ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Road to Become a Lord | jaeten

    ลำดับตอนที่ #2 : stage 01 – tenler darketon

    • อัปเดตล่าสุด 9 มิ.ย. 63


     

              12 ปีผ่านไป..

                ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ห้องหนึ่งซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของคฤหาสน์ ร่างสองร่างที่มีขนาดต่างกันโรมรันอยู่บนเตียงสร้างบรรยากาศร้อนรุ่มอย่างไม่มีใครยอมใคร เตียงนอนที่สาวใช้พึ่งมาจัดให้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยับยู่ยี่ สัมผัสร้อนวูบวาบตามกายทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องเชิดหน้าขึ้น มือเรียวขยุ้มศีรษะของชายที่กำลังปรนเปรอตัวเองอยู่อย่างไม่ออมแรง

                จนกระทั่งการกระทำร้อนแรงยามกลางวันแสกๆถูกขัดโดยเสียงเคาะประตูที่ดังอยู่สองสามครั้ง

                “มีอะไร” ร่างเล็กที่พลิกตัวมาอยู่ด้านบนคนตัวสูงกว่าถามเสียงเรียบ นัยน์ตาสีทองล้ำลึกฉายแววหงุดหงิดงุ่นง่านไม่น้อยเมื่อถูกขัดจังหวะ เขาเสยผมสีบลอนด์เทาออกควันบุหรี่ขึ้นอย่างลวกๆ พลางชักสีหน้าใส่อีกคนหนึ่งบนเตียงซึ่งยังคงทำรุ่มร่ามกับเรือนร่างขาวนวลของเขาไม่หยุด

                “หยุดมือของนายซะ ก่อนที่ฉันจะกัดมันขาด” ชายหนุ่มร่างสูงบนเตียงยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้

                “เข้าใจแล้วๆ อย่าดุนักสิ”

                “สรุปมีอะไร ยูก้า” ยูก้า เมลสัน ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าพ่อบ้านประจำตระกูลที่รออยู่ด้านนอกประตูกระแอมเบาๆ พลางเหลือบมองชายอายุน้อยกว่าข้างกายที่เอาแต่กำมือแน่น มองไปยังประตูบานใหญ่ด้วยสายตาลุกโชนด้วยโทสะ ไม่ยอมพูดไม่ยอมจา

                “คุณชายเจควินน์มาครับ”

                “เจคเหรอ?” เทนเลอร์ขมวดคิ้ว เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังก็พบว่านี่พึ่งบ่ายกว่าๆ ไม่ใช่เวลาที่พ่อหนุ่มนั่นจะมาเยี่ยมเยียนเขาถึงคฤหาสน์ คิ้วที่ขมวดเป็นปมคลายออก ชายที่นอนอยู่บนเตียงก็เหมือนรู้ใจนัก หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกแขวนไว้มาสวมให้เขาโดยไม่ลืมติดกระดุมให้ทุกเม็ด ส่วนตัวเองก็หยิบเสื้อผ้าที่กระจายอยู่ตามพื้นมาสวมเงียบๆ

                “ขอบใจ” เทนเลอร์ว่า “รออยู่ในนี้แหละ เดี๋ยวฉันกลับมา”

                ร่างเล็กเดินออกไปจากห้องด้วยสภาพเสื้อเชิ้ตสีขาวบางๆเพียงตัวเดียวเท่านั้น ทิ้งให้ชายหนุ่มวัยใกล้เคียงกันที่เป็นคู่ขาในคืนนี้ต้องมองตามตาละห้อย ก่อนที่ความคิดขบขันจะแวบเข้ามา

                “เดี๋ยวกลับมางั้นเหรอ..” ชายหนุ่มพึมพำพลางแค่นหัวเราะ สวมใส่ชุดของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อกลับคฤหาสน์ของตัวเองโดยไม่สนความพูดนั้นอีก

                “มีครั้งไหนที่ไอเด็กนั่นมาหาท่านแล้วท่านกลับมากัน”

                มีคู่ขาของ เทนเลอร์ ดาร์เคอตัน คนไหนไม่รู้บ้าง ว่าองค์ชายคนนี้ให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มอัลฟ่าจากตระกูลแลนฟอร์ดนั่นมากที่สุด

     


                “ปกติเธอไม่มาหาฉันเวลานี้นี่ ลมอะไรหอบมาล่ะ” เทนเลอร์ถามเสียงเรียบ ในขณะที่ไขว่ห้างอย่างเคยชินจนเสื้อเชิ้ตตัวหลวมโพรกเลิกขึ้นเผยให้เห็นต้นขาเรียวสวย มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ พลางมองชายหนุ่มวัย 20 ปีตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบ

                เจควินน์ แลนฟอร์ด หรือที่เทนเลอร์มักเรียกว่า เจค เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงเจ้าของผิวขาวเนียนละเอียดราวหิมะ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นสลัก และลักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้มทั้งสองข้างซึ่งสาวๆและโอเมก้ามากมายลงความเห็นพ้องกันว่านั่นคือเอกลักษณ์และเสน่ห์ของชายคนนี้ ดวงเนตรสีเฮเซลนัทมองต้นขาที่โผล่ออกมาพลางกลืนน้ำลายลงคอและเสตามองไปทางอื่น

                “ก็แค่อยากมาเยี่ยมก่อนเวลาบ้าง ผม..” ร่างสูงอึกอักก่อนพึมพำเสียงแผ่ว “อยากเจอคุณ”

                เทนเลอร์เลิกคิ้ว

                “เธออยากเจอฉัน?” มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาฉายแววหยอกล้อ “คิดถึงฉันรึไง จะว่าไปเราก็ไม่ได้เจอกันกี่วันแล้วนะ 2 วัน หรือ 3”

                “7 วันต่างหาก ตั้งแต่ผมสอบ”

                “อา นานขนาดนั้นแล้วเหรอเนี่ย” เจควินน์ถอนหายใจ เขาถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองแล้วเอามันไปคลุมขาที่พ้นชายเสื้อออกมา แม้มันจะปิดได้ไม่มิดนักแต่ก็ดีกว่าตอนแรกมากโข

                “คุณความจำแย่จัง”

                “อายุมากแล้วนี่ ก็ต้องมีกันบ้าง”

                “31 เนี่ยนะ? มากตรงไหน ภายนอกคุณเหมือนเด็กหนุ่มวัย 17-18 ด้วยซ้ำ”

                “ฉันไม่ดีใจกับคำชมของเธอหรอกนะ” ปากบอกไม่ดีใจ แต่มุมปากนั่นก็ยกขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่รึไงกัน เจควินน์แอบขำขันในใจเมื่อเห็นท่าทีจิบชาแก้เก้อของคนอายุมากกว่า สำหรับเทนเลอร์— แม้มีคนมากมายชมเรื่องรูปร่างหน้าตาที่ดูดีเหนือคนธรรมดาของเขา เขาก็ไม่เคยรู้สึกดีกับมันนัก ไม่ได้เกลียด..แต่ก็ไม่ได้ชอบ

                ทว่าเพียงคำชมของคนอายุน้อยกว่าตรงหน้า กลับจุดประกายแสงอันอบอุ่นเล็กๆในใจเขาขึ้นมา

                อาจจะเพราะ— เขารู้ดีว่าเด็กตรงหน้าจริงใจต่อเขาแค่ไหน

                “กลิ่นของคุณโดนกลบไปอีกแล้ว” ร่างสูงที่ทำจมูกฟุดฟิดอยู่ข้างคนตัวเล็กเบ้หน้า ในใจร้อนรุ่มราวกับถูกแผดเผา ทั้งแบบนั้นกลับปกปิดมันภายใต้ใบหน้านิ่งสนิทราวประติมากรรมน้ำแข็ง

    “อัลฟ่าหน้าไหนอีกล่ะ”

                “เจค เขาอายุมากกว่าเธอ”

                “ผมขอโทษ แต่— ไม่ชอบเลย ผมจะพาคุณไปอาบน้ำ” มือใหญ่ฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้น ซึ่งคนตัวเล็กกว่าก็ยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย โดยไม่ลืมส่งสายตาให้หัวหน้าพ่อบ้านคนสนิทช่วยเรียกคนมาเก็บชุดน้ำชาให้เรียบร้อย เจคเดินดุ่มๆนำเทนเลอร์ไปยังห้องของเทนเลอร์เอง นึกขอบคุณที่อัลฟ่าหนุ่มคนก่อนหน้ากลับไปแล้ว ไม่งั้นเขาคงโดนเด็กหนุ่มบ่นเป็นหมีอดน้ำผึ้งแน่

                เขามองเด็กหน้านิ่งตรงหน้าที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกพลางคลี่ยิ้มหวาน

                “เธอจะอาบน้ำให้ฉันเหรอ” คล้ายรู้สึกตัว กายสูงแน่นิ่งไปราวถูกแช่แข็ง ใบหน้าคมคายขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู เทนเลอร์หัวเราะลั่นก่อนผลักร่างสูงเบาๆให้ออกไปรอด้านนอกห้องน้ำ ในขณะที่ตัวเองก็เดินเข้าไปชำระล้างร่างกายให้สะอาด

                ใช้เวลาเพียงไม่นานเทนเลอร์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ผมสีบลอนด์ควันบุหรี่เปียกลู่แนบใบหน้า เขาแต่งตัวอย่างเรียบง่ายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีทึบเท่านั้น

                เจควินน์มองอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน

                เทนเลอร์ ดาร์เคอตัน คือองค์ชายลำดับที่ 2 ของราชวงศ์ดาร์เคอตันแห่งเผ่ามนุษย์หมาป่า เขามีความสามารถดีพร้อม ใบหน้าหล่อหวานงดงามเกินบุรุษ เก่งทั้งด้านวิชาบู๊และบุ๋นกว่าองค์ชายคนไหนๆ อีกทั้งยังเป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านลอร์ดคนปัจจุบัน เขาคงกลายเป็นว่าที่ท่านลอร์ดคนต่อไปไปแล้ว หากไม่ติดที่ว่า..

                เขาเป็นโอเมก้า

                “จริงๆแล้วผมเอายาระงับฮีทกับยาคุมฉุกเฉินมาให้คุณ”

                “ขอบใจ” เขาว่าโดยไม่หันไปมองคนอายุน้อยกว่า เขาเดินนำอีกฝ่ายไปที่ห้องรับแขกตามเดิมและส่งสายตาให้ยูก้าผู้เป็นหัวหน้าพ่อบ้านช่วยรับมันจากเจควินน์เอาไว้

                “แล้วการสอบเป็นไงบ้าง”

                “ร้อยคะแนนเต็ม ไม่ขาดไม่เกิน” เจควินน์ตอบ แม้ใบหน้ายังคงไม่แสดงอารมณ์อะไร ทว่านัยน์ตากลับพราวระยับ

                เทนเลอร์ยิ้มบาง มองเด็กหน้านิ่งที่ยื่นศีรษะเข้ามาใกล้ “อยากได้รางวัลอะไรล่ะ”

                “ชมผมสิ ลูบหัวผมด้วย” สิ้นคำขอ มือบางทว่าอ่อนนุ่มของคนอายุมากกว่าก็วางแหมะบนศีรษะของเจควินน์ ผมสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำของชายหนุ่มไม่ได้ทำให้เทนเลอร์รู้สึกสากมือเลยแม้แต่น้อย เจควินน์ในยามปกติถูกเรียกว่าคุณชายน้ำแข็ง ถูกหาว่าหยิ่ง เย็นชา หรืออะไรก็ตามแต่

                ทว่ายามอยู่กับเทนเลอร์ เขาก็เป็นเพียงลูกหมาป่าตัวยักษ์ที่ชอบออดอ้อนก็เท่านั้น

                “เด็กดี” เทนเลอร์ชม หารู้ไม่ว่าเสียงหวานที่แหบเล็กน้อยของเขาทำให้ใบหน้าของคนที่เอนนอนบนตักแดงแปร๊ดราวมะเขือเทศสุก เจควินน์กุมมือทั้งสองข้างของตัวเองเข้าหากันแน่น หัวใจเต้นระรัวอยู่ในอก พยายามเบี่ยงหน้าหลบไม่ให้คนอายุมากกว่าเห็นว่าเขากำลังทำสีหน้าเช่นไรอยู่

                เทนเลอร์มีเสน่ห์เหลือร้ายกับอัลฟ่าทุกคน

                รวมถึงเขาด้วย

                และคำชมนั่น— ก็ทำเอาเขาคิดดีไม่ได้เลย

     


                ยูก้า เมลสัน ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก จากเด็กชายวัย 8 ขวบที่ไม่ต่างจากลูกสุนัขหลงทางไร้ที่พักพิงในวันนั้น วันนี้กลับเติบโตจนสามารถจ้องจะเขมือบเจ้านายของตัวเองได้เสียแล้ว

                “ขอบคุณพระเจ้าที่องค์ชายไม่เห็นสายตานั่น”

                ร้อนแรงดุจเปลวไฟที่แผดเผา สายตาที่เอ่อล้นไปด้วยความรัก— และความต้องการที่จะกลืนกิน

                ยูก้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันหลังให้กับสองหนุ่มในห้องนั่งเล่น หนึ่งคือนายเหนือหัว อีกหนึ่งก็คือเด็กที่นายเหนือหัวเก็บมาเลี้ยง

                อัลฟ่าที่หลงเสน่ห์และกลิ่นหอมเย้ายวนขององค์ชายเทนเลอร์นั้นมีมากมายกองเท่าภูเขา แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าเจควินน์..เด็กน้อยในวันวานจะกลายเป็นหนึ่งในนั้นด้วย และอาจจะเพราะความใกล้ชิดจนเกินไปหรืออะไรก็ตามที่บังตา เทนเลอร์จึงไม่เคยสังเกตเห็นสายตานักล่าของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าคนนั้นเลย

                “ท่านประมาทเกินไปแล้ว” พ่อบ้านหนุ่มพึมพำก่อนจะออกไปเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปปราสาทตระกูลดาร์เคอตันในค่ำคืนนี้

     


                รถม้าสีดำทองคันหรูเคลื่อนฝ่าความมืดมิดในยามค่ำคืนเข้าสู่ปราสาทสไตล์กอธิคซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาสูง บรรยากาศเงียบสงัดยามค่ำคืนถูกทำลายโดยเสียงพูดคุยจอแจของเหล่าขุนนางที่มารวมตัวกันในปราสาท เทนเลอร์ที่สวมชุดเต็มยศก้าวขาลงจากรถม้า เดินเข้าไปในปราสาทอย่างไม่รีบร้อนโดยไม่ลืมพกไม้เท้าคู่กายไปด้วย

                ไม้เท้าถือเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะและยศศักดิ์ของผู้เป็นเจ้าของ เทนเลอร์มีศักดิ์เป็นเจ้าชาย— เพราะแบบนั้นไม้เท้าของเขาจึงถูกสั่งทำมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ ตรงหัวไม้เท้าเป็นรูปอุ้งมืออินทรีคว้าเพชรซึ่งแกะสลักจากทองคำแท้ทั้งแท่ง ส่วนเพชรที่ถูกอุ้งมืออินทรีนั้นเกาะไว้ก็เป็นเพชรน้ำแท้หายากที่ใครคนหนึ่งเคยนำมามอบให้เขาเมื่อนานมาแล้ว

                “พร้อมหน้ากันซักทีนะ”

    ด้านในสุดของท้องพระโรงคือบัลลังก์ที่ทำจากแร่พิเศษตั้งตระหง่านอยู่เหนือขั้นบันได ผู้ที่ครอบครองบัลลังก์นั้นคือชายวัยกลางคนผู้มีดวงตาสีทองคมกริบ ใบหน้าหล่อคมคายแม้อายุจะล่วงเลยไปเกือบเลข 5 ไม่ได้ทำให้หลายคนรู้สึกแปลกใจนัก เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ที่ได้รับเชิญมาค้อมศีรษะลงอย่างพร้อมเพรียง

                “ท่านลอร์ด” ชายวัยกลางคนยิ้มรับ นัยน์ตาคมกวาดมองบุตรชายและบุตรสาวของตนรวมถึงขุนนางที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ทุกวันที่ 15 จะเป็นวันที่เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์มารวมตัวกันที่ปราสาทเพื่อพูดคุยปรึกษางานราชการต่างๆ

                ปัญหามากมายที่เกิดขึ้นภายในอันเดลไฮส์ถูกนำมาถกเพื่อหาสาเหตุและวิธีแก้ปัญหา ตั้งแต่ปัญหาน้ำท่วมในเรดฮอล ปัญหาไฟป่าลุกลามสู่หมู่บ้านตามชายแดน ปัญหาโอเมก้ามากมายที่ถูกขายสู่ตลอดค้าทาส ไปจนถึงปัญหาการแต่งตั้งขุนนางให้รับตำแหน่งต่างๆ การประชุมดำเนินไปเรื่อยๆ ขุนนางหนุ่มวัยสามสิบกว่าผู้หนึ่งเหลือบมองซ้ายขวา ก่อนที่จะค้อมศีรษะให้ผู้นำของตนอย่างนอบน้อมแล้วเกริ่นเข้าเรื่องที่ตัวเองต้องการจะสื่อ

                “ท่านลอร์ด ท่านอาจจะไม่ทราบ องค์ชายลำดับที่ 2 ท่านเทนเลอร์ได้แก้ปัญหาโรคระบาดเรื้อรังในเมืองแถบชนบทได้แล้วครับ”

                เสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระลอกเมื่อชายหนุ่มพูดจบ สิ่งที่น่าตื่นตกใจไม่ใช่การที่เทนเลอร์แก้ปัญหาได้ เป็นที่รู้กันดีว่าองค์ชายลำดับที่ 2 ฉลาดหลักแหลมมีไหวพริบ ยังไงก็คงหาวิธีแก้ได้ในซักวัน แต่ที่น่าตกใจ— คือขุนนางผู้นำเรื่องนี้มากล่าวต่างหาก

                เมื่อเกือบเดือนก่อน ขุนนางอัลฟ่าผู้นี้ยังต่อต้านและไม่ยอมรับที่องค์ชายที่เป็นโอเมก้าอย่างเทนเลอร์จะเข้าร่วมประชุมในท้องพระโรงเลยแท้ๆ

                ทว่าตอนนี้..

    โอเมก้าเพียงหนึ่งเดียวในที่ประชุมเชิดหน้ายิ้มไม่สะทกสะท้าน ไม่สนใจสายตาที่จับจ้องมาจากขุนนางเหล่านั้น ดวงเนตรสีทองประกายวูบวาบด้วยแววความมั่นใจและความยโส

    “งั้นเหรอ ฝีมือของลูกสินะเทนเลอร์”

    ชายหนุ่มลอบขำในใจ ร้อยวันพันปีลอร์ดผู้นั้นแทบไม่เคยเรียกเขาว่าลูก

    แล้วดูนี่สิ แค่เพราะเขามีประโยชน์— แค่เพื่อแสดงให้ขุนนางโง่เง่านั่นเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกยังอยู่ดีไม่เสื่อมสลาย ท่านลอร์ดผู้นี้ก็เอ่ยปากคำว่า ลูก ออกมาเสียอย่างนั้น

    “ดีมาก ดีจริงๆ ลูกได้สร้างผลงานอีกแล้ว ต้องขอบใจมาก”

    “ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว..” เทนเลอร์เว้นช่วง ช้อนตามองผู้นั่งบนบัลลังก์ด้วยสายตาว่างเปล่า “ที่ต้องช่วยแบ่งเบาภาระของท่าน”

    “ด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่าองค์ชายลำดับที่ 2 สมควรได้รับตำแหน่งผู้ตรวจการครับ”

    ขุนนางคนเดิมกล่าวเสียงดังฟังชัด เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะมีทั้งเสียงเห็นด้วยและเสียงค้านดังอื้ออึงในท้องพระโรง ตำแหน่งผู้ตรวจการในอันเดลไฮส์ไม่ใช่ตำแหน่งยศใหญ่โตอะไรนัก แต่หน้าที่ของผู้ตรวจการนั่นต่างหากที่เป็นปัญหา— ตรวจสอบการทุจริตและการฉ้อฉลของพวกขุนนาง

    ชายผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์มองบุตรชายแท้ๆด้วยสีหน้าอ่านยาก ก่อนที่นัยน์ตาไร้แววคู่นั้นจะมีประกายแสงวาบผ่านอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากเหยียดยิ้ม ใบหน้าคมคายฉายแววพึงพอใจ

    หากเทนเลอร์เป็นผู้ตรวจการ ไม่ใช่เพียงขุนนางที่เป็นปฏิปักษ์กับอีกฝ่ายจะถูกกำจัด ขุนนางที่ไร้ซึ่งความภักดีต่อเขาเองก็เช่นกัน

    เจ้าลูกชายคนนี้ช่างฉลาดนัก รู้ว่าต้องทำยังไงบิดาเช่นเขาถึงจะพอใจและตัวเองยังได้สิ่งที่ต้องการ

    “งั้นฉันขอแต่งตั้งเทนเลอร์เป็นผู้ตรวจการของอันเดลไฮส์”

                การประชุมยังคงดำเนินต่อไป ทว่าเทนเลอร์กลับทำเพียงยิ้มและไม่กล่าวอะไรอีก

                สายตาจับจ้องไปยังบัลลังก์สีทะมึนที่อยู่เหนือขึ้นไป มือข้างที่ว่างเว้นจากการจับไม้เท้าลูบแหวนประจำตัวซ้ำไปมา ซึ่งเป็นการกระทำที่ติดเป็นนิสัยยามเขากำลังครุ่นคิดหรือวางแผนอะไรบางอย่าง

                อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น

     


                เจควินน์เหม่อมองท้องฟ้าในยามบ่ายอย่างเลื่อนลอย มือกร้านที่จับปากกาขนนกปล่อยมันล่วงจากมือไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจทราบ หน้าต่างห้องเรียนที่ถูกเปิดอ้าทิ้งไว้เพื่อรับลมกลับเป็นสิ่งที่ทำให้นักศึกษากว่าครึ่งในห้องเกือบตกอยู่ในห้วงนิทรา

                เขาก็เกือบจะเป็นหนึ่งในนั้น

                ดวงเนตรสีเฮเซลนัทจับจ้องสหายที่นั่งอยู่ข้างกายซึ่งนั่งสัปหงกใกล้ฟุบกับโต๊ะเต็มที

                “ดันแคน ฉันขอเตือนนาย ถ้านายหลับ— รับรองได้เลยว่าศาสตราจารย์ไม่เอานายไว้นาย”

                ดันแคน ไอซ์ไลน์!

              พูดไม่ทันขาดคำ

                เจควินน์ถอนหายใจ มองสหายสนิทที่โดนศาสตราจารย์หญิงวัยกลางคนบิดหูจนอย่างแรงจนเจ้าตัวอดที่จะร้องโอดครวญขึ้นมาไม่ได้ ความเจ็บที่หูรวมกับความตกใจที่ศาสตราจารย์ป้านั่นอยู่ใกล้ระยะประชิดทำเอาพวงหางสีเทาเข้มจนเกือบดำของสหายหนุ่มโผล่ออกมา

                “ผมจะไม่หลับแล้ว จารย์ ผมพูดจริงนะ!

                ทะเลาะกันอยู่นานสองนาน ในที่สุดศาสตราจารย์หญิงก็เดินกลับไปสอนพร้อมกับดวงตาคมกริบที่อ่อนลงเล็กน้อยเมื่อได้ทำโทษเด็กแสบประจำห้องจนพอใจ

                “ฉันบอกนายแล้ว” เขากระซิบ

                “ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้วะ!!

                เจควินน์กล่าวเสียงเรียบ “นายสัปหงกเอง”

                เวลาเรียนผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย วิชาประวัติศาสตร์อันเดลไฮส์ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจนักสำหรับพวกเขา มันน่าเบื่อพอๆกับการได้ยินเสียงซุบซิบนินทาจากพวกบุตรขุนนางคนอื่นๆที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน หลังจากหมดคาบเรียนในวันนี้ เจควินน์พร้อมด้วยดันแคนและสหายสนิทอีก 2 คนอย่าง จูเลียส เบลค และ เยริน เพนทากอน เพื่อนสาวเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มก็พากันเดินออกมาจากอาคารสูง

                “จริงๆแล้วนายไม่ต้องเตือนดันแคนก็ได้นะเจค เสียเวลา” เพื่อนสาวเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มอย่างเยรินว่า โดยมีดันแคนทำท่าจะแยกเขี้ยวใส่อยู่ไม่ห่าง

                “จริงของเยรินนะครับ ต่อให้นายเตือนดันแคนเร็วกว่านั้น คนอย่างหมอนั่นก็ไม่ฟังนายหรอก” จูเลียสที่เดินตามมาแสดงความคิดเห็น โดยเมินสายตาจงเกลียดจงชังจากนักศึกษาคนอื่นคล้ายคนเหล่านั้นไม่มีตัวตน

                ทำไมถึงได้รับสายตาพวกนั้นน่ะเหรอ?

                นั่นคงเพราะนอกจากเยรินแล้ว กลุ่มนี้ก็ไม่มีใครปกติซักคนล่ะมั้ง

                คนแรก ดันแคน— เห็นหน้าหล่อแบบนี้ แต่หมอนี่ก็เป็นคนที่ได้รับฉายาว่า ขุนนางนอกคอกเนื่องจากความหุนหันพลันแล่นและนิสัยที่ค่อนไปทางห่ามและไม่เห็นหัวใครนัก ไม่ชอบอยู่ในกรอบหรือกฎเกณฑ์ และด้วยนิสัยใจร้อน ยังทำให้มีข่าวลือว่าเคยทำหญิงท้องบ้าง เคยฆ่านักเลงในเมืองเป็นสิบๆคนบ้าง แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริงหรอก

                ข่าวลือแพร่กระจายไวกว่าความจริงเสมอ

                ส่วน จูเลียส เขาเป็นสามัญชนเพียงไม่กี่คนในมหาวิทยาลัยสำหรับบุตรชายและบุตรสาวตระกูลขุนนางแห่งนี้ เป็นนักเรียนทุนที่นานๆจะปรากฏขึ้นซักครั้ง แน่นอนว่าเหตุผลแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นักศึกษาหลายคนที่นี่ไม่ชอบเขา

                และคนสุดท้าย เจควินน์..

                “มาแล้วๆ นั่นไงเด็กขององค์ชายเทนเลอร์”

                “ชู่ว! พูดเบาๆสิ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก”

                “หมอนั่นหล่อชะมัด น่าเสียดายจริงๆ กลายเป็นของเล่นชิ้นโปรดของเชื้อพระวงศ์ซะงั้น”

                “นี่เธอว่าหมอนั่นกลายเป็นของเล่นขององค์ชายตั้งแต่อายุเท่าไหร่”

                “อาจจะตั้งแต่ 15 ล่ะมั้ง?

                “บ้าน่า ไม่ใช่ว่าตั้งแต่ 13 เหรอ”

                โชคดีที่จูเลียสคว้าตัวดันแคนเอาไว้ได้ก่อนที่คนเลือดร้อนจะพุ่งไปต่อยหน้าพวกขี้ซุบซิบนินทานั่น เยรินเบ้หน้า พึมพำกับตัวเองทำนองว่าคนพวกนี้สรรหาเรื่องมานินทาอีกแล้ว ในขณะที่เจควินน์ทำเพียงรับฟังเงียบๆไม่แสดงอาการอะไร

                มีเพียงใบหน้าที่นิ่งสนิทไร้อารมณ์และนัยน์ตาที่เย็นเยียบจนแทบแช่แข็งคนมองเท่านั้น

                “องค์ชายลำดับที่ 2 นี่ก็เหลือเกินจริงๆ ได้ยินว่าเอาอีกแล้ว”

                “อีกแล้วเหรอ คราวนี้ใครล่ะ”

                “จะใครซะอีกล่ะ ก็ท่านเฟลิกซ์น่ะสิ เกือบเดือนก่อนเขายังต่อต้านองค์ชายอยู่แท้ๆ มาเมื่อวานกลับสนับสนุนให้องค์ชายเทนเลอร์เป็นผู้ตรวจการซะงั้น”

                “ก็รู้ๆกันอยู่ว่าทำไม” เสียงนั่นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยเสียงหัวเราะ

                “องค์ชายโอเมก้าจะทำอะไรได้— นอกจากใช้ร่างกายตัวเองแลกมันมา”

              “น่าสงสารเจควินน์จริงๆ ที่ต้องกินของเหลือต่อจากคนอื่น”

              โครม!!

                กลุ่มนักศึกษาที่รวมตัวกันซุบซิบนินทาแยกย้ายคล้ายผึ้งแตกรัง ดวงตาฉายแววตื่นตระหนกเมื่อพบว่าผู้ที่ล้มตู้ดังโครมไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่พวกตนพึ่งเอ่ยนินทาว่าร้ายไปก่อนหน้า เทนเลอร์ในชุดลำลองสบายๆทว่ายังแผ่กลิ่นอายของอำนาจยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีทองไม่ได้วาวโรจน์ ทว่ามันกลับนิ่งสนิทไร้แววดุจอัญมณีที่ไม่ได้ผ่านการเจียระไน

                เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศหนักอึ้งที่เจ้าตัวแผ่ออกมา

                “เป็นเด็กเป็นเล็ก..” เทนเลอร์เหยียดยิ้มร้าย “เอาเวลานินทาคนอื่นไปทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นก่อนดีมั้ยพวกเด็กน้อย เธอก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าด้วยตำแหน่งของฉัน แค่ดีดนิ้ว— ก็สามารถทำให้ตระกูลของพวกเธอหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ได้เลย”

                ทั้งนักศึกษาหนุ่มสาวบริเวณทางเดินต่างหน้าซีดเผือดไร้เลือดและกระจัดกระจายกันไปคนละทาง เทนเลอร์แค่นหัวเราะ

                เขาไม่ได้โกรธที่เด็กพวกนั้นนินทาเขาเลย

                อย่างไรเสียเกือบครึ่งนั่น (แน่นอนว่ายกเว้นเรื่องเจควินน์) ก็เป็นความจริงที่เขาปฏิเสธไม่ได้

                แต่พวกมันกล้าดียังไงมากล่าวหาเจควินน์— เด็กน้อยของเขาแบบนั้น

                กล้าดียังไงถึงเอาชื่อเจควินน์มาพูดเรื่องแบบนั้น

                เจควินน์ที่เห็นคนตัวเล็กกว่าเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เพียงชั่วพริบตาดวงตาที่เคยเย็นเยียบเมื่อครู่ก็หยีลงเป็นสระอิ พลางวิ่งมาหาเทนเลอร์ราวกับสุนัขเจอเจ้าของ ดันแคนที่เห็นเพื่อนหางโผล่หูโผล่ลอบถอนหายใจกับสหายอีกสองคนทันใด

                ต่อหน้าคนอื่น เจควินน์ก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าชายน้ำแข็ง ไร้จิตใจ ไร้อารมณ์ความรู้สึก

                แต่ยามอยู่ต่อหน้าเทนเลอร์ ดาร์เคอตัน

                ดวงตาคู่นั้นกลับแวววับดุจราชสีห์ที่กำลังจ้องขย้ำเหยื่อซะนี่!!

                “จูเลียส ไหนๆนายก็เป็นคนฉลาดกว่าฉัน ไหนบอกซิ นายคิดว่าองค์ชายจะรู้สึกตัวเมื่อไหร่”

                จูเลียสส่ายหน้า “คงรู้ตัวตอนถูกจับกินนั่นล่ะครับ ในสายตาเขาตอนนี้..เจคยังเป็นแค่เด็กน้อยไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ”




    -----|-----|-----|-----|-----|-----

    น่าสงสารเจคเขานะคะ /ซับน้ำตา

    เทนเลอร์เขาเป็นคนแซ่บๆค่ะ แซ่บๆร้ายๆ กินขุนนางจะหมดอันเดลไฮส์แล้ว(?)

    ทำเนียบตัวละครจะมาทีหลังค่ะ แต่ขอบอกอิมเมจแบบคร่าวๆก่อน

    เทนเลอร์ - เตนล์ , เจควินน์ - แจฮยอน , ยูก้า – ยูตะ

    เยริน - เยริ , ดันแคน - โดยอง , จูเลียส – จองอู

    ถ้าเจอคำผิดก็สามารถทักมาบอกได้นะคะ บางทีเราก็เบลอๆ ;-;

    #ท่านลอร์ดโอเมก้า

                 

     

     

     

     

     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×