คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : stage 01 – tenler darketon
12 ปีผ่านไป..
ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ห้องหนึ่งซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของคฤหาสน์
ร่างสองร่างที่มีขนาดต่างกันโรมรันอยู่บนเตียงสร้างบรรยากาศร้อนรุ่มอย่างไม่มีใครยอมใคร
เตียงนอนที่สาวใช้พึ่งมาจัดให้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยับยู่ยี่
สัมผัสร้อนวูบวาบตามกายทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องเชิดหน้าขึ้น
มือเรียวขยุ้มศีรษะของชายที่กำลังปรนเปรอตัวเองอยู่อย่างไม่ออมแรง
จนกระทั่งการกระทำร้อนแรงยามกลางวันแสกๆถูกขัดโดยเสียงเคาะประตูที่ดังอยู่สองสามครั้ง
“มีอะไร”
ร่างเล็กที่พลิกตัวมาอยู่ด้านบนคนตัวสูงกว่าถามเสียงเรียบ
นัยน์ตาสีทองล้ำลึกฉายแววหงุดหงิดงุ่นง่านไม่น้อยเมื่อถูกขัดจังหวะ
เขาเสยผมสีบลอนด์เทาออกควันบุหรี่ขึ้นอย่างลวกๆ
พลางชักสีหน้าใส่อีกคนหนึ่งบนเตียงซึ่งยังคงทำรุ่มร่ามกับเรือนร่างขาวนวลของเขาไม่หยุด
“หยุดมือของนายซะ
ก่อนที่ฉันจะกัดมันขาด” ชายหนุ่มร่างสูงบนเตียงยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้
“เข้าใจแล้วๆ
อย่าดุนักสิ”
“สรุปมีอะไร
ยูก้า” ยูก้า เมลสัน ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าพ่อบ้านประจำตระกูลที่รออยู่ด้านนอกประตูกระแอมเบาๆ
พลางเหลือบมองชายอายุน้อยกว่าข้างกายที่เอาแต่กำมือแน่น
มองไปยังประตูบานใหญ่ด้วยสายตาลุกโชนด้วยโทสะ ไม่ยอมพูดไม่ยอมจา
“คุณชายเจควินน์มาครับ”
“เจคเหรอ?” เทนเลอร์ขมวดคิ้ว
เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังก็พบว่านี่พึ่งบ่ายกว่าๆ
ไม่ใช่เวลาที่พ่อหนุ่มนั่นจะมาเยี่ยมเยียนเขาถึงคฤหาสน์ คิ้วที่ขมวดเป็นปมคลายออก
ชายที่นอนอยู่บนเตียงก็เหมือนรู้ใจนัก
หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกแขวนไว้มาสวมให้เขาโดยไม่ลืมติดกระดุมให้ทุกเม็ด
ส่วนตัวเองก็หยิบเสื้อผ้าที่กระจายอยู่ตามพื้นมาสวมเงียบๆ
“ขอบใจ”
เทนเลอร์ว่า “รออยู่ในนี้แหละ เดี๋ยวฉันกลับมา”
ร่างเล็กเดินออกไปจากห้องด้วยสภาพเสื้อเชิ้ตสีขาวบางๆเพียงตัวเดียวเท่านั้น
ทิ้งให้ชายหนุ่มวัยใกล้เคียงกันที่เป็นคู่ขาในคืนนี้ต้องมองตามตาละห้อย
ก่อนที่ความคิดขบขันจะแวบเข้ามา
“เดี๋ยวกลับมางั้นเหรอ..”
ชายหนุ่มพึมพำพลางแค่นหัวเราะ
สวมใส่ชุดของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อกลับคฤหาสน์ของตัวเองโดยไม่สนความพูดนั้นอีก
“มีครั้งไหนที่ไอเด็กนั่นมาหาท่านแล้วท่านกลับมากัน”
มีคู่ขาของ เทนเลอร์ ดาร์เคอตัน คนไหนไม่รู้บ้าง
ว่าองค์ชายคนนี้ให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มอัลฟ่าจากตระกูลแลนฟอร์ดนั่นมากที่สุด
“ปกติเธอไม่มาหาฉันเวลานี้นี่
ลมอะไรหอบมาล่ะ” เทนเลอร์ถามเสียงเรียบ
ในขณะที่ไขว่ห้างอย่างเคยชินจนเสื้อเชิ้ตตัวหลวมโพรกเลิกขึ้นเผยให้เห็นต้นขาเรียวสวย
มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ พลางมองชายหนุ่มวัย 20 ปีตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบ
เจควินน์
แลนฟอร์ด หรือที่เทนเลอร์มักเรียกว่า เจค
เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงเจ้าของผิวขาวเนียนละเอียดราวหิมะ
ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นสลัก
และลักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้มทั้งสองข้างซึ่งสาวๆและโอเมก้ามากมายลงความเห็นพ้องกันว่านั่นคือเอกลักษณ์และเสน่ห์ของชายคนนี้
ดวงเนตรสีเฮเซลนัทมองต้นขาที่โผล่ออกมาพลางกลืนน้ำลายลงคอและเสตามองไปทางอื่น
“ก็แค่อยากมาเยี่ยมก่อนเวลาบ้าง
ผม..” ร่างสูงอึกอักก่อนพึมพำเสียงแผ่ว “อยากเจอคุณ”
เทนเลอร์เลิกคิ้ว
“เธออยากเจอฉัน?” มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาฉายแววหยอกล้อ “คิดถึงฉันรึไง
จะว่าไปเราก็ไม่ได้เจอกันกี่วันแล้วนะ 2 วัน หรือ 3”
“7
วันต่างหาก ตั้งแต่ผมสอบ”
“อา
นานขนาดนั้นแล้วเหรอเนี่ย” เจควินน์ถอนหายใจ
เขาถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองแล้วเอามันไปคลุมขาที่พ้นชายเสื้อออกมา แม้มันจะปิดได้ไม่มิดนักแต่ก็ดีกว่าตอนแรกมากโข
“คุณความจำแย่จัง”
“อายุมากแล้วนี่
ก็ต้องมีกันบ้าง”
“31
เนี่ยนะ? มากตรงไหน ภายนอกคุณเหมือนเด็กหนุ่มวัย 17-18 ด้วยซ้ำ”
“ฉันไม่ดีใจกับคำชมของเธอหรอกนะ”
ปากบอกไม่ดีใจ แต่มุมปากนั่นก็ยกขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่รึไงกัน เจควินน์แอบขำขันในใจเมื่อเห็นท่าทีจิบชาแก้เก้อของคนอายุมากกว่า
สำหรับเทนเลอร์— แม้มีคนมากมายชมเรื่องรูปร่างหน้าตาที่ดูดีเหนือคนธรรมดาของเขา
เขาก็ไม่เคยรู้สึกดีกับมันนัก ไม่ได้เกลียด..แต่ก็ไม่ได้ชอบ
ทว่าเพียงคำชมของคนอายุน้อยกว่าตรงหน้า
กลับจุดประกายแสงอันอบอุ่นเล็กๆในใจเขาขึ้นมา
อาจจะเพราะ—
เขารู้ดีว่าเด็กตรงหน้าจริงใจต่อเขาแค่ไหน
“กลิ่นของคุณโดนกลบไปอีกแล้ว”
ร่างสูงที่ทำจมูกฟุดฟิดอยู่ข้างคนตัวเล็กเบ้หน้า ในใจร้อนรุ่มราวกับถูกแผดเผา
ทั้งแบบนั้นกลับปกปิดมันภายใต้ใบหน้านิ่งสนิทราวประติมากรรมน้ำแข็ง
“อัลฟ่าหน้าไหนอีกล่ะ”
“เจค
เขาอายุมากกว่าเธอ”
“ผมขอโทษ
แต่— ไม่ชอบเลย ผมจะพาคุณไปอาบน้ำ” มือใหญ่ฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้น
ซึ่งคนตัวเล็กกว่าก็ยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย
โดยไม่ลืมส่งสายตาให้หัวหน้าพ่อบ้านคนสนิทช่วยเรียกคนมาเก็บชุดน้ำชาให้เรียบร้อย
เจคเดินดุ่มๆนำเทนเลอร์ไปยังห้องของเทนเลอร์เอง
นึกขอบคุณที่อัลฟ่าหนุ่มคนก่อนหน้ากลับไปแล้ว
ไม่งั้นเขาคงโดนเด็กหนุ่มบ่นเป็นหมีอดน้ำผึ้งแน่
เขามองเด็กหน้านิ่งตรงหน้าที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกพลางคลี่ยิ้มหวาน
“เธอจะอาบน้ำให้ฉันเหรอ”
คล้ายรู้สึกตัว กายสูงแน่นิ่งไปราวถูกแช่แข็ง
ใบหน้าคมคายขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู
เทนเลอร์หัวเราะลั่นก่อนผลักร่างสูงเบาๆให้ออกไปรอด้านนอกห้องน้ำ
ในขณะที่ตัวเองก็เดินเข้าไปชำระล้างร่างกายให้สะอาด
ใช้เวลาเพียงไม่นานเทนเลอร์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
ผมสีบลอนด์ควันบุหรี่เปียกลู่แนบใบหน้า เขาแต่งตัวอย่างเรียบง่ายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีทึบเท่านั้น
เจควินน์มองอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน
เทนเลอร์
ดาร์เคอตัน คือองค์ชายลำดับที่ 2 ของราชวงศ์ดาร์เคอตันแห่งเผ่ามนุษย์หมาป่า
เขามีความสามารถดีพร้อม ใบหน้าหล่อหวานงดงามเกินบุรุษ เก่งทั้งด้านวิชาบู๊และบุ๋นกว่าองค์ชายคนไหนๆ
อีกทั้งยังเป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านลอร์ดคนปัจจุบัน
เขาคงกลายเป็นว่าที่ท่านลอร์ดคนต่อไปไปแล้ว หากไม่ติดที่ว่า..
เขาเป็นโอเมก้า
“จริงๆแล้วผมเอายาระงับฮีทกับยาคุมฉุกเฉินมาให้คุณ”
“ขอบใจ”
เขาว่าโดยไม่หันไปมองคนอายุน้อยกว่า เขาเดินนำอีกฝ่ายไปที่ห้องรับแขกตามเดิมและส่งสายตาให้ยูก้าผู้เป็นหัวหน้าพ่อบ้านช่วยรับมันจากเจควินน์เอาไว้
“แล้วการสอบเป็นไงบ้าง”
“ร้อยคะแนนเต็ม
ไม่ขาดไม่เกิน” เจควินน์ตอบ แม้ใบหน้ายังคงไม่แสดงอารมณ์อะไร ทว่านัยน์ตากลับพราวระยับ
เทนเลอร์ยิ้มบาง
มองเด็กหน้านิ่งที่ยื่นศีรษะเข้ามาใกล้ “อยากได้รางวัลอะไรล่ะ”
“ชมผมสิ
ลูบหัวผมด้วย” สิ้นคำขอ
มือบางทว่าอ่อนนุ่มของคนอายุมากกว่าก็วางแหมะบนศีรษะของเจควินน์
ผมสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำของชายหนุ่มไม่ได้ทำให้เทนเลอร์รู้สึกสากมือเลยแม้แต่น้อย
เจควินน์ในยามปกติถูกเรียกว่าคุณชายน้ำแข็ง ถูกหาว่าหยิ่ง เย็นชา หรืออะไรก็ตามแต่
ทว่ายามอยู่กับเทนเลอร์
เขาก็เป็นเพียงลูกหมาป่าตัวยักษ์ที่ชอบออดอ้อนก็เท่านั้น
“เด็กดี”
เทนเลอร์ชม
หารู้ไม่ว่าเสียงหวานที่แหบเล็กน้อยของเขาทำให้ใบหน้าของคนที่เอนนอนบนตักแดงแปร๊ดราวมะเขือเทศสุก
เจควินน์กุมมือทั้งสองข้างของตัวเองเข้าหากันแน่น หัวใจเต้นระรัวอยู่ในอก
พยายามเบี่ยงหน้าหลบไม่ให้คนอายุมากกว่าเห็นว่าเขากำลังทำสีหน้าเช่นไรอยู่
เทนเลอร์มีเสน่ห์เหลือร้ายกับอัลฟ่าทุกคน
รวมถึงเขาด้วย
และคำชมนั่น—
ก็ทำเอาเขาคิดดีไม่ได้เลย
ยูก้า
เมลสัน ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก จากเด็กชายวัย 8
ขวบที่ไม่ต่างจากลูกสุนัขหลงทางไร้ที่พักพิงในวันนั้น
วันนี้กลับเติบโตจนสามารถจ้องจะเขมือบเจ้านายของตัวเองได้เสียแล้ว
“ขอบคุณพระเจ้าที่องค์ชายไม่เห็นสายตานั่น”
ร้อนแรงดุจเปลวไฟที่แผดเผา
สายตาที่เอ่อล้นไปด้วยความรัก— และความต้องการที่จะกลืนกิน
ยูก้าถอนหายใจเฮือกใหญ่
ก่อนจะหันหลังให้กับสองหนุ่มในห้องนั่งเล่น หนึ่งคือนายเหนือหัว
อีกหนึ่งก็คือเด็กที่นายเหนือหัวเก็บมาเลี้ยง
อัลฟ่าที่หลงเสน่ห์และกลิ่นหอมเย้ายวนขององค์ชายเทนเลอร์นั้นมีมากมายกองเท่าภูเขา
แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าเจควินน์..เด็กน้อยในวันวานจะกลายเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
และอาจจะเพราะความใกล้ชิดจนเกินไปหรืออะไรก็ตามที่บังตา
เทนเลอร์จึงไม่เคยสังเกตเห็นสายตานักล่าของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าคนนั้นเลย
“ท่านประมาทเกินไปแล้ว”
พ่อบ้านหนุ่มพึมพำก่อนจะออกไปเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปปราสาทตระกูลดาร์เคอตันในค่ำคืนนี้
รถม้าสีดำทองคันหรูเคลื่อนฝ่าความมืดมิดในยามค่ำคืนเข้าสู่ปราสาทสไตล์กอธิคซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาสูง
บรรยากาศเงียบสงัดยามค่ำคืนถูกทำลายโดยเสียงพูดคุยจอแจของเหล่าขุนนางที่มารวมตัวกันในปราสาท
เทนเลอร์ที่สวมชุดเต็มยศก้าวขาลงจากรถม้า
เดินเข้าไปในปราสาทอย่างไม่รีบร้อนโดยไม่ลืมพกไม้เท้าคู่กายไปด้วย
ไม้เท้าถือเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะและยศศักดิ์ของผู้เป็นเจ้าของ
เทนเลอร์มีศักดิ์เป็นเจ้าชาย— เพราะแบบนั้นไม้เท้าของเขาจึงถูกสั่งทำมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
ตรงหัวไม้เท้าเป็นรูปอุ้งมืออินทรีคว้าเพชรซึ่งแกะสลักจากทองคำแท้ทั้งแท่ง
ส่วนเพชรที่ถูกอุ้งมืออินทรีนั้นเกาะไว้ก็เป็นเพชรน้ำแท้หายากที่ใครคนหนึ่งเคยนำมามอบให้เขาเมื่อนานมาแล้ว
“พร้อมหน้ากันซักทีนะ”
ด้านในสุดของท้องพระโรงคือบัลลังก์ที่ทำจากแร่พิเศษตั้งตระหง่านอยู่เหนือขั้นบันได
ผู้ที่ครอบครองบัลลังก์นั้นคือชายวัยกลางคนผู้มีดวงตาสีทองคมกริบ
ใบหน้าหล่อคมคายแม้อายุจะล่วงเลยไปเกือบเลข 5 ไม่ได้ทำให้หลายคนรู้สึกแปลกใจนัก
เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ที่ได้รับเชิญมาค้อมศีรษะลงอย่างพร้อมเพรียง
“ท่านลอร์ด”
ชายวัยกลางคนยิ้มรับ
นัยน์ตาคมกวาดมองบุตรชายและบุตรสาวของตนรวมถึงขุนนางที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ทุกวันที่ 15
จะเป็นวันที่เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์มารวมตัวกันที่ปราสาทเพื่อพูดคุยปรึกษางานราชการต่างๆ
ปัญหามากมายที่เกิดขึ้นภายในอันเดลไฮส์ถูกนำมาถกเพื่อหาสาเหตุและวิธีแก้ปัญหา
ตั้งแต่ปัญหาน้ำท่วมในเรดฮอล ปัญหาไฟป่าลุกลามสู่หมู่บ้านตามชายแดน ปัญหาโอเมก้ามากมายที่ถูกขายสู่ตลอดค้าทาส
ไปจนถึงปัญหาการแต่งตั้งขุนนางให้รับตำแหน่งต่างๆ การประชุมดำเนินไปเรื่อยๆ ขุนนางหนุ่มวัยสามสิบกว่าผู้หนึ่งเหลือบมองซ้ายขวา
ก่อนที่จะค้อมศีรษะให้ผู้นำของตนอย่างนอบน้อมแล้วเกริ่นเข้าเรื่องที่ตัวเองต้องการจะสื่อ
“ท่านลอร์ด
ท่านอาจจะไม่ทราบ องค์ชายลำดับที่ 2 ท่านเทนเลอร์ได้แก้ปัญหาโรคระบาดเรื้อรังในเมืองแถบชนบทได้แล้วครับ”
เสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระลอกเมื่อชายหนุ่มพูดจบ
สิ่งที่น่าตื่นตกใจไม่ใช่การที่เทนเลอร์แก้ปัญหาได้ เป็นที่รู้กันดีว่าองค์ชายลำดับที่
2 ฉลาดหลักแหลมมีไหวพริบ ยังไงก็คงหาวิธีแก้ได้ในซักวัน แต่ที่น่าตกใจ— คือขุนนางผู้นำเรื่องนี้มากล่าวต่างหาก
เมื่อเกือบเดือนก่อน
ขุนนางอัลฟ่าผู้นี้ยังต่อต้านและไม่ยอมรับที่องค์ชายที่เป็นโอเมก้าอย่างเทนเลอร์จะเข้าร่วมประชุมในท้องพระโรงเลยแท้ๆ
ทว่าตอนนี้..
โอเมก้าเพียงหนึ่งเดียวในที่ประชุมเชิดหน้ายิ้มไม่สะทกสะท้าน
ไม่สนใจสายตาที่จับจ้องมาจากขุนนางเหล่านั้น ดวงเนตรสีทองประกายวูบวาบด้วยแววความมั่นใจและความยโส
“งั้นเหรอ
ฝีมือของลูกสินะเทนเลอร์”
ชายหนุ่มลอบขำในใจ
ร้อยวันพันปีลอร์ดผู้นั้นแทบไม่เคยเรียกเขาว่าลูก
แล้วดูนี่สิ
แค่เพราะเขามีประโยชน์— แค่เพื่อแสดงให้ขุนนางโง่เง่านั่นเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกยังอยู่ดีไม่เสื่อมสลาย
ท่านลอร์ดผู้นี้ก็เอ่ยปากคำว่า ลูก ออกมาเสียอย่างนั้น
“ดีมาก ดีจริงๆ ลูกได้สร้างผลงานอีกแล้ว
ต้องขอบใจมาก”
“ไม่เป็นไรครับ
เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว..” เทนเลอร์เว้นช่วง ช้อนตามองผู้นั่งบนบัลลังก์ด้วยสายตาว่างเปล่า
“ที่ต้องช่วยแบ่งเบาภาระของท่าน”
“ด้วยเหตุนี้
ผมจึงคิดว่าองค์ชายลำดับที่ 2 สมควรได้รับตำแหน่งผู้ตรวจการครับ”
ขุนนางคนเดิมกล่าวเสียงดังฟังชัด
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะมีทั้งเสียงเห็นด้วยและเสียงค้านดังอื้ออึงในท้องพระโรง
ตำแหน่งผู้ตรวจการในอันเดลไฮส์ไม่ใช่ตำแหน่งยศใหญ่โตอะไรนัก แต่หน้าที่ของผู้ตรวจการนั่นต่างหากที่เป็นปัญหา—
ตรวจสอบการทุจริตและการฉ้อฉลของพวกขุนนาง
ชายผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์มองบุตรชายแท้ๆด้วยสีหน้าอ่านยาก
ก่อนที่นัยน์ตาไร้แววคู่นั้นจะมีประกายแสงวาบผ่านอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากเหยียดยิ้ม
ใบหน้าคมคายฉายแววพึงพอใจ
หากเทนเลอร์เป็นผู้ตรวจการ
ไม่ใช่เพียงขุนนางที่เป็นปฏิปักษ์กับอีกฝ่ายจะถูกกำจัด ขุนนางที่ไร้ซึ่งความภักดีต่อเขาเองก็เช่นกัน
เจ้าลูกชายคนนี้ช่างฉลาดนัก
รู้ว่าต้องทำยังไงบิดาเช่นเขาถึงจะพอใจและตัวเองยังได้สิ่งที่ต้องการ
“งั้นฉันขอแต่งตั้งเทนเลอร์เป็นผู้ตรวจการของอันเดลไฮส์”
การประชุมยังคงดำเนินต่อไป
ทว่าเทนเลอร์กลับทำเพียงยิ้มและไม่กล่าวอะไรอีก
สายตาจับจ้องไปยังบัลลังก์สีทะมึนที่อยู่เหนือขึ้นไป
มือข้างที่ว่างเว้นจากการจับไม้เท้าลูบแหวนประจำตัวซ้ำไปมา ซึ่งเป็นการกระทำที่ติดเป็นนิสัยยามเขากำลังครุ่นคิดหรือวางแผนอะไรบางอย่าง
อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น
เจควินน์เหม่อมองท้องฟ้าในยามบ่ายอย่างเลื่อนลอย
มือกร้านที่จับปากกาขนนกปล่อยมันล่วงจากมือไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจทราบ หน้าต่างห้องเรียนที่ถูกเปิดอ้าทิ้งไว้เพื่อรับลมกลับเป็นสิ่งที่ทำให้นักศึกษากว่าครึ่งในห้องเกือบตกอยู่ในห้วงนิทรา
เขาก็เกือบจะเป็นหนึ่งในนั้น
ดวงเนตรสีเฮเซลนัทจับจ้องสหายที่นั่งอยู่ข้างกายซึ่งนั่งสัปหงกใกล้ฟุบกับโต๊ะเต็มที
“ดันแคน
ฉันขอเตือนนาย ถ้านายหลับ— รับรองได้เลยว่าศาสตราจารย์ไม่เอานายไว้นาย”
“ดันแคน
ไอซ์ไลน์!”
พูดไม่ทันขาดคำ
เจควินน์ถอนหายใจ
มองสหายสนิทที่โดนศาสตราจารย์หญิงวัยกลางคนบิดหูจนอย่างแรงจนเจ้าตัวอดที่จะร้องโอดครวญขึ้นมาไม่ได้
ความเจ็บที่หูรวมกับความตกใจที่ศาสตราจารย์ป้านั่นอยู่ใกล้ระยะประชิดทำเอาพวงหางสีเทาเข้มจนเกือบดำของสหายหนุ่มโผล่ออกมา
“ผมจะไม่หลับแล้ว
จารย์ ผมพูดจริงนะ!”
ทะเลาะกันอยู่นานสองนาน
ในที่สุดศาสตราจารย์หญิงก็เดินกลับไปสอนพร้อมกับดวงตาคมกริบที่อ่อนลงเล็กน้อยเมื่อได้ทำโทษเด็กแสบประจำห้องจนพอใจ
“ฉันบอกนายแล้ว”
เขากระซิบ
“ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้วะ!!”
เจควินน์กล่าวเสียงเรียบ
“นายสัปหงกเอง”
เวลาเรียนผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย
วิชาประวัติศาสตร์อันเดลไฮส์ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจนักสำหรับพวกเขา
มันน่าเบื่อพอๆกับการได้ยินเสียงซุบซิบนินทาจากพวกบุตรขุนนางคนอื่นๆที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน
หลังจากหมดคาบเรียนในวันนี้ เจควินน์พร้อมด้วยดันแคนและสหายสนิทอีก 2 คนอย่าง จูเลียส
เบลค และ เยริน เพนทากอน เพื่อนสาวเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มก็พากันเดินออกมาจากอาคารสูง
“จริงๆแล้วนายไม่ต้องเตือนดันแคนก็ได้นะเจค
เสียเวลา” เพื่อนสาวเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มอย่างเยรินว่า
โดยมีดันแคนทำท่าจะแยกเขี้ยวใส่อยู่ไม่ห่าง
“จริงของเยรินนะครับ
ต่อให้นายเตือนดันแคนเร็วกว่านั้น คนอย่างหมอนั่นก็ไม่ฟังนายหรอก”
จูเลียสที่เดินตามมาแสดงความคิดเห็น โดยเมินสายตาจงเกลียดจงชังจากนักศึกษาคนอื่นคล้ายคนเหล่านั้นไม่มีตัวตน
ทำไมถึงได้รับสายตาพวกนั้นน่ะเหรอ?
นั่นคงเพราะนอกจากเยรินแล้ว
กลุ่มนี้ก็ไม่มีใครปกติซักคนล่ะมั้ง
คนแรก
ดันแคน— เห็นหน้าหล่อแบบนี้ แต่หมอนี่ก็เป็นคนที่ได้รับฉายาว่า ‘ขุนนางนอกคอก’ เนื่องจากความหุนหันพลันแล่นและนิสัยที่ค่อนไปทางห่ามและไม่เห็นหัวใครนัก
ไม่ชอบอยู่ในกรอบหรือกฎเกณฑ์ และด้วยนิสัยใจร้อน ยังทำให้มีข่าวลือว่าเคยทำหญิงท้องบ้าง
เคยฆ่านักเลงในเมืองเป็นสิบๆคนบ้าง แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริงหรอก
ข่าวลือแพร่กระจายไวกว่าความจริงเสมอ
ส่วน
จูเลียส เขาเป็นสามัญชนเพียงไม่กี่คนในมหาวิทยาลัยสำหรับบุตรชายและบุตรสาวตระกูลขุนนางแห่งนี้
เป็นนักเรียนทุนที่นานๆจะปรากฏขึ้นซักครั้ง แน่นอนว่าเหตุผลแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นักศึกษาหลายคนที่นี่ไม่ชอบเขา
และคนสุดท้าย
เจควินน์..
“มาแล้วๆ
นั่นไงเด็กขององค์ชายเทนเลอร์”
“ชู่ว! พูดเบาๆสิ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก”
“หมอนั่นหล่อชะมัด
น่าเสียดายจริงๆ กลายเป็นของเล่นชิ้นโปรดของเชื้อพระวงศ์ซะงั้น”
“นี่เธอว่าหมอนั่นกลายเป็นของเล่นขององค์ชายตั้งแต่อายุเท่าไหร่”
“อาจจะตั้งแต่
15 ล่ะมั้ง?”
“บ้าน่า
ไม่ใช่ว่าตั้งแต่ 13 เหรอ”
โชคดีที่จูเลียสคว้าตัวดันแคนเอาไว้ได้ก่อนที่คนเลือดร้อนจะพุ่งไปต่อยหน้าพวกขี้ซุบซิบนินทานั่น
เยรินเบ้หน้า พึมพำกับตัวเองทำนองว่าคนพวกนี้สรรหาเรื่องมานินทาอีกแล้ว ในขณะที่เจควินน์ทำเพียงรับฟังเงียบๆไม่แสดงอาการอะไร
มีเพียงใบหน้าที่นิ่งสนิทไร้อารมณ์และนัยน์ตาที่เย็นเยียบจนแทบแช่แข็งคนมองเท่านั้น
“องค์ชายลำดับที่
2 นี่ก็เหลือเกินจริงๆ ได้ยินว่าเอาอีกแล้ว”
“อีกแล้วเหรอ
คราวนี้ใครล่ะ”
“จะใครซะอีกล่ะ
ก็ท่านเฟลิกซ์น่ะสิ เกือบเดือนก่อนเขายังต่อต้านองค์ชายอยู่แท้ๆ มาเมื่อวานกลับสนับสนุนให้องค์ชายเทนเลอร์เป็นผู้ตรวจการซะงั้น”
“ก็รู้ๆกันอยู่ว่าทำไม”
เสียงนั่นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยเสียงหัวเราะ
“องค์ชายโอเมก้าจะทำอะไรได้—
นอกจากใช้ร่างกายตัวเองแลกมันมา”
“น่าสงสารเจควินน์จริงๆ
ที่ต้องกินของเหลือต่อจากคนอื่น”
โครม!!
กลุ่มนักศึกษาที่รวมตัวกันซุบซิบนินทาแยกย้ายคล้ายผึ้งแตกรัง
ดวงตาฉายแววตื่นตระหนกเมื่อพบว่าผู้ที่ล้มตู้ดังโครมไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่พวกตนพึ่งเอ่ยนินทาว่าร้ายไปก่อนหน้า
เทนเลอร์ในชุดลำลองสบายๆทว่ายังแผ่กลิ่นอายของอำนาจยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีทองไม่ได้วาวโรจน์
ทว่ามันกลับนิ่งสนิทไร้แววดุจอัญมณีที่ไม่ได้ผ่านการเจียระไน
เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ
ก็ยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศหนักอึ้งที่เจ้าตัวแผ่ออกมา
“เป็นเด็กเป็นเล็ก..”
เทนเลอร์เหยียดยิ้มร้าย “เอาเวลานินทาคนอื่นไปทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นก่อนดีมั้ยพวกเด็กน้อย
เธอก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าด้วยตำแหน่งของฉัน แค่ดีดนิ้ว— ก็สามารถทำให้ตระกูลของพวกเธอหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ได้เลย”
ทั้งนักศึกษาหนุ่มสาวบริเวณทางเดินต่างหน้าซีดเผือดไร้เลือดและกระจัดกระจายกันไปคนละทาง
เทนเลอร์แค่นหัวเราะ
เขาไม่ได้โกรธที่เด็กพวกนั้นนินทาเขาเลย
อย่างไรเสียเกือบครึ่งนั่น (แน่นอนว่ายกเว้นเรื่องเจควินน์) ก็เป็นความจริงที่เขาปฏิเสธไม่ได้
แต่พวกมันกล้าดียังไงมากล่าวหาเจควินน์—
เด็กน้อยของเขาแบบนั้น
กล้าดียังไงถึงเอาชื่อเจควินน์มาพูดเรื่องแบบนั้น
เจควินน์ที่เห็นคนตัวเล็กกว่าเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
เพียงชั่วพริบตาดวงตาที่เคยเย็นเยียบเมื่อครู่ก็หยีลงเป็นสระอิ
พลางวิ่งมาหาเทนเลอร์ราวกับสุนัขเจอเจ้าของ
ดันแคนที่เห็นเพื่อนหางโผล่หูโผล่ลอบถอนหายใจกับสหายอีกสองคนทันใด
ต่อหน้าคนอื่น
เจควินน์ก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าชายน้ำแข็ง ไร้จิตใจ ไร้อารมณ์ความรู้สึก
แต่ยามอยู่ต่อหน้าเทนเลอร์
ดาร์เคอตัน
ดวงตาคู่นั้นกลับแวววับดุจราชสีห์ที่กำลังจ้องขย้ำเหยื่อซะนี่!!
“จูเลียส
ไหนๆนายก็เป็นคนฉลาดกว่าฉัน ไหนบอกซิ นายคิดว่าองค์ชายจะรู้สึกตัวเมื่อไหร่”
จูเลียสส่ายหน้า
“คงรู้ตัวตอนถูกจับกินนั่นล่ะครับ ในสายตาเขาตอนนี้..เจคยังเป็นแค่เด็กน้อยไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ”
-----|-----|-----|-----|-----|-----
น่าสงสารเจคเขานะคะ
/ซับน้ำตา
เทนเลอร์เขาเป็นคนแซ่บๆค่ะ
แซ่บๆร้ายๆ กินขุนนางจะหมดอันเดลไฮส์แล้ว(?)
ทำเนียบตัวละครจะมาทีหลังค่ะ
แต่ขอบอกอิมเมจแบบคร่าวๆก่อน
เทนเลอร์
- เตนล์ , เจควินน์ - แจฮยอน , ยูก้า – ยูตะ
เยริน
- เยริ , ดันแคน - โดยอง , จูเลียส – จองอู
ถ้าเจอคำผิดก็สามารถทักมาบอกได้นะคะ
บางทีเราก็เบลอๆ ;-;
#ท่านลอร์ดโอเมก้า
ความคิดเห็น