ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทกลอนจากนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ของ ทมยันตี

    ลำดับตอนที่ #3 : บทกลอนจากหนังสือ กษัตริยา (2)

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 49


                เหมือนหนามแหลม  แทงค้าง  หว่างอุระ
     ทุกระยะ  ยอกแสยง  แทงทุกหน
     ครายินศึก  หงสาฯ  มาประจญ
     เสียช้างม้า  ไพร่พล  เสียพัตรา
                                    : ประพันธ์ ทมยันตี
      
                สายน้ำไหลคว้างถะถั่ง
     แพไฟลอยคว้างเป็นสาย
     โถมกระแทกนาวาเรียงราย
     ทัพเรืออยุธยากลายเป็นกองเพลิง
                                    : ประพันธ์ ทมยันตี
    โครงสี่สุภาพ
                แสงเพลิงบอกเหตุร้าย    ร้อนรุม
     ฤาทัพร่วมชุมนุม                        พ่ายแล้ว
     เพลิงอกเฉกไฟสุม                    รัวเร่ง
     จำขับพลคลาดแคล้ว                 ยกเข้าโจมตี
                                    : ประพันธ์ ทมยันตี
                ขาดจากญาติวงศ์พงศา
      ขาดไมตรีเคยมีมาแต่เก่าก่อน
      ขาดน้ำใจที่เคยเอื้ออาทร
      ขาดบวรสุวรรณฉัตรแยกปัถพี
                                    : ประพันธ์ ทมยันตี
    …กล่าวการขาดไมตรีกันต่อ อยุธยา และ พิษณุโลก

                เสียศักดิ์  เสียผัว  เสัยพักตร์
     จักดู  หน้าใคร  กระไรได้
     รบพม่า  ข้าศึก  มิกระไร
     นิจจา  ไทยรบไทย  ด้วยกันเอง

                จะผ่อนผัน  ฉันใด  นะอกเอ๋ย
     ชะตากรรม  ล่วงเลย  มาถึงนี่
     เจ็บจนชา  จนไร้  อันพึงมี
     ตายฤาเป็น  วันนี้  ค่าเท่ากัน!
                                  : ประพันธ์ ทมยันตี
    …กล่าวถึงความในพระทัยของ พระวิสุทธิ์กษัตรีย์ 
    ตอนเสียพิษณุโลกแก่พม่า และสมเด็จพระมหาธรรมราชา
    ถูกตราหน้าว่าทรยศต่อแผ่นดิน

                  สองหัตถ์..แต่งพระศพ  พระมารดา
     สองหัตถ์…ถวายรักษา  พระพ่อเจ้า
     สองหัตถ์…กอดโอรสธิดา  แนบแน่น
     สองหัตถ์…เปล่ารวดร้าว  อ้างว้างแรมสูญ
                                  : ประพันธ์ ทมยันตี
    …กล่าวถึงเมื่อตอน พระวิสุทธิ์กษัตรีย์ ถวายการรักษาต่อพระบิดา ที่กรุงศรีอยุธยาระหว่างมีศึก

                  โอบกอดอนุชาแนบอุระ
     เท่านี้ฤาเจ้ากลับมาหาพี่
     วรองค์กำยำ พ่วงพี
     บัดนี้มีห่อผ้าขาว  นำเจ้ามา..
                                   : ประพันธ์ ทมยันตี
    ..กล่าวถึงตอนที่ พระวิสุทธิ์กษัตรีย์ ได้รับพระอัฐิของ
    พระราเมศวร พระอนุชา

                  สองมือ  แกว่งดาบ  เป็นจักรผัน
     จะมีมือ  อื่นฤาอัน  มาเปิบข้าว
     สองตา  เพ่งข้าศึก  ลุกวาว
     หากหลับลง  มันจะเข้า  ชิงเมืองกู
                                    : ประพันธ์ ทมยันตี
    …กล่าวถึงตอนทำทหารไทยทำศึก

     ในวันอาทิตย์  เดือนเก้า  แรม 11 ค่ำปีมะเส็ง พุทธศักราช 2112
         เสียกรุง!
                   เสียงดาบกระทบดาบดังสนั่น
     หยดเลือดกระเซ็นซ่านทุกแห่งหน
     ซากศพทบท่าวแผ่นดินตน
     น้ำตาปนหยาดเลือดทุดเม็ดดิน
                                     : ประพันธ์ ทมยันตี

    (ขอหยิบยกคำพูดของ ทมยันตี มา…)

          "ไม่มีอะไรจะเล่าขานได้มากกกว่านี้  ไม่มีวิธีกล่าวคำประการใดนัยน์ตาที่แลทอดไกลไปสู่อดีต  จะเห็นแจ้งด้วยตน  เลือดไทยจะพล่าน ความดาลเดือดจะทำให้อุรารานแยก น้ำตาจะปริ่มหยดย้อย
                      ตนต้องสำนึกถึงการสูญเสียด้วยตน!"

                   โอ้ลูก..นับวันนี้จะไกลเนตร
     พ่อ-แม่..ชลเนตรดังสายฝน
     ปู่-ย่า..งกเงิ่นระทดระทม
    ตา-ยาย..ขื่นขมเจียนวายปราณ

                    พับผ้าให้ลูก..นะลูกเอ๋ย
    นี่ขนมนมเนย..หาไว้ให้
    นี่หยูกยายามไข้..ประทังไป
    อีกเมื่อใดจะคืน..มาพบกัน
                                 : ประพันธ์ ทมยันตี
    ..กล่าวถึงตอนที่คนไทยโดนกวาดต้อนไปเป็นเชลย

    **************************************

    ถึงตรงนี้แล้ว ก็กลั่นน้ำตาไม่อยู่..ถึงแม้จะอ่านหลายรอบแล้ว  ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ไม่ร้องไห้
    เหมือนมันฝังอยู่ในจิตสำนึกของเรา..
    ติดตามต่อใน บทกลอนจากหนังสือ กษัตริยา (3)

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×