คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 18 – An Unusual Dream
Chapter 18 – An Unusual Dream
นี่เป็น..ความฝันเหรอ?
คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันเป็นโบ
ท่ามกลางความมืดสงัด—
สิ่งที่เห็นมีเพียงมือของตัวเองที่ส่องแสงเลือนรางออกมาเท่านั้น
เธอได้ยินเสียงวูบวาบก่อนที่ตรงหน้าจะปรากฏกระจกบานใหญ่ที่พอจะสะท้อนภาพของเธอเต็มส่วนสูง
ไม่สิ— มือนี่เป็นของเทนทาเนียแน่นอน มือที่ขาวและเรียวเล็กนี่เป็นมือของผู้หญิง
แต่เงาที่ปรากฏอยู่ในกระจก
เป็นเงาของผู้ชาย
เธอใช้เวลานึกอยู่นาน
จนกระทั่งนึกออกในที่สุดว่านั่นคือเงาของใคร
‘เตนล์’
มันคือเงาของเธอเอง
เขาอยู่ในร่างเทนทาเนียมานานเกินไป
จนเกือบลืมรูปลักษณ์ของตัวเองในอดีตไปแล้ว
“ฉัน?” หญิงสาวนิ่วหน้า เธอยื่นมือเข้าไปใกล้
และทันทีที่ปลายนิ้วแตะโดนกระจก..มันก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ภาพของชายหนุ่มวัย 26
ในกระจกเลือนหายไปพร้อมกับความรู้สึกคล้ายร่างกายกำลังโดนดูดไปที่ไหนซักแห่ง
ภาพที่มืดสนิทเริ่มมีแสงเล็ดลอดผ่านเข้ามา
ดวงเนตรสีมรกตของเธอหลับตาปี๋เพื่อปรับดวงตาให้คุ้นชินกับแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
และเธอก็ลืมตาขึ้นในที่สุด
เธอได้กลิ่นคาวเลือด
เห็นศพมากมายกองเกลื่อนพื้น
เห็นเหล่าทหารที่กำลังต่อสู้ห้ำหั่นกันเองแบบไม่มีใครยอมใคร
และตรงสุดของท้องพระโรง..
เธอเห็น
‘เธอ’ อยู่ตรงนั้น
ร่างโปร่งบางของเทนทาเนียในชุดกระโปรงบานกรอมเท้าสีดำสนิทตัดกับผิวที่ขาวราวกับหิมะ
เส้นผมสีดำขลับหยักศกตรงปลายเล็กน้อยยาวสยายถึงกลางหลัง
ใบหน้าหวานงามล่มเมืองถูกแต่งเติมด้วยลิปสติกสีแดงสดเพียงแท่งเดียวเท่านั้น
ดวงตาสีมรกตมองภาพทุกอย่างตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา
นั่น..คือเธอจริงๆน่ะเหรอ
เตนล์เคยเห็นความทรงจำของเทนทาเนียมาแล้วก็จริง
แต่ก็ไม่ได้เห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแจ่มชัดนัก
บางส่วนนั้นเลือนรางคล้ายความทรงจำที่ถูกตัดตอนไปจนเกิดเสียหายและไม่ครบถ้วน
โดยเฉพาะเหตุการณ์ก่อนที่จะกลายเป็นจักรพรรดินีของเจเรเมีย
งั้นนี่คือเหตุการณ์ใดกัน
“กำจัดพวกมันให้หมด! ปกป้องฝ่าบาทดาริอัส!!”
อา
นี่คือช่วงที่เจเรเมียฉุดดาริอัสลงจากบัลลังก์นั่นเอง
เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
มอง ‘ตัวเองอีกคน’ ที่ยังคงจดจ้องไปยังบัลลังก์นั้นอย่างไม่ละสายตา เธอเริ่มออกวิ่ง
เลิกสนใจตัวเองในอดีตที่ยังคงไม่ขยับไปไหน
สายตากวาดมองศพนับร้อยที่นอนเกะกะขวางทางเดิน
ต้องตามหาดาริอัส
ใช่
ต้องตามหาดาริ—
“เจ้าหักหลังข้า
เจเรเมีย” เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากห้องๆหนึ่ง เธอชะงักขา
หัวใจเต้นแรงคล้ายจะทะลุออกมาจากอก
บานประตูที่แง้มออกมาทำให้เธอต้องขยับเข้าไปใกล้แล้วลอบมองเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านช่องเล็กๆนั่น
เป็นดาริอัสและเจเรเมีย..คนหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ในขณะที่อีกคนยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมดาบที่เปื้อนเลือดผู้คนมากมาย
เธอไม่เห็นว่าเจเรเมียทำหน้ายังไงเพราะอีกฝ่ายหันหลังให้บานประตู
แต่เธอเห็นสีหน้าของดาริอัสอย่างชัดเจน
แม้ไม่แสดงอารมณ์ออกมาผ่านสีหน้า
แต่ดวงตาคู่นั้นคล้ายคนที่กำลังเหนื่อยล้าเต็มทน
“เพื่อจะได้เคียงคู่กับนาง
มีแต่วิธีนี้เท่านั้น”
“ทำไม”
“ท่านไม่เคยสนใจราชินีหรือสนมคนใด
ท่านพี่ แม้แต่ราชินีลำดับที่ 1 ท่านเอลายน์ ทั้งที่ท่านไม่สนใจนาง แต่ท่านก็ไม่คิดจะปล่อยนางไป”
“ไม่ใช่
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะถาม”
เจเรเมียเงียบไป
มุมปากของดาริอัสยกขึ้น ดวงตาสีดำขลับดูล้ำลึกราวกับหลุมดำที่ไร้จุดสิ้นสุด
“ทำไม—
เจ้าถึงนำนางมาบังหน้าเหตุผลที่แท้จริงของเจ้า”
บรรยากาศภายในห้องหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก
ตอนนั้น..ชั่วครู่หนึ่งเธออยากเห็นสีหน้าเจเรเมียเหลือเกิน อยากเดินเข้าไปในห้องและดูให้ชัดว่าเจเรเมียทำหน้าอย่างไรตอนที่ดาริอัสถามคำถามนั้นออกมา
ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง..ขาของเธอหนักอึ้งเกินกว่าจะก้าวเข้าไป
“ทั้งหมดนี่คงเป็นแผนของกวินฟอร์คนน้องสินะ”
เจเรเมียไม่ตอบ
ทว่าเขากลับขยับเข้าไปใกล้ผู้เป็นพี่ชายต่างมารดาเรื่อยๆ แขนข้างที่ถือดาบง้างออก
เทนทาเนียที่แอบดูเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่เบิกตากว้าง เธอวิ่งเข้าไปในห้อง
ไม่สนแม้ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานเสียกี่ครั้ง
“ลาก่อนท่านพี่”
ร่างกายที่พุ่งเข้าไปหวังจะช่วยชีวิตดาริอัสล้มลงกับพื้น
เธอเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิหนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงงานตัวเดิม
มองของเหลวสีแดงสดที่ไหลทะลักอยู่ตรงอก หัวใจเธอคล้ายร่วงหล่นไปถึงตาตุ่ม
“ไม่!!!!!!”
เฮือก!!
หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนขนาดใหญ่ในห้องนอนห้องเดิมที่คุ้นเคย
ใบหน้างามชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นเดียวกับปอยผมสีดำขลับที่เปียกลู่แนบใบหน้า
เธอหอบหายใจแรง ดวงตามีเขียวมรกตเบิกค้าง มือทั้งสองข้างกำผ้าห่มจนแทบฉีกขาด
นับตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่ลอเรนน่าเข้ามาทำงานในวัง—
นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เธอฝันถึงอดีต
แต่ในครั้งนี้มันต่างกันออกไป
มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่เจเรเมียนอกใจเธอ
มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่ผู้หญิงคนนั้นเกือบแท้งลูก และมันไม่ใช่ตอนที่เธอถูกประหาร
สามเหตุการณ์ที่ว่าคือสิ่งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆในฝันของเธอตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
วนเวียนอยู่ในหัวจนเธอจำได้เกือบทุกรายละเอียด
แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ความทรงจำของเธอ
“สายแล้วเหรอเนี่ย”
เธอพึมพำเมื่อเริ่มสงบใจได้
เวลาผ่านไปครู่หนึ่งซาเนียและนางข้าหลวงอีกจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องเพื่อช่วยอาบน้ำแต่งตัวเธอให้เรียบร้อย
ดูเหมือนพวกเธอจะแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้เธอตื่นสายกว่าปกติอยู่มากโข
เธอปล่อยให้พวกซาเนียจับเธอแต่งตัวไปตามความพอใจ
ในขณะที่สมองก็ครุ่นคิดถึงฝันเมื่อคืนที่จำได้อย่างเลือนราง
มีเพียงสายตาเย็นชาของเทนทาเนีย
และบทสนทนาของดาริอัสและเจเรเมียเท่านั้นที่ไม่ถูกลบเลือนไป
“ท่านดูสบายดีนะพ่ะย่ะค่ะ
องค์ชาย” เจเรเมียเงยหน้าขึ้นจากกระดานหมากรุกตรงหน้า
ดวงเนตรน้ำตาลทองสะท้อนภาพของสหายสนิทที่เดี๋ยวนี้นานๆทีจะได้เจอกันซักครั้ง
ใบหน้าหล่อเหลาเกินวัยคลี่ยิ้มออก มือเรียวขยับหมากตัว ‘ควีน’ เลื่อนไปข้างหน้า
จนกระทั่งรุกฆาตได้ในที่สุด
ตอนที่เขาและมารดาถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงไปยังชานเมืองของเขตโครนอส
ตระกูลดยุคแห่งโครนอส— ท่านดยุคเอเวอร์ลี่จึงเป็นผู้ที่คอยดูแลเขาตั้งแต่เล็กจนโต
นั่นทำให้เขาและวาเลนไทน์ที่วัยใกล้เคียงกันพลอยสนิทสนมกันไปด้วย
“ท่านพี่ส่งนางข้าหลวงคนนึงมาวังข้าน่ะสิ
นางน่าเอ็นดูใช่เล่น” เขาว่า ในขณะมือก็แกว่งหมากในมือไปมา
วาเลนไทน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ใครหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่บอกเจ้าหรอก”
“ท่านควรบอกข้าทุกอย่างต่างหากล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
มือที่แกว่งตัวหมากชะงักกึก องค์ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชั่วครู่หนึ่ง—
ดวงเนตรสีน้ำตาลทองฉายแววมืดมน เมื่อหวนนึกไปถึงมารดาผู้ล่วงลับก่อนที่เขาจะได้รับตำแหน่งองค์ชายอย่างเป็นทางการ
มือแกร่งลูบแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจากการฝึกฝนอย่างหนักผ่านเนื้อผ้าชั้นดีอย่างลืมตัว
รอยแผลเป็นมากมายยังคงมีอยู่เต็มต้นแขนและแผ่นหลัง
ความเจ็บปวดรวดร้าวราวร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆในตอนนั้นก็ยังคงอยู่
ทั้งเสียงแส้
เสียงร้องโหยหวน เสียงร่างกายที่กำลังถูกไม้หนาทุบตี
ทั้งหมดนั่น..
‘ข้าสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดินีได้!’
‘เจ้าจะได้เป็นจักรพรรดิ ส่วนข้าก็จะได้เป็นพระชนนี!!’
‘ใช่ ข้าจะกำจัดพวกที่มาขัดขวางทั้งหมด ข้าจะกำจัดพวกมัน!!’
“องค์ชาย?”
“ไม่มีอะไร”
หากวาเลนไทน์ไม่พาเขาไปแอบดูแลในคฤหาสน์ตระกูลเอเวอร์ลี่—
เขาคงต้องทนทุกข์ทรมานกับการทำร้ายร่างกายนั่นต่อไป
“องค์ชาย! ข้—
หม่อมฉันนำอาหารว่างมาให้เพคะ”
เสียงหวานใสที่ดังขึ้นจากหน้าประตูทำให้การพูดคุยของสองหนุ่มหยุดลงเพียงแค่นั้น
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก ผู้ที่เดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็นที่มีจานผลไม้จัดเรียงอยู่เป็นเด็กสาวรูปร่างบางผู้มีผมสีบลอนด์ทองเป็นลอนและดวงเนตรสีฟ้าใสราวอัญมณี
ใบหน้าเธอยังมีสีแดงระเรื่ออยู่เลย
เธอดูชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าในห้องไม่ได้มีเพียงองค์ชายเจเรเมียคนเดียว
“เอ่อ
หม่อมฉันไม่ทราบว่าพระองค์มีแขก” เธอดูประหม่า
โดยเฉพาะเมื่อชายแปลกหน้าผู้เป็นแขกมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย
ก่อนที่อีกฝ่ายจะค่อยๆคลี่ยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตาออกมา
มันดูเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจมากกว่าที่จะดูเป็นมิตร
และรอยยิ้มนั่นของเขาก็ทำเอาเธอขนลุกซู่
“ข้า
วาเลนไทน์ เอเวอร์ลี่ ครับ”
“ข้า
ลอเรนน่า เอฟเนอร์ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณชายเอเวอร์ลี่”
“เลดี้เรียกข้าว่าวาเลนไทน์ก็ได้”
เธอยิ้ม
ทว่ากลับเริ่มมีเหงื่อซึมที่ขมับ
ดวงตาสีฟ้าใสเหลือบมองผู้เป็นนายของตนอย่างขอความช่วยเหลือ
ทว่าสิ่งที่ได้กลับมากลับเป็นรอยยิ้มที่ไม่ต่างกันเท่าใดนัก “อ เอ่อ ค่ะ”
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ
เธอที่เป็นเพียงบุตรสาวบารอนจะกล้าเรียกบุตรชายท่านดยุคด้วยชื่อเฉยๆได้ยังไง
“งั้นเลดี้ลอเรนน่าคือนางข้าหลวงคนที่ท่านว่า?”
“ใช่”
องค์จักรพรรดิส่งนางมา?
วาเลนไทน์มีสีหน้าขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“คิดอะไรอยู่”
“อ้อ
ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ” อัจฉริยะหนุ่มว่าพร้อมรอยยิ้มประจำตัว
ดวงเนตรคมเหลือบมองเด็กสาวภายในห้องเล็กน้อย มือแกร่งเลื่อนมาแตะปลายคางตัวเองอย่างลืมตัว
แววตาล้ำลึกยากจะคาดเดา “ท่านควรไปเยี่ยมเยียนพูดคุยกับองค์ราชินีบ้างนะพ่ะย่ะค่ะ”
เขาสบตากับสหายสนิทก่อนผงกหัวรับ
“เข้าใจแล้ว
ไปกันเถอะลอเรนน่า”
“เพคะ”
เมื่อคนทั้งสองเดินออกจากห้องไปแล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาราวรูปปั้นสลักของชายหนุ่มที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมก็ค่อยๆเลือนหายไป
พลางหวนนึกถึงเรื่องซุบซิบที่เขาได้ยินมาระหว่างทาง
ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นอันเงียบสงบภายในวังตะวันออกในเขตแมกโนเลีย
เทนทาเนียเดินเล่นอยู่ในสวนพร้อมด้วยสหายสนิทอย่างเจนิซและนางข้าหลวงคนสนิทอย่างซาเนีย
ดวงเนตรสีมรกตกวาดตามองเหล่าบุปผานานาพันธุ์ที่ออกดอกผลิบานเพลินตา
ทั้งร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ ทั้งกลิ่นหอมอบอวลของธรรมชาติ
ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายจนเกือบลืมฝันร้ายที่ผ่านมาจนหมดสิ้น
“ข้าได้ยินว่าเจ้าย้ายไปอยู่กับแดเนียลแล้ว”
“ข่าวมาช้านะ
ข้าย้ายไปอยู่ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วต่างหาก” เจนิซว่าอย่างขำขัน
“หมอนั่นคงใกล้เข้าลัทธิกลัวเมียแล้วแหง”
ราชินีสาวเสมองไปทางอื่นพลางพึมพำเสียงเบา เจนิซขมวดคิ้ว “เจ้าว่าอะไรนะ
ลัทธิอะไรนะ”
“เปล่านี่”
เทนทาเนียส่ายหน้าพรืด
สองเพื่อนสาวคุยเล่นกันอีกพักใหญ่
จนกระทั่งเห็นศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีดำขลับมาจากไกลๆ
เจเรเมียเดินตรงมายังพวกเธอ
องค์ชายหนุ่มที่ไม่ได้รักษาภาพลักษณ์เจ้าชายเลยซักนิดเดินเข้ามาในวังตะวันออกพร้อมกับนางข้าหลวงสาวที่แสนคุ้นตา
นั่นมัน..
“องค์ราชินี”
เจเรเมียค้อมศีรษะลงให้ผู้มีศักดิ์สูงกว่า ก่อนหันไปทักทายหญิงสาวอีกคนในที่นี้
“ยินดีที่ได้พบครับ เลดี้คอนมินิก”
“ยินดีที่ได้พบเพคะ”
“นั่นเลดี้เอฟเนอร์สินะคะ”
เจนิซเหลือบมองลอเรนน่าที่ยืนอยู่หลังเจเรเมียด้วยสายตาเรียบเฉย
ทำเอาเด็กสาวที่ตั้งใจจะออกมาทักทายต้องหดหัวกลับไปด้วยความกลัว เจนิซเป็นคนหน้าดุ
หน้าเหวี่ยง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวไม่มีเพื่อนสนิทไม่มากนัก
ไหนจะนิสัยบ้าเงินอันเป็นที่รู้กันในหมู่ชนชั้นสูงนั่นอีก
ดวงตาสีฟ้าใสช้อนมองหญิงสาวทั้งสองด้วยสายตากล้าๆกลัวๆ
คนหนึ่งหน้าเหวี่ยงดูไม่เป็นมิตร
ส่วนอีกคนก็ปรายตามองเธออย่างเย็นชาคล้ายไม่อยากเสวนาด้วย
ทำเอาเด็กสาวหน้าเจื่อนไปหลายส่วน
“คือ
ข้า..ลอเรนน่า เอฟเนอร์ ยินดีที่ได้พบค่ะ”
“ไร้มารยาทจังนะคะ”
เจนิซว่าพลางคลี่พัดออก แสร้งเสมองไปทางอื่น ลอเรนน่าหน้าเสีย “ตามหลักแล้ว—
ผู้ที่ฐานะและบรรดาศักดิ์ต่ำกว่าไม่มีสิทธิเอ่ยปากกับผู้มีฐานะสูงกว่าก่อนนี่คะ”
“ข
ข้า..”
ช่างน่ากระอักกระอ่วน
เทนทาเนียถอนหายใจ
ดวงเนตรสีมรกตสะท้อนภาพของเด็กหนุ่มที่เติบโตขึ้นเป็นอย่างมากในระยะเวลาเพียงแค่ 3
ปี เจเรเมียในยามนี้ดูคล้ายกับเจเรเมียในความทรงจำจนน่าตกใจ เธอจิกเล็บลงบนแขนตัวเองอย่างแรงเพื่อตั้งสติ
หากมีเจเรเมียเพียงคนเดียวเธอคงไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่เพราะนี่มีลอเรนน่า— อืม
เหมือนโดนคอมโบอะไรแบบนั้น
“ท่านมีธุระอะไรกับข้าเหรอคะ”
เจเรเมียยิ้มเขินพลางลูบหลังคอตัวเองอย่างลืมตัว
“ไม่มีอะไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่คิดว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอท่านเลยนะ
เลยอยากมาเยี่ยมเยียนบ้าง ว่าแต่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ดีค่ะ
แล้วนั่น..” เธอเหลือบมองตะกร้าสานในมืออีกฝ่าย
“ขนมเค้กพ่ะย่ะค่ะ
ข้าได้ข่าวว่าท่านชอบมันมากเลยนำมาให้”
“ขอบคุณนะคะ”
เธอยิ้มอย่างเป็นมิตร คิดจะยื่นมือไปรับ ทว่า.. “ลอเรนน่าทำมันเองกับมือเลยนะพ่ะย่ะค่ะ
ข้ารับรองว่าอร่อยมาก”
“อ้อ..”
มือเรียวที่ยื่นไปถูกดึงกลับมาแนบข้างลำตัวโดยที่มีเพียงไม่กี่คนที่สังเกตเห็น
องศารอยยิ้มลดลงเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะพยักพเยิดหน้าให้ซาเนียไปรับมันมา
“ข้าจะเก็บไว้ชิมวันหลัง”
เธอกล่าวโดยไม่มองหน้าลอเรนน่า
“ขอบคุณสำหรับน้ำใจเจ้า”
ทั้งน้ำเสียงเรียบเฉย
ทั้งแววตาเย็นยะเยือก
ดูไม่เข้ากับคำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมาเลยซักนิด
ลอเรนน่าไม่เข้าใจว่าเธอทำอะไรผิด
มือของเธอสั่นยามหวนนึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานซืน
มือเรียวภายใต้ถุงมือลูกไม้ของเทนทาเนียที่ชะงักและลดระดับลงยามที่เจเรเมียเอ่ยว่าขนมพวกนั้นเธอเป็นคนทำเองกับมือยังวนเวียนอยู่ในความคิด
เทนทาเนียดูไม่ชอบเธอ— ไม่ชอบเอามากๆ
ไม่เฉียดเข้าใกล้
ไม่แม้แต่จะหันมามองให้เต็มๆตา
ดวงตาสีฟ้าใสหม่นแสงลงยามนึกถึงท่าทีเย็นชาของอีกฝ่ายที่แสดงออกตลอดเวลายามพบเธอ
เธอดูไม่ได้ใจดีเหมือนกับที่คิดเอาไว้
หรือเธอไปทำอะไรผิดโดยไม่รู้ตัวรึเปล่านะ?
เธอไปทำอะไรที่มันเสียมารยาทต่ออีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวงั้นหรือ
ไม่น่าใช่
ริมฝีปากบางสีชมพูธรรมชาติขบเม้มเป็นเส้นตรงจนลิ้นรับรสได้ถึงความขมปร่าของคาวเลือด
มือเล็กทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น ในขณะที่สมองก็ครุ่นคิดถึงเหตุผลว่าทำไมผู้ที่เธอชื่นชมและมองเป็นแบบอย่างถึงได้มีท่าทีไม่ชอบเธอเสียขนาดนั้น
“เจ้าคือ..ลอเรนน่า?”เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้ความคิดมากมายมลายหายไปกับอากาศ
เธอขมวดคิ้วมองหญิงสาวแปลกหน้าด้วยความฉงน ก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“ท่านราชินีลำดับที่
3!”
นาร์ซิสซ่ายิ้มขำ
“ไม่ต้องเรียกเต็มยศเสียขนาดนั้นก็ได้ แค่ท่านนาร์ซิสซ่าก็พอ”
เด็กสาวยิ้มเขิน
ยกมือขึ้นเกาแก้มพลางเสมองไปทางอื่นด้วยความประหม่า ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นยืน
โค้งศีรษะลงทำความเคารพจนหัวแทบทิ่มพื้น “ยินดีที่ได้พบท่านเพคะ ท่านนาร์ซิสซ่า!”
“ดีมาก
ร่าเริงดีมาก”
“อ่ะ
มันคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ขอโทษเพคะ หม่อมฉันคงตื่นเต้นเกินไป”
ก็นอกจากเทนทาเนีย
ดาริอัส และเจเรเมีย— เธอยังไม่เคยเจอเชื้อพระวงศ์หรือราชินีคนอื่นเลยน่ะสิ
“แล้วเจ้ามานั่งทำอะไรที่สวนนี้คนเดียว”
“คือหม่อมฉันเดินเยอะเกินไป
เลยมาพักขาเพคะ” เด็กสาวยิ้มเจื่อน วังหลวงกว้างจนเดินทั้งวันก็คงไม่หมด
เธอเลยตัดสินใจพักขาอยู่ที่นี่เพื่อชมต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อย
อีกอย่าง..เธอยังกังวลเรื่องท่าทีของเทนทาเนียที่มีต่อเธอ คิดไปคิดมา
รู้สึกตัวอีกทีก็เย็นเสียแล้ว
“งั้นไปพักขาที่วังข้ามั้ยล่ะ
ข้าเคยรู้จักคอร์นีเลียส— พี่ชายของเจ้า
เปลี่ยนบรรยากาศมาคุยกับคนน้องบ้างก็คงดีไม่ใช่น้อย”
ดวงตาสีฟ้าอัญมณีเป็นประกาย
เธอผงกศีรษะรัวๆ ปากบางฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส
“ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพคะ!”
อีกด้านหนึ่ง
ดาริอัสละสายตาจากเอกสารบนโต๊ะก่อนเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ อีเธน ครอส
เดินเข้ามาพร้อมเอกสารในมือสองสามฉบับ
ใบหน้าเรียวภายใต้กรอบแว่วบางดูไม่สบอารมณ์เล็กน้อยยามที่เห็นว่าบนโต๊ะของจักรพรรดิหนุ่มมีกองเอกสารมากมายขนาดไหน
“มัวแต่คิดออกแบบเครื่องประดับให้ท่านเทนทาเนีย
สมน้ำหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะที่งานจะกองสูงจนแทบล้มทับได้แบบนี้”
“อย่ามาทำตัวเป็นพ่อข้าไปหน่อยเลยน่า”
ดาริอัสกลอกตา “แค่โจนาห์คนเดียวก็ทำข้าหูชาได้แล้ว”
“สงสัยกระต่ายจะออกลูกเป็นควายแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ข้ากับไอบ้านั่นคิดเหมือนกัน”
“เฮ้
เรียกหมอนั่นดีๆหน่อย โจนาห์ก็เพื่อนเจ้า”
อีเธนไหวไหล่
“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหนุ่มกุมขมับ
ท่าทางดูไม่เข้าใจเหมือนที่พูดเลยซักนิด
“แล้วเจ้ามีเรื่องอะไรล่ะ”
ดาริอัสว่าขณะที่มือก็ขีดเขียนลงบนเอกสารอย่างตั้งใจ
อีเธนหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาโดยไม่ต้องรอคำอนุญาต
พลางพาดแขนกับโซฟาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“ก็เรื่องที่ท่านให้ข้าจับตาดูทางวิหารน่ะ”
“ทำไม?”
“ท่านก็รู้ใช่มั้ยพ่ะย่ะค่ะ
ว่าเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนท่านดยุคแห่งเมลวาส ยูทารอธ เรดคลิฟ
เดินทางกลับเมืองหลวงโดยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า
ไม่แม้แต่เข้ามาเยี่ยมเยียนท่านเทนทาเนียด้วยซ้ำตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา”
“ก็ใช่”
“เมื่อ
2 สัปดาห์ก่อนข้าพบเขาที่วิหารศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ เมื่อสัปดาห์ก่อนก็ด้วย
และเมื่อวานก็ด้วย”
“สงสัยไปขอพรให้เลิกกินแห้วเวลาจีบหญิงล่ะมั้ง”
“ฝ่าบาท”
อีเธนมองดุ ดาริอัสถอนหายใจ “ข้าไม่เล่นแล้วก็ได้”
ขุนนางหนุ่มสบตากับนายเหนือหัวของตนด้วยสายตาจริงจัง
“ข้าคิดว่าเขาติดต่อกับทางวิหารอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
-----|-----|-----|-----|-----|-----
เฮ้ย
ยูทารอธ!?
เข้าใจนังหนูลอเรนน่าหน่อยค่ะ
นางคงไม่เก้ทแหละเพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด เพราะในโลกนี้เหตุการณ์นั้นยังไม่เกิดขึ้น
แถมนังหนูก็ไม่ได้มีอำนาจวิเศษรู้อดีตรู้อนาคตด้วย (ฮา)
ทุกคนคิดว่าใครคือตัวร้ายที่แท้จริงคะ
มาลองเดากันเล่นๆดูได้ แต่ถึงตอบถูกเราก็ไม่มีอะไรจะให้หรอกค่ะ พอดีช่วงนี้ไม่มีงบ
;-;
ช่วงนี้มาช้าหน่อยเพราะกำลังทยอยสต็อกตอนไปเรื่อยๆ
แต่คิดว่าคงจบก่อนเดือนสิงหาค่ะ!
#เทนทาเนียdt
ความคิดเห็น