ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จันทร์ครึ่งเสี้ยว
ท้องฟ้าไร้ซึ่งเมฆบดบัง ดวงจันทร์สีทองอร่ามลอยเด่น สาดแสงนวลลงมายังอาณาจักร ‘นอร์เลน’ ที่ถูกฉาบไปด้วยประกายระยิบระยับของยามราตรี คืนนี้เมืองคึกคักเป็นพิเศษ ผู้คนเนืองแน่นไปตามทางเดินเสียจนรถม้า ซึ่งปกติแล่นผ่านได้อย่างสะดวกในช่วงกลางวัน ต้องหยุดชะงักเป็นระยะ
ชาวเมืองส่วนใหญ่ทำงานหนักตลอดทั้งวัน จึงมีโอกาสผ่อนคลายเฉพาะช่วงเย็นและวันหยุด บ้างตั้งวงดื่มเหล้าพูดคุยกันอย่างออกรส บ้างยืนชมการแสดงกลและทำนายดวงชะตาตามความเชื่อของแต่ละคน แต่กิจกรรมที่ทุกคนรอคอยมากที่สุด คงหนีไม่พ้น “ละครเวทีของชมรมละครอาณาจักรนอร์เลน” ศิลปะการแสดงที่ถูกส่งต่อเป็นมรดกจากจักรพรรดิ ‘เวลเนีย’ ผู้ริเริ่มเพื่อมอบความสุขให้ชาวเมือง เป็นเสมือนรางวัลตอบแทนความขยันหมั่นเพียรของพวกเขา และกลายเป็นแบบอย่างให้อาณาจักรอื่นนำไปปรับใช้
⸻
ห่างจากตัวเมืองหลักไปทางทิศตะวันตก 50 กิโลเมตร
ท่ามกลางผืนดินโล่งเตียน ปรากฏหลุมขนาดใหญ่รูปทรงกลม บนปากหลุมมีขั้นบันไดหินหมุนวนลงไปยังเบื้องล่าง บนพื้นดินด้านบนมีบ้านอิฐหลังเล็ก ๆ ตั้งเรียงรายเกือบสองร้อยหลัง ลักษณะภายนอกเหมือนกันทุกหลัง ประกอบด้วยประตูเข้าออกเพียงหนึ่งทาง และมีหน้าต่างเพียงไม่กี่บาน
สถานที่แห่งนี้คือที่พักอาศัยของ ‘ทาสแรงงาน’
⸻
บิรุลืมตาตื่น
แต่โลกตรงหน้ากลับดำมืดสนิท ความรู้สึกชาเริ่มแผ่ลามไปทั่วร่างกาย เขาพยายามขยับตัวอย่างหนัก แต่กลับไร้ซึ่งแรงตอบสนอง ร่างกายราวกับหุ่นฟางไร้ชีวิต
“เกิดอะไรขึ้น!? ทำไมขยับตัวไม่ได้… เมื่อคืนเราก็แค่ดื่มไปไม่กี่ขวดเอง เราคออ่อนขนาดนี้เลยเหรอ!?”
บิรุสบถในใจ เขาหลับตาเพื่อรวบรวมสติ ก่อนจะลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง คราวนี้ภาพตรงหน้าพล่ามัวไปเพียงไม่กี่วินาที จากนั้นทุกอย่างก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
สิ่งแรกที่เขาทำคือสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัว คืนนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงจากดวงจันทร์ส่องลงมาจนสามารถมองเห็นในความมืดลาง ๆ ตรงหน้าคือบ้านอิฐหลังเล็ก ๆ หลายหลังที่ดูไม่คุ้นตา จากนั้นเขาก้มลงมองร่างกายตัวเอง—กำลังนั่งราบกับพื้นราวกับศพ
“เชี่ย…”
เขาสบถออกมาด้วยความตกใจ เสื้อผ้าที่สวมอยู่ขาดวิ่น บริเวณช่องท้องด้านซ้ายมีรูขนาดเท่ากำปั้น เปรอะเปื้อนด้วยของเหลวสีแดงสดที่ไหลนองลงบนพื้น
ความชาที่เคยปกคลุมร่างเริ่มคลายลง เขาเริ่มรับรู้ถึงความเจ็บปวดอีกครั้ง—และมันทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ!
บิรุกัดกรามแน่น โอดครวญออกมาด้วยความทรมาน ร่างกายราวกับจะแหลกสลาย เหงื่อแตกพลั่กจนชุ่มไปทั่วใบหน้า แต่เพียงห้าวินาทีให้หลัง เขาก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นของเหลวสีแดงสดไหลย้อนกลับเข้าสู่ร่างกายอย่างผิดธรรมชาติ
บาดแผลบนช่องท้องเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว และเพียงไม่นาน ความเจ็บปวดทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร!? แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?”
บิรุหอบหายใจถี่ ร่างกายเริ่มฟื้นตัวช้า ๆ จนสามารถพยุงตัวขึ้นจากกองขยะได้สำเร็จ
ในมือซ้ายของเขากำเศษหินเล็ก ๆ รูปทรงโค้งงอคล้ายจันทร์เสี้ยว เขาจ้องมองมันเพียงไม่นาน แสงสว่างพลันพวยพุ่งออกมาจากหินอย่างรุนแรง มือซ้ายราวกับโดนกดทับด้วยของหนักอึ้ง ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วหลังมือ
เศษหินจันทร์เสี้ยวค่อย ๆ ซึมหายไป… ทิ้งไว้เพียงรอยสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวที่เรืองแสงอยู่บนหลังฝ่ามือของเขา
ทันใดนั้น—
ศีรษะของเขาปวดแปลบขึ้นมาอย่างรุนแรง ความรู้สึกเหมือนมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเข้ามาในสมอง เส้นเลือดปูดขึ้นบริเวณหางคิ้ว ภาพความทรงจำปริศนาไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขา
ร่างของบิรุทรุดฮวบลงกับพื้นอีกครั้ง ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น
⸻
เมื่ออาการปวดบรรเทาลง… ความทรงจำที่ได้รับก็ค่อย ๆ กระจ่างชัด
ตอนนี้เขาอยู่ในร่างของชายหนุ่มวัย 15 ปี นามว่า ‘เวย์’ ถูกพ่อแม่ขายมาเป็นทาสในเหมืองแร่ตั้งแต่อายุ 7 ปี พร้อมกับ ‘ลีนา’ น้องสาวของเขา
แต่เมื่อพยายามค้นหาความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทำให้เวย์มาอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างกลับว่างเปล่า…
บิรุ—หรือเวย์—พยุงร่างลุกขึ้นอีกครั้ง และเริ่มเดินสำรวจรอบ ๆ ด้วยความหวังว่าจะพบเบาะแสสักอย่าง ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่เลย
ชายหนุ่มถอนหายใจ “กลับบ้านก่อนละกัน…”
⸻
เวย์เดินไปตามถนนที่ปูด้วยอิฐหยาบ ขนาดไม่กว้างนัก แต่พอให้รถม้าสามารถผ่านไปได้ ระหว่างเดิน เขาขบคิดแผนการสำหรับชีวิตในโลกนี้
จากความทรงจำที่ได้รับมา เขารู้เพียงข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับโลกนี้—
โลกแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของ เทพทั้งเจ็ด แต่พวกเขากลับทำสงครามห้ำหั่นกันเอง มันถูกขนานนามว่า ‘มหาสงคราม’ แม้รายละเอียดจะคลุมเครือเพราะผ่านมานานมาก แต่ผลพวงของมันคือการก่อกำเนิด ‘ผู้ใช้พร’ กลุ่มคนที่ได้รับพลังจากต้นไม้โลก ‘อีเดน’
เวย์เริ่มมองเห็นความเป็นไปได้สำหรับอนาคต…
“หากเราเข้าใจโลกนี้มากขึ้น บางทีอาจหาทางกลับไปโลกเดิมได้…”
⸻
ฝีเท้าหยุดลงตรงหน้าบ้านทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตามความทรงจำของเวย์ นี่คือบ้านของเขาและลีนา
ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเคาะประตูสามครั้ง
แกร่ก…
เสียงกลอนประตูถูกปลดออก เด็กสาวผมบรอนซ์เรียบตรง ดวงตาสีเขียวสดใสโผล่พ้นออกมา เธอเพ่งมองพี่ชายของตนตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วขมวดคิ้วถาม
“นายไปโดนอะไรมา?”
เวย์ยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบกลับด้วยเสียงเรียบเฉย
“แค่สะดุดล้มทับกองขยะ ไม่มีอะไรหรอก”เวย์พูดด้วยน้ำเสียงสุขุม ตามความทรงจำของเขา เด็กสาวคนนี้คือ “ลีนา” น้องสาวแท้ๆ ของเขาเอง เธอเป็นคนเจ้าระเบียบถึงขั้นเข้มงวด แม้แต่เรื่องงานบ้านก็ไม่เว้น ลีนาจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่อาหารไปจนถึงการดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน
เด็กสาวถอนหายใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ชายของเธอกลับมาในสภาพแบบนี้ เวย์คนก่อนเป็นคนซุ่มซ่าม และบ่อยครั้งก็มักได้แผลกลับมาจากเหมือง จนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน
ลีนาจับมือพี่ชายแล้วดึงเขาเข้ามาในบ้าน
“รีบไปอาบน้ำก่อน ค่อยมากินข้าวทีหลัง” เธอชี้ไปทางห้องน้ำ
‘น้องสาว ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ! เวย์คนก่อนต้องไม่ได้เรื่องขนาดไหนกัน!’ เขาบ่นในใจ แต่ก็เดินไปที่ห้องน้ำโดยไม่อิดออด
ภายในห้องน้ำเล็กแคบ มีชักโครกตั้งอยู่มุมขวา และกระจกบานเล็กแขวนอยู่บนผนังด้านซ้าย เขาใช้มันสำรวจใบหน้าตัวเอง
ภาพสะท้อนเผยให้เห็นชายหนุ่มผมดำแซมสีบรอนซ์ หน้าตาธรรมดา แต่มีดวงตาสีเขียวมรกตเข้ม ดุดันกว่าน้องสาวของเขา ตัดกับนิสัยเดิมของร่างนี้อย่างสิ้นเชิง
เวย์ใช้เวลาราวสิบห้านาทีกับการทำความสะอาดตัวเองและเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินไปยังโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่กลางบ้าน แสงจากตะเกียงช่วยไล่ความมืดออกไป บนโต๊ะมีอาหารถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ขนมปังไรย์ถูกหั่นเป็นชิ้น ซุปไข่ร้อนๆ ส่งกลิ่นหอม เป็นมื้อพิเศษที่มีเพียงเดือนละครั้ง
ลีนาจ้องเขม็งมาที่เขา “วันนี้นายดูแปลกไป”
เวย์เลื่อนเก้าอี้นั่งลงอย่างสบายๆ พลางพูดขึ้น “ฉันว่าจะหาทางส่งเธอเข้าโรงเรียนให้ได้”
เด็กสาวเบิกตากว้าง ดวงตาเป็นประกาย เธอพยายามเก็บอาการตื่นเต้น แต่ก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มไว้ได้
“จริงเหรอ?” ลีนาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะขมวดคิ้ว “แต่ว่าจะเป็นไปได้ยังไง? พวกเราไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นนะ”
“ไว้ถึงตอนนั้นฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง” เวย์พูดก่อนตักซุปเข้าปาก ซดรสชาติกลมกล่อม ก่อนจะหยิบขนมปังแห้งตามลงไป อาหารเหล่านี้เมื่อเทียบกับโลกเก่าของเขาคงเข้าขั้นแย่ แต่สำหรับตอนนี้ถือว่าดีที่สุดที่มีแล้ว
หลังจากเคลียร์อาหารจนหมด เขาพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย “อาหารของเธอยังอร่อยเหมือนเดิม เธอรีบพักผ่อนได้แล้ว วันนี้ฉันจะเก็บถ้วยเอง”
ลีนาทำแก้มป่อง ดูเหมือนไม่พอใจที่ไม่ได้รับคำตอบตามต้องการ แต่เมื่อเห็นท่าทีหนักแน่นและน่าเชื่อถือของพี่ชายกว่าปกติ เธอก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เพียงแค่ลุกขึ้นและเดินเข้าห้องไป
เวย์นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นเก็บจานชามไปล้างให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปเช็กกลอนประตูให้แน่ใจว่าล็อกสนิท เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็นำผ้าปูเก่าๆ ออกมากลางเป็นที่นอนสำหรับคืนนี้
‘คิดถึงเตียงนุ่มๆ เป็นบ้า…’ เขาบ่นในใจ พลางยกมือขึ้นมองสัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยวบนหลังมือ มันยังคงอยู่…
‘หวังว่าน้องสาวตัวแสบจะไม่สังเกตเห็น และขอให้มันมีประโยชน์ในอนาคต’
เวย์ภาวนา ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง
⸻
กลางดึก เวย์สะดุ้งตื่น ภาพตรงหน้ามืดสนิท เขาพยายามควานมือไปหาตะเกียง แต่ทันใดนั้น หมอกสีขาวปริศนาก็ปรากฏขึ้น มันค่อยๆ กลืนร่างเขาไป เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นข้างหู เป็นภาษาที่เขาฟังไม่ออก
ท่ามกลางหมอกหนา ดวงตานับร้อยจับจ้องมาที่เขาไม่กะพริบ เวย์รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ขนลุกชูชัน
ภาพเหตุการณ์บางอย่างฉายขึ้นตรงหน้า ก้อนหินขนาดมหึมากลิ้งลงมาทับร่างชายชราผู้หนึ่งจนแหลกละเอียด จากนั้นภาพก็ค่อยๆ แตกสลายราวกับกระจกแตก
แล้วเขาก็กลับมาอยู่กลางบ้านอีกครั้ง
เวย์หอบหายใจ สัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวบนหลังมือส่องแสงวูบหนึ่งก่อนจะดับไป เขามองมันอย่างครุ่นคิด แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากรอให้ถึงรุ่งเช้า…
ความคิดเห็น