คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 09 – Meeting of the Nobles
Chapter 09 – Meeting
of the Nobles
“ทำไมฉันต้องมากับนายด้วย”
เด็กสาวบ่นอุบอิบในขณะที่สายตาก็เบือนไปมองนอกหน้าต่างรถม้าที่กำลังแล่นอยู่บนถนน
ดาริอัสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยกมุมปากขึ้น
นัยน์ตาสีดำขลับเป็นประกายในแบบที่เธอไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง
“ทำไมล่ะ
ไปกับฉันออกจะสนุกดีออก” เธอมองค้อนผู้พูดทันทีที่ได้ยินดังนั้น
“สนุกกับผีสิ”
เด็กสาวกระซิบลอดไรฟัน รู้สึกหงุดหงิดอย่างน่าประหลาดที่เห็นแววตายียวนกวนประสาทนั่น
และยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น— เมื่อพบว่าแม้จะทำหน้าตากวนประสาท
แต่ชายตรงหน้าก็ยังหล่อจนแอบนึกชมในใจไม่ได้
“หน้าตาดีเสียของจริงๆ”
ดาริอัสตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้
“ใครๆก็อยากไปไหนมาไหนกับฉันทั้งนั้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะได้สมใจ ดีใจซะสิ
ที่เธอได้รับสิทธินั้นน่ะ”
“ขอโทษนะ
ถ้าทำได้ฉันอยากโยนสิทธิบ้านี่ไปให้คนอื่นจริงๆ”
ย้อนนึกไปถึงเมื่อสัปดาห์ก่อนที่อีกฝ่ายแกล้งเธอให้หน้าซีดเล่นนั่นก็แค้นใจนัก
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อวานเอลายน์ขอให้เธอมาออกงานกับดาริอัสเนื่องจากเธอปวดท้องประจำเดือนกะทันหัน
เทนทาเนียสาบานได้ว่าเธอจะไม่มีวันมากับไอหมอนี่
จริงๆงานแบบนี้ให้ราชินีลำดับที่
2 หรือ 3 ทำก็ได้ ทำไมต้องเจาะจงเป็นเธอก็ไม่รู้
‘เจ้ากับฝ่าบาท— ดีๆกันไว้นะ ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร
แต่ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าทั้งคู่เหมือนกัน’
อา เธอว่าเธอรู้แล้วล่ะ
งานในครั้งนี้เป็นการไปพบปะเหล่าขุนนางชั้นสูงรวมทั้งไปดูความเป็นอยู่ของประชาชนในเขตเมลวาสซึ่งเป็นเขตที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก
และหากจำกันได้— คุณจะรู้ว่าเขตเมลวาสอยู่ภายใต้อำนาจการดูแลของตระกูลเรดคลิฟ
ตระกูลของยูทารอธ
เมลวาสไม่เหมือนไอโซไลน์
ที่ไอโซไลน์ซึ่งเป็นเขตของตระกูลวินเทอร์ฮาร์ทนั้นเป็นเมืองแห่งฤดูหนาว ในบางพื้นที่ก็มีหิมะตกเกือบตลอดทั้งปี
จนในบางครั้งผู้คนก็พูดกันว่าที่นี่คือ ดินแดนสีขาว
ไอโซไลน์ไม่ได้อุดมสมบูรณ์
แม้จะเป็นดินแดนที่มีขนาดใหญ่แต่ก็ไม่แออัด
เนื่องจากอากาศหนาวทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนอพยพมาอยู่นัก แต่ก็เป็นดินแดนที่สงบ
มีกำลังทางการทหารที่เข้มแข็ง ซ้ำยังเป็นแหล่งสินค้าอย่างอัญมณี ดอกไม้และสมุนไพรหายาก
นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งกำเนิดความเชื่อ ความศรัทธา และวัฒนธรรมที่งดงามหลายอย่าง
รวมถึงนักเวทย์ที่แข็งแกร่งหลายต่อหลายรุ่น
แต่กับเมลวาสนั้นไม่เหมือนกัน
เมลวาสเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์และมั่งคั่ง
เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบต่างๆจำพวกพืชพันธุ์ธัญญาหาร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบเหมาะแก่การเพาะปลูก
ซ้ำยังมีแม่น้ำสายหลักไหลผ่าน จึงเป็นดินแดนที่ผู้คนนิยมย้ายมาตั้งถิ่นฐานไม่ต่างจากเมืองหลวง
งานนี้จะมีการรวมตัวของดยุคและมาร์ควิสต์ตระกูลต่างๆ
รวมถึงบรรดาท่านดัชเชสและมาร์ชิออเนสซึ่งเป็นภรรยาของขุนนางเหล่านั้น
ในจักรวรรดิเครซิเมอเรียอันยิ่งใหญ่
มีตระกูลดยุคเพียง 4 ตระกูลเท่านั้น
ตระกูลวินเทอร์ฮาร์ทแห่งไอโซไลน์
ตระกูลเรดคลิฟแห่งเมลวาส
ตระกูลเอเวอร์ลี่แห่งโครนอส
ตระกูลคอนมินิกแห่งแพนโดมิเนียม
พวกเขาทั้งหมดนับว่ามีสายเลือดใกล้ชิดกับราชวงศ์
โดยเฉพาะตระกูลวินเทอร์ฮาร์ทและเรดคลิฟ
เนื่องจากในอดีตได้มีเชื้อพระวงศ์หญิงหลายคนของราชวงศ์ไฮเพอเรียนถูกตบแต่งเข้ามาในตระกูล
ดังนั้นจะบอกว่าเป็นเครือญาติที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดก็คงไม่ผิดนัก
รถม้าคันใหญ่หยุดนิ่งเมื่อถึงที่หมาย
ที่แห่งนี้คือวังตากอากาศที่เหล่าตระกูลดยุคร่วมมือกันออกงบสร้างเพื่อถวายแด่ราชวงศ์เมื่อครั้งอดีต
ดาริอัสลงจากรถม้าไปก่อน
เขาสวมชุดสีดำขลิบทอง บนศีรษะสวมหมวกทรงสูง มือกร้านขาวซีดถูกปกปิดด้วยถุงมือหนังสีดำสนิท
มือข้างหนึ่งจับไม้เท้าซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับสุภาพบุรุษชนชั้นสูงโดยเฉพาะเอาไว้
ในขณะที่มืออีกครั้งถูกยื่นมาตรงหน้าเทนทาเนียเพื่อให้เธอจับระหว่างลงจากรถม้า
ดวงเนตรสีเขียวมรกตมองมือนั้นอย่างชั่งใจ
ก่อนที่จะวางมือของตัวเองลงบนฝ่ามือของอีกฝ่าย
แล้วค่อยๆก้าวเท้าลงมาจากรถม้าอย่างช้าๆเนื่องจากชุดกระโปรงยาวที่ตนสวมใส่อยู่
“ขอถวายพระพรแด่องค์จักรพรรดิและราชินีลำดับที่ 4 แห่งจักรวรรดิเครซิเมอเรียอันทรงเกียรติพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือบรรดาขุนนางและข้าราชบริพารที่แสดงความเคารพและเปล่งเสียงต้อนรับออกมาอย่างพร้อมเพรียง
เหล่าดยุคและมาร์ควิสต์ยกมือขึ้นแตะหน้าอก ค้อมศีรษะลง
ในขณะที่ภรรยาของเหล่าขุนนางรวมถึงนางข้าหลวงพากันถอนสายบัวอย่างงดงาม
ดาริอัสมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ในขณะที่รอยยิ้มบางถูกแต่งเติมลงบนใบหน้าหวานของเด็กสาวผู้เป็นถึงราชินีแห่งจักรวรรดิอันทรงเกียรติทันที
เทนทาเนียเหลือบมองคนข้างกาย อีกฝ่ายคงชินชาแล้วกับเรื่องเช่นนี้
แต่เธอนั้นไม่ใช่
มือเรียวที่วางอยู่บนมือของดาริอัสสั่นเล็กน้อย
ไร้ซึ่งคำพูดจิกกัดจากชายหนุ่มข้างกาย เขาเพียงกุมมือเธอเอาไว้เพื่อบังคับไม่ให้มันสั่นจนคนอื่นสังเกตเห็น
ใบหน้าของอีกฝ่ายยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
และนั่นทำให้เธอพึ่งสังเกตได้ว่าเวลาจริงจังหรืออยู่ต่อหน้าคนอื่น
ดาริอัสก็ดูสมกับเป็นจักรพรรดิที่ใครๆต่างก็นับถือและเกรงกลัว
และมันช่างน่าแปลก
ทั้งที่มีถุงมือหนังคั่นกลางแท้ๆ— แต่เธอกลับยังคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือคู่นั้นของเขา
หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกพาเข้าไปในวังตากอากาศ
ดาริอัสแยกตัวไปปรึกษาหารือเรื่องงานกับบรรดาขุนนางชั้นดยุคและมาร์ควิสต์
ในขณะที่เทนทาเนียตัดสินใจกลับห้องพักของตัวเองเพื่อเตรียมตัวพบปะกับเหล่าดัชเชสและมาร์ชิออเนสที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาสังสรรค์ในช่วงบ่าย
ดวงตาสีมรกตหลุบต่ำมองมือที่ถูกกุมเอาไว้เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
ไออุ่นจางๆยังคงอยู่
การประชุมระหว่างขุนนางชั้นสูงผ่านไปอย่างแช่มช้า
และในที่สุดมันก็จบลง ดาริอัสเหลือบมองไปยังหน้าต่าง ดวงตะวันคล้อยลาลับขอบฟ้า
เขาหยัดตัวลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนเดินผ่านเหล่าขุนนางเพื่อกลับไปยังห้องพักของตัวเอง
ทันทีเมื่อถึงห้องและมั่นใจว่าภายในห้องมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
กายสูงค่อยๆเหยียดแขนขาเพื่อคลายความเมื่อยล้าที่สะสมมาอย่างยาวนาน
การพูดคุยพบปะระหว่างเลดี้ชนชั้นสูงก็คงจบแล้วเช่นกัน
คิดได้ดังนั้นจึงไปชำระล้างร่างกายยังที่ซึ่งจัดไว้สำหรับอาบน้ำพักผ่อนหย่อนใจ
มันเป็นสถานที่สำหรับอาบน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ ไร้ซึ่งหลังคาเผยให้เห็นท้องฟ้าสีแสด
น้ำในสระถูกเวทมนตร์ทำให้อุ่นพร้อมอาบอยู่เสมอ ตรงกลางสระเป็นน้ำพุขนาดใหญ่เพื่อให้ชมเชย
และเมื่อมองไปด้านข้าง ก็จะพบเห็นสวนดอกไม้เล็กๆที่สามารถเชยชมอย่างเพลิดเพลินระหว่างกำลังผ่อนคลายอยู่ในสระ
ให้เปรียบกับโลกเดิม—
มันก็คงคล้ายๆออนเซ็นของประเทศญี่ปุ่นที่มีสรรพคุณช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า
ไม่ก็สระอาบน้ำรวมในสมัยโรมันโบราณล่ะมั้ง
และมันเป็นสถานที่อาบน้ำที่มีไว้เพื่อบรรดาสมาชิกราชวงศ์เท่านั้น
ไอร้อนกระจายตัวในอากาศ
จักรพรรดิหนุ่มค่อยๆหย่อนกายลงในสระอย่างแช่มช้า
ก่อนจะเอนหลังพิงขอบสระพร้อมหลับตาลงเพื่อซึมซับบรรยากาศและไออุ่นของน้ำเอาไว้
อาภรณ์คลุมอาบน้ำสีขาวไร้ลวดลายเนื้อลื่นแหวกอกที่สวมใส่เปียกแนบเนื้อ ผมสีดำแซมน้ำเงินชุ่มน้ำจนลู่แนบศีรษะ
ดวงเนตรสีดำเหม่อมองออกไปภายนอก หากใครมาเห็นภาพนี้เข้า—
คงได้หัวใจวายตายเพราะความงดงามดั่งรูปปั้นแกะสลักของเทพเจ้าเป็นแน่
น่าเสียดาย
ที่เทนทาเนียไม่ได้มองว่าเป็นเช่นนั้น
เด็กสาวผู้มาใหม่มองดาริอัสโดยไม่ละสายตา
เธอสวมชุดกระโปรงเนื้อลื่นสีขาวไร้ลวดลายยาวถึงข้อเท้าเช่นเดียวกับอีกฝ่าย
ต่างกันเพียงมันไม่ได้แหวกอกเหมือนของอีกฝ่าย
และมีเครื่องรัดเอวขนาดเล็กเพื่อให้กระชับก็เท่านั้น
เด็กสาวมองชุดของตัวเองสลับกับชุดของคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในสระ ถ้าให้เปรียบกับโลกที่เธอจากมา
ชุดพวกนี้ก็ดูคล้ายกับชุดของพวกกรีกโบราณอะไรทำนองนั้น
เทนทาเนียถอนหายใจ
วิญญาณเดิมของเธอก็เป็นผู้ชาย
มันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับการมองหุ่นของผู้ชายด้วยกัน
แม้จะต้องยอมรับว่าหุ่นของดาริอัสไม่ได้แย่เลย ออกจะดีมากด้วยซ้ำ
“ยัยเด็กคนนั้นน่ะ
จะยืนมองอยู่อีกนานมั้ย ถ้าจะอาบก็รีบอาบซะสิ”
เทนทาเนียกลอกตา
“ขอโทษนะฝ่าบาท ถึงร่างนี้ข้าจะอายุน้อยกว่าท่าน
แต่วิญญาณก็อายุใกล้เคียงกันรึเปล่า”
ยังคงใช้สำเนียงการพูดและการแทนตัวแบบโบราณ
เพราะไม่มั่นใจว่าที่แห่งนี้มีเพียงพวกเขาจริงๆรึเปล่า
เพราะอย่างที่กล่าวไปในตอนแรก มันเป็นสถานที่อาบน้ำแบบกลางแจ้ง
เทนทาเนียหย่อนตัวลงในสระอย่างแช่มช้า
ความอุ่นค่อนไปทางร้อนของน้ำทำให้เธอสะดุ้งและก้าวพลาด เธอหลับตาปี๋
ก่อนที่จะค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆจากการกระแทก กลับกัน—
เธอรู้สึกเหมือนมีใครมารอรับไว้เสียอย่างนั้น
และก็ใช่
ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาครบทั้งสองข้าง
สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าเธอก็คือใบหน้าตื่นตะหนกของชายที่รับเธอไว้ในอ้อมแขนได้อย่างทันทวงที
ช่างเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ต่างอะไรกับซีนพระนางในหนังรักที่ทำให้ทั้งคู่เริ่มเปิดใจให้กัน
น่าเสียดายที่เทนทาเนียและดาริอัสไม่ใช่พระนางที่ว่านั่น
คิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเป็นโบของดาริอัสเริ่มคลายออก
นัยน์ตาคมฉายแววโล่งใจ ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนมาเป็นสายตาเชิงหยอกล้อ
“ซุ่มซ่าม”
“ขอบใจที่อุตส่าห์มารับคนซุ่มซ่ามอย่างข้าไม่ให้หัวฟาดพื้นเพคะ”
เธอเชิดหน้า
ผละตัวออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย ใช้มือข้างที่ถนัดสะบัดผมสีดำขลับที่เกะกะไปด้านหลัง
ก่อนจะขยับออกห่างจากเขาไปยังอีกฝั่งหนึ่งของสระ
โดยไม่ลืมหันกลับมามองว่าพวกเขาทั้งคู่ห่างกันพอรึยัง
ดาริอัสไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระกับท่าทีนั้น
แม้จะทำทีท่าไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่วายแอบจิกกัดจนได้
“ขยับมาหน่อยก็ได้มั้ง
รังเกียจกันนักรึไง ข้าไม่ทรามถึงขั้นทำมิดีมิร้ายเจ้าหรอก”
เทนทาเนียถอนหายใจ
“ท่านอยากให้น้ำรอบๆตัวท่านเย็นเป็นน้ำแข็งรึไง”
ดาริอัสเลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงนทันที
เขาลุกขึ้นก่อนเดินไปใกล้จุดที่ร่างเล็กนั่งอยู่ และใช่—
ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ก็ยิ่งพบว่าอุณหภูมิของน้ำบริเวณนั้นยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ
“อา
พลังของเจ้าคือน้ำแข็งนี่นะ”
เพราะแบบนั้น
ตอนที่สัมผัสกัน— ถึงได้รู้สึกว่าร่างกายของอีกฝ่ายเย็นอยู่ตลอด
เพราะพลังในร่างกายทำให้ไม่ถูกกับของร้อนจึงต้องทำให้อุณหภูมิของมันลดลงให้อยู่ในระดับที่พลังของตนรับได้
“ถ้าท่านไม่อยากหนาวตายก็ออกห่างจากข้าซะสิ ซัก— อืม 10 เมตรเป็นอย่างต่ำ”
“เยอะไป
อันนั้นข้าว่าเพราะเจ้าไม่อยากอยู่ใกล้ข้ามากกว่า”
“รู้ตัวนี่
งั้นถอยไปสิเพคะ”
ดาริอัสเลิกคิ้ว
ทำหน้ายียวนพลางขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น “ถ้าข้าไม่ถอยล่ะ”
“งั้นก็แข็งตายไปซะ”
ดวงเนตรทั้งสองคู่สบตากันนิ่ง
ก่อนที่ดาริอัสจะถอนหายใจ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้
เพราะต้องยอมรับว่ายิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่อุณหภูมิของน้ำก็ยิ่งลดต่ำลงจริงๆ และมันก็ทำให้เขาหนาวมาก
“โอเค
ข้ายอมแพ้”
เทนทาเนียยิ้มกระหยิ่มในใจ
ครั้งนี้เขาแกล้งเธอไม่สำเร็จ นั่นเท่ากับว่าครั้งนี้เธอชนะ
ขณะเดียวกัน
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลเรดคลิฟ
ยูทารอธซึ่งซ้อมดาบกับพวกอัศวินในการดูแลของตนเงยหน้าขึ้นมองดวงตะวันที่ใกล้จะลับขอบฟ้าไปเต็มที
เวลานี้คือเวลาที่ท่านพ่อของเขาควรจะกลับมาจากการประชุมพบปะขุนนางระดับสูงแล้ว
ชายหนุ่มเก็บดาบเข้าฝัก
ยิ้มอย่างอารมณ์ดีในขณะที่มือก็โบกลาอัศวินที่มาช่วยเป็นคู่ซ้อมให้
ผมสีน้ำตาลแดงเปียกเหงื่อลู่แนบใบหน้า ดวงเนตรเป็นประกายเจิดจ้ายามวิ่งกลับคฤหาสน์
“ท่านพ่อ!” เป็นเวลาพอดิบพอดีกับที่ เอลิกอส เมลวาส บิดาของเขาลงมาจากรถม้า
เขาตะโกนเรียกบิดาเสียงหลง ก่อนวิ่งไปหาด้วยสีหน้าปิติ
เอลิกอส
เมลวาส เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่แบบชายชาตินักรบ
แม้อายุได้สี่สิบตอนปลายแต่ก็ไร้ซึ่งพุงพุ้ยๆแบบที่พวกขุนนางแก่มีกัน
นั่นเป็นผลมาจากการที่เขาออกกำลังกายและฝึกปรือวิชาดาบของตัวเองอยู่เสมอ
ผมของเขาเป็นสีน้ำตาลแดงแซมสีดอกเลา และเพราะมันยาวเทียบบ่า
จึงถูกมัดเอาไว้อย่างลวกๆ
ดวงเนตรสีน้ำตาลไหม้ที่ฉายแววแข็งแกร่งและมากด้วยประสบการณ์มองบุตรชายตัวดีก่อนถอนหายใจ
“เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกทำตัวเป็นเด็กเสียที”
ยูทารอธหัวเราะ
“ข้าจะรีบแก่ไปทำไมเล่า คนเราควรใช้เวลาหนุ่มสาวให้คุ้มค่าสิ อีกอย่าง
ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะต้องรับหน้าที่ดยุคต่อจากท่านเร็วๆนี้เสียหน่อย”
“เจ้านี่นะ
เป็นเล่นไปเรื่อย” เอลิกอสส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
ก่อนจะเดินนำบุตรชายตรงไปยังห้องอาหาร
“อย่างน้อยเจ้าก็ควรแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา”
“โธ่
ท่านพ่อ ข้ายังตัดใจจากเลดี้การ์เน็ตไม่ได้เลยนะ”
“อ้อ
บุตรสาวจากตระกูลมาร์ควิสต์ที่ไปหลงรักท่านเทนทาเนียตอนแต่งชายแข่งขี่ม้าสินะ”
“ท่านพ่อ! อย่าล้อข้าสิ! แค่เทนทา—
ท่านเทนทาเนียกับจูเลียนล้อข้า ข้าก็อายจะตายอยู่แล้ว”
คนเป็นพ่อนึกขำกับท่าทีฟึดฟัดของบุตรชาย
เขามีบุตรชายทั้งหมด 4 คน
และยูทารอธก็คือบุตรชายคนโตที่จะต้องรับตำแหน่งดยุคต่อจากเขาหากเขาเสียชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง— เมื่อยูทารอธเป็นบุตรเพียงคนเดียวที่เกิดจากภรรยาเอกคนแรกผู้ล่วงลับ
นั่นทำให้เขารักและเอ็นดูบุตรชายคนนี้มากกว่าบุตรคนไหนๆ
บอกว่ายังตัดใจไม่ได้
แต่ก็เห็นเทียวจีบสาวคนนู้นคนนี้ไปทั่ว
ไอลูกคนนี้
ชายวัยกลางคนถอนหายใจ
ก่อนที่เขาจะชะงักเมื่อรู้สึกถึงอาการวิงเวียนศีรษะและหน้ามืดจนเซไปครู่หนึ่ง
มือกร้านจับไม้เท้าที่ถูกสั่งทำมาเป็นพิเศษของตัวเองแน่น
เหลือบมองบุตรชายที่ยังคงคุยกับเหล่าข้ารับใช้ที่ตามมาอย่างสนิทสนม
คงไม่เห็นสินะ
ดวงเนตรคมฉายแววโล่งใจ
ก่อนจะเดินต่อไปยังห้องอาหารโดยไม่หันหลังกลับมามองบุตรชายของตนอีก
และเพราะแบบนั้น—
เขาจึงไม่เห็นสายตาของยูทารอธที่กำลังมองเขา
ดวงเนตรสีน้ำตาลไหม้ของบุตรชายที่หม่นแสงลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
วันต่อมา
ยูทารอธที่เป็นตัวแทนของดยุคตระกูลเรดคลิฟเป็นผู้ถวายการอารักขาและนำองค์จักรพรรดิและราชินีลำดับที่ 4 เที่ยวเดินชมเมืองโดยแฝงตัวให้กลมกลืนกับชาวบ้านทั่วไป ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความประสงค์ของดาริอัสเองที่ไม่ต้องการให้การเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ครั้งนี้เป็นไปอย่างเอิกเกริก
ผู้ติดตามและเหล่าอัศวินจึงมีไม่มากนักซ้ำยังต้องแฝงตัวอยู่ท่ามกลางชาวบ้าน เทนทาเนียกระชับผ้าคลุมศีรษะให้มิดชิด
ขณะที่สายตาก็มองไปรอบๆอย่างสนใจ
เธอไม่ได้มายังเขตเมลวาสบ่อยนัก
ต่างกับเขตแพนโดมิเนียมที่เธอไปบ่อยเนื่องจากเจนิซอยู่ที่นั่น
ซ้ำยังเป็นเขตที่ใกล้กับเขตไอโซไลน์ของเธอที่สุด ไม่สิ จริงๆก็ไม่ได้มายังเมลวาสเลยนับตั้งแต่ตอนมาเยี่ยมไข้ยูทารอธครั้งล่าสุดเมื่อ
3 ปีก่อน
หมอนี่มันตายยาก
ร้อยวันพันปีจะป่วยซักครั้งหนึ่ง
จำได้ว่าวันนั้นเขากับจูเลียนไปเฝ้า
ในใจก็กังวลแทบตายว่าป่วยหนักอะไรรึเปล่า เพราะดูผู้คนจะฮือฮาเสียเหลือเกิน
ที่ไหนได้— แค่ไข้หวัดธรรมดาๆ
ต่อมาถึงได้เข้าใจ
ว่าที่คนอื่นๆเค้าฮือฮาและเป็นห่วงกันอย่างออกนอกหน้าขนาดนั้น ก็เป็นเพราะสำหรับตระกูลเรดคลิฟ
แม้แต่การป่วยนิดๆหน่อยๆก็เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก
“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลของท่านมาร์ควิสต์กวินฟอร์ก็มาด้วย”
ดาริอัสกำลังพูดถึงตระกูลของจูเลียนและโจนาห์ เขาหันไปถามยูทารอธ
“แล้วเพื่อนเจ้าไม่มาเหรอ”
“เขาบอกข้าว่าติดธุระจึงไม่สามารถเดินทางมาได้พ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ
จะว่าไป— ข้าแทบไม่เคยเจอเขาเลยนะ”
ยูทารอธหัวเราะ
แม้จะพูดด้วยถ้อยคำสุภาพ แต่ก็ยังคงรักษาท่าทีขี้เล่นไว้ “เขาขี้อายพ่ะย่ะค่ะ
ไม่ค่อยกล้าออกมาแสดงตัวให้ใครเห็นซักเท่าไหร่”
“ส่วนเจ้าน่ะหน้าไม่อาย”
เทนทาเนียพึมพำ
“องค์ราชินีว่าไงนะพ่ะย่ะค่ะ? ท่านบอกว่าท่านหน้าไม่อายหรือ”
เทนทาเนียตวัดมองเพื่อนซี้ตาเขียว
แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นใบหน้าไม่ทุกข์ร้อนของยูทารอธที่กำลังสื่อว่า ด่ามาอีกสิ
ด่ามาเลย ข้าไม่กลัวหรอก ใครมันจะไปกลัวนกกระจอก(?)อย่างเจ้ากัน
พวกเขาเดินลัดเลาะไปตามเส้นทาง
คอยสอดส่องดูร้านค้าและแผงลอยขายของตามทางเดิม
บนถนนมีรถม้าและผู้คนสัญจรอยู่ไม่ขาด
จากการรายงานต่างๆที่ดยุคแห่งเมลวาสส่งมา
ดูเหมือนสินค้าขายดีของที่นี่จะเป็นอาหารจำพวกข้าวและธัญพืชซึ่งอุดมสมบูรณ์
เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมลวาสเป็นที่ราบเหมาะแก่การเพาะปลูก ที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องสินค้าถูกปล้นระหว่างทาง
เนื่องจากกำลังทหารที่แข็งแกร่งของเมลวาส ทำให้ขบวนสินค้าปลอดภัยจนถึงที่หมาย
นับว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดเมืองหนึ่ง
“นั่นคือผลเพอร์เลย์สินะ”
ดาริอัสว่าพลางมองผลไม้รูปลักษณ์คล้ายไข่มุกขนาดใหญ่ที่วางขายอยู่บนแผงลอย
“พ่ะย่ะค่ะ
ผลเพอร์เลย์มีลักษณะสวยงามคล้ายไข่มุก พบได้ในพื้นที่ใกล้ชายฝั่ง
ที่สำคัญยังมีสรรพคุณในการรักษาความงามและความเต่งตึงของผิวด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เห..”
เด็กสาวมีทีท่าสนใจผลไม้ชนิดนี้ขึ้นมาทันที
“คนสว—
ราชินี ข้าว่าผลไม้ชนิดนี้คงไม่จำเป็นสำหรับท่านหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าจะบอกว่าไม่ต้องใช้มันข้าก็งามอยู่แล้ว?”
“ต่อให้ใช้มันก็ไม่งามมากไปกว่านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พรืด!
ดาริอัสหลุดหัวเราะ
เหลือบมองใบหน้าของเด็กสาวข้างกายที่ติดจะไม่พอใจอยู่หน่อยๆ ปากรั้นเหยียดตรง
ใบหน้าเรียวเชิดขึ้น “เจ้าคนตาถั่ว”
“ล้อเล่นพ่ะย่ะค่ะ”
ถ้าทำได้
ดาริอัสอยากจะแท็กมือกับยูทารอธเสียจริง เขาล่ะชอบนัก
สีหน้าของเด็กสาวเวลาไม่พอใจหรือขัดใจนั้นช่างน่าอภิรมณ์สำหรับเขา ไม่รู้สิ
จะอธิบายยังไงดีนะ เอาเป็นว่ามันทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เทนทาเนียเมินบุคคลทั้งสองที่ดูท่าจะสนุกสนานกับการแกล้งเธอเหลือเกิน
เด็กสาวละสายตาจากผลเพอร์เลย์เพื่อเสาะหาสิ่งอื่นที่น่าสนใจกว่า ในทันใดนั้นเอง สายลมที่พัดพามาในชั่วครู่ทำให้ผ้าที่ใช้คลุมศีรษะปกปิดใบหน้าของเธอสะบัดไปตามแรงลมและหลุดจากศีรษะในที่สุด
“อา”
เธอคราง รีบนำมันขึ้นมาหวังจะใช้คลุมศีรษะของตนอีกครั้ง ทว่าในตอนนั้นเอง
เธอเห็นใครบางคนเดินผ่านไปไม่ไกลจากระยะสายตานัก เขาเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดอาภรณ์สะอาดสะอ้าน
ผมสีดำสนิทตัดกับผิวที่ขาวจนซีด แม้จะเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจนนัก
แต่แผ่นหลังที่กำลังเดินห่างออกไปนั้น— กลับดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด
“เทนทาเนีย”
เสียงเรียกของดาริอัสทำให้เธอได้สติ
สายลมพัดพาอีกครั้ง
และเมื่อเธอหันไป— แผ่นหลังของชายคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว
“มีอะไรเหรอ”
ดาริอัสถาม
เธอส่ายศีรษะ
เลิกคิดถึงแผ่นหลังกว้างเมื่อครู่
“ไม่มีอะไรเพคะ”
อีกด้านหนึ่ง
ดวงเนตรสีน้ำตาลทองมองแผ่นหลังเล็กของเด็กสาวคนหนึ่งที่หันไปสนทนากับชายหนุ่มข้างกายด้วยสายตาอ่านยาก
แม้จะเห็นใบหน้านั้นเพียงชั่วครู่ แต่ก็สามารถบอกได้ว่าเธอมีใบหน้าที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบไม่มีใครเลียนแบบได้
น่าจะอายุมากกว่าเขาเพียงปีหรือสองปีเท่านั้น
เธอคนนั้นดึงผ้าคลุมขึ้นมาปกปิดศีรษะและใบหน้าอีกครั้ง
มือทั้งสองข้ากระชับมันแน่น เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว
มองการกระทำนั้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
ทำไมต้องปกปิดใบหน้ากันนะ
ทั้งที่น่ารักขนาดนั้นแท้ๆ
“คุณชาย”
เสียงทุ้มของชายอายุมากกว่าทำให้เขาสะดุ้ง ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามเสียงเรียกพลางเลิกคิ้วขึ้น
“มีอะไร”
“ดูเหมือนว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก
ข้าว่าเรารีบกลับกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ
อย่าลืมว่าเราจะให้ใครรู้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะว่าข้าพาท่านออกมาเที่ยวเล่น”
“....”
“คุณชา—
องค์ชายเจเรเมีย”
“ข้ารู้แล้ว”
คนอายุน้อยกว่าว่า นัยน์ตายังคงจับจ้องไปยังร่างของเด็กสาวคนนั้นที่กำลังเดินห่างไกลออกไป
“นี่”
“พ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้ารู้จักเด็กสาวที่มีผมสีดำขลับและดวงตาสีเขียวมรกตบ้างรึเปล่า”
ชั่วครู่หนึ่งนั้น
ดวงเนตรสีน้ำข้าวของคนอายุมากกว่าฉายแววอ่านยาก
“ข้า—
ไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม
เข้าใจแล้ว”
....
“ขอบใจนะ จูเลียน”
เรื่องนี้ที่วางพล็อตไว้คร่าวๆจะมีประมาณ 30 ตอนนะคะ และเรายังเดินทางกันมาไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย แง /ฮึบไว้ ฮึบบบ
ปล.เช็คคำผิดแล้ว แต่อาจจะเบลอๆ ถ้าเจอก็ทักมาบอกได้นะคะ!
ปล2. นึกขึ้นมาได้ว่าไม่เคยแนะนำตัว เราชื่อ กันย์ ค่ะ ทักมาพูดคุยกันได้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค้าบ
ความคิดเห็น