คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ ๙ คำสัญญา
บทที่ ๙
คำสัญญา
__________________________
“อากาศดีเนอะว่ามั้ย”
ร่างสูงของโจนินหนุ่มแห่งโคโนฮะเอ่ยขึ้นพลางสูดเอาอากาศเข้าไปเต็มปอดขณะทั้งสามคนเดินตามหญิงสาวคนรับใช้ออกมาจากห้องรับรองแขก
หลังจากการประชุมอันน่าตึงเครียดได้สิ้นสุดลง และตอนนี้พวกเขาก็กำลังมุ่งตรงไปยังเรือนพักรับรองแขกหลังเล็ก สถานที่ซึ่งจะกลายเป็นบ้าน
(ชั่วคราว) หลังที่สอง ในฐานะ 'แขก' ของตระกูลโทสึกิ
"อืม ก็ดี"
ซาสึเกะตอบห้วนๆ นัยน์เนตรสีทึบกวาดมองไปรอบๆ ทางเดินปูด้วยหินอ่อนทอดตัวยาวตัดผ่านสวนซากุระสีเขียวสดที่เริ่มผลิดอกสีชมพูอ่อนบ้างประปราย เป็นสัญญาว่าฤดูใบไม่ผลิกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
“นี่ ซาสึเกะ”
"อะไร"
"นายว่าพวกเราจะกลับไปทันดูซากุระบานที่โคโนะฮะรึเปล่า"
นารูโตะถาม เพราะมัวแต่ชื่นชมความงดงามของต้นซากุระ สองหนุ่มจึงเป็นฝ่ายรั้งท้าย ในขณะที่หญิงสาวคนเดียวในทีมนั้นเดินลิ่วๆอยู่ข้างหน้าพลางพูดคุยกับกลุ่มสาวรับใช้ โดยไม่สนใจคนข้างหลังแม้แต่น้อย
“ไม่รู้สิ คงทันมั้ง”
'ฮานามิจะเริ่มในสามอาทิตย์ข้างหน้า ถ้าภารกิจไม่ยืดเยื้อจนเกินไป ยังไงก็ทันแน่นอน' ซาสึเกะคิด
มีเวลาเหลือเฟือ...
ร่างสูงจ้องมองคนตัวเล็กนิ่ง
ก่อนดวงตาคมจะทอดมองไปยังซากุระดอกน้อยอีกครั้ง พลางรำพึงออกมาเบาๆแต่ก็เพียงพอให้อีกฝ่ายได้ยิน
“ครั้งสุดท้ายที่ได้ดูซากุระกับนาย...ผ่านมากี่ปีแล้วนะ”
คำถามจากร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทองสว่างทำให้ดวงหน้ามนหันไปมองคนถามที่จู่ๆก็หยุดเดินกะทันหัน
นัยน์เนตรสีฟ้าครามจ้องมองดอกซากุระแน่วนิ่ง ราวกับความทรงจำเมื่อครั้งเป็นเกะนินได้หวนย้อนคืนผ่านกลีบดอกไม้งามทว่าแสนบอบบางเหล่านั้น
...ความทรงจำที่แสนคิดถึง
“นายยังจำได้อยู่รึเปล่า ซาสึเกะ” นัยน์เนตรสีครามหันกลับมาสบกับเนตรสีรัตติกาลที่มองมาอยู่ก่อนแล้วอย่างคาดหวังในคำตอบ ร่างเล็กเงยหน้าขึ้น ทอดมองต้นซากุระนิ่งราวกับจะรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ
'ซาสึเกะ~ เดินรอฉันด้วยสิ !'
'น่ารำคาญ'
'ดูนั่นสิซาสึเกะคุง ! ต้นซากุระต้นนั้นยังว่างอยู่ ไปนั่งกันเถอะ !'
'ซากุระจังนี่ล่ะก็ ฉันว่าไปกินราเมงก่อนดีกว่า หิวแล้วอ๊ะ~'
'ไม่ ! นายหิวก็ไปคนเดียวสิยะ ฉันจะอยู่กับซาสึเกะคุง แบร่~'
'ง่าาา TAT ใจร้ายยย งั้นฉันพาซาสึเกะไปก็ได้ ซาสึเกะ มากับฉันเร็ววว'
'ไม่มีทางย่ะ !'
'ก็จะไปอ๊ะ !'
'ม่ายยยยยยยยยยย'
'น่ารำคาญ...ทั้งคู่เลย - -'
“เรื่องแบบนั้น...” ดูดอกซากุระกับนารูโตะ...
“ใครจะไปจำได้กัน”
“อ่า นั่นสินะ ฮะฮะ" นารูโตะเอามือเกาหัว พลางหัวเราะเจื่อนๆ
“...”
“นายจำไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอก” ซาสึเกะไม่ค่อยจำเรื่องเล็กๆน้อย ไร้สาระ...ข้อนี้เขารู้ดี
แต่พอได้ฟังตรงๆแล้ว ก็อดน้อยใจไม่ได้เหมือนกัน
เขากลับรู้สึกว่า เบื้องหลังท่าทางเป๋อๆนั้น...กลับซ่อนความผิดหวังเอาไว้มากมายนัก
เขาสัมผัสมันได้ชัดเจน
"มีแค่ฉันสินะ ที่จำได้" ปลายเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด จนคนฟังรู้สึกใจหาย มือบางกำเข้าหากันแน่น เขารู้สึกผิดเหลือเกิน
“นารูโตะ...”
“เฮ้อ เอาเถอะ!” ร่างสูงโพล่งขึ้นมาเสียงดัง
“ยังไงก็ตาม ปีนี้ฉันจะต้องลากนายไปดูด้วยให้ได้เลย
เตรียมตัวไว้ให้ดีล่ะ!” ร่างสูงว่า น้ำเสียงดีขึ้นกว่าเมื่อสักครู่
สองมือใหญ่เท้าเอวอย่างมุ่งมั่นพลางหันมาส่งยิ้มกว้างให้ร่างเล็ก รอยยิ้มที่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้ง
มันก็สดใส และเจิดจ้า อยู่เสมอ
“แน่นอนว่าห้ามปฏิเสธ...เด็ดขาด”
“...”
“ว่าไง…?”
“อือ...ก็เอาสิ” เสียงหวานห้าวเอ่ยตอบคำชวนกึ่งบังคับของหนุ่มผมทอง คิดในใจ
รู้อะไรมั้ย...ถึงนายไม่บังคับ ฉันก็ตั้งใจแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ เจ้าทึ่ม
“ถ้างั้น...” กำปั้นใหญ่ยื่นมาตรงหน้าดวงหน้าขาวมน
“สัญญาก่อนสิ”
“ฮะ...?”
ร่างเล็กเลิกคิ้วอย่างงงงวย
“สัญญา...ว่าจะไปดูดอกซากุระด้วยกัน”
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ย ดวงเนตรสีน้ำทะเลมองมาอย่างเป็นประกาย
ด้วยคาดหวังคำตอบรับจากเจ้าของร่างเล็ก
“อืม...ฉันสัญญา” ซาสึเกะเอ่ยตอบ ยื่นมือบางออกไปชนกับมือหนากร้านอย่างแผ่วเบา
เป็นการให้คำมั่น
“จะไปดูดอกซากุระด้วยกัน...กับนาย”
ราวกับน้อมรับเป็นสักขีพยานแห่งคำมั่นสัญญาของทั้งสองคน...ซากุระกลีบน้อยพากันสั่นพ้อง ปลิวไสวตามแรงลมที่จู่ๆก็พัดผ่านมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ก่อนกลีบไม้งามจะร่อนตัวลงสู่พื้นธรณีในที่สุด...
“ดี...สัญญาแล้วนะ
อย่าลืมคำพูดนั้นของนายซะล่ะ”
“ไม่มีทาง”
ชมซากุระ...‘ครั้งสุดท้าย’กับนาย
ก็ถือว่าไม่เลวนัก...
“นารูโตะคุง~ซาสึเกะคุง~ รีบเดินเร็วเข้าจ้ะ
เดี๋ยวหลงทางน๊าาา~!”
เสียงตะโกนเรียกจากไกลๆทำให้สองหนุ่มจำต้องคลายมืออกจากกัน คงเพราะพวกเขามัวแต่ยืดยาด ทำให้ตามหลังหล่อนอยู่ไกลโข
จะว่าไปแล้วสวนนี้ก็กว้างจริงๆนั่นแหละ แถมทางเดินก็ซอกแซกอย่างกะเขาวงกต
กลางค่ำกลางคืนเดินไม่ระวังมีหวังหลงทางอย่างไม่ต้องสงสัย คนรวยเขาชอบเดินเล่นลับสมองกันรึยังไงนะ
“โอ้~จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
โจนินหนุ่มตะโกนตอบกลับเสียงดัง
ก่อนจะหันมาเอ่ยกับร่างเล็กอย่างติดตลก
“ไปกันเถอะ
ให้ผู้หญิงรอมันไม่ดีนะ ฮ่าๆๆ”
“...อืม”
เสียงหวานขานตอบ
ก่อนจะออกเดินไปพร้อมกัน
ตึก...ตึก...
เสียงฝีเท้าหลายคู่เดินบนไม้พื้นไม้ขัดเงาดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งเรือนไม้หลังงาม
ตอนนี้พวกเขาก้าวเข้ามาอยู่ในเรือนพักรับรองแขกที่ตั้งแยกออกมาจากตัวปราสาทเยื้องมาทางทิศตะวันตก
ดูๆไปก็เหมือนบ้านพักธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป ทว่าการตกแต่งภายในที่ดูหรูหรา
ตามฝาผนังประดับด้วยภาพเขียนล้ำค่า แจกันใบใหญ่ทำจากทองคำขาวที่วางตั้งบนโต๊ะรับแขกที่เพิ่งผ่านมาเมื่อกี๊
แชนเดอเลียอันเขื่องที่แขวนห้อยบนเพดานสะท้อนแสงจากหลอดไฟซึ่งติดอยู่บนนั้นเปล่งประกายระยิยระยับ
นั่นแหละที่ทำให้มันดูแตกต่าง ช่างเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมจากสองฟากฝั่ง ตะวันออก
และ ตะวันตก อย่างแท้จริง
“ขอต้อนรับสู่เรือนพัก
ห้องของพวกท่านอยู่ชั้นสองเจ้าค่ะ” สาวรับใช้หยุดฝีเท้า
ก่อนหันมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะยื่นของบางสิ่งให้แขกทั้งสาม
“นี่กุญแจค่ะ
หากต้องการสิ่งใดเรียกพวกข้าได้ทุกเมื่อนะเจ้าคะ” ซาสึเกะรับกุญแจมาไว้
ก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
“ขอบใจ”
โจนินหนุ่มเหลือบมองของในมือเรียวขาว
ก่อนจะขมวดคิ้วฉับแล้วเอ่ยถามอย่างข้องใจ
“เอ๋...ทำไมถึงให้มาตั้งสองห้องอ่ะ
นอนแค่ห้องเดียวก็พอแล้วมั้ง” คำถามนั้นทำให้เหล่าสาวรับใช้มีท่าทางอึกอักราวกับลำบากใจที่จะตอบ
จนคนตัวเล็กที่ยืนข้างๆและเข้าใจหมายความนั้นดีจึงเป็นฝ่ายตอบแทน
“ก็แล้วนายอยากนอนร่วมห้องกับผู้หญิงรึไงเล่า
เจ้าทึ่ม!” เสียงหวานห้าวแหวใส่อย่างละเหี่ยใจ
หมอนี่ไม่เคยคิดก่อนพูดเลยรึไง ให้ตายเหอะ!
“อย่าลืมสิว่าฮินาตะก็มากับเราด้วย”
สิ้นเสียงบ่น ร่างสูงทำหน้าเหมือนบรรลุ เรียวหน้าคมหันไปมองหญิงสาวที่ซาสึเกะพูดถึง
คนถูกกล่าวถึงสะดุ้งก่อนจะก้มหน้างุด
แก้มเนียนแดงก่ำอย่างเขินอายเมื่อรู้สึกตัวว่าสายตาของนารูโตะกำลังมองมาที่ตน
“จริงด้วย...ลืมเรื่องนั้นไปซะสนิทเลย ฮะๆโทษทีๆ” มือหนาลูบท้ายทอยป้อยๆพลางหัวเราะแหะๆ
“นายนี่มัน...” จริงๆเลย ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่ามันแล้ว
“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“อืม ไปเถอะ” ซาสึเกะกล่าว ก่อนที่พวกเธอจะโค้งตัวคำนับ แล้วหมุนตัวเดินกลับไป
เหลือเพียงสามหน่อนินจาที่ดูเหมือนจะยังเคลียร์กันไม่เสร็จ
“นี่กุญแจห้องเธอ รับไปสิ”
ซาสึเกะยื่นกุญแจห้องให้ฮินาตะ ก่อนที่เธอจะรับไปแล้วกล่าวขอบคุณ
“ขอบใจจ้ะ ซาสึเกะคุง”
“ฮินาตะนอนคนเดียวจะไม่เป็นไรแน่เหรอ” นารูโตะเอ่ยถามหญิงสาว
เขาว่าของโบราณๆมักจะมาคู่กับความน่ากลัว และปราสาทเก่าคร่ำครึหลังนี้คงหนีไม่พ้น...
ขนาดเขาแค่คิดว่าผีจะโผล่ออกมาก็แทบล้มทั้งยืนแล้วอ่ะ
=_=
“ฉันไม่เป็นไรหรอกจ้ะ”
ไอ้กลัวผีน่ะก็กลัวอยู่หรอก
แต่ถ้าจะให้นอนห้องเดียวกับนารูโตะคุงเนี่ย ขอบายอ่ะจ้ะ
เธอยังอยากจะมีชีวิตอยู่ให้ถึงพรุ่งนี้โดยที่หัวใจไม่วายตายไปซะก่อนน่ะนะ
แงงงง ( T____T )
"เธอไม่กลัวผีเหรอ"
“ใครจะไปเหมือนนายกัน อย่าเอานิสัยของตัวเองมาพูดสิ” คนตัวเล็กอดไม่ไหวแซะเข้าให้หนึ่งดอกอย่างหมั่นไส้
“โตเป็นควายแล้วยังจะกลัวผีอีก ใช้ไม่ได้จริงๆ"
“ชิส์! ช่างชั้นเถอะน่า!” ร่างสูงจิ๊ปากแล้วทำหน้ายู่
พลางคิดในใจ
‘ใช่สิ๊~ ใครจะไปอึดได้ทุกสถานการณ์แบบนายกันเล่า -3-’
ทำได้เพียงคิด แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป
เขายังรักตัวกลัวตายอยู่นะ
“หึ”
แต่เอ...รู้สึกเหมือนลืมอะไรไปบางอย่างแฮะ
อืม...อะไรกันหว่า
“งั้นก็แปลว่าฉันต้องนอนห้องเดียวกับนายน่ะสิ...”
นั่นแหละ ใช่เลย...
“...”
“อา...รู้สึกดีที่ไม่ต้องนอนคนเดียวชะมัด”
...รู้สึกดีกะผีแกสิ!!!
โอ้ว
ให้ตายสิโทบิ...นี่มันแย่สุดๆไปเลย...แบบนี้ไม่ดีแน่...'
“งั้นก็ไปกันเถอะ ฉันง่วงจะแย่แล้วเนี่ยย ฮ้าววว~”
ว่าไม่พอ หาวไปหนึ่งฟอดใหญ่
ก่อนร่างสูงจะเป็นฝ่ายเดินนำพรรคพวกขึ้นไปยังชั้นสองที่กำลังจะกลายเป็นห้องนอนห้องที่สองของพวกเขา...อย่างไม่มีกำหนด
จากการเดินทางอันแสนยาวไกลและยาวนาน ได้สูบพลังของเหล่านินจาโคโนฮะไปมากโข
ตอนนี้อย่างเดียวที่ทุกคนตั้งปณิธานไว้ในใจเมื่อมุดหัวเข้าห้องได้ก็คือ...หลับ
ยกเว้นก็แต่คนหนึ่งที่ดูจะน่าเป็นห่วงกว่าใครเพื่อน....
นอนร่วมห้องกับนารูโตะ...
แล้วคืนนี้ฉันจะได้นอนมั้ย...?
ตอบ!!!
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากส่งแขกที่เรือนรับรองแล้ว
สองสาวใช้แห่งตระกูลโทสึกิจึงพากันเดินออกมาพร้อมกับพูดคุยถึงแขกใหม่อย่างออกรส
“หน้าตาดีกันทั้งนั้นเลยนะ
เธอคิดเหมือนชั้นมั้ย” สาวใช้คนแรกเอ่ยถามสาวใช้อีกคน
“ใช่ๆ ฉันคิดว่ามีแค่ท่านยูกิฮิโระซะอีกนะที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรน่ะ
เห็นทีคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้วล่ะมั้ง คิกๆ” ว่าพลางหัวร่อต่ะกระซิก
ก่อนที่อีกคนจะพูดเสริมอย่างเมามัน
“นั่นสิๆ โดยเฉพาะท่านนารูโตะ
ชั้นว่าเค้าดูเท่ห์มากเลยล่ะ คนอะไรจะสง่างามได้เพียงนั้นกัน อ๊ายย”
“นั่นสิ ฉันว่า...”
ตึก...ตึก...
“แหมๆ...นินทาแขกเหรื่อมันไม่ดีนะจ๊ะ
สาวๆ”
“…!!!”
“!!!...”
เสียงหวานเล็กแหลมดังขึ้นตรงประตูทางเข้า
เรียกให้สองสาวหันไปมอง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ร่างบางเข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้น
ร้อนถึงเพื่อนนางต้องช่วยพยุงทั้งที่ก็ตัวสั่นพลั่กๆไม่ต่างกัน
“หากใครเขามาได้ยินเข้า...ประเดี๋ยวจะหาว่าตระกูลนี้สอนสาวใช้ไม่ดี....ถึงได้ทำตัวต่ำชั้น
ไร้มารยาท เช่นนี้”
“อ่ะ...ขออภัยค่ะ!!”
“อ้อ แล้วก็...เจ้า...” นิ้วมือเรียวขาว ชี้ไปที่สาวใช้คนแรก
“ค...คะ!” สาวเจ้าสะดุ้ง
ขานตอบเสียงตะกุกตะกัก
“จงถอนคำพูดเจ้าซะ...”
“...เจ้าคะ?”
“เคยบอกไปแล้วมิใช่หรือ? อย่าได้เอ่ยถึงนารูโตะคุงเช่นนั้นอีก...จำใส่กะลาหัวกันบ้างรึไม่!”
เฮือก!!!
“ข ข้าผิดไปแล้ว...อ
อภัยให้ข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”
หญิงสาวอ้อนวอน ตัวสั่นระริกอย่างหวาดกลัวคนตรงหน้า
ใจก็นึกโทษปากตัวเองที่พูดอันใดมิดูตาม้าตาเรือซะได้ ปลาหมอตายเพราะปากแท้ๆเชียว
“เอาเถอะ...ข้าจะไม่ถือโทษเจ้า”
เสียงเล็กแหลมเอ่ย
“แต่จงจำใส่หัวสมองโง่ๆของเจ้าไว้ให้ดีว่า...”
“...”
เสียงหวานเย็นเยียบเอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังต่างสะท้านด้วยความหวาดกลัวในน้ำเสียงนั้น
“เพราะนารูโตะคุงน่ะ...เป็น ‘ของๆข้า’คนเดียว...เท่านั้น”
“เข้าใจไหม!!!!!”
“ขะ เข้าใจแล้วค่ะ!...ท่านซากุระโกะ!”
_______________________________________________________________________________________________
ความคิดเห็น