คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 – Prince Jeremia Hyperion
Chapter 10 – Prince
Jeremia Hyperion
หลังจากที่เดินสำรวจไปจนทั่วเมือง
พวกเขาก็นั่งรถม้ากลับวังตากอากาศในทันทีโดยมียูทารอธขี่ม้าตามมาคอยคุ้มกันอยู่ไม่ไกล
ดาริอัสเหลือบมองใบหน้าของเด็กสาว พวกเขาพึ่งตกลงกันว่าจะใช้สำเนียงพูดแบบโบราณเช่นเดิม
เพราะไม่รู้ว่าจะมีใครแอบมาได้ยินตอนไหน เทนทาเนียมีสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว
ดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่
เขาดีดหน้าผากของเด็กสาวไปทีหนึ่ง
“เป็นอะไร”
เทนทาเนียดูจะไม่พอใจเท่าไหร่นัก เธอลูบหน้าผากตัวเองปอยๆแล้วส่ายหน้า
“เปล่านี่”
ดาริอัสขมวดคิ้วจนเป็นโบ
เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่าพลางสบตากับดวงเนตรสีมรกตคู่นั้นราวกับกำลังค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่
เด็กสาวชะงัก มองใบหน้าที่ห่างกันชั่วคืบแล้วเผลอกัดริมฝีปากอย่างลืมตัว ชั่วครู่ที่รู้สึกเหมือนใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้
เธอไล่ความรู้สึกนั้นออกไปก่อนใช้มือดันหน้าหล่อๆของคนตัวสูงออกห่าง
“ใกล้เกินไปแล้ว”
“ทำไมล่ะ”
ดาริอัสทำหน้ายียวน “หวั่นไหวรึไง”
“ท่านนี่เพ้อเจ้อจริงๆ
อย่าลืมว่าวิญญาณข้าก็ผู้ชาย” เด็กสาวเงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนส่งเสียงอ้อแล้วทุบกำปั้นลงบนฝ่ามือของตัวเองเบาๆ “ไม่สิ ต่อให้วิญญาณข้าเป็นผู้หญิง
หรือวิญญาณในร่างนี้คือเทนทาเนียตัวจริง ท่านคิดเหรอว่าคนที่อยู่ท่ามกลางผู้ชายหน้าตาดีทั้งในครอบครัวและหมู่เพื่อนฝูงจะมาใจเต้นเพราะหน้าของท่าน”
จักรพรรดิหนุ่มมองนิ้วเรียวของเด็กสาวที่จิ้มหน้าผากเขาจึกๆประกอบคำพูด
ก่อนพึมพำกับตัวเอง“แต่เมื่อกี้เจ้าหน้าแดง”
“ว่าไงนะ”
“เปล่า
ไม่มีอะไร แล้วสรุปเจ้ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่”
การเปลี่ยนเรื่องแบบนั้นมันอะไรกัน
เทนทาเนียบึนปาก
สุดท้ายเธอก็ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจและยอมพูดออกมา
“ข้ากำลังคิดเรื่องของเจเรเมีย”
คำพูดของเธอทำให้บรรยากาศผ่อนคลายเมื่อครู่เริ่มหนักอึ้ง
มือกร้านของดาริอัสสั่นในชั่วครู่ที่เธอไม่ได้สังเกต เด็กสาวยกมือขึ้นกอดอก
เบนสายตาไปมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่เปลี่ยนไปตามความเร็วและทิศทางของรถม้า
“ข้าจำใบหน้าของเขาได้เลือนราง
มันก็ 17 ปีมาแล้ว นับตั้งแต่ที่ข้าเห็นใบหน้าของเขาผ่านความทรงจำของเทนทาเนียตัวจริง”
“....”
แม้ดาริอัสจะเปลี่ยนนางข้าหลวงของเธอจากเกรด้าที่ทำให้เธอกับเจเรเมียได้เจอกันกลายเป็นซาเนียแล้วก็ตาม
แต่ในโลกใบนี้มีหลายสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่ควรเป็น มันจะเป็นไปได้มั้ยว่า—
จะมีตัวแปรอื่น
“งั้นในความทรงจำนั่น
เจ้าจะได้เจอกับเขาตอนอายุเท่าไหร่”
“20”
เธอตอบในทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด เธอจำเรื่องราวส่วนนี้ได้อย่างแม่นยำเพราะทวนมันเป็นล้านๆครั้ง
“นั่นคือความทรงจำของเทนทาเนียที่เจ้าเห็นสินะ”
ดาริอัสเงียบไปอย่างครุ่นคิด ก่อนที่เขาจะพูดต่อ “จริงๆแล้ว
มันมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น”
“ท่านหมายถึงอะไร”
ดวงเนตรสีดำขลับมองเธอนิ่ง
“ข้าเคยเห็นในความทรงจำของดาริอัสตัวจริง หลังจากเจเรเมียเกิดไม่นาน มารดาของเขาถูกลงโทษประหารชีวิตเพราะก่อความผิดร้ายแรงเอาไว้
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวตนของเขาถูกเก็บเป็นความลับ
และต้องไปอยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลกวินฟอร์”
“....”
“แต่โลกใบนี้—
ไม่ใช่ มารดาของเขาก่อความผิดร้ายแรงก็จริง นั่นก็คือการพยายามลอบสังหารข้าที่ยังเล็ก
แต่นางไม่ได้ถูกประหาร ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่นางถูกเนรเทศพร้อมเจเรเมีย
และต้องอาศัยอยู่กับเขาเพียง 2 คนในหมู่บ้านเขตโครนอสซึ่งค่อนข้างไกลจากเมืองหลวง”
“ไม่ใช่ตระกูลกวินฟอร์ที่ดูแลพวกเขา?”
“ใช่
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงไม่สามารถสืบหาตัวเขาได้เลยจนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อน
ข้าได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ และมารดาของเขา— เลดี้คลอดีเรียได้เสียชีวิตลง
ดยุคตระกูลเอเวอร์ลี่ถึงได้บอกเรื่องนี้กับข้า
ข้าจึงได้รับเขาเข้ามาดูแลในวังอย่างลับๆ ตอนแรกข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไร
จึงไม่ได้บอกเจ้า”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน..”
“อยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลเอเวอร์ลี่ในเมืองหลวง
ที่นั่นมีเพียงบุตรชายของคนรองและบุตรสาวคนเล็กของดยุคเอเวอร์ลี่เท่านั้นที่อาศัยอยู่”
ตระกูลเอเวอร์ลี่—
ตระกูลของราชินีลำดับที่ 3 นาร์ซิสซ่า เอเวอร์ลี่
จากที่ดาริอัสว่ามา
มันก็ดูไม่ได้สำคัญอะไรจริงๆ ตระกูลเอเวอร์ลี่ไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรขนาดนั้น
ในนวนิยายเองตระกูลนี้ก็เป็นเพียงตระกูลดยุคที่ใกล้จะหมดอำนาจในยุคของเจเรเมีย
“ข้าได้ยินว่าอาณาจักรโอเชียน่าจะส่งทูตมาเร็วๆนี้”
ดาริอัสมองคนเปิดประเด็นสนทนาที่กำลังเหม่อมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่าง
“อืม
ดูเหมือนว่าจะมาถึงสัปดาห์หน้า เจ้าก็เตรียมตัวไว้”
“ข้า?” คนตัวเล็กขมวดคิ้ว ดาริอัสออกแรงผลักศีรษะเธอเบาๆด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ก็เจ้าเป็นราชินี ก็ต้องเตรียมตัวอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”
“นั่นมันก็—
“
กึก..
ประโยคที่ยังพูดออกมาไม่จบดีชะงักไป
รถม้าทั้งคันหยุดเคลื่อนไหวพร้อมกับเสียงเอะอะด้านนอก พวกเขาได้ยินเสียงโหวกเหวกของเหล่าทหารและเสียงตะโกนของยูทารอธที่ดูเกรี้ยวกราดต่างไปจากปกติ
คนบ้าๆบอๆอย่างยูทารอธน่ะนะ?
ของเหลวสีแดงสาดกระเซ็นผ่านหน้าต่างรถม้าไปในชั่ววินาที
ร่างของเทนทาเนียเย็นวาบ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบกับชายฉกรรจ์ในผ้าคลุมปิดหน้าปิดตาไม่ต่ำกว่าสิบห้าคนกำลังต่อสู้อยู่กับทหารองครักษ์ด้านนอกนั่น
เธอพยายามไม่ตื่นตะหนก แม้ร่างกายจะเริ่มสั่นและมือเริ่มมีเหงื่อไหลจนชุ่ม
“พวกมันเป็นใครกัน”
ดาริอัสพึมพำเสียงเครียด
ในขณะที่มือก็ชักดาบเรเปียร์เล่มงามของตนออกมาโดยที่ยังไม่ละสายตาจากเหตุการณ์ภายนอกรถม้านั่น
เขาขยับไปตรงประตูรถม้าโดยใช้มือข้างหนึ่งกันให้เทนทาเนียหลบอยู่ด้านหลัง
แม้จะรู้ว่าเทนทาเนียมีฝีมือการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
พวกเขาได้กลิ่นไหม้
เป็นเวลาเดียวกับที่ยูทารอธดึงประตูรถม้าให้เปิดออกอย่างแรงพร้อมกับบอกให้นายเหนือหัวทั้งสองรีบออกจากรถม้าแล้วหนีไปหาที่หลบภัยซ่อนตัวซักพักก่อน
ดาริอัสพยักหน้าเข้าใจ
เขาลงจากรถม้าเป็นคนแรกก่อนอุ้มเทนทาเนียจนตัวลอยลงมาด้วยกัน
พร้อมจับมือเล็กของเด็กสาวแน่นแล้วออกตัววิ่งในขณะที่ผู้ร้ายยังไม่ทันสังเกตเห็นพวกเขา
ถึงแม้ว่าชุดที่เธอใส่จะไม่มีสุ่มและไม่ใช่กระโปรงแบบเดรสเข้ารูป
แต่กระโปรงที่พริ้วไปตามแรงวิ่งและรองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ก็ทำให้การเคลื่อนไหวลำบากอยู่ไม่ใช่น้อย
“เห้ย! องค์จักรพรรดิกับราชินีอยู่นั่น!!” ใครซักคนในหมู่ผู้ร้ายตะโกน
นั่นทำให้ผู้ร้ายบางส่วนที่เลี่ยงการต่อสู้กับพวกทหารได้รีบเร่งฝีเท้ามุ่งตรงมายังพวกเขา
ดาริอัสหยุดวิ่ง เขาหันดาบไปยังทิศที่ผู้ร้ายกำลังวิ่งมาด้วยสายตาที่แฝงความกังวลอยู่เล็กน้อย
ชั่วพริบตาที่เด็กสาวรู้สึกว่าดาบของดาริอัสส่องแสง
นั่นคงเป็นพลังของเจ้าตัว
“ข้าจะกันไว้ให้
เจ้าไปหาที่หลบซะ”
ไม่ชอบตัวเองเวลาที่ต้องไปเป็นภาระของใครเลย
เด็กสาวเม้มริมฝีปาก พยักหน้ารับ แม้ในใจจะรู้สึกแย่ที่ตนต้องมาถูกปกป้องก็ตาม
เธอไม่ได้พกอาวุธติดตัวมาด้วยเพราะความประมาทที่คิดว่าแค่เดินชมความเป็นอยู่ของชาวบ้านภายในเมืองคงไม่เป็นไร
ดวงเนตรสีมรกตเหลือบมองไปด้านหลัง
เห็นยูทารอธกำลังสู้กับพวกผู้ร้ายอยู่แถวรถม้า ดาบของเขาถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟสีแสด
พวกมันบางคนถูกโจมตีตามส่วนต่างๆของร่างกายจนเกิดกลิ่นเหม็นไหม้
เขาดูเหนื่อยนิดหน่อยเพราะจำนวนคนของอีกฝ่ายที่มากกว่า
แต่ก็ไม่ได้ดูเสียเปรียบอะไร
เธอเบนสายตาไปมองดาริอัส
ถึงภายในร่างจะเป็นคิมโดยอง— ไม่ใช่ดาริอัสตัวจริง แต่ฝีมือดาบนั่นก็ไม่แย่เลย
อาจจะไม่ได้ดีเทียบเท่ายูทารอธที่เป็นอัจฉริยะด้านนี้
หรือไม่ได้เก่งเท่ากับอะเมทิสต์ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้
แต่ก็อยู่ในระดับที่สามารถต้านนักฆ่าพวกนั้นได้ถึง 4 คน
เทนทาเนียหันหลังและออกตัววิ่ง
ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างขัดใจเมื่อการหนีเป็นไปอย่างยากลำบาก
เดิมทีเธอก็ไม่ใช่พวกชอบหนีไปหลบหลังคนอื่นอยู่แล้ว
มันจึงยิ่งหงุดหงิดงุ่นง่านกว่าปกติ
หนึ่งในนักฆ่าพุ่งตรงมาทางเธอพร้อมกับคมดาบที่หันเข้าหาหมายเอาชีวิต
ดวงเนตรสีเขียวอัญมณีของเธอวาวโรจน์
ในชั่วพริบตาที่เธอตะหนักได้ถึงอันตรายเพราะไร้อาวุธในมือ เธอถอดรองเท้าส้นสูงอย่างรวดเร็วก่อนจับมันให้มั่นแล้วฟาดลงบนศีรษะของชายฉกรรจ์ที่เข้ามาหวังทำร้าย
คมดาบเฉียดแขนเธอไปเพียงเล็กน้อย
ความเจ็บแสบแล่นเข้ามาผ่านปลายเส้นประสาทสัมผัส
เธอเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงแล้วฟาดส้นสูงลงที่ชายคนนั้นย้ำๆ
แม้จะถูกแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามฟาดกลับมาบ้าง
แต่เธอก็กระโดดถอยหลบอย่างทันท่วงทีทำให้ไม่โดนอัดเข้าไปเต็มๆ
ถ้าโดนแขนแบบนั้นฟาดเข้าไป—
เชื่อเลยว่าคงจุกไปอีกหลายวัน
แค่โดนเฉียดๆ
แขนเธอก็ช้ำจะตายอยู่แล้ว
คิดดูสิ
คนหนึ่งมีแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ถ้าให้เปรียบกับโลกปัจจุบันก็พวกนักเพาะกายดีๆนี่เอง
ในขณะที่อีกคนเป็นเด็กสาวรูปร่างโปร่งบางที่ส่วนสูงไม่ถึง 165 เซนซะด้วยซ้ำ
“โคตรเจ็บเลย
ยัยบ้าเอ้ย” ชายคนนั้นส่งเสียงร้องออกมา มันคล้ายเสียงครวญครางของสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ
คิ้วและศีรษะของเขาแตกเนื่องจากถูกทำร้ายด้วยรองเท้าส้นสูง
ตรงแขนและลำคอมีรอยช้ำเขียวเล็กน้อย
ส้นสูงทั้งสองข้างหักไปแล้ว..ตอนนี้เธอเหลือตัวเปล่าจริงๆ
การจะใช้เวทมนตร์จำเป็นต้องมีอาวุธเป็นตัวกลาง
น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอไม่มีอะไรซักอย่าง
และเพราะเธอสนใจชายที่อยู่ตรงหน้ามากเกินไป
เธอจึงไม่ทันสังเกตเห็นชายฉกรรจ์อีกคนที่ลอบเข้ามาใกล้จากด้านหลัง
ฉึก
“ระวังตัวหน่อยสิ”
เสียงนุ่มทุ้มตามประสาเด็กชายที่พึ่งเข้าสู่วัยแตกหนุ่มได้ไม่นานดังขึ้นจากด้านหลัง
ร่างกายของเทนทาเนียแข็งทื่อ ใจเต้นระรัว
มือที่จับรองเท้าส้นหักๆชาวาบจนเผลอปล่อยมันร่วงลงพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้
เธอได้ยินเสียงใครซักคนล้มฟุบลงไปกับพื้นอย่างแรง
ได้กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกอยู่ไม่ไกล
ชายฉกรรจ์ด้านหลังคงถูกจัดการไปแล้ว
แต่ชายตรงหน้านี่..เขาลุกขึ้นพรวดพราด มองเธอด้วยสายตาวาวโรจน์พร้อมกับยื่นแขนมาคงคิดจะบีบคอเธอให้ตาย
แต่มันก็ไม่เป็นไปตามที่อีกฝ่ายหวัง คมดาบจากเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลังพุ่งเฉียดใบหน้าของเธอแทงเข้าที่ลำคอของชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างรวดเร็ว
โลหิตสีแดงสาดกระเซ็นเปรอะใบหน้าและเสื้อผ้า
กลิ่นคาวเลือดเหม็นคลุ้ง ดาบถูกดึงออกจากลำคอของชายฉกรรจ์ผู้น่าสงสารที่ไม่สามารถแม้แต่จะร้องขอชีวิตเพราะเส้นเสียงถูกตัดขาด
เขาล้มฟุบลงไปกับพื้น เป็นเวลาเดียวกับที่เธอได้ยินเสียงการขยับตัวของเด็กหนุ่มด้านหลัง
“คุณเป็นอะไรมั้ย?”
ไม่รู้ว่ามันเป็นลางสังหรณ์หรือเปล่า
แต่—
เหมือนเลือดภายในกายมันกู่ร้องก้องตะโกนว่าเธอไม่ควรหันหลังไปมองเจ้าของเสียงนั้น
มันอาจจะเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ หรือ..อืม ช่างมันเถอะ
เธอไม่รู้จะเรียกอาการแบบนี้ว่าอะไรดีเหมือนกัน
แต่เหมือนร่างกายของเธอตอบสนองต่อเสียงของเขา
เสียงของผู้ชายคนนั้น
เจเรเมีย
ไฮเพอเรียน
ริมฝีปากซีดเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง
ใบหน้าเรียวค่อยๆหันไปมองผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือ
อีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเจ้าของผิวขาวซีดราวกับไม่เคยต้องแดด
ผมสีดำขลับรับกับใบหน้าคมที่ดูดีเกินวัย
นัยน์ตาสีน้ำตาลทองของเขาสะท้อนภาพของเธออยู่ในนั้น
ในมือของเขาถือดาบเรเปียร์ที่ดูคล้ายกับดาบของดาริอัส แต่ก็แตกต่างในบางรายละเอียด
“อ
อ่ะ..” หัวใจของเธอเต้นระรัวเสียงดังก้องหู ปากซีดสั่นพูดไม่ออก ดวงเนตรกลมจับจ้องไปยังชายตรงหน้าราวกับพยายามเก็บภาพของเด็กหนุ่มให้ได้มากที่สุด
นี่ไม่ใช่ความรู้สึกของเตนล์
แต่มันคือความรู้สึกของ ‘เทนทาเนีย’
มันคือความรู้สึกของเจ้าของร่างที่แท้จริง
‘เทนทาเนีย’
ตอบสนองต่อเสียง รูปลักษณ์ ไม่สิ
ร่างกายนี้ตอบสนองต่อทุกสิ่งที่เป็นชายตรงหน้า
แม้แต่หัวใจนี่ก็ช่างเต้นดังจนน่ารำคาญ
“เอ่อ เลดี้?” เธอสะดุ้งเมื่อเด็กหนุ่มโบกมือไปมาตรงหน้าเธอ
ต้องขอบคุณมันที่ทำให้เธอได้สติ เทนทาเนียฉีกยิ้มตามมารยาท
“ไม่เป็นไรค่ะ
ขอบคุณที่ช่วยนะคะคุณชายน้อย”
เจเรเมียลูบคอตัวเองแก้เก้อพลางเสมองไปทางอื่น
“คือข้าผ่านมาพอดีน่ะ เห็นกำลังวุ่นวาย ตอนแรกจะไม่สนใจแล้วแท้ๆ
แต่มันกล้าดียังไงมาทำร้ายเลดี้นะ”
ชั่วครู่หนึ่ง
เทนทาเนียคิดว่าสายตาที่เด็กหนุ่มตรงหน้าหลุบมองร่างโชกเลือดของชายฉกรรจ์บนพื้นตอนประโยคสุดท้ายนั้นช่างน่าขนลุก
“แต่ก็ดีแล้วที่เลดี้ไม่เป็นไ—
“
“เจเรเมีย?” เสียงทุ้มต่ำที่เด็กสาวจำได้ดีว่าเป็นของใครดังขึ้น
ดาริอัสดูฉงนไม่น้อยที่น้องชายต่างมารดาของตนมาปรากฎตัวที่นี่ แน่นอน
เขาคาดไม่ถึงหรอกว่าความบังเอิญแบบในนิยายหรือหนังรักแฟนตาซีมันจะมีจริงๆ แม้แต่เทนทาเนียเองก็คงคาดไม่ถึงเหมือนกัน
เขาเดินมาทางเธอโดยทิ้งร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าสามคนไว้ด้านหลัง ใบหน้าชื้นเหงื่อ
คงจะออกแรงไปไม่ใช่น้อย
เด็กสาวมองไปยังสถานการณ์โดยรอบ
เหตุการณ์เริ่มสงบลงแล้ว พวกนักฆ่าหลายคนถูกจับได้
แม้จะมีบางส่วนที่ชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อน
แต่ก็เหลือสองถึงสามคนที่พวกเขาสามารถนำกลับไปสอบปากคำเพื่อหาตัวผู้บงการ
“ท่านพี่ ไม่สิ
ฝ่าบาท” เจเรเมียเองก็มีท่าทีตะหนกเมื่อรู้ว่าดาริอัสอยู่แถวนี้
เขาค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อม
ทำให้ไม่ทันเห็นดวงเนตรของเทนทาเนียและดาริอัสที่มองไปยังเขาด้วยสายตาอ่านยาก
สีหน้าของดาริอัสดูไม่สู้ดีนัก
เขากำลังเป็นกังวล
เป็นกังวลกับการปรากฏตัวของเจเรเมียที่เร็วกว่าในนิยายถึง
3 ปี
เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างของน้องชายต่างมารดาก่อนตบบ่าเบาๆ
“ดูเหมือนข้ากับเจ้ามีเรื่องที่ต้องคุยกัน
ตามข้ามาที่วังด้วย”
ห้องรับรองขนาดย่อมในวังตักอากาศที่ปกคลุมด้วยบรรยากาศอึกครึม
สามชีวิตที่นั่งไม่พูดไม่จาอยู่บนโซฟา กับอีกหนึ่งชีวิตที่ทำได้เพียงยืนเยื้องไปไม่ไกล
ยูทารอธกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก สองในสามคนที่นั่งอยู่ก็คือนายเหนือหัว
อีกหนึ่งคือเด็กหนุ่มที่เขาไม่รู้จัก
แค่ตอนที่องค์จักรพรรดิบอกให้พาเด็กหนุ่มคนนี้กลับวังตากอากาศมาด้วยก็น่าสงสัยมากแล้ว
นี่ยังมานั่งไม่พูดไม่จากันอีก
อยากให้เขาอึดอัดตายรึไง!?
“คือว่า
ฝ่าบาท” ยูทารอธทำใจกล้าเรียกองค์เหนือหัว เขาผายมือไปยังเจเรเมียที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม
“ท่านผู้นี้คือ...”
ดาริอัสลอบปรึกษาเทนทาเนียทางสายตา
เด็กสาวพยักหน้ารับ คิดว่าบอกยูทารอธไปก็คงไม่เป็นไร
ยังไงซะซักวันเจ้าตัวก็ต้องรู้อยู่ดี
“เจเรเมีย
ไฮเพอเรียน องค์ชายลำดับที่ 2 ของจักรพรรดิพระองค์ก่อน”
ดูเหมือนว่าคำพูดของดาริอัสไม่เพียงทำให้ยูทารอธตกใจ
แต่ยังทำให้เจเรเมียประหลาดใจด้วย เจ้าตัวคงไม่คิดว่าดาริอัสจะเปิดเผยเรื่องของตนให้คนนอกรับรู้
“องค์ชาย?” ว่าที่ดยุคหนุ่มดูตกอกตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยิน
เขาเข้าใจมาโดยตลอดว่าจักรพรรดิองค์ก่อนมีบุตรชายเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือจักรพรรดิองค์ปัจจุบันที่นั่งอยู่ตรงนี้
คิ้วเรียวขมวดเป็นปม ส่งสายตาไปหาเพื่อนสนิทสาวเพื่อถามความเห็น
“ข้าเองก็พึ่งรู้”
เธอตอบ แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ความจริง
“เจย์
ข้าขอแนะนำนะ นี่คือ เทนทาเนีย เรเน่ วินเทอร์ฮาร์ท เจ้าคงไม่เคยพบนางมาก่อน
นางคือราชินีลำดับที่ 4 ของข้า” จงใจเน้นประโยคสุดท้ายเพื่อย้ำให้คนตรงหน้าฟัง
เจเรเมียดูไม่ได้ติดใจอะไร เขาค้อมศีรษะลงก่อนคลี่ยิ้ม
“ยินดีที่ได้รู้จักพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องพูดกับข้าเป็นทางการแบบนั้นก็ได้ค่ะ”
เจเรเมียไม่ได้ตอบ สายตาของเขาจับจ้องเทนทาเนียในบ้างครั้ง แน่นอนว่ามันทำให้เด็กสาวรู้สึกทำตัวไม่ถูก
“ท่านเทนทาเนียงดงามจริงๆ
สมแล้วที่ฝ่าบาทเลือกท่านเป็นราชินีด้วยตัวเอง”
“องค์ชายยอข้าเกินไปแล้ว
ในวังหลังของฝ่าบาทยังมีราชินีและสนมที่หน้าตางดงามอยู่มาก ท่านพูดแบบนี้คงเพราะไม่เคยเจอพวกนาง”
คนอายุน้อยกว่าหัวเราะ
“ก็คงงั้น”
องค์ชายหนุ่มมองแขนของดาริอัสข้างหนึ่งที่โอบรอบเอวของเทนทาเนียเอาไว้ด้วยสายตาเป็นประกาย
“พวกท่านดูรักกันดีนะพ่ะย่ะค่ะ น่าอิจฉาจัง”
แค่แสดงออกให้นายเห็นว่ารักกันต่างหาก
เทนทาเนียคิด
จริงๆอยากหยิกแขนของชายข้างกายซักที ถ้าไม่ติดว่าต้องทำตัวแบบคู่รักที่รักกันปานจะกลืนกินล่ะก็นะ
“งั้นให้ข้าจัดการคัดเลือกชายาของท่านให้มั้ยคะ
ข้ามั่นใจว่าต้องมีคนที่เพียบพร้อมและเหมาะสมกับท่านอยู่แน่ๆ”
“องค์ราชินี
ท่านใจดีเกินไปแล้ว ข้ายังอยากมีชีวิตแบบอิสระอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ” เจเรเมียหัวเราะ
“ท่านยังหนุ่มยังแน่น
คงอยากตระเวนเที่ยวให้คุ้มก่อนสินะคะ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ
ท่านเหมือนพี่สาวข้าเลย! ข้าเรียกท่านว่าพี่เนี— “
“แล้วเจ้ามาอยู่ที่เมลวาสได้ยังไง”
ดาริอัสขัดด้วยการพูดเข้าประเด็นโดยที่เจเรเมียยังไม่ทันพูดจบ
ดวงเนตรสีดำขลับสะท้อนภาพของน้องชายต่างสายเลือดที่นั่งตัวเกร็งเมื่อได้ยินคำถามของเขา
เขาเสตามองไปอื่น ใบหน้าหล่อใสประดับรอยยิ้มเจื่อน พลางพึมพำกับตัวเอง “อา ท่านพี่หึงสินะ
ท่านพี่หึงแน่ๆ”
ดาริอัสทำเป็นหูทวนลม แม้ว่าจะได้ยินประโยคพวกนั้นเต็มสองหู
เด็กหนุ่มลูบหลังคอแล้วตอบคำถามด้วยสีหน้าคล้ายคนพึ่งทำผิดมาหมาดๆ
“ข้าแค่อยากออกมาเที่ยวบ้าง ไม่คิดว่าพวกท่านจะเข้าไปในเมืองนี่
อุตส่าห์คิดว่าจะได้เที่ยวอย่างอิสระแล้วซะอีก”
ประโยคหลังเจ้าตัวบ่นอุบอิบไม่เต็มเสียง
แน่นอนว่ามันไม่สามารถรอดจากหูของเทนทาเนียและดาริอัสไปได้
ดาริอัสยังคงถามไถ่พูดคุยกับเจเรเมียตามประสาพี่น้องที่ไม่ได้มีโอกาสได้พบหน้ากันมากนัก
และเพราะแบบนั้นเด็กสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้องจึงมีโอกาสได้พินิจมองคนอายุน้อยกว่าอย่างละเอียด
เจเรเมียอายุน้อยกว่าเธอ 2 ปี นั่นเท่ากับว่าตอนนี้อีกฝ่ายอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น
ดูจากตอนที่พูดคุยกับดาริอัส— อีกฝ่ายก็ดูมีนิสัยสมวัยไม่น้อย
แต่ว่า..ภาพตอนที่เจเรเมียจัดการสังหารนักฆ่าทั้งสองคนที่มุ่งมาทำร้ายเธอยังคงติดตา
ขนกายลุกชันเมื่อนึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ยังคงติดจมูก
แม้เธอจะจัดการอาบน้ำเปลื่อนเสื้อผ้าชำระล้างคราบเลือดไปจนหมดแล้ว
แต่ก็ยังไม่สามารถลบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปจากความทรงจำได้
เธอสะดุ้งเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากตักแล้วพบว่าดวงเนตรสีน้ำตาลทองคู่นั้นกำลังมองเธออยู่
ดาริอัสเองก็คงจะรู้ตัว เพราะแบบนั้นเขาถึงเอื้อมมือมากุมมือเล็กของเธอไว้หลวมๆ
“ในงานเลี้ยงต้อนรับทูตจากโอเชียน่า
ข้าคิดว่าจะให้เจ้าได้เข้าร่วมด้วยในฐานะเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง”
เทนทาเนียเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นสามีในนามแทบจะในทันที
อีกฝ่ายจะให้เจเรเมียที่ซ่อนตัวมาตลอดในฐานะองค์ชายลับๆมาเปิดเผยตัวตนต่อหน้าชนชั้นสูงในงานเลี้ยง? เพื่ออะไร? ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจมากมาย และไม่ใช่เพียงเทนทาเนีย
แต่เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเองก็เช่นกัน
“ข้าเหรอพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่
เจ้านั่นแหละ” มุมปากของจักรพรรดิหนุ่มยกขึ้น
ดูจากการที่อีกฝ่ายสามารถหนีมาเที่ยวยังเมลวาสได้โดยที่เขาไม่รู้
บางที การเปิดเผยตัวตนของเจเรเมียอาจจะทำให้พวกเขาสืบเสาะและสังเกตความเคลื่อนไหวรอบๆตัวอีกฝ่ายได้ง่ายกว่าการซ่อนเอาไว้ก็ได้
-----|-----|-----|-----|-----|-----
แก ดาริอัสเป็นพระเอก! ย้ำ! ดาริอัสเป็นพระเอกกกกก!!!!
แต่เจเรเมียก็เท่จริงๆแหละค่ะ ก็แบบ พระเอกในนิยายอ่ะเนาะ ;-;
ขนาดอายุ 15 ยังเท่ขนาดนี้เลย อุแง /โดนดาริอัสถีบ
ถ้าเจอคำผิดก็ทักได้นะคะ
และเหมือนเดิม สามารถให้กำลังใจเราได้ด้วยการกดให้กำลังใจด้านล่าง , คอมเม้น และยังสามารถเข้าไปหวีดไปพูดคุยไปทวงฟิคได้ที่ #เทนทาเนียdt ในทวิตภพค่า
จะลงฟิคเรื่องนี้ใน readAwrite ด้วยค่ะ แต่ขอเช็คคำผิด/เนื้อหาใน word ให้เสร็จก่อนน๊า ;-;
ความคิดเห็น