-
Title :
FanFiction – Merry Christmas [GenoSai]
- Fandoms : One
Punch Man
-
Pairing :
Genos / Saitama
- Rating : PG
- Author : Erakise
- Note : พล็อตไม่มี มีแต่กาว เอ้า! ซู้ดดดดด เพลงมา
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
24 ธันวาคม วันคริสต์มาสอีฟ
เขาจำได้ว่า มันเป็นวันที่ข้างนอกจะเต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลนและผู้คนเดินสวนกันไปมา
เสียงเพลงและแสงสีตามท้องถนนช่วยขับกล่อมให้บ้านเมืองดูมีชีวิตชีวาท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ
แม้ย่านที่เขาอาศัยอยู่จะเริ่มร้างผู้คนไปบ้าง
แต่บรรยากาศของการเฉลิมฉลองก็ยังคงมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง...หลายครอบครัวออกมาช็อปปิ้งและรับประทานอาหารข้างนอกบ้านด้วยกัน
ร่วมร้องเพลงและร่วมอวยพรกันอย่างสนุกสนาน เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะตอกกระซิบ
ใบหน้าที่อิ่มเอิบไปด้วยรอยยิ้มและความสุข...สิ่งเหล่านี้แม้เขาจะไม่ได้เห็นหรือไม่ได้ยิน
แต่เขาก็ยังสัมผัสมันได้ผ่านกระจกบางใสที่กั้นระหว่างโลกของเขาและโลกภายนอก
ทว่าสิ่งที่ต่างออกไปคือ
เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น...
ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความสุขของผู้คนเหล่านั้น
ตัวเขากลับนอนอยู่บนฟูกเก่าๆ ภายในห้องที่ทั้งแคบและมืดทึบ
มีเพียงแสงไฟจากท้องถนนที่ส่องผ่านหน้าต่างมายังฟูกที่เขานอนอยู่
เผยให้เห็นร่างที่นอนตัวแข็งทื่อ ดวงตาสีเข้มจับจ้องไปยังนาฬิกาบนฝาผนังห้อง
เสียงเข็มนาฬิกาดังเป็นจังหวะพร้อมกับเสียงลมหายใจของเขา
สมองประมวลผลได้ว่าอีกห้านาทีจะเป็นเวลาเที่ยงคืน
ทั้งที่ตอนนี้เขาควรจะหลับได้แล้ว
แต่พยายามข่มตาหลับเท่าไหร่ร่างกายก็ไม่ยอมหลับเสียที....
เขาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อขดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา
เขาไม่ชอบอากาศหนาว...ยิ่งนอนไม่หลับในคืนที่หนาวขนาดนี้ยิ่งทำให้รู้สึกทรมาน...เขานึกอยากเปิดเครื่องทำความร้อนเพื่อให้ตัวเองอุ่นขึ้นบ้าง
แค่วันนี้ก็ยังดี...แต่ดูเหมือนสมองกับหัวใจจะทำงานไม่ตรงกัน
ฝ่ายหนึ่งอ้อนวอนขอเปิดเพื่อคลายหนาวสักหน่อย
แต่อีกฝ่ายกลับพยายามสั่งให้นอนขดตัวเข้าไปอีก อดทนอีกสักนิด
พอหลับไปก็ไม่รู้สึกหนาวแล้ว...
แต่ยิ่งข่มตาเท่าไหร่
ภาพตรงหน้ากลับยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น
เสียงของโลกภายนอกก็ดูราวกับว่ามันกระซิบอยู่ข้างหูตลอดเวลา
เขาครางออกมาเล็กน้อยเพราะเผลอหันไปนอนทับแขนที่เพิ่งทำแผลมาหมาดๆ
เขาจึงพลิกตัวกลับมานอนหงายอีกครั้ง
ดูท่าว่าคืนนี้เขาคงต้องนอนแบบนี้ไปตลอดทั้งคืน
เพราะถ้านอนหันข้างอาจจะทำให้บาดแผลฉีกขาดได้ มือหนาลูบบนบาดแผลเบาๆ
ทั้งที่รู้ว่าเจ็บแต่เขาก็ยังลูบมันต่อไปเหมือนไม่รู้สึกอะไร
อย่างน้อยการที่ตัวเขายังรู้สึกเจ็บอยู่แบบนี้อาจจะทำให้รู้สึกหนาวน้อยลงก็ได้...
เสียงนาฬิกาบนฝาผนังดังขึ้นสิบสองครั้งติดต่อกัน
บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน
ค่ำคืนนี้สิ้นสุดลงแล้ว...และอีกหนึ่งนาทีต่อจากนี้ก็จะขึ้นวันใหม่อีกครั้ง
...น่าแปลกที่พอเสียงนาฬิกาจางหายไป
เสียงที่ได้ยินต่อมากลับไม่ใช่เสียงจากโลกภายนอก กลับเป็นเสียงหัวใจของเขาเอง...เสียงของหัวใจที่โดนกรีดทิ้งอย่างช้าๆ
ภาพของความมืดตรงหน้าค่อยๆ
เบลอจนเริ่มมองไม่ชัด...บางอย่างกำลังทำให้ดวงตาที่เคยแข็งทื่อกลับอ่อนล้าจนน่าประหลาดใจ
เขารู้อยู่เต็มอกว่ามันคืออะไร...แต่แค่ไม่อยากยอมรับ...
ร่างกายที่เคยสั่นด้วยความหนาวตอนนี้กลับสั่นด้วยเหตุผลอื่น
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่เหมือนเดิมนับตั้งแต่เสียงนาฬิกาจบลง
มือข้างซ้ายของเขากำฟูกไว้แน่นราวกับว่ามันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถยึดไว้ได้...แขนข้างขวายกขึ้นก่ายหน้าผากตัวเอง
เขาหลับตาลง...และภาพทุกอย่างก็จางหายไป....เหลือแค่เพียงความมืดมิดภายในเปลือกตาเท่านั้น
น้ำใสๆ
ไหลผ่านดวงตาและแก้มสีซีดไปยังริมฝีปากที่สั่นระริก...ท่ามกลางความเงียบงันที่มีแค่ตัวเขาเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้
เขาเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งและไร้ชีวิตชีวา
“เมอร์รี่คริสต์มาส...ไซตามะ...”
…ในความทรงจำอันแสนไกลนั้น มีทั้งเรื่องราวที่ชวนถวิลหาและเรื่องราวอันขมขื่น
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
“เจนอส...”
เสียงเฉื่อยชาอันเป็นเอกลักษณ์เอ่ยเรียกร่างไซบอร์กผมทองที่นอนอยู่ข้างๆ
เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นแล้วพลิกตัวหันไปมอง อีกฝ่ายนอนหงายมองเพดานบนห้อง ไม่ได้หันมาสบตากับเขา
แต่ชายหนุ่มก็รับรู้ว่าไซบอร์กด้านข้างหันมาตามเสียงเรียกของตนเอง
“มีอะไรหรือครับ
เซนเซย์ ?”
เจนอสถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเหมือนเช่นเคย
เขานึกสงสัยว่าทำไมเซนเซย์ถึงยังไม่หลับ
ทั้งที่ปกติเวลานี้เขาควรจะหลับสนิทไปแล้วแท้ๆ เมื่อได้ยินเสียงของเจนอส ไซตามะจึงหันมายิ้มบางๆ
ให้เขา
“...ฉันนอนไม่หลับน่ะ”
ไซบอร์กหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ...น้อยครั้งที่อาจารย์ของเขาจะนอนไม่หลับ
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขานอนไม่หลับเจนอสสันนิษฐานว่า...
“...คุณหนาวหรือครับ
เดี๋ยวผมจะช่วยทำให้คุณอุ่นขึ้น....”
“เปล่าๆ
ไม่ใช่หรอก ถึงฉันจะหนาวแต่นายก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้...”
“คุณหนาวจริงๆ
ด้วย ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะช่วยทำให้คุณอุ่นขึ้นนะครับ”
เจนอสขยับเข้ามาใกล้และค่อยๆ
กระจายพลังงานความร้อนจากคอร์ที่อยู่ใจกลางให้ไหลไปยังแขนทั้งสองข้าง
หน้าอกและแขนของเขาส่องแสงเป็นประกายสีส้มอ่อน ก่อนจะค่อยๆ
ดึงร่างของชายหนุ่มเข้ามาในอ้อมแขน ไซตามะยอมให้อีกฝ่ายสวมกอดแต่โดยดี
แม้ใจจริงอยากจะปฏิเสธความหวังดีของเจนอส
แต่ไออุ่นที่อยู่ตรงหน้าก็ชวนให้อิงแอบเหลือเกิน...
“อุ่นขึ้นบ้างไหมครับ
เซนเซย์”
“....นายนี่เป็นพวกไม่ชอบฟังคนอื่นพูดเหมือนเดิมเลยน้า”
“แล้วเซนเซย์อุ่นขึ้นบ้างไหมครับ...”
ไซตามะไม่ตอบ
แต่ชายหนุ่มขยับเข้าไปแนบชิดกับหน้าอกของอีกฝ่ายมากกว่าเดิม แค่นั้นก็มากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร...ทั้งสองต่างก็เข้าใจกันดี
แม้ร่างกายของไซตามะจะอุ่นขึ้นแล้ว
แต่เขาก็ยังนอนไม่หลับ เขาแค่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเจนอสเท่านั้น ค่อยๆ ซึมซับความอบอุ่นที่เขามอบให้
ทว่าดวงตาสีเข้มก็ยังหลุบมองผ้าห่มอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมหลับตาลงเสียที...เจ้าของอ้อมกอดไม่ถามว่าถึงสาเหตุที่ทำให้เขานอนไม่หลับ
เพราะเจนอสรู้ดีว่าอีกฝ่ายยังไม่พร้อมที่จะบอก
และถ้าเขาพร้อมเมื่อไหร่เขาก็จะบอกเอง
กาลเวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า...หนึ่งวินาทียาวนานเป็นหนึ่งนาที
หนึ่งนาทียาวนานเป็นหนึ่งชั่วโมง...เจนอสอยากให้ช่วงเวลานี้หยุดลง
เขาจะได้จองจำอาจารย์ของเขาให้อยู่อ้อมแขนนี้ตลอดไปตราบเท่าที่ใจของเขาปรารถนา ทว่านั่นเป็นเพียงความหวังที่ได้แต่ภาวนากับสายลมที่ไหลผ่าน...
“เจนอส...”
เสียงที่ชวนหลงใหลเอ่ยเรียกเขาอีกครั้ง...นัยน์ตาสีทองหม่นหลุบมองเจ้าของเสียง
ท่ามกลางความเงียบงันที่มีแค่เพียงเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย
คำพูดของไซตามะกลับดังก้องกังวานในตัวของเจนอสซ้ำไปซ้ำมา...
“ไปเดินเล่นด้วยกันไหม
?”
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
24 ธันวาคม
วันคริสต์มาสอีฟ
เขาจำได้ว่า
มันเป็นวันที่ข้างนอกจะเต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลนและผู้คนเดินสวนกันไปมา ทว่าเขาไม่สนเสียงเพลงและแสงสีตามท้องถนน
เขาไม่สนว่าอากาศจะหนาวเย็นขนาดไหน
เขาไม่สนว่าหิมะสีขาวที่โปรยลงมาจากท้องฟ้าจะสวยเพียงใด
สิ่งที่รู้เพียงอย่างเดียวคือ ตัวเขากำลังรีบวิ่งไปยังสถานที่แห่งนั้น...
เมื่อไปถึงที่หมายเขาก็ไม่รอช้า
ถอดรองเท้าและวางกระเป๋าสะพายลงบนโซฟา และรีบวิ่งไปยังห้องครัวให้เร็วที่สุด
เขาพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้รีบร้อนจนเกินไป เพราะอาจจะสะดุดล้มเอาได้
แต่ตัวเขาในเวลานั้นไม่อาจห้ามตัวเองให้หยุดวิ่งได้เลย
ราวกับว่าหากก้าวขาช้าไปเพียงแค่เสี้ยววินาที...สิ่งที่เฝ้าฝันมาตลอดก็จะมลายหายไปในอากาศ...
ภาพตรงหน้าปรากฏเป็นหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งที่กำลังยืนรอเขาอยู่
ทั้งสองยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
ก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะยื่นมือมาลูบหัวเขาด้วยความเอ็นดู
หญิงสาวด้านข้างเดินเข้ามาสวมกอดเขาจากด้านหลัง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของทั้งคู่ตลอดเวลา...ช่างเป็นภาพที่เขาเฝ้าฝันมาตลอดทั้งวัน
รอยยิ้มของคนอันเป็นที่รักและอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดในโลก....
“เมอร์รี่คริสต์มาส...เจนอส...”
และภาพตรงหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นภาพของกองเพลิงที่โหมกระหน่ำ...ดวงไฟสีแดงฉานแผดเผาร่างของชายหญิงคู่นั้นและสถานที่ที่เขาเฝ้าฝันมาโดยตลอด
ดวงตาสีทองหม่นสะท้อนภาพของกองไฟและร่างอันไร้ชีวิต
ร่างของเขาสั่นเทาราวกับลูกเป็ดที่โดนทอดทิ้งท่ามกลางเปลวเพลิงอันโหดร้าย...
…ในความทรงจำอันแสนไกลนั้น มีทั้งเรื่องราวที่ชวนถวิลหาและเรื่องราวอันขมขื่น
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยเมฆสีครึ้มและเกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ชานเมืองแซดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเหล่าสัตว์ประหลาด
ทำให้ผู้คนจำนวนมากอพยพไปจากพื้นที่นี้ ในตอนกลางวันก็เงียบมากอยู่แล้ว
ช่วงกลางดึกของฤดูหนาวแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ความเงียบปกคลุมไปทั่วทุกบริเวณ
ร้านรวงต่างๆ ที่ทยอยปิดกิจการส่งผลให้บรรยากาศของค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความวังเวง
แต่สำหรับไซตามะและเจนอส...มันไม่ใช่ความวังเวง...หากแต่เป็นความเงียบสงบที่พวกเขาปรารถนามากกว่า...
ทั้งสองเดินไปตามท้องถนนอย่างไม่เร่งรีบ...ค่อยๆ
ซึมซับกับอากาศอันหนาวเย็นในยามวิกาล ใบหูและจมูกของชายหนุ่มเป็นสีแดงระเรื่อ
แม้เขาจะสวมเสื้อคลุมหลายๆ ชั้นพร้อมกับผ้าพันคอและถุงมือแล้วก็ตาม
แต่หิมะที่โปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนตนเองใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นออกมาเดินเล่นอยู่ดี
เจนอสไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแต่เขาคอยเหลือบมองคนข้างๆ
อยู่ตลอด เขารู้ดีว่าไซตามะไม่ชอบอากาศหนาว...ยิ่งอุณหภูมิที่ติดลบในช่วงปลายปีแบบนี้ยิ่งทำให้ร่างของเขาสั่นระริก
ทว่าไซบอร์กหนุ่มก็ทำได้แค่จับมือของอีกฝ่ายไว้และคอยเฝ้ามองอยู่อย่างนั้น
...เป็นเรื่องน่าแปลกที่จู่ๆ
ไซตามะชวนออกมาเดินเล่นด้วยกันท่ามกลางหิมะตกแบบนี้
แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามถึงเหตุผลที่ทำแบบนั้น
เขาเพียงแค่ตอบรับคำชวนและช่วยอีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าหนาๆ ก่อนออกมาเท่านั้นเอง
เซนเซย์คงอยากออกมาเดินเล่นสักหน่อยเผื่อว่าจะได้รู้สึกง่วงขึ้นมาบ้างกระมัง
สองขาก้าวไปอย่างเชื่องช้าราวกับว่าโลกใบนี้ไม่หลงเหลือผู้ใด...มีเพียงแค่ตัวเขาและลูกศิษย์ที่เดินเคียงข้างอยู่ในโลกที่แสนสงบสุขนี้กันตามลำพัง
เขาไม่ใช่คนที่พูดเก่ง...ดังนั้นการที่เจนอสไม่ชวนคุยแบบนี้ทำให้เขาสามารถล่องลอยไปกับบรรยากาศของค่ำคืนนี้ได้อย่างอิสระ
มือโลหะของไซบอร์กบีบแน่นขึ้นเล็กน้อย
ทำให้ไซตามะหันกลับไปมองคนข้างๆ ใบหน้าของเจนอสยังคงจริงจังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
หากแต่แววตาที่มองมายังตัวเขากลับแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ยากจะเอื้อนเอ่ย
ในชั่ววินาทีที่ได้สบตากัน...มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบหยุดหมุน...เหลือแต่เพียงเสียงลมหายใจและสายตาที่มอบให้กันและกันเท่านั้น
“จะว่าไป...พรุ่งนี้ก็วันคริสต์มาสแล้วนี่ครับ
เซนเซย์”
“อา...นั่นสินะ
แต่จะบอกว่าพรุ่งนี้ก็คงไม่ถูก อีกแค่ยี่สิบนาทีก็จะเที่ยงคืนแล้วนี่นะ”
“...เป็นโอกาสดีเลยที่ผมจะได้ถามคุณ...”
“เรื่องอะไรหรือ
?”
นัยน์ตาสีทองหม่นทอดมองไปยังดวงตาสีเข้มคู่งาม...เหมือนที่เขาทำอยู่เสมอ...ส่งมอบความรู้สึกต่างๆ
ผ่านดวงตาไซเบอร์คู่นี้ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ และให้อีกฝ่ายซึมซับความรู้สึกทุกอย่างผ่านทุกคำพูดและทุกการกระทำ...
“คุณอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันคริสต์มาสหรือครับ...”
คำถามนี้ไซตามะคาดไว้อยู่แล้วว่าลูกศิษย์ของเขาจะต้องเอ่ยปากถาม
ริมฝีปากบางยกยิ้มด้วยความเอ็นดู
เขารู้อยู่แล้วว่าเจนอสต้องถามและเขาเองก็เตรียมคำตอบเอาไว้อยู่แล้ว ชายหนุ่มส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
“ไม่มีหรอก...”
“เซนเซย์...”
“ไม่มีจริงๆ
เพราะของที่อยากได้...ฉันได้มันมาตั้งนานแล้วล่ะ...”
มือโลหะของเจนอสบีบแน่นยิ่งกว่าเดิม...แต่ก็ไม่ทำให้เขารู้สึกเจ็บอะไร
กลับรู้สึกอุ่นมากขึ้นเสียอีก
“เพราะงั้น...นายไม่ต้องถามหรอกว่าฉันอยากได้อะไร”
“งั้นหรือครับ...”
ร่างสูงก็รู้แต่แรกแล้วว่าชายที่เขาหลงใหลจะต้องตอบกลับมาเช่นนี้
แต่ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก...เขากลับยอมรับคำตอบนั้นไม่ได้ ภายในใจมันว้าวุ่นด้วยความคำถามมากมาย
เขาอยากรู้เหลือเกินว่าของที่เซนเซย์อยากได้นั้นคืออะไร ? ใครเป็นคนให้ ?
แล้วได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? คำถามมากมายที่ดังก้องกังวานอยู่ในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทำให้เขาเผลอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าที่เคยจริงจังอยู่เสมอกลับปรากฏร่องรอยของความไม่พอใจจนไซตามะหัวเราะออกมา
“ฮะๆ
ทำหน้าอะไรของนายน่ะ ตลกชะมัดเลย”
เพราะไม่ค่อยเห็นเจนอสแสดงอาการไม่พอใจออกมา
ทำให้ไซตามะหลุดขำด้วยความเอ็นดูอีกฝ่าย
เจนอสเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอแสดงอาการไม่พอใจให้เซนเซย์เห็น
จึงรีบคลายขมวดคิ้วและทำสีหน้าจริงจังเหมือนเดิม
“ผมก็แค่...อยากรู้น่ะครับ”
เขาชั่งใจพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อไป
“สิ่งที่คุณอยากได้คืออะไร
ถ้าคุณบอกว่าได้มาตั้งนานแล้ว...งั้นมันคืออะไรล่ะครับ ใครเป็นคนให้คุณมา
แล้วคุณได้มาตอนไหน คุณก็รู้หนิครับว่าผมอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ...”
“อา
พอๆๆ นายเริ่มพูดมากอีกแล้ว ให้ตายสิ”
“ขอโทษครับ...แต่ว่า
ผมอยากรู้จริงๆ นะครับ”
“นายรู้แล้วจะได้อะไรขึ้นมาหรือ
?”
“....”
คำถามนี้เจนอสถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เขานึกอยากหาเหตุผลดีๆ
สักอย่างมาอ้างเพื่อต่อบทสนทนา แต่ดูเหมือนสมองเขาจะมึนไปหมด
เพราะคำถามของเซนเซย์ทำให้เขาคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ...หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือ
คำถามนั้นมันแทงใจดำของเขานั่นเอง
นั่นสิ...เขารู้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา
?
เกิดความเงียบระหว่างพวกเขาสองคนอีกครั้ง
คราวนี้เป็นความเงียบที่ชวนอึดอัด...ต่างกับความเงียบที่ชวนผ่อนคลายเหมือนเมื่อกี้
เจนอสเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรจนไซตามะเริ่มใจคอไม่ดี
เขาควรจะขยายความในคำถามที่เขาเพิ่งถามไป เพราะเกรงว่าเจนอสผู้เยาว์วัยจะเอาแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องจนลืมว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ
ชายร่างสูงปล่อยมือจากไซบอร์ก
เขายกมือขึ้นมาแล้วเป่าลมหายใจอุ่นร้อนใส่เพื่อคลายหนาว อากัปกิริยาดังกล่าวดึงสติของเจนอสให้กลับมาอีกครั้ง
เขาเกือบลืมไปว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บและอาจารย์ของเขาก็ไม่ชอบอากาศหนาว...เขาจึงรีบกุมมือทั้งสองข้างของคนตรงหน้าพร้อมกับกระจายพลังงานความร้อนจากคอร์ที่อยู่ใจกลางให้ไหลไปยังมือทั้งสองข้างเพื่อบรรเทาความหนาวให้
ไซตามะยิ้มละมุนเป็นเชิงขอบคุณ
ทุกครั้งที่คนคนนี้ยิ้มเจนอสก็รู้สึกว่าถ้าตัวเขาเป็นมนุษย์ หัวใจของเขาคงพองโตด้วยความสุขใจ
แต่ร่างที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว...เขาทำได้แค่เพียงสัมผัสถึงความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบให้เท่านั้น
...มือโลหะเผลอบีบแน่นด้วยความรู้สึกบางอย่าง...
“รู้ไหม...นายกำลังบังคับให้ฉันต้องพูดเรื่องน่าอาย...”
ดวงตาไซเบอร์เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ทำไมเซนเซย์ถึงพูดแบบนั้น เขาทำอะไรผิดงั้นหรือ ?
“ผมไม่ได้...”
“อา...ฟังให้จบก่อนสิ”
“...ครับ”
เจนอสรับคำอย่างว่าง่าย เขายืนนิ่งรอให้ไซตามะพูดจนจบตามที่สั่งไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ซ้ำยังส่งสายตาอันแน่วแน่มายังไซตามะตลอดเวลา
ทำให้พวงแก้มของชายหนุ่มที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงระเรื่อยิ่งกว่าเดิม...นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเสมองไปยังด้านข้าง
ไม่กล้าสบตาอันแน่วแน่ของไซบอร์กหนุ่ม...ไม่ว่าจะด้วยอากาศหรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่
เจนอสกลับรู้สึกว่าใบหน้าของไซตามะในตอนนี้ช่างชวนมองยิ่งนัก...
ไม่อาจละสายตาไปได้เลย...
“ความจริง...สำหรับฉันแล้ววันคริสต์มาสน่ะ
มันก็แค่วันธรรมดาเหมือนทุกๆ วันน่ะแหละ ฉันไม่เคยคิดอยากได้ของขวัญอะไรเลย
แต่ฉันก็เคยคิดเล่นๆ
เหมือนกันว่าถ้าซานต้าครอสเสกให้ผมฉันงอกกลับมาเหมือนเดิมได้มันก็คงจะดีไม่น้อย...”
“ผมจะไปซื้อยาปลูกมาให้ถ้าเซนเซย์ต้องการ...”
“โธ่เอ๊ย! เจนอส
อย่าเพิ่งพูดขัดสิ แล้วก็ไม่ต้องไปซื้อยาปลูกผมมาประชดเลยนะรู้ไหม”
“....ขอโทษครับ”
ถึงแม้ไซตามะขึ้นเสียงเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ
แต่พอเห็นลูกศิษย์ตัวเองจ๋อยไปเพราะโดนดุก็อดยิ้มไม่ได้
รอยยิ้มอันสดใสที่นอกจากคนใกล้ชิดอย่างเจนอสแล้ว คนอื่นไม่มีวันรับรู้...มีเพียงใบหน้าที่ไม่แยแสต่อผู้คนบนโลกนี้เท่านั้นที่คนอื่นรับรู้เกี่ยวกับตัวเขา
แต่สำหรับเจนอส...เขาเป็นมากกว่านั้น...เพราะฉะนั้นเขาสมควรได้รับรอยยิ้มอันสดใสนี้อย่างไร้ข้อกังหา
“อา...ถึงไหนแล้ว อ้อใช่
เรื่องผมสินะ ฉันคิดว่าลุงซานต้าคงเสกผมให้ฉันไม่ได้หรอก
ฉันเลยเลิกคิดถึงเรื่องนั้น
แต่พอไม่คิดถึงเรื่องนั้นมันกลับทำให้ฉันหวนนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา...”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลุบต่ำลง...เป็นเวลาเนิ่นนานที่เขาไม่ยอมสบตากับเจนอส
ราวกับไม่อยากนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้น...แต่ก็ต้องฝืนใจเล่าต่อไป...เพราะสัญญากับตนเองไว้แล้วว่าต้องบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ให้ได้
ต่อให้มันขมขื่นแค่ไหน ต่อให้มันน่าละอายเพียงใด เขาก็ต้องส่งความรู้สึกนี้ให้คนสำคัญของเขารับรู้ถึงมันให้ได้…
“...ชีวิตในวัยเด็กของฉันไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำนักหรอก
แม้กระทั่งความฝันที่สวยงามของวันคริสต์มาสฉันก็ไม่เคยนึกถึง...ครอบครัวก็ใช่ว่าจะอยู่พร้อมหน้ากันตลอด
เพื่อนก็ไม่ค่อยมี
ชีวิตดูว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย...แต่ถึงอย่างนั้น...ฉันก็เคยฝันว่า อยากเป็นฮีโร่ที่คอยช่วยเหลือคนอื่น...อยากสวมชุดฮีโร่แล้วออกไปกำจัดเหล่าร้ายด้วยความห้าวหาญเหมือนในหนังสือการ์ตูน...ทั้งที่มันเป็นแค่ความเพ้อฝันของเด็กผู้ชายที่น่าสมเพชคนหนึ่ง...แต่แล้ววันหนึ่งฉันกลับได้เป็นฮีโร่อย่างที่เคยฝันไว้...ฉันมีพลังมหาศาล
สามารถจัดการพวกสัตว์ประหลาดได้สบายๆ อ้ะ ฉันไม่ได้ยอตัวเองหรอกนะ แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ”
ครับ
ไม่ว่าเมื่อไหร่คุณก็แข็งแกร่งเสมอ...
และนั่นก็คือจุดเริ่มที่ทำให้เขาเฝ้าติดตามคนคนนี้...เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง...
“....พอเป็นฮีโร่ก็มีทั้งคนเกลียดและคนที่ต้องการแก้แค้น
เพราะฉันจำไม่ค่อยได้ว่าไปทำให้พวกเขาไม่พอใจตอนไหน
แต่ฉันก็ไม่แคร์หรอก...เพราะฉันคิดว่าถ้าเป็นฮีโร่แบบนี้ต่อไป มันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว...เค้าเรียกว่าเป็นชะตากรรมล่ะมั้ง
? แต่ก็นะ...ฉันก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า
ในโลกนี้ต้องมีใครสักคนที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่ฉันทำลงไป...
ฉันเป็นฮีโร่มาได้สามปีแล้ว
ไม่เคยต้องการแฟนคลับหรือคำขอบคุณจากคนที่เคยช่วยไว้
แต่ถ้า...มีใครสักคนที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่ฉันทำลงไป...มันก็คงจะดีไม่น้อย...”
ดวงตาคู่งามถูกปิดลง...ความรู้สึกหลายอย่างแล่นผ่านเข้ามาในอก...เขาพูดสิ่งที่ต้องการจะพูดออกไปหมดแล้ว
เหลือก็เพียงแค่อีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายของมันมากแค่ไหน
เพราะเขาไม่อยากพูดออกมาตรงๆ
มันน่าอายเกินไป...เพราะงั้นปล่อยให้ลูกศิษย์ซื่อบื้อคนนี้ไปทำความเข้าใจเอาเองแล้วกัน
...แขนโลหะสีเงินทั้งสองข้างโอบร่างของชายหนุ่มเข้ามาในอ้อมแขนอันอบอุ่นอีกครั้ง
ไซตามะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เขาไม่นึกว่าจู่ๆ อีกฝ่ายจะดึงเข้ามากอดแบบนี้...ยิ่งทำให้เขารู้สึกเขินมากขึ้นไปอีก...ทว่าเสียงทุ้มของเจนอสก็ทำให้หัวใจของเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้
“เซนเซย์...”
มือหนายกขึ้นกอดตอบเสียงเรียกนั้น
“สิ่งที่คุณอยากได้มาตลอด...ก็คือคนที่เข้าใจคุณสินะครับ...”
“...ก็ไม่เชิงหรอก”
“...คนที่เห็นคุณค่าทุกการกระทำของคุณ
คนที่เข้าใจความรู้สึกของคุณ คนที่รู้ว่าคุณต้องการอะไร...”
“...ยังไม่ถูกหรอกนะ”
“....คนที่พูดถึงทั้งหมดนี่...ก็คือผม...ใช่ไหมครับ
?”
เจนอสกระชับอ้อนแขนให้แน่นยิ่งขึ้นราวกับกำลังบอกว่า
อยากรู้คำตอบของเขาเต็มทน
ไซตามะลอบยิ้มอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยความเหนื่อยใจ....ทีอย่างงี้ล่ะทำตัวได้สมเป็นลูกศิษย์ดีเด่นเชียวนะ
เรื่องแบบนี้คิดได้เร็วอย่างกับอะไรดี ทำไมเรื่องอื่นๆ
ถึงได้สมองช้าคิดตามไม่ค่อยทันอยู่เรื่อย ให้ตายสิ...
“นายคิดเองเออเองไปต่างหาก เจนอส”
“แล้วถ้าผมไม่ได้คิดไปเองล่ะครับ ?”
“ก็ยังตอบไม่ถูกอยู่ดี”
ไซตามะรู้สึกสนุกที่ได้กลั่นแกล้งเจนอส
ถึงจะไม่ได้เห็นว่าเจนอสแสดงสีหน้าอย่างไร แต่เขาก็เดาว่าตอนนี้เจนอสต้องทำหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจแหงๆ
คิดแค่นั้นก็ทำให้เขารู้สึกสนุกได้แล้ว...
“...เอาล่ะ ผมยอมแพ้แล้ว เซนเซย์
ตกลงว่าคำตอบคืออะไรหรือครับ ?”
ไซบอร์กหนุ่มคลายอ้อนแขนเพื่อให้มองเห็นใบหน้าของคนสำคัญได้อย่างชัดเจน
แต่พอเจนอสคลายอ้อมแขนออก
ไซตามะกลับไม่ยอมสมตา...เหมือนกับก่อนหน้านี้...ตอนที่เขากุมมือของเซนเซย์ไว้...
ทำไม ?
แล้วไซบอร์กหนุ่มก็สังเกตเห็นใบหน้าที่เขาชอบมองอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย...ใบหน้านั้นเป็นสีชมพูระเรื่ออีกครั้ง
คราวนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นสีชมพูตามบริเวณพวงแก้มเท่านั้น มันยังลามไปถึงใบหูทั้งสองข้าง
ภาพที่ชวนหลงใหลนี้เขาเคยคิดว่า เป็นเพราะอากาศหรือด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ใบหน้าของเซนเซย์เป็นสีชมพูระเรื่อแบบนี้...ทว่าตอนนี้...เขาเข้าใจแล้ว...
เขาเข้าใจแล้วมันหมายถึงอะไร...
สมองของเด็กหนุ่มผมทองอาจจะประมวลช้าไปหน่อย
แต่ไม่เป็นไร รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของเขา
เมื่อกี้เขาโดนอีกฝ่ายกลั่นแกล้ง...คราวนี้เขาจะขอเอาคืนบ้าง คงไม่ว่ากันนะครับ
เซนเซย์
“เซนเซย์ ถ้าคุณไม่ยอมตอบ
ผมก็จะเดาเอาแล้วกันนะครับ”
“เดี๋ยวสิ เมื่อกี้นายบอกว่ายอมแพ้ไปแล้วไม่ใช่หรือ
?”
“ก็คุณไม่ยอมเฉลยสักทีนี่ครับ”
“....”
นั่นมันก็จริงของเขา
“ถ้างั้น
ผมก็จะเดาจนกว่าคุณจะบอกว่า ‘ใช่’ แล้วกันนะครับ”
ชายหนุ่มอ้าปากพยายามโต้ตอบ
แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
เขาพยายามหาคำพูดมาตอบโต้บทสนทนาที่ดูเหมือนจะไม่ยอมจบลงง่ายๆ ถ้าเขาไม่ยอมเฉลย
แต่จะให้เขาพูดได้อย่างไรล่ะ...ก็บอกแล้วนี่ว่ามันน่าอาย...
ทว่าเจนอสไม่ยอมรอคำตอบของไซตามะอีกต่อไป
เขาชิงตัดหน้าโดยการประคองใบหน้ามนให้เงยหน้ามองเขา
และในเสี้ยววินาทีต่อมาไซบอร์กผมทองก็ประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็วจนเจ้าของไม่ทันตั้งตัว...เขาไม่ได้สอดแทรกลิ้นลงไปในโพรงปากนุ่มนั้น
เพียงแค่ประกบริมฝีปากลงเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายประท้วงก่อนเท่านั้นเอง
เขาจะได้เอ่ยได้อย่างมั่นใจว่าอีกฝ่ายได้ยินชัดเต็มสองหูแน่นอน
“สิ่งที่คุณอยากได้ คือ ‘คนอวยพรวันคริสต์มาส’
ใช่ไหมครับ...ไซตามะเซนเซย์ ?”
รอยยิ้มบางส่งมาให้ชายเจ้าของชื่อ
แต่ในสายตาของไซตามะรอยยิ้มนั่นดูเจ้าเล่ห์เกินกว่าจะเป็นรอยยิ้มบางๆ
ที่ดูไม่มีพิษสงอะไรเสียอีก และใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยจูบกันมาก่อน...เพียงแต่สิ่งที่เจนอสเดานั้นมันถูกเผงเลยต่างหาก
ชายหนุ่มเบิกตากว้างพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำยิ่งกว่าเก่า
แค่นั้นก็ทำให้รู้แล้วว่าสิ่งที่เจนอสเดานั้นถูกเผงแบบไม่ต้องสงสัย
“ผมเดาถูกใช่ไหมครับ...เซน-เซย์”
“....”
“...เออ ถูกก็ถูก พอใจหรือยัง แล้วก็ไม่ต้องมาเน้นเสียงแบบนั้นเลยนะ
ฟังแล้วขนลุกชะมัด...”
เสียงนาฬิกาบนข้อมือดังขึ้นสิบสองครั้งติดต่อกัน
บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน
ค่ำคืนนี้สิ้นสุดลงแล้ว...และอีกหนึ่งนาทีต่อจากนี้ก็จะขึ้นวันใหม่อีกครั้ง
ความหมายของ ‘ของขวัญ’ ที่เคยได้รับเมื่อนานมาแล้ว ฟังดูเหมือนมันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน
แต่ความจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่หนึ่งปีที่เคยได้รับมา...หนึ่งปีที่เคยรู้จักกัน
หนึ่งปีที่เคยได้อยู่ร่วมกัน
เพื่อรอให้ช่วงเวลานี้หวนคืนกลับมาแล้วได้เอ่ยถึงมันอีกครั้ง…ได้เอ่ยสิ่งที่อยู่ในดวงใจที่เคยอ้างว้างมาเนิ่นนาน...
25 ธันวาคม วันคริสต์มาส
“เมอร์รี่คริสต์มาสครับ เซนเซย์...”
“อืม...เมอร์รี่คริสต์มาส เจนอส...”
และร่างทั้งสองก็สวมกอดท่ามกลางสีสันของค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
จบการเมากาวแต่เพียงเท่านี้ ซู้ดดดดดดด
ฟิคเจไซเรื่องแรกที่แต่งแล้วเอาลงเด็กดีค่ะ //ไม่ได้เอาฟิคลงเด็กดีนานมาก ห้าปีได้แล้วมั้ง ;w;
สารภาพว่าเขินมาก...คือในไทยมีแต่สายไซเจซะส่วนใหญ่ ไอ้เราก็ดันเป็นสายเจไซ เวลาลงฟิคที่เขียนตามสนองนี้ดตัวเองแล้วรู้สึก...//เหม่อมองเรือใหญ่ ฟฟฟฟฟฟ ไม่เป็นไร ถือซะว่าเริ่มต้นผลิตในวันนี้เพื่อกาวที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต เผื่อว่าจะมีใครกล้าเอาฟิคเจไซมาลงเป็นเพื่อนอีก //หาเพื่อนผู้ร่วมมเสพและร่วมผลิตน่ะแหละเอาง่ายๆ ถถถถถถถถ
ติชมได้นะคะ ฟิคเรื่องต่อไปจะได้เอาไปปรับปรุงให้ดีขึ้น :D
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ จะเม้นหรือไม่เม้นก็แล้วแต่เลยค่ะ เราแต่งเอาสนองนี้ดตัวเองล้วนๆ ถ้าชอบแล้วเม้นมาเราก็ดีใจค่ะ แต่ถ้าไม่เม้นก็ไม่เป็นไร หลงเข้ามาอ่านก็ดีใจเหมือนกัน แอออออ
แแงงง เรื่องดีมากอธิบายไม่ถูกกก หาอ่านยากมาก,_,พอเจอแล้วดีจัยย ขอบคุณคนเขียนมากเลยนะคะ \(;´□`)/
ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆนะคะ
ขอบคุณน้าา
อย่าว่าแต่ฟิคเลย คนในสายเดียวกันยังน้อยจนแทบจะหาคนผลิตไม่ได้ โฮฮฮฮฮ //กอดเพื่อนร่วมชะตากรรม
คราวหน้าก็ลองแต่งมาบ้างนะค-----
ดีใจที่ชอบนะคะ แอออออ
บางทีก็อิจฉาเซนเซย์นิดๆ ที่โชคดีมีหมาน้อยอย่างเจนอสคอยดูแลอยู่ไม่ห่างเนี่ย ฟฟฟฟฟ
ความจริงฟิคคู่นี้เยอะนะคะ แต่ไปเยอะที่ต่างประเทศ ต้องอาศัยสกิลอิ้งกับสกิลญี่ปุ่นในการอ่าน orz
ส่วนมากเจไซจะมีคนผลิตเยอะที่ต่างประเทศค่ะ ทั้งแฟนอาร์ต นิยาย โด มีให้เสพเยอะพอๆ กับไซเจเลย
แต่ที่ไทยมีแต่ไซเจ แงงง 55555555 แล้วสายเจไซในไทยส่วนมากก็มีแต่ซุ่มอยู่ในมุมมืด(?) ต้องมีคนออกมารายงานตัวก่อนถึงจะตามมากันพวกๆ //เราก็เป็นหนึ่งในนั้น ฟฟฟฟฟ
ไว้สูดกาวได้เยอะกว่านี้แล้วเราจะมาแต่งอีกนะคะ //โค้ง
ถ้ามีคนอยากอ่านแบบนี้ดีใจมากค่ะ ซึ้งงงง ฟฟฟฟฟฟฟฟ
ไว้มีกาวมาสูดอีกเมื่อไหร่จะแต่งเพิ่มอีกนะคะ :D