คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Chapter 19 – Rumors of Queen
Chapter 19 – Rumors
of Queen
เหตุการณ์แบบเมื่อหลายวันก่อนเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง
แม้ว่าดาริอัสจะขับไล่ผลักไส(?)ผู้หญิงคนนั้นไปอยู่กับเจเรเมีย
แต่เพราะช่วงนี้เจเรเมียมักมาเยี่ยมเยียนเหล่าราชินีและจักรพรรดิอยู่บ่อยๆ
ทำให้แม้ไม่อยากเจอแต่เธอก็ต้องเจอทั้งคู่ไปโดยปริยาย
เดิมทีเธอมั่นใจว่าเธอเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งมากในระดับหนึ่ง
แต่ยามที่เจอทั้งคู่อยู่ตรงหน้า— ไม่สิ แค่ลอเรนน่าคนเดียวก็ได้
เธอกลับไม่สามารถเก็บสายตาชิงชังเย็นยะเยือกราวน้ำแข็งนั่นได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ไปๆมาๆ
เรื่องที่เธอไม่ปลื้มลอเรนน่าก็กลายเป็นประเด็นร้อนภายในวังอย่างรวดเร็ว
“นางข้าหลวงคนใหม่จากตระกูลเอฟเนอร์งดงามมาก
ท่านเทนทาเนียคงไม่พอใจความงามของนาง”
“อ๋อ เลดี้ลอเรนน่าน่ะหรือ ข้าว่าท่านเทนทาเนียงามกว่ามาก
แต่เลดี้ลอเรนน่า— ก็ดูร่าเริงสดใสน่าเอ็นดูกว่าจริงๆ”
“จะว่าไป ข้าได้ยินมาว่าจริงๆแล้วที่องค์ราชินีไม่ชอบนางเพราะหึงหวงองค์จักรพรรดิ”
“เรื่องนั้นข้าก็ได้ยินเช่นกัน องค์จักรพรรดิกลัวราชินีไม่พอใจจึงส่งนางไปรับใช้องค์ชายเจเรเมีย”
“แต่ข้าได้ยินมาว่าองค์ราชินีหึงหวงที่เลดี้เอฟเนอร์สนิทสนมกับองค์ชายเจเรเมีย”
“ชู่ เจ้าพูดเสียงเบาหน่อยสิ อยากหัวขาดรึไง!”
....
ได้ยินหมดแล้วจ๊ะ
“พวกนางกล้าดียังไง” ซาเนียถกแขนเสื้อขึ้น ท่าทีฟึดฟัดไม่ชอบใจ
หากไม่ใช่เพราะเทนทาเนียดึงแขนอีกฝ่ายเอาไว้
เชื่อว่าสาวเจ้าคงพุ่งไปชี้หน้าด่านางกำนัลพวกนั้นเรียงตัวแน่ๆ
“ให้ข้าไปจัดการพวกนางมั้ยเพคะ!”
เธอถามอย่างฉุนเฉียว เทนทาเนียส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ไม่ต้องหรอก” เธอว่า “แต่จำหน้ากับชื่อพวกนางเอาไว้”
“เพคะ”
ข่าวลือแพร่ไปเร็วแค่ไหนเธอย่อมรู้ดีที่สุด
เพราะเธอก็เคยใช้ประโยชน์ของมันมาก่อนตอนที่จัดการมารีแอนน์
ข่าวลือมากมายที่ถูกแพร่งพรายปากต่อปากโดยไม่มีการไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน
ถูกใส่สีตีไข่จากความเชื่อที่แตกต่าง อคติส่วนบุคคล
และจินตนาการของผู้คนที่ได้รับฟัง
ข่าวลือคืออาวุธที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับสุภาพสตรีชนชั้นสูง
ข่าวลือพวกนี้มีใครจงใจปล่อยมาเล่นงานเธอหรือเป็นแค่เรื่องบังเอิญกันแน่?
แค่ข่าวลือที่มีดาริอัสมาเกี่ยวข้องก็ว่าน่าหงุดหงิดแล้ว
แต่เรื่องที่ว่าเธอหึงหวงเจเรเมีย— ตลกสิ้นดี แค่คิดก็อยากจะขำก๊ากออกมาดังๆ
ต่อให้ใจจริงเธอจะเครียดจนยิ้มแทบไม่ออกก็เถอะ
เพราะข่าวลือสามารถฆ่าคนได้
สมมติว่าดาริอัสโง่กว่านี้ซักหน่อย
และภายในร่างนั้นก็ไม่ใช่คิมโดยองผู้ลงเรือลำเดียวกันกับเธอไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน
หากเกิดข่าวลือโง่ๆขึ้นมาว่าเธอมีความสัมพันธ์ลับๆกับบุรุษคนใดซักคน
เพียงแค่นั้นจุดจบของเธอและตระกูลก็มีเพียงแท่นประหารที่รออยู่
“ฝ่าบาทอยู่ไหน”
“ยังไม่กลับวังเพคะ”
“งั้นเหรอ”
หญิงสาวพึมพำ นึกถึงสิ่งที่ดาริอัสบอกกับเธอเมื่อวันก่อน—
ยูทารอธอาจมีส่วนเกี่ยวข้องบางอย่างกับทางวิหาร
และการสืบสวนเรื่องการเสียชีวิตของดยุคและดัชเชสแห่งโอไซไลน์กับการเสียชีวิตของท่านดยุคแห่งเมลวาสคงมีค่ามากพอที่จะลองดู
ดาริอัสออกจากวังไปตั้งแต่เมื่อวานและยังไม่กลับมา
ชั่วครู่หนึ่ง— เธอหวนนึกถึงบาดแผลที่มือข้างซ้ายของยูทารอธเมื่อ 3
ปีก่อน
“แล้วเรื่องข่าวลือล่ะเพคะ” ซาเนียถาม
หญิงสาวหลุบตาต่ำลงอย่างครุ่นคิด
“ปล่อยมันไปเถอะ”
เธอว่า
“เดี๋ยวมันก็ซาไปเอง”
ใช่
เดี๋ยวมันก็ซาไปเอง..
ซะที่ไหนกันเล่า!
เธอเหลือบมองเหล่านางข้าหลวงภายในวังที่รีบหลบหน้าหลบตาทันทีที่เธอเดินผ่านราวกับว่าการจับกลุ่มซุบซิบนินทากันเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หากข่าวลือที่ว่านั่นเป็นเรื่องบังเอิญก็ดีไป
แต่หากเป็นเรื่องที่ใครซักคนตั้งใจให้เกิดขึ้นล่ะก็—
แสดงว่าอีกฝ่ายคงต้องการเหยียบเธอให้จมดินกันเลยทีเดียว
“จากที่เป็นคนดังอยู่แล้ว
ก็กลายเป็นว่ายิ่งดังเข้าไปอีกสินะ”
เจนิซที่มาเยี่ยมเยียนเธอเมื่อสามวันก่อนพูดไว้แบบนี้
ใครมันอยากดังด้วยชื่อเสียงแบบนี้กันวะ!?
ยังดีที่ข่าวลือนี้ไม่ได้แพร่งพรายออกไปสู่ภายนอก
คิดว่าคงมีใครซักคนพยายามยับยั้งมันเอาไว้ ก็คงไม่พ้นพวกดาริอัสนั่นล่ะ
“จะกลับวังมั้ยเพคะ”
ซาเนียที่เป็นห่วงกลัวว่าเธอจะคิดมากกับสายตาสอดรู้สอดเห็นเหล่านั้นกระซิบถามเสียงเบา
เธอไหวไหล่ก่อนเชิดหน้าขึ้น ริมฝีปากสีสดเหยียดยิ้มร้าย
“ไม่” เธอว่า
“หากข่าวลือพวกนี้มีคนจงใจสร้างขึ้น สิ่งที่พวกนั้นต้องการก็คือทำให้ข้าอับอายจนต้องหลบหน้าหลบตาเก็บตัวอยู่ในวังของตัวเอง”
ซาเนียตาวาวเป็นประกายอย่างชื่นชมในความฉลาดหลักแหลมของผู้เป็นนาย
หากไม่ติดว่าที่นี่ไม่ใช่วังตะวันออกและไม่มีสายตานับร้อยคู่จดจ้อง
คิดว่าเธอคงปรบมือแปะๆเหมือนพ่อแม่ตอนเห็นลูกตัวเองสอบได้ที่ 1 ของสายชั้นอย่างแน่นอน
“ข้าได้ข่าวว่าเฮนเดอริกเข้าวังหลวงมา
ไปหาเขาก็แล้วกัน”
“เพคะ!”
ให้มันรู้กันไปว่าระหว่างความอดทนของพวกมันกับความหน้าด้านหน้าทนของเธอ
อะไรจะหมดลงก่อนกัน!
เฮนเดอริกยังคงยุ่งเช่นเคย
แม้จะอยู่ภายในวังหลวงแต่ก็ใช้เวลาเกือบทั้งหมดขลุกอยู่กับพวกแพทย์ในวังและคอยคิดสูตรยาร่ำเรียนวิชาแพทย์ในสาขาที่ตนไม่ถนัดอย่างเอาเป็นเอาตาย
แม้จะไปหาถึงที่ท่ามกลางสายตาแปลกๆของพวกหมอเฒ่า
แต่สุดท้ายก็ได้คุยกันเพียงไม่กี่คำเท่านั้น
“ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆพี่เนีย
แต่ข้าต้องกลับไปทดลองยาต่อแล้ว”
อา เด็กน้อยติดพี่สาวในวันนั้นโตถึงขนาดนี้แล้วสินะ
เทนทาเนียคิดอย่างปลงตก
ได้แต่โบกมือน้อยๆให้แผ่นหลังของน้องชายที่เดินกลับเข้าห้องพักแพทย์ไปด้วยใจวูบโหวง
“จะไปไหนต่อดีเพคะ”
นางข้าหลวงคนสนิทถาม เธอถอนหายใจ
หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้หินก่อนในสวนพลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่ควรทำในวันนี้
ดาริอัสเองก็งานยุ่งแทบไม่มีเวลาว่าง
เอลายน์ก็ไม่ได้ว่างคุยกับเธอเช่นเมื่อก่อนเพราะต้องคอยรีบสะสางงานก่อนเธอจะขึ้นเป็นจักรพรรดินี
จีซูก็ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในวังตัวเองไม่สนโลก ส่วนนาร์ซิสซ่าก็ไม่ใช่คนประเภทที่เธอจะคุยด้วยได้อย่างสนิทใจเพราะรสนิยมและความชอบหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน
“ไปห้องสมุด”
“เพคะ? ห้องสมุด?”
ซาเนียดูไม่เข้าใจนิดหน่อยแต่ก็ยอมตามไปแต่โดยดี
เทนทาเนียเชิดหน้าขึ้นเมินเฉยต่อเสียงซุบซิบนินทาและสายตาเสียดแทงของผู้คนตลอดเส้นทาง
เธอยิ้มทักทายบรรณารักษ์วัยกลางคนที่ค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อมก่อนบอกให้ซาเนียไปทำธุระของตัวเองต่อได้
ส่วนเธอก็เดินวนหาหนังสืออ่าน
ห้องสมุดหลวงในวังซึ่งตั้งอยู่ในเขตคาลล่าลิลลี่นั้นนับว่าเป็นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิเครซิเมอเรียเลยก็ว่าได้
มีทั้งหมดห้าชั้น
แน่นอนว่าทุกชั้นเต็มไปด้วยหนังสือมากมายทั้งที่เธอเคยเห็นและไม่เคยเห็นมาก่อน
เธอเงยหน้าขึ้นมองชั้นหนังสือที่สูงชะลูดเลยศีรษะ
เอื้อมมือไปแตะๆสันหนังสือแต่ละเล่มที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ดูจากฝุ่นที่เกรอะ คิดว่าห้องสมุดคงไม่ใช่สถานที่ยอดนิยมภายในวังหลวงนัก ดวงเนตรสีมรกตกวาดตามองชื่อหนังสือแต่ละเล่มอย่างพินิจ
หวังว่าจะเจอซักเล่มที่น่าสนใจพอจะหยิบมาอ่าน
แต่แล้วเงาที่พาดมาจากด้านหลังก็ทำให้หญิงสาวชะงักไป
“งานเสร็จแล้วเหรอ”
เธอถามโดยไม่ได้หันไปมองหน้าผู้มาเยือน ดาริอัสกลั้วหัวเราะในลำคอ
พาดแขนกับไหล่แคบด้วยความเคยชินพลางเหลือบมองชั้นหนังสือที่หญิงสาวจ้องตาเป็นมัน
“ก็เหนื่อย
เลยมาพักซักหน่อย”
“ด้วยการเดินจากเขตพีโอนีมาเขตคาลล่าลิลลี่เนี่ยนะ?”
ดาริอัสยิ้มตอบ
เหลือบมองซ้ายขวาก่อนก้มลงกระซิบ “ก็รู้ว่าเธออยู่ที่นี่”
เทนทาเนียมองสายตากะลิ้มกะเหลี่ยด้วยสายตาเหนื่อยใจ
มือเรียวผลักหน้าอีกฝ่ายออกห่างแล้วกระซิบตอบ “ฉันไม่หลงคารมนายหรอกนะ”
บอกไม่หลงคารมแต่หน้าแดงถึงหู
ดาริอัสคิดอย่างขำขัน
เขามองเทนทาเนียที่เอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งในชั้นออกมาด้วยสายตาระคนเอ็นดู
หญิงสาวนำมันไปกางบนโต๊ะ พอเห็นเขาจะเดินตามก็หันมองตาขวาง
คงคิดว่าหน้าตาน่ากลัวมากมั้ง เหมือนแมวไม่ก็พวกปีศาจน้อยต่างหาก
“อ่านอะไรน่ะ”
ดาริอัสเดินอ้อมหลังพลางชะโงกหน้ามาถาม เธอยื่นหน้าปกให้อีกฝ่ายดู
“มหาราชแห่งเครซิเมอเรีย?”
“ประวัติของ เคนซีย์
ไฮเพอเรียน”
เคนซีย์
ไฮเพอเรียนคือจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเครซิเมอเรียที่มีชีวิตอยู่เมื่อเกือบ 700
ปีก่อน เป็นมหาราชเพียงคนเดียวจากบรรดาจักรพรรดิทั้งหมด
เนื่องจากเป็นจักรพรรดิที่นำพาจักรวรรดิให้ข้ามผ่านยุคมืดไปได้
ชื่อกลางของดาริอัสเอง— ก็มาจากชื่อของจักรพรรดิพระองค์นี้
“เล่มนี้เขียนโดยตระกูลเลย์ลาเบล”
เธอว่า
“นอกจากเล่มนี้ก็ยังมีอีกหลายเล่มเลย
ทั้งเรื่องของจักรพรรดินีเกวนดาห์เลีย เรื่องของราชินีแมรี่
เรื่องของจักรพรรดิวิคเตอร์ มีเรื่องรักต้องห้ามเมื่อหลายร้อยปีก่อนระหว่าง ดาวิด
กวินฟอร์ มาร์ควิสต์แห่งเอนเดลไพรด์กับองค์ชายลำดับที่ 10 ทาเอล ไฮเพอเรียน ด้ว— ”
ไม่ทันที่จะได้พูดจบ คิ้วเรียวสวยก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ทั้งหมดนี่เขียนโดยตระกูลเลย์ลาเบล
ตระกูลเลย์ลาเบล..
“เอเมอรัลด์
เลย์ลาเบล..” เธอพึมพำชื่อหนึ่งออกมาโดยไม่รู้ตัว ดวงเนตรสีมรกตเบิกกว้าง
วางหนังสือในมือบนโต๊ะอย่างแรงก่อนหุนหันเดินออกจากห้องสมุดไปโดยไม่สนจักรพรรดิหนุ่มที่ได้แต่ยืนงงอยู่ที่เดิม
“ลูคัสอยู่ไหน” ทันทีที่เดินออกมาจากห้องสมุดเธอก็ถามหาอัศวินหนุ่มจากซาเนียทันที
นางข้าหลวงสาวเมื่อเห็นท่าทีรีบเร่งของเธอก็ทำได้เพียงนำเธอไปหาเจ้าของนามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เธอพูดคุยกับลูคัสอยู่พักหนึ่ง
หลังจากนั้นก็กลับวังไปเพื่อเปลี่ยนชุดและเตรียมตัวสำหรับการออกนอกวังหลวง
หญิงสาวร่างบางภายใต้ผ้าคลุมสีทึบก้าวขายาวๆขึ้นรถม้าไปโดยมีอัศวินคนสนิทขี่ม้าตามตลอดเส้นทาง
ทันทีที่ถึงเมืองหลวง
เธอก็พาเขาไปนั่งในร้านอาหารธรรมดาๆไม่ได้หรูหรานักร้านหนึ่ง
เธอหลุบตาต่ำมองเมนูในมือคล้ายว่าตัวเองเป็นเพียงชาวเมืองธรรมดาๆและกำลังเลือกเมนูอาหาร
ทว่าปากก็ยังพูดคุยกับอัศวินหนุ่มร่างสูงที่นั่งตรงข้ามด้วยเสียงเบาราวเสียงกระซิบ
“เรื่องของตระกูลเลย์ลาเบล”
“ท่านจะให้ข้าสืบเรื่องพวกเขาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่” เธอว่า ตระกูลเลย์ลาเบลเป็นตระกูลที่อยู่มาช้านาน
ทำหน้าที่คอยบันทึกประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ
เรื่องนั้นเป็นที่รู้กันดีในหมู่ชาวเมือง ทว่าตระกูลนี้ลึกลับนัก
การจะพบตัวคนในตระกูลซักคนเป็นเรื่องที่ยากมาก
พวกเขาไม่เคยเปิดเผยตัวตนในหมู่สังคมชนชั้นสูง
คล้ายว่าจะทำตัวกลมกลืนไปกับทุกสิ่งอย่าง แต่ทั้งที่ไม่เปิดเผยตัวตน—
กลับสามารถบันทึกประวัติศาสตร์ได้ละเอียดถึงขนาดนั้น
ละเอียดถึงขนาดที่รู้ว่าใครพูดอะไรกับใครยังไงบ้าง
นั่นแสดงว่าพวกเขาแฝงตัวอยู่ในวังหลวงและตระกูลขุนนางมานาน
อาจจะปกปิดตัวตนของตัวเองแล้วซุกซ่อนอยู่ตามวังและคฤหาสน์ในฐานะคนใช้ คนสวน
นางกำนัล หรืออะไรก็ตามแต่ เพื่อบันทึกทุกสิ่งที่ได้ยินและได้เห็น
พวกเขามีคนมากมายขนาดไหนกันถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นได้
“แล้วให้สืบเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ
สมาชิกของพวกเขา? การทำงาน?
เครือข่าย? หรือว่าแหล่งที่ตั้งของพวกเขา”
“ทุกเรื่อง” เธอตอบ
ดวงเนตรวาววับครู่หนึ่ง “โดยเฉพาะเรื่อง เอเมอรัลด์ เลย์ลาเบล
สืบให้ข้าว่าในตระกูลเลย์ลาเบลมีคนชื่อนี้อยู่รึเปล่า”
เอเมอรัลด์ เลย์ลาเบล
ถ้าชื่อนี้มีอยู่จริงล่ะก็..
เธอเงียบไป ก่อนจะละทิ้งความคิดในหัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่าที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ลูคัสดูไม่เข้าใจนัก แต่เขาก็ยอมพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เทนทาเนียเท้าคางกับโต๊ะ
มองอัศวินหนุ่มที่ไม่หือไม่อือไม่ถามอะไรซักอย่างด้วยสายตาเป็นประกาย
“เจ้านี่ว่าง่ายดีเนาะ
ไม่ถามอะไรซักคำ”
คนตัวสูงทำหน้าเหลอหลา
“เอ่อ ก็นั่นเป็นคำสั่ง..”
“แต่เจ้าที่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว”
หมอนี่เป็นแบบนี้ตลอด
เธอว่าไงเขาว่าตามกัน เป็นคนซื่อๆที่เออออห่อหมกกับทุกสิ่งที่เธอพูด
บางทีก็เด๋อๆด๋าๆและไม่ค่อยทันคนเท่าไหร่ แต่ก็ดี— เธอชอบคนไม่มีเล่ห์แบบนี้
การมีคนฉลาดอยู่รอบตัวมากๆ
บางทีมันก็น่าเบื่อเหมือนกัน
เธอเหนื่อยกับการต้องมาเดาว่าใครคิดอะไร
รู้สึกยังไง
หลังจากนั้นเธอกับลูคัสก็นั่งทานข้าวด้วยกันเงียบๆอยู่พักใหญ่
ก่อนที่เธอจะให้ลูคัสพาเดินดูรอบเมืองเพื่อผ่อนคลายความเครียดที่สะสมมาอย่างยาวนาน
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ บิดกายไปมาขับไล่ความเมื่อยล้า นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปรอบเมือง
ก่อนสะดุดกับหอคอยสูงที่จำได้เลือนรางว่านั่นน่าจะเป็นหอคอยของวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวง
ยูทารอธอาจมีส่วนเกี่ยวข้องบางอย่างกับทางวิหาร
เธอนึกถึงคำพูดนั้นของดาริอัสอย่างเงียบงัน
“ไปวิหารกัน”
“เอ๋? วิหารเหรอพ่ะย่ะค่ะ” ลูคัสดูงุนงน
แต่ก็เดินนำเธอไปยังวิหารที่อยู่ไกลออกไปไม่มากทันที
วิหารศักดิ์สิทธิ์ในเมืองหลวงนั้นต่างจากวิหารตามเมืองหรือเขตต่างๆเป็นอย่างมาก
ทั้งใหญ่และงดงามจนแม้แต่วิหารที่เทนทาเนียเคยไปขอพรเองยังเทียบไม่ติด
ตัวอาคารทั้งหมดเป็นสีขาวพิสุทธิ์ดูสะอาดตา
หลายอาคารทำจากหินอ่อนราคาสูงลิ่วเทียบเท่ากับหินอ่อนในพระราชวัง
ทั้งกลิ่นหอมประหลาดที่ลอยมาตามลมก็ทำให้รู้สึกสงบใจน่าประหลาด
เทนทาเนียเองก็เคยมาที่วิหารแห่งนี้เพียงสองครั้งเท่านั้น
ครั้งแรกคือเมื่อสองปีก่อน—
มากับพระชนนีเพื่อขอพรให้ดาริอัสมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงหายจากโรคภัย
และครั้งที่สองคือครึ่งปีที่ผ่านมา
ตอนนั้นมาเพื่ออะไรนะ
อ้อ
มาร่วมพิธีอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับการอวยพรให้จักรวรรดิ
“เข้าไปข้างในกันเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เธอกระชับผ้าคลุมก่อนเดินนำอัศวินหนุ่มร่างสูงเข้าไปในประตูบานใหญ่ซึ่งเป็นประตูที่กั้นอาณาเขตระหว่างวิหารกับโลกภายนอก
มีเพียงชนชั้นสูงและขุนนางเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้เข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์สาขาหลักแห่งนี้
มันจึงไม่แปลกที่ที่นี่จะเต็มไปด้วยผู้คนในชุดหรูหรางดงามเดินสวนกันไปมา
“ถ้าจำไม่ผิด ท่านฟรานซิส
หัวหน้านักบวชคนก่อนจะพึ่งเกษียณตัวเองออกไป ถ้าเจ้าไปสืบเรื่องราวจากเขาได้จะดีมา—
”
ร่างบางชะงัก
ดวงเนตรสีมรกตที่เหลือบมองไปยังผู้คนมากมายชั่วครู่เบิกกว้าง
มือที่กระชับผ้าคลุมศีรษะร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงโดยที่ไม่รู้ตัว
เธอดึงแขนลูคัสมาหลบอยู่ที่มุมหนึ่งแล้วเม้มริมฝีปาก
สีหน้าเคร่งเครียดที่แสดงออกมาทำให้อัศวินร่างสูงไม่กล้าซักถามอะไร
“พวกเขามาทำอะไรที่นี่”
เธอกะพริบตาปริบๆ
หันไปมองทางเดิมอีกครั้ง
มันไม่ใช่ภาพหลอน
ชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น—
ร่างสูงโปร่งผู้มีผมสีบลอนด์อ่อนและชายหนุ่มอีกคนเจ้าของกลุ่มผมสีดำขลับราวท้องฟ้ายามรัตติกาลและดวงเนตรสีน้ำตาลทอง
“ทำไมจูเลียนกับเจเรเมียถึงมาอยู่ที่นี่!?”
-----|-----|-----|-----|-----|-----
เจเรเมียมาเยี่ยมเนียบ่อยๆเลยเกิดข่าวลือ
แต่ว่าเตง นางมาเยี่ยมน้องเนียตามที่ใครบอกนะ ?
ไหนจะจูเลียนกับยูทารอธนั้นอีก จูเลียนมาวิหารกับเจเรเมียทำไมกันนะ
ส่วนยูทารอธ หลังจากหายไปนานตอนหน้าจะกลับมามีบทค่ะ อ้อ ใน 3 คนนี้มีคนร้ายจริงค่ะ
แต่ก็มีตัวหลอกด้วย สู้ๆกับการตามหาคนร้ายที่แท้จริงนะคะ! เราเป็นกำลังใจให้ (ฮา)
ย้ำอีกครั้ง ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคฟีลกู้ด (ฟีลกู้ดบ้านแกสิ) แม้ช่วงหลังจะเนื้อหาหนักไปหน่อย (ไม่หน่อยแล้วมั้ง) แต่ก็พยายามใช้ภาษาให้มันดูซอฟๆอยู่ค่ะ แหะ ยังไงก็ตาม อย่าไปเครียดกับมันมาก ถือว่ามาอ่านเล่นๆ(?)แล้วกันค่ะ สำหรับเราแค่ทุกคนรู้สึกว่ามันสนุกเราก็โอเคแล้ว
#เทนทาเนียdt
ความคิดเห็น