คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : First - ยินดีที่ได้รู้จัก
First
ยินดีที่ได้รู้จัก
เมื่อถึงฤดูฝนจะมีฝนตกลงมามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แม้ว่าช่วงเช้าจะไม่มีวี่แววของหยาดฝนแต่เด็กนักเรียนทั้งหลายก็พากันพกร่มมาเพื่อจะได้กลับบ้านกันอย่างปลอดภัยทั้งนั้น ผ่อนลมหายใจยาวเมื่อสายตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างห้องเรียนศิลปะที่เป็นห้องเรียนคาบสุดท้ายของวันนี้ มือคว้าเก็บกระเป๋าดินสอและสมุดลงกระเป๋าเป้ก่อนจะลุกขึ้น และไม่นานนักก็มีเพื่อนร่วมห้องเดินเข้ามาประกบทั้งสองข้าง
“คยูฮยอนกลับบ้านพร้อมกันไหม” หญิงสาวที่คุ้นๆว่าน่าจะเคยอยู่ห้องเรียนเดียวกันตั้งแต่ม.ต้นเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มเชื่อมสัมพันธ์
“ไม่เป็นไร” คยูฮยอนตอบและคลี่ยิ้มจางๆให้ ก่อนจะหยุดเดินปล่อยให้ร่างเล็กที่เบียดตัวเดินไปอย่างรีบเร่งได้เดินผ่านไปก่อน ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะมาหยุดอยู่ที่ปลายทางเชื่อมตึกเหมือนๆกันก็ตาม คนตัวเล็กถอนหายใจยาวก่อนมือเล็กนั่นปล่อยโทรศัพท์และใช้ไหล่หนีบแนบหูไว้ เพื่อใช้มือทั้งสองค้นหาของในกระเป๋า
“อ้าวแล้วจะอยู่ทำไรอ่ะ”
“ตาบอดป่ะ ไม่เห็นเหรอว่าฝนมันตก” เจ้าของคำถามถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนข้างๆพูดโทรศัพท์เสียงดัง ไม่ใช่เท่านั้นหรอก คำพูดนั้นมันดันเหมือนกับตอบคำถามของเธอเสียอย่างนั้น
“รอฝนหยุด” คยูฮยอนพูดขณะที่ตายังคงเฝ้ามองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าถัดออกไปเพียงสองถึงสามก้าว ก่อนใบหน้าหวานนั้นจะเงยขึ้นมาหา ดวงตากลมเฝ้ามองก่อนมือที่ทำท่าเหมือนจะหยิบอะไรออกมาต้องปล่อยออกและเปลี่ยนมาจับโทรศัพท์ตัวเองอย่างเดิม
“ไม่มีร่มเหรองั้นกลับพร้อมเราก็ได้นะ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี กูรู้มึงแอบหวังผล” เป็นอีกครั้งที่เจ้าของคำถามสะดุ้งจนคยูฮยอนต้องหลุดยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไรไม่รีบ ไปก่อนเถอะ”
“อ่า งั้นก็ตามใจ” คยูฮยอนจับน้ำเสียงที่ดูเสียดายโอกาสในครั้งนี้ได้อยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แน่นอนว่าที่ยิ้มอยู่ตอนนี้ก็คงเป็นเพราะเธอคนนั้นยังหันไปมองเจ้าของประโยคเด็ดๆที่มาตรงจังหวะจนน่ากลัว
“เจอกันวันจันทร์นะ”
“กลับบ้านดีๆแล้วกัน” คยูฮยอนพูดลา หญิงสาวคนนั้นจึงตัดสินใจโบกมือให้และเดินจากไปพร้อมกับกางร่มในมือออกทันทีที่ก้าวผ่านพ้นชายคาของทางเชื่อม คยูฮยอนเอนพิงกับผนังตึกและมองคนที่ยืนพิงผนังตึกอีกฝั่งเฉียงไปไม่กี่องศา คล้ายจะได้หันหน้าสบตากันแต่ก็มีคนเดินผ่านไปมาระหว่างพวกเขาตลอดเวลา
“รออยู่ทางเชื่อมตึก3นะ ...เออสิ ไปส่งกูก่อน อย่ามาบ่นนะกูมาส่งงานให้ใคร”
“.....” คยูฮยอนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยืนมองจ้องอยู่แบบนั้น มองตั้งแต่ดวงตา ริมฝีปากไล่ไปที่พวงแก้มและหยุดลงที่ป้ายชื่อที่ติดอยู่ที่หน้าอก ชื่อ ‘อีฮยอกแจ’ เด่นชัดเพียงพอจะหยุดไม่ให้เท้านี้ก้าวไปไหนต่อหากอีกฝ่ายยังคงอยู่ตรงนี้และเมื่ออีกฝ่ายหันมามองคยูฮยอนถึงเบี่ยงสายตาออกไปมองฝนราวกับที่ยืนอยู่ตรงนี้มีเป้าหมายเพียงการเฝ้ารอให้ฝนหยุดตกเท่านั้น
“เร็วเลย ให้ไว” โทรศัพท์ถูกเก็บไปหลังจากคำพูดนั้นจบลง และเด็กนักเรียนก็พากันทยอยกลับกันไปเกือบจะหมดจนไม่มีใครเดินผ่านทางเดินนี้อีกแล้ว ฮยอกแจเกาหัวก่อนจะเปลี่ยนเอามือมาถูจมูกเพราะทำอะไรไม่ถูก เบี่ยงสายตาเรื่อยๆแต่ก็ยังโดนจ้องอยู่แบบนั้น จนกระทั่งต้องขยับตัวเข้ามาภายในอาคารมากขึ้นเมื่อลมพัดพาเอาเม็ดฝนเข้ามาหา และก็กลายเป็นว่าเขาทั้งคู่กำลังยืนอยู่ตรงหน้ากันและกัน ฮยอกแจคลี่ยิ้มนิดๆก่อนจะเมินหน้าออกไปด้านนอก
“แย่เนอะไม่มีร่มทั้งที่ฝนตกหนักแบบนี้” ประโยคนั้นถูกเอ่ยขึ้นอย่างไร้ที่มาเมื่อคนพูดยังคงโฟกัสสายตาอยู่ด้านนอกนั้น
“....” คยูฮยอนขมวดคิ้วและชะโงกตัวออกไปข้างนอกจบด้วยการกลับมายืนดีๆและหันมองซ้ายขวา จนกระทั่งที่ฮยอกแจหันกลับมาและคลี่ยิ้มให้...
ก็ไม่มีคนอื่นนิ...พูดกับใคร? เขาเหรอ?
“น้องชื่ออะไรเหรอ” ฮยอกแจเอ่ยถามก่อนจะเอานิ้วชี้มาที่หน้าอก คยูฮยอนก้มมองตามและก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อไม่พบป้ายชื่อที่ควรติดอยู่
แน่ล่ะ มันมีอยู่ก็แปลกแล้วในเมื่อเขาเป็นคนโยนเอาไว้ที่บ้านเอง
“....คยูฮยอน” เสียงทุ้มเอ่ยแนะนำตัวเองสั้นๆ
“พี่ชื่อฮยอกแจนะ.... แต่ก็คงรู้อยู่แล้วมั้ง”
“อืม” คยูฮยอนพยักหน้ารับและสอดมือข้างนึงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง สายตาเริ่มหาที่วางสายตาเพราะไม่คุ้นชินกับการจ้องมองทั้งที่อีกฝ่ายก็มองตอบกลับมา
“ถ้าถามอะไรตรงๆได้ป่ะ สงสัยมานานแล้วอ่ะ” ฮยอกแจตั้งท่าหันมาคุยอย่างจริงจัง
“.....” คยูฮยอนทำแค่พยักหน้าตอบตกลง
“ทำไมถึงชอบมองกันอยู่ตลอดเลยล่ะ บังเอิญเจอกันบ่อยมันพอเข้าใจได้นะ แต่ว่าพอเห็นเราทีไรก็ดูเหมือนเราจะมองอยู่ก่อนแล้ว” คำถามนั้นทำเอาคยูฮยอนนิ่งกว่าเดิม ฮยอกแจยิงฟันก่อนจะเอามือขึ้นมาเกาหัว
“โทษทีอาจจะถามตรงไป คือโดนจ้องบ่อยจนมันสงสัยจริงๆอ่ะ มันคงตอบยากสินะ 55555” ฮยอกแจหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะเมินหน้าไปมองหาเพื่อนที่โทรตามเมื่อ10นาทีก่อน
“ไม่หรอก ไม่ได้ตอบยาก” ฮยอกแจหันกลับมาในทันทีเมื่อได้ยินเสียง
“เพราะว่าชอบก็เลยมอง”
“หือ???” คำตอบที่ได้รับมันดังให้ได้ยินชัดเจนแม้ว่าจะมีเสียงฝนตกกระทบกับหลังคาเป็นพื้นหลัง แต่ที่ต้องร้องถามแบบนั้นอีกครั้งอาจจะเป็นเพราะว่าฮยอกแจรู้สึกเหมือนมันดังมากจนหูอื้อไปหมด
“แค่ชอบ...เท่านั้นแหละ” สบตากันอยู่อีกพักนึงจนลมพัดเม็ดฝนเข้ามาหาอีกครั้ง ฮยอกแจถึงแค่นเสียงตัวเองออกมาได้
“นี่สารภาพรักหรือเปล่าอ่ะ......” ฮยอกแจถามทั้งที่ยังสบตากันอยู่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เอาแต่แอบมองไม่กล้าเข้าหา ....ไม่คิดว่าไอ้รุ่นน้องที่ดูน่าจะขี้อายดันพูดบอกความในใจมาตรงๆ แถมยังทำหน้าตายมองกันอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“แปลกๆที่แอบใจเต้นด้วยแหะ 55555555” ฮยอกแจพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาราวกับเป็นเรื่องตลก เอามือนวดๆตรงหน้าอกหวังว่ามันจะช่วยให้ก้อนเนื้อในนั้นเต้นในจังหวะปกติได้ ทั้งคู่ยืนอยู่แบบนั้นจนกระทั่งฮยอกแจจะคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง
“.....แล้วคยูฮยอนจะกลับบ้านยังไงอ่ะ”
“รอฝนหยุด” ฮยอกแจแอบเบ้ปากนิดๆเพราะไม่ว่าจะชวนคุยหรือทำอะไร เด็กนี่ก็ยังทำหน้าเนือยๆไม่สนใจโลกอยู่เหมือนเดิม
ไม่ต้องอะไรหรอก แค่ตอนบอกว่าชอบนั่น ฮยอกแจยังไม่รู้เลยว่าแอบไปท่องบทละครที่ไหนมาพูดหรือเปล่า
“เราไม่มีร่มใช่ป่ะ ...ให้ยืมไหม” ฮยอกแจพูดและหยิบร่มในกระเป๋าส่งให้ และนั่นทำให้คยูฮยอนขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดก็มีเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาหาพร้อมกับร่มสีดำจะเปิดออกให้เห็นใบหน้าของคนถือ
“ประสาทนะมึงอ่ะ มีร่มแล้วทำไมไม่ไปตั้งแต่แรก” เสียงของอีทงเฮทำให้ฮยอกแจลดร่มในมือลงเล็กน้อย ชักสีหน้าไม่พอใจเพราะคำพูดหาเรื่องนั้น
“กว่าจะมาได้นะ” ฮยอกแจทำหน้ามุ่ยแต่ก็ต้องหันมองตามสายตาทงเฮไป รุ่นน้องที่ยืนคุยกันมาสักพักทำหน้าเอือมระอาก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น
“เออกูช้า งั้นมึงก็รีบออกมานี่เร็วๆเลย เดี๋ยวมันตกหนักกว่านี้” ทงเฮพูดและก้าวเท้าเข้ามาหวังจะดึงตัวฮยอกแจออกมาจากตัวอาคาร
“อ่ะ” ฮยอกแจร้องบอกพร้อมกับเอาปลายร่มเขี่ยต้นแขนนั้น คยูฮยอนหันมามองก่อนจะรับร่มสีเหลืองไว้อย่างไม่เข้าใจนัก
“แล้วก็เอามาคืนด้วยล่ะ” ฮยอกแจพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ แต่ก็ต้องรีบหันไปมองอีกฝั่งเมื่อทงเฮปล่อยมือออกแล้วเดินออกไปก่อน
“มึงรอกูด้วยดิว๊าาาา!!!” คยูฮยอนถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กคนนั้นเอากระเป๋ายกขึ้นบังฝนและรีบวิ่งไปเกาะแขนทงเฮเพื่อเดินไปด้วยร่มคันเดียวกัน ก้มหน้ามองร่มในมือก่อนจะกางออกและก้าวตามทั้งคู่ไป
ตลอดทางที่เดินมาคยูฮยอนก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไง ในมือยังมีร่มที่เขาให้มาแต่ตากลับเห็นแขนนั้นควงเกี่ยวแขนใครอีกคนเพื่อเดินไปด้วยกัน
แบบนี้มันเรียกให้ความหวังหรือตอกย้ำวะ?
“...ทำไมต้องให้ร่มไปด้วย” เพราะเดินมาจนถึงป้ายรถเมล์ถึงได้หยุด แต่ว่าอีกฝ่ายที่เดินล่วงหน้าไปก่อนกลับหยุดทะเลาะกันอยู่ในระยะที่สามารถได้ยินเสียงได้
ไม่ได้อยากรู้นะ ป้ายที่จะต้องรอรถเมล์มันอยู่ตรงนี้จริงๆ -_-
“น้องเขาไม่มีร่ม”
“ใจดีแล้วตัวเองลำบากนี่ไม่ใช่เรื่องนะ” ฮยอกแจเริ่มปล่อยแขนที่ควงมานานออกเพื่อมากอดอกแสดงท่าทีไม่พอใจแทน
“ลำบากยังไงล่ะ”
“มึงให้ร่มมันไปแล้วมึงกลับบ้านได้มั้ย?”
“กูถึงให้มึงเดินไปส่งนี่ไง”
“แล้วจะให้กูเสียเวลาเดินไปเดินมาทำไม” คยูฮยอนที่เคยหันมองไปที่ถนนต้องหันมองไปทางขวาอีกนิดเมื่อทั้งคู่เริ่มทะเลาะกันเสียงดังมากขึ้น
“ทีวันอื่นที่ฝนไม่ตกมึงยังพยายามไปส่งกูอยู่ทุกวัน แล้ววันนี้มันมีปัญหาอะไรนักหนาวะ”
“ก็วันนี้กูบอกแล้วว่ากูจะอยู่เล่นบอล”
“ฝนตกงี้มึงจะไปเล่นที่ไหน”
“บนหัวมึงมั้ง”
“เยอะเกินไปละ มึงอารมณ์เสียอะไรมารึเปล่าเนี่ย” ฮยอกแจเปลี่ยนมาเท้าเอวหาเรื่องขณะที่ทงเฮแค่นหัวเราะออกมา
“กูอารมณ์ดีมาทั้งวัน มาเสียเพราะมึงนั่นแหละ”
“ไม่อยากไปส่งว่างั้นเหอะ”
“เออ” คำตอบสั้นนั่นทำให้ฮยอกแจเม้มปากแน่น
“ได้! งั้นมึงก็เชิญกลับไปเล่นบอลในชายคามึงต่อเลยไป กูกลับเองก็ได้” ฮยอกแจพูดจบก็ผลักไหล่ทงเฮออกเพื่อเดินหนีไอ้เพื่อนไร้สาระของตัวเอง หยาดฝนหยดลงที่ไหล่และกลางหัวจนเริ่มเปียกปอนแต่สุดท้ายกลับรู้สึกเหมือนว่ามีเงาร่มมาทับตัวไว้อีกครั้ง ฮยอกแจเชิดปากขึ้นและพยายามเดินให้เร็วขึ้น แต่ทงเฮก็เดินตามมาด้วยความเร็วเท่ากัน ไหล่ข้างซ้ายเริ่มเปียกมากขึ้นเหมือนกับที่หลังและไหล่ด้านขวาของทงเฮเริ่มเปียกปอน ฮยอกแจหยุดและหันไปมองแต่ทงเฮก็ยังคงตีหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม
“ไล่แล้วไม่ไป แต่มาเดินทำหน้าไม่พอใจใส่กูนี่คืออะไร”
“ก็เอาไปสิ” ทงเฮยื่นร่มมาให้ ปล่อยให้ตัวเองเปียกฝนไปทั้งตัวและนั่นทำให้ฮยอกแจต้องก้าวเท้าเข้าไปใกล้ ใบหน้าห่างกันเพียงไม่มาก สบตากันและอารมณ์งี่เง่าหงุ่นหง่านของทงเฮก็ทำให้ฮยอกแจต้องถอนหายใจ
“จะเอามาให้ทำไม”
“แล้วจะกลับยังไงฝนตกแบบนี้เนี่ย”
“แล้วมึงจะกลับยังไง ตอนมึงกลับฝนอาจจะยังไม่หยุดตกก็ได้”
“ห่วงตัวเองไปเถอะ” ทงเฮพูดและจับมือฮยอกแจขึ้นมาเพื่อเอาร่มให้ แต่ฮยอกแจก็ยื้อมือกลับแถมไม่ยอมถือร่มนั้นไว้เลยด้วยซ้ำ
“กูไม่เอา!”
“เออ! ถ้าไม่เอาก็ทิ้งมันไว้ตรงนี้แหละ!!” ทงเฮพูดและดันร่มนั้นให้ฮยอกแจอีกครั้ง เมื่อทงเฮปล่อยร่มออกอย่าถาวรทำให้ฮยอกแจต้องเป็นฝ่ายคว้ามันมาถือเอาไว้
“งี่เง่าอะไรวะ ...ทงเฮ!!” เสียงเรียกนั่นไม่ได้ทำให้เจ้าของชื่อหันกลับไปสนใจเลยแม้แต่นิด ทงเฮสาวเท้าไปตามเส้นทางเดิมเพื่อเข้าไปในโรงเรียน ...ถึงจะรีบเดินจนแทบวิ่งและไม่มีการหยุดมองแต่คยูฮยอนก็สามารถสัมผัสถึงสายตาที่จ้องมองตัวเองได้ แค่นยิ้มก่อนจะวิ่งขึ้นไปบนรถเมล์ที่รอมาจนดูซีรี่ย์ดราม่าจบไปหนึ่งตอน
“พระเอกตายห่าล่ะ ทำมาเดินตากฝนประชด” ฮยอกแจพูดไล่หลังเมื่อแผ่นหลังของทงเฮหายกลับเข้าไปในโรงเรียนอีกครั้ง หมุนตัวเดินกลับบ้านไปไม่ได้สนใจ แน่นอนว่าทงเฮอาจจะโกรธหรือเป็นอะไร แต่มันก็ทำให้เขาไม่พอใจเหมือนกัน
เที่ยงวันเสาร์ฮยอกแจกำลังนอนกลิ้งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ร้องเรียกทำลายโลกส่วนตัวนี้ไป และเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามานั่นยิ่งทำให้ฮยอกแจต้องเบ้ปาก แต่มือก็กดรับไปแล้วล่ะนะ
(แม่ออกไปทำงานแล้ว) นั่นเป็นประโยคแรกที่ได้ยิน ไม่มีคำทักทายอะไร แต่มันก็ไม่ได้จำเป็นสำหรับมันหรอก
“เรื่องปกติ” ฮยอกแจตอบกลับไปและทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาและใช้อีกมือกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปด้วย
เรื่องปกตินั่นหมายถึงว่าแม่ของทงเฮหยุดงานแค่วันอาทิตย์เท่านั้น เพราะฉะนั้นนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดที่มันจะเอามาเล่าให้เขาฟังในช่วงเวลาที่เคืองกันอยู่แบบนี้เลย
(ไม่มีอะไรกิน)
“แล้วไง”
(กูปวดหัวด้วย)
“....” ฮยอกแจเลือกที่จะเงียบก่อนจะเอะใจเมื่อถึงนึกเสียงที่อีกฝ่ายพูดออกมา
มันก็แหบๆกว่าปกติหน่อยนั่นแหละ... แล้วนี่ก็เที่ยงแล้ว มีโอกาสที่มันจะป่วยแต่แม่ไม่รู้เรื่องเพราะต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้า
(ฮยอกแจ)
“อะไร” เสียงพูดนั้นออกจะติดรำคาญแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ต่อว่าอะไร
(ประตูบ้านใช้รหัสเดิมนะ) ฮยอกแจไม่ได้ตอบอะไรจนกระทั่งสายตัดไป เอนตัวพิงกับโซฟาก่อนจะกดปิดโทรทัศน์และลุกขึ้นจากโซฟา
ไม่ว่าจะเป็นการโกหกเรียกร้องความสนใจหรือว่าจะสำออยหรือว่ามันจะป่วยจริงๆ ฮยอกแจก็ไม่ได้มีสิทธิ์เลือก
“....” มือหยิบเสื้อแขนยาวมาสวมทับเสื้อกล้ามที่ใส่อยู่บ้านก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจบ้านของตัวเองมาใส่กระเป๋ากางเกง
ยังไงซะก็ต้องออกไปหาอยู่ดีนั่นแหละ
ฮยอกแจก้าวเข้ามาในหมู่บ้านก่อนจะยกมือที่ว่างอยู่มาทาบท้องเมื่อมันส่งเสียงร้องเรียกอาหาร ก้มหน้ามองโจ๊กที่ซื้อมาให้คนป่วยที่ยังไม่รู้ว่าป่วยจริงไหมแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะว่าเอาแต่นึกถึงมันจนลืมข้าวเที่ยงของตัวเองไปเสียสนิท ริมฝีปากคลี่ยิ้มเมื่อเห็นป้ายร้านสะดวกซื้อที่อยู่ตรงเนินถัดไป ขาก้าวเข้าไปใกล้เรื่อยๆก่อนรอยยิ้มที่มีจะค่อยๆจางไปเมื่อพบกับความบังเอิญที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกครั้ง กระจกหน้าร้านนั้นสะท้อนให้เห็นร่างสูงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเคาว์เตอร์ยาว มือนึงเท้าคางมองอย่างเบื่อหน่ายมือที่เคยควงตะเกียบเล่นเปลี่ยนมาเคาะลงบนถ้วยบะหมี่ที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับสายตาที่จ้องมองมา นั่นทำให้ฮยอกแจค่อยๆยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะเข้าไปภายในร้าน
ฮยอกแจเดินอยู่เลือกซื้ออาหารกลางวันในร้านขณะที่ลอบมองคยูฮยอนไปด้วย เขายังนั่งอยู่แบบนั้น ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหันมามองหาฮยอกแจเลยด้วยซ้ำและนั่นทำให้ฮยอกแจต้องเอามือขึ้นมาเกาหัวงงๆ นี่คือคนที่บอกว่าชอบ(มอง)เขาเมื่อวานจริงหรือเปล่านะ
หรือว่าเด็กคนนั้นจะไปจำบทพูดแบบนั้นมาจากละครจริงๆ
“..บ้าชะมัด” ฮยอกแจพึมพำอยู่คนเดียวเพราะว่าตัวเองเริ่มจะคิดอะไรไร้สาระมากขึ้นทุกที หยุดมองอยู่ที่มุมที่ขายบะหมี่ถ้วย ฮยอกแจคลี่ยิ้มก่อนจะหยิบรามยอนแบบเดียวกับที่เห็นใครคนนั้นกิน จ่ายเงินและกดน้ำร้อนมาเสร็จสรรพ
“เราเจอกันอีกแล้วเนอะ” คยูฮยอนหันมองเมื่อมีถ้อยรามยอนหน้าตาเหมือนของตนเด๊ะๆวางลงที่โต๊ะแถมเก้าอี้ตัวข้างๆนั้นก็ถูกจับจองด้วยคนตัวเล็กที่ขยันส่งยิ้มให้
“ไม่ดีเหรอ” คำถามจากคยูฮยอนทำให้ฮยอกแจเลิกคิ้วก่อนจะหัวเราะออกมา
“ไม่รู้สิ” ฮยอกแจตอบออกไปแบบนั้นก่อนจะหมุนเก้าอี้ให้หันออกไปนอกร้าน มองวิวผ่านกระจกใสก่อนจะโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อตัวนอกจะสั่นเรียก
“อ่า สงสัยต้องรีบไปแหะ” ฮยอกแจพูดออกมาอย่างติดเสียดาย มือนั้นวางตะเกียบลงบนถ้วยก่อนจะเอามือประคองถ้วยนั้นขึ้น
“จะรีบไปไหน” คยูฮยอนใช้ตะเกียบที่ถืออยู่ยื่นไปขวางไว้พร้อมกับออกแรงกดให้ฮยอกแจวางถ้วยรามยอนลง
“บ้านเพื่อนอ่ะ มันสำออยบอกว่าป่วยเลยต้องเอาเสบียงมาส่ง” ฮยอกแจพูดขณะที่ยอมผละมือออกจากอาหารกลางวันของตน จบด้วยการโชว์ถุงในมือที่ถือมาด้วยตลอด
“จะถือมันไปกินที่อื่น?” คยูฮยอนพูดและใช้ตะเกียบชี้ไปที่ถ้วยรามยอนที่วางอยู่
“ก็คงงั้นอ่ะ”
“นั่งกินให้เสร็จก่อนดีกว่ามั้ง”
“อ่า..” ฮยอกแจร้องออกมาเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ใจจริงก็อยากจะนั่งกินให้มันเสร็จๆนั่นแหละ ถ้าขืนถือไปกินพร้อมกับทงเฮนี่มีหวังไม่ได้กินน้ำเส้นอืดเต็มถ้วยแน่ๆ
“คงไม่ตายเร็วๆนี้หรอก ...เพื่อนคนนั้นน่ะ” ฮยอกแจฟังแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะพยักหน้ารับ
“ก็คิดว่าน่าจะเป็นงั้นนะ” คยูฮยอนอมยิ้มตามก่อนจะหมุนตัวเข้ากระจกใสไป มือเปิดฝาออกอย่างระวังและเริ่มกินโดยที่ไม่ได้หันมาชวนฮยอกแจคุยอีก คนที่ได้แต่มองทำเหมือนจะกินตามแต่คยูฮยอนที่ดูไม่ได้สนใจอะไรกลับเอามือไปขวางปิดไว้อีก
“เดี๋ยวท้องอืด” ฮยอกแจอมยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ และมือนั้นก็เลื่อนกลับไปวางลงบนโต๊ะเหมือนเดิม
“คยูฮยอนอยู่หมู่บ้านนี้เหรอ” ในเมื่อยังไม่ถึงเวลากินฮยอกแจเลยเลือกจะสัมภาษณ์รุ่นน้องคนนี้ต่อจากเมื่อวาน
“อืม”
“บังเอิญจริงๆด้วยแหะ... จำทงเฮได้ป่ะ ไอ้คนเตี้ยๆเจอกันเมื่อวานอ่ะ มันก็อยู่หมู่บ้านนี้นะ” ฮยอกแจเล่าให้ฟังด้วยท่าทีตื่นเต้น
“รู้แล้ว” คำตอบนั้นยิ่งเพิ่มความสนใจให้ฮยอกแจมากขึ้น ฮยอกแจหันมาหาก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้อีกเพราะคยูฮยอนเอาแต่ก้มหน้ากิน
“เคยเจอกันเหรอ แล้วเคยคุยกันป่ะ” คยูฮยอนคีบเอาเส้นเข้าปากไปราวกับคำถามนั้นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยแม้แต่นิด ไม่คิดอยากจะตอบด้วยซ้ำแต่พอหันมองก็ต้องผ่อนลมหายใจออกนิดๆ
“ไม่”
“อ้าว ทำไมอ่ะ”
“ไม่ถูกชะตา” คำตอบนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากฮยอกแจอีกครั้ง
“เดี๋ยวเอาไปฟ้องมันดีกว่า 5555555”
“ตามสบาย” คยูฮยอนพูดเสียงเนือยและเป็นฝ่ายยื่นมือไปเปิดฝาถ้วยรามยอนให้ฮยอกแจ คนตัวเล็กยิ้มกว้างก่อนจะเปลี่ยนมาตั้งหน้าตั้งตากินกับเขาบ้าง
ถึงจะไม่ได้พูดอะไรกันอีกแต่ก็แปลกดีที่ฮยอกแจไม่ได้รู้สึกอึดอัด...
เพราะถึงจะทำเหมือนไม่สนใจแต่ว่ามือนั้นก็ยื่นกระดาษทิชชู่ให้ทันทีที่เส้นรามยอนยาวๆที่ยืดขึ้นมามันสะบัดมาโดนหน้า ถึงจะทำท่าทีเย็นชาแต่จริงๆมุมปากนั่นกลับยกขึ้นเล็กน้อย...
ไม่ใช่คนที่กางแขนปกป้องอยู่ข้างหน้า
แต่เป็นคนที่เฝ้ามองและคอยประคองอยู่ข้างๆ... แบบนั้นละมั้ง
หลังจากมื้อเที่ยงผ่านไป ทั้งสองคนก็เดินออกมาจากร้านด้วย คยูฮยอนไม่ได้พูดว่าจะไปส่ง แต่ว่ากลับยืนกดดันอยู่ข้างๆจนฮยอกแจต้องชี้บอกทาง ฮยอกแจหันมองเมื่อคยูฮยอนเริ่มสะบัดๆร่มในมือและกางออก ดูเป็นคนเจ้าสำอางห่วงหล่ออยู่บ้าง แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ฮยอกแจยิ้มกว้างได้ก็คงเป็นเพราะเงาของร่มที่เคยอยู่ที่คนถือเริ่มเคลื่อนตัวมาหาเพราะแขนของคยูฮยอนกำลังยืดออกไป ขณะที่ใบหน้านั้นก็กำลังเงยหน้ากะระยะอยู่อีก
“ร่มพี่นิ” ฮยอกแจร้องทัก และนั่นทำให้คยูฮยอนหันกลับมาและพยักหน้ารับ
“จะเอามาคืนพี่หรือว่าหยิบมาใช้?” คยูฮยอนไม่ได้ตอบแต่กลับขมวดคิ้สและส่ายหน้าทำเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่คนเดียว
“ขอไรอย่างสิ”
“...ว่า???” ฮยอกแจเอียงคอน้อยๆเมื่อคยูฮยอนหยุดเดินที่บ้านของทงเฮพอดิบพอดี ฮยอกแจขมวดคิ้วและหันมองเข้าไปในบ้านที่ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
“อย่าแทนตัวว่าพี่ได้ไหม ฟังแล้วมันขัดหู”
“อ้าว นี่ไม่ยอมเรียกพี่ว่าพี่แล้วยังไม่ให้แทนตัวเองว่าพี่อีกอ่ะนะ” ฮยอกแจร้องท้วงเพราะจากที่คุยกันมาวันสองวันนี่ฮยอกแจยังไม่เคยได้ยินคำว่าพี่จากคยูฮยอนเลย แถมรุ่นน้องคนนี้ยังใช้คำพูดราวกับเขาเป็นเพื่อนเสียด้วยซ้ำ
“ทำไมล่ะ” ฮยอกแจถามหาเหตุผลแต่นั่นก็ทำให้คยูฮยอนยักไหล่
“ตัวแค่นี้ หน้าตาก็ไม่เหมาะจะเป็นพี่”
“แล้วเหมาะจะเป็นอะไร??”
“เปิดช่องให้เยอะไปแล้วมั้ง” คยูฮยอนยกยิ้มมุมปาก และนั่นทำให้ฮยอกแจสะดุดกับคำพูดของตัวเอง เอามือขึ้นมาถูหลังหูเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเผลอแสดงท่าทีแบบนั้นออกไป
พอมานึกดูดีๆมันก็เป็นเหมือนการเปิดช่องให้อีกคนหยอดคำหวานใส่ได้ง่ายๆเลยเหมือนกันแหะ
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ฮยอกแจรู้สึกตกใจมากกว่าคือรอยยิ้มจากเด็กคนนี้มากกว่า
“เพื่อนคงหิวตายก่อนป่วยตายแล้วล่ะ”
“อ่า.. อื้อ ขอบใจที่เดินมาส่งนะ” ฮยอกแจพูดและทำท่าจะเดินเข้าไปด้านใน ลืมเรื่องที่สงสัยก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท
“ฮยอกแจ” ไม่ใช่แค่เสียงเรียกแต่ว่ากลับมีมือดึงรั้งข้อมือเอาไว้ด้วย ฮ
“ถึงจะพูดจาไม่ทางการ แต่ก็คิดว่าน่าจะเรียกพี่ดีกว่านะ -_-! รู้สึกโดนปีนเกลียวยังไงก็ไม่รู้” คยูฮยอนยกยิ้มอีกครั้ง ทำหูทวนลมไม่สนใจและล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ จับมือฮยอกแจพลิกและแปะกระดาษนั้นบนฝ่ามือ ฮยอกแจมองมือตัวเองงงๆเมื่ออีกฝ่ายกำลังจับเหมือนกับเช็คแฮนแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกัน
“อะไรเหรอ” ฮยอกแจแกล้งถามและเป็นฝ่ายดึงมือออกมา ใช้อีกมือพลิกดูกระดาษในมือด้วยความสงสัย
“ถ้าเจอกันคราวหน้าจะให้อีกตัว”
“....?????” ฮยอกแจทำหน้ามึนกว่าเดิมเพราะคยูฮยอนทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแถมด้วยการเดินจากไปโดยไร้คำบอกลา ก้มมองกระดาษในมือก่อนจะเงยหน้ามองตามร่มสีเหลืองของเขาถูกกางและวางอยู่บนไหล่นั้นจนมองเห็นเพียงช่วงขาของคนที่เดินไปเท่านั้น
เศษกระดาษใบเล็กๆกับเบอร์0 ตัวใหญ่เบ้อเร่อ ที่มุมมีลายมือที่ตวัดจนแทบอ่านไม่ออก
“ลำดับที่1 – ยินดีที่ได้รู้จัก”
นี่เขากำลังเล่นเกมค้นหา RC อยู่หรือเปล่า?
*************************************
ตอนนี้ทงเฮเป็นตัวประกอบจริงๆแล้วนะ
พระเอกเราหล่อจุงเลยยยย รักเขาาาาาาาา
ลำดับที่หนึ่ง....
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะทุกคนนนนนนนนน
ความคิดเห็น