คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ดั่งปิยปาณ : ฟา
ดั่งปิยปาณ
(ฟา)
ราฟาเอล เป็นชื่อจริงของผม
ส่วนชื่อเล่นหลายคนก็คงเดากันออก และใช่ครับ ฟาคือชื่อเล่นของผม
ไม่ใช่ไอ้หนวดหร็อมหร็อมเหมือนอย่างที่ไอ้เด็กมีแก้มกลมๆ มันว่าให้
ชื่อฟาของผมนั้นก็กร่อนมาจากชื่อจริงนั่นแหละครับ
ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร เสี่ยหรือก็คือพ่อที่เป็นคนตั้งให้ แกว่ามางี้นะ
ส่วนนามสกุลนั้นก็ไม่ต้องรู้หรอกครับเพราะผมคิดว่ามันไม่ได้สำหลักสำคัญอะไรขนาดนั้นน่ะนะ
หรือไม่ถ้ายังอยากรู้ก็อยู่อ่านตอนต่อๆ ไปด้วยกันก็น่าจะได้รู้แน่นอน
ผ่านเรื่องชื่อก็มาว่ากันต่อด้วยเรื่องของรูปร่างหน้าตาของผมกันดีกว่า
เนื่องด้วยปู่ที่มีเชื้อเสี้ยวจากทางยุโรปแล้วส่งต่อให้เสี่ย
แล้วเสี่ยก็ดันยังส่งต่อมาให้ผมอีกรุ่น
บวกกับแม่ของผมเองที่เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษอีก
มันก็เลยส่งผลให้ผมมีหน้าตาออกจะติดฝรั่งไปนิด
ตัวก็โตไหล่ก็กว้างแขนขายาวเป็นยักษ์ ยิ่งช่วงนี้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง
สารรูปของผมมันเลยดูไม่ได้สุดๆ ไปเลยล่ะครับ
หนวดขึ้นเครางอก
เข้าคณะทีโดนพวกน้องๆ มันแซวว่าปล่อยเซอร์ตลอด
ทั้งที่ความจริงผมโคตรอยากจะบอกว่ากูไม่ได้ปล่อยเซอร์ คือกูไม่ได้นอน
ไม่มีวันจะได้เวลานอนเลยไอ้พวกเหี้ย
ทำความเข้าใจกันไว้ก่อนเลยนะครับว่าถ้าใครที่เรียนปีสุดท้าย ขอให้ปีก่อนๆ
มึงนอนชดเชยล่วงหน้ามาเลย
จากที่เกริ่นๆ
ไปก่อนหน้า มาเข้าเรื่องจริงๆ กันเถอะครับ
ผมคิดว่าทุกคนคงรู้จักผมกันมาพอสมควรแล้วนะ
และหลายคนคงรู้จักผมมากเลยทีเดียวเพราะเกือบครึ่งของบทสนทนาในแต่ละตอนก่อนๆ
หน้านั้น มักจะเป็นตัวผมไอ้ฟาคนนี้ที่ได้พูดออกมาเสียส่วนใหญ่
จะให้ทำไงได้ล่ะครับ
ก็ไอ้พระเอกของเรื่องมันเป็นมนุษย์จำพวกไม่ค่อยชอบพูด แต่ทว่าจากไอ้คนที่ไม่ชอบพูด พักหลังมานี้มันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ไอ้คมมันพูดมากขึ้น
ยอมเอ่ยปากบอกความคิดและความรู้สึกของมันให้คนอื่นรับรู้ได้มากขึ้น
พอเห็นแบบนี้แล้วผมก็ต้องขอบคุณไอ้กร่างแก้มกลมเป็นก้อนที่ทำให้เพื่อนรักที่ควบตำแหน่งลูกพี่ลูกน้องของผมคนนี้มันขยับปากพูดมากขึ้นกว่าเดิม
ถึงแม้ว่าจะพูดแต่เรื่องของไอ้แก้มกลมมันไม่หยุดก็ตามที
หากจะพูดถึงลูกพี่ลูกน้องของผมคนนี้
หรือก็คือไอ้หนวดผมยาวคนนี้นั้น ก็คงเริ่มที่ชื่อของมันเป็นอันดับแรก คมคือชื่อเล่นของมันใน
ณ เวลาปัจจุบัน ไอ้คมมันเป็นลูกพี่ลูกน้องกันกับผมครับ
พ่อมันเป็นน้องชายคนเดียวของพ่อผม
ไอ้คมกับผมเกิดในปีเดียวกัน
ผมต้นปีแต่คมมันเกือบสิ้นปี
จากแต่เดิมที่ย่านรินทร์ตั้งใจให้พี่ฟาเป็นพี่และน้องคมเป็นน้อง
แต่หลานก็อายุเท่ากันไงครับ เลี้ยงด้วยกันเล่นตบหัวโดดน้ำตกมาด้วยกันเราสองคนก็เลยเป็นทั้งพี่น้องและทั้งเพื่อน
อยู่ข้างนอกห่างจากย่านรินทร์ก็เรียกกูมึงทั่วไป
แต่ถ้ากลับบ้านรวมญาติเมื่อไหร่ ไอ้คมก็ต้องเรียกผมว่าพี่เต็มปากเต็มคำ
ซึ่งผมเองก็ไม่ต่างกัน เรียกมันว่าน้องเต็มปากเต็มคำเช่นกัน
ถ้าหากจะถามว่าตอนนี้ผมอยู่ไหน
ทำไมว่างมาพล่ามอะไรได้นานสองนาน ก็คืองี้ครับ วันนี้ผมอยู่ที่คอนโดตัวเอง
ถึงจะมีเรื่องต้องเข้าไปคุยกับอาจารย์ช่วงบ่ายซึ่งอีกสักหน่อยผมก็ต้องออกไปหอเพื่อนก่อน
ดังนั้นในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัดนั้น ผมก็เลยขอคิดเข้าข้างตัวเองว่าว่าง
ผมงีบไปนิดและตื่นขึ้นมาหาอะไรทำพักสมองไปพลางด้วยการดูเน็ตฟลิกซ์
ผมดูซีรีย์จบได้หนึ่งตอนครู่นึงแล้ว ก็เลยแงะตัวเองลุกจากโซฟาเบดหน้าทีวี
แล้วก็เดินเข้าไปห้องนอนของตัวผมเอง
เปิดประตูเข้าไปได้และสิ่งแรกที่ตาเห็นคือไอ้ก้อนผ้าห่มที่ได้ทำการยึดเตียงนอนในห้องของผมได้สองคืนแล้วครับ
“ป...” ถ้าถามว่าตอนนี้ไอ้คนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
มันพึมพำละเมออะไรของมันผมก็ต้องขอบอกไว้เลยนะครับว่า
เมื่อก่อนหน้านี้นับได้หลายเดือนแล้วล่ะมั้ง ที่ไอ้คมมันมีอาการแปลกๆ เวลานอนหลับ
อาการแปลกๆ ที่ว่าคือการที่มันชอบนอนละเมอ
ไม่ใช่ละเมอเดินไปทั่วแต่เป็นละเมอพูด
ละเมอเรียกชื่อใครสักคน ที่สำคัญมันเรียกชื่อของคนคนนี้ แค่คนเดียวซ้ำๆ
กันอยู่อย่างนั้น พักหลังมานี้เรียกว่าอาการหนักสุด
เพราะไอ้คมมันมักจะเรียกชื่อดังๆ
แล้วสะดุ้งตื่นมาหัวเสียในเวลาตอนใกล้รุ่งในทุกครั้งที่มันฝัน
เรื่องอาการที่มันเป็นอยู่พอผมซักไซ้ถาม
ไอ้คมมันก็ตอบแค่ว่าฝันเหมือนเดิมอีกแล้ว ฝันเห็นใครอีกคน
คนที่ทำให้คนจำพวกถนัดงานศิลป์แบบมันร่างรูปใบหน้านั้นออกมาไม่ได้
ผมเคยพยายามบอกให้ไอ้คมมันร่างภาพเสียหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล
ไอ้คมมันพยายามมากสุด
ก็ได้แค่เค้าโครงของใบหน้า พวกเครื่องหน้าหรือนอกเหนือจากนั้นมันก็ร่างต่อไปไม่ได้
ไอ้คนที่ใจเย็นเอามากๆ มักจะหัวเสียกับเรื่องนี้ตลอดถ้าผมเป็นคนเปิดประเด็น
“คม” ต้องเรียกชื่อมันครับเพราะที่มันนอนอยู่ดีๆ
หลังจากละเมอตัวมันมักจะกระตุกขึ้นตามมาเสียจนผมตกใจ
พอได้กระตุกครั้งนึงผมก็นึกว่าจะมีตามมาอีกครั้งเลยเตรียมจะปลุกมันขึ้นมาอย่างจริงจังแต่ทว่าทุกอย่างกลับนิ่งลงเสียอย่างนั้น
หรือถ้าจะมีอะไรขยับก็เห็นจะมีแต่ขาอีกข้างของมันที่ขยับออกมาจากผ้าห่ม
ใช่ว่ามีแค่ผมที่แขนขายาว ไอ้คมมันก็ไม่ต่าง
ของมันนี่เก้งก้างสุดเพราะแม่งผอมด้วยไง ขายาวที่ออกมาจากผ้าห่มเด่นสุดเห็นจะเป็นรอยแผลถลอกใหม่เอี่ยมที่หัวเข่า
พอนึกถึงที่มาของแผล
ผมก็โคตรอยากจะเดินเข้าไปตบกะโหลกมันให้
ถ้าไม่ติดว่าโทรศัพท์ที่ถือติดมือเข้าห้องมาด้วยจะโชว์ชื่อของหนึ่งบุคคลที่ทำให้ผมต้องหยุดทุกความคิดของตัวเองลงในทันที
“ครับปู่”
“มันอยู่ห้องฟาเนี้ยแหล่ะ”
"เอาอลิสมาคอนโดฟาเมื่อเช้าเลย"
“ไม่รู้”
“นอนอยู่”
“ปลุกให้เอาเปล่า” พอสไลด์หน้าจอรับสายจากทางไกล
ปลายสายก็รัวถามไม่ได้ให้ผมได้พักหายใจหายคอแต่อย่างใด
ปลายสายนั้นเขาเหมือนมีญาณสัมผัสได้ครับ
ชอบสัมผัสได้ตลอดว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับหลานชายสุดที่รักถึงได้สายตรงมาจากเชียงรายโน้น
“ตัวไม่ร้อนแล้ว มันโง่เอารถไปล้มเอง”
“ก็มีดื่มด้วยมั้ง คืนที่มันล้ม มันบอกออก”
“ครับ”
“ไม่เคยเห็นจะด่ามันสักที”
“รู้หน่าปู่”
“ฟาเป็นพี่มันไหมล่ะ”
“รู้ว่าปู่รู้” ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับผมและไอ้คมไม่เคยมีเรื่องไหนจะปิดปู่ได้หรอกครับ
เรื่องไอ้คมเอารถไปล้มครั้งนี้ปู่ก็คงรู้อยู่แล้วถึงได้โทรมาเอาความชัวร์
ปู่ผมท่านเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพล
ท่านเคยเป็นนายทหารติดยศเก่าก่อนจะลาออกมาอยู่กับย่านรินทร์ที่เชียงราย
ปัจจุบันปู่ผมเป็นเจ้าของไร่ชาแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงรายแถมพ่วงไร่ผักและผลไม้ไปอีกหน่อยไม่นับรวมโครงการที่คิดจะสร้างด้วยนะ
ดังนั้นก็เลยถือว่าเป็นคนสำคัญของจังหวัดคนหนึ่งก็ว่าได้
แต่ทว่าแกก็ปลีกวิเวกเกินไปตามอายุ ถึงอย่างนั้นหูตาของปู่ก็ยังมีมากอยู่ดี
แค่แกเอ่ยปากทั้งเพื่อนเก่าลูกน้องเก่าคร้านจะมาช่วยเป็นหูเป็นตาให้
ดังนั้นถึงอยู่ห่างแต่ทว่าผมกับไอ้คมนี่แทบจะกระดิกตัวไม่ได้
เรียกว่าแรดไม่ออกกันเลยทีเดียว
ทุกวันนี้ผมยังต้องถามตัวเองอยู่เลยว่ากูอายุเท่าไหร่กันแล้วเนี่ย
แต่ก็นั่นแหละครับ ที่ทำทั้งหมดก็เพราะทั้งรักและเป็นห่วงนั่นแหละ ผมเข้าใจดี
ถึงอย่างนั้นก็ขอบ่นบ้าง ไม่บ่นแล้วมันอึดอัด
“รอให้มันตื่นแล้วฟาจะให้มันโทรกลับนะปู่”
ปู่น่ะอยากคุยกับหลานชายสุดที่รักจะแย่
แต่พอรู้ว่าหลานชายสุดที่รักมันนอนอยู่ก็บอกปัดไม่ต้องปลุกเสียอย่างนั้น
“ฟาคิดถึงปู่นะ ย่านรินทร์ก็ด้วย เสี่ยด้วย
บอกเขาหน่อยแก่แล้วอย่าเฟี้ยวนัก ฟายังไม่อยากมีน้องนะปู่”
พูดเสร็จผมก็โดนคำว่าเออซัดเข้าหูซ้าย คำพวกนี้ได้ยินบ่อยมาก
เข้าหูซ้ายทะลุหูหมาอะครับไม่สะเทือนแต่อย่างใด
“ดีอยู่แล้วครับ”
“ครับ”
“สวัสดีครับ” เสร็จจากปู่ที่ตัดสายไป
ผมก็จำเป็นต้องเพ่งความสนใจมายังไอ้คนที่มีศักดิ์เป็นน้อง
อย่างที่ปู่กำชับหนักหนาว่าให้ดูแลน้องดีๆ ก่อนที่ไอ้คมมันจะนอน
ผมให้มันกินยาแก้อักเสบไปแล้ว พอช่วงสายของวันนี้ที่มันเข้ามานอนที่คอนโด
ตัวร้อนขึ้นมาหน่อยผมก็เลยปลุกมาจับยัดพาราไปอีกเม็ดเพื่อความชัวร์
สภาพตอนนี้รวมๆ
ก็ไม่น่าเป็นห่วงมากสักเท่าไหร่ ไอ้คมกับรถล้มบ่อยอยู่แล้ว ล้มบ่อยล้มดีและก็ดีที่ล้มครั้งนี้ไม่แรงเท่าไหร่
อีกอย่างก็ไม่ใช่อลิสที่แม่งเอาไปล้ม
ลูกรักมันเลยไม่มีรอยขีดข่วนให้ใจสลายแต่อย่างใด
รถล้มครั้งนี้มันโชคดีเพราะไม่ได้ขับเร็วอะไร ที่สำคัญชุดที่มันใส่เซฟไว้
ไม่ถึงตายแต่ก็ได้แผลมาเพิ่มแบบเก๋ๆ
“เปิดแอร์ซะไข่กูเย็นเลยนะมึง” ผมเดินหารีโมตมาเพิ่มแอร์ให้มันอีกนิด
ไอ้คมเวลานอนมันจะชอบลดแอร์ให้เย็นที่สุดตามความพอใจมัน
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างมันลดแอร์จนไข่เย็นวาบ ลดโดยที่ไม่ดูสภาพตัวเองเลย
ผมกลัวมันจะไข้แตกขึ้นมาจริงๆ ก็เลยต้องเพิ่ม กดเสร็จก็ทิ้งรีโมตแอร์ไว้ที่เดิม
“อย่าให้ไม่สบายขึ้นมาถึงขั้นต้องให้กูพาไปโรงพยาบาลนะมึง”
อดพูดดักมันไว้ไม่ได้
อย่าคิดว่าที่ผมดูแลมันดีแบบนี้คือคิดไม่ซื่อกับลูกพี่ลูกน้องตัวเองนะครับ
ที่ผมต้องดูแลมันดีอย่างมากๆ ก็เพราะผลตอบแทนมันหนักกระเป๋าอยู่พอสมควร
ก็หลานคนเล็กสุดที่รักของปู่นี่ครับ ดูแลจนมันหายป่วย ผมมีข้ออ้างได้เงินสอยกางเกงยีนตัวใหม่เชียวนะ
“กูรำคาญผมมึงจัง” ผมของไอ้คมมันยาวกว่าผมของผมครับ
อีกอย่างมันนอนก็ไม่ได้มัดไว้มันเลยสร้างความรำคาญในการวัดไข้ของผมอย่างจริงจัง
พอปัดผมปรกหน้าไอ้คมมันออกและหน้าผากไอ้คมมันโดนมือเย็นๆ ของผม
เจ้าของหน้าผากมันก็หันหน้าหนีแถมยังเอาหน้าซุกเข้ากับไอ้หมีเน่าที่อยู่ติดหัวเตียงทันที
ไอ้คมมันไม่ได้เป็นคนที่ติดหมีเน่าอะไรเทือกนี้หรอกนะครับ
ที่มันติดคือผ้าเช็ดหน้าที่ผูกอยู่ในคอไอ้หมีเน่าต่างหาก
คือยังไงดี
ลูกพี่ลูกน้องผมคนนี้เป็นคนมีปมพอสมควรครับ
ไอ้คมมันติดผ้าเช็ดหน้าที่เป็นของแทนตัวแทนใจของสองอา
เนื่องด้วยอาทั้งสองของผมต้องไปทำงานต่างประเทศแบบถาวรเลยให้ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เป็นของแทนใจในวันที่คิดถึง
ในช่วงนั้นผมไม่แน่ใจว่าเราสองคนอายุเท่าไหร่กัน
อาจจะสองขวบหรือสามมันเลือนรางในความรู้สึกไปแล้ว
ก็อย่างว่าเมื่อสองอาไม่อยู่หน้าที่เลี้ยงดูทั้งหมดเลยตกเป็นของปู่กับย่านรินทร์และเสี่ย
ยิ่งจากตอนมันเป็นเด็กมาจนถึงตอนมันโตและด้วยนิสัยไม่ค่อยพูดของมัน
ก็ยิ่งทำให้โดนสปอยล์หนักจากคนรอบข้างเสียอย่างนั้น
เน้นว่าโดนสปอยล์หนักมากด้วย
ปู่รักมาก ย่านรินทร์ก็ตามใจน้องคมเสียทุกอย่าง สปอยล์มันทุกทางอยากได้อะไรแค่เอ่ยปากขอ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นมันจะอยากได้อะไรเลยสักอย่าง
จะว่าไปไม่ใช่แค่เรื่องที่มันเป็นหลานคนเล็กที่ไม่ได้อยู่ใกล้พ่อแม่หรอกแค่นั้นหรอกครับ
ที่ทั้งปู่กับย่าเป็นห่วง เรื่องเจ็บป่วยของมันนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่
เรียกว่าใหญ่มากๆ เลยล่ะครับ ในช่วงวัยเด็กไอ้คมมันค่อนข้างจะมีปัญหาทางสุขภาพ
ป่วยง่ายหายช้า
อาจจะเป็นเพราะไม่ได้กินนมแม่มาตั้งแต่เด็กเหมือนอย่างคนอื่นก็เลยไม่มีภูมิต้านทานโรคมากหนักหรือจะด้วยอะไรก็แล้วแต่
เสี่ยเคยเล่าว่าไอ้คมในตอนนั้นป่วยจนต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ
เรื่องนี้เป็นปัญหาจนถึงขนาดที่ปู่ต้องพามันไปเปลี่ยนชื่อเอาเคล็ด
จากเด็กชายฟรานซิส ก็กลายมาเป็นเด็กชายดำเนินจนถึงเป็นนายดำเนินอย่างในปัจจุบัน
รู้แหละว่าอ่านถึงตอนนี้แล้วหลุดหัวเราะกัน
ผมเองก็ไม่ต่างนึกเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรต้องลั่นก๊ากทุกที
ชื่อดำเนินเป็นชื่อที่โคตรจะไทย
เอามาจากความหมายของชื่อเล่นที่ว่าคม คมน์ที่สะกดแบบนี้และมีความหมายว่า ไป
พอรวมกับชื่อจริงของมันแล้วก็มีความหมายว่าดำเนินไป จงมีชีวิตที่ดำเนินไปเรื่อยๆ
ยังไงล่ะ เท่ไม่หยอกไหมล่ะครับชื่อไอ้คมมัน
“ถ้ามึงตื่นละหิวก็หาอะไรกินเอาเองแล้วกันนะ” เท่าที่ดูมัน
ผมคิดว่ามันไม่เป็นอะไรมากก็เลยปล่อยมันนอนต่อไปสักพัก
ส่วนตัวผมก็ขอมาเช็คไฟล์งานในคอมสักหน่อยก่อนจะออกไปมหาลัยจริงๆ
ผมนั่งดูไฟล์งานไปสักครู่หนึ่ง
เสียงเปิดประตูห้องนอนก็ดังขึ้น ครั้นพอละสายตาจากตรงหน้าจองาน
หันไปมองต้นตอของเสียงก็เห็นไอ้ตัวดีก็เดินเกาพุงออกมาพอดี
เสื้อกล้ามสีดำกับบ๊อกเซอร์เน่าๆ
ตรงเข่าข้างหนึ่งเห็นแผลถลอกที่ค่อนข้างเป็นแผลลึกชัดเจนถึงจะผ่านมาได้เป็นวันแล้วก็เถอะ
“ไง” ผมร้องทัก
ดูจากสภาพก็รู้เลยว่าต้องเจ็บ
ไม่ถึงขั้นมีอะไรแตกหักแต่ก็คงฟกช้ำอยู่หลายที่ต่อหลายที่เลยล่ะครับ
ช้ำในเอาเรื่องถึงได้มีอาการตัวร้อนไข้จะแตกอย่างเมื่อวานนั้นได้
“มีไรกินไหม” แทนที่มันจะทักกลับดันถามหาของกินก่อน ดีจริงๆ
ตื่นมาก็เรียกหาของกิน ขี้เกียจพูดกับแม่ง ผมเลยชี้มือบอกไปทางตู้เย็น
เชิญไปหากินเองครับ
ไอ้คมพยักหน้ารับแล้วก็เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว
ต่อจากนั้นครู่เดียว มันก็เดินมานั่งพื้นพิงโซฟาเบดตัวที่ผมนั่งอยู่
ในมือมีถ้วยส่งไอร้อนและกลิ่นหอมพร้อมกับน้ำขวดเล็กหนึ่งขวด
“ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ” ไอ้คมมันว่าแค่นั้นแล้วก็ลงมือกินของมันเงียบๆ
“อืม” ผมขานรับมันสั้นๆ
ที่บอกว่าให้หากินเองเอาจริงผมก็ต้องสั่งเอามายัดตู้เย็นให้มันก่อนอยู่ดี
มองหน้าลูกพี่ลูกน้องตัวเองแล้วพาลครับ
เชี่ยคมเป็นคนที่เครื่องหน้าคมคายดูไทยมากกว่าผมมาก
แล้วยิ่งมันไว้หนวดกับเคราที่ถึงแม้จะเผลอไว้เพราะขี้เกียจโกนของมันนั่นก็ยิ่งทำให้มันดูดี
รวมผมยาวพอประบ่าที่เกล้าขึ้นมาง่ายๆ นั่นอีก
“ไม่เห็นรีโมตทีวี” นี่ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า
มันคือประโยคที่มันพูดเพื่อใช้เราให้หยิบรีโมตทีวีให้มัน ไอ้คมมันพูดใช้ผมทั้งๆ
ที่เส้นก๋วยเตี๋ยวยังคาอยู่ในปาก ขอให้แม่งติดคอตาย
สมบัติปู่จะได้ตกเป็นของกูคนเดียว ถ้ากูไม่ตายตามมึงไปนะคม
“เอ้า เอาไป” ผมจำใจต้องหยิบรีโมตทีวีให้ส่งให้ มันรับไปก็กดเปิดทีวีทันที
ผมอยากบอกทุกคนว่าเชี่ยคมมันชอบดูสารคดีมากครับ
ยิ่งสารคดีจำพวกสัตว์เลื้อยคลานนี่ชอบมาก งูเอย สลาแมนเดอร์เอย
กบอึ่งอ่างคางคกและสารพัดสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและเลื้อยคลานนี่ของโปรดปานมันแหละ
ตอนที่ผมกับมันยังเป็นเด็ก
ไอ้คมมันเคยแอบเอางูที่บาดเจ็บเข้าไปเลี้ยงในห้องด้วยและถ้าย่านรินทร์ไม่เข้าไปเก็บของให้หลานชายสุดที่รัก
ไอ้คมคงเหลือแต่ชื่อล่ะครับ งูไม่มีพิษมันไม่เลี้ยงริอาจจะเลี้ยงลูกงูเห่า
“เออ ปู่โทรมาตอนมึงหลับ โทรกลับด้วยนะมึง” ผมพูดบอกแกมสั่ง
“บอกมึง” นี่คือประโยคคำถามชัวร์
“ก็บอกผ่านกูอะ”
“บอกมึง มึงก็โทรดิ”
“มันจะอะไรหนักหนาแค่โทรกลับไปหาปู่วะ” พอมันถูกผมพูดให้แบบนี้มันเลยเล่นเงียบของมันต่อ
“โทรกลับหาหน่อยอย่างน้อยคนแก่จะได้โล่งใจ” ผมเสริม
“เดี๋ยวค่อยโทร” มันตอบแบบผ่านไปที
“เดี๋ยวตลอด เดี๋ยวของมึงคือเป็นเดือน อย่าให้นายพลเก่าเขากริ้วนะมึง
ตะพดได้บินจากเชียงรายมาลงกบาลมึงกับกูอยู่ทีนี่แน่ๆ”
มันพยักหน้ารับรู้คำพูดของผมก่อนจะสนใจอนาคอนด้าที่กำลังรัดตัวอะไรสักอย่างในน้ำ
“เออ วันนี้บ่ายมึงเข้ามอ.ใช่ป่ะ” ผมแอบได้ยินว่ามันมีเรื่องต้องเข้าคณะตอนบ่ายพอดี
“อืม” มันครางในลำคอตอบ บิดฝาขวดน้ำก่อนจะยกดื่ม
“ไปก่อนบ่ายเปล่าวะ” ผมถามต่อ
“เที่ยงมั้ง” ไอ้คมมันตอบก่อนจะกดเปลี่ยนช่องทีวี
“กูวานแวะเข้าไปร้านพี่ต้าเอารองเท้าให้กูได้ป่ะ”
ต้องวานมันเพราะผมมีนัดกับอาจารย์ช่วงบ่ายไง เผลอๆ ยิงยาวยันค่ำเลยก็ได้แล้วเสร็จก็อาจจะไปหาเบียร์กินเย็นๆ
ด้วย ผมจองรองเท้าไว้กะเอามาพร้อมใส่ไปออกด้วย ไม่อยากรีบไปทำอะไรหลายๆ
อย่างในเวลาใกล้ๆ กันแล้วที่สำคัญขี้เกียจขับรถไปมาเสียเวลา
วานมันไปเอาให้นี่แหละดีที่สุด
“ได้หรือไม่ได้” ผมถามซ้ำ เชี่ยคมไม่ตอบแต่หันกลับมาแบมือตรงหน้าผม
“เอาไป” เป็นอันรู้กัน ผมโยนบัตรให้มันไปครับค่ารองเท้ากับค่าน้ำมันอลิสอยู่ในนั้นด้วย
“รู้เรื่องนะมึงเดี๋ยวกูต้องออกไปหาพวกแม่งก่อน” ผมบอกเชี่ยคมมันไปแบบนั้นก่อนจะลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนมันที่จะเข้าม.ตอนบ่ายนั้น ผมจะปล่อยมันเฝ้าคอนโดให้ผมก่อน
ไม่ใช่ว่าไอ้คมมันไม่มีคอนโดเป็นส่วนตัวนะครับ
เชี่ยคมน่ะก็มี มีก่อนผมเลยด้วยซ้ำ ย่านรินทร์เป็นคนซื้อให้แต่ทว่าคอนโดมันที่ว่า
ค่อนข้างอยู่ไกลจากม.พอสมควร ทิวทัศน์โดยรวมถือว่าดีมาก คมนาคมก็สะดวก เป็นส่วนตัวเข้ากับมันแหล่ะเน้นจิตวิญญาณอะไรประมานนั้น
และก็ที่ไอ้คมมันไม่กลับไปนอนคอนโดตัวเอง
หนึ่งคือมันทำอลิสล้มผมต้องเป็นคนดูแลชั่วคราวของมัน ถ้าจะดูแลมันที่ห้องของมัน
ผมจะต้องทรมานกับกลิ่นสีและกองงานที่ทั้งวางทั้งไปทั่วห้อง
ดังนั้นคอนโดผมจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“ไปแล้วนะ อย่าลืมนะมึง” ผมจัดการธุระของตนเองเสร็จในเวลาอันสั้นจะก้าวออกจากห้องก็ไม่ลืมกำชับมันอีกรอบ
“อืม” ไอ้คมมันตอบรับสั้นๆ ตามแบบฉบับของมัน
“เออ แล้วอย่าลืมกินยานะไอ้สัด ยาไม่พร่องกูฟ้องปู่มึงแน่ๆ”
ผมกำชับเรื่องยาแก้อักเสบเสร็จก็ออกไปเจอพวกเพื่อนๆ
ที่นัดกันก่อนจะเตรียมเข้าห้องเชือดตอนบ่ายแบบเรียงตัว
แต่ทว่าพอใกล้ก่อนเวลานัดดันต้องเลื่อนคิวไปเกือบบ่ายสอง หงุดหงิดที่โดนเลื่อน
ผมเลยเลือกถ่อสังขารไปเอารองเท้าที่วานไอ้คมไปเอาให้จากร้านถึงตึกศิลปกรรมของมันเสียก่อน
“มึงแต่งตัวแบบนี้อยู่ในมอ.” มาถึงตึกศิลปกรรมตอนเที่ยงกว่าๆ
พอเจอลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง
ผมต้องเอ่ยปากถามไอ้คมมันพลางมองสภาพมันตั้งแต่หัวจรดปลายตีนไปด้วย
คณะมึงชิวมากใส่ขาสั้นเข้ามาได้ด้วย
“ไม่ เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนยีนหอเพื่อน” ไอ้คมมันตอบแบบไม่ใส่ใจ
“ซื้อยีนใหม่ แสดงว่าปู่โอนเงินให้แล้วว่างั้น” ผมถามด้วยความสงสัยเพราะเดือนนี้ปู่ยังไม่โอนให้ผมเลย
แต่พอเชี่ยคมมันตอบเท่านั้นแหละเข่ากูแทบทรุด นี่กูคิดผิดใช่ไหมที่เอาบัตรให้มึง
เชี่ยเถอะเงินหมื่นกว่าบาทของกูปลิวว่อนเลย ไอ้ชิบหาย
“แล้วรองเท้ากูอะ” ดึงสติกลับมาได้ผมถามหาของที่ถ่อมาเอากับมันที่คณะ
“อยู่หอเพื่อน” มันตอบ
“อ้าว ยังไงวะ” ผมงง
“ฝากมันไปเอาให้” ชัดเจน ผมใช้มันและมันก็ไปใช้เพื่อนอีกต่อ
“เอากุญแจรถมึงมา” เชี่ยคมมันพูดแล้วก็ยื่นกุญแจอลิสส่งมาให้ผม ผมเหมือนยังจับจุดอะไรไม่ได้เลยเลิกคิ้วถาม
“กุญแจรถกูหรอ”
“อืม เปลี่ยนรถกัน” บอกผมแบบนั้นก่อนที่จะส่งกุญแจอลิสให้ผมและมันก็รับกุญแจรถผมไปสงสัยจะไปเปลี่ยนกางเกงที่หอเพื่อนมัน
ผมคงต้องไปรอไอ้คมมันที่คณะตัวเองแหละ
เป็นดังนั้นผมก็เลยจำใจยอมขับอลิสให้ลมร้อนๆ
ตีหน้ากลับมาตึกตัวเอง ระหว่างทางจะถึงตึกคณะ ไลน์ดันดังขึ้นถี่
ผมหยุดอลิสก่อนจะรีบเปิดอ่านข้อความนั่นทันที เป็นเพื่อนที่ผมขอคำปรึกษาเรื่องทีสิสมันเล็กน้อยไลน์เข้ามา
คุยกันไม่กี่บับเบิ้ล
ผมก็จำเป็นต้องแวะที่วิศวะหามันก่อน กะคุยแป๊บเดียวเลยจอดอลิสไว้แถวนั้น
พอคุยกันเสร็จแป๊บเดียวจริงๆ ก็รีบเดินลงตึกมา
ช่วงที่เดินอยู่พลันรู้สึกว่าถูกสายตาสักคู่จ้อง พอกวาดสายตามองหาสายตาคู่นั้น
ก็เจอแบบเต็มๆ ครับ
ต้องเป็นผู้ชายแบบไหนวะ
ตาดำทั้งกลมทั้งโตแถมยังใสแจ๋วแววๆ เหมือนมีดาวลอยอยู่ในนั้น
อีกอย่างแอบมองคนอื่นแล้วนินทาด้วยว่ะ ดูแล้วหน้าตาโคตรดื้อจนอยากจับมาตีหัวให้แบะ
ตลกดีที่ข้างๆ ดันมีดวงตาอีกคู่ที่มองมาที่ผมเหมือนไม่พอใจมากๆ อยู่ด้วย
รู้สึกตะหงิดๆ แต่ก็ไม่ได้อะไรเพราะรีบด้วย
เลยคร่อมลูกรักเชี่ยคมมารอมันที่ตึกทันที
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเชี่ยคมก็มาตึกผม
พอได้รองเท้าแล้วก็เข้าคุยกับอาจารย์
เรียกว่าวันนี้ผมยังมีโชคอยู่บ้างเลยไม่ได้ยิงยาวเหมือนอย่างที่คิด
ดังนั้นก็ย้ายร่างของตัวเองกลับมาศิลปกรรมอีกรอบ
สืบเนื่องเพราะผมออกปากว่าจะไปหาเบียร์กินคืนนี้
ไอ้คมกับพวกมันได้ยินเลยจะแจมด้วยแต่เพราะพวกแม่งมีป้ายใหญ่ที่ต้องลงสีให้คณะ
ผมเองก็ยังไม่อยากกลับคอนโดเลยแวะมานั่งดูพวกมันทำงานดีกว่า
ศิลปกรรมเป็นคณะที่มีสีสันเยอะมากครับ ตื่นตาใจทุกครั้งที่ได้มา แต่ละคนคือมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองพอมารวมกันเยอะๆ ทำงานแล้วคลายเครียดดีครับ จากที่นั่งดูพวกมันทำงานจนสุดท้ายมาจบที่พวกแม่งพากันนั่งแดกส้มตำและแอดวานซ์ต่อด้วยกินกล้วยทั้งเครือ กล้วยก็กล้วยหลังคณะที่พวกแม่งไปขโมยตัดลงมา ทั้งกล้วยและไอ้ของเปรี้ยวๆ แล้วก็รสเผ็ด กับผมที่ไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ก็ได้แค่มองพวกมันแดกกัน
จากที่ไม่ได้แดกด้วยกูก็ต้องเป็นคนโดนใช้มาซื้อน้ำแข็งให้พวกแม่งอีก
แล้วที่สำคัญน้ำแข็งร้านใต้ตึกศิลปกรรมหมด
ผมเลยต้องถ่อกลับมาซื้อถึงตึกตัวเองอีกรอบ ชีพจรลงเท้ากูมากวันนี้
ไปๆ
มาๆ หลายรอบจนรุ่นน้องมันร้องถาม ผมตอบบ้างไม่ตอบบ้าง
เดินถึงร้านก็สั่งพี่คนขายไปโดยไม่ทันสังเกตคนข้างๆ ที่ยืนรอเอาน้ำที่ปั่นในโถปั่น
ทว่าแค่เห็นตาดำโตๆ นั่นผมก็จำมันได้ทันที
ที่สำคัญแอบเห็นมันหันมามองหน้าผมก่อนที่ปากเหมือนเยลลี่ ได้รูปนั่นจะขมุบขมิบเหมือนคิดจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดสลับกับอมลมในแก้มกลมของมัน
เห็นแบบนั้นแล้วเรื่องอะไรผมจะถามมันวะ
พอได้น้ำแข็งผมก็เดินออกมา
และรู้ครับว่าผมกำลังโดนบางคนตาม จะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้แก้มกลมเป็นก้อนนั่น
ไอ้ครั้นพอได้เปิดปากคุยกับมันแล้ว ผมรู้เลยว่ามันโคตรจะกร่าง
คิดว่ากร่างไปงั้นแหละครับเพราะดูแล้วน่าจะกลัวคนพอสมควร
ยิ่งพอมองชุดนักศึกษาที่มันใส่
เห็นเข็มที่ปักอยู่เนคไทก็ทำให้รู้ว่าไอ้กร่างนี่เป็นรุ่นน้องกูแน่นอนแล้วที่สำคัญคณะบ้านใกล้เรือนเคียงของผมด้วย
มันน่าแปลกที่บทสนทนาสั้นๆ
ระหว่างผมกับไอ้แก้มเป็นก้อนนี่ดันไปเกี่ยวข้องกับใครอีกหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ด้วย
แก้มกลมเป็นก้อนมันถามในสิ่งที่ทำเอาผมอึ้งได้เลยนะครับ
ไม่รู้ทำไมว่ามันต้องถามถึงลูกสาวของไอ้คมมันด้วย
น่าแปลกในตอนที่มันถาม
นัยน์ตามันนี่ส่อแววระยิบระยับด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด
แต่ทว่าพอรู้ว่าใครเป็นเจ้าของอลิสและที่สำคัญมันได้เห็นเจ้าของอลิสตัวเป็นๆ
ประกายระยิบระยับในนัยน์ตามันกลับดับวูบจนผมนึกขำ
ยิ่งมันทำหน้าดื้อตอนพูดกับเชี่ยคมแล้วผมโคตรหมันเขี้ยว
โคตรน่าแกล้งให้ร้องไห้แล้วค่อยโอ๋มันทีหลัง
“มึงรู้ไหมว่ามันเป็นใคร” ไอ้เด็กกร่างแก้มกลมมันเดินหายลับไปแล้ว ไอ้คมมันถึงได้เป็นฝ่ายถามผมขึ้นแล้วอยู่ๆ ก็ถามขึ้นด้วยนะ ดูไม่เหมือนไอ้คมที่ผมรู้จัก
“ไม่ว่ะ” ถึงอย่างนั้นผมก็ตอบและเผลอยิ้มมุมปากออกมาอีกจนได้
“ทำไมกูรู้สึกคุ้นแปลกๆ” เพราะประโยคนี้ของไอ้คมมัน
ผมที่ยิ้มมุมปากอยู่ต้องหันมามองหน้าลูกพี่ลูกน้องที่มักจะพูดหรือถามเรื่องคนอื่นน้อยมากๆ
นี้ทันที
“มึงเคยเจอมันในฝันมั้ง” ผมว่า
“เจอกันในฝันหรอวะ” ไอ้คมมันทวนคำพูดที่พูดขึ้นมาแบบไม่ได้คิดอะไรของผม
แต่ดูเหมือนว่าประโยคนี้ของผมจะทำให้ไอ้คมมันคิดหนักแทน
“จะไปรู้กับมึงหรอ” ผมบอกปัดก่อนจะถามเหตุผลที่เจอมันที่นี่
“เออแล้วนี่มึงตามกูมาทำไมวะ”
“ไอ้โก๋กลัวไม่ได้แดกน้ำแข็งเลยให้กูมาตามมึง”
มันตอบผมแล้วก็มองไปอีกทางก่อนจะเงียบไป ตัวผมเองก็ดันเงียบไปด้วย
ตาก็มองทางที่ใครคนหนึ่งเดินห่างไปด้วยเหมือนกัน
“คม” ผมเรียกชื่อไอ้คมมันขึ้น
“อะไร” และเชี่ยคมมันก็ตอบกลับผมไวมากๆ
“มึงพูดเยอะขึ้นนะ กับไอ้เด็กนี่ ดูพูดเยอะขึ้น”
“หรอ ไม่รู้ ปากกูไปเอง”
ไอ้คมมันตอบผมและท่าทางที่เป็นอยู่ของมันตอนนี้ก็ดูเหมือนมันจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
ท่าทางที่ไอ้คมกำลังเป็นโคตรไม่ได้แตกต่างกันเลยกับตอนใกล้รุ่งของทุกวันๆ
“หึหึ”
และนั่นแหละคือเสียงหัวเราะของผมที่ดังขึ้นหลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่และท่าทางของไอ้คมมัน
ผมยืนหัวเราะต่ออีกนิดก่อนที่จะหิ้วกระติกน้ำแข็งรีบเดินตามหลังไอ้คนที่เดินหนีเสียงหัวเราะในลำคอของผมทิ้งห่างไปก่อนแล้ว
ตอนนี้ผมกับไอ้คมมาถึงร้านเหล้าไอ้เชี่ยพี่โต้งเป็นที่เรียบร้อย
ไอ้เชี่ยพี่โต้งมันเป็นรุ่นพี่คณะผมเองครับ
จบมาแทนที่จะทำงานสายที่จบมาแต่ดันอยากเปิดร้านเหล้าแล้วมันก็ดันมาเปิดแถวมหาลัยเก่าตัวเอง
กิจการมันเลยรุ่งเรืองเลยทีนี้
สูบเงินจากรุ่นพี่รุ่นน้องหลายหลักแล้วล่ะมั้งตั้งแต่เปิด
จะว่าไปส่วนหนึ่งก็มาจากผมนี้ล่ะ
ยิ่งวันนี้ก็น่าจะเยอะกว่าทุกครั้งเพราะวันนี้รวมคนเยอะ มีผม ไอ้คม
เพื่อนของผมรวมเพื่อนไอ้คมไปอีกก็เกือบยี่สิบ
นี่กลุ่มเพื่อนผมไม่ตายตัวนะมีเพิ่มและลดไปเรื่อย
ในกรณีขยันหาเรื่องติดในวันที่นัด
โซนที่พวกผมนั่งกันอยู่นี่
ด้วยความที่เป็นรุ่นน้องไอ้เชี่ยพี่โต้งเลยได้กรรมสิทธิ์โซนวีไอพีชั้นสองของร้าน
บนนี่สามารถมองเห็นข้างล่างได้ทั่วเลยครับ
นั่งลงไม่นานไอ้มือดีนักชงชั้นเยี่ยมก็ดันแก้วมาให้ จากที่คิดจะจิบเบียร์เย็นๆ
คือทิ้ง นาทีนี้ต้องเหล้าเท่านั้น พอเหล้าเข้าปากเรื่องมันก็หลั่งไหลมา ทั้งรถ
ทั้งสาว แล้วก็จบที่เรื่องต่ำกว่าสะดือแล้วก็วนมาเรื่องทีสิสเฉยเลย
“มึงเป็นเหี้ยไรวะ กูเห็นมึงมองข้างล่างนานล่ะ” ผมอดไม่ได้ถึงได้ถาม เห็นไอ้คมมองลงไปข้างล่างนานจนรำคาญลูกตา
“ไอ้นิล” ไม่เคยจะสนใจที่กูถามเลยแต่ก็นับว่าตาไอ้คมแม่งดี
จากที่ไอ้คมมันบอก
ผมก็มองลงไปข้างล่างทันที มุมหนึ่งของร้านผมเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่
ผิวเข้มกว่าที่เคยเจอครั้งก่อนเดินคู่เข้าร้านมากับผู้ชายที่มีใบหน้าที่มองแล้วบอกได้ว่าทั้งหล่อและสวยอยู่อีกคน
ที่แค่เห็นก็ทำเอาผมเผลอยิ้มมุมปากออกเสียจนได้ แม่งยังไม่เลิกกันอีกหรอวะ
“เชี่ยนิลกับน้องฟ่าง” ผมพูดขึ้น
“เขาคงอยากให้มึงเรียกน้อง” ไอ้คมมันว่า
“ไม่เจอกันนานไปทักดีไหมวะ” ผมถามความคิดเห็นไอ้คมมัน คนเคยๆ กัน
นับเวลาที่เคยๆ ก็ตั้งอาทิตย์หนึ่งถึงแม้น้องฟ่างจะทำเพราะประชดไอ้นิลก็เถอะ
ได้เจอตัวไม่ลงไปทักก็ใช่เรื่อง
“หาเรื่องแดกตีนไอ้นิลมัน” ไอ้คมมันพูดพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
ยอมรับเลยว่าเรื่องผมกับสองคนนี้ก็ยังเป็นประเด็นให้พูดได้ไม่เบื่อล่ะครับ
ยิ่งกับไอ้นิลนี่แม่งพูดกันได้เกินสองคำนี่
ผมว่ามันมีความอดทนมากเลยที่เดียวนะครับ เคยบอกไหมว่าผมไปแย่งผู้หญิงที่มันคุยๆ
กันอยู่ก่อนที่จะมาเจอน้องฟ่างและน้องฟ่างใช้กูเป็นตัวประชดเชี่ยนิลมัน
“ของโปรดกูเลยนั่นน่ะ” ผมตอบไปอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้ขยับไปหาพวกมันสองคนหรอก
โตๆ กันแล้ว เรื่องมันจบแล้วก็ปล่อยให้จบอีกอย่างไอ้นิลเองก็คบอยู่กับน้องฟ่าง
ส่วนผมก็จบกันกับคนที่แย่งเขามาเรียบร้อยแล้วด้วยเหมือนกัน กูก็ไม่รู้ว่ากูไปแย่งมาทำไม
จากที่นั่งคุยเรื่องไอ้นิลกับน้องฟ่างอยู่
บุคคลที่ผมนึกว่าจะไม่เจอมันอีก ดันมาเจอในร้านไอ้เชี่ยพี่โต้งจนได้
แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะเจ้าตัวมันเป็นสายรหัสกันอยู่แล้ว อันนี้สืบรู้มาครับ
คืนนี้ไอ้เจ้าของตาดำกลมๆ โตๆ แถมยังมีแก้มกลมเป็นก้อนจนผมแกล้งเรียกมันว่าน้องแก้มกลมเดินปาดเจลหน้าหล่อมาเลยครับ
ถึงผมจะเรียกมันว่าน้องแก้มกลมแต่ตัวมันก็ไม่ใช่น้องนะ
ตัวมันสูงโปร่งแขนขายาวไม่อ้วนไม่ผอมสมส่วนนั่นแหละ
แต่ที่แปลกตาไปคือคืนนี้รอบตัวมันมีมาดกวนตีนและกรุ้มกริ่มเสริมมาน้อยๆ
แต่นั่นก็ทำให้ผมมองมันเป็นไอ้เด็กแก้มกลมอยู่ดี ก็เสื้อที่มันใส่อยู่
เสื้อยืดสีขาวตรงอกมีชาร์ลี บราวน์แปะอยู่ ดูยังไงแม่งก็เป็นไอ้เด็กแก้มกลม
“แม่งเด็กมันเอาว่ะ”
ผมร้องขึ้นเพราะทันทีที่มันเดินถึงโต๊ะที่ไอ้นิลกับน้องฟ่างนั่งอยู่
ไอ้คนที่ผมมองมันอยู่นานสองนานเข้าคลุกวงในน้องฟ่างในทันทีที่มันเข้าประชิดตัว
ท่าทางของมันและน้องฟ่างที่ทำอยู่รู้เลยว่าสนิทกันมากๆ
“ที่มึงบอกว่ากูอาจจะเคยเจอมันในความฝัน” จากที่เงียบกันอยู่เป็นไอ้คมที่พูดขึ้น
“หือ” ผมทำเสียงในลำคอถาม
“กูคิดว่ากูคุ้นหน้ามันในความฝันจริงๆ” ทุกคำในประโยคผมรับรู้ได้ถึงความจริงจังของคนพูด
“มึงรู้จักชื่อมันไหมคม” ผมถามพลางมองลงไปยังโต๊ะนั่น
ทั้งตอนที่มันทำหน้าดื้อ ทั้งตอนที่มันทำหน้าจะร้องไห้ ทำหน้าอ้อนหน่อยๆ
หรือแม้แต่ตอนที่มันยิ้มกว้างจนทั้งหน้าและนัยน์ตากลมโตสีดำนั่นยิ้มตาม
ไม่ได้มีแค่ผมที่เห็นและแน่นอนไอ้คมเองมันก็เห็นและอาจจะเห็นชัดเจนกว่าผมอีกเพราะมันมองของมันมาตลอด
“และถ้ากูบอกว่ารู้จัก” เชี่ยคมมันพูดต่อ
“งั้นขอกูรู้หน่อยว่ามันชื่ออะไร” ผมถามกลับ
“ปาย” เสียงทุ้มของไอ้คมมันพูดชื่อนี้ออกมา เสียงมันดังไม่ต่างจากหลายๆ ครั้งที่มันละเมอเรียกในตอนใกล้รุ่ง
“ปายคือชื่อของมัน” ทันทีที่ไอ้คมมันพูดจบ เจ้าของชื่อมันก็ลุกขึ้นยืน
ก่อนจะเดินเซคนเดียวไปทางห้องน้ำของร้าน
ผมกำลังจะขยับปากบอกให้ไอ้คมมันทำอะไรสักอย่าง
แต่ก็ช้าไปอยู่ดีเพราะไอ้คมมันเดินลิ่วลงไปข้างล่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมไม่รู้หรอกนะว่าต่อจากนี้ไอ้คมมันคิดจะทำอะไร
แต่ถึงอย่างนั้นเพราะชื่อที่มันเอ่ยออกมาเมื่อครู่
มันเป็นชื่อเดียวกันกับที่มันละเมอเรียกหาหลายต่อหลายครั้ง
มึงคงเจอคนที่อยู่ในฝันของมึงแล้วสินะไอ้น้องรัก
จัดการไอ้เด็กกร่างแก้มกลมคนนี้ให้อยู่นะมึง กูเอาใจช่วยว่ะ
(เขาสำคัญนะชายคนนี้ ก็เลยต้องแยกหนึ่งตอนให้เขาหน่อย)
ความคิดเห็น