ตอนที่ 7 : Four shot
Four shot
ถ้าเลือกได้เขาอยากจะเกิดเป็นคนที่ไม่มีหัวใจ อยากจะปิดกั้นตัวเอง ปิดจากทุกอย่าง ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากเห็น ไม่อยากสัมผัส... ไม่อยากสัมผัสคำว่ารัก
เพราะมันเจ็บ... มันเจ็บเกินจะทนไหวหากจะต้องถูกคนที่เรารักหมดใจหักหลัง...
‘นี่ บังยงกุก ถ้าฉันหายไปนายจะอยู่ได้รึเปล่า หืม?’
เสียงติดทุ้มแต่ออกไปทางเจื้อยแจ้วเอ่ยถามคลออยู่ข้างๆหู คางมนเกยอยู่บนไหล่กว้าง แขนขาวซีดกอดรอบลำตัวคนหน้าดูไว้หลวมๆพร้อมทั้งโยกตัวไปมา
แท้ว่ามันจะฟังดูร่างเริงแค่ไหนแต่กลับแฝงไปด้วยความหมายที่แสนเศร้าในส่วนที่ลึก ลึกจนอีกคนไม่สามารถสัมผัสได้ว่าอันไหนคือความจริงความเท็จ...
‘ทำไมพูดแบบนั้น หือ ถ้าฮิมชานไม่อยู่ บังยงกุก ก็อยู่ไม่ได้หรอกนะ’
รอยยิ้มกว้างๆถูกประดับบนใบหน้าติดจะดุ ฮิมชานโน้มตัวไปกดจูบที่ข้างแก้มคนในอ้อมแขนตัวเองเบาๆก่อนจะหัวเราะออกมาอย่าชอบใจแรงกอดที่เริ่มมากขึ้นชวนให้ยงกุกต้องรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
คิมฮิมชานเป็นคนที่ชอบทำอะไรแบบหมาหยอกไก่... ยิ่งการโอบกอดเขาแบบนี้ ถ้าตัวยงกุกไม่เป็นฝ่ายดึงอีกคนมากอดไว้แน่นๆเอง คิมฮิมชานจะไม่มีทางกอดแน่นแบบนี้แน่ๆ...
‘ถ้าพรุ่งนี้...’
เสียงนั้นพูดขึ้นเบาๆแล้วก็จากหายไป แรงกอดถูกคลายออก เช่นเดียวกับร่างโปร่งของฮิมชานที่เดินอ้อมมานั่งบรบก้าอี้ตัวตรงหน้า แขนขาวๆนั้นยกขึ้นเท้าคางตัวเองก่อนจะยิ้มแป้นแบบที่ชอบทำ ความสงสัยยังไม่ทันถูกคลี่คลายแต่ยงกุกก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ ฮิมชานไม่ชอบการตอบคำถามแต่ชอบพูดจาอะไรให้คนอื่นนึกสงสัย
ซึงจุดนี้ยงกุกไม่คิดอะไรมาก ถ้าอีกฝ่ายอยากจะบอกเขาก็จะบอกเอง...
‘ผู้บัญชาการยงกุกครับ เกิดเรื่องแล้ว!’
‘อะไร!?’
เสียงตื่นตกใจของคนเป็นลูกน้องที่เปิดประตูเข้ามาพรวดพราด เรียกให้ต้องเงยหน้าจากกองเอกสารมาขมวดคิ้วมุ่น หยาดเหงื่อประปรายไปทั่วใบหน้าเด็กหนุ่ม เสียงหอบหายใจหนักๆบรรเทาอาการเหน็ดเหนื่อยยิ่งทำให้ยงกุกหงุดหงิด ก่อนที่เสียงแตกแหบจะเอ่ยออกมาเรียกให้สติของเขาหลุดลงไปอยู่ก้นเหว
‘ทางการจับได้ ว่าคุณฮิมชาน เป็นไส้ศึก!’
เหมือนกับบางสิ่งบางอย่างในหัวสมองมันขาดผึง มือหนากระชากคอเสื้อคนเป็นลุกน้องที่ยืนสั่นหน้าซีดอยู่อย่างแรง... เอาอะไรมาพูด ฮิมชาน คิมฮิมชานของเขานั่นหรอจะเป็นไส้ศึก บ้าสิ้นดี มันจะบ้าเกินไปแล้ว!
‘ว่าไงนะ??! ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง?!!’
ด้วยอารมณ์โทสะที่พุ่งขึ้นสูง ทั้งด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เด็กหนุ่มผู้เป็นลูกน้องพูด มือหนาเหวี่ยงร่างของเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายออกให้พ้นทางเดินก่อนจะก้าวจ้ำออกไปยังนอกห้องทำงาน
ฮิมชาน... เป็นไปไม่ได้...
กริ๊ก
สัมผัสแข็งๆถูกจ่อมาที่กลางลำตัวด้านหลังของคนที่กำลังยืนนิ่งด้วยใบหน้าที่นิ่วขมวด น้ำลายก้อนเหนียวหนืดถูกกลืนลงคออย่างอยากลำบาก ยงกุกกำมือแน่นก่อนจะค่อยๆหันตัวเบี่ยงไปด้านหลัง
ดวงตาดุดันเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อในสายตาปรากฏร่างโปร่งของใบหน้าติดจะสวย ผิวขาวเนียนละเอียดราวหิมะ กับชุดสีดำสนิททั้งตัว แขนขาวๆนั้นประปรายไปด้วยของเหลวสีแดงสด ไม่เว้นแม้ใบหน้าขาวเนียนนั่น หยดเลือดแปดเปื้อนมองดูแสนจะเจ็บปวด หากแต่เจ้าของร่างนั้นไม่ได้มีร่องรอยของบาดแผลแต่อย่างใด...
แต่คงไม่มีอะไรทำให้ใจของบังยงกุกเต้นรัวแรงราวกับจะหลุดออกมาได้เท่ากับวัตถุสีดำขลับในมือขาวซีดนั้นกำลังหันปากกระบอกแนบชิดกับหน้าท้องแกร่ง นิ้วเรียวสวยสอดอยู่กับไกปืนพร้อมจะลั่นได้ทุกเวลา ริมฝีปากเรียวแดงยกยิ้มมุมปากขึ้นราวกับกำลังเยาะเย้ยสีหน้าที่แสดงถึงความสับสนของคนหน้าดุ...
‘ฮิมชาน...’
‘dead end bang-yong-guk’
ปั้ง!
เฮือกก!!
ดวงตาคมเบิกกว้างแทบจะทันทีก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เหงื่อเม็ดเล็กไหลซึมตามขมับจนชื้นเปียกไปหมด มือหนายกขึ้นปาดเช็ดมันออกก่อนจะกุมขมัยตัวเองไว้แน่น เส้นในหัวมันพากันเต้นตุบไปหมด เสียงหอยหายใจน้อยๆ
ภาพในอดีตที่ไม่มีวันลืม ภาพในอดีตที่คอยกรีดแทงหัวใจ ให้เจ็บช้ำ วนไปวนมา ราวกับไม่มีทางที่จะหนีมันได้พ้น
ดวงตาเรียวสวยที่เรียบสนิท เช่นเดียวกับเสียงพูดนิ่งๆที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ เสียงไกปืนลั่นอย่างไม่มีความลังเล
คิดแล้วก็เจ็บที่หัวใจราวกับมีใครเอามีดมาปักแล้วดึงมันออกแทงกลับซ้ำซาก แล้วถ้าจะมีใครทำแบบนั้นได้ ใครคนนั้นก็คงจะเป็นคิมฮิมชาน...
มองดูนาฬิกาล่วงเลยเวลาเข้ามาจนใกล้จะเที่ยงคืน ลมหายใจหนักๆถอนออกมาอย่างเบื่อหน่าย คำพูดบางอย่างไหลเวียนเข้ามาในหัว
กำลังตามล่าฉันอยู่งั้นซิ...
หึ ใช่ ฉันจะตามล่านาย ให้นายมาชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองทำลงไปไงหละ คิมฮิมชาน... ก็ฉันเคยบอกแล้วไง ว่าไม่มีนายฉันคงอยู่ไม่ได้คิมฮิมชาน...
ครืดด ด ๆ
เสียงสั่นของโทรศัพท์ข้างหัวเตียงเรียกให้สายตาดุดันหันไปมองก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู ดึกขนาดนี้แล้วยังมีใครโทรมาอีก... พอเห็นว่าชื่อปรายสายเป็นใครก็ต้องเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างฉงนใจเล็กๆ ก่อนจะยอมกดรับสาย
“ว่าไงยองแจ?”
*...*
ได้ยินเพียงเท่านั้นก็รีบเออออไปก่อนจะรีบลุกจากเตียงเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและออกไปจากห้องแทบจะทันที เสียงปรายสายนั้นสั่นครือราวกับภาพที่เจ้าตัวได้เห็นนั้นคือภาพนรก ยูยองแจโทรมาแจ้งเขาว่าเกิดเหตุฆาตรกรรมขึ้นที่แถวๆซอกตึกใจกลางเมือง บางอย่างมันกำลังบอกเขาว่านี่ไม่มช่เหตุการณืฆาตรกรรมธรรมดา...
.
.
.
และเหมือนลากสังหรณ์จะไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด...
ร่างกายไร้วิญญาณนอนแน่นิ่งจมกองเลือดสีแดงสดที่สาดกระเซ็นไปทั่วหากไม่เพราะมีกลิ่นคาวคละคลุ้งแบบนี้เขาคงนึกว่านี่เป็นเพียงแค่การละเล่นของเด็กมือดีที่เอากระป๋องสีมาสาดเล่นเฉยๆแน่ๆ...
ร่างกายสั่นกึกไปหมด ลมหายใจติดๆขัดๆ กับใจที่เต้นสั่นราวกับจะหลุดออกมาได้ ภาพตรงหน้ามันช่างน่าสะอิดสะเอียนจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี มองไปข้างๆเห็นเด็กหนุ่มที่เป็นคนโทรเรียกตนออกมากำลังนั่งนิ่งใบหน้าซีดเผือดก็รีบเดินเข้าไปหา
“ยองแจ ยองแจ!”
ยงกุกตะโกนเรียกคนเด็กกว่า ซึ่งคนถูกเรียกก็รีบหันมามองขวับด้วยสีหน้าที่ตื่นตะหยก มือขาวๆนั้นเก็บอาวุธสีดับขลับเข้าข้างกางเกงเหมือนเดิมก่อนจะหยิบยื่นบางอย่างมาให้ดู
เป็นผ้าผืนขาวเปลอะเปื้อนเลือดพับครึ่งไว้ พ่นลมหายใจออกมาแผ่วๆก่อนจะค่อยคลี่เจ้าผ้าปริศนาออก ดวงตาดุเบิกกว้างแทบจะทันทีที่เห็นว่าสิ่งที่อยู่ในมือตนคืออะไร
“นะ นี่มันอะไรกัน...”
‘fu ck you police’
ตัวหนังสือที่ถูกบรรจงเขียนด้วยน้ำหมึกสีแดงสนิม ไม่ต้องเดาให้ยากว่าน้ำหมึกนี้มาจากไหน คงมาจากร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่นี่เป็นแน่....
ร่างไร้วิญญาณในเครื่องแบบตำรวจ...
“…”
มือหนากำแน่นกับผืนผ้าขาวก่อนจะออกหมัดพุ่งตรงเข้ากำแพงข้างๆตน ความรู้สึกแสบชาไม่อาจจะสู้ความรู้สึกร้อนรุ่มในจิตใจได้ เมื่อเป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ได้เพียงแค่จะเอาชีวิตตนและยูยองแจเท่านั้น...
“โธ่เว้ยย! ไม่ใช่แค่เราสองคนงั้นหรอ”
“ทำยังไงดีหละ”
เด็กหนุ่มที่นิ่งเงียบมานานเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงที่สั่นครือไม่น้อย เป็นตำรวจสายลับใช่ว่าจะไม่มีความกลัว ก็แค่ต้องคอยแสดงด้านเข้มข็งต่อหน้าศัตรูเพื่อให้อีกฝ่ายตายใจ ใครจะรู้ว่าตำรวจสายลับหนะแบกรับความกลัวทุกเวลาจนมันแทบจะทับตายอยู่รอมล่อ...
“กี่โมงแล้ว?”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมานิ่งๆ ก่อนจะปรายตายองแจที่ยืนกัดริมฝีปากแน่นอยู่
อีก 5 นาทีเที่ยงคืน...
เกมกำลังจะเริ่ม...
“...ยองแจหนีไป”
พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะดันไหล่คนอายุน้อยกว่าให้เดินจากไปจากที่แห่งนี้ หากแต่เด็กหนุ่มยังขืนตัวเอาไว้ ซ้ำยังปรายตามามองที่ร่างโปร่งของยงกุกด้วยแววตาที่ดูจะกังวล
“แต่...”
“หนีไป ตอนนี้เราเสียเปรียบอยู่!!”
สิ้นเสียงแหบพร่าที่ตะโกนออกมาสุดตัวของยงกุก ยองแจกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอก่อนจะตัดสินใจวิ่งหนีออกไปจากที่ตรงนี้ เหลือเพียงเขา เพียงเขาเท่านั้นที่ยังยืนนิ่ง กับร่างไร้วิญญาณของนายตำรวจที่น่าสงสาร
ไม่ซิ ไม่ใช่แค่เขากับร่างไร้วิญญาณนี่ซักหน่อย ก็...
“เลิกทำตัวเป็นคนดูฉากละครแล้วออกมาได้แล้ว คิมฮิมชาน...”
ใช่แล้ว นอกจากสถานที่นี้จะมีร่างไร้วิญญาณของตำรวจผู้น่าสงสาร และ ร่างของเขาที่ยืนนิ่งงันอยู่ ยังคงมีอีกร่างหนึ่ง... ร่างโปร่งขาวซีดที่มักจะมีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่แม้ว่าเหตุการณ์ตรงหน้าจะไม่ใช่เรื่องให้ยิ้มแย้มเลย...
ควันที่หมอกถูกพ่นออกมาจากบนระเบียงตึกเหนือหัว กลิ่นเมนทอบหอมอบอวนหากแต่ก็ดูน่าพะอืดพะอม แท่งนิโคตินตินที่เหลือแต่ปลายก้านฟองน้ำถูกทิ้งลงมาเฉียดฉิวร่างของบังยงกุกไปเล็กน้อย ก่อนจะตามมาด้วยร่างโปร่งขาวซีดที่กระโดดพรวดลงมายืนอยู่ตรงหน้า ร่างนั้นเซไปเล็กน้อยก่อนจะยกมือขาวๆของตัวเองขึ้นขยี้หัวอย่างขัดใจ แล้วจึงค่อยๆหันใบหน้ามาแย้มยิ้มให้เขา
รอยยิ้มที่มองดูว่าสวยงาม หากแต่ยงกุกเกลียด... เกลียดรอยยิ้มนี้... รอยยิ้มของคนที่ทรยศให้กับความรักที่เขามอบให้ทั้งหมดของหัวใจ...
“ฉลาดไม่เปลี่ยนเลย สมกับเป็นหมารับใช้... หึ”
รอยยิ้มเย้ยหยันนั้นส่งมาให้อย่างไม่มีปิดบัง น้ำเสียงดูถูกเสียดสีกลั้วติดเสียงหัวเราะน้อยๆในลำคอขาว คิมฮิมชานยืนกอดอกมองดูบังยงกุกที่ยืนแน่นิ่งด้วยทั้งหมดกิริยาที่แสดงออกมา
สองสายตายังคงจับจ้องกันอย่างไม่มีใครคิดจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดขึ้นก่อน ใบหน้าติดสวยขมวดคิ้วมุ่มกับใบหน้าที่ยังเรียบตึงของบังยงกุก ภายใต้ใบหน้าดุดันนั้นไม่อาจจะรู้ได้ว่าคิดอะไรอยู่หากแต่นั่นไม่ได้เป็นความสนใจของคิมฮิมชานเท่าไหรร่
เช่นเดียวกับบังยงกุกที่ยืนนิ่งมองดูใบหน้าที่กำลังส่งยิ้มเย้ยยันมาให้ตน และเช่นเดียวกันไม่ว่าภายใต้กรอบหน้านั้นจะคิดอะไรอยู่มันไม่ใช่ความสนใจของบังยงกุก เขาก็แค่อยากจะทำลาย ทำลายคนตรงหน้า ให้สมกับที่เคยทำลายความรักของเขา ความรักที่มันมาจากความจริงใจหากแต่มันกลับถูกนำไปหยิบยื่นแลกเปลี่ยนกับความรักจอมปลอม...
“ทำหน้าตาน่ากลัวเชียวนะ~”
เป็นฮิมชานที่เอ่ยทำลายความเงียบก่อน ขาวเรียวยาวนั้นก้าวช้าๆเข้าไปใกล้ร่างของบังยงกุกที่ยังยืนนิ่ง ใกล้เรื่อยๆจนใบหน้าติดสวยนั้นเขยิบเข้าไปใกล้ ใกล้อีกจนแทบจะไม่มีช่องว่างให้รอดผ่าน ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ก็ยังเลือกที่จะยืนนิ่งๆมาขยิบหนีหรือขยับไปไหน
จนในที่สุดริมฝีปากแดงสดก็สัมผัสลงเบาๆกับคนที่เอาแต่ยืนนิ่งเฉย บดเบียดจนรับรู้ได้ถึงความรุงแรงเมื่อฟันขาวๆขบกัดเข้ากับริมฝีปากได้รูปอย่างแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด ลิ้นเล็กไล้เลียของเหลวสีแดงสดราวกับเป็นสารเสพติด ทั้งดูดดึงและขบกัดซ้ำๆให้รอยแผลยิ่งแตกออก
รสเลือดปะปนไปกับความหวานขมขื่นเมื่อยงกุกที่นิ่งอยู่นานยกมือตขึ้นรั้งท้ายทอยของคนขี้เล่นไว้ก่อนเผยอริมฝีปากตนส่งลิ้นร้อนไปหยอกล้อกับคนที่กำลังหลงไหลในรสเลือด แลกเปลี่ยนความหอมหวานหากแต่กับขมฝืดเมื่อจิตใจของทั้งคู่ไม่ได้รับรู้ถึงความรักจากรสจูบ หากแต่สัมผัสได้กับความแค้น ความอัดอั้น ทรมาน และความเจ็บปวดจากมัน ปะปนกันจายุ่งเหยิงหาความน่าพิศมัยไม่ได้เลยจากรสจูบนี้
ยงกุกผละออกมาก่อนจะจับจ้องยังไปหน้าติดสวยของฮิมชานที่ขึ้นริ้วแดงเล็กน้อย ริมฝีปากได้รูปแสยะยิ้ม พร้อมกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างแรงแล้วผลักไสมันออกไป จนร่างโปร่งนั้นเซไปปะทะเข้ากับกำแพงด้านหลัง
“เหม็นกลิ่นคาวเลือดไปหมดเลยนะ คิมฮิมชาน...”
“ก็เลือดนายไม่ใช่รึไง~”
“เปล่า เลือดจากศพนั่นหนะ...”
สายตาดุดันปรายมองชายเสื้อสีเทาหม่นที่เปียกชื้นด้วยของเหลวบางอย่าง ของเหลวที่สงกลิ่มเหม็นคาวน่าสะอิดสะเอียนแล้วเดียวกับที่เจิงนองอยู่ทั่วร่างที่นอนนิ่ง
กลิ่นของเลือด... ที่ไม่ใช่ของเจ้าของเสื้อ หึ
“...สวยมั้ยหละ นี่ภาพศิลปะเลยนะ หึหึ”
ปรายตามองไปยังร่างนองเลือดอีกคราก่อนจะหันมาทำหน้าเหยเกใส่คนพูดที่กำลังยิ้มร่า ที่เขาบอกว่าฆาตรกรมักจะมีความสุขกับการเห็นภาพนองเลือดนี่มันจริงซินะ... ใบหน้าติดสวยนั่นถึงได้เผยรอยยิ้มแบบนั้นออกมาได้ ทั้งที่ภาพตรงหน้าไม่เห็นจะน่าพิศมัยเลยซักนิด
“คิดถึงฉันบ้างรึเปล่า บังยงกุก ตั้งแต่วันนั้น...”
คำว่าวันนั้นของอีกฝ่ายหวนให้นึกไปถึงภาพความฝันที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน ภาพของคนที่ทรยศให้กับความรักและความไว้ใจ คนตรงหน้าทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจให้ขาดสะบั้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะต่อติด
“ฉันนึกว่านายจะตายไปแล้ว น่าตลกชะมัด ที่ยังได้รายงานว่านายปลอดภัย บังยงกุก”
ยิ่งเสียงนั้นพูดมามากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการเอื้อนเอ่ยคำพูดที่แสนจะทำลายสติของังยงกุก อยากจะจับคนตรงหน้านี้มาทำลายให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆต่ก็ต้องสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ดวงตาดุดันจับจ้องมองร่างของคนที่ยังยืนยิ้มอยู่
“ใช่...ฮิมชาน ฉันตายไปแล้ว...”
“?”
“บังยงกุกที่เคยรักนายยิ่งกว่าอะไรหนะ มันตายไปแล้ว...!”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมานิ่งๆ พร้อมทั้งกระตุกยิ้มในแบบที่คิมฮิมชานไม่เคยเห็นมาก่อน...
“ฉันตายไปแล้วจริงๆ บังยงกุกที่เคยอ่อนโยนกับนาย รักนาย หลงนายมันตายไปแล้ว!”
พรึบ
“อ่ะ...”
สิ้นเสียงตะโกนดุดัน ร่างของฮิมชานเซไปเล็กน้อย ก่อนจะพยายามหาอะไรค้ำยืน สัมผัสเจ็บจี๊ดๆที่หน้าท้องขาวทำให้ต้องขมวดหน้านิ่ว และต้องแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อก้มลงมาพบลูกดอกสีดำสนิท...
มันจะไม่อะไรเลยหากว่าลูกดอกอันนี้ เคยเป็นของที่เขาให้บังยงกุก ลูกดอกยาพิษ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร หากแต่จะทำให้หมดแรง หมดกำลัง ชาไปทั้งตัว ก็เพียงเท่านั้น... ไม่นึกว่าคนตรงหน้าจะยังเก็บไว้ และไม่นึกว่าวันนี้มันจะถูกเอามาเล่นงานโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้...
ดวงตาเรียวเล็กพร่ามัวไปหมด ริมฝีปากแดงสดกัดกันแน่น
ไม่นึกว่าบังยงกุกจะกล้าทำขนาดนี้ เพราะความมั่นใจมากมายว่าคนตรงหน้านี้จะไม่กล้าทำอะไรตัวเองแน่ๆ หากแต่คิดผิดถนัด... แต่...
“ที่มาหาทั้งที่ไม่อาวุธติดมือแบบนี้ ทำเพียงแค่เชือดไก่ให้ลิงดู นายเองก็ยังไว้ใจฉันงั้นรึไง คิมฮิมชาน”
เสียงทุ้มแผ่วเบาลงไปเรื่อยตามสติน้อยๆที่เริ่มจะขาดหาย ภาพสุดท้ายคือใบหน้าที่มองดูเขาอย่างเย้ยหยันเช่นเดียงกับที่ฮิมชานชอบทำใส่บังยงกุก หากแต่มันผสมไปด้วยความเจ็บปวด
“จากนี้เป็นเวลาชดใช้ของนายนะ คิมฮิมชาน...”
----------------------------------------------------------------------------
แฮปปี้ พาร์ท ท ท ทท *จุดพลุปุ้งปั้งงง 55555555555
#whatttttttttttttttttttt thaaa fuuuuuuu??? 555555555555
ไหงมันกลายเป็นฟิคออกแนวๆจิตๆไปได้วะเนี่ย กร๊ากกกกกกกกกกกกก
#โดนคนอ่านเอารองเท้าปาหัวว กร๊ากกกกกกกกกกกก
จริงๆตอนนี้ว่าจะลงวันเกิดมาดาม แต่ดันไม่ทัน เน็ตไม่ดี กรั่ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
โมเม้น บังชาน กร๊ากกกกกกกก
ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ช่วงนี้คนเขียนชอบคึก ฟัง sacramental confession ของพี่ปรังงง - -
หง่ำ หง่ำ หง่ะ ~~~~~~ <3
ติดตามชมกันต่อไป ขอบคุณเจ้าา า า าา ~~~~ <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อย่าเพิ่ง!!!!!! อย่าฆ่านะ อย่า!!!
แล้วสาเหตุอะไรทำให้ฮิมต้องเป็นคนทรยศองค์กรหล่ะ
แนวตบจูบมาแว้ววววว
มาดามร้ายก่อนเองนะช่วยไม่ได้
จัดให้หนักเลยเฮียยยยย
นี่ฟัง sacramental confession
ไปด้วยเม้นไปด้วยเลยนะเนี่ย
ได้บรรยากาศมากก
มาดามจะโดนอะไรบ้างน้ออออออ
ติดตามจ้าาา~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
งื้อออออออ สงสารพี่บังมาก มาดามโดนเลยอ่ะ ทั้งที่ไม่เคยเห็นพี่บังยิ้มแบบนั้น
ฮืออ ดราม่าจิตเกินไปแล้ววววว ไรท์รีบมาต่อน้าาา~
ไรท์เตอร์รู้มั้ย ฉันออกมารอไรท์ที่ท่าน้ำ(?)ทุกวันเลยนะ 555555555555
ถ้าฮิมชานไม่อยู่ บังยงกุก ก็อยู่ไม่ได้หรอกนะ >///< อู้ววว เขิลประโยคนี้นี่มันประโยคเด็ดเลยนะเนี่ย คิดว่าดูพี่มากอยู่ ฮ่าๆๆ
สงสารยงกุกนะ ยงกุกรักฮิมชานมากเเต่ฮิมชานกลับหักหลังอ่ะ ฮือๆ T^T
ลุ้นมากเลยค่ะไรท์ จะติดตามต่อไปนะคะ
ลุ้นนนนนนนนนน
โอยยยยย ร้ายกาจมากทั้งฮิมทังเฮียบัง
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ บังชานนนนนน ><
ฮิมจะโดนอะไรบ้าง ยงกุกไม่รักฮิมแล้วจริงๆเหรอ ;-;