คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Eighth - Beside You
Eighth
Beside You
ฮยอกแจค่อยๆขยับจะดึงมือออกเมื่อคยูฮยอนยังคงกุมมือไว้แม้ว่าจะเขามาบริเวณตึกเรียนแล้ว ถึงตอนนี้จะเป็นช่วงคาบเรียนที่คนส่วนใหญ่เข้าไปในห้องเรียนแล้ว แต่ว่าก็ยังมีเด็กเกเรบางส่วนที่อยู่ข้างนอกเหมือนกัน คยูฮยอนหันมองตามแรงกระตุกที่มือ ประหนึ่งว่าแรงที่พยายามดึงมือออกนั้นเป็นการเรียกร้องความสนใจจากเขาเท่านั้น ฮยอกแจถลึงตาใส่ก่อนจะได้รับเพียงรอยยิ้มมุมปาก
“ปล่อยได้แล้วน่า” ฮยอกแจพูดและพยายามดึงมือออกอีกครั้ง
“ผมก็ไม่ได้จับแน่นอะไรขนาดนั้นซะหน่อย” ฮยอกแจอ้าปากกว้างขึ้นอีกนิด เมื่อได้ยินประโยคนั้น
“สรุปนี่คือฉันจับมือนายไว้เองว่างั้น”
“ฮยอกแจแค่ไม่ได้ขัดขืนแค่นั้นแหละ”
รู้สึกเหมือนโดนด่าเบาๆ -_-!!
“เขาเรียกรักษาน้ำใจ” คยูฮยอนพยักหน้ารับก่อนหยุดเดินเพราะถึงช่วงเวลาที่ต้องแยกกันจริงๆแล้ว ฮยอกแจมองมือตามสายตานั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อคยูฮยอนยอมปล่อยมือออกโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
“ผมต้องไปเรียนแล้ว” ฮยอกแจพยักหน้ารับและมองมือที่ค่อยๆคลายออก คยูฮยอนยิ้มให้และนั่นทำให้ฮยอกแจที่เอาแต่ก้มหน้ามองมือของตนรีบเปลี่ยนสีหน้า และยกมือขึ้นมาโบกลา
“โอเค บายยย” ฮยอกแจกำลังจะหมุนตัวเดินออกไปหยุดชะงักเมื่ออีกคนวางมือลงบนหัว
“.....” ฮยอกแจนิ่งไปก่อนจะเห็นรอยยิ้มที่ไม่สามารถอธิบายได้ คยูฮยอนค่อยเลื่อนมือลงแล้วเป็นฝ่ายเดินไปที่ห้องเรียนของตัวเอง ขณะที่ฮยอกแจได้แต่ยืนนิ่ง ค่อยๆกระพริบตาเรียกสติตัวเองกลับมาและเกาหัวงงๆ เดินก้าวขึ้นบันไดแต่ละขั้นไปอย่างช้าๆ มือที่เคยเกาหัวเลื่อนมาที่หน้าอกพอดีกับจังหวะการก้าวขาค่อยๆช้าลง
“บ้าเอ๊ย...” ฮยอกแจสบถก่อนจะถอนหายใจออกมากำเสื้อบริเวณหน้าอกไว้เพื่อบอกให้กล้ามเนื้อนั้นทำงานให้เบาลงอีกสักนิดก่อนจะก้าวเดินออกไปอีกครั้ง
“มึงไปไหนมาวะ มาสาย?” ทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง ทงเฮก็เอ่ยทักเป็นคนแรก ฮยอกแจพยักหน้ารับ และนั่งลง ทงเฮจ้องหน้าที่ดูแปลกไปจากปกติก่อนจะเอามือทาบไปกลางหน้าผาก ฮยอกแจปัดมือออกพร้อมกับชักสีหน้าไม่พอใจ ทงเฮเลยเปลี่ยนเป็นการผลักหัวอีกคนจนแทบจะล้มลงไปกับพื้น
“ไอ้!” ฮยอกแจตั้งท่าจะเอาเรื่อง แต่ทงเฮก็ชี้หน้าห้ามไว้ จังหวะเดียวกับที่อาจารย์เข้ามาสอนในคาบแรก ฮยอกแจเบ้ปากและก้มหยิบของในกระเป๋าออกมา
“กูทำเพราะเป็นห่วง ก็แค่นั้นแหละ” ฮยอกแจหันมองเมื่อได้ยินประโยคลอยผ่านมากับสายลม ทงเฮไม่ได้มองหน้าเขาตอนพูดออกมา มันทำเหมือนพูดประโยคบอกเล่าทั่วๆไปและมือเอาปากกาแตะปากของตนไปเป็นจังหวะไปด้วย สายตายังคงมองกระดานและอาจารย์ที่หน้าห้องราวกับตั้งอกตั้งใจเรียนเสียเหลือเกิน
“อืม” ฮยอกแจพูดสั้นๆก่อนจะก้มหน้าลงกับหนังสือตรงหน้า
ฮยอกแจสาบานเลยว่าการถอนหายใจนี้น่าจะเป็นการถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านของวัน ขณะที่เดินไปพร้อมกับทงเฮและกลุ่มเพื่อน ช่วงกลางวันนี้เขาแทบจะไม่อยากกินข้าวด้วยซ้ำ ในหัวมันตื้อๆ ร่างกายไม่ค่อยอยากจะรับอะไรเข้าไป ทงเฮแอบมองอาการของฮยอกแจบ่อยครั้งตั้งแต่นั่งเรียนอยู่จนถึงตอนนี้แต่ก็เลือกจะไม่พูดอะไร ทั้งเขาและเพื่อนๆเริ่มเดินออกมาจนถึงช่วงบันได ทงเฮหันไปยิ้มกับเพื่อนเมื่อมันพูดเรื่องอะไรกันสนุกสนานมากขึ้นเหมือนกับตัวเองฟังมาแต่แรก หรี่ตาลงเมื่อเห็นคนยืนใส่หูฟังเอาหลังเอนพิงกำแพงมองมา สายตาเรียบนิ่งที่เหมือนกับกำลังท้าทายทำให้มือรีบคว้าฮยอกแจเข้ามากอดคอไว้
“อะไรของมึง” ฮยอกแจมองค้อนก่อนจะยื้อตัวไว้ รีบตีแขนนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้แรงที่โอบเข้าไปหานี้น้อยลงเลยแม้แต่นิด ออกจากมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“วันนี้กินอะไรดี” ฮยอกแจขมวดคิ้วมองทงเฮที่ถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้มประดิษฐ์บนใบหน้านั้น หรี่ตามองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่ออยู่มันก็ยื่นหน้ามาใกล้จนแทบจะติดกัน เพื่อนๆร้องโห่แซวกันจนแทบไม่ได้เสียงอื่น และนั่นทำให้ฮยอกแจได้สติ นอกจากนั้นทงเฮมันยักคิ้วกวนตีนอยู่ด้วย
“ไอ้ทงเฮมึงถอยเลยนะ!!” ฮยอกแจพูดและใช้มือยันที่หน้าอกนั้นออกห่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่เพื่อนๆเดินหัวเราะการตีกันครั้งนี้ออกไป จังหวะที่มองเพื่อนๆนั่นแหละทำให้หางตาฮยอกแจดันเหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งยืนพิงกำแพงห่างออกไปไม่มากนัก สบตากันก่อนจะเป็นฮยอกแจที่หลบสายตาและหันมามองทงเฮ
“มึง...” ฮยอกแจพูดได้แค่นั้น เอามือชี้หน้าคาดโทษ แต่ทงเฮกลับยิ้มและจับมือนั้นลง กุมไว้แน่นและดึงฮยอกแจเดินผ่านคยูฮยอนไปในทันที
“เดี๋ยวดิวะ!!” ฮยอกแจร้องห้าม สายตามองที่คยูฮยอนสบตากันแต่กลับไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ คยูฮยอนไม่มีท่าทีอะไร นิ่งเสียจนเหมือนกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับเหตุการณ์นี้แม้แต่นิด จนเขาลับสายตาฮยอกแจจึงหันมายื้อตัวกับทงเฮอย่างจริงจัง
“มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย!” ทงเฮร้องออกมาเมื่อฮยอกแจยื้อตัวไว้และใช้เท้ายันก้นเขาแทน มือที่พยายามจับมาตลอดหลุดออก
“มึงนั่นแหละ ทำเหี้ยอะไร!!” ฮยอกแจเถียงกลับ
“แล้วไง กูทำไรล่ะ??” ทงเฮเถียงหน้าตาย
“.....กูไม่หิว” ฮยอกแจรีบเปลี่ยนเรื่องและหันตัวเหมือนจะเดินกลับไปที่ห้องเรียน
“กูขอร้องมึงแล้วไม่ใช่เหรอ”
“.....” ฮยอกแจหยุดชะงักและหันไปมอง หลังจากสบตากันสักพักฮยอกแจถึงถอนหายใจออกมาและส่ายหน้าระอา ทงเฮคว้ามือเล็กมากุมไว้แน่นเมื่อเห็นว่าฮยอกแจทำท่าเหมือนจะเดินกลับไปจริงๆ
“คำพูดของกูมันไม่ได้ทำให้มึงใจอ่อนบ้างเลยหรือไงวะ”
“......” ฮยอกแจกำมืออีกฝั่งแน่นขึ้น เหมือนกันกับมือที่ทงเฮกุมอยู่มันก็ค่อยๆแนบแน่นขึ้น
“กูสำคัญกับมึงไม่ใช่เหรอ”
“......”
“กูขอร้อง...”
“.....”
“แค่อยู่กับกู....นะ” ฮยอกแจค่อยๆก้าวถอยหลังกลับไปเมื่อมือของทงเฮดึงรั้งไปหา
“.....” ฮยอกแจสูดลมหายใจเข้าออก พร้อมกับหลับตาลง พยายามกำจัดภาพค้างคาใจเมื่อครู่ไป
“ไปกินข้าวกันเหอะเนอะ” ทงเฮพูดและยิ้มให้เมื่อฮยอกแจยอมหันมาหา ฮยอกแจถอนหายใจก่อนจะดึงมือออกและผลักทงเฮออกจากเส้นทาง ทงเฮยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งไปกระโดดกอดฮยอกแจที่เดินนำไปทางโรงอาหาร
“โอ้ย ไอ้เหี้ย!” ฮยอกแจสบถก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะจากทงเฮ ยิ้มออกมานิดๆเมื่อเพื่อนสนิทของตัวกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
“โอ๋ๆๆๆๆๆ” ทงเฮร้องโอ๋ก่อนจะลูบหัวกลมเพื่อปลอบโยน ฮยอกแจหลุดขำก่อนจะยันอีกคนด้วยเท้าเพื่อเอาคืน แต่ทงเฮก็แค่กระโดดหนีและหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
ทงมันก็เหมือนเด็ก ที่เพียงแค่มีฮยอกแจก็ร่าเริงได้เหมือนกับมีของเล่นชิ้นโปรดอยู่ใกล้ๆ
แต่ว่าทงเฮอาจจะหลงลืมบางสิ่งที่สำคัญมากไป...เพราะสิ่งที่เขาพยายามจะรั้งและแสดงความเป็นเจ้าของอยู่นั้นไม่ใช่ของเล่นที่ไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึก..
ฮยอกแจมองทงเฮแล้วก็กรอกตามองบนฟ้า สังเกตุดินฟ้าอากาศไปแทนเพราะเอาตามความจริงคือเขาตัวติดทงเฮจนแทบจะตลอดเวลา มีแค่ช่วงเวลาเข้าห้องน้ำเท่านั้นแหละที่ส่วนตัวสุดๆ ง่ายๆแค่ตอนกลางวันที่เขานั่งเล่นมือถือตัวเอง ทงเฮมันยังแอบเหลือบๆมองเลย ไม่เข้าใจว่าแม่งมีผีสอดรู้เข้าสิงมันหรือเปล่า จะด่าอะไรบอกอะไรก็ไม่เชื่อด้วยนะ
บอกไปเป็นล้านครั้งแล้วว่าไม่มีเบอร์ มีไลน์ มีเฟสบ้าบออะไรของเด็กนั่นทั้งนั้น ไอ้บ้านี่ก็ไม่เคยเชื่อ พูดพึมพำอยู่นั่นว่านี่มันยุคไหนแล้ว อย่ามาตอแหลเอาตัวรอด บอกความจริงมาก็จบ
คือกูพูดความจริงก็ไม่เชื่อ ต้องให้โกหกใช่ไหมมึงถึงพอใจ
“มึงถอนหายใจทำซากอะไรนักหนา อยู่กับกูนี่มันยากนักหรือไง”
“อย่าชวนทะเลาะ กูรำคาญ” ฮยอกแจเมินหน้าหนีก่อนจะเม้มปากไว้เมื่อหันไปมองบนตึกเรียน เห็นห้องซ้อมดนตรีที่เคยเข้าไปแล้วก็แทบอยากจะหาเรื่องโกหกไอ้เพื่อนตังเมนี่เพื่อไปหา...
แต่ในใจมันก็เถียงออกมาว่าจะไปทำไม ไปแล้วจะพูดอะไรงั้นเหรอ จะพยายามไปบอกอะไร... ถ้าเขาถามอะไร จะตอบอะไรยังไง....
“มึงมองอะไร” ทงเฮตบบ่าฮยอกแจเพื่อเรียกเพราะมันหยุดเดินแล้วก็เหม่อมองตึกอยู่พักใหญ่
“เปล่า” ฮยอกแจส่ายหน้าและเป็นฝ่ายเดินออกไปเอง ทงเฮหันไปค้อนให้ตึกนั่นอย่างไร้สาเหตุและเดินตามฮยอกแจกลับบ้านไป
“มึงโอเคป่ะ” ทงเฮตัดสินใจถามออกไปขณะที่นั่งอยู่บนรถเมล์ เพราะฮยอกแจมันเอาแต่มองโทรศัพท์ในมือกำไว้แน่นแต่กลับไม่เข้าไปแอพริเคชั่นไหนเลย วนเข้าเหมือนจะโทรหาใครแล้วก็ออกมาหน้าหลัก เสร็จแล้วก็เข้าไปกดเบอร์ แต่ยังไม่ทันครบมันก็กดออกมาอีก
“ฮยอกแจ!” ฮยอกแจสะดุ้งตามเสียงเรียก
“อะไร!!” เสียงตะคอกนั่นทำให้ทงเฮหรี่ตาลงมอง แต่ฮยอกแจก็ถอนหายใจและหันมองไปทางอื่น ก่อนจะเปลี่ยนใจเอาหูฟังมาใส่หูตัวเองให้จบๆไป
“มึงไม่ได้เป็นไรกูรู้ ก็แค่แคร์มันกลัวมันจะตายไรแบบนั้นป่ะ แต่มึงเพิ่งรู้จักมันเองนะ ไม่ได้อะไรมีความรู้สึกมากมายอะไรขนาดนั้นหรอกน่า” นั่นเป็นสิ่งที่ฮยอกแจคิด แต่ทงเฮกำลังพูดมันออกมา มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เขากลัวคยูฮยอนจะเสียใจและคิดมาก แต่มันก็อีกนั่นแหละ เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำให้คนๆนั้นสบายใจขึ้นได้ยังไง ในเมื่อเขาก็ต้องอยู่กับทงเฮแบบนี้
“คนจะตายห่าจริงๆมันกูเหอะ” ฮยอกแจแค่นหัวเราะออกมาเมื่อทงเฮพึมพำอยู่ข้างๆ เอามือผลักหัวทงเฮที่ทำหน้าหงอยหมาเหงาอยู่คนเดียวก่อนจะถอดหูฟังข้างนึงยื่นให้ เพียงแค่นั้นรอยยิ้มของทงเฮก็มาประดับบนใบหน้าอีกครั้ง
เพราะทงเฮมันขาดอีฮยอกแจไปไม่ได้จริงๆ....
ตอนเช้าเป็นเวลาที่ฮยอกแจเกลียดที่สุด แต่วันนี้เขากลับตื่นเร็วแล้วก็หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ถือขนมปังเดินออกมาจากบ้านเลย แทบไม่ได้คุยอะไรกับใครด้วยซ้ำ ปากดูดนมจากกล่องไปเรื่อยๆก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาบริเวณโรงเรียน มองเด็กๆที่นั่งเล่นกันเป็นกลุ่มๆ บรรยากาศสบายๆช่วงเช้าในโรงเรียนเป็นอีกบรรยากาศที่เขาแทบไม่เคยได้สัมผัส เดินไปเรื่อยๆก่อนจะเริ่มถามคำถามเดิมในหัว จริงๆแล้วฮยอกแจวนถามตัวเองมาตลอดตั้งแต่ตั้งนาฬิกาปลุกเมื่อคืนว่าที่ต้องทำตัวตื่นเร็วมาในเช้าที่แสนเกลียดนี่เพื่ออะไร
“เฮ้อ...” ฮยอกแจนั่งลงบนพื้นหญ้า หลังเอนพิงกับผนังตึกก่อนจะหลับตาลงเพื่อสงบจิตใจที่ค่อนข้างวุ่นวาย ได้ยินเสียงต้นไม้ใบหญ้ารอบตัวขยับไปตามสายลมแล้วมันทำให้หัวใจที่วุ่นวายนี้สงบลงได้บ้าง เสียงจังหวะการเดินทำให้คิ้วนั้นขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“อ้าว” ฮยอกแจร้องออกมาเพราะเมื่อลืมตาขึ้นมาก็เจอใครอีกคนมานั่งข้างๆเสียแล้ว
“.....” ฮยอกแจจะอ้าปากพูดทัก แต่ก็เม้มปากไว้
“มาแย่งที่ซ่อน หรืออยากมาเจอผม” ฮยอกแจยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำถาม ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะหันไปหา
“มาแย่งที่” คยูฮยอนพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ฮยอกแจคลี่ยิ้มออกมานิดๆก่อนจะหันเอนพิงผนังไปอีกรอบ ดูๆแล้วมันเหมือนบรรยากาศที่น่าอึดอัดนะ เพราะไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย มีแค่เสียงตามสายของโรงเรียนมีประกาศต่างๆให้ได้ยินทำลายเสียงของธรรมชาติบ้าง แต่ว่ามันกลับเป็นที่ที่ทำให้ฮยอกแจหายใจได้อย่างปลอดโปร่ง
มันเหมือนกับไม่จำเป็นต้องพูดอธิบายอะไร แค่อยู่ข้างๆ.. แบบนี้ก็พอ
“ผมง่วงจัง” คยูฮยอนเอ่ยขึ้นมาก่อนจะเอนตัวนอนลง ฮยอกแจสะดุ้งเพราะกลายเป็นว่าหัวนั้นมาวางลงที่ตักของเขา สบตากันก่อนจะเห็นรอยยิ้มของคยูฮยอนที่ทำให้พูดอะไรไม่ออก
“ผมดีใจนะ...ที่ฮยอกแจมา” ฮยอกแจอมยิ้มนิดๆกับคำพูดนั้นก่อนจะใช้นิ้วดีดหน้าผากคนที่เริ่มเปลี่ยนรอยยิ้มเป็นเจ้าเล่ห์ขึ้นเรื่อยๆ
“ง่วงก็หลับไปสิ”
“ผมอยากมองหน้าฮยอกแจมากกว่า” ฮยอกแจกัดปากก่อนจะใช้มือปิดตาคยูฮยอนไว้ รู้ตัวว่าเขินเด็กนี่หลายครั้ง แต่ไม่คิดว่ามันจะไม่สามารถปิดบังได้ขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ฮยอกแจเคยทำมันได้นะ เก็กหน้าขรึมกับคนหยอดมุกจีบนี่งานถนัดเลย
แต่ทำไมก็ไม่รู้ วันนี้รู้สึกเหมือนแค่ถูกมองก็หน้าแดงแล้ว...
“ฮยอกแจนี่น่ารักชะมัด...”
“ฉันควรจะปิดปากนายด้วย” ฮยอกแจใช้อีกมือปิดปากคยูฮยอนไปอย่างที่พูด เหลือไว้แค่ช่องจมูกให้อีกฝ่ายได้หายใจเท่านั้น
“ผมพูดความจริงก็ผิดหรือไง” เสียงที่ดังรอดออกมาพร้อมกับมือที่ซ้อนลงบนมือของฮยอกแจ รอยยิ้มกลับมาที่ใบหน้าของฮยอกแจอีกครั้งเพราะว่ามันไม่ใช่การขัดขืนใดๆเลย คยูฮยอนก็แค่วางซ้อนมือทับกับมือเล็กบนใบหน้า กุมไว้เบาๆเหมือนกับพยายามบอก...
ว่าเขายังมี... คนๆนี้อยู่เสมอ...
“ขอโทษนะ”
“เรื่องอะไรครับ” ฮยอกแจเลื่อนมือออกเพราะดูเหมือนคยูฮยอนจะพูดไม่ถนัดนัก แต่ว่ายังปิดตาหมอนี่อยู่นะ ยังไม่สามารถสบตาได้จริงๆ
“เมื่อวานน่ะ” ฮยอกแจพูดเสียงเบา แต่ว่านอกจากคยูฮยอนจะไม่มีท่าทีไม่พอใจแล้ว ริมฝีปากนั่นกลับยิ้มจางๆ
“อย่าเอาความผิดไปโยนใส่ตัวเองแบบนั้นเลย ปวดหัวเปล่าๆ”
“.....”
“ฮยอกแจไม่ได้ทำอะไรนิ” ฮยอกแจคลี่ยิ้มตาม ค่อยๆเลื่อนมือที่เคยคั่นกลางสายตาของเขาทั้งคู่ไว้ ทั้งสายตาและรอยยิ้มจากคนที่นอนหนุนตักอยู่ตอนนี้ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจนี้ทำงานหนักขึ้น ขณะมือใหญ่เอื้อมขึ้นมาจับปลายผม
“เริ่มชอบผมหรือยังครับ” ฮยอกแจกระพริบตาถี่เมื่ออยู่ๆคยูฮยอนก็โผล่งถามออกมา
“อะ..อะไร..บ้าเหรอ” ฮยอกแจพูดติดขัดก่อนจะใช้มือดันหัวนั้นออกจากตักตัวเอง คยูฮยอนหลุดขำและยอมลุกขึ้นมานั่งดีๆ เท้าคางไว้กับเข่าตัวเอง มองคนที่เริ่มทำอะไรไม่ถูกแล้วก็ได้แต่ยิ้มเอ็นดู
“ฮยอกแจนี่น่ารักจริงๆนะ”
“หยุดไปเลยนะ ไม่ต้องมาพูดมาก”
“เขินแล้วก็มาด่าผมแทนเหรอครับ” ฮยอกแจอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบตีไหล่เมื่อคยูฮยอนยิ้มล้อมากๆเข้า สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ก็พองแก้มป่องก่อนมือใหญ่นั่นจะมายีหัวหน้าม้าจนไม่เป็นทรง
“ฮยอกแจขอมือหน่อย” คยูฮยอนแบมือออกไป
“เห็นฉันเป็นหมาเหรอ” ฮยอกแจถึงกับนิ่งเมื่อเห็นว่าคยูฮยอนหัวเราะออกมา สายตานั่นทำให้ฮยอกแจต้องยอมวางมือลงบนมือใหญ่นั้น
“เฮ้ย!” ฮยอกแจร้องออกมาเมื่อคยูฮยอนหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แต่ว่าพอจะยื้อมือกลับมาคยูฮยอนกลับทำแค่จับมือไว้แน่นขึ้นเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ฮยอกแจมองตามปลายปากกาที่ค่อยๆบรรจงหมึกลงบนหลังมือ ตัวอักษรต่างๆค่อยๆชัดเจนขึ้นไล่เรียงทีละตัวอย่างช้าๆ ก่อนสัญลักษณ์อินฟินิตี้จะถูกเขียนลงปิดท้าย คยูฮยอนปล่อยมือออกทันทีที่เขียนเสร็จ ฮยอกแจมองใบหน้าของเด็กน้อยตรงหน้าก่อนจะยิ้มกว้างออกมา เพราะรู้สึกเหมือนคยูฮยอนจะชอบการศิลปะชิ้นนี้เป็นพิเศษ
‘∞ Beside U’
“อันนี้คือเลข 8 ใช่ป่ะ” ฮยอกแจชี้ที่มือตัวเอง
“ครับ”
“แล้วทำเอียงทางนี้?”
“มันเหมือน Infinity ด้วยไง” คยูฮยอนตอบไปซื่อๆ และนั่นก็ทำให้ฮยอกแจได้จังหวะ
“หือ?” ฮยอกแจเลิกคิ้วขึ้นเหมือนล้อๆ และนั่นทำให้คยูฮยอนเปลี่ยนไปเก็บปากกาเข้ากระเป๋าไปแทน ฮยอกแจหลุดขำออกมาพอดีเสียงระฆังเตือนว่าเวลาแห่งความสุขได้หมดลงแล้ว ทั้งสองคนมองสบตากันก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาไม่ต่างกัน เป็นฮยอกแจที่ลุกขึ้นก่อนและยื่นมือไปหาคยูฮยอน
มือข้างเดียวกับที่ได้จับและเขียนความในใจลงไป คยูฮยอนยิ้มออกมาและยื่นมือไปจับ ลุกขึ้นก่อนจะเป็นฮยอกแจที่หมุนมือที่จับกันอยู่นั้นโชว์ศิลปะชั้นยอดที่มือตัวเองให้ดู
“ขอบคุณนะ...” รอยยิ้มหวานตรงหน้านี่ คยูฮยอนสาบานเลยว่าไม่สามารถมีอะไรบนโลกแทนได้แน่ๆ
--------------------------------------------------
เอเวอยู ออกจากกรมแล้วค่าาาาาา ถถถถถถถถถถ
อะไรจะหายเหมือนตายจากไปแบบนี้เนอะ 2 ปีได้มั้ง ฝีมือตกหรือเปล่าไม่รู้ แหะๆ
ยังไงก็จะพยายามให้มันจบนะ
เพราะอีกแค่ตอนหรือสองตอนก็จบแล้วแหละ
จริงๆตั้งใจจะมาวันเกิดฮยอกแจ แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ยังอยู่ในเดือนเกิดแทนละกันเนอะ
รักและคิดถึงทงเฮฮยอกแจอยู่ ยังไม่ไปไหนคร๊าบบบบบ
จุ๊บ คิดถึงทุกคนด้วย <3
ความคิดเห็น