เมื่อทุกบ้านมีหุ่นยนต์
บทความที่เกี่ยวกับการพัฒนาหุ่นยนต์ตั้งแต่อดีตจนกระทั้งเป็น อาซิโม้ และเบื้องหลังสมองกลตัวจริงครับ
ผู้เข้าชมรวม
369
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
หุ่นยนต์ไม่ได้ใช้เพียงแค่ในสายการประกอบอีกต่อไป เขากำลังเคาะประตูหน้าบ้านของคุณอยู่, ไปเอาเบียร์มาให้, เฝ้าดูคนที่มาด้อมมองบ้านของคุณ, หรือเปิดซีดีแผ่นโปรดให้คุณ
หุ่นยนต์ ER1 เพื่อตลาดหุ่นยนต์บ้าน มาจากบริษัท อีโวลูชั่น โรโบติกส์ , เมืองพาสซาดีนา, รัฐแคลิฟอร์เนีย (Evolution Robotics, Pasadena, Calf.) บริษัทจัดมาให้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ส่วนคุณเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์แลปท็อปไว้หนึ่งเครื่อง ชุดดังกล่าวมาแบบยังไม่ประกอบหรือแบบเตรียมการประกอบมาให้พร้อมกับก้านต่ออะลูมิเนียมที่ถูกรีดมาไว้ใช้ขึ้นเป็นโครงสร้างหลัก ซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า โรบอท คอนโทรล เซ็นเตอร์ (Robot Control Center) ทำงานบนวินโดวส์ 98 และเวอร์ชั่นที่ใหม่กว่า ผู้ใช้สามารถสั่งหุ่นยนต์ให้โต้ตอบกับคำสั่งเสียง, ถ่ายรูปและ/หรือถ่ายวีดีโอสภาพแวดล้อมที่มันอยู่, และส่งภาพไปยังอีเมล์แอดเดรสได้ มันยังสามารถเล่นดนตรีจากแผ่นซีดีที่มันรู้จัก, อ่านหนังสือจากเทปที่อัดไว้, และส่งสัญญาณเตือนต่างๆ แก่เจ้าของ
ด้วยกำลังการประมวลผลในเพนเทียมโพรเซสเซอร์ที่มีในปัจจุบัน และชุดคำสั่งเพื่อการมองเห็นที่อยู่ในระหว่างการจดสิทธิบัตรที่สามารถรับรู้วัตถุที่ตั้งอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง, ER1 เป็นหุ่นยนต์ตัวแรกที่สามารถนำทางและกระทำบนพื้นฐานของภาพที่เห็น, บิล กรอส (Bill Gross), ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ อีโวลูชั่น โรโบติกส์ กล่าว บริษัทออกหุ่นยนต์ส่วนบุคคลในเดือนกุมภาพันธ์และแถลงข่าวที่งานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความบันเทิง (Electronic Entertainment Expo) ในเดือนพฤษภาคม
หุ่นยนต์ส่วนบุคคลส่วนใหญ่ที่มีในตอนนี้เป็นมากกว่าของเล่นหรือสัตว์เลี้ยงอิเล็กทรอนิกส์เล็กน้อย ตัวอย่างเหล่านี้รวมถึง เฟอร์บี้ (The Furby) หรือ ไอโบ้ (AIBO) ของโซนี่ การเปิดตัวของ เลโก้ มายด์ สตอร์ม (Lego Mind Storms) และ ไอโบ้ของโซนี่ ในปี 1998 กระตุ้นความสนใจในการเป็นเจ้าของหุ่นยนต์เป็นอย่างมาก เป้าหมายของ ER1 คือการทำให้หุ่นยนต์มีประโยชน์และใช้งานได้จริง
หุ่นยนต์บ้านปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อสองทศวรรษมาแล้ว ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 มีผู้ผลิตหลายรายเปิดตัวหุ่นยนต์บ้าน รวมทั้ง บีโอบี (Brains On Board), โทโป้ (Topo), และเดอะ ฮีโร่ 1 (The Hero I) จากบริษัทเฮลท์ (Health) (ดู Machine Design ฉบับวันที่ 24 มีนาคม 1983, หน้า 85-90) ในเวลานั้น โพรเซสเซอร์ที่ช้ากว่าจำกัดฟังก์ชั่นที่หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ ตามกฎของมัวร์ (Moores Law) ด้วยกำลังการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ราคาถูกลง ทำให้เป็นไปได้ที่หุ่นยนต์ส่วนบุคคลมีราคาที่สามารถซื้อหาได้ ER1 เป็นหุ่นยนต์ตัวแรกที่มีราคาสมเหตุสมผลและยังทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้จริงๆ
สมองกลเบื้องหลังหุ่นยนต์
เซนเซอร์หลักของหุ่นยนต์คือกล้องวีดีโอ กล้องเวบแคมที่มีความละเอียด 640 x 480, อัตราการจับภาพไม่เกิน 30 เฟรมต่อวินาที และสาย USB ต่อเข้ากับแลปท็อปเป็นมาตรฐานอย่างหนึ่ง ชุดคำสั่งเพื่อการมองเห็นที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทช่วยให้หุ่นยนต์เห็น, จดจำ, และหลีกเลี่ยงการวิ่งชนสิ่งของ หุ่นยนต์ยังสามารถรู้ได้ว่าตัวมันอยู่ที่ไหน, วิเคราะห์ภาพ, และเลือกคุณลักษณะ เช่น สีหรือขอบต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลสิ่งของที่มันรู้จัก ตัวอย่างเช่น มันรู้ว่ามันชนกำแพงแล้วเมื่อภาพหยุดเคลื่อนไหว
หุ่นยนต์สามารถถูกฝึกให้รู้จักสิ่งของหลายพันอย่างจากตัวอย่างที่มันเห็น ชุดคำสั่งเพื่อการมองเห็นทำให้หุ่นยนต์จำสิ่งของต่างๆ ได้แม้ว่าตำแหน่งหรือแสงแตกต่างไปจากตัวอย่าง ความสามารถในการจดจำเพิ่มขึ้นได้หากใช้กล้องที่มีความละเอียดสูงขึ้น
ทางเลือกหนึ่งคือติดกล้องตัวที่สองเล็งที่ด้านหน้าของหุ่นยนต์เพื่อให้การหลีกเลี่ยงอุปสรรคทำได้ดีขึ้น และทำให้กล้องหลักไปจับจุดความสนใจอยู่ที่งานอื่นๆ การ์ดเน็ทเวิร์คไร้สาย 802.11b ช่วยให้สามารถควบคุมหุ่นยนต์จากเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นได้ ซอฟต์แวร์ยังสนับสนุนการเชื่อมต่อระยะไกลไปที่หุ่นยนต์หากว่าเจ้าของไม่อยู่บานอีกด้วย
กล้องและตัวควบคุมมอเตอร์ที่แยกจากกันเสียบเข้ากับพอร์ต USB บนเครื่องแลปท็อป ซอฟต์แวร์ทำการตีความข้อมูลการมองเห็นและคิดคำสั่งมอเตอร์เพื่อส่งไปที่ตัวควบคุมมอเตอร์ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งใหม่ซะทีเดียว ย้อนกลับไปในทศวรรษ 1960 หุ่นยนต์เช่น เชคกี้ของแสตนฟอร์ด (Stanfords Shakey) ใช้กล้องหลายตัวเพื่อการมองเห็น ข้อแตกต่างอยู่ที่การประมวลผล เครื่องคอมพิวเตอร์ DEC จำนวน 2 เครื่องทำการคำนวณชุดคำสั่งเพื่อการมองเห็นของเชคกี้ ในทางตรงกันข้าม ER1 ใช้แลปท็อปโพรเซสเซอร์จัดการคำนวณชุดคำสั่งเพื่อการมองเห็นและใช้ DSP 16 บิทของเท็กซัส อินสตรูเมนท์ (Texas Instruments) เพื่อควบคุมมอเตอร์
มอเตอร์สเตปเปอร์ (มอเตอร์ไฟฟ้า DC แบบไม่มีแปรงถ่านที่ทำการแปลงสัญญาณไฟฟ้าเป็นการเคลื่อนที่ทางกลได้อย่างแม่นยำ ) จาก ชินาโนะ เคนชิ ประเทศญี่ปุ่น (Shinano Kenshi, www.shinano.com) จำนวน 2 ตัวถูกควบคุมอย่างอิสระต่อกันเป็นตัวขับเคลื่อนหุ่นยนต์ กำลังสามารถควบคุมได้เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และจัดการกับทอร์ค
ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบฟันกับสายพานและสเปอร์เกียร์บนมอเตอร์กับมู่เล่ย์บนล้อ การขับเคลื่อนที่แตกต่างกันนี้ทำเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงความเร็วมอเตอร์ด้านซ้ายหรือขวาทำให้หุ่นยนต์เลี้ยว ตัวควบคุมส่งเอาท์พุทไปสู่สะพานไฟ H ฐาน PWM (สองอันสำหรับแต่ละมอเตอร์) ซึ่งส่งกำลังแก่เฟสสเตปเปอร์ต่างๆ
ตามที่ ริช ดายพูอิส (Rich Diephuis) รองประธานฝ่ายวิศวกรรมกล่าว ความท้าทายทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับ ER1 คือการทำให้ต้นทุนสมดุลกับประสิทธิภาพ ดังเช่นตัวอย่าง การเลือกใช้สเตปเปอร์มอเตอร์แทนเซอร์โวมอเตอร์เพราะต้นทุนมันต่ำกว่าถึงแม้ว่าจะมีปัญหาการสั่นสะเทือนบ้าง ก็ทำการจ่ายไฟมอเตอร์ด้วยไมโครสเตปเป็นการชดเชย มันทำงานที่ 200 สเตปต่อรอบ ด้วย 64 ไมโครสเตปต่อหนึ่งสเตป รวมทั้งหมดเป็น 12,800 ไมโครสเตปต่อรอบ
หุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้บนพื้นไม้เนื้อแข็ง, พรมน้ำมัน, กระเบื้อง, และพรมเรียบอื่นๆ มันยังสามารถถลาข้ามธรณีประตูเล็กๆ ได้ แต่ไม่สามารถข้ามพรมหนาๆ ได้ เนื่องจากความสามารถนี้จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น เพราะจำเป็นต้องมีมอเตอร์ที่ให้กำลังมากกว่านี้และล้อที่ใหญ่กว่านี้
กำลังมาจากแบตเตอรี่กรดตะกั่วชนิด 5.4 แอมป์-ชั่วโมง (ให้กำลัง 5.4 แอมป์ได้ติดต่อกันเป็นเวลา 1 ชม. :ผู้แปล), 12 โวลท์ซึ่งใช้ในการปฏิบัติงานได้เกือบ 3 ชั่วโมง กำลังจ่ายสู่มอเตอร์สามารถแปรไปเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ การเคลื่อนที่ข้ามพื้นไม้เนื้อแข็งต้องใช้ทอร์คเพียงเล็กน้อย จึงเป็นโอกาสหนึ่งที่จะตัดกำลังและสงวนอายุแบตเตอรี่ไว้ การลดกำลังจะไปลดทอร์คและลดความเร็ว แต่นั่นทำให้หุ่นยนต์ทำงานได้นานขึ้น การประมวลผลภาพยังสามารถทำให้เร็วขึ้นหรือช้าลงได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของกำลังซีพียู (CPU power) ที่มีอยู่ ความจุยิ่งมากเท่าไร ก็สามารถประมวลผลภาพได้เร็วขึ้นเท่านั้น
ผู้ใช้ทำการฝึกหุ่นยนต์ผ่านหน้าจอกราฟิก การฝึกอยู่ในรูปประโยคเงื่อนไข IF-THEN (หากเป็นเช่นนี้ ให้ทำเช่นนั้น) การเคลื่อนที่ที่ตัดสินใจเองโดยหุ่นยนต์รวมไปถึงการเคลื่อนที่หรือหมุนไปหาวัตถุ, หรือการเคลื่อนที่ตามระยะทางหรือตามมุมที่กำหนด วิถีทางการปฏิบัติงานมีถึง 96 วิถีทางซึ่งสามารถนำมาเรียงต่อกันเพื่อปฏิบัติงานที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น โปรแกรมอย่างง่ายโปรแกรมหนึ่งอาจประกอบด้วย การแจ้งให้ทราบว่ารถบรรทุกเฟดเอ็กซ์ (Fed Ex) มาถึงแล้ว อย่างแรกหุ่นยนต์จะมองหาโลโก้เฟดเอ็กซ์จากนั้นเคลื่อนไปข้างหน้า 10 ฟุต, หมุน 90° และเล่นไฟล์เสียงที่พูดว่า เฟดเอ็กซ์มาแล้ว ลำดับของคำสั่งสามารถบันทึกไว้ในไฟล์ .rbt และเรียกขึ้นมาทีละไฟล์ได้ในภายหลัง เจ้าของหุ่นยนต์ยังสามารถแบ่งไฟล์ให้ผู้อื่นใช้ได้ผ่านเวบที่มีชุมชนคนแบ่งใช้ไฟล์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
การกระทำยังสามารถเกิดขึ้นหลังจากที่ชุดเหตุการณ์ที่กำหนดไว้เกิดขึ้น แต่ซอฟต์แวร์ยังไม่สนับสนุนการจัดชุดเหล่านี้ไว้กับตรรกฟังก์ชั่น AND การให้ทำงานต่อกันเป็นลำดับต้องนำการปฏิบัติงานหลายอย่างมาเชื่อมต่อกัน ผู้ใช้สามารถโปรแกรมได้โดยตรงจากแลปท็อปหรือจากเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นในบ้าน
แขนหนีบของหุ่นยนต์จะมีขายในไม่ช้านี้ ในตอนนี้วิศวกรกำลังทดลองกับแขนในห้องทดลอง ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ตัวหนึ่งติดแขนหนีบสามารถเคลื่อนตัวไปยังตู้เย็นขนาดเล็กที่ติดมือจับไว้ในระดับต่ำ ขอเกี่ยวบนแขนหุ่นยนต์จับมือจับประตูได้ หุ่นยนต์เปิดประตู, หยิบน้ำอัดลมหรือเบียร์, ปิดประตู, และนำกลับมาให้เจ้านาย ลำดับเหตุการณ์ชุดนี้ที่จริงใช้ การปฏิบัติงานถึง 40 วิถีทางมาเชื่อมต่อกัน
หุ่นยนต์อย่างเรา
หุ่นยนต์ที่อยู่ในระดับไฮเอนด์ (High-end) กว่านั้นคือ อาซิโมของฮอนด้า (Asimo: Advanced Step in Innovation Mobility), ซึ่งเป็นตัวแทนสัตว์สองเท้าชนิดใหม่ล่าสุด, หุ่นยนต์เดินได้
ระบบปฏิบัติการฝังติดแบบเรียลไทม์วีเอกซ์เวิร์ค (VXWorks) จาก วินด์ ริเวอร์, เมืองอลาเมดา, รัฐแคลิฟอร์เนีย (Wind River, Alameda, Calif.) ควบคุมทุกฟังก์ชั่นของอาซิโม การเดินที่ดูเหมือนง่ายเป็นฟังก์ชั่นที่ซับซ้อนที่สุดที่อาซิโมทำ การจะเดินได้หุ่นยนต์ต้องตั้งตรง, จัดการกับเซอร์โวมอเตอร์ทั้งหลายที่ควบคุมการเคลื่อนที่, และปรับตัวเข้ากับทั้งมุมและพื้นผิวที่เดิน นอกจากการรับส่งข้อมูลภาพจากกล้อง, ไจโรสโคป (Gyroscope) และแอคเซลเลอโรมิเตอร์ (Accelerometer) แล้ว ระบบปฏิบัติการยังจัดการกับการรับส่งคำสั่งไร้สายอีกด้วย
อาซิโมหนัก 52 กิโลกรัมและสูงประมาณ 4 ฟุต สามารถเดินได้เร็วประมาณ 1 ไมล์ต่อชั่วโมงและให้พลังงานด้วยแบตเตอรี่นิกเกิล-ซิ้งค์ (Nickel-Zinc) ซึ่งสามารถใช้งานได้ประมาณ 30 นาที ผิวของเขาเป็นโลหะผสมแมกนีเซียมน้ำหนักเบาและแข็งแรง
ฮอนด้าได้สะสมความรู้โดยเริ่มจากโครงการในปี 1986 โปรแกรมคอมพิวเตอร์อาซิโมโปรแกรมเดียวต้องทำงานหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน หัวหน้าวิศวกรอาซิโม โทรุ ทาเกะนากะ (Toru Takenaka) กล่าว ตัวอย่างเช่น มีงานหนึ่งที่ต้องควบคุมความสมดุลของขาและอีกงานหนึ่งสั่งการทำงานที่แขน รวมถึงมีการสื่อสารระหว่างมอเตอร์และคอมพิวเตอร์ ในการทำให้ข้อต่อของอาซิโมเคลื่อนไหวได้จริง นี่ยังไม่รวมถึงการสื่อสารแบบไร้สายกับระบบภายนอก
การเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์จำลองการเคลื่อนที่มาจากข้อต่อของมนุษย์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเคลื่อนไหว การเดินอย่างราบเรียบเป็นผลมาจากเทคโนโลยีควบคุมการเคลื่อนไหวแบบคาดการณ์ล่วงหน้าและเป็นเรียลไทม์ที่เรียกว่า ไอ-วอล์ค (i-Walk) ทำให้อาซิโมเดินอย่างต่อเนื่องแม้ในขณะเปลี่ยนทิศทางและปรับปรุงเสถียรภาพในการโต้ตอบกับการเคลื่อนไหวกระทันหัน วิธีการเดินต่างๆ ก่อนหน้านี้มีพื้นฐานจากรูปแบบการเดินที่เก็บบันทึกไว้ มีการนำรูปแบบการเดินต่างๆ มาใช้สำหรับการเดินตรงและการเลี้ยวซึ่งยังมีจังหวะหยุดที่ไม่ต่อเนื่องเล็กน้อยระหว่างการเปลี่ยนแปลง
วิธีใหม่ใช้การควบคุมการเคลื่อนไหวแบบคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อการเดินที่เป็นธรรมชาติ, ราบเรียบ, และยืดหยุ่นกว่า หัวใจสำคัญคือการปรับจุดศูนย์ถ่วงของหุ่นยนต์ เมื่อมนุษย์เดินตรงและเริ่มเลี้ยวเข้ามุม เขาจะเปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วงในทิศทางด้านในของหัวเลี้ยว การควบคุมแบบคาดการณ์ล่วงหน้าทำการคาดการณ์การเคลื่อนที่ถัดไปแบบเรียลไทม์และทำการเปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วงโดยเตรียมการเพื่อการเลี้ยวที่จะเกิดขึ้น
เราต้องการเอาอาซิโมไปใช้ในบ้านเพื่อทำงานต่างๆ ที่เราทำกันทุกวัน เช่นงานบ้าน หรือการยกของหนัก ทาเกะนากะ กล่าว จะมีการนำไปใช้ในพื้นที่สาธารณะด้วย อย่างเช่น หุ่นยนต์ที่ทำงานเป็นพนักงานนำเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์หรือเป็นบอดี้การ์ด
ด้วยราคาอย่างน้อย 150,000 ดอลลาร์ต่อปี อาซิโมอาจจะเกินช่วงราคาเฉลี่ยที่ผู้บริโภคจะรับได้ไปหน่อย แต่การลดลงของราคาคอมพิวเตอร์ ทำให้แน่ใจได้ว่าวันหนึ่งในไม่ช้าหุ่นยนต์แบบอาซิโมจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์
ประวัติของหุ่นยนต์ | |
หุ่นยนต์มีประวัติอันยาวนานและต่างๆกันไป เริ่มจากศตวรรษที่ 19 พวกเขาถูกใช้ในอุตสาหกรรม, การสำรวจ, และวงการยา รวมถึงใช้ในกิจกรรมเพื่อความสบายใจ เช่น ในวงการบันเทิงและใช้เป็นของเล่น | |
1801 | โจเซฟ แจคการ์ด (Joseph Jacquard) ประดิษฐ์เครื่องจักรทอผ้าทำงานด้วยพั้นช์การ์ด หรือเครื่องทอผ้าที่โปรแกรมได้ |
1892 | ซิวเวิร์ด แบบบิต (Seward Babbitt) ออกแบบเครนขับด้วยมอเตอร์ติดแขนเพื่อใช้เอาก้อนโลหะ (ingot) ออกจากเตาเผา |
1898 | นักประดิษฐ์ นิโกลา เทสลา (Nikola Tesla) แสดงผลงานเรือยนต์ควบคุมด้วยวิทยุ |
1921 | การใช้คำว่า หุ่นยนต์ (Robot) เป็นครั้งแรกในละครเรื่องหนึ่งในลอนดอน โดยผู้เขียนชาวเชค คาเรล คาเพค (Karel Capek) คำนี้แปลงมาจากคำว่า Robota ในภาษาเชคหมายถึงคนใช้หรือแรงงานในบังคับบัญชา |
1938 | ชาวอเมริกัน วิลลาร์ด โพลลาร์ด (Willard Pollard) และ แฮโรล์ด โรเซลลันด์ (Harold Roselund) ออกแบบเครื่องพ่นสีที่โปรแกรมได้ |
1941 | ไอแซค อาซิโมฟ (Isaac Asimov) ใช้คำว่า โรโบติกส์ (robotics) เพื่ออธิบายเทคโนโลยีของหุ่นยนต์และทำนายการเกิดของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ |
1948 | นอร์เบิร์ท ไวเนอร์ (Norbert Wiener) ตีพิมพ์ ไซเบอร์เนติกส์ (Cybernetics) เพื่ออธิบายแนวคิดของการสื่อสารและควบคุมระบบไฟฟ้า, กล, และชีวภาพ |
1954 | หุ่นยนต์โปรแกรมได้ตัวแรกได้รับการออกแบบโดย จอร์จ เดโวล (George Devol) ผู้ซึ่งใช้คำว่า ยูนิเวอร์แซล ออโตเมชั่น (Universal Automation) และภายหลังทำให้สั้นลงเป็น ยูนิเมชั่น (Unimation) ซึ่งกลายมาเป็นชื่อของบริษัทหุ่นยนต์แห่งแรก |
1956 | จอร์จ เดโวล (George Devol) และ โจเซฟ แองเจิลเบอร์เจอร์ (Joseph Engelberger) ก่อตั้งบริษัทหุ่นยนต์แห่งแรกชื่อ ยูนิเมชั่น (Unimation) |
1961 | หุ่นยนต์อุตสาหกรรมตัวแรกได้รับการติดตั้งที่สายการผลิตของ เจนเนอรัล มอเตอร์ (General Motors) ในนิวเจอร์ซีย์ |
1968 | สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ดสร้างเชคกี้ (Shakey) หุ่นยนต์เคลื่อนที่ด้วยการมองภาพ |
1970 | แขนหุ่นยนต์ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์และอิเล็กรอนิกส์ ได้รับการพัฒนาขึ้นที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด |
1973 | หุ่นยนต์ที่เรียกว่า T3 (The Tomorrow Tool) ควบคุมด้วยมินิคอมพิวเตอร์ ได้รับการพัฒนาโดย ริชาร์ด ฮอห์น (Richard Hohn) สำหรับ ซินซินนาติ มิลาครอน (Cincinati Milacron) |
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ErroR_021 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ErroR_021
ความคิดเห็น