love placed - love placed นิยาย love placed : Dek-D.com - Writer

    love placed

    เมื่อหนึ่งคนเลือกจะหนีไปที่ๆไกลแสนไกล และหนึ่งคนเลือกจะตามหาโดยไร้จุดหมาย

    ผู้เข้าชมรวม

    54

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    54

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ม.ค. 67 / 15:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    Love placed (รักที่วางไว้)

    written by :So_sora

     

    ปี 2020

    Washington, D.C    วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา        

     

     

    การที่เรายังคงวนเวียนกับเรื่องเดิมๆ ยังคงตอกย้ำตัวเองให้ทนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ไม่อาจทำให้ความรักที่เชื่อมาตลอดว่าดีมันมั่นคง การเลือกเดินเพียงคนเดียวยังรู้สึกว่า มันคงดีกว่าการที่เรายังอยู่ด้วยกัน

     

     

    ริมทางเท้าที่มีผู้คนประปราย ฝานซิงยังคงใช้ชีวิตเพียงตามลำพังนับตั้งแต่วันที่หนีออกมา

     

     

    ‘เมืองไทย’ บ้านเกิดที่ไม่เคยได้กลับไปอีกเลย 3 ปีที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ที่ที่ไม่มีคนคอยทำร้ายจิตใจเขา

     

     

    ฝานซิงเดินไปตลอดทางอย่างเรื่อยเปื่อยก่อนจะหยุดที่หน้าร้านกาแฟที่เขาต้องมาทำงานทุกวัน มือข้างหนึ่งผลักประตูเข้ามาก่อนจะกล่าวทักทายกับเพื่อนร่วมงานของเขา

     

     

    “มอนิ่ง เผยซิน” 

     

     

    “มอนิ่งฝานซิง” เรียกได้ว่าโชคดีมากๆ ที่เจอเพื่อนที่เป็นคนไทยเหมือนกัน ก็ดีที่ไม่ค่อยเหงา

     

     

    ทักทายกันจบฝานซิงก็เดินไปเก็บสัมภาระด้านหลังร้าน ก่อนจะใส่ผ้ากันเปื้อนเดินมาจัดของเพื่อรอเวลาเปิดร้าน

     

     

    เจ้าของร้านกาแฟนี้ก็คือป๋อเหวิน เพื่อนของเซียวจ้าน เซียวจ้านเป็นลูกพี่ลูกน้องของฝานซิง หลังจากที่ฝานซิงประสบปัญหากับความรักที่หนักหน่วงเกินกว่าจะรับไหว จึงหนีมาโดนที่ไม่บอกใคร แต่เซียวจ้านก็ตามหาจนเจอ และสัญญาว่าจะไม่บอกให้ใครรู้ โดยเฉพาะคนคนนั้น

     

     

    ไม่มีทางที่จะทำใจยอมรับได้เลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ฝานซิงก็ไม่มีทางลืม ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขามันจะเป็นฝีมือของคนที่เขารัก

     

     

    ‘อวี๋ปิน’ ชื่อนี้ผุดขึ้นมาในหัวของฝานซิง คนที่เขาทั้งรักและเกลียด แต่จะทำใจเกลียดได้ไหม ฝานซิงเองไม่มีทางรู้ได้เลย เรื่องที่ทำให้ฝานซิงได้รู้ว่า เขาไม่ควรรักคนอย่างอวี๋ปินเลย การนอกใจไม่มีใครอยากเผชิญกับเรื่องนี้ แต่สำหรับฝานซิงในตอนนี้ ในเมื่อมันผ่านมาแล้ว ก็ปล่อยมันไปเถอะ

     

     

    สมองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนถึงเวลาเปิดร้าน ฝานซิงควรเลิกนึกถึงเรื่องอื่น แล้วตั้งใจทำงาน วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฝานซิงและเผยซินต้องนั่งว่าง ลูกค้ายังคงเข้ามาตลอดเวลา

     

     

    “I'd like a glass of latte.” (ผมต้องการลาเต้สักแก้ว) เสียงชายหนุ่มสั่งกาแฟกับบาริสต้าตัวเล็กที่กำลังก้มหน้าชงกาแฟอยู่ที่เคาน์เตอร์

     

     

    “Ok wait” (ได้ครับ รอสักครู่) ฝานซิงกล่าวกับลูกค้าก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับลูกค้าคนนั้น แต่ฝานซิงต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อต้องพบกับคนที่เขา ไม่คิดอยากจะเจอ

     

    “พี่ปิน” ภายใต้คำสั้นๆ ที่ฝานซิงหลุดปากพูดออกมา น้ำตากลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ ก่อนจะรีบหันหลังเดินเข้าไปหลังร้าน

     

     

    “ฝานซิงฟังพี่ก่อน” เสียงอีกคนรีบเรียกคนตัวเล็กที่เดินหนีเขาไป ก่อนที่จะมีชายหนุ่มอีกคน ที่น่าจะอายุพอๆ กับฝานซิง เดินออกมาคุยกับเขา

     

     

    “ผมว่าพี่ไปนั่งรอที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวผมทำกาแฟไปให้” เผยซินบอกกับอวี๋ปินอย่างใจเย็น ถึงแม้จะรู้เรื่องราวของทั้งสองคนทั้งหมด เผยซินควรโกรธคนตรงหน้าเขา ที่กล้าทำให้คนที่เขารักเสียใจ

     

    “ผมว่าพี่กลับไปเถอะ ยังไงซิงก็ไม่ยอมคุยกับพี่หรอก” หลังจากเผยซินเดินมาเสิร์ฟกาแฟให้กับเขา ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ

     

    “แต่ซิงยังเข้าใจพี่ผิดอยู่นะ เข้าใจผิดมาตลอด” อวี๋ปินยังยืนยันที่จะพบฝานซิงให้ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเกลียดเขาไปแล้วก็ตาม ขอเพียงแค่ได้อธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้น

     

    “เท่าที่ผมฟังซิงเล่า มันไม่น่ามีอะไรที่เข้าใจผิดหรอกครับ” เผยซินตอบกลับเสียงเรียบแต่สายตายังคงจดจ้องไปที่ใบหน้าของอวี๋ปินอย่างไม่กระพริบตา

     

    “พี่กลับไปเถอะครับ ซิงเริ่มต้นใหม่ไปแล้ว” เผยซินพูดก่อนจะลุกไปหลังร้าน ปล่อยให้อวี๋ปิน นั่งคิดทบทวนคำพูดของเผยซินที่บอกกับเขา

     

    มันคงเป็นเรื่องบังเอิญ ที่ไม่ว่าจะไปถามใครว่าฝานซิงอยู่ที่ไหน ต่างก็ไม่เคยได้คำตอบ แต่วันนี้ที่เขามาพักผ่อนที่นี่ เผื่อว่า จะช่วยให้ลืมความเจ็บและความรู้สึกผิดที่ต้องทำให้อีกคนเสียใจ กลับกลายเป็นว่าได้พบกับคนที่ต้องการเจอมาตลอด

     

     

    ‘ถ้าทนไม่ได้ ก็เลิกกันไปเลยซิง’ 

     

     

     

    ‘มึงยังกล้ามาถามหาน้องกูกับกูอีกหรอปิน รู้ไว้ด้วยนะ มันหนีไปก็เพราะมึง’ 

     

     

     

    ‘กูเคยเตือนมึงแล้วนะ’ 

     

     

     

    ‘ซิงก็เป็นคนนะพี่ มีความรู้สึกเหมือนกัน!!’ 

     

     

    ‘ขอโทษนะปิน พ่อกับแม่บอกปินไม่ได้จริงๆ ปินให้เวลาน้องหน่อยนะ ส่วนปินเอง ก็กลับไปทบทวนตัวเองนะ’ 

     

     

     

    คำพูดของทุกคนผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ดังขึ้นมาตอกย้ำเขาทุกครั้ง ยิ่งย้ำว่าเขาเอง ที่ทำให้ฝานซิงเสียใจ

     

     

    อวี๋ปินใช้เวลาสักพัก ก่อนจะลุกขึ้น หยิบเงินตั้งไว้บนโต๊ะ และเดินออกจากร้านกาแฟไป คนที่แอบอยู่หลังร้านเกือบครึ่งชั่วโมง ยังคงนั่งอยู่ในมุมเงียบๆ ใช้ความคิดทุกๆ อย่าง ว่าจริงๆ แล้วนั้น การปล่อยให้มันเป็นแบบนี้มันดีแล้วจริงๆ หรอ

     

     

    “พี่เขากลับไปแล้วหรอ” น้ำเสียงสะอื้นของฝานซิงถามเผยซินที่เดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา พร้อมกับกุมมือฝานซิงไว้

     

     

    “อืม เขาก็ยืนยันจะคุยกับซิงนะ แต่เรารู้ ซิงยังไม่พร้อมเจอเขา” เผยซินลูบหลังมือของฝานซิงไปมา ฝานซิงเอง ยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนจะลุกออกไปหน้าร้าน

     

     

    “ช่างเถอะ ไปทำงานกัน” 

     

     

     

     

     

    9.30 p.m. (21.30 น. เวลาไทย) 

     

     

    ฝานซิงก้มมองนาฬิกาข้อมือ บอกถึงเวลากลับบ้านของฝานซิงสักที ทั้งเหนื่อยทั้งล้ามาตลอดทั้งวัน ทั้งเรื่องที่เขาคิดไม่ตกอยู่ตลอด คนที่เขาพบวันนี้ สมองเขาวันนี้รู้สึกว่าทำงานหนักเกินไปแล้ว

     

     

    ฝานซิงเดินเตร็ดแตร่มาจนถึง จอร์จทาวน์ แอนด์ เดอะ วอเตอร์ ฟร้อนท์ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นที่ที่ฝานซิงชอบมา เพราะแถวนี้มีกิจกรรมให้ทำมากมาย การได้นั่งดูคนแถวนั้นพายเรือแคนนู ก็ดูผ่อนคลายได้มากๆ แต่มาเวลาแบบนี้ ผู้คนผ่านไปมาบางตา ที่นี่เลยดูเงียบสงบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง

     

     

    ฝานซิงนั่งลงตรงสะพานข้ามแม่น้ำโปโตแมค ก่อนจะยกกระป๋องเบียร์ที่ถือติดมาตอนไหนก็ไม่รู้กระดกไปหลายอึก หลายต่อหลายครั้ง จนฝานซิงเอง ไม่ได้สังเกตว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมองเขาอยู่

     

     

    เมื่อรู้ตัวว่าตกเป็นเป้า ฝานซิงเองจึงรีบลุกก่อนจะก้มหน้าเดินผ่านคนพวกนั้นไป ริมทางเท้าที่มีแสงไฟสีส้มส่องตามทางเป็นระยะ ฝีเท้าเริ่มก้าวเร็วขึ้น มือทั้งสองข้างที่กอดกระเป๋าสะพายแน่น อยู่ๆ แขนเรียวเล็กของฝานซิงก็ถูกกระชากจากชายฝรั่งวัยรุ่นที่สูงกว่าตนไม่มาก ร่างกายผอมแต่ก็ดูจะแรงเยอะกว่าฝานซิงอย่างมาก

     

     

    “Let me go! Crazy guys” (ปล่อยฉัน ไอ้พวกบ้า!!) ฝานซิงพูดออกไปก่อนจะมีฝ่ามือตบเข้ามาที่ใบหน้าของฝานซิงอย่างเต็มแรงจนฝานซิงล้มลง

     

     

    “This is interesting.” (น่าสนใจดีนี่) คนที่ตบฝานซิงพูดขึ้นพร้อมกับหันไปหัวเราะกับเพื่อนของเขาอย่างสนุกสนาน ก่อนจะดึงตัวฝานซิงขึ้นให้ประชิดตัวเขา ก่อนจะตบเข้าที่หน้าอีกครั้ง จนฝานซิงล้มลง ภาพที่เห็นเริ่มเลือนลางแต่ยังคงมีสติอยู่

     

     

    “Hurt the weak. Not a man at all” (ทำร้ายคนอ่อนแอ ไม่เป็นผู้ชายเอาเสียเลย) เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังข้างกลุ่มอันตพาล ก่อนจะเกิดการตะลุมบอนกันเกิดขึ้น ชายอีกคนที่พึ่งมาใหม่ กลับล้มพวกอันตพาลจนต้องหนีกระเจิงไปคนละทาง

     

     

    “ฝานซิง ได้ยินพี่มั้ย” เสียงนั้นดังขึ้นชัดมาก แต่ฝานซิงไม่สามารถตอบกลับได้ ภาพที่ฝานซิงเห็น ยังคงเป็นคนที่เขายังคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ก่อนภาพทั้งหมดจะดับลง

     

     

     

    “พี่ปิน” 

     

     

     

    “พี่ปิน” คนตัวเล็กเรียกชายอีกคนที่กำลังแบกเขาไว้บนหลัง

     

    “ซิงเป็นยังไงบ้าง เจ็บมั้ย” อวี๋ปินยังคงเป็นห่วงคนตัวเล็ก ทั้งที่เขาเองก็มีบาดแผลบนใบหน้าเหมือนกัน

     

    “นิดหน่อยครับ ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยผม” 

    ถึงฝานซิงยังคงเคืองใจกับคนที่แบกเขาอยู่ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนทำร้ายหนักกว่านี้

     

    “ซิง กลับบ้านเราเถอะนะ” อวี๋ปินบอกกับอีกคน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่ปี อวี๋ปินไม่เคยหมดรักในตัวฝานซิงเลย เขาเป็นเพียงแค่คนโง่คนนึง ที่มองข้ามความสำคัญของคนตัวเล็กไป จนความอดทนของฝานซิงมันหมดลง กำแพงความไว้ใจพังทลายลงมา ยากเกินกว่าจะต่อขึ้นใหม่

     

    “พี่กลับไปเถอะ ซิงจะอยู่ที่นี่แหละ” ฝานซิงได้แต่กลั้นน้ำตาไว้ อวี๋ปินที่ได้ยินกลับหยุดฝีเท้าลงก่อนจะปล่อยฝานซิงให้ยืน

     

    “พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง มันพังเพราะพี่เอง ให้อภัยพี่นะ” พูดจบ อวี๋ปินทิ้งตัวคุกเข่าต่อหน้าฝานซิง อวี๋ปินก้มหน้าสะอื้น เขารู้ตัวแล้วว่า การไม่มีฝานซิงอยู่ในชีวิต ก็ไม่ต่างจากตาย

     

    ตลอด 3 ปี เขาได้รับบทเรียนอย่างสาสมแล้ว ไม่ว่าจะมาจากเซียวจ้าน เหล่าเพื่อนๆ ของเขา หรือแม้แต่ตอนนี้ ที่ได้รับบทเรียนจากฝานซิง

     

    ฝานซิงคุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะสวมกอดอวี๋ปิน ฝานซิงเป็นชอบกอด เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ไม่ได้ ฝานซิงเองก็ไม่อยากให้อวี๋ปินต้องมาเป็นแบบนี้

     

    “พี่ไปพักที่บ้านซิงมั้ย อีก 3 บล็อค ก็ถึงบ้านซิงแล้ว เราไปคุยกันที่บ้านเถอะนะ ซิงจะได้ทำแผลให้พี่ด้วย” 

     

     

     

    ภายในห้องพักเล็กๆ ของฝานซิง มีเฟอร์นิเจอร์ถูกจัดวางเล็กน้อย ประตูห้องค่อยๆ เปิดออกเมื่อเจ้าของห้องเปิดเข้ามา แสงสว่างสาดทอไปถึงภายในห้อง

     

    “ซิงอยู่ที่นี่คนเดียวหรอ” อวี๋ปินมองไปรอบๆ ห้อง ถึงห้องจะเล็กแต่ก็เหมาะกับคนตัวเล็กอย่างฝานซิง

     

    “อื้ม” ฝานซิงตอบพลางเดินมานั่งลงที่โซฟาสีฟ้าอ่อนที่อยู่กลางห้อง ที่ฝานซิงใช้สำหรับนั่งเล่น และทานข้าวในที่เดียวกัน อวี๋ปินเดินลงมานั่งลงที่โซฟาข้างๆ คนตัวเล็ก

     

    “ซิงลืมไปเลยว่าต้องทำแผลให้พี่ แป๊บนึงนะ ไปเอากล่องยาก่อน” ฝานซิงเอ่ยขึ้นเมื่อหันไปเห็นรอยช้ำบนหน้าอีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันที่จะยืนเต็มความสูง ก็ถูกอีกคนดึงให้นั่งลง สายตาที่ไม่เข้าใจของฝานซิงจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา

     

    “พี่ยังอยากให้เรากลับไปเมืองไทยด้วยกันนะซิง” อวี๋ปินเอ่ยกับอีกคน ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ มือหนาสองข้างพลางลูบบนหลังมืออีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

     

    “ซิงบอกพี่แล้ว แล้วซิงก็ยืนยันคำเดิ-” กว่าจะรู้ตัวริมฝีปากอวี๋ปินก็ครอบคลุมริมฝีปากบางได้อย่างไม่ยาก ทั้งยังทิ้งน้ำหนักทั้งตัวมาทางคนตัวเล็ก จนตอนนี้ทั้งคู่แนบชิดติดกันจนไม่มีช่องว่างให้แก่กันละกันอีกต่อไป

     

     

    สมองบอกให้ปฏิเสธ แต่หัวใจกลับตอบสนอง

     

     

     

    คนขี้โกง

     

     

     

     

     

    แขนเสื้อคนตัวโตยับย่น เพราะคนตัวเล็กทั้งดึง ทั้งกำมันไว้แน่น ยิ่งฝานซิงเริ่มหายใจติดขัด ก็ยิ่งดึงมันแรงขึ้น

     

     

     

    ‘หน้าอายที่สุดเลยฝานซิง ทำไมเป็นคนแบบนี้กันนะ’ 

     

     

     ‘ใจง่ายเกินไปแล้ว’

     

     

    END

     

    เพื่อนๆ คิดว่าฝานซิงกลับไปกับพี่ปินมั้ยคะ

    ขอบคุณเพื่อนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ คอมเมนท์คุยกันได้

    @So_sora

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×