ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    At Gwanghwamun [ KyuHyuk ]

    ลำดับตอนที่ #6 : Sixth - Hold My Hand

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 58


     

     

     

    Sixth

     

    Hold my hand

     

     

     

     

    หลังจากคาบเรียนแรกของภาคบ่ายจบไป ฮยอกแจก็ปลีกตัวออกมาจากห้องด้วยข้ออ้างยอดฮิตอย่างการขอไปเข้าห้องน้ำ ดีที่เป็นคนแรกๆที่ออกมาจากห้องเลยไม่ถูกอาจารย์เพ่งเล็งมากนัก มือเรียวหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า เปิดเลื่อนดูการแจ้งเตือนทุกอย่างผ่านๆก่อนจะส่ายหน้าเมื่อเข้ามาดูบทสนทนาระหว่างเขากับทงเฮ

     

    เฮ้อฮยอกแจถอนหายใจก่อนจะเปลี่ยนใจมาโทรหาอีกฝ่ายแทน

     

    เพราะบางทีการคุยกันผ่านตัวหนังสือก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่...

     

    ฮยอกแจกอดอกพิงอาคารเรียนไว้ ก่อนจะเริ่มเดินออกไปเพราะนักเรียนส่วนใหญ่ที่เดินเปลี่ยนห้องเริ่มหายกันไปในอาคาร การยืนอยู่แบบนั้นจะทำให้เขาดูเด่นจนเสี่ยงจะโดนจับได้ว่าโดดเรียนน่ะนะ

     

    มึงอยู่ไหนฮยอกแจถามออกไปทันทีที่เสียงรอสายหายไป

     

    (สนใจด้วยเหรอ) ฮยอกแจขมวดคิ้วกับประโยคที่ตอบกลับมาในทันที ตอนนี้แทบอยากจะถอนหายใจแรงๆสักล้านที

     

    "ถ้าไม่สนกูจะโทรมาป่ะ?"

     

    (นึกว่าแค่แสดงความเห็นใจไง)

     

    "ทงเฮ" ฮยอกแจเรียกชื่อนั้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกชัดเจนว่าเหนื่อยใจแค่ไหน

     

    (....)

     

     

    และมันก็ทำให้อีกฝ่ายเงียบไปจนแทบไม่ได้ยินเสียงลมหายใจเลยด้วยซ้ำ

     

     

    มึงอยู่ไหนคำถามเดิมถูกยกขึ้นมาถามอีกครั้ง ขณะที่ฮยอกแจหยุดเดินที่ตึกคหกรรมที่ไร้ซึ่งผู้คน มีนักเรียนที่กำลังเรียนทำอาหารอยู่ที่ชั้นล่างเพียงที่เดียวเท่านั้น

     

    (รู้ไปแล้วยังไง...)

     

    "อะไรของมึงอีกเนี่ย อย่าเรื่องมากได้ป่ะ บอกมาว่าอยู่ไหน!" ฮยอกแจเริ่มเสียงดังขึ้นมาหงุดหงิดเพื่อนตัวเองเต็มทน แต่ก็ยังไม่ได้ก้าวไปไหนเพราะจริงๆแล้วเขาเดาได้ว่าทงเฮอาจจะอยู่ที่นี่

     

    (ถ้าบอกไปแล้วมึงจะมารึไง)

     

    "กูจะไปหรือเปล่าเดี๋ยวมึงก็รู้เองแหละ สรุปจะบอกไหม"

     

    (ตึก7)

     

    "ไปทำไรที่ตึกคหกรรม" ฮยอกแจพูดและก้าวเดินเข้าไปข้างใน แอบยิ้มอยู่คนเดียวเพราะความภาคภูมิใจที่สามารถเดาใจอีกคนได้อย่างแม่นยำ

     

    (หนีมึงมา)

     

    "กวนตีนนะ" ฮยอกแจพูดและเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าทงเฮมันคงไม่โดดเรียนมานั่งอบขนมอยู่กับเด็กม.4ข้างล่างแน่ๆ อาจจะอยู่ในห้องเรียนไหนสักห้องในตึกนี้

     

    (กูพูดความจริงก็มาหาว่ากวนตีนอีก)

     

    "แล้วอยู่ส่วนไหนของตึก" ฮยอกแจถามเมื่อโผล่หน้าออกไปดูจากระเบียงของชั้นสองแล้วพบว่าห้องส่วนใหญ่ถูกล็อคอยู่

     

    (จะมาหาจริงๆเหรอ)

     

    "จะถามย้ำอีกหลายๆรอบเลยใช่ไหม" คำพูดที่แทบจะบอกออกไปว่าหมดความอดทนแล้วทำให้ฮยอกแจได้ยินเสียงถอนหายใจของทงเฮทันที แต่ถ้ามันไม่เลิกถามโน่นถามนี่ทวงหาความยุติธรรมให้ชีวิตตัวเอง ฮยอกแจก็จะไม่ทนแล้วก็เลือกจะกลับไปนั่งเรียนแบบเบื่อๆต่อดีกว่านะ

     

    (ห้อง732)

     

    "ขึ้นไปทำเหี้ยไรชั้น3เนี่ย" ฮยอกแจบ่นไปตามเรื่องแต่ขาก็เริ่มก้าวขึ้นไปอีกครั้ง ปากพึมพำเลขห้องอย่างไร้เสียงก่อนจะมาหยุดลงที่หน้าห้อง มองผ่านหน้าต่างบานเล็กที่ประตูก็สามารถมองเห็นทงเฮที่นั่งอยู่ที่พื้นตรงมุมห้องติดกับหน้าต่าง ฮยอกแจถอนหายใจก่อนจะเฝ้ามองทงเฮอยู่แบบนั้น

     

    (ก็มันไม่มีคน) ทงเฮพูดก่อนจะยกขาขึ้นมาชันเข่าไว้วางแขนอีกข้าง เอนหัวพิงกับผนังและจากมุมตรงนี้ก็สามารถมองเห็นประตูห้องได้ สายตามองคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูก่อนจะแค่นยิ้มออกมา

     

    "งี่เง่า" ฮยอกแจด่าออกไป ทั้งที่ยังสบตากันผ่านกระจกบานใส

     

    (ถ้ากูงี่เง่ามากนักก็อย่ามาคอยตามกูสิ)

     

    "...."

     

    (ให้กูอยู่ของกูคนเดียว)

     

    "ทงเฮ.." ฮยอกแจเรียกชื่อนั้นอย่างเหนื่อยอ่อน มือยกขึ้นจับที่ประตูเตรียมจะเปิดออกแต่เพราะเสียงที่ได้ยินทำให้ต้องหยุดตัวเองไว้

     

    (ก็มึงเป็นซะแบบนี้แหละ)

     

    "กูเป็นอะไร มึงพูดดีๆนะ ทำไมล่ะก็มึงโดดเรียนมานี่ ไม่ใช่เพราะอยากให้กูมาตามหรือไง มึงจะให้กูนั่งเรียนไปเรื่อยๆเมินโลกไม่ฟังไอ้พวกเหี้ยนั่นบ่นว่ากูทำร้ายมึงอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วก็เดินกลับบ้านปล่อยให้มึงตายอยู่บนตึกนี่แบบนั้นใช่ป่ะ" ฮยอกแจสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆและค่อยๆปล่อยมือออกจากลูกบิด เป็นเวลาเดียวกับที่ทงเฮลุกขึ้นมา

     

     

    แน่ล่ะมันรู้แล้วว่าเส้นความอดทนของฮยอกแจขาดไปเรียบร้อยแล้ว

     

     

    (....) ฮยอกแจกดตัดสายและหมุนตัวเดินออกไป พยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อจะไม่ให้ตัวเองระเบิดไปมากกว่านี้ ริมฝีปากยู่เข้าหากันเพื่อพ่นลมออกช้าๆพยายามผ่อนคลายตัวเองให้ได้มากที่สุด แต่ว่าพอจะก้าวขาลงจากชั้นสามเขากลับถูกคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน

     

    “.....” ฮยอกแจหันไปมองโดยไม่มีคำพูดใดๆ

     

    ก็ถ้ากูอยู่ใกล้ๆมึงกูก็ห้ามตัวเองไม่ได้! จะให้กูทำเหมือนกูไม่รู้สึกอะไรเลยกูทำไม่ได้หรอก!! แล้วสุดท้ายก็ไงล่ะ มึงก็มาด่าว่ากูงี่เง่า แล้วพอกูหนีมามึงก็มาตาม!....

     

    “.....” ฮยอกแจพยายามดึงแขนออกแต่ทงเฮกลับดึงให้ฮยอกแจเข้ามาหา แม้ไหล่จะแนบชิดอยู่กับตัวอีกฝ่ายแต่ฮยอกแจก็ยังพยายามจะดึงตัวออกห่าง ศอกทุ้งไปหาจนอีกฝ่ายเจ็บตัวอยู่หลายหน แต่ทงเฮก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

     

    แต่กูก็ดีใจที่มึงมาประโยคเบาๆที่เหมือนกับทงเฮไม่ได้อยากจะพูดออกมานั่นทำให้ฮยอกแจหันไปมอง ถอนหายใจก่อนจะใช้อีกมือที่ว่างอยู่ผลักหัวทงเฮด้วยความหมั่นไส้

     

    มึงอ่ะน่ารำคาญ!

     

    เออ!! กูก็รำคาญตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ!!พอโดนทงเฮตะคอกใส่มาแบบนั้นฮยอกแจเลยจัดการผลักหัวมันอีกรอบ

     

    ปล่อยซะทีดิฮยอกแจโวยและยื้อตัวเองอีกรอบ แต่ทงเฮกลับเปลี่ยนมาล็อคคอฮยอกแจไว้แทน

     

    แล้วมึงจะไปไหนห๊ะ!

     

    กลับไปเรียนไงโว้ยยยย เหลืออีกตั้งสองคาบ ปล่อยเลยไอ้บ้า! กูหายใจไม่ออก!!ฮยอกแจตีแขนที่พาดคอตัวเองรัวๆก่อนจะรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายผ่อนแรงลง

     

    มึงจะกลับไปเรียนทำเหี้ยไร ขยันมากเหรอฮยอกแจอ้าปากจะเถียงต่อ แต่ว่าก็ต้องก้มมองอีกแขนที่โอบเอวตัวเองเข้าไปหา

     

    ทะลึ่งละฮยอกแจพูดและเอามือตีที่แขนที่อยู่ที่หน้าท้อง ทงเฮอมยิ้มก่อนจะเกยคางตรงไหล่ แขนที่เคยจับล็อคคออีกฝ่ายเปลี่ยนมายึดไหล่อีกฝ่ายเพื่อโอบให้อีกคนเข้ามาแนบชิดมากขึ้น

     

    กูห้ามไม่ให้ตัวเองไม่ได้จริงๆว่ะ

     

    กูห้ามมึงแทนอยู่นี่ไงฮยอกแจพูดขัด ก้มลงแงะมือปลาหมึกที่มารัดตัวออก แต่ไอ้ปลาหมึกที่ว่ามันกลับออกรงรัดแน่นเสียเหมือนกับจะห้ามปรามไม่ให้เขาต่อต้าน

     

    มึงอย่าชอบมันนะ

     

    ใคร..

     

    ไอ้เด็กนั่นน่ะฮยอกแจเม้มปากแน่นกับคำตอบและทุ้งศอกเพื่อบอกให้ทงเฮปล่อยออก

     

    กูขอร้อง…” ทงเฮก้มหน้าลงซบกับไหล่เล็กและพูดเหมือนกับพึมพำอยู่คนเดียว

     

    “.....”

     

    มึงไม่ต้องชอบกูก็ได้ กูไม่สนหรอก...

     

    “.....”

     

    แต่มึงอย่าเพิ่งมีใครเลยนะ...




     

     

     

     

     

     

     

    ฮยอกแจนั่งหน้ามุ่ยอยู่ในห้อง ขณะที่ทงเฮกำลังอมยิ้มและมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าบึ้งตึงนั่นทำให้เผลอเอื้อมมือไปเพื่อดึงแก้มอีกฝ่าย แต่ฮยอกแจก็เอามือมาฟาดหัวของเขาเสียก่อน

     

    ลามปาม

     

    ครับๆๆๆๆทงเฮพูดและเอนฟุบตัวลงไปนอนทับแขนตัวเอง มือข้างนึงยื่นไปสุดตัวจนคว้ามือฮยอกแจที่วางอยู่อีกฝั่งของโต๊ะมาจับไว้ได้ ฮยอกแจก้มมองก่อนจะส่ายหน้าระอาเพราะทงเฮมันหลับตาลงแกล้งหลับไปเสียก่อน  ฮยอกแจนอนฟุบลงไปอีกทางโดยที่จ้องมองมือที่จับกันไว้ อีกมือที่ว่างอยู่เลื่อนขึ้นมาวางที่หน้าอกด้านซ้าย ค่อยๆหลับตาช้าๆเพื่อหวังจะลบความสับสนในหัวที่ได้ แต่ยิ่งเวลาผ่านเลยไปนานเท่าไหร่ เสียงในนี้มันกลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงเมื่อทบทวนสถานการณ์ตอนนี้

     

     

    มันใช่ว่าเขามานี่เพื่อง้อมัน แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้...

     

     

    ฮยอกแจยันลุกขึ้นเมื่อได้ยินสัญญาณบอกหมดเวลาในการเล่าเรียนคาบสุดท้าย ถอนหายใจยาวก่อนจะค่อยๆดึงมือออกช้าๆและนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่รอยยิ้มจางๆที่ริมฝีปากของทงเฮนั้นจะเลือนหายไป

     

    กลับบ้านกันฮยอกแจเอามือที่เคยจับกันไว้ไปดึงแก้มทงเฮเพื่อบอกให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมา

     

    มึงแม่ง...ทงเฮเหมือนจะบ่นอะไรออกมาแต่ก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นไปก่อน มือทั้งสองข้างนั้นสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออย่างวางท่า ฮยอกแจมองตามก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ เดินตามออกไปและส่งยิ้มให้อีกรอบ ทงเฮหันมาค้อนใส่และจบด้วยการเอามือมาผลักหัวกลมๆนั่นให้ออกไปห่างตัว

     

    เออ ผลักแล้วอย่ามาจับกูไปใกล้อีกล่ะ ไม่ยอมแล้วบอกเลยทงเฮหลุดขำออกมาก่อนจะหยุดเดินและแบมือมาด้านข้าง

     

    “อะไร” ฮยอกแจถามหน้ามึน

     

    “ก็ลองพิสูจน์อยู่นี่ไงว่ามึงจะไม่ยอมจริงไหม”

     

    “โอ้วโหว กล้าาาา” ฮยอกแจลากเสียงยาวก่อนจะหัวเราะเมื่อทงเฮทำหน้าบึ้งไม่พอใจเพราะฮยอกแจไม่ยอมยื่นมือมาจับด้วยจริงๆ ฮยอกแจหัวเราะและเดินออกไปก่อนปล่อยให้อีกคนเดินตามมาเอง

     

     

    หลังจากขึ้นไปเอากระเป๋าบนห้องและโดนแซวเรื่องง้องอนของคู่สามีภรรยาแล้วทั้งฮยอกแจและทงเฮก็แทบจะขุดดินมุดหนีออกมา เพราะเพื่อนทั้งหลายมันดูจะสงสัยมากว่าพวกเขาหายไปไหนกันมาตั้งสองสามชั่วโมง

     

    “อีพวกนั้นแม่งประสาทว่ะ” ฮยอกแจบ่นและลูบแขนตัวเองไปด้วย จริงๆแล้วเขาก็ควรจะเลิกรู้สึกขนลุกเวลาที่เพื่อนๆเขาแซวอะไรแบบนี้แล้วแหละ แต่พอมองหน้าทงเฮแล้วมันก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ มันไม่ใช่ว่าเขาชอบ แต่เขารู้สึกดีที่มีมันอยู่ด้วย ถึงจะรู้ว่ามันชอบมานานแล้วแต่ก็ไม่ได้รังเกียจ จนถึงตอนนี้เวลาที่มันแสดงท่าทีเอาใจหรือแสดงออกว่ากำลังจีบอะไรแบบนั้น มันก็เขินอยู่นิดๆแหละ

     

     

    แบบนี้มันก็อาจจะเรียกว่าหวั่นไหว...อืม...คงใช่มั้ง

     

     

    “จะจับทำไม” ฮยอกแจร้องท้วงเมื่ออยู่ดีๆทงเฮก็คว้ามือเขาไปจับไว้

     

    “อยากจับ” ฮยอกแจทำหน้าเอือมใส่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อหลุดจากความคิดในหัวก็เลยได้สังเกตรอบตัวบ้าง ที่หน้าโรงเรียน มีใครอีกคนที่ยืนพิงรั้วรอเขาอยู่  กระเป๋าถือถูกวางอยู่ปลายเท้าก่อนอีกคนจะหยิบมันขึ้นมาถือไว้ข้างตัว สายตานั้นจ้องมองเพียงฮยอกแจและนั่นทำให้ฮยอกแจขืนดึงมือออกจากมือที่กุมแนบแน่น

     

    “ทงเฮ”

     

    “ทำไม...” ทงเฮพูดเสียงเข้มและยึดมือนั้นไว้แน่นขึ้น สายตาดุๆและแรงที่กระชากให้เดินตามไปนั่นทำให้ฮยอกแจชักสีหน้าไม่พอใจ

     

    “คือ...” ฮยอกแจตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ข้อมืออีกฝั่งกลับถูกคว้าไปจับไว้

     

    “มาช้า” คยูฮยอนพูดมาแค่นั้นและนั่นทำให้ฮยอกแจถึงกับพูดไม่ออก ทงเฮหันมามองเมื่อฮยอกแจไม่ยอมเดินตามมา ใช้มือที่จับไว้พยายามดึงให้ฮยอกแจก้าวออกมาจากโรงเรียนแต่ฮยอกแจกลับเอาแต่ยืนนิ่ง ทั้งที่ทงเฮก็มองออกว่าที่ไอ้เด็กนั่นจับไว้มันไม่ได้รุนแรงเพียงพอจะรั้งมันไว้ได้เลย

     

    “กลับบ้านกัน” ทงเฮพูดและกระชับมือที่จับไว้แน่นขึ้น

     

    “ปล่อย..” ฮยอกแจพูดเสียงเบาก่อนจะแค่นยิ้มออกมานิดๆ เพราะรู้ว่าที่ตัวเองพูดไปนั่นมันไม่ได้ระบุตัวบุคคลถึงไม่ได้มีใครยอมปล่อยมือเลยสักคน

     

    “ปล่อยเหอะ” ฮยอกแจหันไปพูดกับทงเฮ

     

    “ฮยอกแจ!” ทงเฮตะคอกเรียกเพื่อนเสียงดังเมื่อฮยอกแจบิดข้อมือตัวเองออก

     

    “กูนัดน้องเขาไว้แล้ว”

     

    “แล้วกูล่ะ...”

     

    “มึงก็กลับบ้านไปก่อนสิ” ฮยอกแจพูดเหมือนกับไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ว่าตอนที่มองหน้าทงเฮมันกลับรู้สึกจุกๆที่หน้าอกจนแทบจะพูดออกมาไม่ได้

     

    “ถ้ามึงจะทำแบบนี้ ทีหลังก็ไม่ต้องไปตามกูหรอกนะ แม่งเสียเวลาเปล่าๆ เอาเวลาที่แสนมีค่าของมึงไปมีความสุขที่อื่นเหอะ อยากไปไหนก็ไป” ทงเฮพูดและหมุนตัวเดินออกไปในทันที

     

    “ทงเฮ!” ฮยอกแจที่ยืนนิ่งมานานก้าวไปหาหลังจากได้ฟังคำพูดแต่ละคำตอกย้ำไป แต่คยูฮยอนกลับรั้งตัวไว้

     

    “ปล่อยไปก่อนเถอะ”

     

    “แต่...”

     

    “เดี๋ยวก็ร้องไห้จนได้” ฮยอกแจหันมองก่อนจะสะดุ้งเมื่อมือนั้นเอื้อมมือวางลงบนแก้ม

     

    “ไปกินไอศกรีมกันนะ” ฮยอกแจเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้ารับ

     

    “......อืม” ถึงจะตอบรับไปแบบนั้นแต่มันก็อดหันไปมองทางด้านหลังที่ใครคนนั้นเดินจากไปไม่ได้อยู่ดี...

     

     

     

     

     

     

     

     

    คยูฮยอนหันมองฮยอกแจเป็นระยะแต่ว่าอีกคนกลับเอาแต่ซึมอยู่กับความคิดของตัวเอง คยูฮยอนสะกิดไหล่เมื่อเดินถึงร้านไอศกรีมแต่ฮยอกแจกลับทำท่าจะเดินเลยไป

     

    “อ่า.. ถึงแล้วเหรอ”

     

    “อืม” คยูฮยอนตอบรับสั้นๆและเป็นฝ่ายดันไหล่นั้นให้เดินเข้าไปก่อน ฮยอกแจถอนหายใจทีนึงก่อนจะเข้าไปในร้าน การเลือกที่นั่งตกเป็นหน้าที่ของฮยอกแจและคยูฮยอนก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อฮยอกแจเลือกจะไปนั่งอยู่ตรงมุมอับของร้านแทนที่จะเป็นที่ๆใกล้บานหน้าต่างที่สามารถมองเห็นวิวอะไรได้บ้าง

     

    “เลือกที่ตามอารมณ์เลยสินะ”

     

    “หือ?” เหมือนฮยอกแจจะไม่ได้ตั้งใจฟังที่คยูฮยอนพูดเท่าไหร่นัก แต่นั่นก็ถือว่าดีแล้วล่ะ ประโยคกัดจิกแบบนั้นมันจะทำลายภาพลักษณ์อยู่เหมือนกัน

     

    “ไปสั่งเลยก็ได้นะ” ฮยอกแจลุกขึ้นเพื่อเดินนำไปที่เคาว์เตอร์

     

    “ฮยอกแจจะเอาอะไร”

     

    “ไอซ์ช็อกโก้อย่างเดียวก็ได้ คยูฮยอนล่ะ”

     

    “ไอซ์ช็อกโก้2ที่ครับแล้วก็อินจอลมิซอลบิงครับ” คยูฮยอนไม่ได้ตอบฮยอกแจแต่กลับหันไปสั่งออเดอร์กับพนักงานแทน

     

    “ไหนบอกจะกินไอศกรีมล่ะ”

     

    “มันก็เหมือนๆกัน” ฮยอกแจส่ายหน้าก่อนจะรีบยกมือห้ามเมื่อคยูฮยอนล้วงกระเป๋า

     

    “เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”

     

    “ฮยอกแจก็จ่ายสิ” ฮยอกแจยิ้มออกมานิดๆเพราะดูจากเมื่อกี้แล้วคยูฮยอนคงแค่จะเอามือใส่เข้าไปในกระเป๋าเฉยๆไม่ได้มีเจตนาอยากจะจ่ายเงินหรอก

     

    “ยิ้มแล้วน่ารักกว่าเยอะ” คยูฮยอนพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะไม่ใช่แค่ที่ฮยอกแจยิ้มเพราะตัวเองทำพลาดไปเมื่อกี้แต่ว่าคนตัวเล็กนั่นต้องหันไปยิ้มให้พนักงานที่ทอนเงินให้ด้วย

     

    “หือ?”

     

    “ผมชมว่าฮยอกแจน่ารัก” คยูฮยอนพูดออกมาตรงๆและนั่นทำให้ฮยอกแจต้องอมยิ้มอีกรอบ

     

    “รีบไปนั่งเลยไป” ฮยอกแจใช้เครื่องเรียกที่ได้มาจากพนักงานตีไปที่คยูฮยอนและผลักให้อีกคนเดินไปที่โต๊ะ กลับมานั่งที่โต๊ะได้ฮยอกแจก็เข้าภาวะเดิมเพราะคยูฮยอนเอาแต่จ้องหน้าเขาตลอด

     

    “อย่ามองจ้องได้ไหม มันเกร็งนะ” คยูฮยอนไม่ตอบแต่กลับอมยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะลุกออกไปเมื่อเครื่องกลมบนโต๊ะมันเริ่มสั่นเรียก ฮยอกแจมองตามก่อนจะหันกลับมาถอนหายใจแรงๆสักที

     

    “บิงซูรออีกแปปนึง” ฮยอกแจพยักหน้ารับและคราวนี้ก็กลายเป็นความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง

     

    “ตาฮยอกแจแล้ว” ฮยอกแจย่นคิ้วนิดๆแต่ก็ยอมหยิบเครื่องเล็กๆที่เอาแต่สั่นเตือนเมื่อได้รับออเดอร์ตามที่สั่งไว้ หันมองที่โต๊ะเป็นพักๆก่อนจะเห็นคยูฮยอนหยิบเอากระดาษที่รองแก้วฝั่งของเขาไปเขียนอะไรบางอย่าง

     

     

    เด็กนี่บางทีก็ประหลาดจนน่าแปลกใจ แต่บางทีกลับดูง่ายเสียจนน่าเอ็นดูเหมือนกันนะ

     

     

    “เอาอะไรไปเล่น” ทันทีที่มาถึงโต๊ะและวางบิงซูที่สั่งลงบนโต๊ะ ฮยอกแจก็ทำท่าจะหยิบกระดาษรองแก้วมาดูแต่คยูฮยอนกลับทาบมือลงบนนั้นเสียก่อน

     

    “แอบมองกันตลอดเลยเหรอ”

     

    “ห๊ะ?”

     

    “ละสายตาจากผมบ้างก็ได้นะ” ฮยอกแจหลุดหัวเราะก่อนจะเอามือเขกหัวคยูฮยอนอย่างไม่จริงจังนัก

     

    “พอเลยๆ กินไป” คยูฮยอนอมยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือออกจากกระดาษรองแก้วนั้น เพราะมั่นใจแล้วว่าฮยอกแจจะยังไม่เปิดมันในตอนนี้

     

    “อร่อยไหม” ฮยอกแจมองคยูฮยอนที่เริ่มตักบิงซูตรงหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อยและถามออกมาก่อนจะหลุดขำและส่งกระดาษทิชชู่ให้เพราะผงถั่วนั่นเริ่มเลอะตามมุมปากอีกฝ่ายแล้ว

     

    “กินด้วยกันสิ” คยูฮยอนพูดและรับกระดาษทิชชู่นั้นมาซับปาก ฮยอกแจพยักหน้ารับและหยิบช้อนของตัวเองมาเพื่อเริ่มกินบ้าง

     

    “เป็นไง”

     

    “ก็ดี” ฮยอกแจอมยิ้มและมองคยูฮยอนที่ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างน่าเอ็นดู เท้าคางมองก่อนจะสะดุ้งเมื่อคยูฮยอนเงยหน้ามามอง

     

    “ผมรู้แล้วว่าเวลาโดนจ้องมันเกร็งจริงๆ...” ฮยอกแจหลุดขำก่อนจะก้มหน้าลงกินบิงซูในถ้วยอีกครั้ง คยูฮยอนยิ้มตามก่อนจะเป็นฝ่ายจ้องมองอีกฝ่ายบ้าง แต่ว่าเพียงแค่ช่วงเวลาผ่านไปไม่นาน รอยยิ้มของฮยอกแจก็ค่อยๆหายไป ช้อนที่เคยตักปุยน้ำแข็งเข้าปากก็กลายเป็นเขี่ยปุยสีขาวในถ้วยไปมาเท่านั้น

     

    “เขาคงอารมณ์ดีขึ้นแล้วมั้ง ลองโทรหาดูสิ... หรือจะไปหาที่บ้านก็ได้นะ เดี๋ยวผมไปส่ง” ฮยอกแจละสายตามามองคยูฮยอนอีกครั้ง

     

    “หมายถึงทงเฮเหรอ” ฮยอกแจถามออกมางงๆ

     

    “อืม” คยูฮยอนพยักหน้ารับในทันที

     

    “มาพูดแบบนี้ ไม่กลัวฉันจะไปคบกับมันเหรอ” ฮยอกแจถามตรงๆออกมา คยูฮยอนแค่นยิ้มก่อนจะยักไหล่

     

    “ไม่”

     

    “นี่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเนี่ย” ฮยอกแจถามด้วยความแปลกใจ

     

    “ที่บอกว่าไม่ ผมหมายถึงไม่เป็นไร”

     

    “.....”

     

    “เคยบอกแล้วนิ ผมไม่ชอบเห็นฮยอกแจทำหน้าแบบนี้”

     

    “....” ฮยอกแจค่อยๆยิ้มออกมาทีละนิดค่อยๆทบทวนสิ่งที่ได้ยินก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นคยูฮยอนส่งยิ้มมาให้เหมือนกัน

     

    “พอเห็นผมเป็นคนดีขนาดนี้ก็เริ่มหนักใจแล้วล่ะสิ”

     

    “นี่เล่นตลกหน้าตายบ่อยใช่ไหมเนี่ย” ฮยอกแจพูดปนขำ แต่คยูฮยอนกลับส่ายหน้า

     

    “ปกติไม่นะ แต่ถ้าเล่นแล้วฮยอกแจยิ้มก็โอเค”

     

    “จ้า...” ฮยอกแจตอบรับก่อนจะหัวเราะออกมา และเพราะทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มก็เริ่มทำให้บรรยากาศดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากเลยทีเดียว

     

    “เปิดดูเลยก็ได้นะ เพราะเราจะออกจากร้านแล้ว”

     

    “หมายถึงใบที่6?” คยูฮยอนพยักหน้ารับและชี้ไปที่กระดาษรองแก้วของฮยอกแจ

     

    “รู้แล้วว่าอยู่นี่น่ะ” ฮยอกแจพูดและยกแก้วของตัวเองขึ้นก่อนจะพลิกกระดาษนั้นขึ้นมาอ่าน

     

     

    ลำดับที่หก – จับมือผมสิ

     

     

    “.....” ฮยอกแจเงียบนิ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบกับคยูฮยอนที่ยืนอยู่ มือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนกับทุกครั้ง

     

    “ไม่ได้เหรอ” ฮยอกแจยิ้มก่อนจะส่ายหน้า มือเอื้อมขึ้นไปหาก่อนมือทั้งสองจะประสานเข้าหากัน ฮยอกแจลุกขึ้นตามแรงดึงก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับคยูฮยอน

     

    “จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” ฮยอกแจถามออกมาเพราะว่าเดินออกมาจากร้านได้สักพักแล้ว แต่คยูฮยอนกลับไม่พูดอะไรเลย ก็ไม่ใช่ว่าอึดอัดหรอกนะ แต่มันรู้สึกเขินๆยังไงก็ไม่รู้ อยู่ๆก็มาให้เดินจับมือกันไปเรื่อยๆแบบนี้

     

    “เช่น?”

     

    “ก็.... เดี๋ยวนะ” ฮยอกแจทำท่าจะพูดแต่ก็ต้องยิ้มกว้างและเดินไปดักหน้าคยูฮยอนไว้

     

    “คยูฮยอนก็น่ารักดีนะ” เป็นอีกครั้งแล้วที่ฮยอกแจเห็นคยูฮยอนแก้มแดงแบบนี้

     

    “มาน่ารักอะไรล่ะ” คยูฮยอนพูดปัดและรีบเดินเบี่ยงตัวหนีไป ฮยอกแจหลุดขำก่อนจะดึงมือเพื่อรั้งให้เดินช้าลงอีก คยูฮยอนหันมามองและยอมชะรอจังหวะการเดินของตัวเองเพื่อให้ได้เดินไปพร้อมกัน

     

    “คยูฮยอนกลับบ้านยังไง” ฮยอกแจพูดทักเมื่อเดินมาถึงถนนที่ดูคุ้นเคยมากๆ จำได้ว่าถ้าเลี้ยวขวาตรงนี้ไปก็ถึงทางเข้าหมู่บ้านของทงเฮแล้ว ตอนมานี่เขาก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่าขึ้นรถเมล์สายไหนมา เดินตามคยูฮยอนอย่างเดียวเลย

     

    “เดี๋ยวไปส่งฮยอกแจขึ้นรถเมล์ก่อนแล้วค่อยเดินกลับมา” ฮยอกแจพยักหน้ารับและก้าวถอยหลังเมื่อคยูฮยอนดึงตัวเข้าไปหา

     

    “หรือต้องไปส่งถึงบ้าน”

     

    “แค่รอรถเมล์เป็นเพื่อนก็พอ” คยูฮยอนอมยิ้มและพยักหน้ารับ ซึ่งฮยอกแจก็ได้แต่มองด้วยความสงสัย จนกระทั่งที่รถเมล์เคลื่อนตัวมาใกล้ คยูฮยอนก็เป็นคนก้าวนำไปก่อน

     

    “สรุปจะไปส่งเหรอ” คยูฮยอนไม่ได้ตอบแต่กลับยื่นมือที่จับกันไปด้านหน้าราวกับบอกให้ฮยอกแจก้าวขึ้นไปก่อน ฮยอกแจขมวดคิ้วไม่เข้าใจแต่ก็ต้องก้าวขึ้นรถเมล์ไปก่อน

     

    “เอ้ย!” ฮยอกแจร้องลั่นเมื่ออยู่ๆก็โดนดึงมือกลับไปด้านหลัง รีบพลิกตัวตามแรงเหวี่ยง มือข้างนึงที่ว่างอยู่ยึดไหล่ของคนด้านล่างไว้พร้อมกับเบิกตาโพลงเมื่อมองเห็นใบหน้าอีกฝ่ายในระยะประชิดจนน่ากลัว คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมาและนั่นทำให้ริมฝีปากนั้นอยู่ห่างจากริมฝีปากของฮยอกแจเพียงไม่กี่เซนเท่านั้น

     

    “เล่นอะไรไม่รู้เรื่องนะ!” ฮยอกแจรีบเด้งตัวออกห่างและจับราวที่ประตูรถเมล์ไว้

     

    “งั้นคราวหน้าไม่เล่นแล้วก็ได้” คำพูดกำกวมแบบนั้นทำให้ฮยอกแจรู้สึกหน้าร้อนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

     

    “นะ..นี่!!

     

    “เดี๋ยวก็โดนประตูหนีบหรอก” คยูฮยอนพูดทักและชี้นิ้วไปด้านหลังฮยอกแจ แววตาของคนทั้งคันนั้นก็ทำให้ฮยอกแจแทบอยากจะรีบวิ่งลงจากรถเสียเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ติดว่าข้างล่างมีคยูฮยอนอยู่ล่ะนะ

     

    “ตัวแสบ” คยูฮยอนยิ้มรับก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกลา

     

    “คำชมสินะ” ฮยอกแจหลุดขำพอดีกับที่ประตูรถเมล์เริ่มปิดกั้นเขาและคยูฮยอนไป รถเมล์เริ่มเคลื่อนตัวทั้งที่ฮยอกแจยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู

     

     

    เมื่อกี้ที่โดนดึงไประหว่างเดินขึ้นรถจะว่ามันอันตรายก็จริงอยู่หรอก แต่มันก็โกรธไม่ลงแหะ...

     

     

    ก็แค่เด็กมันซนไม่เข้าเรื่องเท่านั้นเอง...

     

     

     

    **********************



    เหมือนฟิคเฮอึนแล้วคยูฮยอนเป็นตัวประกอบยังไงชอบกล ฮรื่อออออออออ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×