คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1 สามพี่น้อง..อันเซน..
คืนที่พระจันทร์ส่องสว่างไร้ซึ่งเมฆมาบดบังบนท้องนภาอันมืดมิด ชายวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ เข้าไปในตรอกและซอยต่างๆ เพื่อหวังว่าทางที่ซับซ้อนเหล่านี้คงพอจะทำให้เค้าสลัดผู้ที่ตามมาให้หลุดได้ แม้ความหวังจะมีเพียงน้อยนิดก็ตาม เมื่อผู้ที่ไล่ล่าเค้า คือนักฆ่าผู้เลือดเย็นและเก่งจนเป็นที่ล่ำลือกล่าวขานในวงการมืดทั้งหลาย
เงาร่างเล็กปราดเปรียวได้สัดส่วนยืนอยู่บนหลังคาด้านหลังของชายที่ยืนหอบอยู่เบื้องล่าง ผมสีดำสนิทพลิ้วไหวตามแรงลมน้อยๆ นัยต์ตาสีทองทอแสงกล้าเมื่อเจอ"เหยื่อ"ที่กำลังตามหา ปานรูปปีกนางฟ้าสีดำสนิทปลายปีกหันออกไปทางนิ้วโป้งเด่นหราอยู่ ณ บริเวณข้อมือข้างซ้ายซึ่งถืออาวุธสังหารที่ทำด้วยเหล็กอยู่ในขณะนี้ ปากอิ่มสีเชอร์รี่แย้มยิ้มที่หากใครมาเห็นต้องรู้สึกหนาวเยือกเข้าไปถึงขั้วหัวใจแน่นอน เงาร่างลึกลับขยับตัวอย่างรวดเร็วไปโผล่อยู่เบื้องหน้าชายอีกคนที่บัดนี้ยังหอบไม่หาย
"อะ..อย่านะ..อย่าเข้ามา..อย่าฆ่าฉันเลย..ได้โปรด" ชายวัยกลางคนร้องขอชีวิตของตนด้วยความสิ้นหวัง เมื่อนัยต์ตาสีทองของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเย็นชาและจิตสังหารไร้ซึ่งความปราณีต่อ"เหยื่อ"
แล้วเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นกลบทุกเสียงในบริเวณนั้นให้สงบลงอีกครั้ง พร้อมๆกับร่างที่ทรุดลงพร้อมลมหายใจสุดท้ายและเลือดสีแดงสดที่เจิ่งนอง
------------------------------------------------------------------------
"อ้าาาาาาา" ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นจากเตียงนอนอันอบอุ่น เนื้อตัวและชุดนอนชุ่มไปด้วยเหงื่อ ลมหายใจหอบอย่างคนที่พึ่งไปวิ่งมาราธอนมายังไงยังงั้น
..ฝัน..เค้าฝันไป..
ชายหนุ่มเริ่มตั้งสติก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัวเนื่องจากไม่สามารถข่มตาหลับได้อีกต่อไป
เสียงน้ำจากฝักบัวเงียบลง ตามมาด้วยเสียงผ้าเช็ดตัวที่ถูกนำมาพันท่อนล่าง ก่อนที่เจ้าของร่างจะเงยหน้าขึ้นมาดูเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก
ภาพที่ปรากฎคือเด็กหนุ่มอายุ18ท่าทางปราดเปรียว รูปร่างบอบบางแต่ดูแข็งแรงไม่น่าทะนุถนอม ผมสีดำค่อนข้างยาวสำหรับผู้ชายตัดตามสมัยนิยมเปียกลู่ติดกับศรีษะ นัยต์ตาสีดำสนิทเหมือนผมจ้องตอบกลับมา ปากอิ่มสีเชอร์รี่เผยอน้อยๆอย่างน่าดู ผิวที่ขาวอยู่แล้วยิ่งดูขาวมากขึ้นเมื่อต้องแสงสว่างจากหลอดไฟนีออน จมูกโด่งรับกับใบหน้าที่ออกไปทางสวยมากกว่าหล่อหรือน่ารัก พอมองเงาของตัวเองได้ซักพัก ชายหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างกลุ้มๆกับหน้าตาที่ตัวเองไม่เคยจะพึงพอใจกับมัน
"เกิดเป็นผู้ชายทั้งทีทำไมตูไม่หล่อเหมือนคนอื่นมั่งฟะ" เจ้าตัวพึมพำอย่างหัวเสียเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสบายๆ และเดินไปล้มตัวลงบนเตียงนุ่มเพื่อที่จะ...หลับต่อ...
...รุ่งเช้า...
"เฮ้ย...ซุย ตื่นโว้ยยยยย" เสียงเรียกของชายหนุ่มดังขึ้นพร้อมเสียงเคาะ(ถีบ)ประตูอย่างแรง ทำให้คนที่พึ่งหลับต่อได้ไม่นานจำต้องลุกออกจากเตียงด้วยอารมณ์ที่บูดสนิท
"โค พี่จะปลุกให้มันนิ่มนวลกว่านี้ได้มั้ย" ชายหนุ่มนามอันเซน ซุยเซ กระชากประตูเปิดออกอย่างแรงเนื่องจากอารมณ์ที่กำลังร้อนได้ที่พร้อมแผดเสียงดังด้วยความหงุดหงิดใส่คนที่มาปลุก ก่อนจะลงไปนอนกับพื้นด้วยความจุกแทบไม่ทัน เนื่องจากคนปลุกยั้งตีนที่ใช้เคาะ(ถีบ)ประตูไว้ไม่ทัน
"อ้าว เฮ้ย..โทษทีๆ" อันเซน โคเซ ชายหนุ่มเจ้าของตีนวัย25ปี ผมสีน้ำตาลแดง ตาสีเดียวกับผม ผิวออกคล้ำนิดๆ รูปร่างสูงใหญ่สมชาย เอ่ยขอโทษผู้เป็นน้องชาย
"แล้ว..ทำไม..ไม่..ใช้..มือ..เคาะ..เล่า" น้องชายที่บัดนี้ลงไปนอนกับพื้นพูดด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างทรมานเนื่องจากจุกไม่หาย
"ก็มือมันไม่ว่างนี่นา อย่าบ่นๆ ถ้าลุกไหวแล้วไปเรียกไอ้คินมันด้วยละ" คำพูดของพี่ชายวัย25ที่ตอนนี้สวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงผ้าบางเบาสีน้ำเงิน มีผ้ากันเปื้อนสีแดงทับอีกรอบและสองมือที่มีกระทะกับตะหลิว เล่นเอาคนที่นอนจุกอยู่ลุดพรวดพราวลืมความจุกทันที
"ไม่เอาๆๆๆ พี่ไปปลุกเองดิ หัวเด็ดตีนขาดผมก็ไม่มีวันไปปลุกพี่คินเด็ดขาด" ซุยเซปฏิเสธผู้เป็นพี่ทันทีโดยไม่ต้องคิด
อันเซน คินเซ ชายหนุ่มอายุ21ปี ผมสีน้ำตาลอ่อน ตาสีเดียวกับผม เจ้าของเรือนร่างบอบบางน่าทนุถนอม และใบหน้าหวานๆที่ชวนหลงใหล แต่หารู้ไม่ว่านิสัยแตกต่างกับรูปลักษณ์ภายนอกราวฟ้ากับก้นแม่น้ำในซอกเหว
"ฉันไม่ว่าง..เห็นมะในมือนี่น่ะ"
"เดี๋ยวผมทำให้..พี่ไปปลุกพี่คินเถอะ มีพี่คนเดียวแหละที่ไปปลุกพี่คินได้แล้วยังกลับมครบ32โดยไม่มีอาการปางตายหน่ะ" ว่าแล้วน้องชายคนเล็กก็คว้ากระทะกับตะหลิวในมือพี่ชายมา แล้ววิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็วดดยไม่คิดจะฟังเสียงคัดค้านใดๆทั้งสิ้น
"เฮ้ย..เดี๋ยว ไอ้ซุยโว้ย..น้ำท่าเสื้อผ้าหน้าตาแกกะไม่คิดจะอาบไม่คิดจะเปลี่ยนไม่คิดจะล้างเลยเหรอวะ" แต่ก็สายไปแล้วเมื่ออีกคนวิ่งลงไปถึงชั้นล่างก่อนที่จะพูดจบด้วยซ้ำ
"เฮ้อ..ไอ้น้องเวรเอ้ย" ชายหนุ่มได้แต่เกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเดินไปปลุกคนขี้เซาอีกคนให้ตื่น
โต๊ะอาหารเมื่อสามหนุ่มพี่น้องมานั่งกินข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว
"อาหารฝีมือซุยล่ะสิ" ชายหนุ่มหน้าหวานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งๆ เมื่อตักอาหารคำแรกเข้าปาก ไม่ใช่ไม่อร่อยเพียงแต่ชายคนนี้สามารถแยกรสชาติฝีมือการทำอาหารของแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ
"ใช่เลย แหม..ประสาทไวเหมือนเดิมนะคิน" โคเซพูดอย่างทะเล้นๆตามนิสัย
"แหะ ถึงคนประสาทไม่ดีก็รู้" ซุยเซพึมพำออกมาเบาๆ เนื่องจากโคเซเป็นคนไปปลุกคินเซ แล้วใครมันจาเป็นคนทำอาหารนอกจากซุยเซ
"อ่อ..จริงสิ เมื่อกี้ฮายาบิติดต่อมาบอกว่าให้เข้าไปที่สำนักงาน"มีงาน"ให้ทำ" ท่าทางขี้เล่นของพี่คนโตหายวับไปทันทีที่พูดถึงเรื่องงาน รวมทั้งอีกสองคนที่มีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันทีด้วย
"ทั้งสามคนเลยเหรอ"น้องคนเล็กถาม
"ใช่ ทั้งสามคน"พี่คนโตตอบ
"........."น้องคนกลางเงียบ
----------------------------------------------------------------------
ชี้แจงเล็กน้อยกรุณาอ่านจ้า ไม่งั้นไม่รู้เรื่องนา
ก่อนอื่นของบอกไว้ก่อนว่า สามคนนี้ทำงานเป็นบอร์ดี้การ์ดจ้า ส่วนคนที่ชื่อฮานาบิเนี่ยเป็นคล้ายๆกับพ่อและหัวหน้า(แต่ยังหนุ่มอยู่นะจ๊ะ)
ความจริงแล้วสามคนนี้ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ สายเลือดเดียวกันก็ไม่ใช่ แต่คนที่เข้ามาทำงานให้กับฮานาบิจะเปลี่ยนชื่อและนามสกุลรวมทั้งประวัติส่วนตัวทั้งหมด แต่ละคนก็ต่างไม่รู้อดีตของกันและไม่มีใครสนใจอดีตของใครด้วย
บอร์ดี้การ์ดของฮานาบิจะแยกเป็นสองสายคือ1.สายคุ้มครองจะใช้นามสกุลอันเซน 2.สายอิสระจะใช้นามสกุลจิยู
สายคุ้มครองจะทำงานระยะยาวตามความพอใจของนายจ้าง ไม่มีสิทธิ์เลือกงาน แต่ค่าตอบแทนสูง และคนที่ว่าจ้างจะต้องผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติกับฮานาบิก่อน ไม่งั้นไม่มีสิทธิ์จ้าง ความเป็นอยู่ของสายนี้จะถูกจัดให้อยู่บ้านหลังเดียวกันและมีความสัมพันธ์ต่อกันแบบพี่น้อง
สายอิสระ ทำงานในระยะเวลาสั้นๆ มีสิทธิ์ของยกเลิกและเลือกงาน แต่ค่าตอบแทนจะได้ตามระยะเวลาในการทำงานและระดับความยากง่ายของงาน ใครจะจ้างก็ได้ไม่มีการคัดเลือกคุณสมบัติ ความเป็นอยู่ของสายนี้จะถูกจัดให้อยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่ความสัมพันธ์จะเป็นแค่เพื่อน และไม่มีความผูกพันธ์กันแบบความสัมพันธ์แบบพี่น้อง
และนี้ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมสามคนนี้ถึงอยู่ด้วยกัน และเรียกกันเป็นพี่น้องนะจ๊ะ
ส่วนบ้านที่ทั้งสามคนอาศัยอยู่จะเป็นบ้านหรูหราหลังใหญ่ตกแต่งตามสไตล์โมเดิร์ลผสมกับสไตล์วิกตอร์เรีย ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังคฤหาสหลังใหญ่ขนาดพอๆกับพระราชวังซึ่งที่นี่ก็คือสำนักงานที่ว่านั่นเอง ส่วนบ้านอีกหลังซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน(ถึงจะบอกว่าใกล้แต่การไปมาหาสู่กันก็จำเป็นต้องใช้รถในการเดินทางเนื่องจากระยะมันไกลเกินเท้าจะเดินไหว) บ้านหลังนี้จะเป็นสไตล์ยุโรปสมัยใหม่ ทั้งสามหลังที่พูดมานี้ อยู่ในอาณาเขตรั้วเดียวกันนะจ๊ะ
อธิบายจบแล้วจ้าใครสงสัยอะไรก็ถามได้ค่า^^
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาได้จนถึงตอนนี้โดยที่ไม่กดปิดซะก่อนนะคะ
คุณมีความอดทนสูงมาก 55555+
ถ้าอ่านเสร็จแล้วช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยก็ดีค่ะ จาได้มีกำลังใจ หุหุหุ^^
ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เข้ามาอ่านกัน ขอบคุณค่ะ^^
ปล.หลายคนอาจจะงงว่าชื่อเรื่องกะเนื้อเรื่องไม่เห็นมันจะเข้ากันตรงไหน ก็แหม..มันพึ่งจาเริ่มต้นเองนี่ค่ะ รออีกหน่อยเดี๋ยวก็รู้ค่า^^
ความคิดเห็น