คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 20 – Poison in a Tea
Chapter 20 – Poison
in a Tea
“ทำไมจูเลียนกับเจเรเมียถึงมาอยู่ที่นี่!?”
ในฐานะที่คนหนึ่งคือองค์ชาย อีกคนเป็นบุตรชายตระกูลขุนนาง
มันย่อมไม่แปลกถ้าจะมีการพูดคุยเสวนากันซักครั้ง
เพียงแต่..หัวใจเธอกลับหล่นวูบยามเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน
พวกเขาดูสนิทสนมกว่าที่เธอคิด ความระแวงและความคิดแง่ลบมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวราวกับเขื่อนแตก
จูเลียนไปสนิทกับเจเรเมียตอนไหน? พวกเขาเริ่มพูดคุยเรื่องอะไรกันไปแล้วบ้าง? จูเลียนอยากให้เจเรเมียเป็นจักรพรรดิหรือเปล่า? หรือว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่ตั้งแต่แรก?
ในตอนนั้น
เธอเริ่มที่จะไม่ไว้ใจเขา เริ่มที่จะระแวงเขา
หวนนึกถึงสหายสนิทที่อยู่เคียงข้างเธอมาหลายปี
ทั้งยูทารอธ
ทั้งจูเลียน
คนหนึ่ง—
แม้จะบอกมาร์คัสว่าที่ให้สืบเพราะเป็นห่วง
แต่ความจริงคือยังระแวงเรื่องบาดแผลที่มือซ้ายของอีกฝ่ายไม่หาย
ส่วนอีกคน..ก็สนิทสนมกับเจเรเมียโดยที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน
ทั้งที่เธอพยายามมากขนาดนั้น
ทั้งที่เธอคิดว่าเธอผูกมิตรกับพวกเขาได้แล้วแท้ๆ
ทั้งที่เป็นแบบนั้น
สิ่งที่เธอทำไปทั้งหมด
มันสูญเปล่างั้นหรือ?
“ลูคัส”
“พ่ะย่ะค่ะราชินี”
“สั่งให้คนที่ไว้ใจได้ไปสะกดรอยตามและสืบเรื่องความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของจูเลียนมาให้ข้า
ขอแบบละเอียดยิบ..อย่าตกหล่นไปแม้แต่เรื่องเดียว”
สีหน้าของอัศวินหนุ่มตัวสูงดูแปลกใจ
ทว่าเขาก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่มาส่งเธอกลับวังหลวง
ลูคัสก็ขอแยกตัวไปปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเอาไว้
เธอและซาเนียเดินกลับวังของตัวเองอย่างเงียบเชียบ
ระหว่างทางก็พบกับสหายที่ไม่ได้เจอกันนานอย่างยูทารอธ
บรรยากาศอึดอัดห้อมล้อมระหว่างพวกเธอเอาไว้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ปกติแล้วเธอมักรู้สึกสบายๆยามอยู่กับสหายผู้นี้ ทว่าวันนี้—
มันช่างน่าอึดอัดจนอยากกัดลิ้นตายไปให้จบๆ
“สบายดีสินะพ่ะย่ะค่ะ
ต้องขออภัยที่ไม่ได้บอกกล่าวท่านเรื่องที่ข้าเดินทางมาเมืองหลวง”
เพราะเป็นที่สาธารณะ
ไม่แปลกที่เขาจะพูดด้วยภาษาทางการ เมื่อก่อนตอนไปมาหาสู่(?)กันก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นบ่อยๆ
ทว่าความรู้สึกในวันนี้มันต่างกันออกไป
ทั้งที่เป็นสหายสนิทที่เธอเคยสบายใจยามได้พบหน้า
ทว่าเธอกลับอยากหนีไปให้พ้นจากที่นี่เสียเหลือเกิน
“ไม่เป็นไร
ข้าไม่ถือสา แล้วเจ้า..” เธอเหลือบมองไปยังฟิลิปที่ยืนอยู่ด้านหลังยูทารอธ
นึกย้อนไปถึงวันที่เจอชายหนุ่มคนนี้กับนางข้าหลวงคนสนิทของนาร์ซิสซ่าโอบกอดกันเมื่อหลายวันก่อน
“ฟิลิปบอกข้าว่าเขาเห็นนางข้าหลวงของราชินีลำดับที่ 3 ทำของตกโดยบังเอิญพ่ะย่ะค่ะ
ข้าจึงเดินทางมาเพื่อนำมันมาคืนที่นี่”
อ่า
นี่นายเชื่อสิ่งที่หมอนั่นพูดจริงดิ ดูก็รู้แล้วว่าลืมของไว้ตอนลอบพบกันน่ะ!
เทนทาเนียกระแอม
“อ๋อ เป็นเช่นนี้เอง”
“ถ้างั้นข้าต้องขอทูลลาก่อน”
“อือ”
เวลาล่วงเลยมาถึงยามเย็น
ดาริอัสออกไปนอกวังอีกแล้ว และอีกสองวันข้างหน้าก็จะเป็นวันเกิดของเธอ—27
กุมภาพันธ์ วันที่เทนทาเนียถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ซึ่งก็น่าตลกที่วันนั้นก็เป็นว่าเกิดของเตนล์เช่นกัน
เจ้าตัวให้ข้าหลวงคนสนิทส่งข่าวมาบอกว่าจะกลับมาในวันพรุ่งนี้
ดูก็รู้แล้วว่าคงเกี่ยวข้องกับของขวัญวันเกิดเธอเป็นแน่
อา
ของขวัญวันเกิดที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้ผู้คนฮือฮากันทุกที
เธอหวังจริงๆนะว่าจะได้อะไรธรรมดาๆบ้าง
“ตอนที่ข้าไม่อยู่ นอกจากยูทารอธแล้วมีใครมาวังอีกรึเปล่า”
“มีองค์ชายเจเรเมียเพคะ
แล้วก็เลดี้เอฟเนอร์ คุณชายเอฟเนอร์ เซอร์วาเลนไทน์
แล้วก็สมาชิกบางส่วนของตระกูลดยุคทั้ง 4
ซึ่งมาพักยังวังรับรองเพื่อเตรียมตัวมามอบของขวัญให้ท่านเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดเพคะ”
“อ้อ..งั้นเหรอ”
เพียงแค่สองคนแรกที่นางข้าหลวงสาวพูดชื่อขึ้นมาเธอก็แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาเสียแล้ว
เทนทาเนียถอนหายใจ
“อยากกินคุกกี้แฮะ” เธอพึมพำกับตัวเอง
ก่อนเดินนำนางข้าหลวงผู้ติดตามกลับวังไป
เทนทาเนียตื่นขึ้นมาในยามสายของอีกวัน
เธอใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำแต่งตัวทำผมให้เรียบร้อยก่อนนำงานเอกสารที่ค้างไว้ทั้งหมดมาสะสาง
ทว่าแม้จะพยายามตั้งสมาธิซักแค่ไหน— เธอก็ยังคงหวนนึกไปถึงเรื่องเมื่อวานไม่หยุด
“พี่เนีย
พักหน่อยดีมั้ย” เฮนเดอริกที่หนีหน้าที่การงาน(?)มาเยี่ยมเธอว่าด้วยสีหน้าเป็นห่วง
มือที่ว่างก็คอยรินน้ำชาให้ไม่ขาดสาย
“ไม่ล่ะ
ยังเหลืองานอีกเยอะเลย”
“ข้ารู้สึกผิดจริงๆนะที่ไม่ค่อยได้มาเยี่ยมพี่”
น้องชายร่วมสายเลือดทำหน้าหงอย “แต่งานของข้ามันไม่ลดลงเลยนี่สิ โดยเฉพาะช่วงนี้มีเรือแปลกๆจากอาณาจักรโอเชียน่ามาแล่นเทียบท่าในจักรวรรดิ
เมืองท่าที่คอยรับเรือพวกนั้นก็พาลเกิดโรคประหลาดขึ้นด้วย”
“โรคประหลาดงั้นหรือ”
“ใช่” เด็กหนุ่มว่า
“มันเป็นโรคที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นจากเตียงด้วยซ้ำ
อาเจียนออกมาเป็นเลือด ผิวซีดขาว น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วจนผอมแทบเหลือเพียงกระดูก”
เหมือนจับสีหน้าความกังวลของผู้เป็นพี่สาวได้
เด็กหนุ่มยิ้มแฉ่ง สะบัดมือไปมาคล้ายไม่ต้องไปใส่ใจ
“แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง
ทางแพทย์หลวงที่ถูกส่งไปดูวินิจฉัยออกมาแล้วว่ามันเกิดจากพิษชนิดหนึ่ง
ดูเหมือนว่าชาวบ้านในเมืองท่าจะรับประทานผลไม้บางอย่างที่มีพิษเข้าไป
ตอนนี้มียาแก้พิษแล้ว ที่สำคัญก็จับตัวการเรื่องเรือที่ขายผลไม้นี่ได้แล้วด้วย” ถึงพวกมันจะชิงฆ่าตัวตายไปก่อนสารภาพอะไรก็เถอะ
เฮนเดอริกคิดในใจ
“ใครเป็นคนพบยาแก้พิษล่ะ”
“ไลโอเนล เกรฟ แพทย์ประจำตระกูลเอเวอร์ลี่
ตระกูลของราชินีลำดับที่ 3”
“งั้นเหรอ”
เธอว่า ก่อนจะกุมขมับ รู้สึกเหมือนเส้นประสาทที่ศีรษะเต้นตุบๆจนอดที่จะนิ่วหน้าไม่ได้
“ปวดหัวชะมัด”
“พี่เนีย
หรือว่าท่านจะป่วย?”
“เปล่าหรอก
แค่ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดน่ะ”
ช่วงนี้มีเรื่องน่าปวดหัวเข้ามามากเกินพอแล้ว
หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอี—
“ราชินี
เกิดเรื่องขึ้นแล้วเพคะ! เลดี้ลอเรนน่า เอฟเนอร์ถูกวางยาพิษในมื้อเช้า ตอนนี้ยังไม่ได้สติเลยเพคะ!!”
ไอพระเจ้าบัดซบ! เอาอีกแล้วนะแก!!
“เรื่องนี้น่าจะอยู่ในการดูแลของท่านเอลายน์นี่”
เธอว่าพลางยกแขนขึ้นนวดระหว่างคิ้วของตัวเอง ซาเนียมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ถ้าตามปกติก็เป็นเช่นนั้นเพคะ แต่เพราะว่าเกิดข่าวลือนั่นขึ้น แล้วก็..”
“ทำไม”
“ฟิลิป
คนขับรถม้าคนสนิทของท่านยูทารอธถูกพบแถวเรือนรับรองของเลดี้ลอเรนน่าเมื่อวานนี้ช่วงเย็น”
ซาเนียพูดเสียงเบา “ตอนนี้ท่านยูทารอธและฟิลิปกำลังถูกเรียกตัวเข้าวังมา
และเพราะเขาเป็นสหายสนิทของท่าน..”
“พวกเขาจึงคิดว่านี่อยู่ในความรับผิดชอบของข้าสินะ”
เฮนเดอริกมองใบหน้างามของผู้เป็นพี่ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่สิ
ถ้าดูจากข่าวลือบ้าบอไร้สาระในช่วงนี้ พวกเขาคงคิดว่าข้าอยู่เบื้องหลังแน่”
ช่างเป็นเรื่องที่ตลกร้ายจริงๆ
“เฮน
เจ้าไปดูนาง ดูซิว่านางถูกพิษอะไร”
“เข้าใจแล้ว”
เฮนเดอริกออกไปจากห้องทันทีที่ได้รับมอบหมาย
ใบหน้างามฉายแววเหนื่อยล้าอย่างปิดไม่มิด เธอเงยหน้าขึ้นมองซาเนีย “ในสายตาเจ้า
ข้าดูเป็นคนยังไง”
“ในสายตาหม่อมฉัน
ไม่มีทางที่ท่านจะทำเช่นนั้นเพคะ ท่านไม่เคยทำร้ายใคร— หากท่านไม่โดนทำร้ายก่อน”
สายตาจริงใจนั่น
ทำให้หัวใจเธออุ่นวาบขึ้นครู่หนึ่ง
“ขอบใจนะ”
“หามิได้เพคะ
มีเพียงคนโง่งมเท่านั้นที่เชื่อข่าวลือไร้สาระพวกนี้”
“ไปกันเถอะ
ไปทักทายคนพวกนั้นกัน”
ทันทีที่เธอมุ่งหน้ามายังเรือนรับรองซึ่งเป็นที่พักของแขกระดับบุตรีบารอนจนถึงบุตรีเอิร์ล
เธอก็พบกับผู้คนมากมายที่มุงอยู่ในบริเวณนั้น ถูกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอราวกับกำลังจับผิด
เธอแสร้งหัวเราะในลำคอนิดหน่อย เหลือบมองซาเนียพลางกระซิบ
“ดูเหมือนคนโง่งมที่เจ้าว่า— คงมีมากกว่าที่คิด”
ซาเนียยิ้มเจื่อน
“นั่นท่านเทนทาเนียสินะ”
“งดงามจริงๆ
น่าเสียดาย อำมหิตนัก”
“ข้าได้ยินมาว่านางเป็นผู้สั่งให้ท่านดยุคเรดคลิฟสังหารเลดี้ลอเรนน่า”
“หา? นางจะทำเช่นนั้นไปทำไม”
“ก็หึงหวงองค์ชายเจเรเมียน่ะสิ”
“บ้าน่า!”
พวกโง่เง่า
เธอสบถหยาบในใจ
เดินหลังเหยียดตรงเชิดหน้าขึ้นไม่สนใจเสียงนินทาของไก่กาไร้ค่าพวกนั้น
ดวงเนตรสีมรกตเย็นยะเยือกกวาดมองไปโดยรอบสร้างบรรยากาศหนาวสั่นได้ไม่ยากเย็นนัก หากนี่เป็นเพียงเรื่องที่ว่าเลดี้ลอเรนน่าที่เป็นเพียงบุตรีบารอนถูกยาพิษ
ผู้คนคงไม่สนใจนัก
สิ่งที่พวกเขาสนใจจนถึงขั้นต้องมาตามเสือกสาระแนคือความสัมพันธ์ระหว่างเธอ
ลอเรนน่า และองค์ชายเจเรเมียตามข่าวลือนั่นต่างหาก
ชอบซุบซิบกันนักล่ะในเรื่องของชาวบ้าน
ทำไมไม่เอาเวลาไปสนใจเรื่องของตัวเองกัน
เธอเข้าไปในเรือนรับรองอย่างไม่รีบร้อน
มองบุคคลภายในห้องที่ได้แก่แพทย์หลวงมากมายรวมถึงเฮนเดอริก
เจเรเมียที่มีสีหน้าไม่พอใจอยู่ข้างเตียง
บารอนตระกูลเอฟเนอร์และบุตรชายอย่างคอร์นีเลียส ราชินีทั้ง 3 วาเลนไทน์ จูเลียน และขุนนางระดับสูงอีกไม่กี่คน
“ราชินี! ราชินี!
ได้โปรดไว้ชีวิตน้องสาวของกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เธอขมวดคิ้ว
มองคอร์นีเลียสที่แทบจะคลานมาหมอบใต้เท้าด้วยสายตาอ่านยาก
เสียงจอแจด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าพวกแมลงหวี่แมลงวันพวกนั้นคงเห็นเหตุการณ์นี้ด้วย
“กระหม่อมสัญญาว่าจะไม่ให้นาน่ากลับเข้ามาในเมืองหลวงอีก
เพราะฉะนั้น— ได้โปรดเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เขากล่าวเสียงดังขึ้น
ชั่วครู่หนึ่ง..ใบหน้าหล่อคมนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
ผู้ชายคนนี้..
“ระวังคำพูดคำจาท่านด้วย
คุณชาย” จูเลียนว่าด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“คุณชายเอฟเนอร์
ดูเหมือนท่านจะด่วนสรุปเกินไปหน่อย” เอลายน์ที่ยืนฟังอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง
แม้สีหน้าเธอจะดูเรียบเฉย แต่จากสายตา..เธอคงคิดว่านี่ช่างเป็นเรื่องที่บ้าบอสิ้นดี
ส่วนราชินีลำดับที่ 2 อย่างจีซู แม้จะไม่พูดอะไรแต่ดูน่าจะคิดไม่ต่างกัน
นาร์ซิสซ่าที่ยืนเงียบมานานคลี่พัดออกก่อนยกมันขึ้นมาปิดปาก
นัยน์ตากลมหรี่ลง “ท่านมีหลักฐานหรือคุณชายเอฟเนอร์”
“นั่นสิคะ”
เทนทาเนียเชิดหน้า
ดวงเนตรสีอัญมณีเหลือบมองใบหน้างามพิลาศที่ซีดเผือดไร้เลือดของคนบนเตียง “ข้าจะทำเช่นนี้ไปทำไม
พูดตามตรง มันช่างไร้สาระนัก”
คอร์นีเลียสอ้าปาก
ทำท่าจะเถียง ทว่าเทนทาเนียกลับส่งสายตาเชือดเฉือนให้บุรุษร่างสูงหุบปากไปเสียก่อน
“ข้อแรก
ข้ากับนางแทบไม่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน อย่าว่าแต่ตบตีว่าร้ายเลย—
แค่คำพูดซักสองสามประโยค ข้ายังไม่เคยคุยกับนางด้วยซ้ำ
แล้วข้าจะเอาเหตุผลอะไรไปเกลียดชังนาง”
“ข้อสอง
หึงองค์ชายเจเรเมีย? ขอโทษเถอะ ข้าคือใคร? ข้าคือราชินีลำดับที่ 4
ของจักรวรรดิเครซิเมอเรียแห่งนี้ ข้าคือราชินีของจักรพรรดิดาริอัส
มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องสละตำแหน่งอันทรงเกียรตินี่แล้วเดินในหนทางที่อาจทำให้ศีรษะของข้าและคนในตระกูลหลุดจากบ่าด้วย
ข่าวลือนั่น..มีแต่คนโง่ไร้สมองเท่านั้นที่เชื่อมัน”
“ตายจริง”
เธอแสร้งยกมือขึ้นปิดปากก่อนคลี่ยิ้มบางที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง
“นี่ข้าคิดดังไปหรือคะ? ขออภัยด้วย ไม่คิดว่าจะเผลอพูดความในใจออกมา ช่วยลืมๆมันไปก็แล้วกันค่ะ”
เหล่าผู้ที่ได้ยินคำพูดนั้นตะลึงงันไปชั่วขณะ
แบบนี้ก็ได้เหรอ
“และข้อสาม
ข้อสุดท้าย” เธอเว้นช่วง ดวงเนตรสีมรกตทอประกายสว่างวาบ “ท่านคิดจริงๆหรือคะว่าน้องสาวของท่านมีค่าคู่ควรที่จะให้ข้ากำจัด”
“อ
อะไรนะ”
“หากตัดตำแหน่งราชินีไป
อย่างไรเสียข้าก็เป็นถึงบุตรีของท่านดยุค ข้าที่มีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมือเช่นนี้
ยังจำเป็นต้องไปอิจฉาริษยานางอีกงั้นหรือคะ หรือริษยาความงาม? พระเจ้าช่วย
พวกท่านเห็นว่าความงามของข้าด้อยกว่านางรึไงคะ ไม่สิ ต่อให้ข้าคิดแค้นนางจริงๆ
ท่านคิดหรือว่าข้าจะทำแค่นี้?” เธอหัวเราะ
“การกล่าวหาบุคคลในราชวงศ์มีโทษแบบไหนรออยู่
คิดว่าท่านคงรู้ดี..ใช่มั้ยคะ” คอร์นีเลียสสะอึก
ชั่วครู่หนึ่งเขาเหลือบมองบุคคลหนึ่งภายในห้องด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
ออกัสทัสที่เห็นบุตรชายเสียท่าเช่นนั้นรีบคุกเข่า
เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นบนใบหน้า
เขาก้มศีรษะลงปกปิดสีหน้าซีดเผือดและนัยน์ตากับริมฝีปากที่สั่นเครืออย่างไร้เหตุผล
“บุตรชายของกระหม่อมตกใจและโกรธเคืองที่น้องสาวถูกวางยาพิษจึงไม่ได้ตริตรองให้ดีก่อนพูดอะไร
ได้โปรดให้อภัยแก่ความผิดครั้งนี้ของเขาด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“ดูเหมือนท่านจะสั่งสอนบุตรชายได้ไม่ดีเท่าที่ควรนะ”
เธอว่า พลางเหลือบมองลอเรนน่าที่ยังหลับไม่ได้สติ “บุตรสาวเจ้าก็ไม่ได้มีมารยาทมากนัก
ช่วยอบรมนางให้ดีกว่านี้ด้วย”
“ข
เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงเนตรสีมรกตเหลือบมองน้องชายในสายเลือด
เฮนเดอริกปลีกตัวออกจากร่างบนเตียงสีขาวก่อนเดินมากระซิบที่ข้างหูของผู้เป็นพี่สาวที่ตนทั้งรักและเคารพยิ่ง
“เป็นพิษชนิดเดียวกับเหตุการณ์ในเมืองท่าครับ”
เธอพยักหน้ารับและไม่ได้พูดอะไรต่อ
ฉีกยิ้มให้คนภายในห้อง ไม่ได้สนใจสายตาเคลือบแคลงของเจเรเมีย
แล้วก็ไม่ได้สนใจจูเลียนและวาเลนไทน์ที่อยู่ในห้องเช่นกัน
เธอวางแขนข้างหนึ่งลงบนมือของซาเนียที่รองรับเอาไว้
ก้าวขาเดินออกจากเรือนรับรองแห่งนี้ไปโดยไม่คิดหันกลับมามองอีก
ยอมรับเลย
เธอเหนื่อย
เหนื่อยมากจริงๆ
“พาข้าไปพักซักหน่อยแล้วกัน”
“เพคะ”
ร่างเล็กนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะทำงานไร้การขยับเขยื้อน
ผมสีดำขลับเป็นลอนถูกรวบไว้อย่างลวกๆ
ดวงเนตรกลมเหลือบมองตู้นาฬิกาทรงโบราณที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักอย่างเหม่อลอย
แม้ว่าเฮนเดอริกจะไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวนัก
แต่เขาก็จำใจต้องกลับไปทำงานของตนตามที่เธอขอ
ส่วนซาเนียเองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาหากไม่มีธุระอะไร
จูเลียนยิ่งแล้วใหญ่ เขาพยายามขอเข้าพบเธอ
แต่เป็นเธอเองที่ปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการพักผ่อน
เธออยากอยู่คนเดียว—
ทว่าเธอก็อยากให้ใครซักคนมาคอยรับฟังด้วยเช่นกัน
ขอเพียงดาริอัสกลับมา
เขาคือคนที่รับฟังเธอเสมอ เป็นคนที่รู้ว่าสถานการณ์ของเธอเป็นแบบไหน
และเธอกังวลเรื่องอะไร
ใช่
ขอเพียงเขากลับมา
“ราชินี
ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่เพคะ” เสียงของนางข้าหลวงคนสนิทที่หน้าประตูทำให้เธอผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว
นัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมาชั่ววูบหนึ่ง
ร่างเล็กรีบรุดไปเปิดประตูให้ผู้มาใหม่ด้วยหัวใจที่พองโต
ดาริอัสเดินเข้ามา
เขากวาดตามองรอบๆห้องทีหนึ่ง บอกให้ซาเนียปิดประตูและห้ามไม่ให้ใครมารบกวน
“ฉันได้ยินเรื่องนั้นแล้ว”
ดวงเนตรสีดำขลับไร้ประกายจ้องหน้าเธอนิ่ง
“เรื่องของลอเรนน่า
ที่ผู้หญิงคนนั้นถูกวางยาพิษ..ไม่ใช่ฝีมือของเธอจริงๆใช่มั้ย”
คล้ายถูกน้ำเย็นสาดหน้า
รอยยิ้มกว้างค่อยๆลดระดับลงจนกระทั่งหายไปในที่สุด
“ว่าไงนะ
เมื่อกี้..” เทนทาเนียเชิดหน้า พยายามหัวเราะทั้งๆที่เสียงสั่นและไม่มั่นคงจนมันกลายเป็นเสียงหัวเราะที่ขมขื่นเกินทานทน
“นายพูดว่าอะไรนะ”
ดาริอัสไม่ตอบ
เขาเพียงจ้องเธอ ดวงเนตรคมคู่นั้นสะท้อนอารมณ์สับสนและกังวลออกมาอย่างเปิดเผย
เทนทาเนียชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
เธอเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ดวงเนตรกลมที่เคยทอประกายแสงสดใสเริ่มมืดหม่น
“นายสงสัยว่านั่นเป็นฝีมือของฉันเหรอ?”
“...”
“มีผู้คนมากมายที่สามารถวางยาพิษยัยนั่นได้
แต่นายกลับสงสัยฉัน..ฉันเป็นคนยังไง นายไม่รู้รึไง
นายควรจะเป็นคนที่รู้จักฉันดีที่สุดสิ!!”
“...”
“ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานหรือพยานอะไร
นายควรที่จะเชื่อฉัน— ฉันคนนี้ที่นายรู้จักดีที่สุด
ฉันคนนี้ที่ลงเรือลำเดียวกับนายไปแล้ว!!” เธอกำหมัดแน่น เล็บมือทั้งห้าจิกเข้าเนื้อหวังให้ความเจ็บปวดเรียกสติให้ร่างกายยังประคองยืนอยู่ได้แม้ความรู้สึกปวดหนึบจะกัดกินใจเพียงใด
พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้พูดอะไรไปมากกว่านี้ ดวงเนตรสีมรกตเบนสายตาไปทางอื่น
ภายในสะท้อนแววรวดร้าวจนพาลทำให้คนมองอย่างดาริอัสรู้สึกวูบโหวง
เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย้ยหยัน “ใช่สิ
ฉันไม่ใช่เพื่อนที่ลงเรือลำเดียวกับนาย แต่เป็นเครื่องมือที่นายหลอกใช้ต่างหาก”
“เธอพูดบ้าอะไร!?”
ดวงเนตรสีดำขลับของดาริอัสวาวโรจน์ด้วยโทสะ
“หรือไม่จริงล่ะ!
ตั้งแต่แรก..นายก็แค่คิดที่จะเกี่ยวดองกับฉันเพื่อเอาฉันและตระกูลเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ตัวเองตายนี่!!”
“เทนทาเนีย!!”
“ฉันมีค่าแค่นั้น!
เป็นแค่คนที่นายแต่งเข้ามาเป็นราชินีเพื่อหวังลากตระกูลฉันมาอยู่ฝ่ายตัวเอง
เป็นแค่คนที่นายต้องเอาใจเพื่อไม่ให้ฉันไปอยู่ฝ่ายเจเรเมีย ฉันมันเป็นแค่นั้นนี่!!”
“เตนล์!!”
คล้ายทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหว
ร่างเล็กที่กำลังตะโกนอย่างเดือดดาลและบ้าคลั่งชะงักไปคล้ายถูกเรียกสติ
ทว่าเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอได้พบเจอตั้งแต่เมื่อวาน ความคิดด้านลบมากมายก็ประเดประดังเข้ามาราวกับเขื่อนแตก
ดวงเนตรสีมรกตคลอด้วยน้ำตา
มันฉายแววตัดพ้อระคนน้อยใจจนผู้จ้องมองต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“ได้โปรดออกไปเถอะ”
เธอว่าเสียงเบา รู้สึกหมดแรงจนอยากจะทิ้งตัวลงเสียตรงนี้
“ดูเหมือนข้าคงเหนื่อยมากไป”
แต่ดาริอัสก็ไม่ทำตามที่เธอขอ
เธอถอนหายใจก่อนเดินหุนหันออกจากห้องไปพร้อมกับนางข้าหลวงสาวคนสนิทที่รออยู่อีกฟากหนึ่งของประตู
ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยสายตาเป็นกังวล
เขาควรที่จะเชื่อเทนทาเนียที่สุด
ควรที่จะไม่สงสัยในตัวเธอ แต่ว่า..
สายตาของเธอในตอนนั้น—
มันยังคงหลอกหลอน
สายตาราวกับโกรธแค้นที่เกิดขึ้นหลังการพบบารอนและบุตรทั้งสองจากตระกูลเอฟเนอร์นั่น
“บัดซบ”
เขาสบถหยาบ
หยิบกล่องเครื่องประดับที่ตนเป็นผู้ออกแบบเองกับมือออกมามองด้วยสายตาราวกับคนกำลังสับสนกับตัวเอง
คล้ายเส้นทางตรงหน้ามืดบอด
ทำไมต้องมาเกิดเรื่องขึ้นในเวลาแบบนี้ด้วยนะ
-----|-----|-----|-----|-----|-----
ดาริอัสก็ไม่ไว้ใจน้อง ส่วนน้องก็พาล
(แง ต้องเข้าใจหน่อยนะคะ น้องในตอนนี้ยูทารอธก็ไว้ใจไม่ได้เพราะติดใจเรื่องแผล
เห็นจูเลียนอยู่กับเจเรเมียไม่พอ ยังต้องมาเจอลอเรนน่าถูกวางยาพิษ
แถมคนที่น่าจะเชื่อใจตัวเองที่สุดก็ไม่เชื่อใจตัวเองอีก หลายๆเรื่องรุมเร้า
แถมเจอติดๆกัน ไม่แปลกที่น้องจะสติแตก ;--; )
ทนแสบๆคันๆซัก 2-3 ตอนค่ะ ไม่ดราม่าหนัก
เพราะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ (?)
อีก 5 – 6 ตอนก็จบแล้ว ฮึบไว้นะคะ ฮึบบบบบบ
แล้วมาหาคนร้ายที่แท้จริงกันค่ะ!
ปล. ใครปั่นนักอ่านกัน ไม่มี๊ไม่มี
ไรท์ไม่เคยปั่นใครนะคะ /ทำตาปิ๊งๆ
#เทนทาเนียdt
ความคิดเห็น