ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (nct) Tentania the Empress | doten

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 05 – The Butterfly Effect

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.58K
      575
      2 เม.ย. 63

     

    Chapter 05 – The Butterfly Effect

     

                หลังจากที่ได้เจอกับยูทารอธในครั้งนั้น นี่ก็ผ่านมา 4 ปีแล้ว เวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก นัยน์ตากลมจดจ้องไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ยูทารอธกำลังใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดดาบของตัวเองอย่างทะนุถนอม ข้างๆเขาคือจูเลียนที่เอาแต่อ่านหนังสือในมือไม่ยอมเงยหน้าไปไหน

                ทำไมถึงมาสนิทกับสองคนนี้ได้?

                อย่างแรกเลย ยูทารอธตามตื๊อเธอหนักมาก ตื๊อในที่นี้ก็หมายถึงตื๊อจริงๆ เรียกเนียทั้งวันทั้งคืน เอาแต่พูดว่า เจ้าไปไหนข้าไปด้วย ทั้งๆที่คนที่ควรไปตีสนิทคือเธอไม่ใช่เหรอ? แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวกลับมาตามติดเธอเป็นตังเมเองโดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรให้เปลืองแรงด้วยซ้ำ

                ส่วนจูเลียน..

                อา คนนี้ก็ประหลาดไม่แพ้กัน จู่ๆก็โผล่มาจากไหนไม่รู้แล้วมาขอนั่งดื่มชาด้วย ทำแบบนั้นอยู่ซักพักถึงได้ลองมาคุยแบบจริงๆจังๆว่า เออ อยากสนิทด้วยนะ

                อิหยังวะ

                ถามจริง!? เอาจริงๆเธอต้องเป็นคนเข้าหาพวกเขาปะวะ? ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้

                (เพราะเสน่ห์ของเธอแรงไง)

                และหากถามว่าผลจากการกลายเป็นเพื่อนกันมา 4 ปีเธอได้อะไร? อย่างแรก เธอได้รู้ว่ายูทารอธหลงตัวเองมากๆๆๆๆ แบบแทบจะบอกว่าตัวเองหล่อทุกๆ 10 นาที ส่วนจูเลียนก็เป็นคนขี้อายกว่าที่เห็น

                อย่างที่สอง พวกเขาพึ่งมาเปิดเผยกับเธอได้ไม่นานว่าจริงๆแล้วที่เข้ามาตีสนิทด้วยเพราะเธอดูแปลกดี (ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรือคำด่า แต่เธอขอคิดเอาเองว่าเป็นคำชม) ตอนแรกก็อาจจะแค่อยากมาสังเกตการณ์นิดหน่อย ไปๆมาๆก็ดันสนิทกันจริงๆ

                ส่วนหนึ่งเตนล์คิดว่าทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากการที่เตนล์เข้ามาอยู่ในร่างของเทนทาเนีย การมีตัวตนของเตนล์กลายเป็นส่วนเล็กๆที่เปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเหตุการณ์ดั้งเดิมที่ควรจะเกิดขึ้น หลายๆอย่างเริ่มเปลี่ยนไป มันคงคล้ายๆกับทฤษฎีการกระพือปีกของผีเสื้อ ไม่ก็อะไรเทือกๆนั้น

                สิ่งเล็กๆเพียงน้อยนิด กลับส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ตามมา

                ถึงอย่างนั้น สองคนนี้ก็ไม่เลวนักหรอก

                การที่จูเลียนมาอยู่ฝั่งเธอ— อย่างน้อยก็รับประกันแล้วว่าถ้าเจเรเมียแย่งบัลลังก์ และเธอกลายเป็นจักรพรรดินีของเจเรเมียจริงๆ เธอจะไม่ถูกประหาร

                แต่ก็ต้องระวังไว้ก่อน ไม่ใช่ไม่ไว้ใจหรอกนะ แต่จนถึงตอนนี้ลอเรนน่าก็ยังไม่ปรากฏตัว ใครจะไปรู้ บางทีพอเธอปรากฏตัวปุ้บ สิ่งที่ไม่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นก็ได้

                “ข้าได้ยินมาว่าองค์จักรพรรดิกำลังหาสนมเพิ่ม” คำพูดลอยๆของยูทารอธทำให้หญิงสาวเลิกคิ้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย จูเลียนไหวไหล่ “อย่าพูดว่าพระองค์กำลังหาเพิ่มเลย เรียกว่าพระชนนีของพระองค์อยากให้พระองค์มีสนมเพิ่มจะดีกว่า”

                “ก็แหงล่ะ ขึ้นครองราชย์มา 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีลูกซักคน จริงๆปัญหาไม่ได้อยู่ที่พวกสนมหรือราชินีหรอก อยู่ที่องค์จักรพรรดิเองมากกว่า”

                “เจ้าหุบปากไปบ้างก็ดียูทารอธ ไม่งั้นหัวจะหลุดออกจากบ่าเอา” หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มปราม

                หลังจากเหตุการณ์การสวรรคตขององค์จักรพรรดิองค์ก่อนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ดาริอัสก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นองค์จักรพรรดิคนต่อไปแทบจะในทันที องค์จักรพรรดินีพระองค์ก่อนผู้เป็นพระมารดาก็แทบจะประเคนบุตรสาวของขุนนางทั่วจักรวรรดิมาดำรงตำแหน่งราชินีและสนมที่ว่างอยู่

                แน่นอน จริงๆพระชนนีคงหวังให้หนึ่งในสตรีเหล่านั้นได้เป็นองค์จักรพรรดินี

                แต่ดาริอัสก็ไม่ถูกใจใครเลยซักคน ดังนั้นตำแหน่งจักรพรรดินี พระมารดาของแผ่นดินจึงยังคงว่างมาจนถึงทุกวันนี้

                “ว่าแต่พวกเจ้าว่างกันนักรึไง ถึงได้มาคลุกคลีอยู่กับข้าทั้งวัน”

                จูเลียนกับยูทารอธส่ายหน้าทันทีอย่างพร้อมเพรียง

                “จริงๆก็ไม่ว่าง แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าอยู่คนเดียวนี่ ช่วงนี้เฮนเดอริกก็บอกว่าเจ้าชอบเหม่อลอยอยู่บ่อยๆ” เทนทาเนียมองยูทารอธเหมือนไม่อยากจะเชื่อสายตา “เจ้าสนิทกับเฮน? พระเจ้า ข้านึกว่าเขาไม่ชอบสุงสิงกับคนโง่ซะอีก”

                “เฮ้ ระวังปากหน่อยคนสวย ต่อให้เจ้าเป็นเทพธิดา ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะละเว้นเจ้านะ”

                “แต่นางพูดความจริงนี่” จูเลียนว่าขึ้นบ้าง ยูทารอธชักสีหน้า “พวกเจ้าเป็นอะไรกันไปหมด พูดจริงๆนะ มีใครที่หล่อทั้งยังอัจฉริยะเหมือนข้าอีก ไม่มีหรอก”

                หญิงสาวผายมือไปทางจูเลียน “หมอนี่ไง”

                “ยกเว้นไอหมอนี่ไว้คนนึงไม่ได้เหรอเนีย”

                “สมน้ำหน้า” จูเลียนที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบพึมพำเสียงเบา ยูทารอธกัดฟันกรอด ลุกขึ้นพรวดพราดเหมือนอยากจะพูดอะไรซักอย่าง แต่สุดท้ายก็กระแทกก้นลงนั่งบนเก้าอี้เหมือนเดิม เทนทาเนียขบขันกับท่าทีคล้ายเด็กเช่นนั้น ปกติยูทารอธจะเป็นพวกร่าเริงอารมณ์ดีคล้ายคนบ้า ที่แสดงท่าทีหงุดหงิดในวันนี้ก็แค่แสร้งทำไปเท่านั้น

                เอาจริงๆ ตั้งแต่เป็นมิตรสหายกันมาเกือบ 4 ปี เธอเคยเห็นหมอนี่โกรธแบบจริงๆจังๆเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นั่นคือตอนที่เธอถูกเพื่อนร่วมชั้นซักคนแกล้งจนตกม้า จำได้ว่าตอนนั้นยูทารอธโกรธจนตัวสั่น เงียบราวกับป่าช้า ซึ่งมันต่างจากปกติ แน่นอนว่าหลังจากนั้นเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่แกล้งนางก็ไม่กลับเข้ามาเรียนที่โรงเรียนอีกเลย

                “เอาเป็นว่า ต่อให้พวกเจ้าไม่ยอมรับยังไง ก็ปฏิเสธความจริงที่ความหล่อของข้าเป็นพิษเป็นภัยต่อสาวๆทั่วจักรวรรดิไม่ได้หรอก”

                “แล้วทำไมเจ้ายังไม่แต่งงานซักทีล่ะ” เทนทาเนียเลิกคิ้ว

                “นั่นเพราะข้ายังไม่เจอสตรีที่ถูกใจต่างหาก!

                “ไม่ใช่เพราะเจ้ายังช้ำรักจากเลดี้การ์เนตหรอกเหรอ? พูดก็พูดเถอะ เจ้าตามจีบตามหว่านเสน่ห์นางมาตั้งนาน นางไม่เคยสน” จูเลียนขบขันเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน “แต่นางกลับมาชอบเทนทาเนียตอนที่แต่งชายลงประลองขี่ม้า”

                ยูทารอธยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างเหมือนไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น “พวกเจ้าหุบปากไปเลย!

                “เจ้าเลิกแกล้งยูเถอะจูเลียน หมอนี่น่าสงสารขนาดไหน เจ้าก็รู้” เป็นคนที่หล่อเลือกได้ มีหญิงสาวพุ่งเข้าหาไม่เว้นแม้แต่วันเดียว แต่พอเจอคนที่ตัวเองชอบจริงๆกลับต้องกินแห้ว น่าเวทนาจนน้ำตาแทบไหล

                “พอพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็นึกขึ้นมาได้” เสียงของจูเลียนทำให้บุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูลดยุกแห่งไอโซไลน์ต้องละความสนใจจากแก้วน้ำชา คิ้วโก่งเลิกขึ้น

                “ข้าได้ยินมาว่าเลดี้การ์เนตได้รับเชิญไปเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาขององค์ราชินีลำดับที่ 1 เจ้าไม่ได้หรือ?

                “อ้อ” เทนทาเนียลากเสียง “ได้สิ”

                “พูดตามตรงนะเนีย ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเลย มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่านี่เป็นความคิดของพระชนนีที่อยากจะหาสนมให้องค์จักรพรรดิเพิ่ม” เทนทาเนียเห็นด้วยกับยูทารอธใจจะขาด เอาจริงๆแล้วเธอไม่ได้อยากไปเลยซักนิด เพียงแต่— ทั้งบิดาทั้งมารดา พวกเขาคาดหวังที่จะให้เธอได้ใกล้ชิดกับองค์ราชินีเอลายน์ เพราะการได้เป็นพระสหายใกล้ชิดกับผู้ที่อาจจะได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดินีคนต่อไป มันก็เหมือนกับได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง

                จริงๆแล้ว ทั้งคู่เคยคาดหวังที่จะส่งตัวเธอไปเป็นสนมขององค์จักรพรรดิด้วยซ้ำ ตั้งแต่ที่องค์จักรพรรดิซึ่งตอนนั้นมีศักดิ์เป็นองค์รัชทายาทมีท่าทีเหมือนกำลังสนใจเธอตั้งแต่เมื่อ 4 ถึง 5 ปีก่อน  แต่ความคิดนั้นก็ต้องเป็นอันล้มเลิกไปเพราะเธอชิงหนีไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเซนต์ลูซิเอลเสียก่อน

    พูดตามตรงนะ ดูเหมือนเหตุการณ์ทุกอย่างจะผิดแปลกไปจากนวนิยายตั้งแต่วินาทีที่ดาริอัสมีทีท่าสนใจเธอ ตามหลักแล้วเธอควรถูกพ่อแม่ขายไปเป็นสนมตอนอายุ 17 แต่กลายเป็นว่าพวกเขาเริ่มมีความคิดแบบนั้นตั้งแต่เธออายุ 12

    นั่นหมายความว่าอะไรรู้มั้ย? มันหมายความว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคิดเสมอไป

    นี่มันเป็นเรื่องน่ายินดีเลยนะ! นั่นหมายความว่าเธออาจจะไม่ถูกเลือกไปเป็นสนมของดาริอัสก็ได้!

    “พวกเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว” เธอว่ายิ้มๆ

    แค่การไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาขององค์ราชินี เธอคงไม่โชคร้ายถึงขั้นเจอดาริอัสหรือถูกพระชนนีเลือกไปเป็นสนมหรอก

    ใช่ เธอคงไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้น

     



    อา.. เธอโชคร้ายขนาดนั้นแหละ

    เด็กสาวคิด ในขณะที่นัยน์ตากลมสีเขียวอัญมณีมองไปยังบุรุษผู้นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยรอยยิ้มแกนๆ โอเค ยอมรับว่าเมื่อก่อนก็เคยแอบคิดว่าดาริอัสนั้นหล่อมาก หล่อแบบวัวควายตายล้ม หล่อแบบสาวๆคงต้องก้มหัวให้เพราะกลัวว่าสบตาแล้วจะใจเต้นแรงจนช็อคตาย

    แต่นี่— หล่อกว่าเดิมอีกรึเปล่านะ?

    ไม่ได้เจอกันแค่ 5 ปี ต้องหล่อขึ้นขนาดนี้เลยเหรอ?

    ทั้งรูปร่างหน้าตา ความเป็นเชื้อพระวงศ์ ในจะตำแหน่งผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในจักรวรรดิ ร่ำรวยเงินทอง ไหนจะกิริยามารยาทที่ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนที่นิยายบรรยาเอาไว้ ดูสิ ทวงท่าการยกแก้วชาขึ้นดื่มนั่น มันน่ามองเสียจนเหล่าสตรีชนชั้นสูงที่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงต้องอุดปากกรีดร้อง

    “องค์ราชินี หม่อมฉันว่าการที่ฝ่าบาทมาร่วมงานเลี้ยงด้วย มันค่อนข้างจะ— “ เวนดี้ เอเธล นางกำนัลคนสนิทของเอลายน์กระซิบกับนายหญิงของตนเอง แต่ไม่ทันที่จะพูดจบ เอลายน์กลับยกมือขึ้นมาปราม องค์ราชินีผู้มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรดอกไม้ยกยิ้มน้อยๆ

    “มันคือประสงค์ของฝ่าบาท เจ้ากล้าขัดหรือ?

    “หม่อมฉันไม่กล้า” เทนทาเนียทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนานั้น เธอไม่ได้ชื่นชอบดาริอัสเป็นพิเศษเหมือนคนอื่นๆ ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เธอยังตกใจอยู่เลยที่จู่ๆองค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิอันทรงเกียรติก็เดินเข้ามาร่วมงานเลี้ยงน้ำชา แถมนั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอเสียอย่างนั้น

    จะว่าไปเอลายน์นี่ก็ดูเป็นราชินีที่โนสนโนแคร์เกินไปรึเปล่านะ พระชนนีประเคนเหล่าราชินีนางสนมให้ดาริอัสแทบทุกวัน แต่เอลายน์กลับไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ นี่สามีตนเองกำลังตกเป็นเป้าหมายของสตรีในงานเลี้ยงน้ำชา เธอยังจิบชาอย่างสบายใจเฉิบ

    สุดยอดจริงๆ

    “เทนทาเนีย เรเน่ วินเทอร์ฮาร์ท”

    “พ เพคะ!?” เทนทาเนียลอบสะดุ้งจนตัวโยน เงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เอ่ยนามของเธอด้วยสายตาหวาดหวั่น ผู้ชายคนนี้ลืมเธอไปรึยังนะ? เลิกสนใจเธอไปแล้วใช่หรือเปล่า? ช่วยทำเป็นลืมๆเธอไปไม่ได้รึไง!?

    เธอต้องการชีวิตสงบสุขนะ!!

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนี่” เทนทาเนียกุมมือตัวเองเอาไว้ที่ตัก พยายามรักษาสีหน้าเพื่อปกปิดอาการตื่นตระหนก “เป็นเกียรติที่พระองค์ทรงจำหม่อมฉันได้”

    “หึ”

    ไอเสียงหัวเราะนั่นมันหมายความว่าอะไร!?

    ดาริอัสหันไปสนทนากับเอลายน์ต่อเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เทนทาเนียนั่งตัวเกร็ง รับรู้ได้ถึงสายตาของสุภาพสตรีชนชั้นสูงในงานที่ให้ความสนใจเธอเป็นตาเดียว คนพวกนี้ชอบเอาอกเอาใจเสมือนเธอเป็นพระเจ้า แต่ลับหลังก็ใช่ว่าจะพูดดี เรื่องที่ดาริอัสทักเธอคงถูกเอาไปพูดปากต่อปากจนรู้ทั่วเมืองหลวงในอีกไม่กี่วัน

    “เลดี้วินเทอร์ฮาร์ทนี่โชคดีจังเลยนะคะ ดูเหมือนฝ่าบาทกำลังสนใจท่านเลย”

    “ก็ใช่สิ เลดี้วินเทอร์ฮาร์ทงดงามเสียขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องชอบนางทั้งนั้นแหละ”

    “ข้าได้ยินมาว่าเลดี้สนิทกับท่านชายเรดคลิฟและท่านชายรองกวินฟอร์ด้วยนี่คะ น่าอิจฉาสุดๆไปเลยค่ะ!

    เทนทาเนียยิ้มแหย่ ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป ทำได้เพียงหัวเราะแหะๆเพราะแอบรู้สึกทึ่งกับเด็กสาวเหล่านี้ จะว่าไปเธอก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆมาได้ซักพักหนึ่ง คงเป็นเพราะสายตาคมกริบขององค์จักรพรรดิที่กำลังจ้องมาเป็นระยะๆนั่นแน่ๆ

    ให้ตายเถอะ เลิกจ้องซักทีโว้ย!

    ในตอนนั้นเองที่ดาริอัสหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทำให้องค์ราชินีและเหล่าสตรีชั้นสูงต้องลุกขึ้นตาม นัยน์ตาคมกริมของดาริอัสกวาดสายตามองไปยังเหล่าสตรีชั้นสูง ก่อนจะหยุดอยู่ที่เทนทาเนีย

    “จะว่าไปวันนี้มีการประลองยิงธนูสำหรับพวกทหาร แถมยังมีเทศกาลเล็กๆที่เหล่าข้ารับใช้ในวังจัดขึ้นด้วย ข้าคิดจะไปดูซักหน่อย” เขาหันไปพูดกับเอลายน์ “เจ้าก็ไปด้วยสิ พาพวกนางไปเปิดหูเปิดตาบ้างจะเป็นไรไป”

    เอลายน์ยิ้ม “หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”

     



    ลานกว้างซึ่งอยู่ห่างจากราชวังไม่มากนักครึกครื้นไปด้วยผู้คนมากมาย เหล่าทหารพร้อมธนูและลูกศรเดินกันขวักไขว่ นี่ยังไม่รวมเสียงพูดคุยจอแจของเหล่าข้าหลวงนางกำนัลที่ได้รับโอกาสให้มาตั้งร้านค้าขายของเป็นตลาดนัดชั่วคราว เหล่าชนชั้นสูงและข้าหลวงภายในวังต่างเดินทางมาเยี่ยมชมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน

    นี่มันชวนให้เตนล์นึกถึงตลาดนัดในโลกเดิมของตัวเองนิดหน่อย

    “ข้าได้ยินว่าเจ้าเก่งกาจในการยิงธนูนัก” นัยน์ตาสีมรกตมองไปยังดาริอัสซึ่งมายืนอยู่ข้างกายเธอตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบด้วยสายตาฉงนปนแปลกใจ

    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเพคะ”

    “เจ้าน่าจะลองเข้าร่วมการประลองดู”

    เทนทาเนียมีสีหน้าครุ่นคิด นั่นน่าสนุกก็จริง..แต่เธอมาที่นี่ในฐานะบุตรีขุนนางที่ได้รับเชิญจากองค์ราชินีมาเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชา อีกทั้งบิดามารดาคงไม่พอใจแน่หากรู้ว่านางมาเข้าร่วมการประลองเช่นนี้

    “ไม่ดีกว่าเพคะ หม่อมฉันต้องขอตัวก่อน” ยอบตัวลงก่อนรีบก้าวขาฉับๆตามหลังองค์ราชินีโดยไม่รีรอ เธอไม่อยากยุ่งอะไรกับดาริอัสเท่านั้น ขอแค่เธอไม่ได้เป็นนางสนมของดาริอัสดั่งในนิยาย ก็จะช่วยลดโอกาสที่เธอจะได้เจอเจเรเมียและหลงรักเขาลง

    เทนทาเนียถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหลือบมองดาริอัสที่เลิกสนใจเธอแล้วหันไปพูดคุยกับข้าราชบริพารที่ติดตามมาด้วยสีหน้าโล่งอก

    “เนีย! ข้าอยู่นี่!” เทนทาเนียเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เธอหันไปตามเสียงก่อนจะพบกับเจนิซในชุดเดรสสีแดงเลือดหมูพร้อมหมวกใบโตบนศีรษะ เธอหลุดยิ้มออกมาทันทีที่ได้พบกับสหายสนิท ก่อนกล่าวขอตัวกับบรรดาสตรีชั้นสูงที่เดินมาด้วยกันแล้วย่างเท้าตรงไปยังเจนิซที่ยืนอยู่ไม่ไกล

    “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?

    “แดเนียลเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ ข้าเลยมาเชียร์เขา”

    “ช่างเป็นคู่ที่น่ารักน่าชังเสียจริง”

    “ไม่ต้องมาล้อข้าเลยนางตัวดี เมื่อไหร่เจ้าจะหาคู่หมั้นได้ ตอนนี้ข้ากับแดเนียลใกล้จะแต่งงานกันอยู่รอมร่อ เจ้าคิดจะโสดเช่นนี้ไปจนตายรึไง”

    ใครจะไปคิดว่าเจนิซกับแดเนียลที่แทบจะไม่ถูกกันเอาเสียเลยเมื่อ 5 ปีก่อนจะใกล้เข้าพิธีวิวาห์แล้ว จากที่เพื่อนสาวส่งข่าวมาเป็นระยะๆ ก็ได้รู้ว่าแม้นิสัยของเจนิซและชายคู่หมั้นจะเข้ากันไม่ค่อยได้นัก แต่หลังจากปรับความเข้าใจกันก็กลายเป็นสหายที่ดีและเลื่อนขั้นมาเป็นคู่รักตามลำดับ

    “โธ่ เจน..”

    “ไม่ต้องมาทำตาเหมือนลูกหมาหงอย บอกไว้ก่อนเลยนะ คุณชายเรดคลิฟกับคุณชายกวินฟอร์นั่นก็ไม่ได้แย่ เจ้านี่มันผู้หญิงแบบไหนกันนะ มีหนุ่มหล่อเช่นนั้นอยู่เคียงข้างถึงสองคน แต่กลับจัดพวกเขาอยู่ในกลุ่มสหายเสียนี่!

    เจนิซขี้บ่นขึ้นรึเปล่านะ?

    “จะว่าไปแล้ว— แดเนียลเคยบอกข้าว่าอยากประลองธนูกับเจ้านี่”

    “เฮ้ หมอนั่นจะอยากประลองธนูกับข้าไปทำไม ทหารองครักษ์ฝีมือดีกว่าข้าก็มีมากไปถมเถ”

    สหายสนิทไหวไหล่ “ใครจะไปรู้เล่า เขาคงอยากรู้ว่าเจ้ายิงได้แม่นแค่ไหนล่ะมั้ง”

    ในตอนนั้นเอง พวกเธอได้ยินเสียงกรีดร้องตกใจของเหล่านางกำนัลที่ขายของอยู่ในลาน ชายคนหนึ่งในชุดสีดำขาดๆวิ่งเข้ามาหาพวกเธออย่างรวดเร็ว มือกร้านกระชากสร้อยคอและกำไลของเจนิซไปโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว เธอกรีดร้องเสียงสูงด้วยความตกใจ เทนทาเนียพยายามตั้งสติ เธอถกกระโปรงขึ้นสูงแล้ววิ่งไปคว้าคันธนูและลูกศรที่ใกล้มือที่สุด

    “ข้าขอยืมหน่อย” เธอกล่าวโดยไม่มองใบหน้าของบุรุษผู้เป็นเจ้าของ

    ท่ามกลางความอลหม่าน เธอง้างคันศรออกว้างอย่างชำนาญ เล็งไปยังขาของชายผู้ร้าย นัยน์ตาสีมรกตทอประกายวาวโรจน์ ผมเป็นลอนสีดำขลับดั่งไข่มุกพลิ้วไสวไปตามแรงลม เธอนับหนึ่งถึงสามในใจช้าๆ ราวกับเวลาและทุกสิ่งรอบตัวนั้นหยุดนิ่ง

    หนึ่ง

    สอง

    ...

    สาม

    ลูกธนูถูกยิงแหวกอากาศออกไปอย่างแม่นยำ ผู้ร้ายทรุดลงกับพื้นโดยมีนายทหารแถวนั้นรีบรุดเข้าไปช่วยจับกุม เรื่องน่าประหลาดที่เกิดขึ้นเห็นจะเป็นขาของผู้ร้ายข้างที่โดนธนูมีน้ำแข็งเกาะกุมอยู่รอบๆ นั่นคงเป็นพลังที่เทนทาเนียแทรกลงไปในลูกศรเล็กน้อยเพื่อทำให้ผู้ร้ายหยุดการเคลื่อนไหวเพราะรู้สึกชาเนื่องจากความหนาวเย็นที่แทรกซึมลึกจนถึงกระดูก

    ทหารนายหนึ่งนำสร้อยคอและกำไลมาคืนเจนิซพร้อมกล่าวขอโทษขอโพย แต่เจนิซก็ไม่ได้เอาความอะไร ทั้งยังบอกว่าแค่จับผู้ร้ายได้ก็ดีใจมากแล้ว

    เทนทาเนียมองโจรผู้นั้นด้วยนัยน์ตาที่แสดงความรู้สึกหลากหลาย

    เป็นเด็กผู้ชาย อายุประมาณ 13 ถึง 14 ปีเห็นจะได้ คงเป็นเด็กหนุ่มในสลัมที่อยู่ชานเมือง สิ่งที่น่าแปลกคงเป็น..เขาเข้ามาในเขตใกล้พระราชวังเช่นนี้ได้อย่างไร?

     


    ดาริอัสมองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น หลังจากเวลาผ่านไปซักพัก เหล่าทหารราชองครักษ์ที่วิ่งรุดมาด้านหน้าเพื่อปกป้องเขาและพระมารดาของเริ่มถอยออกไปเพื่อจัดการสถานการณ์วุ่นวาย นัยน์ตาสีรัตติกาลมองใบหน้าของบุตรีตระกูลวินเทอร์ฮาร์ทที่ง้างคันศรธนูอย่างกล้าหาญ

    เขายังจำใบหน้าของนางในตอนนั้นได้

    ดูเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง กล้าหาญ และงดงาม

    ทั้งที่เป็นสตรี..กลับดูราวทหารกล้าในสนามรบ

    “นั่นบุตรสาวของมาร์ชินัสใช่หรือไม่?” พระชนนีในองค์จักรพรรดิ หรือก็คือมารดาของเขากล่าว ดวงเนตรมองไปยังเด็กสาวรุ่นราวคราวลูกด้วยแววตาชื่นชม “ถึงจะดูไม่เหมาะสมไปหน่อย แต่มีความกล้าหาญเช่นนั้น..ก็นับเป็นข้อดี”

    “เสด็จแม่”

    “หืม..?” สตรีวัยกลางคนผู้เป็นมารดาในองค์จักรพรรดิมองบุตรของตนด้วยความสงสัย

    “ลูกอยากได้นางพ่ะย่ะค่ะ”

    “..ดาริอัส?” นี่เป็นครั้งแรกที่บุตรชายของนางกล่าวเชิงปรารถนาในตัวสตรีคนหนึ่ง พระชนนียิ้มอย่างเมตตา มือที่เริ่มเหี่ยวย่นเล็กน้อยเอื้อมไปกุมมือกร้านของบุตรชายหลวมๆ

    “เจ้าชอบสิ่งใดในตัวนางหรือ?

    “....”

    “ชาติตระกูล มารยาท ทรัพย์สินเงินทอง ความสามารถ การพูดการจา หรือว่าลักษณะนิสั— “

    “พลังพ่ะย่ะค่ะ”

    “ห้ะ?

    “ลูกชอบพลังของนางพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”




    -----|-----|-----|-----|-----|-----

    จริงๆไม่ได้ชอบพลังของเค้าหรอก ชอบเค้าแหละ ดูออก-- //โดนกระทืบ

    หลังจากนี้ดาริอัสจะกลับมาทวงคืนตำแหน่งพระเอกแล้วค่ะ! จะมีบทมากขึ้นแล้ว ปรบมือให้เขาหน่อยเร็ววววว

    มาอัพพอให้หายคิดถึง น่าจะกลับมาอีกทีหลังวันที่ 17 มีนา ค่ะ!

    ยังไม่แก้คำผิด ตอนเขียนก็เบลอๆไปนิดหน่อย ถ้าเจอคำผิดก็ทักได้นะคะ

    น้องเนียของเราเท่มาก เท่ที่สุดในโลก! สามารถไปหวีดน้องเนียและดาริอัสได้ที่ #เทนทาเนียdt ในทวิตภพนะคะ!!

    และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ที่ @EVE05x07 ค่ะ!!

     

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×