ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    At Gwanghwamun [ KyuHyuk ]

    ลำดับตอนที่ #9 : Ninth - I'm sorry

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 60




    Ninth

    I’m sorry



     

    ฮยอกแจเดินมาออกมาจากพื้นที่ส่วนตัวพร้อมกับคยูฮยอน มือที่จับกันเบาๆราวกับแค่เกี่ยวกันไว้มันทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ คยูฮยอนหันมองและเลิกคิ้วถาม แต่ฮยอกแจก็แค่ยักไหล่และเมินหน้าไปทางอื่นแทน เหลือบมองคนอายุน้อยกว่าแล้วก็ต้องแอบเบ้ปากเล็กๆ หมอนี่หล่อดีนะ ดูดีเป็นลำดับต้นๆของสายชั้นเลยด้วยซ้ำ ไม่งั้นไม่มีคนมองกันทั้งโรงเรียนขนาดนี้หรอก แต่พระเจ้านี่ไม่ยุติธรรมเลย ในเมื่อให้เขาเกิดมาก่อน เขาก็ควรจะสูงกว่าเด็กนี่มั้ย? เพราะขนาดเขายังสูงกว่าทงเฮเลย ถึงจะเซนสองเซนแต่มันก็ถือว่าสูงกว่าแหละนะ


    “ฮยอกแจ!!” ฮยอกแจสะดุ้งตามเสียงตะโกนเรียกชื่อตัว ไม่ใช่แค่ตกใจเท่านั้น แต่ว่าน้ำเสียงที่ได้ยินนั่นมันออกจะค่อนไปทางไม่พอใจ



    จริงๆเขาไม่น่าคิดถึงมันในใจ ตายยากชิบ...



    “เฮ้ย!” ฮยอกแจร้องออกมาเพราะยังไม่ทันได้หันไปมองด้วยซ้ำ เจ้าของเสียงนั่นก็มากระชากเขาจนต้องเซไปด้านหลัง มือที่เคยจับกับมือของใครอีกคนหลุดออกอย่างง่าย คยูฮยอนหันมองตามแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไร เพียงแค่มองฮยอกแจเป็นคำถามพร้อมกับประเมินสถานการณ์ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เจ็บตัว


    “มึงมาทำเหี้ยอะไรตรงนี้” ทงเฮพูดพร้อมกับบีบต้นแขนฮยอกแจ ราวกับใช้สิ่งนี้เพื่ออดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง


    “โอ๊ย มึงกะจะบีบรีดไขมันกูออกมาหรือไง” ฮยอกแจโวยและพยายามจะเอาแขนออก เลี่ยงทุกวิธีเพื่อที่จะไม่ต้องตอบคำถามนั้น หันไปมองคยูฮยอนเพื่อบอกให้อีกคนเดินออกจากฉากนี้เสียที



    บางทีการไม่มีคยูฮยอนอยู่มันอาจจะช่วยให้อารมณ์อีทงเฮเย็นกว่านี้อีกสักนิด



    “ฮยอกแจ” คยูฮยอนเพียงแค่เรียกชื่อและกำลังจะยื่นมือมาเพื่อเอามือที่ทำให้อีกคนเจ็บตัวออกให้ห่างยังไม่ทันได้แม้แต่สัมผัสทงเฮก็ปัดมือนั้นออก แต่คยูฮยอนกลับพลิกข้อมือและจับทงเฮกระชากเข้าไปหาแทน นี่เป็นครั้งแรกที่ทงเฮเห็นแววตาหมอนี่เปลี่ยนอารมณ์ได้ ไม่ได้เยือกเย็นอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา


    “เฮ้ย! จะทำไร” ฮยอกแจร้องห้ามและใช้มือดันหน้าอกคยูฮยอนออกห่างจากทงเฮ แววตาเกรี้ยวกราดที่เห็นทำให้ฮยอกแจอดคิดไม่ได้จริงๆว่ามืออีกข้างที่ว่างอยู่ของคยูฮยอน จะไปอยู่ที่หน้าของทงเฮเข้า


    “....” ฮยอกแจหันมองสภาพตัวเอง มือทงเฮก็ยังคงอยู่ที่ต้นแขนของเขา แต่ฮยอกแจกลับไม่ได้รู้สึกแล้วว่าที่ต้นแขนตัวเองมันเจ็บปวดอะไรแม้ว่าที่มือของทงเฮมันเกร็งบีบแน่นจนเห็นเส้นเลือดเด่นชัด ตอนนี้เขารู้สึกกังวลกับข้อมือของทงเฮมากกว่า เพราะว่ามือของคยูฮยอนดูเหมือนมันกำลังบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ


    “....” ไม่มีใครตอบและไม่มีใครปล่อยมือจากใคร บรรยากาศแย่ๆแบบนี้ทำให้ฮยอกแจค่อยๆเลื่อนมือลงจากหน้าอกของคยูฮยอน


    “คยูฮยอน” เสียงเรียกเบาๆกับแรงกระตุกจากชายเสื้อทำให้คยูฮยอนละสายตาออกห่างจากคู่กรณี มือค่อยๆคลายออกจนกลับมาอยู่ข้างตัว



    ต่อให้สายตาของฮยอกแจไม่ได้อ้อนวอนเขาขนาดนั้น แค่เสียงนั่นก็พอจะเรียกสติเขากลับมาได้แล้ว



    “.....ผมขอโทษ” คยูฮยอนพยายามปรับสีหน้า จับมือคนตัวและที่กำชายเสื้อเขามากุมไว้


    “.....” ฮยอกแจค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาแทนคำขอบคุณ ก่อนจะโดนกระชากให้กลับมาอยู่ข้างตัวทงเฮอีกครั้ง แน่นอนว่ามือที่จับกันอยู่นั้นหลุดออกจากกันอย่างง่ายดายไม่ต่างจากครั้งก่อน คยูฮยอนไม่ได้พูดอะไรต่อ เด็กนั่นมันเดินไปที่ตึกเรียนเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แม้แต่หันมอง หรือเห็นทงเฮอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ


    “กูเจ็บ” และเมื่อฮยอกแจพูดออกมาก็เหมือนกับทงเฮเพิ่งได้สติ ค่อยๆคลายมือที่กำแน่นมาตลอดมองแขนฮยอกแจที่เริ่มแดงขึ้นแล้วก็ได้แต่โทษตัวเองที่เอาแต่ใช้อารมณ์


    “กูขอโทษ เจ็บมากป่ะวะ”


    “.....” ฮยอกแจไม่ตอบ แค่ลูบต้นแขนตัวเองและก้มหน้าลงเพื่อทบทวนคำพูดของตัวเองต่อจากนี้


    “ก็มึงนั่นแหละ ไปยุ่งอะไรกับมัน ไหนมาดูดิ๊!” ทงเฮพูดและลูบแขนฮยอกแจเบาๆ


    “รอยแดงแบบนี้ต้องเอาอะไรมาทำให้มันหายแดงวะ ยาในห้องพยาบาลจะมีหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วมันจะช้ำเลยมั้ยอ่ะ หรือยังไงวะ” ฮยอกแจกระตุกยิ้มมุมปาก เพราะทงเฮมันก็ยังคงเป็นทงเฮเสมอ ถึงจะใช้อารมณ์ ถึงจะเป็นบ้าแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็กลับมาห่วงเขาอยู่ดี



    แต่ว่า...



    “ช่างเหอะ” ฮยอกแจพูดปัดราวกับไม่ได้ใส่ใจ


    “จะมาช่างอะไร กูทำให้มึงเจ็บ”


    “เปล่า...” ฮยอกแจพูดออกมาก่อนที่ทงเฮจะได้พูดจนจบ คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะจับมือของทงเฮไว้


    “อะไรเปล่า?”


    “มึงไม่ได้ทำให้กูเจ็บ.. แต่มึงทำให้อึดอัดมากกว่า เนี่ยเวลาที่มึงจับมือกูแน่นไปแบบนี้อ่ะ”


    “.....”


    “กูอึดอัดจริงๆว่ะ” ทงเฮนิ่งเงียบและเป็นฝ่ายปล่อยมือออกมา มองฮยอกแจที่เอาแต่ก้มหน้าแล้วพ่นลมหายใจออกเพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลายมากขึ้น


    “กูแค่ไม่ชอบ...เห็นมึงอยู่กับไอ้เด็กนั่น แล้วกูก็บอกมึงไปแล้ว กูไม่ชอบ...ไอ้เหี้ย! คือกูไม่ชอบแม่งจริงๆนะเว้ย อย่าว่าแต่เห็นมึงเดินจับมือกับมันเลย แค่กูเห็นในรัศมีสายตากู คือแค่หางตากูเห็นมันกูก็จะเข้าไปต่อยมันได้อยู่แล้ว”


    “เฮ้อ...” ฮยอกแจถอนหายใจยาวไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีจริงๆ


    “กูแค่ขอให้มึงเลิกยุ่งกับมัน... มันยากมากจริงๆเหรอวะ มึงชอบไอ้เด็กนั่นมากกว่าจะสนใจความรู้สึกกูอีกหรือไง กูเป็นเพื่อนกับมึงมานานแค่ไหน ไอ้เหี้ยนั่นมาตอนไหน กูสำคัญน้อยกว่ามันอีกงั้นเหรอ พอมันมาอยู่ในชีวิตมึงเวลาที่ผ่านมาที่เคยมีกูอยู่ข้างๆมึงนี่ไม่มีความหมายเลยใช่ป่ะ กูเป็นหมาเลยว่างั้นเหอะ”


    “มึงพล่ามบ้าอะไรของมึงนักหนา” ฮยอกแจพูดขัดประโยคตัดพ้อความเป็นเพื่อนระหว่างเขาทั้งสองคนก่อนมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้


    “ก็ดูมึงดิ มึงนั่นแหละที่บ้า”


    “กูเหรอ?”


    “เออ บ้าผู้ชาย”


    “อ้าวไอ้สัด...” ฮยอกแจด่าออกมาอย่างลืมตัวแต่นั่นก็ทำให้ทงเฮหลุดขำออกมา จับมือฮยอกแจมาอีกครั้งก่อนจะส่งยิ้มหวานให้


    “กูขอโทษที่ทำให้มึงอึดอัด แต่กูก็ไม่รู้จะทำไงจริงๆอ่ะ ถ้ามึงเห็นแก่กู..”


    “เออๆๆๆๆ รู้แล้ว โอ๊ย รำคาญ” ฮยอกแจพูดปัดและเดินหนีออกมา เพราะไม่ใช่แค่รำคาญทงเฮที่เปลี่ยนมาใช้ลูกอ้อนอย่างที่บอกไป คือทำไปทำมาคนรอบตัวเขามันก็เยอะอยู่เหมือนกันนะ แค่เมื่อกี้เดินจับมือมากับคยูฮยอนก็ว่าเด่นแล้ว ไอ้เหตุการณ์ที่เหมือนผู้ชายสองคนกำลังจะต่อยๆกันนี่ก็เด่นโคตรๆ ยังไม่แค่นั้น ยังมายืนตัดพ้อกับทงเฮต่ออีก



    ถ้ามีหนังสือพิมพ์โรงเรียนหรือเว็บบอร์ดไรงี้นะ หัวข้อข่าวฮยอกแจเด่นหลาแน่นอน



    “ฮยอกแจ!! เดี๋ยวก่อนดิวะ”


    “เลิกพูดมากได้แล้ว ตามนั้นแหละมึงอยากได้อะไร ต้องการอะไรกูจะทำให้หมดเลย จบยัง” ฮยอกแจชี้หน้ากันห้ามไม่ให้ทงเฮพูดอะไรอีก


    “หายโกรธกูแล้วอ่อ” ทงเฮเปลี่ยนมาส่งยิ้มหวานให้ ทำให้ฮยอกแจต้องมองบนและเดินหนีอย่างไว แต่ก็ตามประสาทงเฮมันก็วิ่งมาเกาะแขนอ้อนไปด้วยกันอีกอยู่ดี


    “หายโกรธแล้วช่ะ”


    “อย่าทำแบบนั้นอีกแล้วกัน”


    “คร๊าบบบบ ได้เลยคร๊าบบบบบ” ฮยอกแจมองทงเฮด้วยความเอือมระอา แต่ไอ้คนข้างหน้านี่ก็ไม่เห็นจะรู้สึกรู้สาอะไรเลย


    “ทำมาปากดีไปเถอะ”


    “แต่มึงจะทำให้กูทุกอย่างจริงๆอ่อ”


    “มึงเลิกอ่อๆนี่กูอาจจะทำให้”


    “หูยยย กะจะขอเป็นแฟนซะหน่อย” ฮยอกแจหยุดเดินในทันที หันมองทงเฮด้วยสายตาเรียบนิ่ง


    “เรื่องตลกเหรอ?”


    “กูกะเล่นให้ตลก แต่มึงจะจริงจังก็ได้นะ” ฮยอกแจถอนหายใจยาว ส่ายหน้าระอาและรีบเดินหนีให้ห่างเพื่อนสนิทแสนประเสริฐ


    “รอด้วยยยยย” ทงเฮวิ่งมากอดคอฮยอกแจไปด้วยกันอีกครั้ง และเมื่อเดินผ่านชั้นของห้องไอ้เด็กนั่นก็ต้องยกยิ้มมุมปาก ยิ่งมันยืนรอดูอยู่ด้วยยิ่งรู้สึกถึงชัยชนะของตัวเอง



    เสียใจด้วยจริงๆว่ะ เพราะเพื่อนสนิทที่รักกันมาก.. 

    ยังไงก็สำคัญกว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างแก...










     

    ฮยอกแจเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างไร้จุดหมาย ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะกินเข้าไป แต่ก็หิวเลยได้แค่เขี่ยเล่นอยู่แบบนี้ มองไปรอบตัวไม่เห็นแม้แต่เงาของใครคนนั้นแล้วก็ถอนหายใจออกมา


    “ต้องให้กูป้อนป่ะ?”


    “ไม่” ฮยอกแจมองทงเฮค้อนๆและตักข้าวเข้าปากไปให้มันจบๆ สายตาโฟกัสไปด้านหลังทันทีที่เห็นคยูฮยอนเดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนในห้อง


    “ฮยอกแจ” ทงเฮเรียกเพื่อนเสียงแข็ง


    “หือ?” สายตาละห่างมาจากคยูฮยอน และก็เห็นชัดว่าทงเฮมันกำลังทำหน้าไม่พอใจแค่ไหน


    “กินข้าวเร็วๆ กูจะไปซื้อขนม แล้วถ้ามึงยังช้ากูจะจับป้อนจริงๆด้วย ไม่ขู่” ทงเฮพูดและรีบตักข้าวยัดเข้าปากไป มันกินแบบแทบจะไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำไป ฮยอกแจกัดปากตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวไปได้อีกสองสามคำ ก็เดินตามทงเฮออกจากโรงอาหารทั้งๆแบบนั้น



    เห็นแล้วว่าคยูฮยอนมองอยู่ตลอด เห็นแล้วว่าสายตานั้นดูเป็นห่วงมากแค่ไหน

    แต่ก็ได้แต่ก้มหน้าทำเหมือนไม่สนใจแล้วเดินหนีออกมา



    ฮยอกแจเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำเพื่อหนีห่างจากทงเฮสักพัก เอนพิงประตูห้องน้ำและหลับตาลง ความรู้สึกเขาตอนนี้มันเหมือนก้อนอะไรสักอย่างมามาอัดแน่นอยู่... มือเลื่อนขึ้นมาทุบเบาๆที่หน้าอกราวกับจะทำให้ก้อนความรู้สึกตรงนี้หายไปเสียที



    เขาควรจะทำให้มันจบๆไป...


    ควรจะทำให้คยูฮยอนไม่แม้แต่จะมองมาอีก ไม่แน่บางทีแบบนั้นมันอาจจะดีกว่าการมองกันไปมาเหมือนกับโรมิโอกับจูเลียตแบบนี้ ในเมื่อตัดสินใจไปแล้วว่าจะแยกจากกันก็ต้องทำให้มันเด็ดขาด


    ให้มันค้างคาอยู่แบบนี้ มันทรมานเกินไป...









     

    ทงเฮเดินมาถึงหน้าโรงเรียน เฝ้ามองฮยอกแจที่เดินมาเงียบแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด มันไม่ได้ทำเหมือนรอใครจนเขาต้องหันไปด่าอีก แต่มันเหมือนกับกำลังทะเลาะกับตัวเอง เดี๋ยวพยักหน้าบ้าง เดี๋ยวส่ายหน้า อีกสักพักก็สูดลมหายใจเข้าออกเติมพลัง


    “มึงเป็นไร”


    “กูไปบ้านมึงได้ป่ะ”


    “หือ?”


    “ยังไม่อยากกลับบ้านอ่ะ.... นะ” ทงเฮพยักหน้ารับก่อนจะสะดุ้งเมื่อฮยอกแจเดินมาเกาะแขนเขาออกไปจากโรงเรียน มือนึงของฮยอกแจกำอยู่ที่ปลายแขนเสื้อ กำแน่นเสียจนเขามองว่ามันกำลังพยายามหาที่พึ่ง


    “....” ฮยอกแจมองหน้าทงเฮงงๆเมื่อมือของทงเฮวางลงบนหัวทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถเมล์


    “ไม่ต้องกลัวหรอก กูจะอยู่กับมึงเอง”


    “.....”


    “ต่อให้มึงจะเสียใครบนโลกนี้ไป มึงก็ยังมีกูอยู่ กูไม่ไปไหนแน่ สาบาน” ทงเฮยิ้มกว้างก่อนจะยีหัวฮยอกแจเพื่อหวังจะให้อีกฝ่ายโวยวายเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้น


    “อืม” เสียงตอบรับเบาๆ จากฮยอกแจทำให้รอยยิ้มของทงเฮค่อยๆหายไป สายตาที่เหม่อมองออกไปนอกรถนั่นอีก



    ไม่หรอก... เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น


    ก็แค่คนที่เข้ามาในชีวิตแค่ไม่กี่วัน เขาที่อยู่ข้างฮยอกแจมาตลอด จะเป็นคนเติมเต็มสิ่งที่หายไปนั่นเอง










     

    ทงเฮสบายใจขึ้นมาอีกหน่อยหลังจากที่เห็นฮยอกแจสามารถหัวเราะและยิ้มกับแม่และพี่ชายของเขาได้สบายๆ นี่ถ้าพ่อไม่ติดประชุมแล้วกลับมากินข้าวด้วยกันรับรองเลยว่าฮยอกแจต้องอารมณ์ดีกว่านี้แน่เพราะฮยอกแจกับพ่อเขานี่เรียกได้ว่าโคตรเข้าขากันเลย ยิงมุกตบมุกกันเพลินๆ


    “อิ่มมากเลยฮะ พอแล้วล่ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวไว้วันหลังผมค่อยมากินข้าวด้วยใหม่นะครับ” ฮยอกแจพูดและลูบพุงของตัวเองไปด้วย ท่าทางอ้อนๆนั่นทำให้ทงเฮเผลอยิ้มออกมาได้จริงๆ


    “ได้เลยลูก บ้านเรายินดีต้อนรับอยู่แล้ว” ฮยอกแจยิ้มก่อนจะส่งซิกให้ทงเฮช่วยตัดบทเพื่อจะได้กลับบ้านจริงๆเสียที


    “อ่อ งั้นผมออกไปส่งฮยอกแจนะ”


    “ไปก่อนนะครับ สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับพี่ทงฮวา” หลังจากคำล่ำลาฮยอกแจก็โดนทงเฮลากออกมาจากบ้านก่อนที่แม่เขาจะชวนคุยขึ้นมาอีกรอบ นี่ก็สองทุ่มกว่าแล้วด้วย ถ้าดึกกว่านี้เขาคงต้องมานั่งบังคับให้ฮยอกแจนอนที่บ้านเขาแน่ๆ


    “มึงส่งกูแค่นี้แหละ เดี๋ยวกูกลับเอง”


    “จำทางได้แล้ว?”


    “เออ กูไม่ได้โง่”


    “เพิ่งรู้นะว่ามึงไม่โง่”


    “ไอ้ทงเฮ..” เสียงเย็นๆนั่นทำให้ทงเฮหลุดขำออกมาก่อนจะยีหัวฮยอกแจเล่น


    “มากไป” ฮยอกแจแยกเขี้ยวใส่และนั่นยิ่งทำให้ทงเฮรู้สึกมีความสุขมากขึ้นไปอีก


    “กลับบ้านดีๆล่ะ” ทงเฮส่งยิ้มให้และโบกมือลาหลังจากเปิดประตูรั้วให้ ฮยอกแจโบกมือลาแบบขอไปที ทงเฮมองตามก่อนจะเดินเข้าบ้านแต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหนเสียงฟ้าร้องก็ทำให้เขาต้องวิ่งกลับมาที่รั้วบ้าน มองฮยอกแจแล้วก็วิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อเอาร่มไปให้ไอ้ตัวเล็กที่มีโอกาสจะเปียกปอนเพราะฝนหลงฤดู


    ทงเฮวิ่งตามมาแต่ยังไม่ทันได้ส่งเสียงเรียกฮยอกแจก็เดินเลี้ยวไปอีกทาง เหอะ... เนี่ยนะที่ว่าไม่โง่ ไอ้บ้านั่นเดินไปคนละทางกับทางออกหมู่บ้านเลยเหอะ ทงเฮส่ายหน้าระอา อมยิ้มกับความเป๋อๆของเพื่อน เลือกจะเดินตามไปไม่ร้องเรียกให้มันรู้ตัวหวังว่าจะได้ล้อมันอีกหน่อย แต่เพียงแค่ก้าวพ้นโค้งนั้นไปเขากลับเห็นฮยอกแจยืนอยู่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง มันกำลังสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆเหมือนกับกำลังตั้งหลัก มือกุมกันไว้ก่อนจะเงยหน้ามาเผชิญกับเจ้าของบ้านที่เปิดประตูต้อนรับ


    “.....” ทงเฮค่อยๆกำร่มในมือแน่นขึ้นเมื่อเจ้าของบ้านก้าวพ้นจากประตูรั้วออกมาหา


    “ฉัน...”


    “คิดถึงผม ถึงขนาดมาหาที่บ้านเลยเหรอ” คยูฮยอนพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน


    “ตลก...” ฮยอกแจพูดเสียงเบา เลียริมฝีปากตัวเองที่เริ่มแห้งผ่า


    “ฮยอกแจ...”


    “ฉันว่าเรื่องเราสองคน...” ฮยอกแจรีบพูดขึ้นมาทันทีที่คยูฮยอนทักออกมา


    “เราพอแค่นี้ดีกว่า”


    “หมายถึง?”


    “ฉันไม่อยากได้แล้ว” คยูฮยอนมองกระดาษที่ถูกยื่นกลับมาให้ กระดาษที่มีแต่ลายมือของเขา รวมถึงที่ฝ่ามือนั้น มันก็ไม่มีอีกแล้ว ทั้งที่ข้อความนั้นเขาเพิ่งเขียนไปเมื่อเช้า


    “ขอโทษนะ... แต่ฉันชอบนายไม่ได้หรอก” ฮยอกแจพูดเสียงสั่นก่อนจะส่ายหน้าและจับมือคยูฮยอนเพื่อเอากกระดาษโน้ตทั้งหมดคืนเจ้าของไป


    “.....”


    “ขอโทษจริงๆ”


    “....”


    “ขอโทษ...” ฮยอกแจสะดุ้งเมื่อมือใหญ่นั้นประคองใบหน้าของเขาไว้


    “ผมไม่เป็นไร...” ฮยอกแจนิ่งเงียบและสบตากับคยูฮยอน รอยยิ้มจางๆที่ริมฝีปากนั่นทำให้ฮยอกแจต้องกำมือตัวเองไว้แน่น


    “ถึงฮยอกแจไม่เลือกผม ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะใช้ความสงสารเรียกร้องอะไรจากฮยอกแจหรอก”


    “นี่ประชดป่ะ”


    “ผมเหมือนประชดอยู่เหรอ”


    “คำพูดใช่ แต่ฟังแล้วไม่ได้รู้สึกแบบนั้นหรอก” ฮยอกแจแค่นยิ้มออกมา ยิ้มแหยๆเหมือนไม่รู้จะทำยังไงให้สถานการณ์มันดีขึ้น



    “ไม่ต้องคิดว่าผมรู้สึกอะไรบ้าง ไม่ต้องกดดันตัวเองแบบนั้น”


    “.....”


    “ฮยอกแจก็แค่คนธรรมดา ไม่ได้เป็นฮีโร่ที่ต้องดูแลคนรอบตัวมากขนาดนั้นหรอกนะ”



    ไม่ใช่ฮยอกแจที่ร้องไห้ แต่กลายเป็นทงเฮที่ยืนแอบฟังอยู่ตรงนี้ ทงเฮเงยหน้าขึ้นก่อนที่น้ำตาที่คลออยู่มันจะไหลออกมา



    “ไม่ต้องร้องไห้ หรือรู้สึกผิดกับผม”


    “....”


    “แค่ยิ้มให้สดใส... เหมือนฮยอกแจคนเดิมที่ผมหลงรักก็พอ” ริมฝีปากนั้นๆค่อยๆจรดลงที่หน้าผากมนช้าๆ



    ภาพนั้นมันสวยงามเหมือนกับภาพตอนจบในเทพนิยาย 


    แต่นี่กลับเป็นบทส่งท้ายที่จบลงด้วยการจากลา



    ทงเฮมองภาพตรงหน้าน้ำตาที่กลั้นไว้มันกลับค่อยๆไหลออกมาทีละหยด ฮยอกแจมันพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้ และทงเฮนับถือมันเลยจริงๆที่สามารถทำได้ในสถานการณ์ที่บีบหัวใจขนาดนี้ ฮยอกแจมันยิ้มกลับไปให้คยูฮยอนและโบกมือลาราวกับมันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิด ทงเฮเลื่อนตัวออกมาพิงกำแพงไว้เพื่อไม่ให้ฮยอกแจเห็นเขา


    ทงเฮมองฮยอกแจที่เดินเลยผ่านเขาไป ขาค่อยๆก้าวตามคนตัวเล็กไปช้าๆ ฮยอกแจสะดุ้งกับเสียงฟ้าร้องก่อนจะเร่งฝีเท้าเพื่อจะหลีกหนีช่วงเวลาที่ต้องเปียกปอน แต่แล้วเมื่อเม็ดฝนตกลงกระทบกับร่างกาย มันกลับค่อยๆก้าวเท้าช้าลง... ช้าลง... จนหยุดเดินในที่สุด


    คนตัวเล็กค่อยๆทรุดลงนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้น ตัวสั่นสะท้านไปตามแรงลมและฝนที่กำลังโหมกระหน่ำมาไม่หยุด ทงเฮไม่รู้จริงๆว่าเป็นเพราะความหนาวเย็น หรือการสะอื้นจากการร้องไห้


    ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อรอบตัวไม่มีน้ำตาจากสวรรค์ที่จะช่วยบดบังความอ่อนแอนี้ไว้อีกแล้ว 


    “....ทงเฮ”


    “...กู.... กู” ทงเฮพูดได้แค่นั้น มือที่ถือร่มกางให้ฮยอกแจอยู่กำแน่นก่อนจะเมินหน้าหนีไป


    “อะไรของมึง” ฮยอกแจพยายามทำเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น เช็ดน้ำตาและลุกขึ้นมาส่งยิ้มให้ทงเฮเหมือนปกติ ทงเฮหันกลับมาสบตาก่อนจะปล่อยมือออกจากร่มและโอบกอดฮยอกแจไว้แทน


    “กูแม่ง.. โคตรเห็นแก่ตัว กูมันก็แค่เข้าข้างตัวเอง คิดว่ามึงคงไม่ได้เป็นไรหรอก มึงแค่ชอบมันไม่ได้จริงจังอะไร แต่แม่ง... มันไม่ใช่ว่ะ จริงๆคือกูคิดแต่ว่ากูเป็นยังไง รู้สึกอะไร ทั้งๆที่กูคิดว่ากูเข้าใจมึงที่สุดนะเพราะกูรู้จักมึงมากกว่าใคร แต่กูไม่เคยพยายามอะไรเพื่อมึงจริงๆเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้กูเข้าใจแล้วว่าทำไมมึงถึงเลือกมัน”


    “ทงเฮ...” ฮยอกแจเรียกเพื่อนเสียงสั่น ขณะที่ทงเฮกอดเขาแน่นขึ้น


    “กูแม่งแย่จริงๆว่ะ คือแม่งโคตรเหี้ย”


    “....” ฮยอกแจโอบกอดเพื่อนเพื่อเป็นการปลอบโยน แทนคำพูดทั้งหมดของตัวเองในตอนนี้


    “ไอ้เด็กนั่นแม่งเอ้ย... เมื่อกี้กูน่าจะถีบมันสักทีตอนมันบอกว่ามึงก็แค่คนธรรมดา”


    “.....” ฮยอกแจสะอื้นออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น น้ำตาที่คิดว่าน่าจะกลั้นเอาไว้ได้กลับไหลออกมาอีกครั้ง ซุกหน้าลงกับไหล่ของทงเฮและร้องไห้ออกมาเสียงดัง


    มึงมันแค่คนธรรมดาจริงๆ...” ทงเฮลูบหัวปลอบโยน


    “.....”


    “อย่างที่มันบอก มึงไม่ใช่ฮีโร่ปกป้องโลกว่ะ มึงไม่ได้มีหน้าที่ดูแลใคร”


    “....”


    “...แม้กระทั่งกู”


    “กูขอโทษ... ฮึก ..กะ..กูขอโทษ ขอโทษ” ฮยอกแจพูดไปร้องไห้ไป ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนทงเฮต้องดึงตัวฮยอกแจออกมา จับไหล่ทั้งสองข้างก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งที่น้ำตาของเขามันก็ไหลออกมาไม่ต่างกัน


    “ไม่ดิ มึงแม่งแย่งกู ต้องกูสิ กูผิด... กูสิต้องขอโทษมึง” มือค่อยๆไล่เกลี่ยเช็ดน้ำตาให้เพื่อนสนิท และน้ำตาจากเขาก็ไหลออกมาทดแทน...


    “ฮึก...” ทงเฮมองฮยอกแจแล้วยิ้มให้จางๆ



    มือที่จับแน่นมาตลอดจนทำให้คนๆที่เขารักต้องเจ็บปวด...


    ได้เวลา..ที่จะปล่อยเสียที...



    “ขอโทษนะฮยอกแจ...”



    ******************************


    ถ้าลืมแล้วว่าเรื่องมาถึงไหน กลับไปอ่านใหม่ก็ได้นะ 

    เพราะคนเขียนเองก็ต้องกลับไปอ่านเหมือนกัน 55555555555



    เดี๋ยวตอนหน้าก็จบร๊าวววววว เป็นฟิคที่สั้น แต่ใช้เวลาในการแต่ 3 ปีได้


    หวังว่าจะมีคนชอบ T_T

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×