คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่2 เริ่มงาน-พบกันครั้งแรก
ตอนที่2 เริ่มงาน-พบกันครั้งแรก
รถสปอร์ตสีแดงเปิดประทุนแล่นเข้าสู่บริเวณคฤหาสหลังใหญ่อันเป็นสำนักงานใหญ่ โดยมีคนนั่งภายในรถสามคน ซึ่งแต่ละคนก็แต่งตัวตามสบายสไตล์ใครสไตล์มัน ไม่มีพีธีรีตองอะไรมากนะ
"สวัสดีครับคุณชาย" เสียงทุ้มทักทายขึ้นทันทีที่ทั้งสามคนลงจากรถเรียบร้อยแล้ว
"อ้าวคุณไค สวัสดีครับ" โคเซกับซุยเซส่งเสียงทักกลับอย่างร่าเริงทันที ในขณะที่คินเซเพียงพยักหน้าอย่างเคารพ
มิยาโกะ ไค ชายหนุ่มวัย35ท่าทางสุขุม รูปร่างสูงใหญ่พอๆกับโคเซ ผู้เป็นเหมือนบอร์ดี้การ์ด พ่อบ้าน และเลขาส่วนตัวของฮานาบิ
"เชิญข้างในเลยครับ คุณท่านกำลังรออยู่" ไคพูดก่อนจะเดินนำทั้งสามคนเข้าไปภายในตัวคฤหาส
สามพี่น้องกับอีกหนึ่งพ่อบ้าน(ในขณะนี้) พากันเดินตรงไปยังลิฟท์ที่กลืนไปกับพนังชนิดที่ถ้าไม่สังเกตุดีๆก็คงไม่เห็น ..ที่สำคัญ ลิฟท์ตัวนี้ไม่ได้พาขึ้นไปชั้นบนแต่พาลงไปยังชั้นใต้ดินข้างล่างแทน..
เมื่อประตูปิดลง ลิฟท์ก็นำคนทั้งสี่เคลื่อนที่สู่ชั้นใต้ดินอย่างรู้หน้าที่ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มใดๆทั้งสิ้น เพราะยังไงก็ไม่มีปุ่มอะไรให้กดอยู่แล้ว
--------------------------------------------------------------------------
ชายร่างบอบบางผู้มีผมสีน้ำเงินยาวถึงกลางหลังและนัยต์ตาสีเทา ผิวขาวอมชมพูสวยราวกับผู้หญิงดูแล้วน่าจะอายุประมาณ20กว่าๆ..แต่หารู้ไม่ว่าคนๆนี้พึ่งย่างเข้าวัย32ได้ไม่นานมานี้เอง ...และตอนนี้เค้ากำลังนั่งคอยคนกลุ่มหนึ่งอยู่อย่างสงบ
ร่างบางไหวตัวน้อยๆ เมื่อรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวจากประตูลิฟท์ด้านหลัง
"ฮานาบิ" น้องชายคนเล็กของบ้านอันเซนวิ่งเข้าไปกระโดดกอดชายร่างบางในชุดสีขาวสะอาดทั้งตัว ที่บัดนี้ลุกขึ้นต้อนรับพร้อมรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์อยู่เป็นนิจและแววตาที่ทอประกายอบอุ่นอยู่เสมอ..มิยาโกะ ฮานาบิ..
"ฮะๆๆ สวัสดีครับซุยเซซัง ยังแข็งแรงร่าเริงอยู่เหมือนเดิมนะครับ" ชายร่างบางนามฮานาบิทักทายเสียงนุ่มในขณะที่ร่างกายโอนเอนไปมา เนื่องจากน้ำหนักตัวและแรงของอีกคนที่โถมเข้าใส่นั้นไม่ใช่น้อยๆเลย
"เฮ้ยๆ ซุยทำอะไรหัดดูซะมั่งสิ ตัวเองก็ใช่ว่าจะตัวน้อย ไปกระโดดใส่ฮานาบิแบบนั้น เกิดล้มหัวฟาดพื้นขึ้นมาจะทำไง" โคเซพูดขณะที่ใช้นิ้วคีบคอเสื้อของน้องชายไว้ แล้วออกแรงยกจนอีกคนตัวลอยขึ้นจากพื้นหลายเซนต์
"พี่โคๆๆ พี่โค๊..ปล่อยน๊าาาาาาา" คนถูกยกทั้งดิ้นทั้งโวยวาย ท่ามกลางสายตาของคนในห้องที่มองมาอย่างชาชิน
"โคเซซัง ปล่อยซุยเซซังก่อนเถอะครับ" ฮานาบิไกล่เกลี่ย ก่อนจะเดินไปหยิบซองสีน้ำตาลสามซองที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา..แล้วยื่นให้กับสามพี่น้อง ซึ่งทั้งสามคนก็รับมาแล้วเปิดดูทันที
"นี่คือประวัติของคนที่พวกคุณจะต้องไปคุ้มครองครับ" ฮานาบิพูด ขณะที่คนทั้งสามอ่านข้อมูลในมือตนอย่างขมักเขม้น
"ส่วนรายละเอียดของงานอยู่ที่บ้านของพวกคุณแล้วครับ..ซุยเซซัง..เราไปดื่มน้ำชาด้วยกันเถอะครับ" ฮานาบิพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะดึงซุยเซให้ไปขึ้นลิฟท์ด้วยกันทันทีพร้อมกับไค
ทิ้งให้พี่ชายอีกสองคนได้แต่ยืนมองน้องชายตัวเองถูกลากไปต่อหน้าต่อตา คนหนึ่งท่าทางเฉยชา ส่วนอีกคนท่าทางกระฟัดกระเฟียด แต่ในใจของทั้งคู่กลับคิดเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมายว่า .. แล้วจาเรียกตูมาทำไม ..
ทางด้านอีกสามคนที่อยู่ในลิฟท์
"เอ่อ...ฮานาบิ มีอะไรรึปล่าว อยู่ๆก็ให้ไปดื่มชาด้วยเนี่ย" ซุยเซถามขึ้น
"ไว้ดื่มชาแล้วค่อยคุยกันเถอะครับ" อีกคนตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มๆไม่เปลี่ยนแปลง
...อะไรหว่า...
ถึงแม้จะงงๆอยู่บ้าง แต่ซุยเซก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาเดี๋ยวก็ได้รู้เอง จึงปล่อยให้ฮานาบิพาเดินออกจากลิฟท์ตรงไปยังสวนบริเวณหลังคฤหาส เมื่อเดินไปได้ซักพักจึงเห็นโต๊ะสีขาวที่นิยมวางไว้กลางสวนสวย บริเวณรอบๆล้วนเต็มไปด้วยสีเขียวสดใสของใบไม้และสีสันต่างๆจากดอกไม้ กลิ่นหอมสดชื่นของธรรมชาติช่วยให้ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
"เชิญนั่งสิครับ ซุยเซซัง" ฮานาบิกล่าวเชิญพร้อมขยับเก้าอี้ให้นั่ง ก่อนที่ตัวเองจะนั่งตาม(ซึ่งไคเป็นคนขยับเก้าอี้ให้)
"ดื่มชาก่อนสิครับ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย" ฮานาบิผายมือเป็นเชิงเชิญชวนไปยังโต๊ะสีขาวซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยขนม น้ำ และชาร้อนๆส่งกลิ่นหอมสำหรับสองคน
"จริงๆแล้วที่เรียกมานี่..เป็นเรื่องเกี่ยวกับนายจ้างของซุยเซซังน่ะแหละครับ" ฮานาบิพูดขึ้น ขณะที่จิบชาถ้วยที่สอง
"เอ๋..นายจ้างของผมเหรอ" ซุยเซทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย
"ใช่ครับ..ตามประวัติที่ผมให้ไป จะมีเฉพาะประวัติการทำงานและประวัติครอบครัว ถ้าสังเกตุดีๆจะรู้ว่านายจ้างของซุยเซซังน่ะเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งถูกนำมาอุปการะตั้งแต่อายุ10ขวบ ส่วนประวัติก่อนหน้านั้นเป็นปริศนา ไม่มีข้อมูลหรือคนที่รู้เลยซักคนเดียว"
"แล้ว..ยังไงเหรอ" ซุยเซถามงงๆ เพราะก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าฮานาบิจะสื่ออะไร ตัวเค้าเองเป็นบอร์ดี้การ์ด หน้าที่มีอยู่อย่างเดียว..คือคุ้มครองนายจ้างให้ปลอดภัย.. ประวัติที่ได้มาส่วนใหญ่ก็จำเป็นในการวิเคราะห์ตัวคนที่น่าจะเป็นผู้ปองร้าย ส่วนรายละเอียดประวัติอย่างอื่นไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้
"ที่ผมจะบอกก็คือ เค้าคนนี้คือคนสำคัญที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นในอดีตของคุณ" เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮานาบิก็มีประกายตาแปลกๆออกมาแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว ส่วนซุยเซเองก็มีสีหน้าเครียดขรึมขึ้น
"หมายความว่า...เค้าเป็นหนึ่งในผู้สร้างที่เหลือรอดงั้นเหรอ" ซุยเซถามขรึมๆ ฮานาบิหัวเราะน้อยๆก่อนจะบอกว่า
"เป็นไปไม่ได้หรอกครับ เค้าน่าจะเป็นผู้ถูกสร้างเหมือนคุณมากกว่า..เพียงแต่..เค้าคงจะเป็นผู้ถูกสร้างที่พิเศษมากทีเดียว"
"พิเศษ..เหรอ" ซุยเซยังคงไม่เข้าใจ เพราะอีกฝ่ายพูดอะไรที่กำกวมมาก
"ครับ พิเศษยังไงบ้างผมก็ไม่รู้..รู้แค่ว่า..เค้าเป็นผู้ถูกสร้างที่รู้อะไรมากกว่าผู้ถูกสร้างคนอื่น ..บางที..เค้าอาจจะเป็นคนช่วยชี้ทางสว่างเกี่ยวกับเรื่องในอดีตให้คุณก็ได้นะครับ" ฮานาบิพูดยิ้มๆเหมือนเดิม ในขณะที่ซุยเซครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยิน
"ส่วนเรื่องผู้สร้าง..มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คุณน่าจะรู้นี่ครับ ..นักฆ่าผู้มีดวงตาสีทองอำมหิต..ปานรูปปีกนางฟ้าสีดำ..ใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์.. เรื่องนี้น่ะคุณน่าจะรู้ดีที่สุดนะครับ" ซุยเซหน้าซีด และตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่กับสิ่งที่ฮานาบิพูดออกมา
"ซุยเซซังครับเป็นอะไรมากรึปล่าวครับ" ฮานาบิถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นอาการของอีกฝ่าย
"ไม่..ไม่..ไม่เป็นไร..ไม่เป็นไร" อีกฝ่ายตอบขณะที่พยายามควบคุมอาการสั่นของตัวเอง
"กินชาอีกสักถ้วยละกันนะครับ อาจจะดีขึ้น" ฮานาบิบอกพร้อมทั้งจัดแจงรินชาหอมๆนั้นให้
ความอุ่นและกลิ่นหอมๆของชา ทำให้ซุยเซทุเลาอาการสั่นลงไปมากจนหาย จากนั้นจึงนั่งคุยเรื่องอื่นๆกับฮานาบิต่ออีกเพียงครู่เดียว จึงขอตัวกลับ ซึ่งฮานาบิก็ไม่ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มส่งและอวยพรให้โชคดีเท่านั้น
หลังจากลับร่างของซุยเซไปแล้ว
"จะดีเหรอครับ" อยู่ๆไคก็ถามขึ้น
"หืม ดีอะไรเหรอครับ" อีกคนยังทำหน้าซื่อตาใส แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
"ก็นายจ้างของคุณชายซุยเซน่ะสิครับ จริงๆแล้วเค้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้ว่าจ้างเลยนะครับ" ไคพูดอย่างกังวล
"เค้าบกพร่องตรงไหนล่ะครับ" ฮานาบิถามยิ้มๆ
"ก็เกือบทั้งหมดแหละครับ ผู้ชายคนนี้น่ะ..อันตรายเกินไป ศัตรูของเค้าน่ะ..ใช่ว่าเค้าจะไม่มีปัญญาจัดการ แค่พวกบอร์ดี้การ์ดที่มีอยู่ตอนนี้ก็เกินพอแล้ว ไม่ใช่คนที่น่าจะจ้างบอร์ดี้การ์ดเพิ่มเพื่อคุ้มครองตัวเองเลยซักนิด"
"อืม..นั่นสินะ สงสัยความสามารถในการคัดเลือกคนของผมคงทื่อลงแล้วมั้งครับ" ฮานาบิยังคงพูดเหมือนไม่ใส่ใจในสิ่งที่ไคบอก
"อย่าทำเป็นเล่นไปสิครับ" ไคถอนใจอย่างระอากับนิสัยของอีกฝ่าย เห้มนิ่มๆอย่างนี้ก็เถอะ ..นิสัยขี้เล่นอย่าบอกใคร..
"ฮะๆๆ อย่ากังวลให้มากนักเลยครับไคซัง ผมมีเหตุผลดีพอที่ทำแบบนี้ ...มันคงเป็นชะตากรรม..." ประโยคหลังเปลี่ยนเป็นเสียงพึมพำเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นอีกคนก็ยังได้ยิน
"เรากลับเข้าบ้านเถอะครับ ยังมีงานอีกเยอะ" ไคตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องกระทันหัน
"อ้อ นั่นสินะครับ ท่าทางวันนี้คงต้องเหนื่อยน่าดู" ฮานาบิพูดยิ้มๆเหมือนเคย ก่อนจะเดินเข้าไปในคฤหาสพร้อมกับไค
ทางด้านซุยเซหลังจากที่เดินผละมาจากฮานาบิ
"ไง" เสียงทักอย่างไม่สบอารมณ์ดังขึ้น เมื่อซุยเซเดินมาถึงบริเวณโถงทางเข้าซึ่งต้องผ่านเพื่อออกจากตัวคฤหาส
"พี่โค" ซุยเซทักกลับ
"ก็ฉันน่ะสิ จะเป็นใครที่ไหนอีกเล่า" โคเซนั่งหน้าบูดเป็นตูดลิงอยู่ที่โซฟารับแขก ข้างๆกันนั้นคือคินเซที่นั่งจิบชาอยู่อย่างสงบ และสามพี่น้องก็พากันเดินออกจาคฤหาสของฮานาบิเพื่อกลับบ้านของตัวเอง
"พี่โค เดี๋ยวอย่าพึ่งเข้าบ้านนะ ไปส่งผมที่บริษัทนี้ก่อน" ระหว่างนั่งรถซุยเซก็พูดขึ้นพร้อมกับยื่นประวัติของนายจ้างที่มีสถานที่ทำงานให้โคเซดู
"นี่แกจะไปลุยงานตั้งแต่เช้าเลยเหรอ" เมื่อได้ประวัติของนายจ้างมาแล้ว ทุกคนจะเริ่มทำงานในวันรุ่งขึ้น แต่ในวันที่ได้รับประวัติ จะต้องออกไปสอดส่องดูลาดเลา รอบๆตัวผู้เป็นนายจ้างก่อน โดยไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายรู้ตัว เพราะฉนั้น ..ทางด้านเราจะเป็นฝ่ายรู้จักผู้ว่าจ้างก่อน
"อืม ผมอยากเจอเค้าเร็วๆ" ซุยเซพูดท่าทางมุ่งมั่นและเครียดขรึม ทำเอาพี่ชายสองคนหันมามองหน้านิ่งโดยไม่ได้นัดหมาย(อีกครั้ง) เพราะการที่น้องชายของพวกเค้าจะมีเรื่องเครียดนั้น เป็นอะไรที่ผิดแปลกและผิดปกติอย่างแรง
...ODIN...
ซุยเซเงยหน้ามองป้ายชื่อบริษัทที่เป็นตึกสูงที่สุดในละแวกนั้นด้วยสายตามุ่งมั่น ก่อนละความสนใจและเริ่มเดินสำรวจบริเวณรอบๆบริษัทที่เต็มไปด้วยร้านค้าที่ทันสมัยมากมาย ก่อนจะเลือกร้านกาแฟที่ตกแต่งอย่างคราสสิคและมีระดับร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านกระจกและตั้งอยู่ด้านหน้าบริษัทพอดิบพอดีเป็นที่สังเกตุการณ์ ..เนื่องจากบรรยากาศของสถานที่บังคับ ซุยเซจึงสั่งโก้โกเย็นและบลูเบอร์ชีสเค้กของโปรดมาละเลียดกินอย่างช้าๆ แต่สายตาก็คอยสอดส่องมองไปยังบริษัทและบริเวณรอบๆ รอคอยเวลาที่นายจ้างของเขาจะออกมา ซึ่งขณะนี้เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว ถ้านายจ้างของเขาตัดสินใจออกมากินข้างนอกก็ดีไป แต่ถ้าตัดสินใจกินในโรงอาหารของบริษัทก็ถือเป็นคราวซวยของเค้าไป เพราะต้องรอจนกว่าอีกฝ่ายจะเลิกงาน
12.30 น.
ร่างของพนักงานในชุดเครื่องแบบของบริษัทต่างทยอยเดินออกจากประตูอย่างต่อเนื่อง ด้านซุยเซเองก็จ้องมองไปยังประตูโดยไม่คลาดสายตา
..เมื่อไหร่มันจะออกมาฟะ..คนลอบสังเกตุเริ่มบ่นด้วยความหงุดหงิด
..หรือว่า.. แล้วความกังวลก็เพิ่มขึ้น ..หรือว่ามันจะกินในบริษัท.. ..เอะ หรือมันมัวแต่ทำงานจนลืมเวลากินข้าว.. ..เดี๋ยวโรคกระเพาะก็แดกหรอก.. แล้วความคิดและความหงุดหงิดที่มีทั้งหมดก็ถูกหยุดชะงักลงเมื่อคนแอบมองคนอื่นเขา รู้สึกได้ถึงสายตาบางอย่างที่ส่งมองมา
..ใคร?..
..จุดประสงค์?..
แล้วซุยเซก็ตัดสินใจออกเดิน และรู้สึกว่ามีคนเดินตามตัวเองมาเช่นกัน
"ก็เอาสิ เดี๋ยวจะได้รู้กัน" ซุยเซพึมพำเบาๆโดยไม่มีใครได้ยิน แล้วเท้าก็ก้าวเดินไปเรื่อยๆ ในขณะที่ตาก็สอดส่องหา ตรอกหรือซอยที่ร้างผู้คน
เมื่อเดินออกห่างจากบริษัทมามากพอสมควรเขาจึงเจอซอยเล็กๆที่ไร้ผู้คนซอยหนึ่งที่ค่อนข้างมืด แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในซอยนั้นทันที
"เฮ้ย หายไปไหนแล้วล่ะ" ชายร่างบึกบึนในชุดสูทสีดำอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ ในขณะที่มองเข้าไปในข้างหน้าซึ่งเป็นทางตันและไม่มีใครอยู่ซักคน ทั้งๆที่เขาเดินตามเด็กหนุ่มคนนั้นมาตลอดโดยไม่คลาดสายตา ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจให้ละเอียดอีกครั้ง และผลก็ปรากฎว่าไม่มีใครอยู่ในซอยนี้เลย
"เด็กบ้านั่นหายไปไหนแล้ววะ" ชายคนเดิมสบถออกมาอย่างหัวเสีย
"อยู่ข้างบนนี้ไงลุง" น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้นข้างบนหัว ชายคนนั้นรีบเงยหน้าขึ้นไปดูอย่างรวดเร็ว และพบเด็กหนุ่มที่ตนเองกำลังหากอดอกเอาเท้าทั้งสองข้างยันกำแพงไว้เพื่อพยุงตัว แถมส่งรอยยิ้มกวนๆมาให้อีกต่างหาก แล้วสติก็ดับวูบลงพร้อมความรู้จึกเจ็บที่แถวๆต้นคอ เมื่ออีกฝ่ายกระโดดลงมาแล้วใช้สันมือฟาดอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ
"โชคร้ายหน่อยนะลุง ตามใครไม่ตามดันมาตามผม" ซุยเซนั่งยองๆ เอามือเท้ามองคนที่ตัวเองทำให้สลบเหมือดไป ก่อนที่จะรู้สึกเย็นวูบ เมื่อได้ยินเสียงกริ๊ก และรู้สึกถึงกระบอกเหล็กแข็งๆเย็นๆที่จ่ออยู่กับหัวตัวเอง
"ฝีมือไม่เลว ใช้ได้นี่" เสียงทุ้ม ที่ฟังดูเยือกเย็นจนน่าขนลุกดังขึ้น
..ใคร? ทำไมเราไม่รู้ตัว.. ซุยเซคิดอย่างตระหนกขณะที่หันกลับไปมองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
และสิ่งที่ได้เห็นก็คือ ชายผู้มีผมสีเงิน ตาสีฟ้าเย็นยะเยือก โครงหน้าคมสันหล่อเหลา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฟีปากแย้มรอยยิ้มหยิ่งๆและเย็นชา รูปร่างสูง ได้สัดส่วนสมชาย ในมือใหญ่นั่นถือปืนสีเงินที่กำลังจ่อหัวเขาอยู่ ..คุโรซาริ จิน.. นายจ้างของเขานั่นเอง
--------------------------------------------------------------------------
ขอโทดค่ะที่หายไปนานพอสมควรเลย
ช่วงนี้เปิดเทอมการบ้านตรึมเลยทำให้มีเวลาแต่งน้อยมาก
แต่ยังไงก็จะพยายามแต่งและอัพให้เร็วกว่านี้นะคะ
ถ้าหากว่าใครมีอะไรสงสัยเกี่ยวกับตัวละครหรือเนื้อเรื่องก็โพสถามได้นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า^^
ปล.อ่านเสร็จแล้วยังไงก็ช่วยเม้นท์ให้หน่อยนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า^^
ความคิดเห็น