ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (nct) Tentania the Empress | doten

    ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 20 – Poison in a Tea

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.2K
      279
      13 มิ.ย. 63


    Chapter 20 – Poison in a Tea

     

                “ทำไมจูเลียนกับเจเรเมียถึงมาอยู่ที่นี่!?

                ในฐานะที่คนหนึ่งคือองค์ชาย อีกคนเป็นบุตรชายตระกูลขุนนาง

                มันย่อมไม่แปลกถ้าจะมีการพูดคุยเสวนากันซักครั้ง

                เพียงแต่..หัวใจเธอกลับหล่นวูบยามเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน พวกเขาดูสนิทสนมกว่าที่เธอคิด ความระแวงและความคิดแง่ลบมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวราวกับเขื่อนแตก จูเลียนไปสนิทกับเจเรเมียตอนไหน? พวกเขาเริ่มพูดคุยเรื่องอะไรกันไปแล้วบ้าง? จูเลียนอยากให้เจเรเมียเป็นจักรพรรดิหรือเปล่า? หรือว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่ตั้งแต่แรก?

                ในตอนนั้น เธอเริ่มที่จะไม่ไว้ใจเขา เริ่มที่จะระแวงเขา

                หวนนึกถึงสหายสนิทที่อยู่เคียงข้างเธอมาหลายปี

                ทั้งยูทารอธ ทั้งจูเลียน

                คนหนึ่ง— แม้จะบอกมาร์คัสว่าที่ให้สืบเพราะเป็นห่วง แต่ความจริงคือยังระแวงเรื่องบาดแผลที่มือซ้ายของอีกฝ่ายไม่หาย ส่วนอีกคน..ก็สนิทสนมกับเจเรเมียโดยที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน

                ทั้งที่เธอพยายามมากขนาดนั้น ทั้งที่เธอคิดว่าเธอผูกมิตรกับพวกเขาได้แล้วแท้ๆ

                ทั้งที่เป็นแบบนั้น

                สิ่งที่เธอทำไปทั้งหมด มันสูญเปล่างั้นหรือ?

                “ลูคัส”

                “พ่ะย่ะค่ะราชินี”

                “สั่งให้คนที่ไว้ใจได้ไปสะกดรอยตามและสืบเรื่องความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของจูเลียนมาให้ข้า ขอแบบละเอียดยิบ..อย่าตกหล่นไปแม้แต่เรื่องเดียว”

                สีหน้าของอัศวินหนุ่มตัวสูงดูแปลกใจ ทว่าเขาก็พยักหน้ารับแต่โดยดี

                “เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

                หลังจากที่มาส่งเธอกลับวังหลวง ลูคัสก็ขอแยกตัวไปปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเอาไว้ เธอและซาเนียเดินกลับวังของตัวเองอย่างเงียบเชียบ ระหว่างทางก็พบกับสหายที่ไม่ได้เจอกันนานอย่างยูทารอธ บรรยากาศอึดอัดห้อมล้อมระหว่างพวกเธอเอาไว้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติแล้วเธอมักรู้สึกสบายๆยามอยู่กับสหายผู้นี้ ทว่าวันนี้— มันช่างน่าอึดอัดจนอยากกัดลิ้นตายไปให้จบๆ

                “สบายดีสินะพ่ะย่ะค่ะ ต้องขออภัยที่ไม่ได้บอกกล่าวท่านเรื่องที่ข้าเดินทางมาเมืองหลวง”

                เพราะเป็นที่สาธารณะ ไม่แปลกที่เขาจะพูดด้วยภาษาทางการ เมื่อก่อนตอนไปมาหาสู่(?)กันก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นบ่อยๆ

                ทว่าความรู้สึกในวันนี้มันต่างกันออกไป ทั้งที่เป็นสหายสนิทที่เธอเคยสบายใจยามได้พบหน้า ทว่าเธอกลับอยากหนีไปให้พ้นจากที่นี่เสียเหลือเกิน

                “ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสา แล้วเจ้า..” เธอเหลือบมองไปยังฟิลิปที่ยืนอยู่ด้านหลังยูทารอธ นึกย้อนไปถึงวันที่เจอชายหนุ่มคนนี้กับนางข้าหลวงคนสนิทของนาร์ซิสซ่าโอบกอดกันเมื่อหลายวันก่อน “ฟิลิปบอกข้าว่าเขาเห็นนางข้าหลวงของราชินีลำดับที่ 3 ทำของตกโดยบังเอิญพ่ะย่ะค่ะ ข้าจึงเดินทางมาเพื่อนำมันมาคืนที่นี่”

              อ่า นี่นายเชื่อสิ่งที่หมอนั่นพูดจริงดิ ดูก็รู้แล้วว่าลืมของไว้ตอนลอบพบกันน่ะ!

                เทนทาเนียกระแอม “อ๋อ เป็นเช่นนี้เอง”

                “ถ้างั้นข้าต้องขอทูลลาก่อน”

                “อือ”

                เวลาล่วงเลยมาถึงยามเย็น ดาริอัสออกไปนอกวังอีกแล้ว และอีกสองวันข้างหน้าก็จะเป็นวันเกิดของเธอ—27 กุมภาพันธ์ วันที่เทนทาเนียถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ซึ่งก็น่าตลกที่วันนั้นก็เป็นว่าเกิดของเตนล์เช่นกัน เจ้าตัวให้ข้าหลวงคนสนิทส่งข่าวมาบอกว่าจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ ดูก็รู้แล้วว่าคงเกี่ยวข้องกับของขวัญวันเกิดเธอเป็นแน่

                อา ของขวัญวันเกิดที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้ผู้คนฮือฮากันทุกที

                เธอหวังจริงๆนะว่าจะได้อะไรธรรมดาๆบ้าง

                “ตอนที่ข้าไม่อยู่ นอกจากยูทารอธแล้วมีใครมาวังอีกรึเปล่า”

                “มีองค์ชายเจเรเมียเพคะ แล้วก็เลดี้เอฟเนอร์ คุณชายเอฟเนอร์ เซอร์วาเลนไทน์ แล้วก็สมาชิกบางส่วนของตระกูลดยุคทั้ง 4 ซึ่งมาพักยังวังรับรองเพื่อเตรียมตัวมามอบของขวัญให้ท่านเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดเพคะ”

                “อ้อ..งั้นเหรอ” เพียงแค่สองคนแรกที่นางข้าหลวงสาวพูดชื่อขึ้นมาเธอก็แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาเสียแล้ว เทนทาเนียถอนหายใจ

                “อยากกินคุกกี้แฮะ” เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนเดินนำนางข้าหลวงผู้ติดตามกลับวังไป

     


                เทนทาเนียตื่นขึ้นมาในยามสายของอีกวัน เธอใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำแต่งตัวทำผมให้เรียบร้อยก่อนนำงานเอกสารที่ค้างไว้ทั้งหมดมาสะสาง ทว่าแม้จะพยายามตั้งสมาธิซักแค่ไหน— เธอก็ยังคงหวนนึกไปถึงเรื่องเมื่อวานไม่หยุด

                “พี่เนีย พักหน่อยดีมั้ย” เฮนเดอริกที่หนีหน้าที่การงาน(?)มาเยี่ยมเธอว่าด้วยสีหน้าเป็นห่วง มือที่ว่างก็คอยรินน้ำชาให้ไม่ขาดสาย

                “ไม่ล่ะ ยังเหลืองานอีกเยอะเลย”

                “ข้ารู้สึกผิดจริงๆนะที่ไม่ค่อยได้มาเยี่ยมพี่” น้องชายร่วมสายเลือดทำหน้าหงอย “แต่งานของข้ามันไม่ลดลงเลยนี่สิ โดยเฉพาะช่วงนี้มีเรือแปลกๆจากอาณาจักรโอเชียน่ามาแล่นเทียบท่าในจักรวรรดิ เมืองท่าที่คอยรับเรือพวกนั้นก็พาลเกิดโรคประหลาดขึ้นด้วย”

                “โรคประหลาดงั้นหรือ”

                “ใช่” เด็กหนุ่มว่า “มันเป็นโรคที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นจากเตียงด้วยซ้ำ อาเจียนออกมาเป็นเลือด ผิวซีดขาว น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วจนผอมแทบเหลือเพียงกระดูก”

                เหมือนจับสีหน้าความกังวลของผู้เป็นพี่สาวได้ เด็กหนุ่มยิ้มแฉ่ง สะบัดมือไปมาคล้ายไม่ต้องไปใส่ใจ

                “แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ทางแพทย์หลวงที่ถูกส่งไปดูวินิจฉัยออกมาแล้วว่ามันเกิดจากพิษชนิดหนึ่ง ดูเหมือนว่าชาวบ้านในเมืองท่าจะรับประทานผลไม้บางอย่างที่มีพิษเข้าไป ตอนนี้มียาแก้พิษแล้ว ที่สำคัญก็จับตัวการเรื่องเรือที่ขายผลไม้นี่ได้แล้วด้วย” ถึงพวกมันจะชิงฆ่าตัวตายไปก่อนสารภาพอะไรก็เถอะ เฮนเดอริกคิดในใจ

                “ใครเป็นคนพบยาแก้พิษล่ะ”

                “ไลโอเนล เกรฟ แพทย์ประจำตระกูลเอเวอร์ลี่ ตระกูลของราชินีลำดับที่ 3

                “งั้นเหรอ” เธอว่า ก่อนจะกุมขมับ รู้สึกเหมือนเส้นประสาทที่ศีรษะเต้นตุบๆจนอดที่จะนิ่วหน้าไม่ได้ “ปวดหัวชะมัด”

                “พี่เนีย หรือว่าท่านจะป่วย?

                “เปล่าหรอก แค่ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดน่ะ”

                ช่วงนี้มีเรื่องน่าปวดหัวเข้ามามากเกินพอแล้ว

                หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอี—

                “ราชินี เกิดเรื่องขึ้นแล้วเพคะ! เลดี้ลอเรนน่า เอฟเนอร์ถูกวางยาพิษในมื้อเช้า ตอนนี้ยังไม่ได้สติเลยเพคะ!!

              ไอพระเจ้าบัดซบ! เอาอีกแล้วนะแก!!

                “เรื่องนี้น่าจะอยู่ในการดูแลของท่านเอลายน์นี่” เธอว่าพลางยกแขนขึ้นนวดระหว่างคิ้วของตัวเอง ซาเนียมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ถ้าตามปกติก็เป็นเช่นนั้นเพคะ แต่เพราะว่าเกิดข่าวลือนั่นขึ้น แล้วก็..”

                “ทำไม”

                “ฟิลิป คนขับรถม้าคนสนิทของท่านยูทารอธถูกพบแถวเรือนรับรองของเลดี้ลอเรนน่าเมื่อวานนี้ช่วงเย็น” ซาเนียพูดเสียงเบา “ตอนนี้ท่านยูทารอธและฟิลิปกำลังถูกเรียกตัวเข้าวังมา และเพราะเขาเป็นสหายสนิทของท่าน..”

                “พวกเขาจึงคิดว่านี่อยู่ในความรับผิดชอบของข้าสินะ”

                เฮนเดอริกมองใบหน้างามของผู้เป็นพี่ด้วยความเป็นห่วง

                “ไม่สิ ถ้าดูจากข่าวลือบ้าบอไร้สาระในช่วงนี้ พวกเขาคงคิดว่าข้าอยู่เบื้องหลังแน่”

              ช่างเป็นเรื่องที่ตลกร้ายจริงๆ

                “เฮน เจ้าไปดูนาง ดูซิว่านางถูกพิษอะไร”

                “เข้าใจแล้ว” เฮนเดอริกออกไปจากห้องทันทีที่ได้รับมอบหมาย ใบหน้างามฉายแววเหนื่อยล้าอย่างปิดไม่มิด เธอเงยหน้าขึ้นมองซาเนีย “ในสายตาเจ้า ข้าดูเป็นคนยังไง”

                “ในสายตาหม่อมฉัน ไม่มีทางที่ท่านจะทำเช่นนั้นเพคะ ท่านไม่เคยทำร้ายใคร— หากท่านไม่โดนทำร้ายก่อน”

                สายตาจริงใจนั่น ทำให้หัวใจเธออุ่นวาบขึ้นครู่หนึ่ง

                “ขอบใจนะ”

                “หามิได้เพคะ มีเพียงคนโง่งมเท่านั้นที่เชื่อข่าวลือไร้สาระพวกนี้”

                “ไปกันเถอะ ไปทักทายคนพวกนั้นกัน”

     


                ทันทีที่เธอมุ่งหน้ามายังเรือนรับรองซึ่งเป็นที่พักของแขกระดับบุตรีบารอนจนถึงบุตรีเอิร์ล เธอก็พบกับผู้คนมากมายที่มุงอยู่ในบริเวณนั้น ถูกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอราวกับกำลังจับผิด เธอแสร้งหัวเราะในลำคอนิดหน่อย เหลือบมองซาเนียพลางกระซิบ

     

    “ดูเหมือนคนโง่งมที่เจ้าว่า— คงมีมากกว่าที่คิด”

                ซาเนียยิ้มเจื่อน

                “นั่นท่านเทนทาเนียสินะ”

                “งดงามจริงๆ น่าเสียดาย อำมหิตนัก”

                “ข้าได้ยินมาว่านางเป็นผู้สั่งให้ท่านดยุคเรดคลิฟสังหารเลดี้ลอเรนน่า”

                “หา? นางจะทำเช่นนั้นไปทำไม”

                “ก็หึงหวงองค์ชายเจเรเมียน่ะสิ”

                “บ้าน่า!

     

              พวกโง่เง่า

                เธอสบถหยาบในใจ เดินหลังเหยียดตรงเชิดหน้าขึ้นไม่สนใจเสียงนินทาของไก่กาไร้ค่าพวกนั้น ดวงเนตรสีมรกตเย็นยะเยือกกวาดมองไปโดยรอบสร้างบรรยากาศหนาวสั่นได้ไม่ยากเย็นนัก หากนี่เป็นเพียงเรื่องที่ว่าเลดี้ลอเรนน่าที่เป็นเพียงบุตรีบารอนถูกยาพิษ ผู้คนคงไม่สนใจนัก สิ่งที่พวกเขาสนใจจนถึงขั้นต้องมาตามเสือกสาระแนคือความสัมพันธ์ระหว่างเธอ ลอเรนน่า และองค์ชายเจเรเมียตามข่าวลือนั่นต่างหาก

                ชอบซุบซิบกันนักล่ะในเรื่องของชาวบ้าน ทำไมไม่เอาเวลาไปสนใจเรื่องของตัวเองกัน

                เธอเข้าไปในเรือนรับรองอย่างไม่รีบร้อน มองบุคคลภายในห้องที่ได้แก่แพทย์หลวงมากมายรวมถึงเฮนเดอริก เจเรเมียที่มีสีหน้าไม่พอใจอยู่ข้างเตียง บารอนตระกูลเอฟเนอร์และบุตรชายอย่างคอร์นีเลียส ราชินีทั้ง 3 วาเลนไทน์ จูเลียน และขุนนางระดับสูงอีกไม่กี่คน

                “ราชินี! ราชินี! ได้โปรดไว้ชีวิตน้องสาวของกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เธอขมวดคิ้ว มองคอร์นีเลียสที่แทบจะคลานมาหมอบใต้เท้าด้วยสายตาอ่านยาก เสียงจอแจด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพวกแมลงหวี่แมลงวันพวกนั้นคงเห็นเหตุการณ์นี้ด้วย

                “กระหม่อมสัญญาว่าจะไม่ให้นาน่ากลับเข้ามาในเมืองหลวงอีก เพราะฉะนั้น— ได้โปรดเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เขากล่าวเสียงดังขึ้น ชั่วครู่หนึ่ง..ใบหน้าหล่อคมนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

              ผู้ชายคนนี้..

                “ระวังคำพูดคำจาท่านด้วย คุณชาย” จูเลียนว่าด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

                “คุณชายเอฟเนอร์ ดูเหมือนท่านจะด่วนสรุปเกินไปหน่อย” เอลายน์ที่ยืนฟังอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง แม้สีหน้าเธอจะดูเรียบเฉย แต่จากสายตา..เธอคงคิดว่านี่ช่างเป็นเรื่องที่บ้าบอสิ้นดี ส่วนราชินีลำดับที่ 2 อย่างจีซู แม้จะไม่พูดอะไรแต่ดูน่าจะคิดไม่ต่างกัน

                นาร์ซิสซ่าที่ยืนเงียบมานานคลี่พัดออกก่อนยกมันขึ้นมาปิดปาก นัยน์ตากลมหรี่ลง “ท่านมีหลักฐานหรือคุณชายเอฟเนอร์”

                “นั่นสิคะ” เทนทาเนียเชิดหน้า ดวงเนตรสีอัญมณีเหลือบมองใบหน้างามพิลาศที่ซีดเผือดไร้เลือดของคนบนเตียง “ข้าจะทำเช่นนี้ไปทำไม พูดตามตรง มันช่างไร้สาระนัก”

                คอร์นีเลียสอ้าปาก ทำท่าจะเถียง ทว่าเทนทาเนียกลับส่งสายตาเชือดเฉือนให้บุรุษร่างสูงหุบปากไปเสียก่อน

                “ข้อแรก ข้ากับนางแทบไม่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน อย่าว่าแต่ตบตีว่าร้ายเลย— แค่คำพูดซักสองสามประโยค ข้ายังไม่เคยคุยกับนางด้วยซ้ำ แล้วข้าจะเอาเหตุผลอะไรไปเกลียดชังนาง”

                “ข้อสอง หึงองค์ชายเจเรเมีย? ขอโทษเถอะ ข้าคือใคร? ข้าคือราชินีลำดับที่ 4 ของจักรวรรดิเครซิเมอเรียแห่งนี้ ข้าคือราชินีของจักรพรรดิดาริอัส มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องสละตำแหน่งอันทรงเกียรตินี่แล้วเดินในหนทางที่อาจทำให้ศีรษะของข้าและคนในตระกูลหลุดจากบ่าด้วย ข่าวลือนั่น..มีแต่คนโง่ไร้สมองเท่านั้นที่เชื่อมัน”

                “ตายจริง” เธอแสร้งยกมือขึ้นปิดปากก่อนคลี่ยิ้มบางที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง “นี่ข้าคิดดังไปหรือคะ? ขออภัยด้วย ไม่คิดว่าจะเผลอพูดความในใจออกมา ช่วยลืมๆมันไปก็แล้วกันค่ะ”

                เหล่าผู้ที่ได้ยินคำพูดนั้นตะลึงงันไปชั่วขณะ

              แบบนี้ก็ได้เหรอ

                “และข้อสาม ข้อสุดท้าย” เธอเว้นช่วง ดวงเนตรสีมรกตทอประกายสว่างวาบ “ท่านคิดจริงๆหรือคะว่าน้องสาวของท่านมีค่าคู่ควรที่จะให้ข้ากำจัด”

                “อ อะไรนะ”

                “หากตัดตำแหน่งราชินีไป อย่างไรเสียข้าก็เป็นถึงบุตรีของท่านดยุค ข้าที่มีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมือเช่นนี้ ยังจำเป็นต้องไปอิจฉาริษยานางอีกงั้นหรือคะ หรือริษยาความงาม? พระเจ้าช่วย พวกท่านเห็นว่าความงามของข้าด้อยกว่านางรึไงคะ ไม่สิ ต่อให้ข้าคิดแค้นนางจริงๆ ท่านคิดหรือว่าข้าจะทำแค่นี้?” เธอหัวเราะ

                “การกล่าวหาบุคคลในราชวงศ์มีโทษแบบไหนรออยู่ คิดว่าท่านคงรู้ดี..ใช่มั้ยคะ” คอร์นีเลียสสะอึก ชั่วครู่หนึ่งเขาเหลือบมองบุคคลหนึ่งภายในห้องด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ

                ออกัสทัสที่เห็นบุตรชายเสียท่าเช่นนั้นรีบคุกเข่า เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นบนใบหน้า เขาก้มศีรษะลงปกปิดสีหน้าซีดเผือดและนัยน์ตากับริมฝีปากที่สั่นเครืออย่างไร้เหตุผล

                “บุตรชายของกระหม่อมตกใจและโกรธเคืองที่น้องสาวถูกวางยาพิษจึงไม่ได้ตริตรองให้ดีก่อนพูดอะไร ได้โปรดให้อภัยแก่ความผิดครั้งนี้ของเขาด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

                “ดูเหมือนท่านจะสั่งสอนบุตรชายได้ไม่ดีเท่าที่ควรนะ” เธอว่า พลางเหลือบมองลอเรนน่าที่ยังหลับไม่ได้สติ “บุตรสาวเจ้าก็ไม่ได้มีมารยาทมากนัก ช่วยอบรมนางให้ดีกว่านี้ด้วย”

                “ข เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

                ดวงเนตรสีมรกตเหลือบมองน้องชายในสายเลือด เฮนเดอริกปลีกตัวออกจากร่างบนเตียงสีขาวก่อนเดินมากระซิบที่ข้างหูของผู้เป็นพี่สาวที่ตนทั้งรักและเคารพยิ่ง

                “เป็นพิษชนิดเดียวกับเหตุการณ์ในเมืองท่าครับ”

                เธอพยักหน้ารับและไม่ได้พูดอะไรต่อ ฉีกยิ้มให้คนภายในห้อง ไม่ได้สนใจสายตาเคลือบแคลงของเจเรเมีย แล้วก็ไม่ได้สนใจจูเลียนและวาเลนไทน์ที่อยู่ในห้องเช่นกัน เธอวางแขนข้างหนึ่งลงบนมือของซาเนียที่รองรับเอาไว้ ก้าวขาเดินออกจากเรือนรับรองแห่งนี้ไปโดยไม่คิดหันกลับมามองอีก

                ยอมรับเลย เธอเหนื่อย

              เหนื่อยมากจริงๆ

                “พาข้าไปพักซักหน่อยแล้วกัน”

                “เพคะ”

     


                ร่างเล็กนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะทำงานไร้การขยับเขยื้อน ผมสีดำขลับเป็นลอนถูกรวบไว้อย่างลวกๆ ดวงเนตรกลมเหลือบมองตู้นาฬิกาทรงโบราณที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักอย่างเหม่อลอย แม้ว่าเฮนเดอริกจะไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวนัก แต่เขาก็จำใจต้องกลับไปทำงานของตนตามที่เธอขอ ส่วนซาเนียเองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาหากไม่มีธุระอะไร

                จูเลียนยิ่งแล้วใหญ่ เขาพยายามขอเข้าพบเธอ แต่เป็นเธอเองที่ปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการพักผ่อน

                เธออยากอยู่คนเดียว— ทว่าเธอก็อยากให้ใครซักคนมาคอยรับฟังด้วยเช่นกัน

                ขอเพียงดาริอัสกลับมา เขาคือคนที่รับฟังเธอเสมอ เป็นคนที่รู้ว่าสถานการณ์ของเธอเป็นแบบไหน และเธอกังวลเรื่องอะไร

                ใช่ ขอเพียงเขากลับมา

                “ราชินี ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่เพคะ” เสียงของนางข้าหลวงคนสนิทที่หน้าประตูทำให้เธอผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว นัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมาชั่ววูบหนึ่ง ร่างเล็กรีบรุดไปเปิดประตูให้ผู้มาใหม่ด้วยหัวใจที่พองโต

                ดาริอัสเดินเข้ามา เขากวาดตามองรอบๆห้องทีหนึ่ง บอกให้ซาเนียปิดประตูและห้ามไม่ให้ใครมารบกวน “ฉันได้ยินเรื่องนั้นแล้ว”

                ดวงเนตรสีดำขลับไร้ประกายจ้องหน้าเธอนิ่ง

                “เรื่องของลอเรนน่า ที่ผู้หญิงคนนั้นถูกวางยาพิษ..ไม่ใช่ฝีมือของเธอจริงๆใช่มั้ย”

                คล้ายถูกน้ำเย็นสาดหน้า รอยยิ้มกว้างค่อยๆลดระดับลงจนกระทั่งหายไปในที่สุด

                “ว่าไงนะ เมื่อกี้..” เทนทาเนียเชิดหน้า พยายามหัวเราะทั้งๆที่เสียงสั่นและไม่มั่นคงจนมันกลายเป็นเสียงหัวเราะที่ขมขื่นเกินทานทน “นายพูดว่าอะไรนะ”

                ดาริอัสไม่ตอบ เขาเพียงจ้องเธอ ดวงเนตรคมคู่นั้นสะท้อนอารมณ์สับสนและกังวลออกมาอย่างเปิดเผย

                เทนทาเนียชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เธอเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ดวงเนตรกลมที่เคยทอประกายแสงสดใสเริ่มมืดหม่น “นายสงสัยว่านั่นเป็นฝีมือของฉันเหรอ?

                “...”

                “มีผู้คนมากมายที่สามารถวางยาพิษยัยนั่นได้ แต่นายกลับสงสัยฉัน..ฉันเป็นคนยังไง นายไม่รู้รึไง นายควรจะเป็นคนที่รู้จักฉันดีที่สุดสิ!!

                “...”

                “ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานหรือพยานอะไร นายควรที่จะเชื่อฉัน— ฉันคนนี้ที่นายรู้จักดีที่สุด ฉันคนนี้ที่ลงเรือลำเดียวกับนายไปแล้ว!!” เธอกำหมัดแน่น เล็บมือทั้งห้าจิกเข้าเนื้อหวังให้ความเจ็บปวดเรียกสติให้ร่างกายยังประคองยืนอยู่ได้แม้ความรู้สึกปวดหนึบจะกัดกินใจเพียงใด พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้พูดอะไรไปมากกว่านี้ ดวงเนตรสีมรกตเบนสายตาไปทางอื่น ภายในสะท้อนแววรวดร้าวจนพาลทำให้คนมองอย่างดาริอัสรู้สึกวูบโหวง

                เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย้ยหยัน “ใช่สิ ฉันไม่ใช่เพื่อนที่ลงเรือลำเดียวกับนาย แต่เป็นเครื่องมือที่นายหลอกใช้ต่างหาก”

                “เธอพูดบ้าอะไร!?” ดวงเนตรสีดำขลับของดาริอัสวาวโรจน์ด้วยโทสะ

                “หรือไม่จริงล่ะ! ตั้งแต่แรก..นายก็แค่คิดที่จะเกี่ยวดองกับฉันเพื่อเอาฉันและตระกูลเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ตัวเองตายนี่!!

                “เทนทาเนีย!!

                “ฉันมีค่าแค่นั้น! เป็นแค่คนที่นายแต่งเข้ามาเป็นราชินีเพื่อหวังลากตระกูลฉันมาอยู่ฝ่ายตัวเอง เป็นแค่คนที่นายต้องเอาใจเพื่อไม่ให้ฉันไปอยู่ฝ่ายเจเรเมีย ฉันมันเป็นแค่นั้นนี่!!

                “เตนล์!!

                คล้ายทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหว ร่างเล็กที่กำลังตะโกนอย่างเดือดดาลและบ้าคลั่งชะงักไปคล้ายถูกเรียกสติ ทว่าเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอได้พบเจอตั้งแต่เมื่อวาน ความคิดด้านลบมากมายก็ประเดประดังเข้ามาราวกับเขื่อนแตก ดวงเนตรสีมรกตคลอด้วยน้ำตา มันฉายแววตัดพ้อระคนน้อยใจจนผู้จ้องมองต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

                “ได้โปรดออกไปเถอะ” เธอว่าเสียงเบา รู้สึกหมดแรงจนอยากจะทิ้งตัวลงเสียตรงนี้ “ดูเหมือนข้าคงเหนื่อยมากไป”

                แต่ดาริอัสก็ไม่ทำตามที่เธอขอ เธอถอนหายใจก่อนเดินหุนหันออกจากห้องไปพร้อมกับนางข้าหลวงสาวคนสนิทที่รออยู่อีกฟากหนึ่งของประตู

                ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยสายตาเป็นกังวล

                เขาควรที่จะเชื่อเทนทาเนียที่สุด ควรที่จะไม่สงสัยในตัวเธอ แต่ว่า..

                สายตาของเธอในตอนนั้น— มันยังคงหลอกหลอน

                สายตาราวกับโกรธแค้นที่เกิดขึ้นหลังการพบบารอนและบุตรทั้งสองจากตระกูลเอฟเนอร์นั่น

                “บัดซบ” เขาสบถหยาบ หยิบกล่องเครื่องประดับที่ตนเป็นผู้ออกแบบเองกับมือออกมามองด้วยสายตาราวกับคนกำลังสับสนกับตัวเอง คล้ายเส้นทางตรงหน้ามืดบอด

              ทำไมต้องมาเกิดเรื่องขึ้นในเวลาแบบนี้ด้วยนะ




    -----|-----|-----|-----|-----|-----

    ดาริอัสก็ไม่ไว้ใจน้อง ส่วนน้องก็พาล

    (แง ต้องเข้าใจหน่อยนะคะ น้องในตอนนี้ยูทารอธก็ไว้ใจไม่ได้เพราะติดใจเรื่องแผล เห็นจูเลียนอยู่กับเจเรเมียไม่พอ ยังต้องมาเจอลอเรนน่าถูกวางยาพิษ แถมคนที่น่าจะเชื่อใจตัวเองที่สุดก็ไม่เชื่อใจตัวเองอีก หลายๆเรื่องรุมเร้า แถมเจอติดๆกัน ไม่แปลกที่น้องจะสติแตก ;--; )

    ทนแสบๆคันๆซัก 2-3 ตอนค่ะ ไม่ดราม่าหนัก เพราะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ (?)

    อีก 5 – 6 ตอนก็จบแล้ว ฮึบไว้นะคะ ฮึบบบบบบ แล้วมาหาคนร้ายที่แท้จริงกันค่ะ!

    ปล. ใครปั่นนักอ่านกัน ไม่มี๊ไม่มี ไรท์ไม่เคยปั่นใครนะคะ /ทำตาปิ๊งๆ

    #เทนทาเนียdt




    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×