คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ในภานะแฟน..ของเธอ
“อยากจะได้พบได้เจอกันอีกสักครั้งนึง
หวังไว้ในสักวัน
ที่จะเป็นคนๆนั้นที่เธอรักไม่ใช่เขาคนนั้น
ฉันยอมให้ได้ทุกอย่าง
เพียงเธอเอ่ยมา
รู้ว่ามันแค่ความหวังเล็กๆน้อยๆแต่
อย่างน้อยให้ฉันได้เห็นเธอมีความสุขกับเขาก็ยังดี”
เสียงขับร้องราวกับเสียงสวรรค์ดังขึ้นบนเวทีพร้อมเห็นนักร้องสาวตัวเล็กผมสีน้ำตาลอ่อนสลวยยิ่งประกอบกับแสงอาทิตย์ยามเย็นยิ่งเปล่าประกาย ดวงตาคู่สวยเป็นประกายวาววับดุจดวงดาวพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสชวนใจละลายให้กับเหล่าแฟนๆ
แม้แต่ชายหนุ่มร่างสูงที่มางานโดยไม่ได้ตั้งใจก็กลับโดนรอยยิ้มที่สดใสของนักร้องสาวตรงหน้าตกเข้าอย่างจังจนหัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
“เป็นไรไปวะคู่หู..เห็นนั่งจ้องเธอสักพักแล้วนะตกหลุมรักเธอเข้าแล้วสิท่า” ชายร่างสูงผมดำขลับผิวสีแทนเดินเข้ามาหาชายที่ยืนมองนักร้องสาวอยู่แถวหน้าสุดและเหม่อมองแบบนั้นไปพักใหญ่อย่างไม่ละสายตา
“…น่ารักมากเลยล่ะ” อีกฝ่ายตอบเสียงแผ่วก่อนจะหันไปสบตาเข้ากับนักร้องสาวบนเวทีเข้าอย่างจังๆ เธอยิ้มให้พร้อมขยิบตาด้วยรอยยิ้มที่สดใสและไร้เดียนสา จนเขาต้องรีบเอามือปิดหน้าด้วยใบหน้าที่แดงสนิทอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“จังหวะตกหลุมรักชัดๆ..เลยนะมิรันด้าน่ะสวยอย่างกับนางฟ้าไม่ได้ทำร้ายจิตใจหรอกแต่คนที่เธอยิ้มให้คือคนทางขวาล่ะมั้ง”
“ไม่รู้ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกแค่น่ารักและยิ้มให้ทุกคนอย่างไม่เกี่ยงก็มากพอแล้ว” เขายังคงจ้องมองเธออย่างไม่กระพิบตาจนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว..รู้ตัวอีกทีก็ถึงคิวของนักร้องคนอื่นที่มาขั้นแสดงต่อ
“ฉันขอตัวล่ะ..” เขาหันหลังและเดินออกไปจากที่นั่งแม้จะดูเสียมารยาทที่เดินออกมาก็ตาม
“ไปห้องน้ำเหรอเออๆ” ฝ่ายเพื่อนตอบกลับพร้อมนั่งดูการแสดงต่อไปอย่างทุกที เขาเดินตรงมาที่ห้องน้ำและล้างมือล้างหน้าตามปกติก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ..
มีการโทรที่ไม่ได้รับสายและข้อความกว่าหลายร้อยข้อความที่ยังไม่ได้อ่านถึงแบบนั้นมันก็เป็นเพียงแค่ข้อความเรียกร้องความสนใจของผู้หญิงที่นอนด้วยแค่คืนเดียวทั้งนั้นจึงไม่คิดสนใจอะไร
((ตืดดดดด..ตืดดดดดดด))
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการส่งข้อความรัวๆของผู้หญิงที่ร่วมหลับนอนด้วยเมื่อคืนขอให้รับสายอย่างรีบร้อน
“ฮัลโหล..มีอะไร?”
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน!! ตอบมาสิ” ผู้หญิงคนนั้นขึ้นเสียงด้วยความโกรธ
“ไอผู้ชายแหงซวย!! เอากับผู้หญิงไม่เลือกแล้วสิแกน่ะไอสวะไร้ยางอาย”
“อืมๆ..เธอเองก็ไม่ต่างกันนักหรอกน่าคนบ้าที่ไหนจะยอมมีอะไรกับคนที่พึ่งเจอกันไม่ถึงชั่วมองแถมตัวเองก็เริ่มก่อนเองแท้ๆด่าเข้าตัวเองทั้งนั้นเลยนะ”
“กริ๊ดดดด!!” อีกฝ่ายกรีดร้องเสียงดังด้วยความไม่พอใจก่อนที่เขาจะกดตัดสายไปด้วยความรำคาญ..นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและไม่ใช่คนเดียวที่พยายามตามตื้อ
((ปึกกกก!!!))
.
.
.
.
.
.
.
@มิรันด้า
“วันนี้เองก็เหนื่อยจังเลยนะ..พี่ธีร์ก็ติดต่อไม่ได้สงสัยต้องกลับไปทำอะไรกินเอง” มิรันด้าบ่นพึมพำพร้อมกดโทรหาพี่ธีร์ผู้เป็นแฟนหนุ่มแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆทั้งสิ้น
เธอเดินตรงไปที่รถในมือถือถุงผ้าที่ใส่ของกินไว้เต็มระหว่างทางเดินมาที่รถเธอก็สังเกตเข้ากับ
"เอ๊ะ?" เธอสะดุ้งทันทีที่เห็นชายหนุ่มคนนึงสลบอยู่ข้างรถของเธอเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลและเลือดที่ไหลออกมาจากหน้าท้องอย่างกับถูกแทงด้วยของมีคม
"คุณ? คุณ?!" เธอเดินเข้าไปเขย่าตัวเขาพร้อมใช้มือจับคลำหาชีพจรของอีกฝ่าย เขายังไม่ตายเพียงแต่บาดเจ็บหนัก
"ตื่นสิคะ!! คุณคะ?" เธอขึ้นเสียงเล็กน้อยก่อนที่อีกฝ่ายได้สติและค่อยๆลืมตาขึ้นมา
"จะรีบพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้แหละค่ะ..ทำใจดีๆค่อยๆหายใจนะคะ"
"...เธอเป็นใครกัน?" เสียงที่แผ่วเบาไร้เรี่ยวแรงของเขา ทำเอาเธอต้องรีบพยุงเขาขึ้นเพื่อรีบไปที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
น่าแปลกนักแม้จะเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กส่วนสูงเท่าไหล่ของเขาแท้ๆแต่กลับมีแรงที่จะพยุงเขาขึ้นได้อย่างง่ายๆ
"เห้ย!! จะรีบไปไหนวะ?!" เสียงตะโกนดังขึ้นจากแผ่นหลังเป็นเสียงของชายคนนึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นใครแต่มันไม่ปลอดภัยและไม่รู้ด้วยว่าเธอที่ไม่เกี่ยวข้องจะโดนลูกหลงรึเปล่า?
"ยัยบ้านี่..ปล่อยฉันสิวะ" เขารีบผลักเธอออกห่างตัวด้วยร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสทำเอาเขาล้มทรุดลงไปที่พื้นทันที..
ด้วยบาดแผลที่เกิดจะรับไหวเลือดสีแดงสดค่อยๆไหลซึมออกมาจากเสื้อผ้ามากขึ้นกว่าเดิม
"...ฉันจะปล่อยให้คุณเสียเลือดตายไม่ได้"
"หนีไป!! ฉันสั่งให้หนีไปไงไม่ได้ยินรึไง?!" เขาตะคอกสุดเสียงทันทีที่เห็นภาพชายแปลกหน้าคนนั้นกำลังเดินตรงมาที่เธอ
ถึงจะไม่อยากขึ้นเสียงใส่ผู้หญิงนักแต่รู้ดีว่าเธอคงไม่คิดจะฟังเขาจึงต้องทำและขอให้เธอหนีไปโดยปล่อยเขาไว้แบบนี้
"ไม่มีอะไรที่ฉันต้องกลัวหรอกค่ะ..ไม่ว่ายังไงก็จะรีบจัดการให้เดี๋ยวนี้แล้วก็รีบพาคุณไปโรงพยาบาลให้ได้" เธอตอบเสียงแข็งไม่คิดจะฟังที่เขาพูดแม้แต่น้อยและยืนขวางชายคนนั้นอย่างไม่คิดเกรงกลัว
"ฉันบอกให้หนีไปสมองเธอมีปัญหารึไงยัยบ้านี่?! หนีไปสิไม่ได้ยินที่ฉันสั่งรึไง!!" เขาขึ้นเสียงพลางกวาดสายตามองไปรอบๆสายตาที่พร่ามันเริ่มที่จะมองเห็นอะไรบ้างแล้ว
แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีแรงพอที่จะลุกขึ้นต่อสู้กับชายคนนั้นได้..เพราะบาดแผลที่สาหัสขนาดยืนด้วยตัวเองคงทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
"ส่งมันมาถ้าเธอไม่อยากเจ็บตัว!!" เสียงชายคนนั้นดังขึ้นพร้อมกับชี้ปืนมาที่เธอ
"แล้วถ้าฉันตอบว่าไม่จะมีปัญหาอะไรรึเปล่าล่ะ?" เธอตอบเสียงแข็งเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น..จนแทบไม่ทันสังเกตว่ามันเกิดอะไรขึ้น
((กึก!!!))
"อ๊าาากกก!! ข-แขน...แขนฉัน!!!" เสียงตะโกนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นก่อนจะเห็นว่าเธอหักแขนของชายคนนั้นด้วยมือเปล่าและหยิบปืนขึ้นมาชี้หน้าชายคนนั้นด้วยสายตาที่นิ่งเฉย..
แต่ความนิ่งเฉยนั้นมันดูเด็ดขาดทำให้รู้สึกเกร็งกลัวขึ้นมาไม่ใช่น้อย
"เมื่อกี้ใครออกคำสั่งกับใครนะ..ฉันควรจะทำยังไงกับแกดีเนี่ย..."
"อ-อย่า!! อย่าฆ่าฉันเลยนะปล่อยฉันไปเถอะ?!"
"ก็ว่างั้นล่ะว่าไม่ควรเล่นด้วยปืนก็ไม่มีลูกกระสุนสักกะนัดท่าทางก็ดูไม่หมั่นใจกลัวฉันที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆน่าตลกดีจัง.."
((ปึก!!!))
เธอปาปืนนั้นคืนชายคนนั้นและแสดงสีหน้าตายด้านใส่..
"อย่าให้ฉันเห็นแกเป็นครั้งที่สอง..ไม่งั้นแกไม่ได้ตายดีแน่" น้ำเสียงที่แข็งกล้าบวกกับใบหน้าที่นิ่งสนิทก่อนจะแสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
ถ้าเปรียบเทียบกับสีหน้าปกติ..การที่เธอแสดงหน้านิ่งและแสยะยิ้มนั้นดูน่าขนลุกและน่ากลัวอย่างยากจะอธิบายยิ่งการที่เธอจ้องเขม็งใส่ดูเป็นสายตาที่กดดันมากสะจนไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้สักอย่าง
"ค-ครับ..เข้าใจแล้ว...." ชายคนนั้นสั่นกลัวพร้อมรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว..อย่างกับไม่บอกก็นึกว่าเจอผี
"รีบไปกันเถอะค่ะ..ขอโทษที่เสียเวลามากไปหน่อย" เธอเดินกลับมาและแบกเขาขึ้นอีกครั้งพอได้สบตากับผู้หญิงตรงหน้า เขาก็ยืนสะตั้นทันที
นี่มัน? นักร้องอิสระที่พึ่งดูคอนเสิร์ตเมื่อเย็นนี้เลยนี่แล้วเธอมาอยู่นี่ได้ไงถึงจะมีเสื้อฮู๊ดและหมวดกับแมสปิดบังใบหน้าและร่างกายไว้แต่ผมสีน้ำตาลอ่อน
กับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่เป็นประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ามันเป็นเอกลักษณ์มาก
"เธอคือ...มิรันด้า?"
"ค่ะ..ใช่แล้ว" เธอตอบเสียงแผ่วและวางเขาลงบนเบาะข้างคนขับก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถและขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลอย่างรีบร้อน
"ขอโทษที่เสียเวลา..ค่ะทำใจดีๆค่อยๆหายใจถ้าไม่ไหวบอกฉันนะคะฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้"
"...แล้วทำไมถึงช่วยฉันทั้งที่ไม่รู้จักกัน..ค-แค่กๆๆ"
"ไม่เป็นไร..ใช่ไหมคะ?"
"ม-ไม่.." เขาตอบปฏิเสธก่อนจะสลบลงไปเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว..
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่รู้ตัวอีกทีเขาก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงสีฟ้าสดใส..เขากวาดสายตามองไปทั่วห้องมันเป็นห้องของผู้หญิงแน่ๆ..
ตุ๊กตาที่วางไว้เต็มหัวนอนและโทนสีฟ้าชมพูดูนุ่มนิ่ม..ยังไม่ทันจะสงสัยว่าใครเป็นเจ้าของห้องเสียงขับร้องอย่างอ่อนนุ่มก็ดังขึ้น
“ไม่รู้วันนี้จะเป็นไรไหม ที่จะฟังที่จะเพ้อไปแต่เรื่องของเธอ แต่รู้ว่ายังไงก็ต้องการแค่เพียงเธอ~” เสียงร้องเพลงดังมาจากฝั่งขวาของห้องเขากวาดสายตาและมองเธอที่กำลังร้องเพลงอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะชวนเสนาะหูทำเอาเขาไม่กล้าขัดและเฝ้ามองเธอที่ร้องเพลงต่อไปเงียบๆ
“ไม่รู้วันพรุ่งจะเป็นไงต่อไป ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะรักกันอยู่ไหมแต่พอ คิดทีไรก็เขินเกินพูดไป แค่บอกชอบคำเดียวแท้ๆก็ไม่กล้าพูดไป หรือว่าฉันคนนี้กำลังหวั่นไหว~” เธอลุกขึ้นและชำเลืองมองเขาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง..ทันทีที่เห็นว่าเขาตื่นและได้ยินเสียงร้องเธอก็ทำตัวไม่ถูก
“อ-เอ๊ะ?! ตื่นแล้วเหรอคะแผลเป็นไงบ้างยังเจ็บอยู่รึเปล่า” เธอสะดุ้งพร้อมรีบลุกมาดูเขาใกล้ๆ
“..ก็เจ็บนิดหน่อย...”
“หมอบอกว่าแผลฉีดขาดเล็กน้อยเลยเย็บแผลแล้วก็ให้กลับบ้านได้เลยค่ะมีให้ยามากินนิดหน่อยด้วย”
“แค่แผลฉีก? คงรวมกับโดนซ้อมด้วยสิไม่น่าล่ะไม่มีแรงเลย” เขาเงยหน้าขึ้นและมองนักร้องสาวที่ตัวเองแอบปลื้มในระยะสายตาที่ใกล้มาก..สะจนหวั่นไหว
ยิ่งมองใกล้ๆความสวยของเธอก็ยิ่งเห็นชัดขึ้นใบหน้าเรียวเล็กปากสีแดงระเรื่อเป็นกระจับแม้จะเป็นหน้าสดแต่เป็นหน้าสดที่สวยและใสไม่มีรอยใดๆ จนแอบสงสัยว่านี่คือธรรมชาติหรือเปล่า?
“เธอเคยศัลยกรรมเหรอ?” เขาเอ่ยถามอย่างไม่ทันคิดเท่าที่ดูจากใบหน้าและร่างกายดูจะทำมาทั้งตัว..เขาจึงอยากถามเพื่อความแน่ใจ เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและเดินไปส่องกระจกมองตัวเองด้วยความไม่มั่นใจนัก
“เคยทำค่ะ..”
“ทำมากี่จุดเหรอ?”
“เอ่อ..เรื่องนั้นมันค่อนข้างน่าอายคิดว่าฉันทำกี่จุดล่ะคะ?” เธอเหงื่อตกทันทีที่ได้ยินคำถามนั้นและถามกลับด้วยความสงสัย
ใบหน้าที่ยิ้มเจื่อนๆดูจะอืดอัดกับคำถามทำเอาเขาแอบรู้สึกผิดและรีบเบือนหน้าหนีเธอทันที
“ก็..เธอดูสวยก็เลยสงสัยถ้ามันอืดอัดก็ไม่ต้องหรอก”
“เคยศัลยกรรมลดขนาดหน้าอกค่ะ...เพราะมันหนักเกินไปจนหายใจลำบากเคลื่อนไหวและออกกำลังกายยากก็เลยทำแต่ทำไปแค่จุดเดียว”
“ก็เป็นนักร้องนี่นะ..ถ้างั้นก็ไม่ได้แปลกอะไรหรอก” ใบหน้าของเธอจ้องเขม็งใส่เล็กน้อยดูจะไม่ค่อยชอบคำถามของอีกฝ่ายที่ถามอย่างเสียมารยาทสักเท่าไหร่
แม้จะไม่ใช่คนที่คิดอะไรมากแต่ก็แอบอืดอัดกับคำถามนั้นไม่น้อยจนเธอถึงกับเบือนหน้าหนี..
“...มานี่เดี๋ยวสิ” เขาตบตักตัวเองเบาๆเชิญชวนให้ยอมขึ้นมานั่งบนตักในใจนึกคิดถึงเรือนร่างของเธอที่ไร้เสื้อผ้าปกปิด และพยายามหลอกล่อเธอที่จะมีอะไรด้วยเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เขาเคยทำ
เธอมองตาขวางใส่รู้สึกสับสนกับการกระทำที่โจ่งแจ้งของเขาดูก็รู้ว่าต้องการอะไร..
“อย่าทำนิสัยก้าวร้าวแบบนั้นสิการที่ฉันช่วยคุณมันไม่แต่แปลว่าคุณจะทำอะไรกับฉันก็ได้นะคะ?”
“ก็..การที่ยอมช่วยฉันคงมีเหตุผลแค่ฉันหล่อและอยากได้ความสนใจจากฉันไม่ใช่เหรอ?”
“หน้าตาดีก็ใช่อยู่หรอกแต่สะดุดที่นิสัยที่ไม่น่ารักเอาสะเลย..ถ้าทำตัวดีก็ไม่แน่ว่าฉันจะใจอ่อนก็ได้นะคะ?” เธอกวาดสายตามองไปทั่วร่างของเขาตอนที่ช่วยแทบไม่ทันได้สังเกต
ถึงหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรแต่จากรูปลักษณ์ที่มีรอยสักที่คอและแผ่นหลังนั่นดูจะเป็นทรงแบดบอยที่เธอไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่
แผ่นหลังกว้างกล้ามเนื้อเป็นมัดๆถ้ามองด้วยตาเปล่าคงคิดว่าเป็นมาเฟียป่าเถื่อนก็ไม่น่าแปลก
“พูดจาสุภาพไม่หยาบคายแต่เจ็บพอตัวเลยนะ..”
“รีบกินข้าวแล้วก็กินยาเถอะ..ฉันต้องรีบไปทำงานต่อแล้วของในห้องใช้ได้ตามสบายขอแค่ช่วยรักษาความสะอาดด้วยก็พอแล้วค่ะ” เธอวางข้าวกล่องลงบนโต๊ะพร้อมกับยาที่หมอสั่งก่อนจะรีบไปอาบน้ำเตรียมที่จะไปทำงานต่อ
ความคิดเห็น