คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Ninth - I'm sorry
Ninth
I’m sorry
ฮยอกแจเดินมาออกมาจากพื้นที่ส่วนตัวพร้อมกับคยูฮยอน
มือที่จับกันเบาๆราวกับแค่เกี่ยวกันไว้มันทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้
คยูฮยอนหันมองและเลิกคิ้วถาม แต่ฮยอกแจก็แค่ยักไหล่และเมินหน้าไปทางอื่นแทน เหลือบมองคนอายุน้อยกว่าแล้วก็ต้องแอบเบ้ปากเล็กๆ
หมอนี่หล่อดีนะ ดูดีเป็นลำดับต้นๆของสายชั้นเลยด้วยซ้ำ
ไม่งั้นไม่มีคนมองกันทั้งโรงเรียนขนาดนี้หรอก แต่พระเจ้านี่ไม่ยุติธรรมเลย
ในเมื่อให้เขาเกิดมาก่อน เขาก็ควรจะสูงกว่าเด็กนี่มั้ย?
เพราะขนาดเขายังสูงกว่าทงเฮเลย ถึงจะเซนสองเซนแต่มันก็ถือว่าสูงกว่าแหละนะ
“ฮยอกแจ!!” ฮยอกแจสะดุ้งตามเสียงตะโกนเรียกชื่อตัว ไม่ใช่แค่ตกใจเท่านั้น
แต่ว่าน้ำเสียงที่ได้ยินนั่นมันออกจะค่อนไปทางไม่พอใจ
จริงๆเขาไม่น่าคิดถึงมันในใจ
ตายยากชิบ...
“เฮ้ย!” ฮยอกแจร้องออกมาเพราะยังไม่ทันได้หันไปมองด้วยซ้ำ
เจ้าของเสียงนั่นก็มากระชากเขาจนต้องเซไปด้านหลัง
มือที่เคยจับกับมือของใครอีกคนหลุดออกอย่างง่าย คยูฮยอนหันมองตามแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไร
เพียงแค่มองฮยอกแจเป็นคำถามพร้อมกับประเมินสถานการณ์ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เจ็บตัว
“มึงมาทำเหี้ยอะไรตรงนี้”
ทงเฮพูดพร้อมกับบีบต้นแขนฮยอกแจ ราวกับใช้สิ่งนี้เพื่ออดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง
“โอ๊ย มึงกะจะบีบรีดไขมันกูออกมาหรือไง”
ฮยอกแจโวยและพยายามจะเอาแขนออก เลี่ยงทุกวิธีเพื่อที่จะไม่ต้องตอบคำถามนั้น
หันไปมองคยูฮยอนเพื่อบอกให้อีกคนเดินออกจากฉากนี้เสียที
บางทีการไม่มีคยูฮยอนอยู่มันอาจจะช่วยให้อารมณ์อีทงเฮเย็นกว่านี้อีกสักนิด
“ฮยอกแจ”
คยูฮยอนเพียงแค่เรียกชื่อและกำลังจะยื่นมือมาเพื่อเอามือที่ทำให้อีกคนเจ็บตัวออกให้ห่างยังไม่ทันได้แม้แต่สัมผัสทงเฮก็ปัดมือนั้นออก
แต่คยูฮยอนกลับพลิกข้อมือและจับทงเฮกระชากเข้าไปหาแทน นี่เป็นครั้งแรกที่ทงเฮเห็นแววตาหมอนี่เปลี่ยนอารมณ์ได้
ไม่ได้เยือกเย็นอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา
“เฮ้ย! จะทำไร” ฮยอกแจร้องห้ามและใช้มือดันหน้าอกคยูฮยอนออกห่างจากทงเฮ
แววตาเกรี้ยวกราดที่เห็นทำให้ฮยอกแจอดคิดไม่ได้จริงๆว่ามืออีกข้างที่ว่างอยู่ของคยูฮยอน
จะไปอยู่ที่หน้าของทงเฮเข้า
“....” ฮยอกแจหันมองสภาพตัวเอง
มือทงเฮก็ยังคงอยู่ที่ต้นแขนของเขา แต่ฮยอกแจกลับไม่ได้รู้สึกแล้วว่าที่ต้นแขนตัวเองมันเจ็บปวดอะไรแม้ว่าที่มือของทงเฮมันเกร็งบีบแน่นจนเห็นเส้นเลือดเด่นชัด
ตอนนี้เขารู้สึกกังวลกับข้อมือของทงเฮมากกว่า เพราะว่ามือของคยูฮยอนดูเหมือนมันกำลังบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“....”
ไม่มีใครตอบและไม่มีใครปล่อยมือจากใคร บรรยากาศแย่ๆแบบนี้ทำให้ฮยอกแจค่อยๆเลื่อนมือลงจากหน้าอกของคยูฮยอน
“คยูฮยอน”
เสียงเรียกเบาๆกับแรงกระตุกจากชายเสื้อทำให้คยูฮยอนละสายตาออกห่างจากคู่กรณี
มือค่อยๆคลายออกจนกลับมาอยู่ข้างตัว
ต่อให้สายตาของฮยอกแจไม่ได้อ้อนวอนเขาขนาดนั้น
แค่เสียงนั่นก็พอจะเรียกสติเขากลับมาได้แล้ว
“.....ผมขอโทษ” คยูฮยอนพยายามปรับสีหน้า
จับมือคนตัวและที่กำชายเสื้อเขามากุมไว้
“.....” ฮยอกแจค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาแทนคำขอบคุณ
ก่อนจะโดนกระชากให้กลับมาอยู่ข้างตัวทงเฮอีกครั้ง แน่นอนว่ามือที่จับกันอยู่นั้นหลุดออกจากกันอย่างง่ายดายไม่ต่างจากครั้งก่อน
คยูฮยอนไม่ได้พูดอะไรต่อ เด็กนั่นมันเดินไปที่ตึกเรียนเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แม้แต่หันมอง
หรือเห็นทงเฮอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
“กูเจ็บ” และเมื่อฮยอกแจพูดออกมาก็เหมือนกับทงเฮเพิ่งได้สติ
ค่อยๆคลายมือที่กำแน่นมาตลอดมองแขนฮยอกแจที่เริ่มแดงขึ้นแล้วก็ได้แต่โทษตัวเองที่เอาแต่ใช้อารมณ์
“กูขอโทษ เจ็บมากป่ะวะ”
“.....”
ฮยอกแจไม่ตอบ แค่ลูบต้นแขนตัวเองและก้มหน้าลงเพื่อทบทวนคำพูดของตัวเองต่อจากนี้
“ก็มึงนั่นแหละ ไปยุ่งอะไรกับมัน
ไหนมาดูดิ๊!” ทงเฮพูดและลูบแขนฮยอกแจเบาๆ
“รอยแดงแบบนี้ต้องเอาอะไรมาทำให้มันหายแดงวะ
ยาในห้องพยาบาลจะมีหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วมันจะช้ำเลยมั้ยอ่ะ หรือยังไงวะ” ฮยอกแจกระตุกยิ้มมุมปาก
เพราะทงเฮมันก็ยังคงเป็นทงเฮเสมอ ถึงจะใช้อารมณ์ ถึงจะเป็นบ้าแค่ไหน
แต่สุดท้ายมันก็กลับมาห่วงเขาอยู่ดี
แต่ว่า...
“ช่างเหอะ”
ฮยอกแจพูดปัดราวกับไม่ได้ใส่ใจ
“จะมาช่างอะไร
กูทำให้มึงเจ็บ”
“เปล่า...”
ฮยอกแจพูดออกมาก่อนที่ทงเฮจะได้พูดจนจบ คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะจับมือของทงเฮไว้
“อะไรเปล่า?”
“มึงไม่ได้ทำให้กูเจ็บ..
แต่มึงทำให้อึดอัดมากกว่า เนี่ยเวลาที่มึงจับมือกูแน่นไปแบบนี้อ่ะ”
“.....”
“กูอึดอัดจริงๆว่ะ”
ทงเฮนิ่งเงียบและเป็นฝ่ายปล่อยมือออกมา มองฮยอกแจที่เอาแต่ก้มหน้าแล้วพ่นลมหายใจออกเพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลายมากขึ้น
“กูแค่ไม่ชอบ...เห็นมึงอยู่กับไอ้เด็กนั่น
แล้วกูก็บอกมึงไปแล้ว กูไม่ชอบ...ไอ้เหี้ย! คือกูไม่ชอบแม่งจริงๆนะเว้ย
อย่าว่าแต่เห็นมึงเดินจับมือกับมันเลย แค่กูเห็นในรัศมีสายตากู คือแค่หางตากูเห็นมันกูก็จะเข้าไปต่อยมันได้อยู่แล้ว”
“เฮ้อ...”
ฮยอกแจถอนหายใจยาวไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีจริงๆ
“กูแค่ขอให้มึงเลิกยุ่งกับมัน...
มันยากมากจริงๆเหรอวะ มึงชอบไอ้เด็กนั่นมากกว่าจะสนใจความรู้สึกกูอีกหรือไง
กูเป็นเพื่อนกับมึงมานานแค่ไหน ไอ้เหี้ยนั่นมาตอนไหน
กูสำคัญน้อยกว่ามันอีกงั้นเหรอ พอมันมาอยู่ในชีวิตมึงเวลาที่ผ่านมาที่เคยมีกูอยู่ข้างๆมึงนี่ไม่มีความหมายเลยใช่ป่ะ
กูเป็นหมาเลยว่างั้นเหอะ”
“มึงพล่ามบ้าอะไรของมึงนักหนา”
ฮยอกแจพูดขัดประโยคตัดพ้อความเป็นเพื่อนระหว่างเขาทั้งสองคนก่อนมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
“ก็ดูมึงดิ มึงนั่นแหละที่บ้า”
“กูเหรอ?”
“เออ บ้าผู้ชาย”
“อ้าวไอ้สัด...”
ฮยอกแจด่าออกมาอย่างลืมตัวแต่นั่นก็ทำให้ทงเฮหลุดขำออกมา
จับมือฮยอกแจมาอีกครั้งก่อนจะส่งยิ้มหวานให้
“กูขอโทษที่ทำให้มึงอึดอัด
แต่กูก็ไม่รู้จะทำไงจริงๆอ่ะ ถ้ามึงเห็นแก่กู..”
“เออๆๆๆๆ รู้แล้ว
โอ๊ย รำคาญ” ฮยอกแจพูดปัดและเดินหนีออกมา เพราะไม่ใช่แค่รำคาญทงเฮที่เปลี่ยนมาใช้ลูกอ้อนอย่างที่บอกไป
คือทำไปทำมาคนรอบตัวเขามันก็เยอะอยู่เหมือนกันนะ
แค่เมื่อกี้เดินจับมือมากับคยูฮยอนก็ว่าเด่นแล้ว ไอ้เหตุการณ์ที่เหมือนผู้ชายสองคนกำลังจะต่อยๆกันนี่ก็เด่นโคตรๆ
ยังไม่แค่นั้น ยังมายืนตัดพ้อกับทงเฮต่ออีก
ถ้ามีหนังสือพิมพ์โรงเรียนหรือเว็บบอร์ดไรงี้นะ
หัวข้อข่าวฮยอกแจเด่นหลาแน่นอน
“ฮยอกแจ!! เดี๋ยวก่อนดิวะ”
“เลิกพูดมากได้แล้ว
ตามนั้นแหละมึงอยากได้อะไร ต้องการอะไรกูจะทำให้หมดเลย จบยัง”
ฮยอกแจชี้หน้ากันห้ามไม่ให้ทงเฮพูดอะไรอีก
“หายโกรธกูแล้วอ่อ”
ทงเฮเปลี่ยนมาส่งยิ้มหวานให้ ทำให้ฮยอกแจต้องมองบนและเดินหนีอย่างไว
แต่ก็ตามประสาทงเฮมันก็วิ่งมาเกาะแขนอ้อนไปด้วยกันอีกอยู่ดี
“หายโกรธแล้วช่ะ”
“อย่าทำแบบนั้นอีกแล้วกัน”
“คร๊าบบบบ
ได้เลยคร๊าบบบบบ” ฮยอกแจมองทงเฮด้วยความเอือมระอา แต่ไอ้คนข้างหน้านี่ก็ไม่เห็นจะรู้สึกรู้สาอะไรเลย
“ทำมาปากดีไปเถอะ”
“แต่มึงจะทำให้กูทุกอย่างจริงๆอ่อ”
“มึงเลิกอ่อๆนี่กูอาจจะทำให้”
“หูยยย
กะจะขอเป็นแฟนซะหน่อย” ฮยอกแจหยุดเดินในทันที หันมองทงเฮด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“เรื่องตลกเหรอ?”
“กูกะเล่นให้ตลก
แต่มึงจะจริงจังก็ได้นะ” ฮยอกแจถอนหายใจยาว ส่ายหน้าระอาและรีบเดินหนีให้ห่างเพื่อนสนิทแสนประเสริฐ
“รอด้วยยยยย”
ทงเฮวิ่งมากอดคอฮยอกแจไปด้วยกันอีกครั้ง และเมื่อเดินผ่านชั้นของห้องไอ้เด็กนั่นก็ต้องยกยิ้มมุมปาก
ยิ่งมันยืนรอดูอยู่ด้วยยิ่งรู้สึกถึงชัยชนะของตัวเอง
เสียใจด้วยจริงๆว่ะ เพราะเพื่อนสนิทที่รักกันมาก..
ยังไงก็สำคัญกว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างแก...
ฮยอกแจเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างไร้จุดหมาย
ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะกินเข้าไป แต่ก็หิวเลยได้แค่เขี่ยเล่นอยู่แบบนี้
มองไปรอบตัวไม่เห็นแม้แต่เงาของใครคนนั้นแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“ต้องให้กูป้อนป่ะ?”
“ไม่”
ฮยอกแจมองทงเฮค้อนๆและตักข้าวเข้าปากไปให้มันจบๆ สายตาโฟกัสไปด้านหลังทันทีที่เห็นคยูฮยอนเดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนในห้อง
“ฮยอกแจ”
ทงเฮเรียกเพื่อนเสียงแข็ง
“หือ?”
สายตาละห่างมาจากคยูฮยอน และก็เห็นชัดว่าทงเฮมันกำลังทำหน้าไม่พอใจแค่ไหน
“กินข้าวเร็วๆ
กูจะไปซื้อขนม แล้วถ้ามึงยังช้ากูจะจับป้อนจริงๆด้วย ไม่ขู่” ทงเฮพูดและรีบตักข้าวยัดเข้าปากไป
มันกินแบบแทบจะไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำไป ฮยอกแจกัดปากตัวเองเบาๆ
ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวไปได้อีกสองสามคำ ก็เดินตามทงเฮออกจากโรงอาหารทั้งๆแบบนั้น
เห็นแล้วว่าคยูฮยอนมองอยู่ตลอด
เห็นแล้วว่าสายตานั้นดูเป็นห่วงมากแค่ไหน
แต่ก็ได้แต่ก้มหน้าทำเหมือนไม่สนใจแล้วเดินหนีออกมา
ฮยอกแจเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำเพื่อหนีห่างจากทงเฮสักพัก
เอนพิงประตูห้องน้ำและหลับตาลง ความรู้สึกเขาตอนนี้มันเหมือนก้อนอะไรสักอย่างมามาอัดแน่นอยู่...
มือเลื่อนขึ้นมาทุบเบาๆที่หน้าอกราวกับจะทำให้ก้อนความรู้สึกตรงนี้หายไปเสียที
เขาควรจะทำให้มันจบๆไป...
ควรจะทำให้คยูฮยอนไม่แม้แต่จะมองมาอีก ไม่แน่บางทีแบบนั้นมันอาจจะดีกว่าการมองกันไปมาเหมือนกับโรมิโอกับจูเลียตแบบนี้ ในเมื่อตัดสินใจไปแล้วว่าจะแยกจากกันก็ต้องทำให้มันเด็ดขาด
ให้มันค้างคาอยู่แบบนี้
มันทรมานเกินไป...
ทงเฮเดินมาถึงหน้าโรงเรียน
เฝ้ามองฮยอกแจที่เดินมาเงียบแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด
มันไม่ได้ทำเหมือนรอใครจนเขาต้องหันไปด่าอีก แต่มันเหมือนกับกำลังทะเลาะกับตัวเอง
เดี๋ยวพยักหน้าบ้าง เดี๋ยวส่ายหน้า อีกสักพักก็สูดลมหายใจเข้าออกเติมพลัง
“มึงเป็นไร”
“กูไปบ้านมึงได้ป่ะ”
“หือ?”
“ยังไม่อยากกลับบ้านอ่ะ....
นะ” ทงเฮพยักหน้ารับก่อนจะสะดุ้งเมื่อฮยอกแจเดินมาเกาะแขนเขาออกไปจากโรงเรียน มือนึงของฮยอกแจกำอยู่ที่ปลายแขนเสื้อ
กำแน่นเสียจนเขามองว่ามันกำลังพยายามหาที่พึ่ง
“....”
ฮยอกแจมองหน้าทงเฮงงๆเมื่อมือของทงเฮวางลงบนหัวทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถเมล์
“ไม่ต้องกลัวหรอก
กูจะอยู่กับมึงเอง”
“.....”
“ต่อให้มึงจะเสียใครบนโลกนี้ไป
มึงก็ยังมีกูอยู่ กูไม่ไปไหนแน่ สาบาน”
ทงเฮยิ้มกว้างก่อนจะยีหัวฮยอกแจเพื่อหวังจะให้อีกฝ่ายโวยวายเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้น
“อืม” เสียงตอบรับเบาๆ
จากฮยอกแจทำให้รอยยิ้มของทงเฮค่อยๆหายไป สายตาที่เหม่อมองออกไปนอกรถนั่นอีก
ไม่หรอก...
เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น
ก็แค่คนที่เข้ามาในชีวิตแค่ไม่กี่วัน
เขาที่อยู่ข้างฮยอกแจมาตลอด จะเป็นคนเติมเต็มสิ่งที่หายไปนั่นเอง
ทงเฮสบายใจขึ้นมาอีกหน่อยหลังจากที่เห็นฮยอกแจสามารถหัวเราะและยิ้มกับแม่และพี่ชายของเขาได้สบายๆ
นี่ถ้าพ่อไม่ติดประชุมแล้วกลับมากินข้าวด้วยกันรับรองเลยว่าฮยอกแจต้องอารมณ์ดีกว่านี้แน่เพราะฮยอกแจกับพ่อเขานี่เรียกได้ว่าโคตรเข้าขากันเลย
ยิงมุกตบมุกกันเพลินๆ
“อิ่มมากเลยฮะ
พอแล้วล่ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวไว้วันหลังผมค่อยมากินข้าวด้วยใหม่นะครับ”
ฮยอกแจพูดและลูบพุงของตัวเองไปด้วย ท่าทางอ้อนๆนั่นทำให้ทงเฮเผลอยิ้มออกมาได้จริงๆ
“ได้เลยลูก
บ้านเรายินดีต้อนรับอยู่แล้ว” ฮยอกแจยิ้มก่อนจะส่งซิกให้ทงเฮช่วยตัดบทเพื่อจะได้กลับบ้านจริงๆเสียที
“อ่อ
งั้นผมออกไปส่งฮยอกแจนะ”
“ไปก่อนนะครับ
สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับพี่ทงฮวา” หลังจากคำล่ำลาฮยอกแจก็โดนทงเฮลากออกมาจากบ้านก่อนที่แม่เขาจะชวนคุยขึ้นมาอีกรอบ
นี่ก็สองทุ่มกว่าแล้วด้วย
ถ้าดึกกว่านี้เขาคงต้องมานั่งบังคับให้ฮยอกแจนอนที่บ้านเขาแน่ๆ
“มึงส่งกูแค่นี้แหละ
เดี๋ยวกูกลับเอง”
“จำทางได้แล้ว?”
“เออ กูไม่ได้โง่”
“เพิ่งรู้นะว่ามึงไม่โง่”
“ไอ้ทงเฮ..”
เสียงเย็นๆนั่นทำให้ทงเฮหลุดขำออกมาก่อนจะยีหัวฮยอกแจเล่น
“มากไป”
ฮยอกแจแยกเขี้ยวใส่และนั่นยิ่งทำให้ทงเฮรู้สึกมีความสุขมากขึ้นไปอีก
“กลับบ้านดีๆล่ะ”
ทงเฮส่งยิ้มให้และโบกมือลาหลังจากเปิดประตูรั้วให้ ฮยอกแจโบกมือลาแบบขอไปที ทงเฮมองตามก่อนจะเดินเข้าบ้านแต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหนเสียงฟ้าร้องก็ทำให้เขาต้องวิ่งกลับมาที่รั้วบ้าน
มองฮยอกแจแล้วก็วิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อเอาร่มไปให้ไอ้ตัวเล็กที่มีโอกาสจะเปียกปอนเพราะฝนหลงฤดู
ทงเฮวิ่งตามมาแต่ยังไม่ทันได้ส่งเสียงเรียกฮยอกแจก็เดินเลี้ยวไปอีกทาง
เหอะ... เนี่ยนะที่ว่าไม่โง่ ไอ้บ้านั่นเดินไปคนละทางกับทางออกหมู่บ้านเลยเหอะ
ทงเฮส่ายหน้าระอา อมยิ้มกับความเป๋อๆของเพื่อน เลือกจะเดินตามไปไม่ร้องเรียกให้มันรู้ตัวหวังว่าจะได้ล้อมันอีกหน่อย
แต่เพียงแค่ก้าวพ้นโค้งนั้นไปเขากลับเห็นฮยอกแจยืนอยู่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง มันกำลังสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆเหมือนกับกำลังตั้งหลัก
มือกุมกันไว้ก่อนจะเงยหน้ามาเผชิญกับเจ้าของบ้านที่เปิดประตูต้อนรับ
“.....”
ทงเฮค่อยๆกำร่มในมือแน่นขึ้นเมื่อเจ้าของบ้านก้าวพ้นจากประตูรั้วออกมาหา
“ฉัน...”
“คิดถึงผม
ถึงขนาดมาหาที่บ้านเลยเหรอ” คยูฮยอนพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ตลก...”
ฮยอกแจพูดเสียงเบา เลียริมฝีปากตัวเองที่เริ่มแห้งผ่า
“ฮยอกแจ...”
“ฉันว่าเรื่องเราสองคน...”
ฮยอกแจรีบพูดขึ้นมาทันทีที่คยูฮยอนทักออกมา
“เราพอแค่นี้ดีกว่า”
“หมายถึง?”
“ฉันไม่อยากได้แล้ว”
คยูฮยอนมองกระดาษที่ถูกยื่นกลับมาให้ กระดาษที่มีแต่ลายมือของเขา
รวมถึงที่ฝ่ามือนั้น มันก็ไม่มีอีกแล้ว ทั้งที่ข้อความนั้นเขาเพิ่งเขียนไปเมื่อเช้า
“ขอโทษนะ...
แต่ฉันชอบนายไม่ได้หรอก”
ฮยอกแจพูดเสียงสั่นก่อนจะส่ายหน้าและจับมือคยูฮยอนเพื่อเอากกระดาษโน้ตทั้งหมดคืนเจ้าของไป
“.....”
“ขอโทษจริงๆ”
“....”
“ขอโทษ...”
ฮยอกแจสะดุ้งเมื่อมือใหญ่นั้นประคองใบหน้าของเขาไว้
“ผมไม่เป็นไร...”
ฮยอกแจนิ่งเงียบและสบตากับคยูฮยอน
รอยยิ้มจางๆที่ริมฝีปากนั่นทำให้ฮยอกแจต้องกำมือตัวเองไว้แน่น
“ถึงฮยอกแจไม่เลือกผม
ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะใช้ความสงสารเรียกร้องอะไรจากฮยอกแจหรอก”
“นี่ประชดป่ะ”
“ผมเหมือนประชดอยู่เหรอ”
“คำพูดใช่
แต่ฟังแล้วไม่ได้รู้สึกแบบนั้นหรอก” ฮยอกแจแค่นยิ้มออกมา
ยิ้มแหยๆเหมือนไม่รู้จะทำยังไงให้สถานการณ์มันดีขึ้น
“ไม่ต้องคิดว่าผมรู้สึกอะไรบ้าง
ไม่ต้องกดดันตัวเองแบบนั้น”
“.....”
“ฮยอกแจก็แค่คนธรรมดา
ไม่ได้เป็นฮีโร่ที่ต้องดูแลคนรอบตัวมากขนาดนั้นหรอกนะ”
ไม่ใช่ฮยอกแจที่ร้องไห้
แต่กลายเป็นทงเฮที่ยืนแอบฟังอยู่ตรงนี้ ทงเฮเงยหน้าขึ้นก่อนที่น้ำตาที่คลออยู่มันจะไหลออกมา
“ไม่ต้องร้องไห้
หรือรู้สึกผิดกับผม”
“....”
“แค่ยิ้มให้สดใส...
เหมือนฮยอกแจคนเดิมที่ผมหลงรักก็พอ” ริมฝีปากนั้นๆค่อยๆจรดลงที่หน้าผากมนช้าๆ
ภาพนั้นมันสวยงามเหมือนกับภาพตอนจบในเทพนิยาย
แต่นี่กลับเป็นบทส่งท้ายที่จบลงด้วยการจากลา
ทงเฮมองภาพตรงหน้าน้ำตาที่กลั้นไว้มันกลับค่อยๆไหลออกมาทีละหยด ฮยอกแจมันพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้ และทงเฮนับถือมันเลยจริงๆที่สามารถทำได้ในสถานการณ์ที่บีบหัวใจขนาดนี้ ฮยอกแจมันยิ้มกลับไปให้คยูฮยอนและโบกมือลาราวกับมันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิด ทงเฮเลื่อนตัวออกมาพิงกำแพงไว้เพื่อไม่ให้ฮยอกแจเห็นเขา
ทงเฮมองฮยอกแจที่เดินเลยผ่านเขาไป
ขาค่อยๆก้าวตามคนตัวเล็กไปช้าๆ ฮยอกแจสะดุ้งกับเสียงฟ้าร้องก่อนจะเร่งฝีเท้าเพื่อจะหลีกหนีช่วงเวลาที่ต้องเปียกปอน
แต่แล้วเมื่อเม็ดฝนตกลงกระทบกับร่างกาย มันกลับค่อยๆก้าวเท้าช้าลง... ช้าลง...
จนหยุดเดินในที่สุด
คนตัวเล็กค่อยๆทรุดลงนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้น
ตัวสั่นสะท้านไปตามแรงลมและฝนที่กำลังโหมกระหน่ำมาไม่หยุด ทงเฮไม่รู้จริงๆว่าเป็นเพราะความหนาวเย็น
หรือการสะอื้นจากการร้องไห้
ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อรอบตัวไม่มีน้ำตาจากสวรรค์ที่จะช่วยบดบังความอ่อนแอนี้ไว้อีกแล้ว
“....ทงเฮ”
“...กู.... กู”
ทงเฮพูดได้แค่นั้น มือที่ถือร่มกางให้ฮยอกแจอยู่กำแน่นก่อนจะเมินหน้าหนีไป
“อะไรของมึง”
ฮยอกแจพยายามทำเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
เช็ดน้ำตาและลุกขึ้นมาส่งยิ้มให้ทงเฮเหมือนปกติ
ทงเฮหันกลับมาสบตาก่อนจะปล่อยมือออกจากร่มและโอบกอดฮยอกแจไว้แทน
“กูแม่ง..
โคตรเห็นแก่ตัว กูมันก็แค่เข้าข้างตัวเอง คิดว่ามึงคงไม่ได้เป็นไรหรอก
มึงแค่ชอบมันไม่ได้จริงจังอะไร แต่แม่ง... มันไม่ใช่ว่ะ จริงๆคือกูคิดแต่ว่ากูเป็นยังไง
รู้สึกอะไร ทั้งๆที่กูคิดว่ากูเข้าใจมึงที่สุดนะเพราะกูรู้จักมึงมากกว่าใคร แต่กูไม่เคยพยายามอะไรเพื่อมึงจริงๆเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้กูเข้าใจแล้วว่าทำไมมึงถึงเลือกมัน”
“ทงเฮ...”
ฮยอกแจเรียกเพื่อนเสียงสั่น ขณะที่ทงเฮกอดเขาแน่นขึ้น
“กูแม่งแย่จริงๆว่ะ
คือแม่งโคตรเหี้ย”
“....”
ฮยอกแจโอบกอดเพื่อนเพื่อเป็นการปลอบโยน แทนคำพูดทั้งหมดของตัวเองในตอนนี้
“ไอ้เด็กนั่นแม่งเอ้ย...
เมื่อกี้กูน่าจะถีบมันสักทีตอนมันบอกว่ามึงก็แค่คนธรรมดา”
“.....” ฮยอกแจสะอื้นออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น น้ำตาที่คิดว่าน่าจะกลั้นเอาไว้ได้กลับไหลออกมาอีกครั้ง ซุกหน้าลงกับไหล่ของทงเฮและร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“มึงมันแค่คนธรรมดาจริงๆ...” ทงเฮลูบหัวปลอบโยน
“.....”
“อย่างที่มันบอก มึงไม่ใช่ฮีโร่ปกป้องโลกว่ะ
มึงไม่ได้มีหน้าที่ดูแลใคร”
“....”
“...แม้กระทั่งกู”
“กูขอโทษ... ฮึก
..กะ..กูขอโทษ ขอโทษ” ฮยอกแจพูดไปร้องไห้ไป
ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนทงเฮต้องดึงตัวฮยอกแจออกมา จับไหล่ทั้งสองข้างก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งที่น้ำตาของเขามันก็ไหลออกมาไม่ต่างกัน
“ไม่ดิ
มึงแม่งแย่งกู ต้องกูสิ กูผิด... กูสิต้องขอโทษมึง” มือค่อยๆไล่เกลี่ยเช็ดน้ำตาให้เพื่อนสนิท
และน้ำตาจากเขาก็ไหลออกมาทดแทน...
“ฮึก...” ทงเฮมองฮยอกแจแล้วยิ้มให้จางๆ
มือที่จับแน่นมาตลอดจนทำให้คนๆที่เขารักต้องเจ็บปวด...
ได้เวลา..ที่จะปล่อยเสียที...
“ขอโทษนะฮยอกแจ...”
******************************
ถ้าลืมแล้วว่าเรื่องมาถึงไหน กลับไปอ่านใหม่ก็ได้นะ
เพราะคนเขียนเองก็ต้องกลับไปอ่านเหมือนกัน 55555555555
เดี๋ยวตอนหน้าก็จบร๊าวววววว เป็นฟิคที่สั้น แต่ใช้เวลาในการแต่ 3 ปีได้
หวังว่าจะมีคนชอบ T_T
ความคิดเห็น