คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เปิดกระดาน
เปิดกระดาน...
บางที... การเดินไปในเส้นทางที่เราไม่รู้จัก อาจจะทำให้เราเจอกับสถานที่แห่งใหม่ที่น่าสนุกก็เป็นได้...
ในวันแรกของภาคการศึกษาใหม่ เซราห์เริ่มต้นด้วยการทักทายกับเพื่อนใหม่และเพื่อนเก่าทั้งวัน
“ว่าไงจ๊ะ~ เซราห์~ ปีนี้ก็ได้อยู่ห้องเดียวกันแล้วน้า~” เสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของเสียงที่โถมเข้ามากอดอย่างรักใคร่ ข้างๆกัน เด็กหนุ่มอีกคนก็เดินมาทักทายด้วยรอยยิ้ม
“นี่... ไปกอดแน่นอย่างนั้นเดี๋ยวเซราห์หายใจไม่...” แล้วเขาก็โดนหมัดของเพื่อนสาวเข้าแกมจนพูดไม่ออก
“แหม~ นายเนี่ยยังไม่รู้จักวิธีแสดงความดีใจของสาวๆอยู่ดีละนะ” เนียร์ถอนหายใจ ยังกอดเซราห์ที่ยังคงทำตัวไม่ถูกไม่ปล่อย “แย่จังเลยอุตส่าห์ยอมให้เป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก น่าจะรู้กันบ้างนะ...” เธอว่าแล้วทำท่าเสียใจ “อย่างนี้โดนอีกสักสองสามหมัดดีกว่า” แล้วเนียร์ก็เข้าไปต่อยเพื่อนชายอีกสองสามหมัดตามที่พูด
“นะ นี่... พอเถอะ...” เซราห์ก็ยังคงทำตัวไม่ถูกกับการกระทำของเพื่อนทั้งสองเหมือนเดิม...
ทั้งเนียร์ ทั้งพอล... ยังเหมือนเดิมเลย...
เป็นสิ่งที่เธอยิ้มกับมันในวันนี้...
“บ๊าย~ บาย~ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ!” เนียร์โบกมือให้เซราห์เมื่อเดินมาถึงทางแยก เซราห์โบกมือลาตอบแล้วหันหลังให้เพื่อนทั้งสองเดินไปบนเส้นทางกลับบ้านปกติ
ช่างแย่เสียจริงที่เส้นทางของเธอมีอุปสรรคเล็กน้อย
“วางท่อหรอ...” เธออ่านป้ายอย่างเหนื่อยหน่าย “ต้องผ่านสวนสาธารณะอีกแล้ว...” เซราห์หันไปเดินอีกทาง ก้าวข้ามรั้วกั้นเหล็กเล็กๆเข้าไปในสวนไม่ใกล้ไม่ไกล
ตะวันคล้อยแล้วสวนสาธารณะที่ยังมีผู้คนใช้งานอยู่เริ่มมีเงาสีทองแดงจากฟ้าทอดลงมา เด็กตัวเล็กๆวิ่งไล่กันสนุกสนานหลังโรงเรียนเลิกโดยมีพ่อแม่คอยดูอยู่ห่างๆ บ้างก็เข็นรถเข็นเด็กออกมาพบปะคุยกันตามประสา หรือไม่ก็จะเห็นคนวิ่งออกกำลังกายพร้อมสัตว์เลี้ยง เซราห์เห็นภาพเหล่านี้บ่อยเพราะบางครั้งโรงเรียนก็ไม่ได้เลิกไวนัก เธอจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินชมไปพลาง ทางที่เธอเดินไปนั้น ทอดยาวไปตามแนวต้นไม้สูง ใบไม้แห้งเปลี่ยนสีร่วงลงมาเป็นระยะตลอดทางที่เธอเดินไป ดวงอาทิตย์ก็เลื่อนลงตามเวลา ยิ่งเธอเดินไป ผู้คนก็ยิ่งน้อยลงๆเรื่อยๆ เรื่อยๆ
จนไม่มีใครเลย...
...
เซราห์หันไปมองรอบกาย ก่อนจะหันหลังกลับไป ทางเดินยาวเหยียดที่เธอเดินมา ร้างผู้คน...
คนหายไปไหนหมด...
เซราห์ตั้งสังเกต แล้วเดินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
ยิ่งเธอเดิน ยิ่งเงียบ ยิ่งวังเวง...
และยิ่งเดิน เธอยิ่งรู้สึกเหมือนอยู่อีกที่หนึ่งไปเรื่อยๆ
เซราห์หันกลับไปอีกครั้ง ก็ยังไม่มีใครเช่นเคย
ผู้คนหายไปไหนหมด?
ไม่หรอก! ไม่ได้หาย! พวกเขาแค่อยู่ข้างหลังกับข้างหน้าเราเท่านั้นเอง เดินไปอีกหน่อยข้างหน้าเดี๋ยวก็มีคน ทำไมเธอต้องรู้สึกไม่ดีด้วยนะ คงเป็นเพราะความเงียบที่เกิดขึ้นละมั้ง ที่ทำให้เธอ... กลัว...
เซราห์ปลอบใจตัวเอง ไม่น่า... ทางนี้เธอเดินบ่อยๆนะ มันจะเป็นอะไรไปละ ก็แค่ความเงียบ จะไปกลัวอะไร แค่หันไปเดินต่อเดี๋ยวก็...
!!
เซราห์สะดุ้งสุดตัวเมื่อหันกลับไป ใครบางคนยืนอยู่ไกลๆข้างหน้าเธอ...
ไม่ใช่... ไม่ใช่คน... แมว...
เซราห์ยืนนิ่ง แมวตัวนั้นมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าคนเสียอีก ขนสีดำของมันสะท้อนแสงแดดสีทองแดงจากบนฟ้าราวกับเป็นขนกำมะหยี ใช่! มันต้องเป็นขนกำมะหยี! แน่นอนเลย มันคือชุดมาชคอสแน่เลย แมวที่ไหนจะตัวใหญ่แถมยังสวมผ้าคลุมราชาฟูๆกันมงกุฎราชาเล็กๆบนหัวด้วยละ เซราห์คิดเข้าข้างตัวเอง และมัวแต่คิดเข้าข้างตัวเองจนไม่ได้รู้เลยว่าแมวตัวนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าเธอแล้ว...
เซราห์เงยหน้าขึ้น ท่าทางหวาดหวั่น “สะ สวัสดีค่ะ...” เธอทักทายไปก่อน ถึงจะรู้ว่าคนข้างในคงไม่ได้ยินเพราะเสียงเธอเบามาก
แต่เจ้าแมวกลับยิ้ม
มันยิ้ม!! เซราห์สะดุ้งสุดตัวอีกหน ยิ้มได้ยังไง!!
เซราห์เริ่มกลัว เธอถอยหลังหนีช้าๆจนชนกับใครบางคนข้างหลัง
ไม่นะ... มีอีกตัวงั้นหรอ... เธอคิดอย่างหวาดหวั่น ไม่กล้าหันไปมอง แต่เมื่อใครคนนั้นวางมือลงบนไหล่เธอ เธอก็พบว่าเป็นมือมนุษย์ เซราห์ถอนหายใจ นี่ไงละ! มนุษย์! เธอรีบหันไปหา
ผู้หญิงผมสีทองหยักศกยาวสลวยคนหนึ่งกำลังทำหน้าดุใส่เจ้าแมว ชุดของเธอช่างประหลาดนัก เป็นชุดเดรสยาวระพื้นสีดำมีปาระกายระยิบระยับเหมือนทองฟ้ายามราตรีแขนทั้งสองข้างมีผ้าสีม่วงเข้มบางเบาคล้องไว้หลวมๆ ท่าทางของเธอหยิ่งทะนงและน่าเกรงขามสมกับมงกุฏราชินีที่สวมไว้บนหัว แม้ว่าเธอจะอุ้มกระต่ายตัวใหญ่ในชุดสูททักซิโด้สีแดงไว้ แต่อะไรบางอย่างในตัวเธอก็ทำให้เธอไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลือ และเหมือนกับเธอรู้ว่าเซราห์กำลังกลัว ผู้หญิงคนนี้ก็ก้มลงมายิ้มให้เธอแล้วหันไปสั่นนิ้วใส่เจ้าแมว
เจ้าเหมียวแลบลิ้น แล้วเกาหัวตัวเอง
เซราห์เลือกที่จะเกาะแขนผู้หญิงข้างหลังไว้แน่น รู้สึกกลัวจับใจ กับเจ้าแมวดำปริศนาตรงหน้า
ไม่ใช่แมวแน่ๆ...
ขณะที่เธอกำลังกลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังก็ย่อตัวลงมาจับมือเธอเอาไว้แล้วยิ้ม ก่อนจะชี้ไปที่เจ้าแมวยักษ์แล้วโบกมือ เซราห์เดาว่าเธอคงอยากจะบอกว่ามันไม่อันตราย
จะให้เชื่อยังไงละ... เซราห์คิด แมวปกติที่ไหนตัวใหญ่ขนาดนี้...
และเหมือนจะพิสูจน์ เจ้าเหมียวก็ยกมือ... ไม่สิ อุ้งเท้าออกมาตบกันสองทีแล้วจับอากาศดึงลงมาให้เซราห์ แต่ว่าไม่ใช่อากาศ ในอุ้งเท้านั้นมีดอกดุหลาบหนึ่งดอก
ดอกกุหลาบขาวที่ถูกทาสีย้อมเป็นสีแดง...
มีเสียงพ่นลมออกจมูกข้างๆหูเซราห์ ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเธอขมวดคิ้วใส่เจ้าแมวที่แลบลิ้นออกมาอยู่ระหว่างฟันล้อเธอ
ไม่รู้ทำไม อยู่ๆเธอก็ขำหน้าตาตลกๆของเจ้าเหมียวนี้ขึ้นมา
เสียงหัวเราะของเซราห์ทำให้ทั้งสองชะงักมองดูเธอ ความเงียบที่เกิดอีกครั้งอย่างกะทันหันทำให้เซราห์รีบหยุด แต่ทั้งสองกลับยิ้มกว้าง
ตุบ! เสียงหล่นของอะไรบางอย่างทำให้ทั้งสามหันไปมองต้นเสียง
เจ้ากระต่ายบนอ้อมแขนหญิงสาวกระโดดลงมายืนสองขาบนพื้น มันล้วงเข้าไปในกระเป๋าสูทแล้วหยิบนาฬิกาพกออกมา
“...”
เสียงที่เบายิ่งกว่าเสียงกระซิบดังแว่วที่ข้างหู เซราห์คิดว่าเป็นเสียงของผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังจึงหันไปมอง พบว่าเธอลุกขึ้นยืนและเดินผ่านไปแล้ว
ตามเจ้ากระต่ายที่กำลังวิ่งไปสุดทางเดิน ซึ่งมีแสงส่องมาราวกับเป็นทางออกของถ้ำมันมืดมน...
เซราห์ยืนนิ่ง กำดอกไม้ไว้แน่น นั่นมันอะไร...
เจ้าเหมียวมองดูเธอแล้วยิ้ม ก่อนจะสะกิดเซราห์ ชี้มาหาเธอ ชี้ไปที่ปลายทาง และยื่นอุ้งเท้าให้เธอ
เซราห์ตีความว่า ‘เธอจะไปกับเราไหม?’
เด็กสาวมองเส้นทางตรงหน้า เจ้ากระต่ายวิ่งหายไปแล้วในแสงสว่าง ผู้หญิงคนนั้นที่เคยยืนอยู่ข้างหลังเธอหยุดเดินแล้วหันมามองเหมือนกับจะรอ
จะไปดีไหมนะ... เซราห์คิด ตามไปด้วยดีไหมนะ...
แต่เธอก็ไม่ได้คิดนาน ไม่รู้เพราะอะไร และเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมนะ ทำไมเธอถึงยื่นมือไปวางบนอุ้งมือนั้น...
เกิดแสงสว่างวาบขึ้นที่ปลายทาง กลืนกินทุกอย่างที่กำลังดำมืดเพราะราตรีที่โรยตัว ในชั่ววินาทีที่น่าอัศจรรย์ เซราห์ได้เห็น ‘ดินแดน...’
ความคิดเห็น