ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อฉันถูกทรัคซังไล่ล่า

    ลำดับตอนที่ #1 : ลำดับตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 67


    “สาวน้อยเอ๋ย เจ้าคือผู้ถูกเลือกให้เป็นผู้กล้าคนต่อไป ข้าจักมารับวิญญาณเจ้าในอีกไม่ช้า จงไปเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเสีย เวลาเจ้าเหลือไม่มากแล้ว”

    หลังสิ้นเสียงปริศนาแอนนาก็ลืมตาขึ้นปริบๆในเช้าวันจันทร์

    “เหวอออ 07:07 น.!? จะสายแล้วนี่!! อยู่ๆมาฝันอะไรวันนี้เนี่ย ฉันเพิ่งได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่นไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเองนะ จะไปสายตั้งแต่วันแรกของสัปดาห์ไม่ได้เด็ดขาด!!”

    เธอวิ่งไปวิ่งมารอบห้องอย่างลนลาน แต่ด้วยความที่ไม่ทันระวัง ก็เผลอไปชนตู้เก็บรูปถ่ายตอนที่เคยรับเหรียญรางวัลจากกิจกรรมต่างๆ จนพวกมันล้มลงราวกับโดมิโน

    “อึ๋ยย! ไว้กลับมาเก็บทีหลังละกัน”

    แอนนาแต่งตัวเรียบร้อยก็คว้ากระเป๋าวิ่งออกจากบ้านทันที

    ..โชคดีที่เราจัดตารางเรียนไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ประหยัดเวลาไปได้เยอะเลย..เธอยิ้มอย่างโล่งอกขณะยืนอยู่หน้าสี่แยกไฟแดง

    บรื๊นนน ปี๊ดๆ รถยนต์และมอร์เตอร์ไซค์ มากมายขับสวนทางม้าล้ายกันอย่างคึกคัก จนกระทั่งสัญญาณไฟเปลี่ยนสี รถทั้งหมดก็พร้อมใจกันจอดนิ่งให้คนข้าม

    “เห้อ~ ในที่สุดก็ไฟเขียวซะที"

    แต่ในจังหวะที่แอนนากำลังจะก้าวเท้าลงถนนนั้น จู่ๆหางตาของเธอก็รับรู้ถึงบางอย่างที่กำลังพุ่งมาด้วยความเร็ว

    ด้วยสัญชาตญาณนักกีฬา เธอจึงรีบถีบตัวไปข้างหลังอย่างไม่ลังเล

    โครมมมม!!!

    “กะ เกือบไปแล้ว!!?”

    รถบรรทุกคันหนึ่งเพิ่งพุ่งตัดหน้าเธอไปในระยะเพียงไม่กี่เซนติเมตร

    แอนนาทรุดฮวบลงกับพื้นทันทีด้วยความตื่นตระหนก

    ..ถะ ถ้าเมื่อกี้เราหลบช้าไปอีกสักวินาทีล่ะก็..

    เอื๊อก! เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะกัดฟันลุกขึ้นยืน

    “นี่! หนูบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” พลเมืองดีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาถามแอนนา

    “หนูไม่เป็นไรค่ะ ละ แล้วคนในรถบรรทุกนั่นล่ะคะ?” เธอถามกลับด้วยความกังวลต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตรงหน้า

    “มันก็...ค่อนข้างแปลกน่ะ ในรถคันนั้นไม่มีใครเลย”

    “ระ หรือว่าเค้ากระเด็นออกไปเหรอคะ!?”

    “ลุงก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พวกชาวบ้านก็วิ่งดูกันจนทั่วแล้วนะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกลุงจัดการตรงนี้เอง หนูกลับบ้านไปก่อนเถอะ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ หนูต้องไปโรงเรียน”

    “อะไรนะ!? เพิ่งเจอเรื่องแบบนี้ยังมีกะจิตกะใจจะไปเรียนอีกเหรอ งั้นก็สู้ๆนะหนู” ชายคนนั้นชูกำปั้นให้กำลังใจเธอด้วยความชื่นชม

     


     

    ท้ายที่สุดแอนนาก็มาถึงโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย

    “เห้อออ สุดท้ายก็ไม่มีสมาธิจะเรียนเลย”

    แม้ผ่านมาแล้วครึ่งวันแต่ภาพของรถบรรทุกคันนั้นก็ยังคงติดตาเธออยู่

    ..คืนนี้เราคงเอากลับไปฝันร้ายแน่..

    กระทั่งเวลาพักเที่ยงเวียนมาถึง ระหว่างที่แอนนากำลังนั่งเคี้ยวข้าวเอื่อยๆอยู่นั้น พาย เพื่อนสนิทของเธอก็เดินถือถาดอาหารมานั่งข้างๆ

    “เป็นไรอ่ะ วันนี้เธอดูเหม่อๆทั้งวันเลย ไปตกหลุมรักใครเข้าเหรอ”

    “เป็นงั้นก็ดีสิพาย เมื่อเช้าเราเกือบโดนรถชน ภาพยังติดตาอยู่เลยเนี่ย”

    “เฮ๊ยย! แอนนา แล้วเธอเจ็บตรงไหนมั้ย!?” เธอรีบคลำมือคลำเท้าแอนนาด้วยความเป็นห่วง

    “หยุดเลย เราไม่เป็นไร แค่...ตกใจเฉยๆน่ะ” แอนนารีบตัดบทเพราะไม่อยากให้เพื่อนกังวล

    “โอเคๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว คราวหน้ามีเรื่องอะไรก็อย่าเก็บไว้คนเดียวล่ะ มาระบายให้เราฟังได้” พายตบหลังแอนนาเบาๆเพื่อปลอบใจ ก่อนจะหันไปคุยเรื่อยเปื่อยกันตามประสาเพื่อน

    ในช่วงบ่ายวันนี้ แอนนามองไปนอกหน้าต่างอาคารเรียน และสังเกตเห็นบางอย่างที่ดูผิดปกติ

    มีรถบรรทุกสีเงินคันหนึ่ง ดูคล้ายกับรถคันเมื่อเช้า ขับวนเวียนอยู่หน้าโรงเรียนไม่ยอมไปไหน

    ..อะไรกันน่ะ รถคันนั้น..เธอรำพึงในใจก่อนจะหันไปโฟกัสกับการเรียนตามเดิม แต่พอหันกลับมาอีกที รถบรรทุกปริศนานั้นก็หายไปเสียแล้ว ..รู้สึกแปลกๆแฮะ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง..

    กระทั่งช่วงเวลาเลิกเรียนมาถึง แอนนายังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก จึงไปเดินรวมกลุ่มกับพวกสาวๆในชั้นเรียนเดียวกัน

    “อ้าว แอนนา วันนี้ไม่กลับพร้อมพายเหรอ” หนึ่งในนั้นถามขึ้น

    “พายติดซ้อมกิจกรรมน่ะ กว่าจะได้กลับก็คงมืดๆเลย เราขอเดินด้วยนะ”

    “ได้สิ พวกเราจะไปดูหนังกันพอดี”

    “โอเค ไปด้วยๆ”..วันนี้กลับช้าหน่อยคงไม่เป็นไร อย่างน้อยอยู่กันหลายคนน่าจะปลอดภัยกว่า..

    ระหว่างทางที่เดินไป เธอสังเกตเห็นรถคันนั้นผลุบๆโผล่ๆอยู่ตามซอกซอยต่างๆ เหมือนกำลังสะกดรอยตามทุกฝีก้าว

    กระทั่งเธอเข้าไปในโรงหนังกับเพื่อนๆ ด้วยความบรรเทิงมากมาย จึงทำให้เธอลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะ

    “วันนี้สนุกมั้ยแอนนา ปกติเห็นเธอเอาแต่เรียนอย่างเดียวเลยนี่”

    “อื้อ! สนุกสิ ปกติคนที่บ้านเราเข้มงวดจะตาย วันนี้เราแอบมากับพวกเธอก็ไม่รู้จะโดนอะไรบ้างเหมือนกัน”

    “โหย คงอึดอัดแย่...”

    ขณะที่สาวๆกำลังคุยกันเพลินๆ แอนนาก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆวิ่งอยู่บนถนน

    ..เด็กนี่นา ทำไมถึง..ยังไม่ทันคิดอะไร ก็มีไฟจ้าส่องไปยังเด็กคนนั้น พร้อมกับเสียงแตรดังสนั่น

    ปี๊ดดดดดดดดดด!!!

    แอนนากระโจนไปหาเด็กคนน้อยอย่างไม่ลังเล ทว่าเธอกลับพุ่งทะลุผ่านร่างนั้นไป ราวกับคว้าอากาศ

    ..กะ เกิดอะไรขึ้น!?..เสี้ยววินาทีนั้นเธอตัดสินใจกลิ้งตัวหลบไปข้างทาง ที่แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงสายลมที่พุ่งเฉี่ยวผ่านไป

    โครมมม!!!

    เธออึ้งจนตาค้าง ก่อนจะค่อยๆหันตามเสียงนั้นและพบกับรถบรรทุกสีเงินแบบเดียวกันกับเมื่อเช้า จอดคาอยู่กับเสาไฟฟ้า

    “แอนนา! เป็นอะไรรึเปล่า เธอทำแบบนั้นทำไม!?” กลุ่มเพื่อนๆวิ่งตามมาสมทบ

    “พะ พวกเธอไม่เห็นเด็กเหรอ!?” เธอถามกลับด้วยความสับสน

    “เด็กที่ไหน! มีแต่เธอนั้นแหละที่อยู่ๆก็วิ่งลงไปบนถนนน่ะ!!”

    “แต่เราเห็นจริงๆนะ”

    “เออช่างเรื่องนั้นเถอะ เราเรียกรถพยาบาลกันก่อนดีกว่า ไม่รู้คนขับเค้าเป็นยังไงบ้าง”

    “...ไม่มีหรอก” แอนนาพึมพำขึ้นมา ก่อนจะลุกเดินขาสั่นไปยังรถบรรทุกคันนั้น

    “โธ่เอ๊ย มานี่” เพื่อนอีกคนรีบเข้ามาพยุง

    เมื่อไปถึงที่หน้ารถก็เป็นไปตามคาด เบาะที่นั่งคนขับนั้นว่างเปล่า กระจกหน้ามีเพียงรอยร้าว ไม่มีทางที่คนขับจะพุ่งทะลุออกไปแน่ๆ

    “ตะ แต่เมื่อกี้เราไม่เห็นมีใครลงมาเลยนะ”

    “ใช่มั้ยล่ะ เมื่อเช้าเราก็เจอแบบนี้ไปครั้งนึง”

    “วะ ว่าไงนะ!?” พวกสาวๆพากันตกใจจนหน้าซีด

    ขณะเดียวกัน ผู้คนก็เริ่มแห่มามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ

    “เรารีบไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า แอนนาเธอไปนั่งแท็กซี่คนละคันกับพวกเราได้มั้ย”

    ..นั่นสินะ เป็นเราเราก็กลัว..คิดได้ดังนั้นเธอก็ตอบไปเรียบๆ

    “โอเค พวกเธอไปก่อนเถอะ” แม้จะรู้สึกเสียใจนิดๆแต่เธอก็เข้าใจพวกหล่อนดี

    แอนนาเริ่มโบกรถคันต่อไป คันแล้ว คันเล่า แต่ก็ไม่มีใครยอมจอดรับสักที ราวกับว่าพวกเขามองไม่เห็นเธออย่างไรอย่างนั้น

    “ทำไงดีเนี่ย เห้ออ~ สงสัยต้องเดินกลับแล้วมั้ง” แอนนากำลังจะหันไปทางกลับบ้าน

    ปิ๊ด ปิ๊ด!!

    จู่ๆก็มีเสียงบีบแตรดังขึ้นจนเธอสะดุ้งโหยง

    เด็กหนุ่มคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดข้างๆ ก่อนจะพูดผ่านหมวกกันน็อคออกมา

    “เด็กห้องเดียวกันนี่!? เธอมาทำอะไรคนเดียวแถวนี้ล่ะ”

    “ห้องเดียวกัน? ทำไมเราไม่คุ้นเสียงนายเลยล่ะ”

    พอเธอพูดดังนั้น เด็กหนุ่มจึงถอดหมวกออกมา เผยให้เห็นใบหน้าห้าวๆตามประสาวัยรุ่นเกเรทั่วไป

    “เอ่อ ใครอ่ะ??” แอนนายังจำเขาไม่ได้อยู่ดี

    “ก็จินไง คนที่นั่งหลังห้องน่ะ”

    แอนนาเงียบไปครู่หนึ่งก็นึกขึ้นได้ “อ๋อ!! จินที่ชอบนั่งหลังห้อง...นายขาดเรียนไปตั้งแต่เทอมที่แล้วนี่นา ทำไมมาโผล่แถวนี้ได้ล่ะ!?”

    “โอ๊ยช่างเรื่องนั้นเถอะ แถวนี้น่ะหารถยาก จะให้เราไปส่งมั้ย?”

    ทางแอนนาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จึงกระโดดขึ้นเบาะไปแต่โดยดี

    “ค่าน้ำมัน 20 นะ”

    “ห๊ะ เก็บตังด้วยเหรอ!?”

    “เออดิ”

    พอจินออกรถไปได้สักพัก แอนนาก็เหลือบไปเห็นรถบรรทุกเจ้ากรรมวิ่งตามออกมาติดๆ มันแซงปาดซ้ายปาดขวาจนเกือบจะมาทันรถของทั้งคู่

    “ยะ แย่แล้ว!!” เธอกระตุกชายเสื้อจินเพื่อส่งสัญญาณให้เขาหันไปดู

    ด้วยความสงสัยจินจึงก้มมองกระจกซ้าย พอเห็นว่ามีรถขับตามมา เขาจึงสับเกียร์หมาแล้วบิดเต็มแรง

    “กรี๊ดดดดด!!” แอนนากอดเอวเด็กหนุ่มจนแน่น

    เขาขับหนีซอกแซก แซงซ้ายขวาอย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่รถบรรทุกคันนั้นก็ยังตามมาได้ไม่ย่อท้อ

    “จะเอางี้ใช่มั้ยไอพวกวิตถาร” เขาลดเกียร์แล้วเลี้ยวเข้าซอยแคบทันที เจ้ารถคันนั้นติดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอยกลับไปเงียบๆ

    “เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ถ้าเรามาช้าอีกนิดมันคงหิ้วเธอขึ้นรถไปแล้ว คราวหน้าก็อย่าไปไหนคนเดียว หัดหาเพื่อนไปด้วย” เขาเข้าใจว่าในรถคันนั้นเป็นคนโรคจิตที่ไล่ตามแอนนา

    “รู้แล้วๆ ก็เพื่อนเราขึ้นรถไปคนละคันไง”

    “อ้าว เหรอ...แล้วจะให้ไปส่งไหนดีล่ะ กลับบ้านเลยมั้ย”

    “อะ อื้ม! ไปตามทางที่เราบอกเลย”

    ว่าแล้วทั้งคู่ก็เคลื่อนรถไปต่อทันที กระทั่งใกล้จะพ้นซอย จินก็ค่อยๆชะลอรถลง เขามองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีรถคันนั้นอยู่ใกล้ๆ จึงออกรถไปทันที

    แต่ขณะที่ทั้งสองย้อนเส้นทางมาจนจะผ่านหน้าโรงเรียน ก็มีบางอย่างมากระแทกท้ายมอเตอร์ไซค์อย่างแรง

    ตู้ม! ตู้ม!!

    “มันมาอีกแล้ว!!” แอนนาร้องลั่น

    รถบรรทุกคันนั้นเข้ามากระแทกซ้ำๆ จนมอเตอร์ไซค์เสียการควบคุมและล้มลงไม่ไกลจากทางเข้าโรงเรียนนัก

    ทั้งสองรีบกอดคอกันลุกขึ้นมา ก่อนจะวิ่งเข้าประตูโรงเรียนอย่างทุลักทุเล

    “ไปหลบในอาคารก่อน ถ้าอยู่ในที่แคบมันจะตามเราไม่ได้” แอนนารีบจูงจินเข้าไป

    “ความคิดดีนี่ แล้วถ้ามันลงจากรถมาล่ะ” เขาถามกลับ

    “มันไม่ลงมาหรอก!!”

    “แน่ใจ? งั้นเธอวิ่งไปก่อนเลย เดี๋ยวเรามา”

    “นายจะไปไหน!?”

    จินผละตัวออกไปตรงหน้าทางเข้าโรงเรียน แล้วลากประตูเหล็กดัดมาปิดไว้ พร้อมนำโซ่มาคล้องอย่างแน่นหนา

    “เท่านี้น่าจะพอถ่วงมันได้บ้างล่ะ”

    แต่ในขณะที่เขาหันกลับมาหาแอนนา เจ้ารถบรรทุกนั่นก็พุ่งเข้าชนเต็มกำลัง แรงปะทะทำให้ประตูเหวี่ยงไปกระแทกตัวเขาจนกระเด็น

    “จิน!!!” แอนนาร้องลั่น แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้ตกใจ เพราะมันมุ่งตรงมาหาเธออย่างไร้ปราณี จนต้องรีบหนีไปยังอาคารเรียนแบบสุดชีวิต

    แอนนาหลบเข้าไปได้ทันเฉียดฉิว แต่คราวนี้รถคันนั้นมันไม่ได้พุ่งชนเหมือนทุกที มันส่งเสียงเร่งเครื่องซ้ำๆ ราวกับพยายามย้ำเรียกเธอให้ออกไปหา

    บรื้น! บรื้น!!

    ทันใดนั้นก็มีเสียงโลหะถูกฟาดเข้ารถบรรทุกจนดังสนั่น

    เคล้งงง!!

    “แน่จริงก็ลงมาสิวะ!! มึงตามเพื่อนกูทำไม ออกมาตัวตัวกับกูนี่!!!”

    จินกลับมาอีกครั้งพร้อมมีดพร้าเล่มโตที่เขาแอบซุกไว้ใต้เบาะมอเตอร์ไซค์ เขาไล่ฟันไปรอบรถอย่างเดือดดาล

    “จินมานี่! อย่าไปตีมัน!!” แอนนารีบห้ามแต่เด็กหนุ่มไม่สนใจฟัง

    เขาปีนไปที่ประตูรถแล้วฟันกระจกย้ำๆด้วยสันมีด ฉับพลันประตูนั้นก็ผลักออก ทำให้จินเสียจังหวะพลัดตกลงมาหงายท้อง

    “เออ! ออกมาได้สักทีนะไอ้ขี้ขลาด!!” เขารีบลุกขึ้นมองหาคนขับ

    แต่ฉับพลันเจ้ารถนั่นก็ปิดประตูแล้วถอยออกไปทันที จินไม่รอช้ารีบวิ่งตามไปล่าโดยไม่ลังเล

    แอนนาเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งตามออกมาหวังจะเข้าไปห้าม

    ทว่า ในจังหวะที่จินวิ่งอยู่หน้ารถคันนั้น เจ้าบรรทุกจอมวายร้ายก็สลับเกียร์แล้วเดินหน้าเต็มกำลัง

    “เฮ้ย!! อ๊ากกกกก!!!”

    เสียงของล้อขนาดยักษ์ บดขยี้ร่างหนุ่มน้อยซ้ำถึงสองครั้งไล่จากล้อหน้าไปยันล้อหลังดัง ครึก! ครึก!

    “จะ จะ จะ...จิน...” แอนนายืนหน้าซีดตัวสั่นต่อหน้าภาพอันสยดสยอง

    ล้อกลมเปื้อนเลือดยังคงมุ่งตรงมาหาเธอ หมายจะใช้จังหวะนี้เผด็จศึกให้จงได้ 

    แต่ในเสี้ยววินาทีที่แอนนากำลังช็อคอยู่นั้น ก็มีมือคู่หนึ่งเข้ามาผลักเธอจากด้านข้าง เมื่อเธอหันตามมือคู่นั้นไปก็พบกับแววตาและใบหน้าที่คุ้นเคย

    “พาย!?”

    โครมมม!!!

    “พายยยยยยย!!!”

    แอนนาตัวสั่นไปหมด เลือดสดๆของเพื่อนรัก สาดกระเซ็นอาบร่างของเธอ

    “ทะ ทำไมกัน...” จากความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง จากความสิ้นหวังแปรเปลี่ยนเป็นโทสะ

    แอนนาจ้องเขม็งไปยังเจ้ารถบรรทุกที่กำลังถอยตัวเร่งเครื่อง เพื่อมาพุ่งชนเธอใหม่

    ..เมื่อเช้าฉันฝัน...ฝันว่าถูกเลือกให้เป็นผู้กล้า..

    เธอค่อยๆลุกขึ้นยืน

    “แล้วมึง...ทำแบบนี้เพื่อให้กูไปเป็นผู้กล้าเหรอ ฝันไปเถอะ!! ทันทีที่มึงส่งกูไปโลกนั้น กูสาบานว่าจะเผามันให้วอดเลย”

    เธอเริ่มสาวเท้าเดินไปหารถคันนั้น

    “เอาเลย! เหยียบกูเลย!! กูจะแสดงให้มึงดูว่าจอมมารที่แท้จริงมันเป็นยังไง!!!”

    เมื่อเธอพูดจบ เจ้ารถบรรทุกก็หยุดนิ่งและหรี่ไฟลงเหมือนกำลังครุ่นคิด สักพักมันก็ถอยออกจากประตูโรงเรียนแล้วจากไป

    ไม่นานเหล่าพลเมืองดีก็เรียกทั้งรถตำรวจและรถพยาบาลมาออกันจนเต็มโรงเรียน แม้แต่นักข่าวก็แห่กันมาครบทุกสำนัก

    จากการสืบสวนแม้จะไม่พบผู้กระทำผิด แต่ทางรัฐก็ได้จัดมาตรการเฝ้าระวัง และตรวจสอบเหล่าผู้ประกอบการรถบรรทุกอย่างเข้มงวด

    จนกาลเวลาล่วงเลยไปหลายสัปดาห์

    แอนนาทิ้งความตั้งใจในการเล่าเรียน เอาแต่นั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย

    กระทั่งเย็นวันหนึ่ง เธอเผลอนั่งหลับในคาบเรียน พลันเมื่อตื่นขึ้นมาทั้งอาคารก็ไม่เหลือใครแล้ว แอนนาสะพายกระเป๋าเดินไปตามทางในอาคารอย่างเซื่องซึม

    ปี๊ด! ปี๊ด!

    เธอสะดุ้งเฮือกพร้อมกับหันไปทางต้นเสียง ก็พบกับรถบรรทุกคันเดิม จอดนิ่งอยู่บนดาดฟ้า หันหน้ามาที่เธอ..นี่มันชั้น 4 เลยนะ!?..

    เธอเห็นดังนั้นก็ตะโกนออกไปด้วยใจที่คับแค้น

    “มาสิ เข้ามาเลย! คราวนี้กูจะไม่หนีไปไหน กูจะทำให้มึงเสียใจกับสิ่งที่มึงทำ!!!”

    แอนนาพูดจบก็สังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ ..ทำไมรถนั่นดูใหญ่ขึ้น ไม่สิ มันกำลังลอยเข้ามา!?..

    โครมมม!!!

    รถบรรทุกขนาดใหญ่ลอยไปกระแทกเธออย่างจัง จนตัวรถเสียบคาอยู่กับอาคาร

    “แค่ก! แค่ก!” ครึ่งล่างของแอนนาถูกอัดติดกับตัวอาคารจนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของมันเลย

    “ทำไม...ฉัน...ยังไม่ตาย แค่ก!” เธอสำลักเลือดออกมาก้อนใหญ่ ฟุบท่อนบนลงไปที่ตัวรถ น้ำตาใสๆค่อยๆรินมาผสมกับสีของเลือด

    ..ทุกคนต้องมาตายเพราะฉัน...โดนแบบนี้ก็สาสมแล้วล่ะ...ขอโทษนะจิน...ขอโทษนะ...พาย..

    ตู้มมมม!!!

    ฉับพลันรถคันนั้นก็ระเบิดจนดังสนั่น ประหนึ่งกลัวว่าเธอจะไม่สิ้นใจดั่งที่หวัง

    ควันไฟสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า เสียงไซเรนแว่วมาจากทุกหน่วยงานมุ่งตรงไปสู่ที่เกิดเหตุ

     


     

    “ในที่สุดท่านก็มา...ผู้กล้าของเรา”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×