ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (nct) Tentania the Empress | doten

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 09 – Meeting of the Nobles

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.63K
      539
      6 เม.ย. 63

     

    Chapter 09 – Meeting of the Nobles

     

                “ทำไมฉันต้องมากับนายด้วย”

                เด็กสาวบ่นอุบอิบในขณะที่สายตาก็เบือนไปมองนอกหน้าต่างรถม้าที่กำลังแล่นอยู่บนถนน ดาริอัสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยกมุมปากขึ้น นัยน์ตาสีดำขลับเป็นประกายในแบบที่เธอไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง

                “ทำไมล่ะ ไปกับฉันออกจะสนุกดีออก” เธอมองค้อนผู้พูดทันทีที่ได้ยินดังนั้น

                “สนุกกับผีสิ” เด็กสาวกระซิบลอดไรฟัน รู้สึกหงุดหงิดอย่างน่าประหลาดที่เห็นแววตายียวนกวนประสาทนั่น และยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น— เมื่อพบว่าแม้จะทำหน้าตากวนประสาท แต่ชายตรงหน้าก็ยังหล่อจนแอบนึกชมในใจไม่ได้

                “หน้าตาดีเสียของจริงๆ”

                ดาริอัสตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้ “ใครๆก็อยากไปไหนมาไหนกับฉันทั้งนั้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะได้สมใจ ดีใจซะสิ ที่เธอได้รับสิทธินั้นน่ะ”

                “ขอโทษนะ ถ้าทำได้ฉันอยากโยนสิทธิบ้านี่ไปให้คนอื่นจริงๆ”

                ย้อนนึกไปถึงเมื่อสัปดาห์ก่อนที่อีกฝ่ายแกล้งเธอให้หน้าซีดเล่นนั่นก็แค้นใจนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อวานเอลายน์ขอให้เธอมาออกงานกับดาริอัสเนื่องจากเธอปวดท้องประจำเดือนกะทันหัน เทนทาเนียสาบานได้ว่าเธอจะไม่มีวันมากับไอหมอนี่

                จริงๆงานแบบนี้ให้ราชินีลำดับที่ 2 หรือ 3 ทำก็ได้ ทำไมต้องเจาะจงเป็นเธอก็ไม่รู้

     

              เจ้ากับฝ่าบาท— ดีๆกันไว้นะ ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าทั้งคู่เหมือนกัน

     

                อา เธอว่าเธอรู้แล้วล่ะ

                งานในครั้งนี้เป็นการไปพบปะเหล่าขุนนางชั้นสูงรวมทั้งไปดูความเป็นอยู่ของประชาชนในเขตเมลวาสซึ่งเป็นเขตที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก และหากจำกันได้— คุณจะรู้ว่าเขตเมลวาสอยู่ภายใต้อำนาจการดูแลของตระกูลเรดคลิฟ

                ตระกูลของยูทารอธ

                เมลวาสไม่เหมือนไอโซไลน์ ที่ไอโซไลน์ซึ่งเป็นเขตของตระกูลวินเทอร์ฮาร์ทนั้นเป็นเมืองแห่งฤดูหนาว ในบางพื้นที่ก็มีหิมะตกเกือบตลอดทั้งปี จนในบางครั้งผู้คนก็พูดกันว่าที่นี่คือ ดินแดนสีขาว

                ไอโซไลน์ไม่ได้อุดมสมบูรณ์ แม้จะเป็นดินแดนที่มีขนาดใหญ่แต่ก็ไม่แออัด เนื่องจากอากาศหนาวทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนอพยพมาอยู่นัก แต่ก็เป็นดินแดนที่สงบ มีกำลังทางการทหารที่เข้มแข็ง ซ้ำยังเป็นแหล่งสินค้าอย่างอัญมณี ดอกไม้และสมุนไพรหายาก นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งกำเนิดความเชื่อ ความศรัทธา และวัฒนธรรมที่งดงามหลายอย่าง รวมถึงนักเวทย์ที่แข็งแกร่งหลายต่อหลายรุ่น

                แต่กับเมลวาสนั้นไม่เหมือนกัน เมลวาสเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์และมั่งคั่ง เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบต่างๆจำพวกพืชพันธุ์ธัญญาหาร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบเหมาะแก่การเพาะปลูก ซ้ำยังมีแม่น้ำสายหลักไหลผ่าน จึงเป็นดินแดนที่ผู้คนนิยมย้ายมาตั้งถิ่นฐานไม่ต่างจากเมืองหลวง

                งานนี้จะมีการรวมตัวของดยุคและมาร์ควิสต์ตระกูลต่างๆ รวมถึงบรรดาท่านดัชเชสและมาร์ชิออเนสซึ่งเป็นภรรยาของขุนนางเหล่านั้น

                ในจักรวรรดิเครซิเมอเรียอันยิ่งใหญ่ มีตระกูลดยุคเพียง 4 ตระกูลเท่านั้น

                ตระกูลวินเทอร์ฮาร์ทแห่งไอโซไลน์

                ตระกูลเรดคลิฟแห่งเมลวาส

                ตระกูลเอเวอร์ลี่แห่งโครนอส

                ตระกูลคอนมินิกแห่งแพนโดมิเนียม

                พวกเขาทั้งหมดนับว่ามีสายเลือดใกล้ชิดกับราชวงศ์ โดยเฉพาะตระกูลวินเทอร์ฮาร์ทและเรดคลิฟ เนื่องจากในอดีตได้มีเชื้อพระวงศ์หญิงหลายคนของราชวงศ์ไฮเพอเรียนถูกตบแต่งเข้ามาในตระกูล ดังนั้นจะบอกว่าเป็นเครือญาติที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดก็คงไม่ผิดนัก

                รถม้าคันใหญ่หยุดนิ่งเมื่อถึงที่หมาย ที่แห่งนี้คือวังตากอากาศที่เหล่าตระกูลดยุคร่วมมือกันออกงบสร้างเพื่อถวายแด่ราชวงศ์เมื่อครั้งอดีต

    ดาริอัสลงจากรถม้าไปก่อน เขาสวมชุดสีดำขลิบทอง บนศีรษะสวมหมวกทรงสูง มือกร้านขาวซีดถูกปกปิดด้วยถุงมือหนังสีดำสนิท มือข้างหนึ่งจับไม้เท้าซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับสุภาพบุรุษชนชั้นสูงโดยเฉพาะเอาไว้ ในขณะที่มืออีกครั้งถูกยื่นมาตรงหน้าเทนทาเนียเพื่อให้เธอจับระหว่างลงจากรถม้า

                ดวงเนตรสีเขียวมรกตมองมือนั้นอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะวางมือของตัวเองลงบนฝ่ามือของอีกฝ่าย แล้วค่อยๆก้าวเท้าลงมาจากรถม้าอย่างช้าๆเนื่องจากชุดกระโปรงยาวที่ตนสวมใส่อยู่

                “ขอถวายพระพรแด่องค์จักรพรรดิและราชินีลำดับที่ 4 แห่งจักรวรรดิเครซิเมอเรียอันทรงเกียรติพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือบรรดาขุนนางและข้าราชบริพารที่แสดงความเคารพและเปล่งเสียงต้อนรับออกมาอย่างพร้อมเพรียง เหล่าดยุคและมาร์ควิสต์ยกมือขึ้นแตะหน้าอก ค้อมศีรษะลง ในขณะที่ภรรยาของเหล่าขุนนางรวมถึงนางข้าหลวงพากันถอนสายบัวอย่างงดงาม

                ดาริอัสมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ในขณะที่รอยยิ้มบางถูกแต่งเติมลงบนใบหน้าหวานของเด็กสาวผู้เป็นถึงราชินีแห่งจักรวรรดิอันทรงเกียรติทันที เทนทาเนียเหลือบมองคนข้างกาย อีกฝ่ายคงชินชาแล้วกับเรื่องเช่นนี้

                แต่เธอนั้นไม่ใช่

                มือเรียวที่วางอยู่บนมือของดาริอัสสั่นเล็กน้อย ไร้ซึ่งคำพูดจิกกัดจากชายหนุ่มข้างกาย เขาเพียงกุมมือเธอเอาไว้เพื่อบังคับไม่ให้มันสั่นจนคนอื่นสังเกตเห็น ใบหน้าของอีกฝ่ายยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และนั่นทำให้เธอพึ่งสังเกตได้ว่าเวลาจริงจังหรืออยู่ต่อหน้าคนอื่น ดาริอัสก็ดูสมกับเป็นจักรพรรดิที่ใครๆต่างก็นับถือและเกรงกลัว

                และมันช่างน่าแปลก ทั้งที่มีถุงมือหนังคั่นกลางแท้ๆ— แต่เธอกลับยังคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือคู่นั้นของเขา

                หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกพาเข้าไปในวังตากอากาศ ดาริอัสแยกตัวไปปรึกษาหารือเรื่องงานกับบรรดาขุนนางชั้นดยุคและมาร์ควิสต์ ในขณะที่เทนทาเนียตัดสินใจกลับห้องพักของตัวเองเพื่อเตรียมตัวพบปะกับเหล่าดัชเชสและมาร์ชิออเนสที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาสังสรรค์ในช่วงบ่าย

                ดวงตาสีมรกตหลุบต่ำมองมือที่ถูกกุมเอาไว้เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

              ไออุ่นจางๆยังคงอยู่

     



                การประชุมระหว่างขุนนางชั้นสูงผ่านไปอย่างแช่มช้า และในที่สุดมันก็จบลง ดาริอัสเหลือบมองไปยังหน้าต่าง ดวงตะวันคล้อยลาลับขอบฟ้า เขาหยัดตัวลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนเดินผ่านเหล่าขุนนางเพื่อกลับไปยังห้องพักของตัวเอง ทันทีเมื่อถึงห้องและมั่นใจว่าภายในห้องมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น กายสูงค่อยๆเหยียดแขนขาเพื่อคลายความเมื่อยล้าที่สะสมมาอย่างยาวนาน

                การพูดคุยพบปะระหว่างเลดี้ชนชั้นสูงก็คงจบแล้วเช่นกัน

    คิดได้ดังนั้นจึงไปชำระล้างร่างกายยังที่ซึ่งจัดไว้สำหรับอาบน้ำพักผ่อนหย่อนใจ มันเป็นสถานที่สำหรับอาบน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ ไร้ซึ่งหลังคาเผยให้เห็นท้องฟ้าสีแสด น้ำในสระถูกเวทมนตร์ทำให้อุ่นพร้อมอาบอยู่เสมอ ตรงกลางสระเป็นน้ำพุขนาดใหญ่เพื่อให้ชมเชย และเมื่อมองไปด้านข้าง ก็จะพบเห็นสวนดอกไม้เล็กๆที่สามารถเชยชมอย่างเพลิดเพลินระหว่างกำลังผ่อนคลายอยู่ในสระ

                ให้เปรียบกับโลกเดิม— มันก็คงคล้ายๆออนเซ็นของประเทศญี่ปุ่นที่มีสรรพคุณช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า ไม่ก็สระอาบน้ำรวมในสมัยโรมันโบราณล่ะมั้ง

                และมันเป็นสถานที่อาบน้ำที่มีไว้เพื่อบรรดาสมาชิกราชวงศ์เท่านั้น

                ไอร้อนกระจายตัวในอากาศ จักรพรรดิหนุ่มค่อยๆหย่อนกายลงในสระอย่างแช่มช้า ก่อนจะเอนหลังพิงขอบสระพร้อมหลับตาลงเพื่อซึมซับบรรยากาศและไออุ่นของน้ำเอาไว้ อาภรณ์คลุมอาบน้ำสีขาวไร้ลวดลายเนื้อลื่นแหวกอกที่สวมใส่เปียกแนบเนื้อ ผมสีดำแซมน้ำเงินชุ่มน้ำจนลู่แนบศีรษะ ดวงเนตรสีดำเหม่อมองออกไปภายนอก หากใครมาเห็นภาพนี้เข้า— คงได้หัวใจวายตายเพราะความงดงามดั่งรูปปั้นแกะสลักของเทพเจ้าเป็นแน่

                น่าเสียดาย ที่เทนทาเนียไม่ได้มองว่าเป็นเช่นนั้น

                เด็กสาวผู้มาใหม่มองดาริอัสโดยไม่ละสายตา เธอสวมชุดกระโปรงเนื้อลื่นสีขาวไร้ลวดลายยาวถึงข้อเท้าเช่นเดียวกับอีกฝ่าย ต่างกันเพียงมันไม่ได้แหวกอกเหมือนของอีกฝ่าย และมีเครื่องรัดเอวขนาดเล็กเพื่อให้กระชับก็เท่านั้น เด็กสาวมองชุดของตัวเองสลับกับชุดของคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในสระ ถ้าให้เปรียบกับโลกที่เธอจากมา ชุดพวกนี้ก็ดูคล้ายกับชุดของพวกกรีกโบราณอะไรทำนองนั้น

                เทนทาเนียถอนหายใจ วิญญาณเดิมของเธอก็เป็นผู้ชาย มันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับการมองหุ่นของผู้ชายด้วยกัน แม้จะต้องยอมรับว่าหุ่นของดาริอัสไม่ได้แย่เลย ออกจะดีมากด้วยซ้ำ

                “ยัยเด็กคนนั้นน่ะ จะยืนมองอยู่อีกนานมั้ย ถ้าจะอาบก็รีบอาบซะสิ”

                เทนทาเนียกลอกตา “ขอโทษนะฝ่าบาท ถึงร่างนี้ข้าจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่วิญญาณก็อายุใกล้เคียงกันรึเปล่า”

                ยังคงใช้สำเนียงการพูดและการแทนตัวแบบโบราณ เพราะไม่มั่นใจว่าที่แห่งนี้มีเพียงพวกเขาจริงๆรึเปล่า เพราะอย่างที่กล่าวไปในตอนแรก มันเป็นสถานที่อาบน้ำแบบกลางแจ้ง เทนทาเนียหย่อนตัวลงในสระอย่างแช่มช้า ความอุ่นค่อนไปทางร้อนของน้ำทำให้เธอสะดุ้งและก้าวพลาด เธอหลับตาปี๋ ก่อนที่จะค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆจากการกระแทก กลับกัน— เธอรู้สึกเหมือนมีใครมารอรับไว้เสียอย่างนั้น

                และก็ใช่

                ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาครบทั้งสองข้าง สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าเธอก็คือใบหน้าตื่นตะหนกของชายที่รับเธอไว้ในอ้อมแขนได้อย่างทันทวงที

                ช่างเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ต่างอะไรกับซีนพระนางในหนังรักที่ทำให้ทั้งคู่เริ่มเปิดใจให้กัน น่าเสียดายที่เทนทาเนียและดาริอัสไม่ใช่พระนางที่ว่านั่น

    คิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเป็นโบของดาริอัสเริ่มคลายออก นัยน์ตาคมฉายแววโล่งใจ ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนมาเป็นสายตาเชิงหยอกล้อ

                “ซุ่มซ่าม”

                “ขอบใจที่อุตส่าห์มารับคนซุ่มซ่ามอย่างข้าไม่ให้หัวฟาดพื้นเพคะ”

    เธอเชิดหน้า ผละตัวออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย ใช้มือข้างที่ถนัดสะบัดผมสีดำขลับที่เกะกะไปด้านหลัง ก่อนจะขยับออกห่างจากเขาไปยังอีกฝั่งหนึ่งของสระ โดยไม่ลืมหันกลับมามองว่าพวกเขาทั้งคู่ห่างกันพอรึยัง

                ดาริอัสไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระกับท่าทีนั้น แม้จะทำทีท่าไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่วายแอบจิกกัดจนได้

                “ขยับมาหน่อยก็ได้มั้ง รังเกียจกันนักรึไง ข้าไม่ทรามถึงขั้นทำมิดีมิร้ายเจ้าหรอก”

                เทนทาเนียถอนหายใจ “ท่านอยากให้น้ำรอบๆตัวท่านเย็นเป็นน้ำแข็งรึไง”

                ดาริอัสเลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงนทันที เขาลุกขึ้นก่อนเดินไปใกล้จุดที่ร่างเล็กนั่งอยู่ และใช่— ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ก็ยิ่งพบว่าอุณหภูมิของน้ำบริเวณนั้นยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ

                “อา พลังของเจ้าคือน้ำแข็งนี่นะ”

                เพราะแบบนั้น ตอนที่สัมผัสกัน— ถึงได้รู้สึกว่าร่างกายของอีกฝ่ายเย็นอยู่ตลอด เพราะพลังในร่างกายทำให้ไม่ถูกกับของร้อนจึงต้องทำให้อุณหภูมิของมันลดลงให้อยู่ในระดับที่พลังของตนรับได้ “ถ้าท่านไม่อยากหนาวตายก็ออกห่างจากข้าซะสิ ซัก— อืม 10 เมตรเป็นอย่างต่ำ”

                “เยอะไป อันนั้นข้าว่าเพราะเจ้าไม่อยากอยู่ใกล้ข้ามากกว่า”

                “รู้ตัวนี่ งั้นถอยไปสิเพคะ”

                ดาริอัสเลิกคิ้ว ทำหน้ายียวนพลางขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น “ถ้าข้าไม่ถอยล่ะ”

                 “งั้นก็แข็งตายไปซะ”

                ดวงเนตรทั้งสองคู่สบตากันนิ่ง ก่อนที่ดาริอัสจะถอนหายใจ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ เพราะต้องยอมรับว่ายิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่อุณหภูมิของน้ำก็ยิ่งลดต่ำลงจริงๆ และมันก็ทำให้เขาหนาวมาก

                “โอเค ข้ายอมแพ้”

                เทนทาเนียยิ้มกระหยิ่มในใจ ครั้งนี้เขาแกล้งเธอไม่สำเร็จ นั่นเท่ากับว่าครั้งนี้เธอชนะ

     



                ขณะเดียวกัน ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลเรดคลิฟ

                ยูทารอธซึ่งซ้อมดาบกับพวกอัศวินในการดูแลของตนเงยหน้าขึ้นมองดวงตะวันที่ใกล้จะลับขอบฟ้าไปเต็มที เวลานี้คือเวลาที่ท่านพ่อของเขาควรจะกลับมาจากการประชุมพบปะขุนนางระดับสูงแล้ว ชายหนุ่มเก็บดาบเข้าฝัก ยิ้มอย่างอารมณ์ดีในขณะที่มือก็โบกลาอัศวินที่มาช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ ผมสีน้ำตาลแดงเปียกเหงื่อลู่แนบใบหน้า ดวงเนตรเป็นประกายเจิดจ้ายามวิ่งกลับคฤหาสน์

                “ท่านพ่อ!” เป็นเวลาพอดิบพอดีกับที่ เอลิกอส เมลวาส บิดาของเขาลงมาจากรถม้า เขาตะโกนเรียกบิดาเสียงหลง ก่อนวิ่งไปหาด้วยสีหน้าปิติ

                เอลิกอส เมลวาส เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่แบบชายชาตินักรบ แม้อายุได้สี่สิบตอนปลายแต่ก็ไร้ซึ่งพุงพุ้ยๆแบบที่พวกขุนนางแก่มีกัน นั่นเป็นผลมาจากการที่เขาออกกำลังกายและฝึกปรือวิชาดาบของตัวเองอยู่เสมอ ผมของเขาเป็นสีน้ำตาลแดงแซมสีดอกเลา และเพราะมันยาวเทียบบ่า จึงถูกมัดเอาไว้อย่างลวกๆ ดวงเนตรสีน้ำตาลไหม้ที่ฉายแววแข็งแกร่งและมากด้วยประสบการณ์มองบุตรชายตัวดีก่อนถอนหายใจ

                “เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกทำตัวเป็นเด็กเสียที”

                ยูทารอธหัวเราะ “ข้าจะรีบแก่ไปทำไมเล่า คนเราควรใช้เวลาหนุ่มสาวให้คุ้มค่าสิ อีกอย่าง ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะต้องรับหน้าที่ดยุคต่อจากท่านเร็วๆนี้เสียหน่อย”

                “เจ้านี่นะ เป็นเล่นไปเรื่อย” เอลิกอสส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินนำบุตรชายตรงไปยังห้องอาหาร

                “อย่างน้อยเจ้าก็ควรแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา”

                “โธ่ ท่านพ่อ ข้ายังตัดใจจากเลดี้การ์เน็ตไม่ได้เลยนะ”

                “อ้อ บุตรสาวจากตระกูลมาร์ควิสต์ที่ไปหลงรักท่านเทนทาเนียตอนแต่งชายแข่งขี่ม้าสินะ”

                “ท่านพ่อ! อย่าล้อข้าสิ! แค่เทนทา— ท่านเทนทาเนียกับจูเลียนล้อข้า ข้าก็อายจะตายอยู่แล้ว”

                คนเป็นพ่อนึกขำกับท่าทีฟึดฟัดของบุตรชาย เขามีบุตรชายทั้งหมด 4 คน และยูทารอธก็คือบุตรชายคนโตที่จะต้องรับตำแหน่งดยุคต่อจากเขาหากเขาเสียชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง— เมื่อยูทารอธเป็นบุตรเพียงคนเดียวที่เกิดจากภรรยาเอกคนแรกผู้ล่วงลับ นั่นทำให้เขารักและเอ็นดูบุตรชายคนนี้มากกว่าบุตรคนไหนๆ

                บอกว่ายังตัดใจไม่ได้ แต่ก็เห็นเทียวจีบสาวคนนู้นคนนี้ไปทั่ว

              ไอลูกคนนี้

                ชายวัยกลางคนถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะชะงักเมื่อรู้สึกถึงอาการวิงเวียนศีรษะและหน้ามืดจนเซไปครู่หนึ่ง มือกร้านจับไม้เท้าที่ถูกสั่งทำมาเป็นพิเศษของตัวเองแน่น เหลือบมองบุตรชายที่ยังคงคุยกับเหล่าข้ารับใช้ที่ตามมาอย่างสนิทสนม

              คงไม่เห็นสินะ

                ดวงเนตรคมฉายแววโล่งใจ ก่อนจะเดินต่อไปยังห้องอาหารโดยไม่หันหลังกลับมามองบุตรชายของตนอีก และเพราะแบบนั้น—

                เขาจึงไม่เห็นสายตาของยูทารอธที่กำลังมองเขา

                ดวงเนตรสีน้ำตาลไหม้ของบุตรชายที่หม่นแสงลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

     



                วันต่อมา ยูทารอธที่เป็นตัวแทนของดยุคตระกูลเรดคลิฟเป็นผู้ถวายการอารักขาและนำองค์จักรพรรดิและราชินีลำดับที่ 4 เที่ยวเดินชมเมืองโดยแฝงตัวให้กลมกลืนกับชาวบ้านทั่วไป ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความประสงค์ของดาริอัสเองที่ไม่ต้องการให้การเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ครั้งนี้เป็นไปอย่างเอิกเกริก ผู้ติดตามและเหล่าอัศวินจึงมีไม่มากนักซ้ำยังต้องแฝงตัวอยู่ท่ามกลางชาวบ้าน เทนทาเนียกระชับผ้าคลุมศีรษะให้มิดชิด ขณะที่สายตาก็มองไปรอบๆอย่างสนใจ

                เธอไม่ได้มายังเขตเมลวาสบ่อยนัก ต่างกับเขตแพนโดมิเนียมที่เธอไปบ่อยเนื่องจากเจนิซอยู่ที่นั่น ซ้ำยังเป็นเขตที่ใกล้กับเขตไอโซไลน์ของเธอที่สุด ไม่สิ จริงๆก็ไม่ได้มายังเมลวาสเลยนับตั้งแต่ตอนมาเยี่ยมไข้ยูทารอธครั้งล่าสุดเมื่อ 3 ปีก่อน

                หมอนี่มันตายยาก ร้อยวันพันปีจะป่วยซักครั้งหนึ่ง

                จำได้ว่าวันนั้นเขากับจูเลียนไปเฝ้า ในใจก็กังวลแทบตายว่าป่วยหนักอะไรรึเปล่า เพราะดูผู้คนจะฮือฮาเสียเหลือเกิน ที่ไหนได้— แค่ไข้หวัดธรรมดาๆ

                ต่อมาถึงได้เข้าใจ ว่าที่คนอื่นๆเค้าฮือฮาและเป็นห่วงกันอย่างออกนอกหน้าขนาดนั้น ก็เป็นเพราะสำหรับตระกูลเรดคลิฟ แม้แต่การป่วยนิดๆหน่อยๆก็เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก

                “ข้าได้ยินมาว่าตระกูลของท่านมาร์ควิสต์กวินฟอร์ก็มาด้วย” ดาริอัสกำลังพูดถึงตระกูลของจูเลียนและโจนาห์ เขาหันไปถามยูทารอธ “แล้วเพื่อนเจ้าไม่มาเหรอ”

                “เขาบอกข้าว่าติดธุระจึงไม่สามารถเดินทางมาได้พ่ะย่ะค่ะ”

                “อ้อ จะว่าไป— ข้าแทบไม่เคยเจอเขาเลยนะ”

                ยูทารอธหัวเราะ แม้จะพูดด้วยถ้อยคำสุภาพ แต่ก็ยังคงรักษาท่าทีขี้เล่นไว้ “เขาขี้อายพ่ะย่ะค่ะ ไม่ค่อยกล้าออกมาแสดงตัวให้ใครเห็นซักเท่าไหร่”

                “ส่วนเจ้าน่ะหน้าไม่อาย” เทนทาเนียพึมพำ

                “องค์ราชินีว่าไงนะพ่ะย่ะค่ะ? ท่านบอกว่าท่านหน้าไม่อายหรือ”

                เทนทาเนียตวัดมองเพื่อนซี้ตาเขียว แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นใบหน้าไม่ทุกข์ร้อนของยูทารอธที่กำลังสื่อว่า ด่ามาอีกสิ ด่ามาเลย ข้าไม่กลัวหรอก ใครมันจะไปกลัวนกกระจอก(?)อย่างเจ้ากัน

                พวกเขาเดินลัดเลาะไปตามเส้นทาง คอยสอดส่องดูร้านค้าและแผงลอยขายของตามทางเดิม บนถนนมีรถม้าและผู้คนสัญจรอยู่ไม่ขาด

    จากการรายงานต่างๆที่ดยุคแห่งเมลวาสส่งมา ดูเหมือนสินค้าขายดีของที่นี่จะเป็นอาหารจำพวกข้าวและธัญพืชซึ่งอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมลวาสเป็นที่ราบเหมาะแก่การเพาะปลูก ที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องสินค้าถูกปล้นระหว่างทาง เนื่องจากกำลังทหารที่แข็งแกร่งของเมลวาส ทำให้ขบวนสินค้าปลอดภัยจนถึงที่หมาย นับว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดเมืองหนึ่ง

                “นั่นคือผลเพอร์เลย์สินะ” ดาริอัสว่าพลางมองผลไม้รูปลักษณ์คล้ายไข่มุกขนาดใหญ่ที่วางขายอยู่บนแผงลอย

                “พ่ะย่ะค่ะ ผลเพอร์เลย์มีลักษณะสวยงามคล้ายไข่มุก พบได้ในพื้นที่ใกล้ชายฝั่ง ที่สำคัญยังมีสรรพคุณในการรักษาความงามและความเต่งตึงของผิวด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

                “เห..” เด็กสาวมีทีท่าสนใจผลไม้ชนิดนี้ขึ้นมาทันที

                “คนสว— ราชินี ข้าว่าผลไม้ชนิดนี้คงไม่จำเป็นสำหรับท่านหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

                “เจ้าจะบอกว่าไม่ต้องใช้มันข้าก็งามอยู่แล้ว?

                “ต่อให้ใช้มันก็ไม่งามมากไปกว่านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

                พรืด!

                ดาริอัสหลุดหัวเราะ เหลือบมองใบหน้าของเด็กสาวข้างกายที่ติดจะไม่พอใจอยู่หน่อยๆ ปากรั้นเหยียดตรง ใบหน้าเรียวเชิดขึ้น “เจ้าคนตาถั่ว”

                “ล้อเล่นพ่ะย่ะค่ะ”

                ถ้าทำได้ ดาริอัสอยากจะแท็กมือกับยูทารอธเสียจริง เขาล่ะชอบนัก สีหน้าของเด็กสาวเวลาไม่พอใจหรือขัดใจนั้นช่างน่าอภิรมณ์สำหรับเขา ไม่รู้สิ จะอธิบายยังไงดีนะ เอาเป็นว่ามันทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

                เทนทาเนียเมินบุคคลทั้งสองที่ดูท่าจะสนุกสนานกับการแกล้งเธอเหลือเกิน เด็กสาวละสายตาจากผลเพอร์เลย์เพื่อเสาะหาสิ่งอื่นที่น่าสนใจกว่า ในทันใดนั้นเอง สายลมที่พัดพามาในชั่วครู่ทำให้ผ้าที่ใช้คลุมศีรษะปกปิดใบหน้าของเธอสะบัดไปตามแรงลมและหลุดจากศีรษะในที่สุด

                “อา” เธอคราง รีบนำมันขึ้นมาหวังจะใช้คลุมศีรษะของตนอีกครั้ง ทว่าในตอนนั้นเอง เธอเห็นใครบางคนเดินผ่านไปไม่ไกลจากระยะสายตานัก เขาเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดอาภรณ์สะอาดสะอ้าน ผมสีดำสนิทตัดกับผิวที่ขาวจนซีด แม้จะเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจนนัก แต่แผ่นหลังที่กำลังเดินห่างออกไปนั้น— กลับดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด

                “เทนทาเนีย” เสียงเรียกของดาริอัสทำให้เธอได้สติ

                สายลมพัดพาอีกครั้ง และเมื่อเธอหันไป— แผ่นหลังของชายคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว

                “มีอะไรเหรอ” ดาริอัสถาม

                เธอส่ายศีรษะ เลิกคิดถึงแผ่นหลังกว้างเมื่อครู่

                “ไม่มีอะไรเพคะ”

     


                อีกด้านหนึ่ง

                ดวงเนตรสีน้ำตาลทองมองแผ่นหลังเล็กของเด็กสาวคนหนึ่งที่หันไปสนทนากับชายหนุ่มข้างกายด้วยสายตาอ่านยาก แม้จะเห็นใบหน้านั้นเพียงชั่วครู่ แต่ก็สามารถบอกได้ว่าเธอมีใบหน้าที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบไม่มีใครเลียนแบบได้

                น่าจะอายุมากกว่าเขาเพียงปีหรือสองปีเท่านั้น

                เธอคนนั้นดึงผ้าคลุมขึ้นมาปกปิดศีรษะและใบหน้าอีกครั้ง มือทั้งสองข้ากระชับมันแน่น เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว มองการกระทำนั้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

              ทำไมต้องปกปิดใบหน้ากันนะ ทั้งที่น่ารักขนาดนั้นแท้ๆ

                “คุณชาย” เสียงทุ้มของชายอายุมากกว่าทำให้เขาสะดุ้ง ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามเสียงเรียกพลางเลิกคิ้วขึ้น

                “มีอะไร”

                “ดูเหมือนว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก ข้าว่าเรารีบกลับกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ อย่าลืมว่าเราจะให้ใครรู้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะว่าข้าพาท่านออกมาเที่ยวเล่น”

                “....”

                “คุณชา— องค์ชายเจเรเมีย

                “ข้ารู้แล้ว” คนอายุน้อยกว่าว่า นัยน์ตายังคงจับจ้องไปยังร่างของเด็กสาวคนนั้นที่กำลังเดินห่างไกลออกไป “นี่”

                “พ่ะย่ะค่ะ?

                “เจ้ารู้จักเด็กสาวที่มีผมสีดำขลับและดวงตาสีเขียวมรกตบ้างรึเปล่า”

                ชั่วครู่หนึ่งนั้น ดวงเนตรสีน้ำข้าวของคนอายุมากกว่าฉายแววอ่านยาก

                “ข้า— ไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”

                “อืม เข้าใจแล้ว”

                ....

    “ขอบใจนะ จูเลียน

               

              

               

     

    -----|-----|-----|-----|-----|-----|-----

    'ผู้ชายคนนั้น' โผล่มาแล้ว!! (หรือควรบอกว่าเด็กผู้ชายคนนั้น..)

    พยายามรีบลงตอนนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วค่ะ (ฮา)

    ใครมีรูปโดยองฟีลแบบดาริอัส รูปตัดต่อเตนล์ หรือเตนล์ฟีลเทนทาเนีย หรือใครก็ตามในเรื่องก็ปาเข้า #เทนทาเนียdt ได้เลยนะคะ จะเอามาเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งค่ะ ;---;

    เรื่องนี้ที่วางพล็อตไว้คร่าวๆจะมีประมาณ 30 ตอนนะคะ และเรายังเดินทางกันมาไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย แง /ฮึบไว้ ฮึบบบ

    ปล.เช็คคำผิดแล้ว แต่อาจจะเบลอๆ ถ้าเจอก็ทักมาบอกได้นะคะ!

    ปล2. นึกขึ้นมาได้ว่าไม่เคยแนะนำตัว เราชื่อ กันย์ ค่ะ ทักมาพูดคุยกันได้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค้าบ

     

     

               

                 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×