ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ NaruSasu ] ลำนำบุปผา...พฤกษาผลิบาน

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ ๓ เสียงเพรียก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.14K
      46
      20 ต.ค. 61


    บทที่ ๓
    เสียงเพรียก

    ++++++++++++++++++++++++++


    _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _


    บ่ายคล้อยใกล้ค่ำในวันที่สองของการเดินทาง เหล่านินจาหนุ่มสาวยังคงตั้งหน้ามุ่งสู่ยูกิงาคุเระอย่างไม่มีหยุดหย่อน แม้แดดจะแรงกล้า ลมร้อนจะสาดซัดพัดกระหน่ำรุนแรงก็ไม่มีหวั่น ทุกคนรู้ดีว่าภารกิจนี้สำคัญมากแค่ไหน ‘ต้นไม้เทพเจ้า’ สิ่งที่ก่อกำเนิดพลังซึ่งนำไปสู่การต่อสู่แย่งชิง ความขัดแย้ง และสงคราม หากตื่นขึ้นมาอาละวาดอีกคงไม่ใช่แค่สองสามชีวิตเป็นแน่ที่ถูกสังเวยให้กับมัน

    สงครามโลกนินจาครั้งที่ห้า   กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปเลยล่ะ 

     

    หลังจากฝ่าแม่น้ำ ข้ามภูเขามาตลอดสองวันกับหนึ่งราตรี ทั้งหมดก็เดินทางมาถึงตะเข็บชายแดนแคว้นน้ำแข็ง เนื่องจากภูมิประเทศอยู่ค่อนไปทางกึ่งขั้วโลก ทำให้พื้นที่บริเวณนี้เกือบทั้งหมดเป็นที่ราบสลับกับป่าสน ยังดีที่วันนี้อากาศแจ่มใส ฟ้าโปร่ง ไม่มีหิมะตก ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค ถ้าไม่ติดที่ว่า . . .

    “นี่ ซาสึเกะ” 

    มีอะไร” 

    ฉันว่าหยุดพักก่อนเถอะ  ดูเธอไม่น่าไหวแล้วล่ะนารูโตะเอ่ยกับคนที่เงียบมาตลอดทาง 

    อุจิวะหนุ่มเหลียวมองตาม ก่อนจะพบว่าหญิงสาวคนเดียวในทีมที่ตอนนี้เริ่มวิ่งช้าลง สีหน้าซีดเผือดอย่างคนไม่มีแรง ด้านฮินาตะเมื่อรู้ตัวว่าถูกมองก็เงยหน้าขึ้นมาส่ายหัวบอกเป็นพัลวัน  ฉันไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ไปต่อ . . . เถอะ”  

    แกร่ก ! !

    ทันใดนั้นหญิงสาวเหมือนเสียการทรงตัว เท้าที่จะเหยียบกิ่งไม้กลับก้าวพลาดไป  ร่างบอบบางร่วงลงสู่พื้นธรณีเบื้องล่างอย่างรวดเร็วท่ามกลางความตกใจของเพื่อนร่วมทีม 

    ฮินาตะ ! ! !”  

    ร่างสูงรีบถลาเข้าไปรับร่างนั้นไว้ได้ทันก่อนกระแทกพื้นแบบเฉียดฉิว  ด้านซาสึเกะเมื่อเห็นดังนั้นจึงหยุดฝีเท้าร่อนลงไปดูเหตุการณ์ข้างล่าง  ทว่าภาพที่เห็นเมื่อไปถึงทำให้อุจิวะหนุ่มถึงกับชะงัก . . .

    นารูโตะกำลังอุ้มฮินาตะวางลงกับพื้นพลางถามไถ่อาการ เขาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยและเป็นกังวลในน้ำเสียงที่เปล่งออกมาได้อย่างชัดเจน  พลันความรู้สึกหน่วงๆก็แล่นปราดจู่โจมในอกจนหนักอึ้ง

    “ . . . ”  

     

    “เธอโอเคมั้ยฮินาตะ บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ? !” นารูโตะถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สองมือจับตามตัวหญิงสาวเพื่อเช็คหาบาดแผล  


    “ฉะ ฉันไม่เป็นไรแล้วจ้ะ แค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้นเอง” หญิงสาวหน้าแดงเมื่อถูกอกฝ่ายสัมผัสตัว ถ้าเธอจะมีอันเป็นไปก็คงเพราะนารูโตะคุงเนี่ยแหละ !   ( >///< ) 

    “แน่ใจนะ

    อื้ม ขอโทษที่ต้องทำให้ลำบากนะจ๊ะ” ฮินาตะก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด  เป็นเพราะเธอแท้ๆ การเดินทางที่ควรจะใช้เวลาแค่ครึ่งวัน จนตอนนี้ผ่านมาสองวันเต็ม แถมยังมาเจ็บออดๆแอดๆอีก ยิ่งทำให้ล่าช้าเข้าไปใหญ่ สุดท้ายเธอก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงสินะ ( T a T )

    อย่าคิดมากสิ ลำบากอะไรกันล่ะ” นารูโตะพูดก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระซิบ รู้มั้ย  มีเธอมาด้วยฉันค่อยอุ่นใจขึ้นเยอะเลย ขืนมากับซาสึเกะสองคนนะ มีหวังฉันคงถูกหมอนั่นฆ่าหั่นศพเป็นผีเฝ้าป่าก่อนถึงที่หมายแน่ๆ !  ร่างสูงว่าพลางบุ้ยปากไปทางซาสึเกะที่ยืนดูอยู่ เล่นเอาคนถูกนินทาคิ้วกระตุก 

    หนอยแน่ะ  ฉันได้ยินนะเฟ้ย ไอ้หน้าแมว !  

     

    หลังจากยืนดูอยู่พักใหญ่ ซาสึเกะจึงเดินเข้ามาหาเพื่อนร่วมทีมทั้งสอง ถ้างั้นค้างคืนแถวนี้ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางต่อ” 

    นั่นสินะ นี่ก็ใกล้มืดแล้วด้วย” นารูโตะพูด ก่อนทำท่าเหมือนนึกอะไรออก “จริงสิ ! เมื่อกี๊ตอนอยู่บนต้นไม้ ฉันเห็นเหมือนมีถ้ำอยู่แถวๆลำธารฝั่งนู้นน่ะ ลองไปดูกันมั้ย” นารูโตะออกความเห็น 

    ก็เอาสิ” อุจิวะหนุ่มพยักหน้าตอบตกลง 

    “เธอเดินไหวมั้ย โจนินหนุ่มหันไปถามฮินาตะ ซึ่งเธอก็พยักหน้า พร้อมส่งยิ้มบางเป็นการขอบคุณที่ช่วยไว้ 

    จะไปกันได้รึยัง ชายหนุ่มเจ้าของเนตรสีดำถามเสียงเย็น แฝงความหงุดหงิด(ไม่)นิดๆ พาให้สองหนุ่มสาวแอบสะดุ้งเสียวสันหลังวาบไปตามๆ กัน 

    มัวแต่จีบกันอยู่นั่นแหละ เห็นหัวฉันกันบ้างมั้ย 

    ยืนนิ่งทำไมล่ะ นำไปสิ” ก่อนเสียงเย็นๆนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตานิ่งเรียบกับจิตสังหารอ่อนๆ แต่สามารถล้มช้างได้ทั้งโขลง

    อื้อ งะ งั้น ไปกันเถอะ แหะๆ”  นารูโตะหัวเราะแห้ง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก 

     

         หมอนั่นเป็นอะไรไปอีกล่ะเนี่ย  ( = _ = )          เสียงความคิดของร่างสูงผู้ที่ยังคงไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด

         ซาสึเกะคุงน่ากลัวจัง . . . ( T v T )          กับหญิงสาวผู้สมคบคิดที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว

     

    หลังจากเดินหามาซักพัก ทั้งสามก็เจอถ้ำที่ว่า  มันเป็นโพรงขนาดเล็กแต่ก็พอให้สามคนนอนได้แถมยังป้องกันลมหนาวที่พัดกระหน่ำในตอนกลางคืนได้เป็นอย่างดี พื้นที่แถบนี้แค่ลมพัดในตอนกลางคืนก็หนาวเหน็บกว่าพายุหิมะที่โคโนฮะหลายเท่า

    พวกนายอยู่เฝ้าของที่นี่ ฉันจะออกไปสำรวจป่าแถวนี้ซักหน่อยซาสึเกะพูดขึ้นขณะปลดสัมภาระลงกับพื้น ความจริงเขาก็แค่อยากปลีกวิเวกอยู่คนเดียวซักพัก เผื่อว่าอารมณ์แปรปรวนที่เป็นอยู่ตอนนี้จะหายไป “ถ้าหิวก็หาอะไรกินก่อนได้เลย ไม่ต้องรอ

    ฉันก็จะไปด้วย” นารูโตะพูด 

    ไม่ต้อง ฉันจะไปคนเดียว ” ซาสึเกะเริ่มขึ้นเสียง ชักสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด 

    ขืนนายตามมาฉันก็ไม่เป็นอันสงบสติอารมณ์กันพอดี !

    แต่ว่า . . .”  โจนินหนุ่มเริ่มชักสีหน้าขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

    ไม่มีแต่ หรือนายจะทิ้งเธอไว้คนเดียวก็ตามใจ”  ซาสึเกะงัดไม้ตายออกมาแม้ไม่ค่อยอยากทำเท่าไหร่

    ได้ผล . . .

    คำว่า ‘เธอ’  ทำให้ร่างสูงนิ่งไป สายตาเหลือบมองไปยังหญิงสาวตระกูลเนตรสีขาว แล้วถอนหายใจอย่างจำยอม เฮ้อ” 

    . . .” 

    ก็ได้ รีบๆกลับมาล่ะ” 

    แปล๊บ 

    ทำไมกัน ก็เป็นคนพูดเองแท้ๆ แต่ว่าฉันกลับ . . .

    อืม”    ปวดใจจัง 

     

     

    ซาสึเกะออกสำรวจพื้นที่ไม่ไกลนักจากบริเวณที่พัก ร่างบางเดินทอดน่องไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายจนมาถึงเนินเขาเตี้ยๆที่หากมองลงไปก็จะสามารถเห็นทิวทัศน์ทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่มเบื้องล่าง มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลแหวกผ่ากลางตรงมาก่อนจะเลี้ยวลัดเลาะเลียบเชิงเขาไป อีกฟากฝั่งของทุ่งหญ้าเป็นทิวเขาสูงเสียดฟ้าทอดตัวเป็นแนวยาวสูงต่ำลดหลั่นสลับกันไป ณ ริมขอบขุนเขาอันสูงชันนั้น สุริยันกำลังเคลื่อนคล้อยลาลับจากผืนนภา แสงสนธยาที่เกิดจากการหักเหของชั้นบรรยากาศย้อมผืนฟ้าเป็นสีส้มแดงดั่งสีของใบเมเปิลในฤดูใบไม้ร่วง สายลมอ่อนๆที่พัดอย่างบางเบาหอบเอาไอดินและความชื้นลอยมาปะทะจมูก ดอกหญ้าสีขาวอ่อนเบื้องล่างลู่เอนไหวตามการชักนำแห่งสายลม   ผืนนทีกว้างทอประกายระยิบระยับ  หมู่มวลสกุณากรีดกรายกึกก้องราวกับยินดีต้อนรับการมาเยือนของผู้มาจากต่างแดน  . . .

    ซาสึเกะทอดมองทิวทัศน์เบื้องหน้านิ่งอย่างหลงใหล เปลือกตาบางหลับพริ้ม เงยหน้าสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไป  ราวกับจะซึมซับช่วงเวลาอันแสนสุขนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด ดวงหน้าขาวดูมีความสุขกว่าครั้งไหนๆ ตั้งแต่ออกเดินทางมา

     

     ฟิ้ว . . . ว . ว . . .

     

         ทันใดนั้น สายลมโอนอ่อน พัดพาเอาเสียงๆหนึ่งมา

         เสียงนั้นดังก้องไปทั่ว ผืนดิน สายน้ำ ฟากฟ้า ขุนเขา  ขับกล่อมอยู่ในความว่างเปล่า  สะท้อนก้องอยู่ในความทรงจำ

         ความทรงจำ อันแสนยาวนาน . . .

     

    สุริยันเคลื่อนคลาลาลับ

    ปักษาสดับขับขาน

    หมู่มวลบุปผชาติแย้มกลีบบาน

    ชูก้านขจรกลิ่นอวดพงไพร

     

    ครั้งหนึ่งเราสองน้องพี่

    เหม่อมองนทีกว้างใหญ่

    หยาดน้ำพราวพิสุทธิ์ชื่นฤทัย

    หล่อเลี้ยงพนาลัยแต่ปางบรรพ์

     

    ขุนเขาตระหง่านเทียมฟ้า

    ดุจวิมานเทพยดารังสรรค์

    โอบอุ้มคุ้มครองทุกชีวัน

    ไม่หวั่นแม้นภัยกร้ำกราย

     

    อยู่มาชะตาลิขิต

    ต้องจากดวงจิตใจหาย

    ต้องพรากจากเจ้าเหมือนตกตาย

    ทุ่งบุปผาเดียวดายไร้คนชม

     

    จึ่งเก็บก้านซ่อนกลีบแลกลิ่นหอม

    มิให้ดมดอมห้อมห่ม

    มิให้ผู้ใดเชยชม

    ตรอมตรมเร้นกายหายไป

     

    โศกาอาทรเจ้าบุปผา

    วนาทั้งผองร่ำไห้

    ขุนเขาเมฆครามสุดอาลัย

    นทีใหญ่ไหลเอื่อยไร้ชีวา

     

    แม้กาลเวลาเปลี่ยนผัน

    คำมั่นยังคงแรงกล้า

    ยืนหยัดเฝ้าคอยเรื่อยมา

    รอวันพี่ข้าหวนคืน

     


    ลำนำขับขาน ขณะที่ความรู้สึกแปลกประหลาดเริ่มก่อตัวขึ้นเงียบๆ 

    อะไรกัน ความรู้สึกที่แสนคิดถึง อบอุ่น ยินดี โหยหา . . . หากแต่เศร้าสร้อยแล้วก็เจ็บปวดในเวลาเดียวกัน

    จู่ๆ ความรู้สึกคุ้นเคยแล่นผ่านเข้ามาในหัว กระชากความทรงจำหนึ่งให้ผุดขึ้นมา 


    เฮือก !


     สักวันหนึ่ง ข้าจะกลับมาแน่ . . . ข้าสัญญา


    ‘แต่ข้าปรารถนาที่จะอยู่เคียงข้างท่าน ได้โปรด อย่าไปจากข้า ได้โปรด . . . ท่านพี่ของข้า


    ‘ไม่ว่าเมื่อไหร่ ข้าจะอยู่ในใจของเจ้าเสมอ . . . ลาก่อน อาชูร่า


    ‘ท่านพี่ ! ! !

     


     

     

    อึ่ก ซาสึเกะนิ่วหน้า ยกมือกุมหัวที่เต้นตุบๆราวกับจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ขาทั้งสองข้างพลันอ่อนแรงจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น 

    “อาชูร่า?” ไม่ . . . นี่ไม่ใช่ความทรงจำของเขาอย่างแน่นอน ถ้างั้น ของใครกันล่ะ ทำไมถึงมาอยู่ในหัวเขาได้ ! 

    กลับมาแล้ว

     “ ! ! ! 

    จู่ๆ ปรากฏเสียงลึกลับดังขึ้นจากเบื้องหลังจนชายหนุ่มตกใจ รวบรวมสติที่เหลืออยู่แล้วเบิกเนตรวงแหวน  มือบางชักคุซานางิออกมาตั้งการ์ดเตรียมพร้อมต่อสู้ หันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่า  ไร้ซึ่งร่องรอยเจ้าของเสียง

    กลับมาแล้ว . . . ท่านกลับมาแล้ว . . .  เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แผ่กังวานไปทั่วทั้งพื้นที่อันเวิ้งว้าง ราวกับว่ามาจากทุกหนแห่ง 

    เนตรคู่คมที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงสด กวาดมองไปรอบๆ  หวังจะหาที่มาของมัน เมื่อไม่มีทางเลือก ซาสึเกะจึงตัดสินใจเปล่งเสียงถามออกไป  นั่นใคร  แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้

    “ . . . ” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ 

    ฉันถามว่าแกเป็นใคร” ร่างเล็กเอ่ยเสียงเข้ม พลันคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง เมื่อเนตรวงแหวนจับสัมผัสชีพในอาณาบริเวณนี้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว 

    “. . .”  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน  


    ฟิ้ว . . .ว .ว . . .  

    จู่ๆ ลมหอบใหญ่ก็พัดมาอีกครั้ง คราวนี้ต่างไปจากเดิม มันหอบเอากลิ่นของบางสิ่งติดมาด้วย  สิ่งที่ไม่น่าจะมีอยู่ ณ ที่แห่งนี้

    กลิ่นดอกไม้?”  ร่างบางพึมพำอย่างสงสัย กลิ่นหอมนั้นเพียงแค่แตะจมูกก็ทำให้รู้สึกสดชื่น ราวกับได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่   

    แปลก . . . แถวนี้ไม่มีดอกไม้นี่นา

    เวลาผ่านไปหลายวินาที ไม่มีการตอบกลับจากเสียงลึกลับ รวมถึงกลิ่นหอมประหลาดนั่นก็หายไปแล้ว

    บางที . . . เขาอาจหลอนไปเอง ซาสึเกะคิด ตะลอนข้ามทวีปโดยไม่ได้หยุดพัก คงไม่แปลกถ้าร่างกายเขาจะเกิดอาการเพลีย ประสาทหลอน  ยิ่งช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะแยะอยู่ด้วย 

    คิดได้ดังนั้น มือบางจึงเก็บคุซานางิเข้าฝัก หันหลังเดินจากไป . . . 

     

     ฟิ้ว . . .ว .ว . . .  

    สายลมพัดผ่านอีกครา หากเสียงหวิดหวิวของอากาศไม่อาจกลบความยินดีของใครบางคน  ใครบางคน . . . ผู้มากับอดีตอันโศกเศร้า 


    หนึ่งพันปีอันแสนยาวนาน  ในที่สุดท่านก็กลับมา . . . นายท่านแห่งข้า

     

     _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ 



     To be continue . . .


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×