ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gerbera [ MPREG ] #MINNO

    ลำดับตอนที่ #5 : Gerbera ❀ 4

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 64



     

     


               “เก่งขนาดนี้ไม่ต้องให้ผมสอนมั้งคุณเรียนรู้ได้เร็วกว่าตอนผมเริ่มเรียนครั้งแรกเสียอีก”


    “มันดีแล้วจริงๆใช่มั้ยเมลิก”


    “ถ้าคุณไม่เชื่อที่ผมบอกคุณก็น่าจะเชื่อมั่นในตัวเองหน่อยคุณหน่ะเป็นคนเก่งแค่ขาดความมั่นใจเรื่องนี้ผมสอนให้ไม่ได้คุณต้องทำมันด้วยตัวเอง”


    “เราไม่อยากพลาดไม่อยากให้คุณท่านต้องขายหน้า”


    “คุณทำได้ถ้ามันจะพลาดก็ปล่อยให้มันพลาดไปคู่เต้นรำของคุณเขาจะช่วยคุณเองอย่าได้กังวลไป”


    “แล้วคุณจะไปมั้ยผมอยากให้คุณไป”


    “ถ้าคุณอยากให้ผมไปผมก็จะไป”


    “จริงๆนะ”คุณเมลิกพยักหน้าไม่รู้ตัวเองดีใจขนาดไหนถึงได้พุ่งไปกระโดดกอดคุณเมลิกรู้ตัวอีกทีตอนคุณหัวเราะแล้วลูบหัวเบาๆ


    “ขอโทษผมลืมตัวดีใจมากไปหน่อยทำไมคุณนิ่งไปคุณไม่ชอบให้กอดหรอขอโทษนะผมไม่รู้”


    “เปล่าผมแค่กำลังเสียขวัญอยู่โดนคุณอยู่ๆก็มากอดคุณลวนลามผม”


    “คุณเมลิก!!! ผมตีเข้าที่แขนของเขาคุณเมลิกลูบแขนแต่หน้ายังยิ้มระรื่นกวนใส่อีก


    “โอ้ย คุณแรงเยอะใช้ได้เลยนะถึงว่าขนมปังอร่อยจัง”


    “คุณนี้มันกวนจริงๆเมื่อกี้คุณก็ลูบหัวผมเหมือนกันนั้นแหละ”


    “ผมคุณนิ่มห้ามใจไม่ให้ลูบไม่ได้จริงๆ”


    “งั้นหายกัน”


    “ผมยอมแล้วครับแล้วเราจะไปพายเรือกันเมื่อไรแดดตอนนี้กำลังดี”


    “เราไปเอาอาหารที่ร้านของเรนเดลก่อนผมแอบไปสั่งก่อนคุณจะมาที่บ้าน”ตอนแรกก็กังวลเรื่องอาหารที่สั่งไปคุณเมลิกจะชอบจะกินได้มั้ยหรอเปล่าแต่พอบอกชื่อเมนูคุณเมลิกก็ตาลุกวาวเพราะบังเอิญชอบเกือบทั้งหมดผมไม่คิดว่าเขาโกหกเพื่อให้ผมสบายใจโชคดีจริงๆ


    แสงแดดตอนสายไม่ได้ร้อนจนทนไม่ไหวเพราะสายลมที่พัดเบาๆและร่มไม้ของต้นไม้ใหญ่ในป่าทะเลสาบที่ใกล้จากเมืองไม่ว่าใครก็รู้จักทิวทัศน์ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สวยไม่น้อยไปกว่าทะเลสาบที่อยู่ชายป่าสนคฤหาสน์โลเวลแต่สำหรับผมที่นั้นสวยที่สุดแต่ผมไม่กล้าจะกลับไปที่นั้นอีกมันอันตรายเกินไปหมาป่าสีดําทมิฬตัวใหญ่ที่จ้องมองผมจังจำแววตาของผมได้อย่างขึ้นใจคงมีสักวันที่จะกลับไปที่นั้น


    “คุณชอบมั้ย”


    “ที่นี้สวยมากเงียบสงบ”


    “คุณชอบผมก็ดีใจ”


    “คุณพาผมไปไหนผมก็ชอบหมดแต่เราหาที่ปูเสื่อวางของเถอะ”


    “คุณหิวหรือยัง”


    “ผมยังไม่หิวคุณเถอะจะเที่ยงแล้วหิวหรอยัง”


    “นิดนึงแต่ผมรอกินพร้อมคุณได้นะ”


    “งั้นเรากินก่อนแล้วค่อยพายเรือวันนี้เรามาพักผ่อนกันนิไม่เห็นต้องรีบร้อน” ผมพยักหน้าเราสองคนหาใต้ร่มไม้ใหญ่ไม่ไกลจากทะเลสาบเท่าไรแต่สามารถเห็นความสวยงามได้ทั้งหมดคุณเมลิกเป็นจนจัดแจงทุกอย่างผมยืนมองอยู่เฉยๆเขาบอกว่าทำคนเดียวเสร็จแล้วกว่ายืนเป็นกำลังใจให้เขาก็พอ


    “อาหารหน้าตาน่าทานกว่าที่คิดนะเนี่ย”


    “คุณลองชิมดูสิอร่อยมากเลยนะถึงจะเป็นร้านเล็กๆแต่ก็ดังมากในเขตใต้”


    “เลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอะไรก่อนดี”


    “ผมตักชีสฮาลูมีให้คุณลองกินสิผมชอบมากเลยนะ”


    “อื้อ อร่อยจริงๆอย่างที่คุณโม้ไว้”


    “เห็นมั้ยบอกแล้วว่าอร่อย”


    “คุณเองก็เริ่มกินได้แล้วมองผมกินมันไม่ทำให้ท้องคุณอิ่มนะมาผมตักเกี๊ยวเซปเปลินายให้” ระหว่างที่กินอาหารกันคุณเมลิกก็เล่าให้ฟังว่าพายเรือครั้งแรกที่เขตใต้แต่ไม่ใช้ทะเลสาบที่เรากำลังอยู่ตอนนี้คุณพ่อเป็นคนสอนแต่คุณเมลิกตอนเด็กไม่ค่อยชอบน้ำสักเท่าไรชอบวิ่งเล่นในป่ามากกว่าแต่คุณพ่ออยากให้คุณเมลิกมีความสามารถหลายๆอย่างโตขึ้นจะได้ไม่ลำบากเอาตัวรอดได้


    “เด็กชายเจนนิซอายุกี่ขวบแล้วครับ”


    “เด็กชายกี่ขวบอะไรของคุณ ผม 20 ปีแล้ว”


    “แล้วทำไมยังกินเลอะเทอะ”


    “จริงๆหรอคุณผมไม่เห็นรู้ตัวเลย”


    “ที่แก้มไม่รู้ว่าคุณเด็กน้อยหรือแก้มคุณมันเยอะกันแน่”


    “คุณว่าแก้มผมอ้วนอีกแล้วนะคุณไม่ชอบคนมีแก้มหรอไงผมออกจะชอบเจ้าหญิงน้อยของผมมีแก้มน่ารักจะตาย”


    “ผมชอบแก้มของคุณ”


    “ผมเช็ดหมดแล้วใช่มั้ย”


    “อื้อ หมดแล้วคุณอิ่มหรือยังผมอิ่มแล้วนะ”


    “ยังคุณรอหน่อยนะอร่อยจนผมหยุดกินไม่ได้คุณเห็นมูสเค้กช็อกโกแลตแล้วใช่มั้ยผมทำให้คุณเห็นบ่นมาหลายวันแล้วว่าอยากกินผมทำสุดความสามารถงั้นกินของหวานรอผมแต่เหลือไว้ให้ด้วยนะผมก็อยากกินเหมือนกัน”


    “ผมจะแบ่งไว้ให้คุณไม่ต้องรีบผมรอได้”


    “คุณเล่าเรื่องเขตกลางให้ฟังหน่อยได้มั้ยผมอยากฟังอีก”


    “คุณอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”


    “ทุกอย่าง”


    “ผมรู้คุณจะชอบเรื่องนี้มั้ยแต่ที่เขตกลางมีโรงละครที่เขาเอาไว้แสดงละครเพลงเป็นรูปแบบของละครที่นำดนตรี เพลง คำพูด และการเต้นรำ รวมเข้าด้วยกัน การแสดงอารมณ์ ความสงสาร ความรัก ความโกรธ รวมไปถึงเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านละคร ผ่านคำพูด ดนตรี การเคลื่อนไหว เทคนิคต่าง ๆ ให้เกิดความบันเทิง การแสดงละครเพลงบนเวทีจะเรียกว่าง่าย ๆ ว่า มิวสิคัลแล้วที่นั้นยังมีร้องโอเปร่าถ้าผมมีเวลาว่างจากการเรียนผมจะไปที่โรงละครเพื่อเสพศิลปะผมว่ามันน่าหลงใหล”


    “ฟังดูน่าสนุกผมอยากเห็นด้วยตาตัวเองผมกินเสร็จพอดีเลยคุณนั่งนิ่งเดียวผมเก็บเองอยู่เฉยๆเป็นกำลังใจให้ผมก็พอ”


    “เดี๋ยวนี้ยอกย้อนเก่งนักนะแก้มอ้วน”


    “อย่าบีบแรงผมเจ็บคุณแรงเยอะบีบทีไรแก้มช้ำทุกที”


    “ขอโทษนะไม่รู้ว่าเจ็บ”


    “ไม่เป็นไรเบาแรงหน่อยจะดีมาก”


    “นึกว่าจะห้าม”


    “ห้ามไปก็เท่านั้นผมรู้คุณดื้อ”


    “5555555 ”


    “ไม่ต้องมาขำเลยนะคุณเมลิกคุณนี้มันน่าตีจริงๆ”


    “แรงคุณก็เยอะเหมือนกันนั้นแหละตีผมทีนึกว่าทุบ”


    “เดี๋ยวจะโดนทุบ” ผมทำท่าจะทุบเขาแต่คุณเมลิกไม่มีท่าทีจะกลัวเลยแถมยังยิ้มกวนใส่อีกผมทำได้แค่ส่ายหน้าเอือมระอายิ่งรู้จักยิ่งรู้นิสัยตัวตนของเขามากขึ้นทุกๆวันตอนแรกนึงว่าจะเป็นคนเงียบๆเสียอีก


    ระหว่างที่ผมกำลังเก็บของก็คุยกับคุณเมลิกไปด้วยแต่เมื่อเวลาผ่านไปมันเหลือเพียงเสียงของผมคนเดียวคุณเมลิกนั่งพิงต้นไม้กอดอกหลับตาพริ้มทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนเคยเจอเขามาก่อนทุกครั้งที่มองตา รู้สึกคุ้นเคยสบายใจทุกครั้งที่พูดคุย รู้สึกปลอดภัยและเชื่อใจเวลาที่ได้อยู่ใกล้


    “แอบมองผมหรอ”


    “เปล่าสักหน่อยไม่ได้แอบมองแล้วคุณไม่นอนต่อหรอ”


    “ไม่แล้วล่ะคุณรู้มั้ยผมกินอิ่มแล้วได้ฟังคุณพูดแล้วมันง่วงนอนหลับไปตอนไหนไม่รู้แต่ที่รู้ๆคือตื่นเพราะมีคนนั่งจ้องผมหล่อผมเข้าใจใครๆก็อยากมานั่งมอง”


    “หลงตัวเอง”


    “คุณเก็บของเสร็จแล้วใช่มั้ยเราไปพายเรือกันเถอะ”


    อากาศตอนบ่ายไม่ได้ร้อนอย่างที่คิดวันนี้ท้องฟ้าเป็นใจเราสองคนเดินไปที่ท่าเรือที่มีเรือผุกอยู่มันเป็นเรือส่วนกลางทุกคนสามารถใช้เมื่อก็ได้คุณเมลิกลงไปก่อนเขายื่นมือมาช่วยผมผู้ชายคนนี้จะดีไปถึงไหนกันเมื่อผมนั่งลงคุณเมลิกก็ปลดปมเชือกแล้วเริ่มผายออกจากท่า


    “คุณผมพึ่งนึกขึ้นได้คุณจะเข้าไปได้ยังถ้าไม่มีบัตรแล้วคุณมีบัตรเชิญหรอ”


    “ผมมีคุณไม่ต้องห่วงผมหรอกผมบอกจะไปเป็นเพื่อนคุณผมไปแน่นนอนผมพูดคำไหนคำนั้น”


    “งั้นวันงานผมเต้นรำกับคุณนะ”


    “อยากเต้นรำกับผมหรอ”


    “ใช่ ถ้าผมพลาดอย่างน้อยคุณก็ช่วยไม่ให้ผมขายหน้าได้”


    “แล้วเมื่อไรคุณจะเลิกเรียกผมว่าคุณเมลิกสักทีผมอยากให้เรียกแค่ชื่อ”


    “ก็มันเรียกติดปากแล้ว”


    “หรือเรายังไม่สนิทกัน”


    “เปล่าสักหน่อยเราสนิทกัน ตะ แต่มัน”


    “งั้นก็เรียกแค่ชื่อไหนลองเรียกสิ”


    “คุณมันแปลกๆ”


    “เจนนิซผมยังเรียกได้เลยไม่เห็นจะแปลก”


    “เมลิก”


    “ก็เรียกได้นิต่อไปก็เรียกเมลิกอย่างเดียวถ้ามีคุณผมจะบีบแก้มอ้วนๆของคุณเพื่อเป็นการลงโทษ”


    “เมลิกผมมีเรื่องอยากถามคุณเลยฝันแปลกมั้ย”


    “แปลกยังไง”


    “ช่วงนี้ผมฝันถึงหมาป่าสีดำตัวใหญ่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ขึ้นทุกวันมันเป็นตัวเดียวกับที่ผมเคยเจอที่ป่าสนใกล้คฤหาสน์โลเวลในตาสีอำพันจ้องมองมาที่ผมมันไม่สายตาที่น่ากลัวแต่ผมไม่รู้ว่าสายตานั้นมันกำลังจะสื่ออะไรแต่มีอย่างนึงที่แปลก”


    “อะไร”


    “ดวงของหมาป่าตัวนั้นมันคล้ายกับดวงตาของคุณเลย”


    “แล้วคุณยังกลัวมันอยู่มั้ยหมาป่าตัวนั้น”


     “ก็ยังกลัวอยู่”


    “อย่าได้กลัวไปเลยครั้งแรกมันไม่ทำอะไรเธอครั้งต่อๆไปมันก็จะไม่ทำอะไร”


    “รู้ได้ยังไงว่ามันไม่ได้ทำอะไรในครั้งแรกผมไม่เคยเล่าให้ฟังนะ”


    “ถ้ามันทำอะไรคิดว่าจะวิ่งหนีมันทันหรอก็เป็นคนบอกเองว่าตัวมันใหญ่”


    “อื้อ ก็จริง”


    “บางครั้งความฝันก็เป็นลางบอกเหตุแล้วเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่ามั้ยคิดว่ามันมีจริงหรือเปล่า”


    “ไม่รู้สิแต่เคยได้ยินนักบวชอายุมากบอกว่าเขาตอนเด็กเคยหมาป่าสีดำตัวใหญ่เจอคืนพระจันทร์เต็มดวงออกมาล่าชาวบ้านมาเป็นอาหารโดยจะออกหากินในเวลากลางคืน เหยื่อส่วนมากจะเป็นเหยื่อที่มาเพียงคนเดียวและฆ่าพวกไลเคนโทรฟี่เป็นอาการที่ผู้ป่วยมักคิดว่าตนเองสามารถกลายร่างเป็นหมาป่าได้ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้ แต่ก็มีกิริยาอาการแบบเดียวกับหมาป่า เที่ยวฆ่าผู้อื่นและกินเนื้อที่เหยื่อที่ตนฆ่าทิ้ง”


    “แล้วเขายังบอกว่าเป็นฝูงเก่าแก่อยู่มาตั้งแต่ก่อนจะเรียกเขตใต้ว่าริโอน่าแถมยังมีคนเล่าต่อกันมาว่าตระกูลแรกที่อยู่ที่นี้คือตระกูลโลเวลพวกเขาอาจเป็นมนุษย์หมาป่า”


    “เรื่องเล่าปากต่อปากมันบิดเบี้ยวใส่สีตีไข่จนเกือบไม่เหลือเรื่องจริงแล้วถ้าผมบอกว่าผมเป็นมนุษย์หมาป่าล่ะคุณจะเชื่อมั้ย”


    “ไม่เชื่อคุณจะเป็นหมาป่าได้ยังไงตลกแล้ว”


    “ผมก็พูดเล่นไปงั้นเป็นมนุษย์หมาป่าน่าทรมานจะตายต้องหลบซ่อนจากพวกล่าปีศาจผมได้ยินมาจากคนเขตเหนือ”


    “เวลาเราสองคนอยู่ด้วยกันทำไมต้องพูดเรื่องหมาป่าตลอดเลยนะ เออ เมื่อกี้ว่าจะถามอยู่กระเป๋าอะไรเห็นอยู่ข้างตัวตลอดเวลาเลยขึ้นเรือก็เอามาด้วย”


    “กระเป๋ากล้องฟิล์ม”


    “มันแพงมากเลยนะไม่กลัวมันตกน้ำหรือไง”


    “คุณยิ้มนะผมจะถ่าย” เขาพูดพร้อมเอากล้องออกมาเตรียมถ่ายผมนั่งยิ้มแล้วมองกล้องเขาเริ่มนับถอยหลัง


    1

    .

    2

    .

    3


    “เจนนิซเคยมีคนบอกมั้ยว่ารอยยิ้มของเธอสวยแค่ไหน”เมลิกลดกล้องลงแล้วมองหน้าของผมในตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุขและความจริงใจ


    “เป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเลยเห็นมาผมชอบรอยยิ้มของเธอ เจนนิซ ”



     

     

     


     


     

    #Gerberamj


     


     


     

     





     


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×