรองเท้าหนังเท่ห์ๆสีดำ ผมสีน้ำตาลดูอ่อนนุ่มยาวถึงกลางหลังถูกมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อย ปากบางคลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีโดยที่เจ้าตัวยืนกอดอกพิงประตูอย่างสบายอารมณ์


                    มองจากหน้าตาแล้วซุยเซจะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าคนๆนี้เป็นผู้ชาย ถ้าอีกฝ่ายไม่อยู่ในชุดที่เท่ห์แถมมาดแมนเกินร้อยขนาดนี้


    "มาแล้วก็รีบๆเข้ามาแล้วปิดประตูซะ" จินพูดเสียงเย็นตามนิสัย


    "แหมๆๆ แค่นี้ทำงอนไปได้" ชายผู้ถูกเรียกว่าลูอิส พูดล้อเล่นด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่ซุยเซคิดว่าไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับจินแน่ๆ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นลูอิสก็เดินเข้ามาแล้วปิดประตูตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะหันมามองซุยเซที่ยังนั่งนิ่งด้วยความอึ้งอยู่บนเตียง แล้วก็คลี่ยิ้มสดใสออกมา ทำเอาซุยเซมองด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูกว่าตอนนี้ตัวเค้าอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ และควรจะแสดงท่าทางยังไงออกไป


    "นี่สินะ นางฟ้าตัวน้อยๆ..ในที่สุดก็หาเจอจนได้นะจิน" คำว่า"นางฟ้าตัวน้อยๆ"ทำเอาซุยเซยิ่งรู้สึกปั้นยากเข้าไปใหญ่ เค้าดูเหมือนนางฟ้าตรงไหนฟะ


    "ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อลูอิส ลาส์ กาส เรียกลูอิสเฉยๆเหมือนจินแล้วกัน" ลูอิสพูดพร้อมกับเดินเข้ามาจับมือกับซุยเซอย่างเป็นมิตร


    "นายไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้..ว่าการลอบยิงคราวนี้เป็นฝีมือนายน่ะ"


    "ว้า รู้จนได้แหะ อุตส่าห์อยู่ห่างจากรัศมีแล้วน้า" ลูอิสพูดอย่างร่าเริง ไม่มีท่าทางหวาดกลัวหรือรู้สึกผิดสักนิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนซุยเซพอรู้ว่าชายอารมณ์ดีท่าทางเป็นมิตรข้างหน้านี้คือคนที่ลอบยิงจินเมื่อเช้าก็เกิดอาการอึ้ง+เอ๋อไปทันที


    "ไม่ต้องมาทำหน้าระรื่น นายทำบริษัทฉันป่วนไปหมด"จินพูดเสียงเย็น


    "เอาน่า ฉันก็แค่ทดสอบนางฟ้าของนายหน่อยก็เท่านั้น แล้วผลก็ออกมาน่าพอใจดีด้วย ไม่คิดว่าจะใจถึงขนาดรับกระสุนแทนนายได้ แถมยังยิงสวนมาถากแก้มฉันอีกต่างหาก" ลูอิสพูดเสียงใส


    "เดี๋ยวๆ นี่คุณเป็นคนลอบสังหารครั้งนี้เหรอ" ซุยเซที่พึ่งเรียกสติกลับคืนมาได้สำเร็จ ละล่ำละลักถามขึ้น


    "ใช่เลย" ลูอิสยอมรับอย่างหน้าซื่อตาใส


    "แต่กระสุนลูกนั้นน่ะเล็งตรงหัวใจเลยนะ" ซุยเซโวยวาย


    "โอ้ย แค่นั้นน่ะจินมันจัดการได้อยู่แล้ว" ลูอิสพูดพลางโบกมือราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น


    "แล้วถ้าเกิดมันพลาดล่ะ" ลูอิสหันไปมองหน้าจินที่มองกลับมาเช่นกัน แล้วทั้งคู่ก็หันมาหาซุยเซแถมยังตอบพร้อมกันว่า


    "ถ้าแค่นั้นจัดการไม่ได้ก็สมควรตาย" คำตอบนี้ทำเอาซุยเซที่หมดแรงอยู่แล้วแทบหมดแรงยิ่งกว่าเก่า


                    ตกลงนี่เค้าหลวมตัวมาอยู่ท่ามกลางคนแบบไหนกันเนี่ย นรกชัดๆให้ตายสิ - -"


    "เอ่อ..เดี๋ยวนะ ตกลงตอนนี้จะคุยกันเรื่องผมได้รึยัง" ซุยเซเอามือกุมขมับ พูดเสียงอ่อยอย่างเหนื่อยใจเหลือแสน


    "อ้อ ได้ๆ...อืม เริ่มจากไหนดีล่ะ"


    "เอะ เรื่องของผมนี่คุณลูอิสก็รู้ด้วยเหรอ" ซุยเซถามหน้าเหรอหรา เพราะคิดว่าจินเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ซะอีก


    "คนอื่นเค้าก็รู้กันเยอะแยะ แต่ที่รู้มากรู้จริงคงมีแค่ฉันกับจินล่ะมั้ง" ลูอิสพูดพลางเอามือแตะคางทำท่านึก


    "คนอื่นเหรอ!!" ..ใครฟะ ทีเค้าตามหาคนที่พอจะรู้เรื่องเค้ามาตั้งหลายปียังไม่เจอเลยซักกะคน..


    "ใช่..คนอื่น คือ..อันที่จริงเรื่องมันค่อนข้างจะวงในสุดๆน่ะนะ ถ้าพยายามหาแล้วไม่เจอก็ไม่ใช่เรื่องแปลก" ตั้งแต่ลูอิสเข้ามาจินก็ดูเหมือนจะหมดบทพูดไปโดยปริยาย เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรพี่ลูอิสแกตอบแทนหมด


    "เอาเป็นว่า อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีใครรู้จักก็แล้วกัน เพราะตอนนี้คนเค้าตามหานายกันซะให้ทั่วไปหมด" ลูอิสพูดเหมือนเล่น แต่คนฟังกลับไม่รู้สึกเล่นๆเลย


    "ทำไมล่ะ" ซุยเซถามอย่างไม่เข้าใจ


                    ลูอิสหันมามองหน้าซุยเซอย่างเอาจริงเอาจังทำเอาซุยเซคิดว่าเค้าพูดอะไรผิดไปรึปล่าว แต่อยู่ๆลุอิสก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างร่าเริงแล้วพูดว่า


    "หลับมาซะนาน ได้เวลาตื่นแล้วมั้ง Dark Angle "


    -----------------------------------------------------------------------------------------


    ในที่สุด ในที่สุดก็อัพจนจบแล้วค่า

    พอดีว่าที่ไม่ได้มาอัพเพราะไปเข้าค่ายมาค่า

    พอกลับมาก็ขุดเอามาลงให้อ่านกันจนจบ

    พอมานั่งอ่านทวนดู ตอนนี้เนื้อเรื่องก้เริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว

    แต่ไหงคาแรคเตอร์ตัวละครมันถึงได้กระจายไปคนละทิศละทางอย่างนั้นฟะ - -

    เอาเป็นว่าตอนหน้าจะพยายามดึงบุคลิกตัวละครกลับมาให้เหมือนเดิมละกันนะคะ

    สุดท้ายนี้ขอบคุณคนอ่านทุกท่านค่ะ แล้วก็คอมเมนท์ทุกคอมเมนท์เลย เพราะกำลังใจให้คนเขียนได้มากเลยล่ะค่า

    รักทุกคนมากค่า ^^


    --------------------------------------------------


    เหอๆ สวัสดีค่าผู้อ่านทุกท่าน


    "ไหนแกบอกว่าจะรีบเอามาต่อไงหายไปเป็นชาติ แล้วเอามาต่อก็สั้นแค่เนี่ย" เสียงแห่งความโกรธของท่านผู้อ่านทั้งหลายส่งมาพร้อมสายตาพิฆาต แล้วเสียงเหล่านี้ก็ตามมา


    ผลัก ตุบ ปึก แอ๊ก ตืบๆ โอ๊ก(เสียงสหบาทาของคนอ่าน+เสียงถูดอัดของคนเขียน)


    อ๊ากกกก!! อย่าทำข่อย(ข่อยนะไม่ใช่ค่อยหนูไม่ได้เปงมาโซฯ- -")


    แบบว่าเนตห่วย งานล้นหัว เตรียมตัวสอบ พี่เข้าโรงบาล คนเขียนขี้เกียจ(เหตุผลหลังนี่วอนโดนตืบอีกแล้วตู - - เฮ้ย รองเท้ามาจากไหน!!)


    และด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด(คือมันวุ่นหลายเรื่องอ่านะ)เลยทำให้ไม่ได้มาอัพเลย แถมเครียดนึกเนื้อเรื่องไม่ออก พอนึกออกจาเอามาลงเนตก็เดี้ยงอีก ฮ่วย-*- นึกไปนึกมาเดี๋ยวติดประกาสดองซะดีมั้ยนี่


    "ถึงแกไม่ติดประกาศแกก็ดองอยู่แล้วเฟ้ย" เสียงจากคนอ่านที่ทำเอาคนเขียนเริ่มตัวสั่นนั่งไม่ติด- -"


    เอ่อ...คือว่ายังไงก็ต้องขอโทษทุกคนด้วยค่าที่กว่าจะมาอัพก็นานโข แถมอัพติดเดียวอีก เหอๆ แล้วถ้าช่วงเครียดผ่านไปเมื่อไหร่จาแต่งมาลงไม่ให้ขาดตอนเลยค่า แหะๆ("ไม่เชื่อเว้ย"เสียงโวยวายลอยมาตามสายลม)- -" เอาน่าตัวเอง อย่างอนเค้าน้า โอ๋ๆๆๆ


    พอๆเลิกบ้าๆพล่ามมานานเกินละ เหอๆ
    ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ติดตาม แล้วก็คอยทวงนะคะ พอเข้ามาอ่านเม้นท์ทีไรทำเอาไฟติดรีบปั่นฟิคได้ต่อทันที เหอๆ


    "นี่ขนาดปั่นได้นะแก ยังเอามาลงแค่นี้อ่ะ"


    แหงะ ก็เดี๋ยวมันไม่มีอะไรมาลงอีกง่ะ(จริงๆตอนนี้แอบปั่นจนเสร็จแต่อยากแกล้งคนอ่าน อิอิ)


    ผลัก พลัวะ ปึก ตืบๆ แอ๊ก โอ๊ก อ๊าก (เสียงโดนรุมสกรัม)


    ยังไงพรุ่งนี้ถ้าว่าง(และเนตไม่เดี้ยง ข้อนี้ทำเอาอารมณ์บูดพาลจะไม่เอามาลงต่อได้ง่ายๆ)ล่ะก็ จาเอามาลงให้จนจบเลยละกันค่ะ แกล้งมากไปเดี๋ยวไม่มีคนอ่านอ่ะ แหะๆ


    รักทุกคนค่า ^^


    ปล.จบนี่หมายถึงจบตอนนี้นะคะ ไม่ใช่จบเรื่อง คนเขียนแต่งถึงแค่จบตอนนี้ค่ะไม่ใช่จบเรื่อง(กันคนเข้าใจผิด เหอๆ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×