ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ NaruSasu ] ลำนำบุปผา...พฤกษาผลิบาน

    ลำดับตอนที่ #26 : บทที่ ๑๙ ควบคุมไม่ได้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 0
      52
      4 พ.ย. 61

    บทที่ ๑๙

    ควบคุมไม่ได้

    + + + + + + + + + + + + 



    ซึนะงาคุเระ, ที่ประชุมเฉพาะกิจห้าคาเงะ 1:30 PM

     

                   ห้องประชุมใหญ่มาคุด้วยความตึงเครียดขั้นสุด  เวลาล่วงเลยมาจนตะวันคล้อยบ่ายแต่การพูดคุยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้ข้อยุติ 

                   เรื่องชายแดนนั่นคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว โจจูโร่” โฮคาเงะเป็นฝ่ายถามมิสึคาเงะเรื่องหมู่บ้านที่ถูกทำลายไป คาเงะที่เหลือพร้อมใจกันเงียบเสียงเพื่อรอฟังเรื่องที่ดูจะกลายเป็นวาระระหว่างแคว้นไปแล้วหลังจากโศกนาฏกรรมเมื่อหลายคืนก่อน ฝ่ายหลายเริ่มตื่นตัวเพราะข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วเกี่ยวกับสงครามระลอกใหม่ สถานการณ์เริ่มบานปลายแต่ยังคงควบคุมได้ในระดับหนึ่ง 


     “ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่” โจจูโร่ หรือ มิซึคาเงะแห่งคิริงาคุเระถอนหายใจหนักหน่วง สีหน้าเหนื่อยล้า  “ชาวบ้านที่พอจะเห็นเหตุการณ์ถูกฆ่าตายหมด น่าเสียดายที่พวกมันหนีไปได้ก่อนคนของเราจะไปถึง ดูจากวิธีการลงมือแล้วเป็นนินจาไม่ผิดแน่” 


     “จัดการหลักฐานซะเกลี้ยง นับว่าฝีมือไม่ธรรมดา จะให้ทางนี้ส่งคนไปช่วยอีกแรงมั้ย” สึนาเดะยื่นข้อเสนอ ตั้งแต่เกิดเรื่อง  โฮคาเงะสาวสั่งให้คาคาชิเเสตนบายด์นินจาฝีมือดีจำนวนหนึ่งไว้เผื่อเกิดเหตุร้ายแรง พวกเบื้องหลังอย่างอันบุ(หน่วยลับ)เองก็เร่งมือสืบข่าวอย่างไม่หยุดหย่อน แม้จะไม่ได้อะไรมากไปกว่าที่มีอยู่ก็ตาม


    ไม่ล่ะ ทางนี้ควบคุมสถานการณ์ไว้หมดแล้ว เหลือแก็แค่ลากคอพวกสวะนั่นมาลงโทษให้ได้เท่านั้น”  

     คาเงะหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าเจ็บแค้นใจเป็นอย่างมาก ฆ่าคนบริสุทธิ์นับร้อยโดยไม่รู้สึกรู้สา ต่อให้ต้องพลิกนรกหา เขาก็จะต้องลากพวกเวรนั่นมาประหารให้ได้เลยคอยดู ! 


    ว่าแต่โฮคาเงะ เรื่องสองคนนั้นล่ะเป็นยังไงบ้าง” เป็นกาอาระที่นั่งเงียบมานานเอ่ยถามสึนาเดะ แทบไม่ต้องขยายความก็รู้ว่าหมายถึงเรื่องไหน สึจิคาเงะที่ปั้นหน้าซังกะตายมาพักหนึ่งถึงกับหูผึ่งกระโดดมาร่วมวงด้วยอย่างสนใจใคร่รู้  


    มาแล้วสินะ เรื่องเมาท์เจ้าประจำที่ขาดไม่ได้ในวงเหล้า เอ้ย. . .วงประชุมเฉพาะกิจเหล่าคาเงะ(ขี้เหงา)


    จะใครซะอีก ก็คู่หูคู่รักปานจะกลืนกินที่พากันกะเตงๆขึ้นเหนือไปทำภารกิจนั่นไงล่ะ ! 


    “เหอะ จะยังไงซะอีกล่ะ ผ่านมาจะเป็นอาทิตย์แล้ว จดหมายซักฉบับส่งกลับมาก็ไม่มี ฉันล่ะปวดหัว. . .”สึนาเดะตอบ คล้ายจะบ่นไปในที พวกเด็กบ้านั่น ไม่รู้ว่าลืมจริงๆ หรือแค่ไม่ใส่ใจกันแน่ กลับมาเมื่อไหร่คงมีเรียกมาตำหนิกันบ้าง 


    “เอาน่า ระดับนั้นแล้ว คงจัดการกันเองได้แหละ” สึจิคาเงะเอ่ยปลอบ เด็กพวกนั้น มองผิวเผินอาจจะดูนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่เรื่องฝีมือนั้นเป็นของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย 


    “ไม่มีอะไรที่เจ้าพวกนั้นทำไม่ได้สินะ ฮึ”คาเซะคาเงะหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ยามนึกถึงเพื่อนหัวทองจอมก่อเรื่อง อาทิตย์ก่อนหลังจากมาวุ่นวายในถิ่นเขาจนพอใจ เจ้าตัวก็ขอตัวกลับกะทันหัน บอกแค่ว่าถูกเรียกตัวด่วน แต่ถึงไม่บอกเขาก็เดาได้อยู่ดีว่าเรื่องอะไร แหงสิ ภารกิจนั่นเขาเสนอชื่อเองกับมือเชียวนะ ที่จริงเขาจะบอกนารูโตะล่วงหน้าเลยก็ย่อมได้ แต่ก็ไม่ทำ เพราะอะไรน่ะเหรอ?   

    ให้เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อเขาได้พบกันแบบน่าประทับใจหน่อยจะเป็นไรไป หึ หึ


    แกร๊ก . . .


    เสียงเปิดประตูดึงความสนใจจากคนในห้อง ร่างสูงสวมชุดโจนิน สวมผ้าคาดปิดบังใบหน้า ก้าวเข้ามาด้านใน ผมสีขาวสว่างเป็นเอกลักษณ์ที่คาเงะทั้งห้าคุ้นตาเป็นอย่างดี 


    “ขออภัยที่เข้ามารบกวน พวกท่านทั้งหลาย” 


    เขี้ยวสีขาวแห่งโคโนฮะ. . .


    “ไงคาคาชิ ไม่เจอหน้าซะนานเลย” ไรคาเงะเอ่ยปากทักทายอย่างเป็นอันเอง ตั้งแต่สงครามจบลง เขาไม่ค่อยได้ยินข่าวคราวของโจนินอาวุโสผู้นี้นัก ไถ่ถามจากโฮคาเงะจึงรู้ว่าถูกมอบหมายให้ลงไปคุมหน่วยลับชั่วคราวแทนดันโซที่ถูกอุจิวะ ซาสึเกะสังหารไปเมื่อคราวก่อน


    ฮาตาเกะ คาคาชิ ก้มหัวทักทายพอเป็นพิธี ก่อนจะตรงดิ่งเข้าไปคุยบางอย่างกับโฮคาเงะ  โฮคาเงะ ขอเวลาซักครู่สิ” 


    “อือ เอาสิ”  


    “. . .” 


    “อือฮึ. . .” สึนาเดะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะชะงักค้าง ขมวดคิ้วฉับ แค่นเสียงสูงว่าไงนะ. . .เช็คข่าวดีแล้วใช่มั้ย อืม เข้าใจแล้ว. . .ฝากจัดการด้วย” 


    คาคาชิพยักหน้าเป็นเชิงรับคำสั่ง ก่อนจะสาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งความสงสัยระคนแปลกใจแก่เหล่าผู้เฝ้ามอง

     

     “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ” ไรคาเงะถามสึนาเดะที่มองผู้ช่วยของตนเดินหายไปจนลับบานประตู หญิงสาวสูดหายใจลึก ไล่มองไปรอบโต๊ะ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงพวกนาย. . .ฉันมีข่าวร้ายจะบอก”


    “. . .”


    สายของเราแจ้งเข้ามาว่า ขบวนรถของตระกูลโทสึที่เดินทางไปพบไดเมียวถูกลอบโจมตีระหว่างทาง รองหัวหน้าตระกูลถูกจับตัวไป ตอนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม. . .”


     “. . . ! ! !”  


    แล้วก็เมื่อคืนนี้ ปราสาทของไดเมียวแคว้นน้ำแข็งถูกบุกรุก คนในบ้านถูกฆ่าตายเกลี้ยง ตอนนี้ในเมืองกำลังเกิดจลาจลอย่างหนัก. . .”

     

    “อะไรกัน. . .”


    “ปราสาทฮาราโคริที่ขึ้นชื่อเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเนี่ยนะ?”  


    นี่มันบ้าชัดๆ !”  ไรคาเงะตบโต๊ะปังด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ทุกคนในห้องต่างตกตะลึงกับข่าวร้ายที่ได้รับฟัง ปัญหาเก่ายังเคลียร์ไม่จบดันมีของใหม่เข้ามาให้ปวดกะบาลเป็นสองเท่า สถานการณ์ที่คิดว่าควบคุมได้แล้วกลับบานปลายเหมือนไฟลามทุ่ง หากไม่ทำอะไรซักอย่าง เห็นทีข่าวลือที่ว่าคงจะกลายเป็นเรื่องจริงในเร็ววันเป็นแน่ 


    “รู้รึเปล่าว่าเป็นฝีมือของใคร?”  


     “อา คือว่าเรื่องนั้น. . .”   


    ปังงงง!


    เสียงกระแทกประตูดังสนั่นเรียกความสนใจจากคนในห้องอีกครั้ง โจนินระดับสูงสองนายวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน สีหน้าไม่สู้ดีนัก 


    เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับท่านคาเงะ !”


     “มีเรื่องอะไรกัน!?” ไม่รอช้า คาเงะทั้งห้าผุดลุกขึ้นยืนโดยพร้อมเพรียง สัญชาติญาณอันคมกริบร้องเตือนว่า มีบางอย่างไม่ปรกติกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ บางอย่างที่. . .ทรงพลังและน่าหวาดหวั่น ! 


     “พวกท่านต้องรีบไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้ ! พวกเราถูกลอบโจมต-”  


     “ระวัง! ! !”  


    ตู้มมม!!!

    ครืนนนนนน ! ปังงงง!

     . 

    .

    .


    ปราสาทโทสึกิ แคว้นน้ำแข็ง (11 ชั่วโมงก่อนหน้า) 

    0.25 AM

     

    “ไปไหนของเขานะ”  เสียงบ่นกระฟัดกระเฟียดดังก้องไปตามโถงทางเดินชั้นล่างของปราสาทหลังใหญ่ นารูโตะหยุดเดินก่อนจะเอนไหล่พิงกับผนังหินอ่อน ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า หลังเดินวนจนทั่วแต่ไร้วี่แววของคู่หูตัวดี ที่เพิ่งหายจากโคม่าติดเตียงไปหยก ๆ แถมไปไหนไม่บอกกล่าวทั้งที่ตัวเองถูกสั่งกักบริเวณแท้ ๆ หนำซ้ำยังซ่อนตัวซะดิบดีไม่ให้เขาหาเจอ เนตรสีขาวที่พอจะใช้การได้ เจ้าของมันกลับนอนหลับเป็นตายตั้งแต่หัวค่ำ หนุ่มหน้ามนคนหล่ออย่างอุซึมากิ นารูโตะจึงจำต้องพึ่งตัวเองไปก่อน 


    ซาสึเกะนะซาสึเกะ หายป่วยแล้วซนกว่าเดิมอีก  คอยดูเถอะ เจอตัวเมื่อไหร่พ่อจะดีดกะบาลให้ ! ฮึ่ม ๆ  ( = * = )


    จะว่าหงุดหงิดก็ใช่แหละ แต่ความห่วงใยมันมีมากกว่าไง ท่าทางของซาสึเกะที่ดูไม่เป็นตัวของตัวเองซักเท่าไหร่เมื่อตอนกลางวันมันสะกิดหัวใจเขาอย่างบอกไม่ถูก 


    “หาตัวยากเย็นนักใช่มั้ย ได้. . .”  เห็นทีเขาคนนี้คงต้องขอเอาจริงบ้าง ให้พยศมากๆนานเข้าจะเสียนิสัยเอา เด็กดื้อต้องถูกทำโทษ ! 

     

    คิดจะเล่นซ่อนหากับคนอย่างเขา นายยังอ่อนหัดนะซาสึเกะ !


    เอาโหมดเซียนไปกินซะ ! 

     

    ว่าจบ เปลือกตาสีเข้มปิดลงช้าๆ ปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยความคิดไหลไปกับความเงียบงัน ชั่วขณะหนึ่งทุกสิ่งรอบตัวคล้ายหยุดนิ่ง สัมผัสอันเฉียบคมถูกปล่อยออกมา แทรกฝ่าไปทุกทิศทุกทาง มุ่งควานหาเพียงหนึ่ง . . .ไอพลังที่คุ้นเคย หนักแน่นแต่เปราะบาง เหมือนกับตัวตนของเจ้าของ  


    “ซาสึเกะ นายอยู่ที่ไหนกันแน่”  


    เวลาค่อย ๆ เดินไป ร่างสูงเหงื่อตก เพราะเริ่มเอะใจกับสถานการณ์ที่ไม่ปรกติ ไอพลังที่สัมผัสได้ก็บางเบาจนแทบจางหาย ร่างสูงเพิ่มรัศมีการค้นหาให้กว้างขึ้น  จากที่เคยกังวลก็เริ่มร้อนรน ความร้อนรนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อไร้วี่แววของคนที่คะนึงหา 


    “เลิกเล่นเป็นเด็ก ๆ เถอะ ฉันไม่สนุกด้วยนะ”

     

    ไม่มี ไม่มีอะไรเลย. . .

     

    “ให้ตายสิ. . .”

     

    เป็นไปไม่ได้ เขาหาหมอนั่นไม่เจอ เพราะอะไรกัน. . .

     

    ระ หรือว่า . . .

     

    ร่างสูงเกลียดการตั้งแง่ใส่คนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนๆนั้นเป็นซาสึเกะ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง เหตุผลที่เขาหาซาสึกะไม่เจอ ก็มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น . . .


    ความเป็นไปได้ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่ง !


     “หรือว่าหมอนั่นจะ. . .”  

    นารูโตะชะงักค้าง เนื้อตัวพลันเย็นวาบ ดวงเนตรสีน้ำทะเลฉายแววตระหนกอย่างไม่ปิดบัง หัวใจที่เคยแกร่งดุจเหล็กหล้าตอนนี้หล่นวูบลงไปกองแทบเท้า เมื่อถูกความเป็นไปได้ที่เหลืออยู่ฟาดกลางหน้าอย่างจัง 


     ไม่ใช่ว่ากำลังหลบซ่อน ซาสึเกะไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก ! ! !

     

     ปัง !

    “ให้ตายเถอะ ทำไมไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้นะ !”  กำปั้นหนักๆทุบปังเข้าที่ผนังจนข้อนิ้วปริแตกและมีเลือดไหลซึมออกมาแต่ร่างสูงกลับไม่คิดจะสนใจ เนตรสีฟ้าครามสั่นไหวและคุกรุ่นด้วยแรงโทสะ ร่างสูงกำลังโมโหถึงขีดสุด เขาโกรธอีกฝ่ายที่ทำอะไรวู่วามไม่คิดหน้าคิดหลัง เเละเหนืออื่นใด. . .นารูโตะโกรธตัวเองยิ่งกว่า ถ้าแม้จะเอะใจในบทสนทนาเมื่อตอนกลางวันซักนิดล่ะก็ เขาคงจะทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งคนตัวเล็กไว้  เรื่องทุกอย่างก็คงจะไม่ลงเอยที่ซาสึเกะหนีหายไปแบบนี้ ! 


    เจ็บใจนัก ! !  


    ราวกับตัดสินใจบางอย่างได้ ร่างสูงหมุนตัวกลับ ขายาว ๆ ก้าวเดินอย่างเร่งรีบไปยังสถานที่หนึ่ง ตอนนี้ไม่ใช้เวลามาเสียใจหรือโทษตัวเองทั้งนั้น ถ้าเป็นตามที่คิดล่ะก็ซาสึเกะคงยังไปไม่ได้ไกล แต่ปัญหาก็คือ เขาไม่รู้ว่าคนตัวเล็กกำลังไปไหนและไปเพื่ออะไร ลักพาตัว? ไม่หรอก ซาสึเกะไม่ได้อ่อนแอขนาดยอมให้ใครมาแตะต้องหากจ้าตัวไม่เต็มใจ  ถ้างั้น. . .เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่หมอนั่นคลาดสายตาจากเขา?  เจ้าลูกแมวของเขาคิดจะทำอะไรถึงได้หนีไปโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้? 


    ซาสึเกะกำลังมีความลับ ทำไมเขาจะดูไม่ออก


    แต่ที่เขาไม่คาดคิดคือ. . .ความลับนั้นจะมากพอให้อีกฝ่ายผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับเขาอย่างง่ายดาย ! 


    “ฉันไม่มีค่าพอให้นายเชื่อใจได้เลยอย่างนั้นเหรอ. . .ซาสึเกะ?” 




     

    0.25 AM


     

    .

    .

    .

    วิ้ววว. . .  ~           

     

    แผ่นฟ้ามืดมิดประดับดวงดาวพร่างพราว เสี้ยวจันทราส่องแสงสลัวลาง เหนือผืนดินหลายสิบหลา อุจิวะ ซาสึเกะกำลังควบทะยานสัตว์เลี้ยงคู่ใจ แพปีกสีน้ำตาลเข้มถลาบินไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่สายตามนุษย์ปกติจะมองทัน เมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มหมอกหนาแน่นตามลาดเขาแบบนี้ การอำพรางไม่ได้โดนจับความเคลื่อนไหวจากข้างล่างยิ่งง่ายดาย 

     

    เวลาผ่านมามาเกือบหนึ่งชั่วโมงหลังแผนหลบหนีจากปราสาทโทสึกิเป็นไปด้วยดี เป้าหมายต่อไปคือการออกตามหาสถานที่ในคำใบ้ให้เจอแล้วช่วยเหลือตัวประกันออกมา หากโชคดีเจอรังใหญ่ของนายมัน แน่นอนว่าเขาจะกวาดล้างให้สิ้นซากด้วยตัวเอง เรื่องบ้าบอนี่ชักจะยืดเยื้อเกินทน 

     

    บูรพาย่ำค่ำคล้อย          หิมา โรมรัน

    พายุพาดผ่านพลัน        ใต้หล้า

    เงยหน้ามองฟ้ากว้าง     นกดำ ร่วงหล่น

    สู่ปล่องยมโลกา             เทียบฟ้า  แทงดิน

     

    เสียงแหบทุ้มทวนวรรคแรกในจดหมายอย่างไตร่ตรอง บทกลอนเรียบง่าย แต่กลับแฝงนัยยะลึกซึ้งแนบเนียน บ่งบอกชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ของผู้แต่ง

     

    โทสึกิ โชจิโระ . . . เป็นตาลุงที่เจ้าบทเจ้ากลอนไม่เบา

     

    บูรพา คือ ทิศตะวันออก . . . หมายความว่า คนๆนั้นต้องการให้เขาไปทางทิศตะวันออก มหาสมุทร . . . ไม่สิ คงจะเป็นเกาะเล็ก ๆ ซักเกาะแถวนั้นล่ะมั้ง? หิมา คงเลียนเสียงมาจากคำว่า หิมะ อา. . .จริงสิ ได้ยินว่าที่แคว้นนี้หิมะตกตลอดปี โดยเฉพาะชายฝั่งทะเลตะวันออกที่มีลมมรสุมพัดผ่าน สภาพอากาศเลยค่อนข้างแปรปรวนและมักเกิดพายุหิมะบ่อยครั้ง. . .


    หืม แบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว ๆ . . .


    “ไปกันเถอะ นัตสึ”  

     

    ราวกับตอบรับคำสั่งผู้เป็นนาย นกยักษ์สยายปีกฟูฟ่องโผออกบินด้วยท่วงท่าสง่างามสมกับเป็นพญาเหยี่ยว. . .ปักษาที่อยู่เหนือปักษาทั้งมวล 

     

    เนตรสีรัตติกาลหลุบลงต่ำ ทอดมองทิวทัศน์เบื้องล่างอย่างเหม่อลอย ทะเลสาบเวิ้งว้างกว้างไกลสุดสายตาสะท้อนสีดำมืดของท้องฟ้ายามค่ำคืนดูอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ใจที่เคยสงบนิ่งก็พลันวูบโหวง ความรู้สึกโหยหาใครบางคนที่จากมาซัดกระหน่ำอยู่ภายใน ทำไมกันนะ ทั้งที่คิดว่าการลุยเดี่ยวเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ไม่มีใครมาขัดหูขัดตา ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง นารูโตะมีภาระบนบ่ามากพอแล้ว เขาไม่อยากลากหมอนั่นมาเอี่ยวด้วย มันควรจะเป็นความคิดที่ดีไม่ใช่เหรอ? ถึงอย่างนั้น ทำไม. . .


    ทำไมความรู้สึกแย่ ๆ นี่ ไม่ยอมหายไปซักทีล่ะ?    รู้สึกผิด. . .เสียใจ. . .อยากขอโทษ. . .กลัวอีกฝ่ายผิดหวัง?


    “ถึงตัวจะไม่อยู่ แต่ทำให้คนอื่นวุ่นวายใจได้ขนาดนี้. . .เชื่อเขาเลย”  


    อ้อมแขนที่เคยนอนหนุน ไออุ่นที่คอยเติมเต็ม ดวงตาสีฟ้าครามเปล่งประกายเจิดจ้าตราตรึงไม่จางหาย 

     

    ยังคงโหยหา . . . แต่เขาเดินออกมาไกลเกินกว่าจะเลี้ยวกลับแล้ว 

     

    “คืนนี้อากาศหนาวกว่าทุกคืนเลยนะ . . . ว่ามั้ย นัตสึ”

     

    ไร้การตอบกลับจากพาหนะคู่ใจ ซาสึเกะไล้มือไปบนแพขนสีน้ำตาลอ่อนนุ่มนั้นอย่างเบามือ หวังซึมซับเอาไอร้อนจากสัตว์เลือดอุ่นให้มากที่สุด ฉับพลัน ความรู้สึกชาวาบแล่นเข้าปลายมือ ร่างบางนิ่วหน้าลงเมื่อความรู้สึกไม่สู้ดีเข้าเล่นงาน ความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องคล้ายมีใครเอาพายุหมุนมาใส่ไว้ 

     

    ร่างใต้ผ้าคลุมหนาสั่นสะท้าน แรงลมพัดกลุ่มผมเสยออกเผยให้เห็นดวงหน้าสวยซึ่งเผือดซีดชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ 

     

    “อุ่ก แค่ก . . . แค่กๆๆ” หะ. . .หายใจไม่ออก

     

    ให้ตายสิ. . .ทำไมมาเป็นเอาตอนนี้เนี่ย !

     

    “แค่ก แค่กๆๆ อึ่ก . . . ”   

     

    ซาสึเกะสัมผัสได้ ถึงความรุ่มร้อนที่ครุกรุ่นอยู่ภายใน กลิ่นคาวของสนิมเหล็กในช่องปาก ความปวดหนึบที่ต้นแขนซ้ายคอยย้ำเตือนอุจิวะหนุ่มอยู่ทุกขณะ 

     

    ร่างกายนี้ . . . กำลังจะแตกสลาย

     

    ซาสึเกะหลับตาลงเชื่องช้า ดวงหน้านิ่งสงบดูซีดเซียวคล้ายคนไม่มีแรง อาหารแน่นหน้าอกหายไปแล้ว แต่ปากยังคงสำอักไอออกมาเป็นระยะ ที่มุมปากมีของเหลวสีเข้มไหลซึมออกมา มือบางยกมือขึ้นมาปาดทิ้งไปอย่างไม่ใยดี แค่กลิ่นแตะจมูกก็รู้แล้วว่าคงไม่ใช่น้ำลาย 


    อ่า. . .คงใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วสินะ


    “นี่ นารูโตะ”   เสียงทุ้มแหบเอ่ยแผ่วเบา แม้รู้ดีว่าเจ้าของชื่อคงไม่มีทางได้ยิน 



    “โลกที่ไม่มีฉันอยู่ สำหรับนายแล้ว. . .จะเป็นยังไงนะ”      



    ___________________________________________________________________________________


    สวัสดีตอนเที่ยงคืนค่าาาาา SherlockKun กลับมาแล้ว ! ><

    ก่อนอื่นไรท์ต้องขอโทษรีดเดอร์ทุกท่านที่ห่างหายไปนาน(มากกก) ขอโทษจากใจจริงสำหรับความไร้ความรับผิดชอบของไรท์ ฮืออออ TvT

    แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว และขอสัญญาว่าจะไม่หนีหายไปไหนอีก <3 

    ถึงจะนานหน่อย แต่จะมาอัพเรื่อยๆเเน่นอนค่ะ 


    เพราะงั้น มาดีกันเถอะนะคะ  <3  *blink blink* //ทำตาหวานเชื่อม 



    ปล. สำหรับตอนนี้เบาๆไปก่อนนะคะ ไม่ดึงดราม่ามากเพื่อจะปูทางไปสู่ไคลแมกซ์(อันนี้ตับแตกของจริง)  เนื้อเรื่องตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 40% เพราะงั้นหนทางสู่จุดจบยังอีกยาวไกลค่ะ มาม่านี่เหลืออีกหลายเเพ็คเลย555555 

    ปล2. สำนวนไรท์อาจจะแปลกไปจากเดิมนะคะ เพราะห่างหายจากการเขียนมานานพอสมควร แต่จะพยายามปรับไปเรื่อยๆค่ะ สู้ตาย ! ^^ // ปาดเหงื่อ

    ปล. สุดท้ายนี้ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ สามารถแจ้งคำผิด ติชม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ผ่าน comment ด้านล่างเลยยยย & อย่าลืมกดเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊าาา



    ด้วยรักและคิดถึง

    SherlockKun

     

     

     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×