คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Gerbera ❀ 4
“เก่งขนาดนี้ไม่ต้องให้ผมสอนมั้งคุณเรียนรู้ได้เร็วกว่าตอนผมเริ่มเรียนครั้งแรกเสียอีก”
“มันดีแล้วจริงๆใช่มั้ยเมลิก”
“ถ้าคุณไม่เชื่อที่ผมบอกคุณก็น่าจะเชื่อมั่นในตัวเองหน่อยคุณหน่ะเป็นคนเก่งแค่ขาดความมั่นใจเรื่องนี้ผมสอนให้ไม่ได้คุณต้องทำมันด้วยตัวเอง”
“เราไม่อยากพลาดไม่อยากให้คุณท่านต้องขายหน้า”
“คุณทำได้ถ้ามันจะพลาดก็ปล่อยให้มันพลาดไปคู่เต้นรำของคุณเขาจะช่วยคุณเองอย่าได้กังวลไป”
“แล้วคุณจะไปมั้ยผมอยากให้คุณไป”
“ถ้าคุณอยากให้ผมไปผมก็จะไป”
“จริงๆนะ”คุณเมลิกพยักหน้าไม่รู้ตัวเองดีใจขนาดไหนถึงได้พุ่งไปกระโดดกอดคุณเมลิกรู้ตัวอีกทีตอนคุณหัวเราะแล้วลูบหัวเบาๆ
“ขอโทษผมลืมตัวดีใจมากไปหน่อยทำไมคุณนิ่งไปคุณไม่ชอบให้กอดหรอขอโทษนะผมไม่รู้”
“เปล่าผมแค่กำลังเสียขวัญอยู่โดนคุณอยู่ๆก็มากอดคุณลวนลามผม”
“คุณเมลิก!!!” ผมตีเข้าที่แขนของเขาคุณเมลิกลูบแขนแต่หน้ายังยิ้มระรื่นกวนใส่อีก
“โอ้ย คุณแรงเยอะใช้ได้เลยนะถึงว่าขนมปังอร่อยจัง”
“คุณนี้มันกวนจริงๆเมื่อกี้คุณก็ลูบหัวผมเหมือนกันนั้นแหละ”
“ผมคุณนิ่มห้ามใจไม่ให้ลูบไม่ได้จริงๆ”
“งั้นหายกัน”
“ผมยอมแล้วครับแล้วเราจะไปพายเรือกันเมื่อไรแดดตอนนี้กำลังดี”
“เราไปเอาอาหารที่ร้านของเรนเดลก่อนผมแอบไปสั่งก่อนคุณจะมาที่บ้าน”ตอนแรกก็กังวลเรื่องอาหารที่สั่งไปคุณเมลิกจะชอบจะกินได้มั้ยหรอเปล่าแต่พอบอกชื่อเมนูคุณเมลิกก็ตาลุกวาวเพราะบังเอิญชอบเกือบทั้งหมดผมไม่คิดว่าเขาโกหกเพื่อให้ผมสบายใจโชคดีจริงๆ
แสงแดดตอนสายไม่ได้ร้อนจนทนไม่ไหวเพราะสายลมที่พัดเบาๆและร่มไม้ของต้นไม้ใหญ่ในป่าทะเลสาบที่ใกล้จากเมืองไม่ว่าใครก็รู้จักทิวทัศน์ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สวยไม่น้อยไปกว่าทะเลสาบที่อยู่ชายป่าสนคฤหาสน์โลเวลแต่สำหรับผมที่นั้นสวยที่สุดแต่ผมไม่กล้าจะกลับไปที่นั้นอีกมันอันตรายเกินไปหมาป่าสีดําทมิฬตัวใหญ่ที่จ้องมองผมจังจำแววตาของผมได้อย่างขึ้นใจคงมีสักวันที่จะกลับไปที่นั้น
“คุณชอบมั้ย”
“ที่นี้สวยมากเงียบสงบ”
“คุณชอบผมก็ดีใจ”
“คุณพาผมไปไหนผมก็ชอบหมดแต่เราหาที่ปูเสื่อวางของเถอะ”
“คุณหิวหรือยัง”
“ผมยังไม่หิวคุณเถอะจะเที่ยงแล้วหิวหรอยัง”
“นิดนึงแต่ผมรอกินพร้อมคุณได้นะ”
“งั้นเรากินก่อนแล้วค่อยพายเรือวันนี้เรามาพักผ่อนกันนิไม่เห็นต้องรีบร้อน” ผมพยักหน้าเราสองคนหาใต้ร่มไม้ใหญ่ไม่ไกลจากทะเลสาบเท่าไรแต่สามารถเห็นความสวยงามได้ทั้งหมดคุณเมลิกเป็นจนจัดแจงทุกอย่างผมยืนมองอยู่เฉยๆเขาบอกว่าทำคนเดียวเสร็จแล้วกว่ายืนเป็นกำลังใจให้เขาก็พอ
“อาหารหน้าตาน่าทานกว่าที่คิดนะเนี่ย”
“คุณลองชิมดูสิอร่อยมากเลยนะถึงจะเป็นร้านเล็กๆแต่ก็ดังมากในเขตใต้”
“เลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอะไรก่อนดี”
“ผมตักชีสฮาลูมีให้คุณลองกินสิผมชอบมากเลยนะ”
“อื้อ อร่อยจริงๆอย่างที่คุณโม้ไว้”
“เห็นมั้ยบอกแล้วว่าอร่อย”
“คุณเองก็เริ่มกินได้แล้วมองผมกินมันไม่ทำให้ท้องคุณอิ่มนะมาผมตักเกี๊ยวเซปเปลินายให้” ระหว่างที่กินอาหารกันคุณเมลิกก็เล่าให้ฟังว่าพายเรือครั้งแรกที่เขตใต้แต่ไม่ใช้ทะเลสาบที่เรากำลังอยู่ตอนนี้คุณพ่อเป็นคนสอนแต่คุณเมลิกตอนเด็กไม่ค่อยชอบน้ำสักเท่าไรชอบวิ่งเล่นในป่ามากกว่าแต่คุณพ่ออยากให้คุณเมลิกมีความสามารถหลายๆอย่างโตขึ้นจะได้ไม่ลำบากเอาตัวรอดได้
“เด็กชายเจนนิซอายุกี่ขวบแล้วครับ”
“เด็กชายกี่ขวบอะไรของคุณ ผม 20 ปีแล้ว”
“แล้วทำไมยังกินเลอะเทอะ”
“จริงๆหรอคุณผมไม่เห็นรู้ตัวเลย”
“ที่แก้มไม่รู้ว่าคุณเด็กน้อยหรือแก้มคุณมันเยอะกันแน่”
“คุณว่าแก้มผมอ้วนอีกแล้วนะคุณไม่ชอบคนมีแก้มหรอไงผมออกจะชอบเจ้าหญิงน้อยของผมมีแก้มน่ารักจะตาย”
“ผมชอบแก้มของคุณ”
“ผมเช็ดหมดแล้วใช่มั้ย”
“อื้อ หมดแล้วคุณอิ่มหรือยังผมอิ่มแล้วนะ”
“ยังคุณรอหน่อยนะอร่อยจนผมหยุดกินไม่ได้คุณเห็นมูสเค้กช็อกโกแลตแล้วใช่มั้ยผมทำให้คุณเห็นบ่นมาหลายวันแล้วว่าอยากกินผมทำสุดความสามารถงั้นกินของหวานรอผมแต่เหลือไว้ให้ด้วยนะผมก็อยากกินเหมือนกัน”
“ผมจะแบ่งไว้ให้คุณไม่ต้องรีบผมรอได้”
“คุณเล่าเรื่องเขตกลางให้ฟังหน่อยได้มั้ยผมอยากฟังอีก”
“คุณอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”
“ทุกอย่าง”
“ผมรู้คุณจะชอบเรื่องนี้มั้ยแต่ที่เขตกลางมีโรงละครที่เขาเอาไว้แสดงละครเพลงเป็นรูปแบบของละครที่นำดนตรี เพลง คำพูด และการเต้นรำ รวมเข้าด้วยกัน การแสดงอารมณ์ ความสงสาร ความรัก ความโกรธ รวมไปถึงเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านละคร ผ่านคำพูด ดนตรี การเคลื่อนไหว เทคนิคต่าง ๆ ให้เกิดความบันเทิง การแสดงละครเพลงบนเวทีจะเรียกว่าง่าย ๆ ว่า มิวสิคัลแล้วที่นั้นยังมีร้องโอเปร่าถ้าผมมีเวลาว่างจากการเรียนผมจะไปที่โรงละครเพื่อเสพศิลปะผมว่ามันน่าหลงใหล”
“ฟังดูน่าสนุกผมอยากเห็นด้วยตาตัวเองผมกินเสร็จพอดีเลยคุณนั่งนิ่งเดียวผมเก็บเองอยู่เฉยๆเป็นกำลังใจให้ผมก็พอ”
“เดี๋ยวนี้ยอกย้อนเก่งนักนะแก้มอ้วน”
“อย่าบีบแรงผมเจ็บคุณแรงเยอะบีบทีไรแก้มช้ำทุกที”
“ขอโทษนะไม่รู้ว่าเจ็บ”
“ไม่เป็นไรเบาแรงหน่อยจะดีมาก”
“นึกว่าจะห้าม”
“ห้ามไปก็เท่านั้นผมรู้คุณดื้อ”
“5555555 ”
“ไม่ต้องมาขำเลยนะคุณเมลิกคุณนี้มันน่าตีจริงๆ”
“แรงคุณก็เยอะเหมือนกันนั้นแหละตีผมทีนึกว่าทุบ”
“เดี๋ยวจะโดนทุบ” ผมทำท่าจะทุบเขาแต่คุณเมลิกไม่มีท่าทีจะกลัวเลยแถมยังยิ้มกวนใส่อีกผมทำได้แค่ส่ายหน้าเอือมระอายิ่งรู้จักยิ่งรู้นิสัยตัวตนของเขามากขึ้นทุกๆวันตอนแรกนึงว่าจะเป็นคนเงียบๆเสียอีก
ระหว่างที่ผมกำลังเก็บของก็คุยกับคุณเมลิกไปด้วยแต่เมื่อเวลาผ่านไปมันเหลือเพียงเสียงของผมคนเดียวคุณเมลิกนั่งพิงต้นไม้กอดอกหลับตาพริ้มทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนเคยเจอเขามาก่อนทุกครั้งที่มองตา รู้สึกคุ้นเคยสบายใจทุกครั้งที่พูดคุย รู้สึกปลอดภัยและเชื่อใจเวลาที่ได้อยู่ใกล้
“แอบมองผมหรอ”
“เปล่าสักหน่อยไม่ได้แอบมองแล้วคุณไม่นอนต่อหรอ”
“ไม่แล้วล่ะคุณรู้มั้ยผมกินอิ่มแล้วได้ฟังคุณพูดแล้วมันง่วงนอนหลับไปตอนไหนไม่รู้แต่ที่รู้ๆคือตื่นเพราะมีคนนั่งจ้องผมหล่อผมเข้าใจใครๆก็อยากมานั่งมอง”
“หลงตัวเอง”
“คุณเก็บของเสร็จแล้วใช่มั้ยเราไปพายเรือกันเถอะ”
อากาศตอนบ่ายไม่ได้ร้อนอย่างที่คิดวันนี้ท้องฟ้าเป็นใจเราสองคนเดินไปที่ท่าเรือที่มีเรือผุกอยู่มันเป็นเรือส่วนกลางทุกคนสามารถใช้เมื่อก็ได้คุณเมลิกลงไปก่อนเขายื่นมือมาช่วยผมผู้ชายคนนี้จะดีไปถึงไหนกันเมื่อผมนั่งลงคุณเมลิกก็ปลดปมเชือกแล้วเริ่มผายออกจากท่า
“คุณผมพึ่งนึกขึ้นได้คุณจะเข้าไปได้ยังถ้าไม่มีบัตรแล้วคุณมีบัตรเชิญหรอ”
“ผมมีคุณไม่ต้องห่วงผมหรอกผมบอกจะไปเป็นเพื่อนคุณผมไปแน่นนอนผมพูดคำไหนคำนั้น”
“งั้นวันงานผมเต้นรำกับคุณนะ”
“อยากเต้นรำกับผมหรอ”
“ใช่ ถ้าผมพลาดอย่างน้อยคุณก็ช่วยไม่ให้ผมขายหน้าได้”
“แล้วเมื่อไรคุณจะเลิกเรียกผมว่าคุณเมลิกสักทีผมอยากให้เรียกแค่ชื่อ”
“ก็มันเรียกติดปากแล้ว”
“หรือเรายังไม่สนิทกัน”
“เปล่าสักหน่อยเราสนิทกัน ตะ แต่มัน”
“งั้นก็เรียกแค่ชื่อไหนลองเรียกสิ”
“คุณมันแปลกๆ”
“เจนนิซผมยังเรียกได้เลยไม่เห็นจะแปลก”
“เมลิก”
“ก็เรียกได้นิต่อไปก็เรียกเมลิกอย่างเดียวถ้ามีคุณผมจะบีบแก้มอ้วนๆของคุณเพื่อเป็นการลงโทษ”
“เมลิกผมมีเรื่องอยากถามคุณเลยฝันแปลกมั้ย”
“แปลกยังไง”
“ช่วงนี้ผมฝันถึงหมาป่าสีดำตัวใหญ่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ขึ้นทุกวันมันเป็นตัวเดียวกับที่ผมเคยเจอที่ป่าสนใกล้คฤหาสน์โลเวลในตาสีอำพันจ้องมองมาที่ผมมันไม่สายตาที่น่ากลัวแต่ผมไม่รู้ว่าสายตานั้นมันกำลังจะสื่ออะไรแต่มีอย่างนึงที่แปลก”
“อะไร”
“ดวงของหมาป่าตัวนั้นมันคล้ายกับดวงตาของคุณเลย”
“แล้วคุณยังกลัวมันอยู่มั้ยหมาป่าตัวนั้น”
“ก็ยังกลัวอยู่”
“อย่าได้กลัวไปเลยครั้งแรกมันไม่ทำอะไรเธอครั้งต่อๆไปมันก็จะไม่ทำอะไร”
“รู้ได้ยังไงว่ามันไม่ได้ทำอะไรในครั้งแรกผมไม่เคยเล่าให้ฟังนะ”
“ถ้ามันทำอะไรคิดว่าจะวิ่งหนีมันทันหรอก็เป็นคนบอกเองว่าตัวมันใหญ่”
“อื้อ ก็จริง”
“บางครั้งความฝันก็เป็นลางบอกเหตุแล้วเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่ามั้ยคิดว่ามันมีจริงหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิแต่เคยได้ยินนักบวชอายุมากบอกว่าเขาตอนเด็กเคยหมาป่าสีดำตัวใหญ่เจอคืนพระจันทร์เต็มดวงออกมาล่าชาวบ้านมาเป็นอาหารโดยจะออกหากินในเวลากลางคืน เหยื่อส่วนมากจะเป็นเหยื่อที่มาเพียงคนเดียวและฆ่าพวกไลเคนโทรฟี่เป็นอาการที่ผู้ป่วยมักคิดว่าตนเองสามารถกลายร่างเป็นหมาป่าได้ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้ แต่ก็มีกิริยาอาการแบบเดียวกับหมาป่า เที่ยวฆ่าผู้อื่นและกินเนื้อที่เหยื่อที่ตนฆ่าทิ้ง”
“แล้วเขายังบอกว่าเป็นฝูงเก่าแก่อยู่มาตั้งแต่ก่อนจะเรียกเขตใต้ว่าริโอน่าแถมยังมีคนเล่าต่อกันมาว่าตระกูลแรกที่อยู่ที่นี้คือตระกูลโลเวลพวกเขาอาจเป็นมนุษย์หมาป่า”
“เรื่องเล่าปากต่อปากมันบิดเบี้ยวใส่สีตีไข่จนเกือบไม่เหลือเรื่องจริงแล้วถ้าผมบอกว่าผมเป็นมนุษย์หมาป่าล่ะคุณจะเชื่อมั้ย”
“ไม่เชื่อคุณจะเป็นหมาป่าได้ยังไงตลกแล้ว”
“ผมก็พูดเล่นไปงั้นเป็นมนุษย์หมาป่าน่าทรมานจะตายต้องหลบซ่อนจากพวกล่าปีศาจผมได้ยินมาจากคนเขตเหนือ”
“เวลาเราสองคนอยู่ด้วยกันทำไมต้องพูดเรื่องหมาป่าตลอดเลยนะ เออ เมื่อกี้ว่าจะถามอยู่กระเป๋าอะไรเห็นอยู่ข้างตัวตลอดเวลาเลยขึ้นเรือก็เอามาด้วย”
“กระเป๋ากล้องฟิล์ม”
“มันแพงมากเลยนะไม่กลัวมันตกน้ำหรือไง”
“คุณยิ้มนะผมจะถ่าย” เขาพูดพร้อมเอากล้องออกมาเตรียมถ่ายผมนั่งยิ้มแล้วมองกล้องเขาเริ่มนับถอยหลัง
1
.
2
.
3
“เจนนิซเคยมีคนบอกมั้ยว่ารอยยิ้มของเธอสวยแค่ไหน”เมลิกลดกล้องลงแล้วมองหน้าของผมในตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุขและความจริงใจ
“เป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเลยเห็นมาผมชอบรอยยิ้มของเธอ เจนนิซ ”
#Gerberamj
ความคิดเห็น