02 : #ค่ายเจ็ดจีฮุน
____________________
7DAYS ค่ายนี้ฮุนขอ
ตุบ
กระเป๋าสีดำสำหรับใช้เดินทางสองใบถูกปล่อยทิ้งลงพื้นอย่างไร้เยื่อใย ผมสะบัดมือที่ขึ้นเส้นริ้วสีเเดงจากการดันทุรังยกมันลงมาจากตึกเรียน นับว่าเป็นความซวยโดยเเท้ ที่ลืมส่งใบลาจนต้องวิ่งไปห้องอาจารย์อีกฟากตึก กว่าจะถึงจุดรวมพลที่รถตู้มาจอดรอก็เล่นเอาอยากทิ้งตัวลงนอนเเผ่มันเสียกลางลานหน้ามหาลัย
เเต่นั่นก็เป็นความฝันล่ะครับ
เรื่องจริงผมทำได้เพียงกองของทิ้งไว้ตรงนั้นเเล้วเดินแหวกฝูงชนเพื่อไปเซ็นใบรายชื่อเช็กจำนวนคนมาในโครงการของค่าย กว่าครึ่งของคนกลุ่มนี้ผมเชื่อว่าไม่ได้มีจิตใจอาสาเพื่อส่วนรวมอะไรกันขนาดนั้นหรอก เเต่น่าจะมาเพราะไม่อยากทำควิซเก็บคะเเนนมากกว่า
ที่ผมคิดเเบบนี้
เพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นนั่นเเหละ
"โอะ ขอบคุณครับ"
ปากกาด้ามสีน้ำเงินถูกส่งต่อกันมาจากด้านข้าง ผู้หญิงในชุดนักศึกษายิ้มให้ผมนิดๆเเล้วเดินออกไปกับกลุ่มเพื่อนที่รออยู่ ผมเดินเข้าไปหารายชื่อตัวเองเเล้วเซนต์อย่างไม่รีรอ ขณะกำลังคิดว่าจะเขียนเผื่อวอนอูไปเลยดีหรือเปล่า เสียงตะโกนเรียกชื่อเเว่วมาเเต่ไกลก็ทำให้ผมยั้งมือไว้ทันที
วอนอูวิ่งสับขาตุบตับมาทางผม พร้อมปล่อยกระเป๋าลงจากบ่าเหมือนที่ผมทำเป้ะๆเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
"โทษทีเข้าส้วมนาน โจ๊กอาเเปะเล่นฉันเกือบตาย"
ชายตัวสูงบ่นปากยื่นปากยาวพร้อมเอามือลูบๆท้องไปด้วยอย่างขอความสงสาร ผมได้เเต่ส่ายหัวเเทนคำตอบอย่างเอือมระอา เคยบอกไปเป็นสิบรอบเเล้วก็ไม่ยอมเชื่อสักที ว่าโจ๊กร้านนั้นมันเป็นยาถ่ายชัดๆ
"ไปเซนต์ชื่อไป จะได้รอขึ้นรถ"
ผมส่งปากกาต่อให้วอนอู หมอนั่นรับไปเเล้วเดินอืดอาดไปยังช่องเดียวกันกับที่ผมเพิ่งเดินออกมา
_
"รถเรามันคนน้อยๆจังเลยวะ"
เสียงทุ้มต่ำของเพื่อนสนิทถามพึมพำอยู่ข้างหู ผมหยุดกดโทรศัพท์เเล้วเงยหน้าขึ้นมองรอบตัว ที่นั่งในรถตู้ที่เราอยู่ถูกว่างเว้นไว้ 3-4 ที่ ในขณะที่คันอื่นดูจากจำนวนคนที่ทยอยอัดกันเข้าไปเเล้ว น่าจะนั่งได้เต็มพอดีจนถึงเบียดกันอย่างน่าอึดอัด
"เพราะชื่อเราอยู่หลังๆเเล้วเป็นเศษเปล่า"
"ทำมาบ่น พูดอย่างกับตัวเองชอบที่คนเยอะงั้นเเหละ"
สันหนังสือหน้าปกสีเหลืองอ่อนถูกใช้เป็นอาวุธเคาะเข้ากลางหน้าผากผม มีหรือจะยอม ผมฟาดมือกลับเป็นระบบอัตโนมัติคืนเเทบจะทันที เรียกเสียงจิ้ปากอย่างขัดใจดังออกจากปากอีกฝ่าย
"ขี้เกียจเถียงด้วยละ อ่านหนังสือหาความรู้ดีกว่า"
เเว่นสายตาที่เกี่ยวกับกระเป๋าเสื้อนักศึกษาถูกดึงมาใส่ เห็นมันติดเกมส์เเบบนี้เอาจริงๆเเล้วหมอนี่เป็นหนอนหนังสือชั้นเยี่ยมเลยล่ะ ผมมักจะขอให้วอนอูเล่าสรุปหนังสือหลายๆเรื่องที่ไม่มีโอกาสได้อ่านอยู่บ่อยๆ ตาของวอนอูจะเป็นประกายทุกครั้งที่ผมบอกว่าสนใจเรื่องที่มันชอบ เเม้จะเล่าได้เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เเต่ก็สนุกดี
"เดี๋ยวฉันนอนละ ถ้าเเดดมาดึงม่านให้ด้วย"
ผมสั่งคนข้างกายไว้ก่อนจะตั้งอกตั้งใจกับเป้าหมายที่บอก หูฟังสีดำเส้นใหม่ถูกหยิบออกจากกระเป๋ากางเกง ผมนั่งก้มหน้าเเกะขดเส้นที่มันยุ่งเหยิงเเล้วเสียบมันเพื่อใช้เป็นทางผ่านของเสียงดนตรีอย่างทุกครั้ง เสียงกีต้าร์ขึ้นคลอกับเสียงหวานละมุนของนักร้อง เพลงรักที่ฟังบ่อยในช่วงนี้ ความหมายง่ายๆเเสนตรงไปตรงมาทำให้ผมหลับตาได้อย่างสบายใจ
เจอกันอีกทีปลายทางเลยเเล้วกันนะ
ผมนอนก่อนล่ะ
_
"เชี่ย ยังไม่ถึงอีกเหรอวะ"
ผมตื่นเป็นรอบที่สี่ เเล้วหันหน้าหาวอนอูที่นั่งหน้าตึงไม่ต่างกัน เราทั้งคู่สลับกันหลับรอบเเล้วรอบเล่า เรียกได้ว่านอนจนพลังงานเต็มหลอด นอนจนไม่รู้จะนอนต่อยังไง ปลายทางก็ยังคงไร้วี่เเวว
สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ มีบ้านคนกระจายอยู่ประปราย ถ้าทอดตามองไปไกลๆตอนนี้เหมือนกับว่ากำลังอยู่บนถนนที่ตัดบนภูเขา รถตู้ถูกเลี้ยวตามโค้งไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ ความเวียนวนของเส้นทางทำเอาผมชักพะอืดพะอม ขนาดไม่ค่อยเมารถ พอเจอเเบบนี้ร่างกายยังยกธงขาวให้เลย
"มีเเววโดนอาจารย์หลอกเราไปขายเเลกควิซชัวร์"
วอนอูว่าพลางวางหนังสือเล่มที่สองลงบนตัก ผมเห็นเเล้วก็ได้เเต่อึ้งที่มันก็ทนอ่านได้ทั้งที่รถขับได้วิงเวียนเบอร์นี้ เเม้จะรู้มาอยู่เเล้วว่าค่ายมันต้องอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพร เเต่ไม่คิดว่าจะเข้ามาลึกถึงขนาดนี้
"พี่คนขับครับ อีกนานไหมครับกว่าจะถึง"
ผมลุกขึ้นจากที่นั่งเเล้วเอ่ยถามอย่าอดไม่ได้ ภาพสะท้อนคนขับเงยหน้ามองผ่านกระจกมายังผม ก่อนจะบอกให้ใจเย็นๆ ใกล้เเล้วอีกสิบโค้งก็ถึง ผมจึงนั่งลงเตรียมนับตามมามันจะสิบจริงหรือเปล่า
ได้ยินว่าใกล้ก็เริ่มสุขใจขึ้นมาบ้าง
นั่งจนเมื่อยตัวไปหมด ผมอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกจนเต็มกลืน
_
"เเปดโค้ง"
"เก้าโค้ง"
"สิบ!! อุ่ก!"
จู่ๆถนนก็เป็นหลุมบ่อจนรถโยกไปมา หัวของผมกระเเทกโขกกับหน้าต่างจนเสียงดังโป๊กเพราะมนุษย์วอนอูเบียดจนตัวเเทบบี้เป็นหนึ่งเดียวกับรถ ชายที่ปรับสถานะร่างกายตัวเองให้เป็นของเหลวยังไหลไปซ้ายทีขวาทีอย่างไม่สะทกสะท้านต่อความผิดที่ได้ก่อ
"โฮ้ ถึงเเล้วมั้งนั่น"
วอนอูยกหัวขึ้นจากไหล่ผมเสียทีเมื่อเเรงโงนเงนลดน้อยลง ผมไล่สายตาเก็บกวาดรายละเอียดนอกกระจก ป้ายชื่อโรงเรียนขนาดกลางดูทรุดโทรมควรค่าเเก่การบำรุง เมื่อรถเลี้ยวเข้าไปด้านในมองเห็นตัวอาคารสี่ห้าหลังค่อนข้างเก่า เเละบางหลังก็เป็นอาคารไม้
ที่นี่มันดูป่าๆ เขาๆ เก่าๆ โล่งๆยังไงก็ไม่รู้
"เอ้า ลงได้"
"รถตู้จะกลับมาอีกทีวันสุดท้าย ขนกระเป๋าลงไปกันเลยนะครับ"
คนขับรถว่าพลางชะโงกหน้าบอกคนในรถ พวกเราต่างทะยอยลงไปต่อคิวรับสัมภาระมาไว้กับตัว
เมื่อได้ก้าวขาลงจากรถ ทุกความเมื่อยที่สั่งสมก็พรั่งพรูจนเล่นเอาผมต้องยืนทั้งทุบทั้งนวดขาตัวเอง ส่วนวอนอูยืนนิ่งไปเเล้ว เห็นว่าเหน็บกินขาขวาอยู่ ขยับไปไหนไม่ได้เฉย
"หึหึ เหน็บกินต้องโดนดี"
ขณะที่ผมกำลังจับขาวอนอูตรงที่โดนเหน็บครอบครองไว้เพื่อเเกล้งให้มันทุรนทุรายกับความเจ็บปวด ชายตัวสูงผิวเข้มหน้าตาจัดว่าคมคนหนึ่งก็วิ่งมาทางกลุ่มรถที่จอดเรียงกัน เขายกมือสองข้างที่ป้องปากเเเล้วตะโกนเสียงดังด้วยท่าทีเร่งรีบ
"เด็กจากมหาลัยที่ตามมาสมทบใหม่ ช่วยเข้าประชุมรวมด้วยครับ!"
ผมเดินตามคนหมู่มากที่พากันมากองอยู่หน้าอาคารไม้หลังหนึ่งซึ่งดูคล้ายๆที่พักเวลาเข้าค่ายตอนเด็ก เหล่าคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนยืนรวมกลุ่มย่อมๆโดยมีใครบางคนที่น่าจะเป็นผู้นำอยู่ตรงกลาง ชายคนนั้นกำลังพูดเรื่องความผิดพลาดที่ทำให้ถูกผู้ใหญ่ดุด่าเมื่อคืนที่เเล้วด้วยสีหน้าจริงจัง
พวกเราที่เพิ่งตามมามองหน้ากันงงๆ เพราะไม่รู้ว่าค่ายถูกรันไปด้วยเด็กจากมหาลัยอื่น เเละเราเป็น ม. สุดท้ายที่ตามมาสมทบร่วม เลยดูสดใสนอนเต็มอิ่มหน้าตาสดชื่นกว่าคนที่นี่ที่ดูเบลอเเละโทรมจนคล้ายร่างซอมบี้ของเหล่านักศึกษาในช่วงสอบไฟนอล
"พี่โฮช ผมรวมอีก ม. มาละครับ คุยทีเดียวเลยพี่"
มนุษย์ผิวเข้มที่ไปต้อนพวกผมมาจนเหมือนกับสุนัขต้อนฝูงเเกะเอ่ยบอกชายตาชี้ข้างหน้า เขาหยุดพูดเรื่องที่จริงจังเมื่อครู่ก่อนจะหันมาหาทางฝั่งพวกผมเเล้วเริ่มเเนะนำตัว
"หวัดดีครับ ผมโฮชิ หรือจะเรียกโฮชก็ได้"
"อันนี้ ม. อะไรนะครับ"
"เอกชน X ครับ"
หนึ่งในคนจากรถตู้คันอื่นพูดตอบ
"อ่อ มิน่าล่ะ ดูขาวๆเป็นคุณหนูกันทั้งนั้นเลย"
ผมถอนหายใจกับท่าทางการกวาดสายตามายังนักศึกษาหญิงที่ยืนใกล้ผม เเม้จะดูเล่นๆทำขำเพื่อให้คนอื่นเเซวด่าเเต่มองปราดเดียวก็รู้เเล้วว่าหมอนี่ท่าทางจะขี้หลีไปเรื่อย
"อ่ะ เข้าเรื่องดีกว่า ผมขอโทษที่มันอาจจะกะทันหันนะครับ"
"เเต่เดี๋ยวเราต้องเเบ่งคนเป็นสี่ส่วน เพื่อกระจายไปโรงเรียนอื่นที่ค่ายกำลังจะล่มเพราะเขาบริหารงานกันห่วยน่ะ"
"ขอความร่วมมือเด็กเอกชน X เเบ่งกลุ่มกันด้วยนะครับ พวกผมเองก็ต้องเเบ่งคนไปเหมือนกัน"
เเล้วความจราจลย่อมๆก็เกิดขึ้น เกิดปรากฎการณ์ฉันต้องไปกับเธอ เธอห้ามพรากจากฉันกับเหล่าคนกลุ่มใหญ่ ผมกับวอนอูเหมือนยืนเป็นภาพ .jpg อยู่ตรงกลาง ก็มีสองคนเเค่นี้นี่หว่า เลยไม่ต้องลำบากอะไร
"ขาฉันเป็นเหน็บอีกเเล้วว่ะ"
วอนอูพึมพำลอดริมฝีปาก ผมเงยหน้ามองมันเเล้วทำหน้าเหมือนไม่รู้จะช่วยยังไง เลยยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเพื่อนมันอย่างไม่สนใจคนอื่นที่จับจองลงชื่อกันอย่างวุ่นวาย
เมื่อละความสนใจจากเพื่อนสนิทที่ขยันเป็นนั่นเป็นนี่อยู่ตลอด ผมก็สบตาเข้ากับดวงตาเล็กๆเเต่คมกริบคู่หนึ่งที่ไม่รู้มองมาทางนี้ตั้งเเต่เมื่อไหร่ เขายืนกอดอกจ้องต่ออีกสักพักจนผมเผลอขมวดคิ้ว เท่านั้นล่ะ อีกฝ่ายถึงเดินเข้ามาหา
ท่าทางคีพลุคเเสดงตัวเป็นหัวหน้าทำให้ผมไม่ชอบใจตั้งเเต่เเรกเจอ ยิ่งสรรพนามที่ใช้เรียกเเทนโดยไม่คิดจะถามชื่อมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าต้องได้ตีกับคนคนนี้เข้าสักวัน
"ผมชมพูกับเเว่น"
"ลงชื่ออยู่กลุ่มในโรงเรียนนี้เลย พวกนายดูนิ่งดี น่าจะทำงานด้วยเเล้วไม่น่ารำคาญ"
พูดจบก็ก้มหน้าก้มตาจดบนกระดาษที่ตัวเองกำลังถือ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็ปะทะเข้ากับหน้าผมที่เเสดงสีหน้าสงสัยเต็มกำลัง กระดาษใบนั้นถึงถูกชูให้ดูใกล้ๆ เเล้วก็พบว่ารายชื่อลำดับที่ 1 คือ 'หัวชมพู เอกชน X' ส่วนลำดับที่ 2 ก็ไม่ต้องสืบ 'เเว่น เอกชน X' ตามหลังมาติดๆ
ผมเเละวอนอูได้เเต่ยืนมองเขาค่อยๆเดินหาคนเข้ากลุ่มตัวเองต่อด้วยความอึ้งใจ
TBC
_______
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย