คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ดั่งปิยปาณ : 3
3
มันเป็นใคร ไม่ใช่ชื่อเพลงแต่เป็นประโยคคำถามที่เขาหรือนายปิยปาณคนนี้
มีให้กับบุคคลตัวสูงตรงหน้าที่เกล้าผมยาวของมันอย่างง่ายๆ
ด้วยดินสอหนึ่งแท่งและที่สำคัญบนใบหน้ายังมีหนวดแปะเด่นอยู่นี่ต่างหากล่ะ
มันเป็นใครกัน!!
ไอ้ผู้ชายหน้าหนวดคนนี้มันเป็นใคร!!
ตัวของเขาที่ถูกจับให้หันหลังกลับมา
จากระยะที่ยืนอยู่ มันทำให้เขาสามารถมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
จุดเริ่มต้นแรกที่สะดุดตาเลยก็คงจะเป็นคิ้วเข้มที่ขมวดกันขึ้นทันทีที่เจ้าของของมันเห็นหน้าของเขาเช่นกัน
จะว่าไปคิ้วเข้มที่ว่านั่นรับกับดวงตาคมของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
ดวงตาคมไร้การสั่นไหว ฉายชัดแค่ความนิ่งเฉย
ยิ่งพอเขามองสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำคู่นั้น ก็เป็นฝ่ายของเขาเสียเอง
ที่ต้องเผลอกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างห้ามไม่ได้
นัยน์ตาสีดำที่เขาเห็นในตอนนี้
ให้ความรู้สึกราวกับว่าแค่เผลอไปมองสบเข้า รอบตัวก็มีมวลความรู้สึกกดดันจากทุกทิศทุกทางวิ่งเข้ามารวมที่เขาเป็นจุดจุดเดียว
ยิ่งถูกนัยน์ตาสีดำนี้จ้องอยู่โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง
พอจะจ้องอีกฝ่ายกลับ
ก็ไม่สู้สายตา จำเป็นต้องหลบนัยน์ตาสีดำคู่นี้
เสมองไปทางอื่นครั้นพออีกฝ่ายละสายตาจากหน้าเขาไปหาใครอีกคนที่อยู่ทางด้านหลัง
เขาจึงค่อยๆ พาสายตาของตัวเองกลับหันมามองสำรวจอีกฝ่ายอีกครั้ง
จากดวงตาคมแถมยังดูดุคู่นั้นในระดับต่ำอีกหน่อยก็เป็นจมูกเป็นเอกลักษณ์
จมูกที่เขาเห็นของอีกฝ่ายโด่งมาก
โด่งแบบให้ความรู้สึกว่าอีกฝ่ายคงมีเสี้ยวจากสัญชาติไหนสักที่ทางฝั่งยุโรป
ปัดผ่านจมูกโด่งเรื่อยลงมาก็เป็นปาก
เป็นปากที่มีรูปสวย ริมฝีปากไม่หนาและไม่บางเกิน
รูปปากที่เขาเห็นนั้นถ้ามันได้ขยับยิ้มคงทำให้ใครหลายคนยิ้มตาม
อีกทั้งปากรูปสวยยังออกสีเรื่อนิดๆ บ่งบอกชัดเจนว่าอีกฝ่ายเป็นจำพวกไม่สูบบุหรี่
หรือสูบแต่เป็นจำพวกปากไม่ดำก็ไม่รู้
โดยรวมๆ
แล้วหน้าตาของอีกฝ่ายถึงขั้นดีมากเลยล่ะ ถึงจะมีหนวดแปะอยู่บนหน้า
แต่ก็ไม่ได้มองดูแล้วรกตาแต่อย่างใด อีกอย่างผมยาวที่เกล้าไว้ด้วยดินสองนั่น
มันก็เข้ากับเจ้าตัวดีมากๆ
และที่ยังติดอยู่ในใจของเขาตอนนี้ก็เห็นจะเป็นลูกกระเดือกที่มันนูนเด่นจนแทบจะทิ่มตานี่แหละ
ที่มันติดอยู่ในใจแถมมันยังค้านจนชนะประเด็นที่ติดอยู่ในใจเขาด้วย
มันใช่หรอวะ?
ไอ้หน้าหนวดคนนี้เนี่ยนะ?
ยิ่งเขามองใบหน้าของอีกฝ่ายสลับกับรูปร่างที่สูงโปร่ง
ความสูงของอีกฝ่ายมากกว่าเขาเล็กน้อยและตัวออกจะติดผอมกว่าหรือต้องเรียกว่าหุ่นลีนแบบพวกนายแบบที่ไอ้นาถชอบดูจากนิตยสาร
ยิ่งมองไอ้หนวดตรงหน้า คำถามพวกนี้ก็ยิ่งวิ่งวนเข้ามาอยู่ในหัว
เขาคิดว่าสายตาของเขาไม่ได้มีปัญหา
แต่ก็อดจะกระพริบถี่ๆ แล้วมองอีกฝ่ายซ้ำๆ ไปไม่ได้
หูของเขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาและที่สำคัญมันไม่ได้ยินมาผิดแน่
เมื่อก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาที เจ้าของปกคอเสื้อนักศึกษาชื่อฟาที่เขากำไว้แน่น
เป็นคนบอกเขากลายๆ
ว่าไอ้ตัวสูงหน้าหนวดคนตรงหน้าเขานี้เป็นเจ้าของดูคาติดำแดงคันนั้น
คันที่ทำเขาว้าวุ่นตั้งแต่ที่เจอ
บอกเลยว่าผิดคาดและก็ผิดเป้าหมายเป็นอย่างมาก!
เจ้าของนัยน์ตาสีดำและเจ้าของดูคาติที่ทำเอาตัวเขาถึงขั้นอยากรู้อยากเห็นหน้าให้ได้ ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่เขาคิด คนตรงหน้าเขามันเป็นผู้ชาย
ปิยปาณคนนี้ขออนุญาตหยาบคาย
ไอ้ฉิบหาย!!
ไอ้หนวดตรงหน้าของเขานี่มันเป็นผู้ชายประสาอะไร
ขาโคตรเล็ก
เรียกว่าเล็กกว่าขาของเขาอีกแล้วกางเกงยีนเดฟสีดำที่มันใส่อยู่ในตอนนี้นี่เรียกได้ว่าถ้าตัวเขาเอามาใส่
คงต้องคิดแล้วคิดอีกในสมรรถภาพปายไม่น้อยแน่ๆ แล้วไอ้เหี้ยเอ้ย
ขนที่แทนที่จะขึ้นที่ขามันเปลี่ยนที่ขึ้นเป็นที่หน้ามึงใช่ไหม!! ไอ้หนวด!!
“ใครอยากรู้จักกูนะฟา” ชื่อฟาน่าจะเป็นชื่อของไอ้หนวดหร็อมแหร็มนี่แน่นอน
เอาเป็นว่าเขาจะเรียกชื่อไอ้มีเคราแพะหร็อมแหร็มด้วยชื่อนี้
คำถามนั้นดังขึ้นทำลายความเงียบที่แสนอึดอัดในช่วงเวลาก่อนหน้าลงและราวกับว่ามันทำให้เขาที่ยืนนิ่งอยู่คิดขยับตัว
“ใครวะ” ริมฝีปากได้รูปนั้นขยับเอ่ยเสียงทุ้มถามอีก
ด้วยท่าทางเป็นปกติแต่ทว่าแค่เพียงน้ำเสียงทุ้มของอีกฝ่ายดังขึ้น
มันกลับทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนกับว่าเคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากที่ไหนสักที่
เขาเคยได้ยินน้ำเสียงทุ้มแบบนี้ที่สำคัญมันมีหนึ่งความรู้สึกที่แทรกเข้ามาด้วยในวินาทีที่ได้ยิน
มันคือความคุ้นเคย เขาคุ้นเคยกับน้ำเสียงทุ้มแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก
“ก็ไอ้กร่างนี้ไง” ไอ้หนวดหร็อมแหร็มมันเป็นคนบอกพร้อมกับชี้นิ้วมาทางเขา
นัยน์ตาสีดำหันกลับมามองสบที่เขา คิ้วเข้มนั้นเลิกขึ้นคล้ายกับถามกลายๆ
ประมาณว่ามึงหรอที่อยากรู้จักกู
“คุณคนนี้เขาอยากรู้จักมึงว่ะ” เป็นไอ้หนวดหร็อมแหร็มอีกที่เสริม
ในช่วงเวลาที่สบสายตากันอีกครั้ง ตัวของเขาก็ราวกับว่าควานหาเส้นเสียงของตัวเองไม่ได้
เกิดอาการใบ้กินขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“สงสัยถูกใจลูกสาวมึงมั้ง” จากนิ้วชี้ที่ชี้ใส่
เปลี่ยนเป็นท่าบิดแฮนมอเตอร์ไซค์ แถมยังยิ้มตรงมุมปากหน่อยๆ
ถือว่าเป็นการยกยิ้มมุมปากที่กวนจุดยืนไม่ต่างคำพูด พอไอ้หนวดหร็อมแหร็มถูกเขามองแรง
ทีนี้เขาเลยได้รับเสียงหัวเราะพอใจของอีกฝ่ายเพิ่มมาให้หงุดหงิดขึ้นอีก
“ลูกสาวกู” เพราะมัวแต่สนใจไอ้หนวดหร็อมแหร็มมัน
เจ้าของเสียงทุ้มนั้นเลยได้เดินเข้ามาใกล้เขาเพิ่มขึ้นอีก
เป็นการยืนห่างกันที่นับได้แค่ก้าวหรือไม่ก็สองก้าว
ต่อจากที่เอ่ยเสียงทุ้มแสนคุ้นเคยขึ้นถาม
เจ้าของดวงตาคมก็ใช้นัยน์ตาสีดำนั้นเพ่งมองมาทางเขา
ใช้มันมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่าใจเย็น
ดูคล้ายกับเอาคืนที่เขาเป็นฝ่ายมองอีกฝ่ายไปก่อนหน้า
แต่ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำมันกลับไม่ได้ดูเสียมารยาทหรือทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโดนดูถูกแต่อย่างไร
ไอ้หน้าหนวดที่มาใหม่นี่ก็คงมองเขาเหมือนกับมองใครทั่วไป
แต่ทว่าใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ใดๆ และนัยน์ตาสีดำนี่ล่ะมั้ง
ที่ทำให้ตัวเขาที่ถูกมองต้องเป็นฝ่ายอึกอักแทน โคตรล่กอะ อยู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะวางสายตาตัวเองไว้ตรงไหน
“ไง” อีกฝ่ายพูดขึ้น ด้วยระยะห่างทำให้ต้องถอยเท้าไปหนึ่งก้าว
“อะไรวะ เพื่อนกูหล่อขนาดที่มึงต้องสตั้นเลยหรือไง”
เป็นคำถามจากไอ้หนวดหร็อมแหร็มคนเดิม
ที่ตอนนี้มันยืนนิ่งกอดอกด้วยท่าทางที่มั่นใจว่าตัวเองเท่แสนเท่
แต่ขอโทษเถอะปิยปาณคนนี้ไม่คิดอย่างนั้น
“ไง สตั้นไปเลยดิ” ครั้งนี้เขาก็ยังไม่ปริปากใดๆ ออกมา
แค่ปรายตาไปมองคนตัวสูง
เจ้าของเสียงทุ้มแสนคุ้นเคยผู้เป็นเจ้าของดูคาติดำแดงตรงหน้าเขาอย่างนั้น
ไม่อยากยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับ ว่าคนตรงหน้าเขามันดูดี
ที่สำคัญมันเป็นผู้ชายคนแรกเลยที่เหมือนมีอะไรสักอย่างที่ทำให้เขารู้สึกว่าอยากรู้ในหลายๆ
อย่างหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับอีกฝ่าย
ยอมรับเลยว่าคนตรงหน้ามีอะไรสักอย่างที่ชวนให้เขาอยากรู้จัก
“หน้าแบบนี้เรียกว่าหล่อหรอวะ”
เคยบอกไปหรือยังว่าไอ้ปายลูกคุณนายสมรศรีคนนี้ปากมันใช่เล่นๆ
พอพูดประโยคนี้ออกมาก็ทำทีชะโงกหน้าเข้าไปมองหาความหล่อของคนตรงหน้าอย่างที่ไอ้หนวดหรอมแหร็มมันว่า
เจ้าของใบหน้าเฉยชาที่เขาชะโงกหน้าเข้าหายังคงใช้สายตาแบบเดิมๆ
ของเจ้าตัวมองเขา และอีกฝ่ายไม่คิดจะถอยออกห่างเลยด้วยซ้ำ
กลับกันเป็นฝ่ายเขาที่ต้องถอยออกมายืนที่เดิม
คล้ายกับว่าการกระทำดังกล่าวสร้างความพอใจให้ไอ้หนวดหร็อมแหร็มมันมาก
มันถึงได้หัวเราะหึหึในลำคอส่งมาให้เขาอีก
“หัวเราะอะไรไม่ทราบ”
เป็นเขาที่เอ่ยถามพร้อมกับหันไปสนใจเจ้าของเสียงหัวเราะในลำคอนั้น
“แจ้งให้ทราบว่ากูหัวเราะมึงไง”
ไอ้หนวดหร็อมแหร็มตอบกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
“เป็นบ้าหรือไงหัวเราะอยู่ได้” เสียงหัวเราะในลำคอของไอ้หนวดหร็อมแหร็มมันทำให้รู้สึกหงุดหงิดเป็นบ้าเลยให้ตายเถอะ
“แล้วแต่จะคิด ว่าแต่มึงจะบอกว่าตัวเองหล่อกว่าเพื่อนกูงั้นสิ”
ไอ้หนวดหร็อมแหร็มมันถาม เขากำลังจะตอบว่าใช่ แต่ต้องเงียบปากลงเพราะสายตามัน
ที่มองเขาแล้วยิ้มมุมปาก มองแล้วก็ยิ้มอยู่แบบนั้น
แค่ไม่กี่วินาทีแต่ไอ้ปายคนนี้โคตรจะไม่ชอบและเชื่อได้ว่าถ้ามันเอ่ยประโยคอื่นต่อมาอีก
ก็คงต้องทำให้เขาโคตรไม่ชอบอีกแน่ๆ และแน่นอนส่วนมากมันมักเป็นแบบนั้น
“ก็นะ มึงหล่อจริง กูไม่เถียงเลย”
เขาคงคิดไปเองหรือเปล่าว่าไหล่กว้างของไอ้หนวดหร็อมแหร็มมันขยับเข้ามาใกล้เขา
รู้สึกได้ว่ามันห่างกันแค่ไม่กี่ก้าวทั้งที่ก่อนหน้ามันห่างมาก
เขาก้าวเท้าถอยออก
ทว่าถอยได้ไม่กี่ก้าว
ช่วงไหล่ของเขาก็ชนเข้ากับช่วงไหล่ที่ไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่ จะขยับออกห่าง
ทว่าท่อนแขนเขาก็ถูกจับไว้แน่นเสียก่อน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
มันดำเนินไปอย่างรวดเร็วแต่เขากลับรู้สึกว่ามันนานหลายสิบนาที
“แต่นอกจากหน้าหล่อๆ ของมึงแล้ว เคยมีคนบอกมึงไหมว่าตาดำๆ
ของมึงมันโตขึ้นตอนมึงหงุดหงิดนี่โคตรจะ…” มันค้างคำพูดไว้แค่นั้น
ด้วยความสูงที่ต่างกันทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมองปากมันเล็กน้อย
“น่า..รัก” ไอ้หนวดหร็อมแหร็มมันไม่ได้พูดออกมา
แต่เขารู้ได้จากรูปปากที่ขยับขึ้นลงของมัน
“ยิ่งตอนนี้ ที่มึงโคตรจะหงุดหงิด
หน้าตามึงก็โคตรของโคตรจะน่ารักเลยวะไอ้เด็กแก้มกลม” สิ้นคำพูด
แก้มของเขาก็ถูกปลายนิ้วชี้จิ้มลงมาเบาๆ นาทีนั้นราวกับว่าเขาหลงลืมสติไปชั่วขณะ
ทว่าพอมันชักนิ้วกลับไป เท้าของเขามันรีแอคชั่นไวเสมอ
ผลเลยปรากฏเป็นรอยบนกางเกงของอีกฝ่าย
“มึง!!” และถ้าข้อมือข้างขวาของเขาไม่โดนจับไว้แน่น
สาบานเลยว่าปลายทางของกำปั้นนี้มันจะอยู่ที่สันจมูกโด่งของอีกฝ่าย
และเพราะอีกฝ่ายที่โดนเขาถีบมันทำเพียงแค่ปัดบนรอยเบาๆ แล้วยกยิ้มมุมปากให้เขาอยู่อย่างนั้นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกแทบคลั่ง
เขาอยากจะทำมากกว่าถีบแต่ทว่าก็ทำไม่ได้
“ปล่อย! ไอ้เหี้ยกูบอกให้ปล่อย!!” เขาหันมาตะโกนใส่เจ้าของมือที่ใหญ่กว่ามือของเขา
ที่ในตอนนี้มันกำลังกำรวบข้อมือเขาอยู่
ถึงจะพยายามแค่ไหนแรงที่ส่งกลับมีมากขึ้นจนรู้สึกเจ็บ
“หูแตกหรือไง กูบอกให้ปล่อยไงวะ”
ครั้งนี้คิ้วเข้มของอีกฝ่ายขมวดเข้าหากันอีก
และแน่นอนแรงที่ข้อมือของเขาก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวอีกด้วย
“กูบอกให้ปล่อย”
เขาเบ้หน้าบอกเพราะรู้สึกเจ็บแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยแถมยังจ้องหน้าเขาเขม็ง
“หูแตกแล้วแม่งยังใบ้แดกด้วยหรือไงวะ” เขาโพล่ง
ใช้มือข้างที่ว่างงัดนิ้วยาวของมันออก
“ปล่อยมือกู!” เขาตะโกนบอก
“กูบอกให้ปล่อยมือกู!” เขาตะโกนใส่หน้าของอีกฝ่ายเสียงดัง
“อยากให้ปล่อยก็พูดดีๆ” มันพูดออกมาได้แล้ว แถมยังพูดได้หน้าตายชิบหาย
ไม่รู้ทำไมได้ยินเสียงทุ้มนี้แล้วใจที่ร้อนดันเย็นลงมาเฉย แต่ก็ชั่ววินาทีแล้วก็ต้องกลับมาร้อนอีกเพราะเสียงหัวเราะในลำคอของไอ้ตัวเหี้ยข้างๆ
นั่น
“ฟาเลิกยัวะมันได้แล้ว”
ไอ้หน้าหนวดมันละสายจากหน้าเขาไปพูดกับเจ้าของชื่อในประโยค
“โอเคครับๆ จะเลิกยัวะแล้ว โอ๋ๆ เอ๋ๆ นะแก้มกลม”
พูดจบมันก็ทำมือโอ๋ๆ เอ๋ๆ
“โอ๋ๆ เอ๋ๆ เหี้ยมึงเถอะ” กำลังจะพุ่งไปใส่แต่ก็ถูกแรงไอ้หนวดดึงไว้ก่อน
ไอ้เหี้ยเอ้ยเห็นตัวมันเท่านั้นแต่แรงมันเยอะมาก
“ปล่อยกูสิวะ” เขาโมโหจนอยากจะต่อยอีกคนแทนแล้ว
ทว่าไอ้หนวดมันดันเพิ่มแรงขึ้นอีก
“ไอ้เหี้ยเจ็บ แรงควายหรือไงวะ!” เจ็บจนต้องหันกับมาด่าแม่งเลย
ทั้งเจ็บทั้งหงุดหงิดทั้งโมโหรวมกันอยู่ในอกเต็มไปหมด
นอกเหนือจากนั้นมันมีความรู้สึกหนึ่งที่แทรกเข้ามา
เป็นอะไรที่เขาเองก็อธิบายออกมาไม่ได้ แต่รู้สึกได้ว่าใจมันเต้นเร็วเกินไป
“เจ็บ! ปล่อย!” เขาตะโกนใส่หน้ามันอีก สะบัดยังไงก็ไม่หลุด
“พูดขอดีๆ แล้วจะปล่อย” ไอ้หนวดมันบอกท่าทางไม่ทุกข์ร้อน
“อะไรนะ” เขาถาม ทำหน้าโคตรเหลือเชื่อกับคำพูดของมัน
“ขอให้ปล่อยดีๆ พูดเป็นไหม” ไอ้หนวดมันพูดอีก เรื่องอะไรจะขอ เขาคิด
“ไม่พูดก็จะจับแบบนี้ไม่ปล่อย” มันพูดออกมาเหมือนรู้ความคิดของเขา
“ใช่เรื่องหรอวะ!”
“ก็ลองดู” มันพูดแค่นั้นแล้วลงแรงที่จับที่ข้อมือเขาอีก
“ไอ้เหี้ยแม่ง!” ครั้งนี้เขาใช้มือข้างที่ว่างเตรียมจะส่งไปชกจมูกโด่งๆ
ของมันให้ยับแต่ทว่าช่วงที่ออกแรง ดันถูกดึงตัวเข้าไปใกล้แล้วเป็นฝ่ายถูกอีกฝ่ายไพล่หลังล็อคตัวไว้เสียแน่น
และใกล้เสียจนเขาได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นของเปลือกไม้จากอีกฝ่าย
“ป..ปล่อยสิวะ” ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงของเขาถึงเป็นอย่างนี้ไปได้
“ขอดีๆ” ไอ้หนวดมันยังเสนอความต้องการของมันอยู่เหมือนเดิม เรื่องไรจะพูดวะ
“ไม่พูดก็ไม่ปล่อย” เขาจะเหยียบเท้ามัน มันดันรู้และหลบทัน
“พูดดีๆ แล้วจะปล่อย” มันพูดขึ้นอีก
“ดีๆ” เท่าที่เขาพูดจบเสียงหัวเราะก็ดังลั่นตามมา
ไม่ได้มาจากทั้งเขาและไอ้คนที่ล็อคตัวเขาไว้อยู่หรอกนะ
แต่มาจากไอ้ไอ้หนวดหร็อมแหร็มที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่นี่ไง
“หัวเราะหาป๊ามึงหรอสัตว์” เขาตะโกนใส่แม่ง
“ปากมึงนี่นะ” เขาถูกไอ้หนวดหร็อมแหร็มมันว่าให้
แล้วก็เอานิ้วมาจิ้มตรงหน้าผาก จะหลบก็หลบไม่ได้
หน้าผากของเขาเลยถูกมันจิ้มเอาจิ้มเอาอย่างนั้น
“เป็นไรกับหน้าผากกูนัก!” เขาโพล่งถามแต่อีกฝ่ายดันหัวเราะออกมาแทน
“หึหึ ปล่อยมันเถอะคม กูสงสารเด็กว่ะ จะร้องแล้วเนี่ย”
ไอ้หนวดหรอมแหร็มมันว่า แล้วก็ถอยไปหัวเราะในลำคอแบบที่เขาไม่ชอบนั่นอีก
“อย่าร้องแงแงนะมึง” จบคำพูดของไอ้หนวดหร็อมแหร็มมัน
เขาก็ส่งเท้าตั้งใจจะเตะให้ได้แต่ทว่าก็โดนดึงไหล่ไว้อีก
นี่ก็อีกคนอย่าให้กูหลุดไปได้นะไอ้หนวด
“จะร้องแล้วๆ” ไอ้หนวดหร็อมแหร็มฟามันยัวะไม่เลิก
“ใครจะร้อง! กูไม่ได้จะร้อง!” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องไปเถียงเอากับคำพูดของไอ้คนแบบนี้ด้วย
“เดี๋ยวก็ร้องแน่ๆ ปล่อยเถอะคม สงสารเด็กแก้มกลมๆ”
“ไอ้เหี้ย แก้มกูไม่ได้กลม!”
“งั้นก็แก้มป่องหรอ”
“ไม่ได้ป่อง!”
“ไม่ป่องก็แก้มเป็นก้อน”
“ไม่ได้แก้มเป็นก้อนด้วยโว้ย”
“555555 ไอ้เหี้ยทำไมมึงมันเถียงสนุกจังวะ กลับบ้านไปเถียงกับกูไหมเด็ก”
“ใครจะไปกับมึง”
“ไม่ไปก็ไม่ไป ว่าแต่มันมู้จู้จังว่ะปากมึงนี่ ขอดีดทีเถอะว่ะ”
เชื่อไหมว่านิ้วไอ้หนวดหร็อมแหร็มที่เตรียมจะดีดปากของเขา
อย่างที่เจ้าของประโยคมันพูดบอก มันไม่ได้โดนปากเขาแต่อย่างไรเลย เพราะช่วงแขนที่ล็อคคอเขาอยู่เปลี่ยนเป็นดันตัวเขามาไว้ข้างหลังมันอย่างรวดเร็ว
“ไอ้เหี้ยเกือบล้ม” เขาด่าพร้อมกับจ้องหน้าไอ้หน้าหนวดที่อยู่ๆ ก็เหวี่ยงตัวเขามาด้านหลังมัน
“ไปไหนก็ไป" ไอ้หนวดมันว่า
“อะไรนะ” เขาถามเสียงดัง ตอนนี้ใบหน้าคงมีครื่องหมายคำถามแปะอยู่แน่ๆ
“ไปไหนก็ไป” ไอ้หนวดมันพูดซ้ำ
“ไป” เห็นเขานิ่งมันก็เลยพูดออกมาอีก กำลังจะด่ากลับไปอีกทว่าก็ต้องหยุดปากตัวเองไว้แค่นั้น เพราะสายตาดุๆ นั่น
“เออ ไปก็ได้ไอ้เหี้ย!” เขาตะโกน พอจะปล่อยก็ปล่อยง่ายๆ
แล้วมีหรือคนอย่างไอ้ปายปิยปาณลูกคุณนายสมรศรีจะยอมเสียโอกาส
ก่อนจะไปจังหวะที่ไอ้หนวดมันหันหลังพอดี เขาก็ซัดแผ่นหลังนั่นไปเต็มๆ กำปั้น ถือว่าหายกันกับรอยแดงๆ
ตรงข้อมือของเขาก็แล้วกัน แล้วก็ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าครั้งหน้ามันไปถึงถิ่นเขา
เขาเล่นคืนแน่ๆ
“กูนึกว่ามึงไปเป็นลูกมือช่วยร้านเขาแล้วซะอีก” ไอ้อิฐร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นเขาเดินหน้าบึ้งเข้ามา
จะไม่ได้ไปนานจนไอ้อิฐโวยหรอก ถ้าไม่เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องก่อนหน้า
“ทำไมเสื้อมึงเปียกเหงื่องี้วะปาย” ไอ้อิฐถามต่อทันทีที่เห็นด้านหลังของเสื้อที่เขาใส่
“ก็มันไม่แห้ง” เขาตอบกลับไอ้อิฐมันไปแบบนั้นแล้วก็เงียบไป ไอ้อิฐมันเองก็เงียบไปครู่ ก่อนจะจ้องหน้าเขาแล้วเดินมาใกล้
“เป็นอะไรวะ” ไอ้อิฐมันถาม
“ไม่ได้เป็นอะไร” เขาตอบ
“ให้ไม่เป็นอะไรจริงๆ เถอะ” ไอ้อิฐมันว่าแล้วก็จ้องหน้าเขาอีก
เห็นท่าทางแบบนี้ของอิฐมันเขาเลยต้องพยายามทำให้หน้าตัวเองเลิกบึ้ง
“ว่าแต่ทำไมมึงไปนาน ไปเป็นลูกมือช่วยร้านเขาจริงหรือไง”
ไอ้อิฐถามด้วยโทนเสียงที่ต่างออกไป บางครั้งไอ้อิฐมันก็ชอบทำตัวเป็นพี่ชายของเขาทั้งๆ
ที่จริงมันน่ะยังห่างไกลลิบ
“ใบ้หรือหูหนวกวะ ถามไม่ตอบ” มัวแต่นึกถึงเรื่องอื่น
ไอ้อิฐมันเลยเดินเข้ามาใกล้แล้วผลักหัวเขาเบาๆ
“น้ำแก้วนี้กูขว้างทิ้งแม่งเลย” ทำท่าจะขว้างแก้วนมสดปั่นในมือทิ้งจริงๆ
ไอ้อิฐเห็นแม่งรีบกระโจนเข้าใส่แก้วนมสดปั่นของมันอย่างรวดเร็ว
แถมได้ไปก็ดูดเข้าปากไปอึกใหญ่
“ขอให้สำลักไอ้เหี้ย” เขาแช่งแม่งเลย
“อะ..ไอ้เหี้ยเกือบสำลักจริง”
“โง่ก็งี้”
“เอ้าไอ้คนไม่โง่ บอกมามึงเป็นเหี้ยไร” ไอ้อิฐก้มลงไปดูดนมปั่นอีกอึก ครั้งนี้มันทำเสียงเคี้ยวน้ำดังแจ๊บๆ กวนเพิ่มมาอีก
“ไม่ได้เป็นเหี้ยไร”
“ไม่เป็นเหี้ยไรแต่หน้าตามึงมันบอกว่ามึงเป็น เป็นเหี้ยไรวะ”
“ไม่ได้เป็นเหี้ยไนทั้งนั้นแหละ จะเป็นก็เป็นแค่ปายคนเท่นี้แหละ”
เขาตอบพร้อมกับดูดยาคลูปีโป้ปั่นแก้วในมือบ้าง
พอไอ้อิฐมองหน้าเขาแล้วส่ายหัวเขาเลยหยักคิ้วส่งให้เลย
“เออ งั้นเชิญมึงเป็นปายคนเท่ไปต่อละกัน”
ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน ไอ้อิฐมันเลยไม่ชักไซ้อะไรเขาต่อ
นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีในหลายๆ เรื่องของนายการินคนนี้นี่น่ะนะ
“ปายจริงๆ มีอะไรบอกกูได้นะ” ไม่วายมันก็ยังอยากใส่ใจเรื่องของเขาอยู่ดี
“มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนที่ค่อนข้างใส่ใจเพื่อน...อย่างมึง” ไอ้อิฐมันเว้นช่วงท้ายของประโยคได้น่าเตะสักที
“ถ้ากูเป็นแล้วจะบอกแล้วกัน”
“เออ งั้นก็รีบเป็นจะได้รีบบอกกู กูน่ะเป็นห่วงมึงนะ”
“ลุกยันขนตูด”
“ไหนเอาดู”
“ให้ดูก็เหี้ยเถอะการิน”
“เอ้าก็ไม่เชื่อนี่หว่า ลุกจริงอะเปล่าเปิดออกมาดู”
“ไอ้เหี้ยอิฐเข้ามากูเตะนะ เตะจริงๆ นะเว้ย”
“555 ไม่เข้าไปหรอกกลัวโดนเตะ ทำงานต่อดีกว่า”
เจ้าของร่างสูงโปร่งอย่างอิฐพูดแค่นั้นแล้วก็หลุดหัวเราะในลำคอให้ไอ้คนที่เดินไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมแล้วก็ก้มลงดูดยาคลูปีโป้ปั่นของเจ้ตัวมันทั้งที่หน้าบึ้งๆ
อย่างนั้น
สำหรับไอ้ปิยปาณเพื่อนของเขาคนนี้
มันเป็นประเภทไม่ชอบให้มีอะไรค้างคาใจมันเท่าไหร่นัก
ทว่าสำหรับสิ่งที่มันเป็นอยู่ในช่วงนี้
เขาจับผิดความรู้สึกของมันได้ว่ามันต้องมีอะไรอยู่ในใจมันแน่ๆ
และถ้าขืนไปรบเร้าให้มันบอกมาก็ไม่วายโดนมันด่าให้ ที่เขาทำได้ก็แค่รอเท่านั้น
ตลอดหลายนาทีที่เขารับแก้วนมปั่นไปดูดพลางก้มดูแปลนแบบต่อก็จะได้ยินเสียงหึ้ยที่ดังมาจากเพื่อนสนิทอยู่ตลอด
มีบ้างที่เขาละสายตาจากงานเงยหน้าไปมองหน้าอีกฝ่าย ไอ้ปายมันก็ทำหน้าหงิกส่งมาใส่
ไอ้เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงให้มันเลิกทำหน้าบ้าๆ ก็เลยได้แต่แค่นยิ้มจืดๆ
ส่งให้มันกลายๆ
ช่วงนี้เขารู้สึกว่าเพื่อนรักเปลี่ยนไป
ปิยปาณไม่เคยหงุดหงิดแล้วแสดงออกให้ใครเห็นได้มากเท่านี้มาก่อน
ปิยปาณเมื่อก่อนต่อให้หงุดหงิดขนาดไหนเพื่อนรักของเขามันก็เลือกที่จะเก็บความหงุดหงิดไว้แล้วฉีกยิ้มแฮ่ๆ
เป็นไอ้ลูกหมาส่งมาให้เสมอ
แต่สิ่งที่เขาเห็นได้จากเพื่อนรักที่มันเป็นอยู่ในตอนนี้
มันดูแปลกเกินไป แปลกจนเขาเป็นห่วงและโคตรอยากจะใส่ใจมันมากๆ เลยที่เดียวเชียว
....RRRRRRR.....
จากที่นั่งดูดยาคลูปีโป้ปั่นรอเพื่อนรักอย่างไอ้อิฐมันทำงานอยู่อย่างเงียบๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำลายความเงียบอยู่หลายครั้งต่อหลายครั้ง โดยที่เจ้าของเครื่องบวกเจ้าของริงโทนตัวการ์ตูนสุดรัก มันก็ไม่คิดจะละความสนใจจากงานมากดรับสายเลยสักนิดเดียว
“อย่าให้กูต้องเดินไปรับให้นะ” เขาที่เงียบไปอยู่นานพูดขึ้น
“เออหน่า” ไอ้อิฐตอบกลับคล้ายกับเข้าใจแต่
เขากล้าบอกเลยว่ามันไม่เข้าใจอย่างที่ตอบแน่ๆ
“รับสายสักทีไม่รับก็กดตัดสายไปซิวะ” เขาว่า
“เออ” ไอ้อิฐตอบในลำคอไปผ่านๆ
“ถ้ามึงขืนปล่อยมันดังขึ้นอีกกูลุกขึ้นไปเตะแน่” เขาว่าอีก
“เออๆ” ไอ้อิฐขานรับแบบเดิมๆ มีพิรุธแน่ๆ มีแน่ เขาดูมันออก
....RRRRRRR.....
ในครั้งนี้เสียงริงโทนดังขึ้นอีกพร้อมๆ
กับเสียงเคาะเท้าลงบนพื้นของเขาเป็นซาวด์เสริม เสียงเคาะเท้าที่ดังเสริมนั้น
ดังคล้ายกับเป็นเครื่องนับเวลาถอยหลังที่บอกให้เจ้าของโทรศัพท์อย่างไอ้อิฐมันรู้อะไรสักอย่าง
ซึ่งไอ้อิฐมันเองก็ต้องรับรู้ว่าเรื่องที่ค่อนจะไปทางความเป็นความตายเสียมากกว่าจะเคาะเสริมสนุก
“มองกูคือ…” ไอ้อิฐหันมาถาม
“ถ้ามึงยังไม่รับนะอิฐ” เขาตอบมันพลางมองไปทางรองเท้าของตัวเอง
“ขู่น่ากลัวจังนะตัวแค่นี้ ตัวแค่เนี้ย” คราวนี้ไอ้เชี่ยอิฐแม่งร้องเป็นเพลงมาเลย
“กูเตะจริงนะสัด” เขาพูดจบ ไอ้เพื่อนรักตัวดีมันก็ชูหน้าจอโทรศัพท์มาให้ดู
ไอ้อิฐเมมชื่อเฮียดินของมันเป็นเหี้ยดินได้อย่างกล้าหาญชาญชัยมาก
ต่อหน้าคือเก่งกล้าและสามารถแต่ทว่าลับหลังคือหงอและไม่มีเหี้ยใดๆ ทั้งสิ้น
มีแต่เฮียอย่างนั้นน้องอย่างนี้
“กูไม่อยากรับแม่งมัน” ไอ้อิฐยอมบอกออกปากมาจนได้
“รับเถอะจะได้จบๆ” เขาบอกไอ้อิฐมันก่อนจะกลับมาแสร้งสนใจเกมในมือ
ที่จริงก็แค่ทำทีว่าเล่นเกมจากโทรศัพท์แต่หูก็ทำหน้าที่ใส่ใจได้อย่างดี
ก็อย่างว่าการใส่ใจเรื่องของคนอื่นนั้นสามารถลดอาการความหงุดหงิดลงได้เสมอ
รายงานผลการวิจัยโดยนายปิยปาณ
“แม่ง” ไอ้อิฐสบถไปทีนึงก่อนจะรับสายได้
“ครับ..เฮีย”
“อยู่คณะ” สงสัยพี่ดินถามแน่นอนว่าอยู่ไหน
“ครับ”
“อิฐขอแล้ว” นี่ไงสรรพนามคุ้นหูที่เขาได้ยินบ่อยๆ
“ขอเฮียด้วย”
“เพื่อนก็ไป” เพื่อนที่ว่าคงหมายถึงเขา
“ครับ”
“ตกลงแล้วนะ โตแล้วคำไหนคำนั้นนะมึง” เสียงมึงระริกระรี้มากอิฐ
“อาจจะดึก” พี่ดินถามเวลากลับแน่นอน
“แท็กซี่ไง ฉลาดๆ อย่างกูอะ”
“เออ”
“กับเฮีย” สงสัยโดนพี่ดินถามว่าเออกับใคร ไอ้อิฐแม่งเลยต้องตอบว่าเออกับเฮีย 555
“ได้” พูดว่าได้ก็แสดงว่าพี่ดินให้ผ่าน
“ครับ”
“ไอ้เหี้ยดิน!” สายถูกตัดไปนานแล้วไอ้อิฐมันถึงได้กล้าโพล่งคำนี้ออกแบบนี้
“พี่มึงโทรมาคุยเรื่องอะไรวะ” เป็นฝ่ายเขาที่ต้องใส่ใจเพื่อนรักบ้างแล้ว ถึงได้ถามไอ้อิฐมันขึ้นทันที
“ก็เรื่องเลี้ยงสายมึงตอนเย็นไง” ไอ้อิฐตอบ เขาก็ร้องอ๋อยาวๆ
“ได้ใช่ไหม?” ขอเขาถามมันเพื่อความชัวร์อีกครั้ง
“ไม่ได้มั้งไอ้เหี้ย!!” ไอ้อิฐตอบ
เพื่อนรักของเขาตอนนี้ดูเหมือนพร้อมจะพ่นไฟทำลายล้างของรอบตัวได้หมด
เขาสัมผัสได้ว่ามันกำลังบ้าได้ที่
เหมือนกับสถานะในตอนแรกนั้นเปลี่ยนจากที่เขาหงุดหงิดก็กลายมาเป็นไอ้เพื่อนรักมันหงุดหงิดแทน
ก็ไม่รู้จะช่วยมันได้ยังไง เขาก็เลยทำได้แค่ชูสองนิ้วให้ไป
“ไอ้เหี้ยแม่ง!!” ไอ้อิฐหันไปสบถใส่กำแพงเสียงดัง
“เขาเป็นพี่ไงพี่ ท่องไว้” เขาบอกมัน
“อย่าให้ถึงทีกูก็แล้วกัน” ไอ้อิฐมันคงโดนพี่ดินแกล้งอะไรมาอีกแน่ถึงได้คลั่งขนาดนี้
พูดถึงสองพี่น้องนี่ถ้ามันคุยกันทีไร
ไอ้ตัวพี่นี่คงร้ายน่าดูเพราะคุยทีไรไอ้ตัวน้องก็แทบจะหาความเป็นคนไม่เจอ
พี่ดินเหมือนยาเร่งปฏิกิริยา เหมือนเม็ดเมนทอลที่จะหย่อนลงขวดโค้ก
หย่อนใส่ไอ้อิฐปุ๊บเลือดบ้าเชื้อคลั่งมันก็วิ่งพล่านทันที
แล้วก็คงระเบิดเบิ้มกลายเป็นโกโก้ครั้นในทุ่งข้าวสาลีอย่างที่กำลังเกิดขึ้น
“เหี้ยเอ้ย!”
“โว้ย!” ไอ้อิฐสบถเสียงดังจนเขาที่คิดอะไรเพลินๆ ตกใจ
“เพื่อนครับที่มึงโยนขึ้นไปโน้น งานนะครับงาน” ต้องร้องบอกมัน ไอ้ที่ลอยขึ้นไปเล่นเพดานเมื่อกี้ก็คืองานไงครับการิน
“เชี่ยปายมึงดูมัน มึงดูมันทำกับกู” ไอ้อิฐตะเบ็งเสียงบอก
เขาต้องทำหน้ากล้ำกลืนคล้ายกับตอบไอ้อิฐมันอย่างเป็นนัยๆ ว่าดูครับ
กูกำลังดูมึงจะกลายร่างอยู่ครับ
“แล้วอาจารย์ เอ่อพี่มึงเขาทำอะไรมึงอีกล่ะวะ”
ถ้าเป็นเรื่องของสองศรีพี่น้องแล้วต้องสำนึกไว้เสมอว่า
ถ้าจะคุยด้วยเขาก็ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“เชี่ยแม่ง! มันโทรฟ้องหม่าม้าบอกว่ากูไม่กลับบ้านหลายวัน
แล้วอีกอย่างมึงรู้ไหมปายว่ามันฟ้องหม่าม้าว่าอะไรอีก”
เขาพอรู้ว่าเพื่อนรักมันเพิ่งจะย้ายมาอยู่คอนโดใกล้ๆ
มหาลัยได้เดือนกว่าแล้วเพราะเผื่อวันทำงานดึกโน้นนี่นั้นที่สำคัญไอ้อิฐออกมาแม่งก็ไม่เคยกลับบ้านอย่างที่พี่ดินว่าจริง
ทั้งงานราษฎร์งานหลวงมันเอาหมดแถมยังมีลงแข่งอีกไม่รู้กี่สนามอีก
แล้วจะมีเวลาไหนกลับบ้านถามก่อน
“แล้วพี่มึงฟ้องอะไรวะ” ใจจริงไอ้ปายคนนี้ไม่อยากถามเพื่อนรักไปหรอก
แต่ทว่าพอมองดูหน้ามันแล้ว เขาก็จำเป็นต้องถามมันกลับ
เพื่อรักษาสถานะของความเป็นเพื่อนรักให้เหนียวแน่นเป็นหนังยางรัดแกงเส้นสีแดงๆ
“มันฟ้องม้าว่ากูไม่ตั้งใจกับเรื่องเรียนอย่างที่สัญญาไว้ เชี่ยแม่ง!
มึงก้รู้ว่าช่วงนี้กูต้องไปสนามแล้วอีกอย่างกูไม่ตั้งใจเรียนแล้วมึงจะเรียกว่าอะไรปาย”
ฟังดูทะแม่งๆ นะเพื่อน
“งานกูก็ส่งอาจารย์ครบทุกตัว เข้าบ้างไม่เข้าบ้างแต่กูก็ไม่ลืมไม่ทิ้ง
ไอ้มีปัญหาก็ตัวของมันเนี่ยแหละ ไอ้เฮียเหี้ย!! มึงเจอกูแน่
ห้ามนักใช่ไหมกินเหล้าน่ะ วันนี้โทรบอกเฮียเลยปาย ค่าเหล้ากูออกเอง
จะแดกให้แม่งยับให้สุดๆ ไปเลย” สิ้นประโยคยาวยืด
นายปิยปาณคนนี้ก็ทำได้แต่เพียงยืนอึ้งให้เพื่อนรัก
ที่ถึงแม้ว่าต้นประโยคมันจะหลอกด่าเขาก็ตาม
เขาเข้าใจว่ามันมีปัญหา
ยิ่งเขาเป็นประเภทกูมีปัญหาหรือข้องใจกูต้องเคลียร์ ต้องให้จบในวันนี้ไป
แต่เพื่อนรักของเขามันเป็นพวกเก็บกด ถ้าเหล้าทำให้มันระบายความไม่สบายใจออกมาได้
เขาก็ต้องไม่ขัดเพื่อน ยิ่งเหล้าฟรีแล้วด้วย
เรายิ่งต้องน้อมรับความตั้งใจของเพื่อน
ฟรีจากเฮียบวกฟรีจากไอ้อิฐก็คือเปรมเลยทีนี้
“กูน้อมรับความตั้งใจของมึงเพื่อน” เขาว่าพลางตบบ่าเพื่อนรักของตนปุๆ
“เหล้าไม่เข้าปากกู วันนี้แม่งไม่จบ” ไอ้อิฐโพล่งขึ้นก่อนจะรีบเก็บงานเข้ากระเป๋าในทันที
“กูคิดว่ามึงหาเรื่องแดกเหล้านะอิฐ เท่าที่กูเข้าใจ” เขาอดที่จะพูดออกมาไม่ได้ หน้าตาไอ้อิฐดูตอแหลเรื่องพี่ดินอะ
“หรือมึงไม่ชอบ”
“ไม่”
“ไม่ชอบเหล้า?”
“จ้า ไม่ชอบน้อย กูชอบมากกกกกก” เขาบอกมันพลางยิ้มกว้างโชว์ฟันสวย
“งั้นก็ไปแดกกัน”
“จัดไปครับเพื่อนครับ”
“อย่างนั้นก็กลับไปคอนโดกูก่อนแล้วค่อยออกพร้อมกัน”
พูดเสร็จไอ้อิฐมันก็เดินนำเขาออกไปเลย
เชื่อเลยว่าไอ้อิฐเพื่อนรักของเขามันดราม่ากับชีวิตได้ไม่นานเกินสิบนาทีหรอก
“มาช้าแล้วหน้าเหี้ยเหมือนเดิมอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนวะ” ว่ากันว่าบุคคลที่จะสามารถด่าหรือสามารถทำอะไรต่อมิอะไรในระดับที่นายปิยปาณไม่กล้าหือได้นั้น
มีอยู่ด้วยกันสองหน่อเท่านั้น
หน่อแรกนั้นเป็นผู้ชายตัวโตที่สูงเกือบสองเมตร
ที่สำคัญพักหลังฟิตกล้ามหรือทำงานเกินตัวไม่รู้ กล้ามเนื้อต้นแขนเลยขึ้นมาเป็นมัดๆ
ช่วงนี้ชีวิตเริ่มเข้าใกล้คำว่านายช่างใหญ่เข้าไปทุกที
มาดนายช่างใหญ่เลยจับจนเสียแปลกตา
ผมบนหัวที่ไม่ว่าจะเจอกันครั้งไหนๆ
ก็เป็นทรงสกินเฮดเหมือนเดิม และหน้าเหี้ยมๆ
พร้อมกับปากกวนจุดยืนนั่นก็ยังไม่เปลี่ยนเหมือนเดิม
“เฮียนิลสวัสดี” เขามองเห็นมันมาแต่ไกลแล้ว
พอเดินเข้าใกล้ก็โดนมันจัดให้หนึ่งชุดเบาๆ ด้วยประโยคก่อนหน้านั่นแหละ
“เฮียนิลสวัสดีครับ” ไหว้ครั้งแรกมันเป็นไม่เห็น เขาเลยต้องไหว้มันอีกเป็นครั้งที่สอง
“ไหว้พระเถอะว่ะ” ไอ้เฮียนิลมันว่า ก็เข้าทางปิยปาณสิครับ
“ก็ไหว้พระน่ะสิ หัวไม่มีผมกูคิดว่าเป็นพระหมดแหละ” เขาว่า
“พระกับตีนกูนี่มา” เฮียนิลมันว่าแล้วก็ชี้มือไปทางเท้าของตัวเอง
“คิดว่าเป็นพระแล้วจะทำอะไรคนอื่นยังไงก็ได้หรอวะ เดี๋ยวนี้แก๊งแครอทมันแจ๋วนะ”
“แจ๋วก็เหี้ยไอ้สัด เตะสักทีดีไหม”
“อาบัติ บาปๆ”
“มึงนี่ตัวบาปเลยไอ้ปาย นรกอีสวอทชิ่งยูปิยปาณ”
“อันนี้เหี้ยมากอะเฮีย” พอเขาพูดจบ เฮียนิลมันก็หัวเราะเสียงดังพอใจเลยทีนี้
หน่อแรกผ่านไปต่อมาก็ต้องเป็นหน่อที่สอง
หน่อที่สองที่ว่าก็คือบุคคลที่กำลังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์หยิกๆ
จนเขาต้องขอลุงรหัสอย่างเฮียนิลเข้าไปนั่งแทรกกลาง
แทรกตัวไปทรุดลงนั่งได้ก็เอาเท้าไปสะกิดขาไอ้คนที่ก้มกดโทรศัพท์อยู่แต่ทว่าเจ้าตัวมันก็ยังก้มหน้าสนใจโทรศัพท์อยู่เหมือนเดิม
“นี่” เขาจิ้มที่แขนเรียกอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้อะไรตอบกลับมา
“นี่” เรียกอีก ครั้งนี้ก็ไม่มีหันมองเหมือนเดิม
“มานั่งร้านเหล้าแต่เสือกสนใจแต่โทรศัพท์คืออะไรวะ”
เบื่อสะกิดแล้วเลยโพล่งขึ้นบอกแม่งเลย
แต่ทว่าเจ้าตัวมันก็ยังนิ่งสนใจแต่โทรศัพท์อยู่เหมือนเดิม
“มึงมาแบบนี้อย่ามาดีกว่าว่ะฟ่าง”
“แล้วไหนที่บอกอยากเจอกูวะ”
เขาทนไม่ไหวเลยพูดขึ้นพลางส่งสายตาใส่ลุงรหัสหัวสกินเฮดของตัวเอง
ฝ่ายนั้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เขาเลยจงใจนั่งเบียดไอ้คนที่สนใจแต่โทรศัพท์เข้าไปอีก
เขยิบเข้าไปให้ชิดสุดๆ แต่ทว่าเจ้าของผมสีน้ำตาลที่กดโทรศัพท์อย่างเพลินๆ
ก็ไม่ได้สนใจรอบข้างแล้วที่สำคัญไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
“มึงนี่แม่ง!” จำเป็นต้องสบถออกมาจนได้
“แล้วนี่มึงเปลี่ยนสีผมบ่อยกว่าไอ้เหี้ยตีบเปลี่ยนผู้หญิงอีกนะ” ในเมื่อไม่ได้เป็นฝ่ายถูกสนใจ เขาก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายสนใจอีกฝ่ายแทน
“ฟ่าง” เขาลองเรียกชื่อมันดูบ้างแต่ก็ได้ผลเหมือนเดิม
“ฟ่างมึงเงยหน้ามามองน้องรหัสมึงดิ”
“…”
“ฟ่างแสดงความคิดถึงกูหน่อย”
“…”
“ก็ไม่เคยจะคิดถึงกูหรอกคนแบบมึงอะ”
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อมันเต็มขั้น
จากมือเรียวที่จับโทรศัพท์อยู่เปลี่ยนมาลูบท้ายทอยเขาขึ้นลง
พอมันเงยหน้ามาให้เห็นชัดๆ ก็อดจะยิ้มกว้างเป็นลูกหมาส่งให้ไม่ได้
“ฟ่างคิดถึงกูไหม” เขาถามมันแบบเซ้าซี้สุด
เจ้าของใบหน้าสวยจ้องหน้าน้องรหัสอย่างเขาแบบจริงๆ
จังๆ
ก่อนที่ใบหน้าสวยนั้นจะยกยิ้มหวานส่งมาให้เขาและแน่นอนมันตามมาด้วยสัมผัสหนักๆ
เน้นๆ เสียจนคนโดนตบหัวอย่างเขาถึงกับร้องลั่นร้าน
“เหี้ยไอ้ฟ่าง!” ร้องด่าไปก็ลูบหัวตัวเองป้อยๆ ไป
“ตบมาได้นะฟ่าง”
“ก็คิดถึงกูมากไม่ใช่ไง ทีนี้หายคิดถึงกูยัง” ฟ่างมันถามเขากลับ
“ยัง! แค่นี้ยังไม่หายคิดถึงฟ่างหรอก จุ๊บหน่อย จุ๊บตรงนี้ จุ๊บแล้วหายเลย”
เขาพูดแล้วก็ทำปากจู๋ใส่ รักและชอบมากๆ กับการแกล้งมันให้ปรี๊ดแตกได้
“จุ๊บตีนกูก่อนไหมครับสัดปาย”
และแล้วมันก็เป็นเสียงเข้มของลุงรหัสของเขานั่นแหละที่โพล่งขึ้นมาดักไว้ก่อน
พอได้ยินเฮียนิลมันถามเสียงดัง
ไอ้อิฐเองที่มาพร้อมกันแล้วก็นั่งตรงหน้าเฮียถึงกับคอหดตดหาย
เรื่องความโหดกับความน่ากลัวของเฮียนิลเป็นที่เรื่องลือมาหลายปี
ถึงเฮียนิลจะไม่ได้เป็นพี่ว้ากแต่ความโหดขั้นแม๊กนั้นเหนือขั้นกว่าพี่ว้ากหลายต่อหลายคนเสียอีก
แล้วประเด็นสำคัญเลยที่เฮียของเขาออกตัวแรงขนาดนี้ ก็ชัดเจนในตัวมันอยู่แล้ว
ลุงรหัสกับพี่รหัสของนายปิยปาณคนนี้แดกกันเองครับ จบข่าว
“เฮียครับใจร่มๆ ครับ” เป็นไอ้อิฐที่กลืนน้ำลายลงคอไปไปเมื่อครู่พูดขึ้นมา
“อ้าว มาด้วยหรอมึง กูนึกว่าเลิกคบไอ้ปายไปแล้ว”
คำถามไอ้เฮียนิลนับว่าเป็นคำถามล้อเล่นที่เหี้ยมาก
“ยังไม่เลิกคบครับเฮีย กลัวหลานเฮียไม่มีคนคบ เลยเสียสละตัวเองเล่นๆ
ไปอีกหลายปี” ไอ้อิฐตอบ พูดเสร็จมันก็จัดการของที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างชำนาญและรวดเร็ว
ปีนี้และปีต่อๆ ไปไอ้การินครองตำแหน่งมือชงยอดเยี่ยมแน่นอน
“นี่มึงกะเอาคุ้มที่ต้องจ่ายป่ะวะ” เขาอดที่จะถามมันไม่ได้
คือแก้วแรกแม่งคือไม่ผสมอะไรทั้งนั้น ดูก็รู้เลยว่าเสี้ยนจัด
“นานๆ ที” ไอ้อิฐมันตอบเขา
“เนอะเฮียเนอะ” ไอ้อิฐยิ้มกริ่มแล้วหันไปยักคิ้วยิ้มตาตีบแบบฟินสุดๆ
ให้เฮียนิลมันดูตอนเหล้าเข้าปากมันไปหนึ่งอึก
เรื่องไม่เน้นสิ่งผสมแบบนี้ไอ้อิฐแม่งชำนาญและใช่ว่าท้องว่างมาแดกเหล้านะเพราะก่อนจะมาอิฐแดกบะหมี่เป็ดมาแล้ว
ดังนั้นตอนนี้อิฐเลยสามารถมาก เทคนิคง่ายๆ ให้จำก่อนไปกินเหล้าหาไรแดกรองท้องไว้ก่อน
“นานของมึงคือวันเว้นวันป่ะวะ”
เฮียนิลถามไอ้อิฐกลับแล้วจากนั้นต่างก็หัวเราะในลำคอประหนึ่งรู้ใจกันและกัน
จากที่เปิดโต๊ะนั่งกันอยู่สี่คนตอนนี้เห็นจะมีแค่เฮียนิลกับเพื่อนรักของเขาที่คุยกันไปยกเหล้าเข้าปากไป
ส่วนเขานะหรอตั้งใจอยากจะแดกให้ยับอย่างที่คิดไว้อยู่หรอกถ้าไม่ติดไอ้ตัวหงุดหงิดที่นั่งอยู่ข้างๆ
“หายไปไหนมาอะฟ่าง” เขาถามมันพร้อมกับดึงสองมือของมันมาจับไว้แน่น
ต้องจับไว้ครับ ไม่จับฟ่างมันก็จะสนใจแต่กับโทรศัพท์
ไอ้ฟ่างแม่งสามารถมากกับการแค่นั่งเล่นโทรศัพท์ของมันเฉยๆ
โดยที่ไม่ได้สนใจอะไรอื่น
“ตอบน้องอย่างกูหน่อย มึงไปไหนมา” เขาก็เซ้าซี้มันไม่เลิก
“เชียงใหม่” มันตอบเขาแบบเซ็งๆ
“ไปทำไรอะ”
“ใช่ธุระมึง” โอเคจบประเด็นได้ดี
“แล้วจะหายไปไหนอีกไหม” เขาถาม ปัดผมที่ปรกตาออกให้มันด้วย
“กูจะอยู่มอให้มึงเห็นจนเบื่อแหละ” มันตอบถามพลางแย่งแก้วจากไอ้เฮียนิลขึ้นมาจิบ
“กลัวจะอยู่ไม่ถึงอาทิตย์” เขาว่า
“หึ รอบนี้อยู่ยาวแน่” เป็นไอ้เฮียนิลที่โดนแย่งแก้วกลับไปแล้วพูดบอก
“ทำไมอะเฮีย” เขาถามทันที
“ร้านที่เชียงใหม่พังยับ มึงคิดว่าเจ้าสัวจะปล่อยให้มันไปไหนได้อีก” เฮียนิลมันว่าพร้อมกับส่ายหัวมองหน้าฟ่างแบบหน่ายๆ
“เรื่องจริง” เขาเลิกคิ้วถามไอ้เฮียนิลก่อนจะหันมามองหน้าฟ่างมันส่งสายตาให้แบบว่าตอบมาฟ่าง กูรอฟังอยู่
“ก็มันมองหน้ากูก่อน” ฟ่างแม่งขึ้นเสียงใส่เลย
“แค่มองไหมล่ะครับฟ่าง” ไอ้เฮียเองก็ใช่ว่าจะยอม ฟ่างเสียงดังใส่
เฮียเสียงเข้มกลับเลย แล้วใครเงียบละครับถ้าไม่ใช่เขาและเพื่อนรักอย่างไอ้อิฐ
“กูเกลียดมึง” ฟ่างแม่งจ้องหน้าด่าไอ้เฮียทันที
“เรื่องของมึงสิ มึงเกลียดกูก็เกลียดไป แต่ให้รู้ไว้กูรักมึง
รักมากด้วยข้าวฟ่าง”
มันน่าตลกตรงที่คำว่ารักข้าวฟ่างของเฮียทำเอาฟ่างมันโกรธจนหน้าแดง หูแดงไปหมด
“กูพึ่งรู้ว่ามึงเขินจนหน้ากับหูแดงได้ด้วย”
เขาอดที่จะแซวฟ่างมันไม่ได้จริงๆ
“ไอ้เหี้ยปายมึงตาย!!” เชื่อเถอะว่าที่โกรธแล้วแม่งล็อคคอตีหัวเขาอยู่นี่
นานหน่อยมันก็อ้อนมานั่งตักแล้วพิงที่อกเขา เขากลัวมันจะไหลลงจากตัก
เลยต้องกอดเอวมันไว้หลวมๆ พอไอ้เฮียกับไอ้อิฐเห็นก็ส่ายหัวแบบหน่ายๆ มาให้
รู้ๆ
กันว่าเขากับพี่รหัสกอดเอวหอมแก้วแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว เขากอดเอวฟ่างมันนานพอสมควร
เจ้าของชุดเดรสแดงสั้นๆ เฉี่ยวๆ ก็โฉบมาคว้าตัวฟ่างมันออกจากตัวเขาอย่างรวดเร็ว
“มาแล้วครับของแรงมาแล้ว” เป็นไอ้อิฐที่เริ่มร่อแร่พูดบอก
“เฮียนิลทู้จ้า” ไอ้นาถกระพุ่มมือไหว้ปู่รหัสมันอย่างรวดเร็ว
“เฮียฟ่างมิสยู้ววว โคตรคิดถึงเลยเฮีย นาถขอหอมแก้มทีดิ”
ใช่ว่าจะมีแค่เขาที่ชอบกอดชอบอยู่ใกล้ฟ่าง ไอ้นาถเองก็ไม่ต่าง
ก็ตัวฟ่างมันนิ่มแถมกลิ่นก็หอมเหมือนแป้งเด็ก
แถมถ้าวันไหนฟ่างกินนมหมีรสน้ำผึ้งมานะยิ่งน่าหอมๆ มีกลิ่นนมหมีติดทั้งวัน
“ไปหอมแก้มไอ้นิลดิ” ฟ่างพยักหน้าไปทางไอ้เฮีย ไอ้นาถนี่เบ้ปากใส่เลย
“ตัวเฮียนิลไม่หอมเท่าเฮียฟ่างนี่” นาถมันว่า
“งั้นก็มาเดี๋ยวกูให้หอมแรงๆ เลย” ไอ้นาถยิ้มร่าก่อนจะแทรกเข้ามานั่งเบียดเขาจนต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้กลับไปนั่งข้างไอ้อิฐแทน ไอ้ที่ว่าจะหอมแก้มนาถมันก็ไม่ได้หอมหรอกแค่ไปนั่งแล้วกระซิบคุยกันแล้วก็หัวเราะคิกคักกันสองคน
“ขอสัมภาษณ์ความรู้สึกตอนถูกเฉดหัวทิ้ง”
เป็นไอ้อิฐที่ยกแก้วขึ้นจ่อปากทำคล้ายกับมันกำลังใช้ไมค์สัมภาษณ์
“จัดให้ห้าวบอยหน่อยสิวะอิฐ” เป็นไอ้เฮียนิลที่พูดขึ้น“รักของกูมันคงเก่าแล้ว” เขาตอบมันพลางยกแก้วของตัวเองขึ้นมาดื่ม
“จืดไปไหมวะ” ยกหมดแก้วแล้วก็วางลงโต๊ะเสียงดัง
“ตัวแค่นี้ทำห้าวสัด” เป็นไอ้อิฐที่ว่าให้ แม่งชอบว่ากันจังตัวแค่นี้ ตัวแค่นี้ของกูนี่สูงเกือบร้อยแปดสิบนะเว้ย ขาดไปแค่เซนเดียวนะจ๊ะ
“ใช่ว่ากลัว” เขาพูดบอก ไอ้อิฐเลื่อนแก้วให้เขาก็จัดการทันที ร้อนผ่าวถึงลำไส้ เหยดเข้อยากพ่นไฟ
“เฮียมึงดำไปป่ะ ทำงานเหนื่อยเกินหรอวะ”
นั่งดื่มแล้วก็คุยกันมาได้นานพอสมควร
เขามองหน้าไอ้เฮียไปหลายทีเห็นหน้ามันดำขึ้นเลยถามสักหน่อย
“ก็ธรรมดา ทนเหนื่อยหน่อย อีกไม่กี่เดือนกูก็ออกไปเท่แล้ว” ไอ้เฮียมันตอบ
ช่วงนี้เฮียมันฝึกงานก็อู่ตัวเอง
อีกอย่างก็คงไม่มีเวลาดูแลตัวเองมากนักแล้วที่สำคัญถ้ามีเวลาว่างจากฝึกงาน
ไอ้เฮียก็คงเทเวลาว่างทั้งหมดให้ไอ้คนที่นั่งข้างไอ้นาถนั่นแหละ
“แล้วมึงล่ะเป็นไง” ไอ้เฮียถามขึ้นจริงจัง
“ก็เรื่อยๆ แหละ” เขาตอบ
“มึงด้วยไอ้อิฐจะรอดถึงฝึกงานไหมวะ” ไอ้เฮียวกกลับมาถามไอ้อิฐบ้าง
“ก็เรื่อยๆ เหมือนไอ้ปายนั่นแหละเฮีย รอดแน่สบายๆ”
เขาเชื่อว่าไอ้อิฐรอดแน่เพราะเท่าที่เห็นอิฐมีงานราษฎร์งานหลวง
คะแนนควิซกับคะแนนสอบของไอ้อิฐยังออกมาดีกว่าเขาเลยด้วยซ้ำ
“ไงวะนิ่งแล้วหรอวะมึง” เป็นไอ้อิฐที่กระแทกไหล่ถาม
“กูไหวเถอะ” เขาตอบมันรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาทันที
“ไปห้องน้ำก่อนนะ” เขาลุกขึ้นอย่างเร็ว แต่ทว่าพอมองหลอดไฟแล้วกลับมามองพื้น พื้นดันเอียงขึ้นมาเฉย
“เฮ้ยๆ ไหวแน่หรือมึง” เป็นไอ้อิฐที่เอ่ยขึ้นถาม
“ไหวดิวะ แป๊บเดียวเดี๋ยวมา” เขาบอกมัน
“ช้าเดี๋ยวกูไปตาม” คราวนี้เป็นไอ้เฮียนิลที่บอก
“ไม่ได้ไปตามหรอก ฉี่เสร็จรีบกลับมาเลย”
เขาพูดเสร็จก็เดินเซไปเข้าห้องน้ำอย่างที่ปากว่า
โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าตรงมุมหนึ่งของชั้นสองของวีไอพี
มีนัยน์ตาสีดำคู่หนึ่งมองมาที่เขาตลอด
เจ้าของนัยน์ตาสีดำคู่นั้นที่มองตรงมาเฉพาะที่เขา
ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในร้าน ไหว้เฮียนิล
วอแวพี่รหัสอย่างฟ่างหรือแม้แต่ตอนที่เขากำลังเดินเซไปเข้าห้องน้ำ
นัยน์ตาสีดำคู่นั้นมันก็ยังคงมองเขาอยู่
ไม่เปลี่ยนจุดสายตาไปไหน...
#ดั่งปิยปาณ
ความคิดเห็น